Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the NLT. Switch to the NLT to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
อิสยาห์ 6-7

พระยาห์เวห์เรียกอิสยาห์มาเป็นผู้พูดแทนพระองค์

ในปีที่กษัตริย์อุสซียาห์[a]ตาย ผมได้เห็นองค์เจ้าชีวิตนั่งอยู่บนบัลลังก์อันสูงส่ง และส่วนปลายของเสื้อคลุมยาวของพระองค์นั้นปกคลุมพื้นวิหารไปหมด มีพวกทูตสวรรค์เสราฟ[b] ยืนเฝ้าอยู่รอบๆพระองค์ ทูตเสราฟแต่ละองค์มีปีกหกปีก สองปีกปิดหน้าเอาไว้ และอีกสองปีกปิดเท้า[c] ของพวกเขา และสองปีกที่เหลือเอาไว้บิน พวกทูตสวรรค์ ต่างก็กำลังร้องต่อกันและกันว่า

“ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    ทั่วโลกเต็มไปด้วยรัศมีของพระองค์”

รากฐานและธรณีประตูต่างๆสั่นสะเทือนเพราะเสียงร้องของพวกทูตสวรรค์นั้น และวิหารก็เต็มไปด้วยควัน[d]

และผมก็พูดว่า “น่าละอายจริงๆผมจะต้องถูกทำลายแน่ๆ[e] เพราะผมเป็นคนที่มีริมฝีปากที่ไม่สะอาดในสายตาพระเจ้า และผมก็อาศัยอยู่ท่ามกลางคนที่มีริมฝีปากที่ไม่สะอาดเหมือนกัน แต่ดวงตาผมกลับได้เห็นกษัตริย์ คือพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น”

แล้วทูตเสราฟองค์หนึ่งก็บินมาหาผม และมีถ่านหินร้อนๆที่ท่านได้เอาคีมคีบมาจากแท่นบูชา แล้วท่านก็เอามันมาแตะที่ริมฝีปากผม และพูดว่า “ดูสิ ถ่านหินร้อนๆนี้ได้แตะที่ริมฝีปากของเจ้าแล้ว และความผิดของเจ้าก็ได้ถูกขจัดไปแล้ว ความบาปของเจ้าก็ถูกลบไปแล้ว”

และผมก็ได้ยินเสียงขององค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เราจะส่งใครไปดี ใครจะไปแทนพวกเรา”

แล้วผมก็ตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่ครับ ส่งข้าพเจ้าไปเถิด”

แล้วพระองค์ก็พูดว่า “ไปบอกกับคนพวกนี้ว่า

‘ฟังไปเรื่อยๆแต่อย่าเข้าใจ
    ดูต่อไปเรื่อยๆแต่อย่ารู้เรื่อง’
10 ไปทำให้จิตใจของคนพวกนี้ทึบไป
    และทำให้หูของพวกเขาตึง
    และทำให้ตาของพวกเขาปิดสนิท
ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะเห็นด้วยตาของพวกเขา
    และได้ยินกับหูของพวกเขา
และเข้าใจด้วยจิตใจของพวกเขา
    และหันกลับมาหาเรา และได้รับการรักษา”

11 แล้วผมก็ถามว่า “องค์เจ้าชีวิต จะให้ข้าพเจ้าทำอย่างนี้ไปนานแค่ไหนครับ”

พระองค์ตอบว่า

“ทำอย่างนี้ไปจนกว่าเมืองต่างๆจะถูกทำลาย
    จนไม่หลงเหลือใครอยู่ในเมืองพวกนั้นอีก
จนไม่มีใครเหลืออยู่ตามบ้านเรือนต่างๆ
    และจนกว่าแผ่นดินจะถูกทำลายจนร้างไป
12 และจนกว่าพระยาห์เวห์จะส่งประชาชนออกไปแดนไกล
    และแผ่นดินก็ถูกทอดทิ้งไปเกือบหมด
13 ถึงแม้จะเหลือคนอยู่ที่นั่นแค่สิบเปอร์เซ็นต์
    แผ่นดินก็ยังจะถูกเผาอีก
แต่เหมือนกับต้นโอ๊กหรือต้นสนที่เมื่อถูกโค่นจนเหลือแต่ตอ
    แผ่นดินนี้จะมีตอซึ่งก็คือเมล็ดศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถแตกออกมาได้อีก”

