Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the CSB. Switch to the CSB to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
อิสยาห์ 33:10-36:22

10 พระยาห์เวห์พูดว่า “ตอนนี้ เราจะลุกขึ้น
    ตอนนี้ เรายกย่องตัวเอง
    ตอนนี้ เราจะให้คนเห็นว่าเรายิ่งใหญ่
11 พวกเจ้าตั้งท้องเป็นแกลบและคลอดฟางออกมา
    แล้วลมหายใจของพวกเจ้า[a] จะเป็นไฟที่เผาผลาญตัวพวกเจ้าไป
12 ชนชาติทั้งหลายจะถูกเผาเป็นผุยผง
    พวกเขาจะถูกเผาไฟเหมือนต้นหนามที่โดนตัดเผาไป”
13 พระยาห์เวห์พูดว่า “พวกเจ้าที่อยู่ไกล ให้ฟังเรื่องที่เราได้ทำ
    พวกเจ้าที่อยู่ใกล้ ให้ยอมรับฤทธิ์อำนาจของเรา”
14 พวกคนบาปในศิโยนกำลังกลัวอยู่
    และคนที่ไม่นับถือพระเจ้าก็สั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว
พวกเขาพูดว่า “มีใครบ้างในพวกเราที่จะทนไฟที่เผาผลาญนี้ได้
    มีใครบ้างในพวกเราที่จะทนได้กับเปลวเพลิงที่เผาอยู่ตลอดเวลา”
15 คำตอบคือ “คนเหล่านั้นที่ใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง คนที่พูดอย่างสัตย์ซื่อ
    คนที่ไม่ยอมรับกำไรจากการกดขี่ข่มเหงคนอื่น
คนที่ปัดสินบนไป แทนที่จะรับมัน
    คนที่ปิดหูไม่ยอมฟังแผนการฆ่านองเลือด และคนที่ปิดตาไม่ยอมมองสิ่งที่ชั่วร้าย
16 คนพวกนี้จะอยู่อย่างปลอดภัย
    ที่ลี้ภัยของพวกเขาจะเป็นป้อมปราการบนภูเขา
    เขาจะมีเสบียงอาหารตลอดเวลาและน้ำก็จะมีไม่ขาด”
17 ดวงตาของเจ้าจะเห็นกษัตริย์ที่สง่างาม
    ดวงตาของเจ้าจะเห็นอาณาจักรของพระองค์ขยายออกไปไกล
18 จิตใจของเจ้าจะคิดถึงเรื่องที่เจ้าเคยหวาดกลัวในอดีตว่า
    “คนที่มาเก็บส่วย ทั้งคนนับและคนชั่งอยู่ที่ไหนแล้ว
    คนสอดแนมที่มานับป้อมปราการอยู่ที่ไหนแล้ว”

19 เจ้าจะไม่ได้เห็นคนต่างชาติที่เย่อหยิ่งจองหองพวกนี้อีก
    ที่พูดแล้วฟังไม่รู้เรื่อง
    ลิ้นที่พูดตะกุกตะกักที่เจ้าไม่เข้าใจ

20 ดูเมืองศิโยนสิ เมืองที่มีเทศกาลประจำปีของพวกเรา
    ดวงตาของเจ้าจะมองเห็นเยรูซาเล็มเป็นที่อยู่ที่ปลอดภัย
เป็นเหมือนเต็นท์ที่จะไม่มีวันเคลื่อนย้ายไปไหน หมุดปักเต็นท์นั้นจะไม่มีวันถูกถอนขึ้นมา
    และพวกเชือกของเต็นท์นั้นจะไม่มีวันขาดไป
21 แต่ที่นั่นพระยาห์เวห์จะอยู่กับเราอย่างมีสง่าราศี
    เหมือนแผ่นดินที่มีแม่น้ำหลายสายและลำธารกว้าง
แต่จะไม่มีเรือพายอันยิ่งใหญ่ของศัตรูแล่นเข้ามา
    และจะไม่มีเรืออันทรงพลังข้ามแม่น้ำเหล่านั้นมาได้
22 เพราะพระยาห์เวห์เป็นผู้พิพากษาของเรา
    พระยาห์เวห์เป็นผู้ให้กฎหมายกับเรา
พระยาห์เวห์เป็นกษัตริย์ของเรา
    พระองค์จะช่วยกู้พวกเรา
23 เจ้าศัตรู สายระโยงใบเรือของเจ้านั้นหย่อนแล้ว
    เชือกที่ยึดให้เสากระโดงเรือแน่นนั้นก็หย่อน
พวกมันกางใบไม่ขึ้น
    ดังนั้นของที่เจ้าปล้นมาได้จะต้องถูกแบ่งกัน
    แม้แต่คนง่อยในพวกเราก็สามารถมาช่วยกันปล้นเจ้าได้
24 จะไม่มีใครที่อาศัยอยู่ในเมืองเราพูดว่า “ฉันไม่สบาย”
    คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นจะได้รับการอภัยโทษสำหรับบาปของพวกเขา