อารามก่อปัญหาให้กับยูดาห์

ในช่วงที่อาหัส[f] ลูกของโยธาม ที่เป็นลูกของอุสซียาห์[g] ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ กษัตริย์เรซีนของอาราม[h] และเปคาห์ลูกของเรมาลิยาห์เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล ทั้งเรซีนและเปคาห์ได้บุกขึ้นไปโจมตีเมืองเยรูซาเล็ม แต่ไม่สามารถเอาชนะเมืองนั้นได้ กษัตริย์อาหัสของยูดาห์[i] ได้รับรายงานเรื่องนี้ว่า อารามได้ตั้งค่ายอยู่ในเขตแดนของเอฟราอิม กษัตริย์อาหัสและคนของพระองค์ก็กลัวจนตัวสั่น เหมือนต้นไม้ในป่าที่ถูกลมพัดสั่นไหวไปมา

พระยาห์เวห์พูดกับอิสยาห์ว่า “ให้เจ้าและเชอารยาชูบ[j] ลูกของเจ้า ออกไปหาอาหัส ตรงบริเวณปลายรางน้ำของสระด้านบน ตรงถนนที่มุ่งไปยังทุ่งของคนซักผ้าใหม่ ให้บอกกับอาหัสว่า ‘ระวังตัวให้ดี และใจเย็นๆไม่ต้องกลัว และไม่ต้องใจฝ่อไป เรื่องสองคนนั้นที่ตอนนี้เป็นเหมือนเศษดุ้นฟืนสองดุ้นที่ใกล้จะมอดแล้ว ไม่ต้องไปกลัวที่เรซีน อาราม และเปคาห์ลูกของเรมาลิยาห์โกรธแค้นเจ้า หรือที่อาราม พร้อมกับเอฟราอิม และเปคาห์ลูกของเรมาลิยาห์ ได้วางแผนต่อต้านเจ้า และพูดกันว่า “พวกเราไปบุกยูดาห์กันเถอะ ไปทำให้มันขวัญหนีดีฝ่อ และเอาชนะมัน แล้วตั้งลูกของทาเบเอลขึ้นเป็นกษัตริย์ที่นั่น”’”

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า

“แผนของพวกมันจะไม่สำเร็จ
    และมันจะไม่เกิดขึ้นตามนั้น
เพราะหัวของอารามก็เป็นแค่เมืองดามัสกัสนั่น
    และหัวของดามัสกัสก็เป็นแค่ไอ้เรซีนนั่น
(ภายในหกสิบห้าปี เอฟราอิมจะถูกทำลายแตกเป็นชิ้นๆจนไม่เป็นชนชาติอีกต่อไป)
ส่วนหัวของเอฟราอิมก็เป็นแค่เมืองสะมาเรีย
    และหัวของเมืองสะมาเรียก็เป็นแค่ไอ้ลูกของเรมาลิยาห์คนนั้น
ถ้าเจ้าไม่ยืนหยัดในพระเจ้า
    เจ้าก็จะไม่มีทางยืนอยู่ได้เลย”

อิมมานูเอล พระเจ้าอยู่กับเรา

10 พระยาห์เวห์พูดกับอาหัสอีกครั้งว่า 11 “ขอเราพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าให้ทำอะไรก็ได้ที่พิสูจน์ว่าที่เราพูดนั้นเป็นจริง ขอมาเลย อะไรก็ได้ ไม่ว่าจะมาจากที่ลึกของแดนผู้ตาย หรือมาจากที่สูงถึงฟ้าสวรรค์”

12 แต่อาหัสตอบว่า “ข้าพเจ้าจะไม่ขอหรอกครับ ข้าพเจ้าจะไม่ทดสอบพระยาห์เวห์”

13 แล้วอิสยาห์ก็พูดว่า “อย่างนั้น ฟังให้ดี ครอบครัวของดาวิด ที่เจ้าทำให้มนุษย์หมดความอดทนนั้นยังไม่พออีกหรือ ยังจะต้องมาทำให้พระเจ้าของผมหมดความอดทนไปด้วยหรือ 14 เพราะอย่างนี้แหละ องค์เจ้าชีวิตเองจะให้สิ่งที่พิสูจน์กับเจ้า

ดูนะ หญิงสาวคนนั้น[k]
    ตั้งท้องอยู่
    และกำลังจะคลอดลูกชาย
    เธอจะตั้งชื่อลูกว่า อิมมานูเอล[l]
15 เด็กคนนั้นจะกินเนยและน้ำผึ้ง[m]
    จนถึงเวลาที่เขาเริ่มปฏิเสธอาหารที่ไม่ชอบ
    และเลือกอาหารที่ชอบ[n]
16 เพราะก่อนที่เด็กจะเริ่มปฏิเสธอาหารที่ไม่ชอบ
    และเลือกอาหารที่ชอบเป็น
    แผ่นดินของกษัตริย์สององค์นั้นที่ท่านกลัว
    ก็จะถูกทิ้งให้รกร้างไปแล้ว

17 แต่พระยาห์เวห์จะนำวันเวลาแห่งความเดือดร้อนมาให้กับเจ้ากับคนของเจ้าและกับครอบครัวของเจ้าอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตั้งแต่เอฟราอิมแยกออกมาจากยูดาห์ พระยาห์เวห์จะนำกษัตริย์อัสซีเรีย[o] มาต่อสู้กับเจ้า”

18 ในวันนั้น พระยาห์เวห์จะผิวปากเรียกแมลงวันตัวนั้น ที่อยู่ตามต้นน้ำทั้งหลายของลำธารต่างๆของอียิปต์ และจะผิวปากเรียกผึ้งตัวนั้นที่อยู่ในแผ่นดินของอัสซีเรีย 19 แมลงวันและผึ้งพวกนั้น ก็จะมาตั้งค่ายอยู่ในหุบเขาลึก ตามถ้ำตามหน้าผาต่างๆตามพงหนามและตามหลุมน้ำต่างๆ 20 ในวันนั้น องค์เจ้าชีวิตจะโกนหัวเจ้าและขนที่เท้า[p][q] ด้วยมีดโกนที่เช่ามาจากอีกฝั่งของแม่น้ำยูเฟรติสคือกษัตริย์อัสซีเรียนั่นเอง

21 ในวันนั้น คนหนึ่งจะเหลือได้แค่วัวสาวตัวหนึ่งและแพะสองตัว 22 และเพราะพวกมันให้นมจำนวนมาก คนนั้นก็เอามาทำเนยกิน คนที่ยังคงเหลืออยู่ในแผ่นดินนั้นก็จะกินเนยและน้ำเชื่อมผลไม้ 23 ในวันนั้น สวนองุ่นที่เคยมีเถาองุ่นหนึ่งพันเถาที่มีค่าหนึ่งพันเหรียญเงิน จะมีหญ้าคาและหนามขึ้นรกไปหมด 24 คนก็จะเอาธนูและลูกธนูเข้าไปล่าสัตว์ที่นั่น เพราะทั้งแผ่นดินก็มีแต่พงหญ้าและหนามขึ้นเต็มไปหมด 25 คนจะไม่ขึ้นไปตามเนินเขาพวกนั้นที่เคยมีการถางด้วยจอบอีกต่อไป เพราะจะกลัวความรกของพงหญ้าและหนาม มันจะกลายเป็นที่สำหรับปล่อยฝูงสัตว์ไปหากินและให้ฝูงแพะแกะไปเหยียบย่ำ

2 โครินธ์ 11:16-33

เปาโลเล่าถึงเรื่องความทุกข์ทรมานของตนเอง

16 ขอย้ำอีกทีว่า อย่าให้ใครคิดว่าผมโง่ แต่ถ้าพวกคุณคิดอย่างนั้นก็ช่วยยอมรับผมอย่างคนโง่ๆคนหนึ่งก็แล้วกัน เพื่อผมจะได้โอ้อวดบ้างสักนิด 17 ที่ผมกำลังโอ้อวดตัวเองอยู่นี้ ผมพูดแบบคนโง่ๆนะครับ ไม่ได้พูดอย่างที่องค์เจ้าชีวิตพูดหรอก 18 ในเมื่อมีหลายคนพากันอวดตัวตามมาตรฐานของโลกนี้ ผมก็ขออวดบ้าง 19 ที่พวกคุณยินดีทนฟังพวกโง่ๆนั้นได้ ก็เพราะพวกคุณนี้ช่างฉลาดเสียเหลือเกิน 20 อันที่จริง ถึงแม้เขาจะเอาคุณไปเป็นทาส หลอกกินหลอกใช้คุณ เอารัดเอาเปรียบคุณ ยกตัวเหนือคุณ หรือแม้แต่ตบหน้าคุณ คุณก็ยังจะทนได้เลย 21 ผมอายที่จะต้องบอกว่าเราอ่อนแอเกินไปที่จะทำกับคุณอย่างนั้น