พระเจ้าจะลงโทษศัตรูของพระองค์

34 ชนชาติทั้งหลาย เข้ามาฟังใกล้ๆ
    ผู้คนทั้งหลาย ตั้งใจฟังให้ดี
ให้โลกนี้และทุกอย่างในโลกนี้ได้ยิน
    ให้แผ่นดินโลกและทุกอย่างที่เกิดบนมันได้ยินเถิด
เพราะพระยาห์เวห์โกรธชนชาติทั้งหมด
    พระองค์เดือดดาลต่อกองทัพทั้งหมดของพวกเขา
พระองค์กำหนดให้พวกมันถูกทำลายจนหมดสิ้น
    พระองค์ได้มอบพวกมันให้ไปโดนฆ่า
คนของพวกนั้นที่ถูกฆ่าก็จะถูกโยนทิ้ง
    ซากศพนั้นก็จะส่งกลิ่นเหม็นฟุ้งไปหมด
    เลือดของพวกเขาจะไหลนองทั่วภูเขา
พวกดวงดาวทั้งสิ้นจะสลายหายไป
    ท้องฟ้าก็จะม้วนไปเหมือนหนังสือม้วน
พวกดวงดาวนั้นก็จะร่วงหล่นไปเหมือนกับใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นจากเถาองุ่น
    หรือเหมือนลูกมะเดื่อเหี่ยวที่ร่วงหล่นจากต้นมะเดื่อ
เมื่อดาบของเราได้สำเร็จภารกิจในฟ้าสวรรค์แล้ว
    มันก็จะฟาดลงมาที่เอโดม[b]
    ลงมาบนผู้คนที่เราได้กำหนดให้ถูกทำลายและถูกลงโทษ
พระยาห์เวห์มีดาบเล่มหนึ่ง
    มันอาบไปด้วยเลือดและไขมัน
    มันเป็นเลือดของพวกลูกแกะและแพะ
    และไขมันจากไตของพวกแกะตัวผู้
เพราะพระยาห์เวห์กำลังฆ่าเครื่องบูชานี้ที่โบสราห์[c]
    มีการฆ่าครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในแผ่นดินเอโดม
วัวป่า[d] จะล้มไปด้วย
    และลูกวัวผู้จะล้มไปกับวัวผู้อันแข็งแรง
แผ่นดินของพวกเขาจะโชกไปด้วยเลือด
    และพื้นดินของเขาก็จะอาบไปด้วยไขมันสัตว์
เพราะพระยาห์เวห์ได้เลือกวันแห่งการลงโทษ
    และปีสำหรับการแก้แค้นให้กับคดีของศิโยน
ลำธารต่างๆของเอโดมจะกลายเป็นยางมะตอย
    และดินของมันก็จะกลายเป็นกำมะถัน
    แผ่นดินของมันจะกลายเป็นเหมือนยางมะตอยที่ลุกไหม้อยู่
10 ไฟของมันจะเผาทั้งวันทั้งคืนไม่มีวันดับ
    ควันก็จะลอยขึ้นมาอยู่ตลอดไป
เอโดมจะกลายเป็นที่ร้างว่างเปล่าตลอดชั่วลูกชั่วหลาน
    และจะไม่มีใครเดินทางผ่านมันอีกตลอดไป
11 แต่พวกเหยี่ยวและพวกเม่นจะมาเป็นเจ้าของ
    พวกนกฮูกและพวกอีกาก็จะมาอยู่กันที่นั่น
พระเจ้าก็จะสำรวจรังวัดแผ่นดินเอโดม
    และทำให้มันว่างเปล่าและมีสภาพยุ่งเหยิงเหมือนกับตอนที่ยังไม่ได้สร้างโลกนี้
12 จะไม่มีอะไรหลงเหลือให้เรียกว่าเป็นอาณาจักรอีกเลย
    พวกเจ้านายของมันก็จะกลายเป็นสิ่งไร้ค่า
13 พวกพงหนามก็จะขึ้นตามป้อมปราการของมัน
    พวกต้นตำแยและพวกต้นไมยราบก็จะขึ้นในเมืองที่มีกำแพง
มันจะกลายเป็นบริเวณที่หมาป่าอยู่กัน
    เป็นที่อยู่ของนกฮูก
14 พวกแมวป่าก็จะมาเจอกับพวกหมาป่า
    พวกแพะป่าก็ส่งเสียงเรียกกัน
พวกสัตว์กลางคืน[e] ก็จะมาอยู่กันที่นั่นด้วย
    เพื่อหาที่พักผ่อน
15 พวกนกฮูก[f] ก็จะมาทำรังและวางไข่และกกไข่ไว้และรวบรวมลูกๆไว้ใต้ปีกของพวกมัน
    อีแร้งก็จะมารวมกันที่นั่น อยู่คู่ใครคู่มัน
16 ให้ค้นหาในหนังสือม้วนของพระยาห์เวห์และอ่านดู
    จะไม่มีสัตว์สักตัวที่ขาดไป
    จะไม่มีสักตัวเลยที่ขาดคู่ของมัน
เพราะพระยาห์เวห์ได้พูดไว้ว่าอย่างนั้น
    และพระวิญญาณของพระองค์ได้รวบรวมพวกมันไว้
17 พระองค์ได้จัดสรรที่ดินให้กับพวกมัน
    และมือของพระองค์ได้ใช้สายวัดแบ่งแผ่นดินให้กับพวกมัน
พวกมันจะเป็นเจ้าของแผ่นดินนั้นตลอดไป
    พวกมันจะอยู่ที่นั่นรุ่นแล้วรุ่นเล่า

พระเจ้าจะปลอบโยนคนของพระองค์

35 1-2 ทะเลทรายและแผ่นดินที่แห้งแล้งจะมีความสุข
    ทะเลทรายจะดีใจและผลิดอก
มันจะออกดอกมากมายเหมือนดอกหญ้า
    มันจะชื่นชมยินดีด้วยความสุขและการร้องเพลง
มันจะมีสง่าราศีเหมือนป่าแห่งเลบานอน
    มันจะสง่างามเหมือนภูเขาคารเมลและที่ราบชาโรน
คนจะเห็นถึงสง่าราศีของพระยาห์เวห์
    จะเห็นความสง่างามของพระเจ้าของเรา
ให้เสริมกำลังให้กับคนที่มีมือเหนื่อยล้า
    และช่วยคนที่หัวเข่าอ่อนแอให้มั่นคง
ให้พูดกับคนที่มีจิตใจที่ขลาดกลัวว่า
    “ให้เข้มแข็งไว้ ไม่ต้องกลัว
นี่ไงพระเจ้าของพวกท่าน
    พวกศัตรูของท่านจะถูกลงโทษ
เป็นการแก้แค้นของพระเจ้า
    พระองค์จะมาและช่วยกู้พวกท่าน”
แล้วตาของคนตาบอดก็จะเปิด
    และหูของคนหูหนวกก็จะไม่ตันอีกแล้ว
แล้วคนง่อยก็จะกระโดดเหมือนกับกวาง
    และลิ้นของคนใบ้ก็จะร้องเพลงอย่างมีความสุข
เพราะน้ำจะทะลักออกมาในทะเลทราย
    และเกิดลำธารขึ้นในทะเลทราย
ทะเลทรายที่ร้อนระอุ[g] จะกลายเป็นทะเลสาบ
    ดินที่กระหายน้ำจะมีตาน้ำเต็มไปหมด
ในบริเวณที่หมาป่าอยู่และนอนพักกัน
    หญ้าจะกลายเป็นต้นอ้อกับต้นกก
จะมีทางหลวงเกิดขึ้นที่นั่น
    และมันจะมีชื่อว่า “ถนนอันศักดิ์สิทธิ์”
คนที่ไม่บริสุทธิ์จะไม่เดินทางบนถนนนั้น
    มันมีไว้สำหรับคนของพระเจ้าเดินเท่านั้น
    พวกคนโง่[h] จะไม่ได้เดินผ่านไปมาบนมัน
จะไม่มีสิงโตที่นั่น
    และจะไม่มีสัตว์ร้ายมาย่างกรายที่นั่น
จะไม่พบพวกมันที่นั่น
    แต่คนที่พระเจ้าได้ไถ่ตัวไว้แล้วจะเดินบนถนนเส้นนั้น
10 คนเหล่านั้นที่พระยาห์เวห์ได้ไถ่ให้เป็นอิสระแล้ว
    จะกลับมาที่ศิโยนด้วยเสียงโห่ร้องดีใจ
ความสุขจะสวมอยู่บนหัวของพวกเขาตลอดไป
    ความชื่นชมยินดีก็จะท่วมท้นพวกเขา
    ความเศร้าโศกและการครวญครางจะวิ่งหนีไปจากพวกเขา