จะให้พูดแบบโง่ๆก็คือ เขากล้าอวดเรื่องอะไร ผมก็กล้าอวดเรื่องนั้นเหมือนกัน 22 เขาอวดว่าเขาเป็นคนฮีบรู[a]หรือ ผมก็เป็นเหมือนกัน เป็นชาวอิสราเอลหรือ ผมก็เป็นด้วย เป็นลูกหลานของอับราฮัมหรือ ผมก็เป็นเหมือนกัน 23 เป็นคนรับใช้ของพระคริสต์หรือ (ผมพูดอย่างคนเสียสติเลย) ผมเป็นมากกว่านั้นเสียอีก ผมทำงานหนักกว่าเขามาก ติดคุกบ่อยกว่าด้วย ถูกเฆี่ยนตีอย่างโหดเหี้ยม เกือบตายหลายครั้ง 24 ผมโดนพวกยิวเฆี่ยนด้วยแส้รวมห้าครั้ง ครั้งละสามสิบเก้าที 25 ถูกตีด้วยกระบองสามครั้ง ถูกหินขว้างหนึ่งครั้ง เรือล่มสามครั้ง ลอยคออยู่ในทะเลหนึ่งวันกับหนึ่งคืน 26 ผมเดินทางหลายครั้งที่ต้องฝ่าอันตรายในแม่น้ำ อันตรายจากโจรผู้ร้าย อันตรายจากคนยิวด้วยกัน และจากคนที่ไม่ใช่ยิว อันตรายทั้งในเมืองและนอกเมือง อันตรายในทะเล และอันตรายจากพี่น้องจอมปลอม 27 ต้องตรากตรำทำงานอย่างหนัก อดหลับอดนอนหลายครั้ง หิวข้าวหิวน้ำ อดอาหารหลายหน หนาวเหน็บและไม่มีเสื้อผ้าใส่กันหนาว 28 นอกจากปัญหาพวกนี้แล้ว ผมยังมีปัญหาที่บีบคั้นผมอยู่ทุกๆวันคือความห่วงใยที่ผมมีต่อหมู่ประชุมของพระเจ้าทั้งหลาย 29 มีใครบ้างที่อ่อนแอ แล้วผมไม่ได้อ่อนแอกับเขาด้วย มีใครบ้างที่ถูกชักนำให้ไปทำบาป แล้วผมไม่เป็นเดือดเป็นแค้นแทน 30 ถ้าผมต้องโอ้อวด ผมก็จะโอ้อวดแต่เรื่องที่แสดงว่าผมอ่อนแอ 31 พระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของพระเยซูเจ้า ผู้ที่คนจะสรรเสริญตลอดไปรู้ว่าผมไม่ได้โกหก 32 ตอนที่ผมอยู่ในเมืองดามัสกัสนั้น ผู้ว่าราชการเมืองของกษัตริย์อาเรทัสสั่งให้ทหารยามเฝ้าประตูไว้เพื่อคอยจับผม 33 แต่ผมถูกหย่อนลงมาในกระเช้าจากช่องกำแพงเมือง และหลบหนีจากเงื้อมมือของเขามาได้

สดุดี 54

พระเจ้าเป็นผู้ช่วยของข้าพเจ้า

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ใช้เครื่องดนตรีประกอบการร้อง บทกวีมัสคิลของดาวิด ในเวลาที่พวกศิฟิมไปหากษัตริย์ซาอูล และบอกเขาว่า “ดาวิดกำลังซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มพวกเรา”[a]

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยอำนาจของพระองค์
    โปรดช่วยสู้คดีของข้าพเจ้า ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
    โปรดเงี่ยหูฟังคำพูดจากปากของข้าพเจ้า
คนแปลกหน้า ต่างลุกฮือขึ้นต่อต้านข้าพเจ้า
    พวกคนโหดร้ายไล่ล่าชีวิตข้าพเจ้า
    พวกเขาไม่แยแสต่อพระเจ้า เซลาห์

ดูเถิด พระเจ้าคือผู้ที่ช่วยเหลือข้าพเจ้า
    องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้าคือผู้ที่ดูแลรักษาชีวิตของข้าพเจ้าอยู่
ขอให้สิ่งชั่วร้ายที่พวกศัตรูวางแผนจะทำกับข้าพเจ้าเกิดขึ้นกับพวกเขาเอง
    โปรดแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นว่าพระองค์ซื่อสัตย์ต่อข้าพเจ้าโดยทำลายพวกเขาด้วยเถิด

แล้วข้าพเจ้าจะถวายเครื่องบูชาที่สมัครใจเอามาเองให้กับพระองค์
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญชื่อของพระองค์เพราะพระองค์นั้นดี
เพราะพระเจ้าช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากความทุกข์ยากต่างๆ
    ข้าพเจ้าได้เห็นศัตรูล้มลงต่อหน้าต่อตา

สุภาษิต 23:1-3

23 เมื่อเจ้านั่งกินอยู่กับผู้มีอำนาจคนหนึ่งของบ้านเมือง
    ให้จำไว้ว่าเจ้ากำลังนั่งกินอยู่กับใคร
ถ้าเจ้าเป็นคนกินจุ
    ก็ให้ยับยั้งใจไว้บ้าง[a]
อย่าได้ตะกละตะกรามนักต่ออาหารที่เลิศหรูนั้น
    เพราะมันอาจจะดูดีแค่เปลือกนอก

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International