อัสซีเรียบุกยูดาห์

(2 พกษ. 18:13-37; 2 พศด. 32:1-19)

36 ในช่วงปีที่สิบสี่[i] ที่กษัตริย์เฮเซคียาห์[j] ปกครองยูดาห์ กษัตริย์เซนนาเคอริบ[k] ของอัสซีเรียได้ยกทัพขึ้นมาโจมตีเมืองต่างๆที่มีป้อมปราการของยูดาห์ และยึดเมืองเหล่านั้นไว้ได้ กษัตริย์อัสซีเรียได้ส่งแม่ทัพของเขาพร้อมกับกองทัพใหญ่จากเมืองลาคีช ไปหากษัตริย์เฮเซคียาห์ที่เมืองเยรูซาเล็ม แม่ทัพนั้นได้มาหยุดอยู่ข้างๆรางน้ำของสระด้านบน ตรงถนนที่มุ่งไปยังทุ่งของคนซักผ้า มีสามคนออกไปหาแม่ทัพคนนั้นที่นั่น คือเอลียาคิมผู้ดูแลวัง ที่เป็นลูกชายของฮิลคียาห์ เชบนาเลขานุการของกษัตริย์ และโยอาห์ผู้จดบันทึกที่เป็นลูกชายของอาสาฟ

แม่ทัพได้พูดกับพวกเขาว่า “ไปบอกเฮเซคียาห์ว่า กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ คือกษัตริย์อัสซีเรีย พูดอย่างนี้ว่า

‘ทำไมเจ้าถึงได้มีความเชื่อมั่นขนาดนี้ ข้อตกลงกับพันธมิตรที่เจ้าหวังพึ่งนั้นมันก็แค่เพียงคำพูด เจ้าคิดว่ามันจะใช้แทนกลยุทธ์และกำลังทหารในสงครามได้หรือ เดี๋ยวนี้เจ้าไปพึ่งใครหรือ ถึงกล้ามากบฏกับเรา ดูดีๆว่าเจ้ากำลังพึ่งอียิปต์ ซึ่งเป็นเหมือนไม้เท้าต้นอ้อที่เดาะแล้ว ถ้าใครไปค้ำยันมัน มันก็จะแตกและเสียบมือของคนนั้น ฟาโรห์กษัตริย์ของอียิปต์ ก็จะเป็นอย่างนั้นกับคนที่มาพึ่งพิงเขา

แต่ถ้าเจ้าจะบอกเราว่า “เราเชื่อพึ่งในพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา” อ้าว เฮเซคียาห์ได้รื้อพวกสถานที่นมัสการและแท่นบูชาของพระนั้นทิ้งไปแล้วไม่ใช่หรือ และสั่งคนยูดาห์และคนในเยรูซาเล็มว่า “พวกเจ้าต้องนมัสการที่แท่นบูชานี้ที่อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเท่านั้น”

ตอนนี้ มาทำข้อตกลงกับกษัตริย์ของอัสซีเรีย เจ้านายของข้าดีกว่า ข้าจะให้ม้ากับเจ้าสองพันตัว ถ้าเจ้ามีปัญญาหาคนมาขี่พวกมันได้ ในเมื่อเจ้าและอียิปต์อ่อนแอซะขนาดนี้ เจ้ายังจะปฏิเสธอำนาจของข้าราชการตัวเล็กๆของเจ้านายข้า แล้วไปหวังพึ่งรถรบและทหารม้าของอียิปต์อีกหรือ

10 และตอนนี้ เจ้าคิดว่าที่ข้าขึ้นมาโจมตีแผ่นดินนี้เพื่อทำลายมัน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพระยาห์เวห์อย่างนั้นหรือ เป็นพระยาห์เวห์เองที่พูดกับข้าว่า “ขึ้นไปโจมตีแผ่นดินนี้และทำลายมันซะ”’”

11 แล้วเอลียาคิม เชบนา และโยอาห์ ตอบกับแม่ทัพไปว่า “ช่วยพูดกับพวกเราผู้รับใช้ของท่านเป็นภาษาอารเมคด้วยเถิด เพราะพวกเราเข้าใจภาษานั้น อย่าพูดกับพวกเราเป็นภาษาฮีบรูเลย เพราะไม่อยากให้พวกนั้นที่อยู่บนกำแพงได้ยิน”

12 แต่แม่ทัพนั้นตอบว่า “เจ้าคิดว่า เจ้านายข้าส่งข้ามาเพื่อพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้านายเจ้า และกับเจ้าเท่านั้นหรือยังไง เขาส่งให้ข้ามาพูดกับไอ้คนพวกนั้นที่นั่งอยู่บนกำแพงด้วย ไอ้พวกนั้นก็จะต้องกินขี้และเยี่ยวของตัวเอง[l]เหมือนกับพวกเจ้านั่นแหละ”

13 แล้วแม่ทัพก็ยืนขึ้นและร้องตะโกนเสียงดังเป็นภาษาฮีบรูว่า

“นี่เป็นคำพูดของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ คือกษัตริย์อัสซีเรีย 14 พระองค์พูดว่าอย่างนี้ ‘อย่าให้เฮเซคียาห์หลอกลวงเจ้า เพราะเขาไม่สามารถช่วยกู้พวกเจ้าได้หรอก 15 และอย่าให้เฮเซคียาห์ทำให้พวกเจ้าคิดจะพึ่งพระยาห์เวห์ เมื่อเขาพูดว่า “พระยาห์เวห์จะช่วยกู้พวกเราอย่างแน่นอน พระยาห์เวห์จะไม่ยอมให้เมืองนี้ตกไปอยู่ในกำมือของกษัตริย์อัสซีเรียเป็นอันขาด”

16 อย่าไปฟังเฮเซคียาห์ เพราะกษัตริย์อัสซีเรียพูดไว้ว่าอย่างนี้ “มาทำสัญญาสงบศึกกับข้าและออกมาจำนนต่อข้า แล้วพวกเจ้าแต่ละคนก็จะได้กินจากต้นองุ่นและต้นมะเดื่อของตัวเอง และดื่มจากบ่อเก็บน้ำของตน 17 จนกว่าเราจะมาและพาพวกเจ้าไปยังแผ่นดินที่เหมือนกับแผ่นดินของเจ้านี้ เป็นแผ่นดินที่มีข้าวและเหล้าองุ่นใหม่ มีขนมปังและสวนองุ่น”

18 ระวังให้ดี อย่าให้เฮเซคียาห์ทำให้เจ้าหลงผิดไป เมื่อเขาพูดว่า “พระยาห์เวห์จะช่วยกู้พวกเรา” เราขอถามเจ้าว่า “มีพระของชาติไหนบ้างที่เคยช่วยแผ่นดินของพวกเขาให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรีย” 19 พวกพระของเมืองฮามัท[m]กับเมืองอารปัดไปไหนแล้ว พระของเมืองเสฟารวาอิมไปไหนแล้ว พวกพระของสะมาเรียสามารถช่วยกู้สะมาเรียจากเงื้อมมือของข้าได้หรือ 20 ในพวกพระทั้งหมดของประเทศเหล่านี้ มีพระองค์ไหนบ้างได้ช่วยประเทศของพวกเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของข้า แล้วเจ้ายังคิดว่าพระยาห์เวห์จะสามารถช่วยเยรูซาเล็มให้พ้นจากเงื้อมมือข้าได้หรือ’”

21 แต่พวกเขาก็เงียบ ไม่ได้ตอบเขาสักคำ เพราะกษัตริย์เฮเซคียาห์ได้สั่งไว้ว่า “อย่าไปตอบมัน”

22 แล้วเอลียาคิมผู้ดูแลวัง ที่เป็นลูกชายของฮิลคียาห์ เชบนา เลขานุการของกษัตริย์ และโยอาห์ผู้จดบันทึกที่เป็นลูกชายของอาสาฟ ได้ไปหาเฮเซคียาห์ใส่เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งที่พวกเขาฉีกด้วยความโศกเศร้า และพวกเขาก็รายงานกษัตริย์ถึงสิ่งที่แม่ทัพนั้นพูด

กาลาเทีย 5:13-26

13 พี่น้องครับ พระเจ้าเรียกคุณมาใช้ชีวิตอย่างอิสระ แต่อย่าใช้ความเป็นอิสระนั้นมาเป็นข้ออ้างที่จะทำตามสันดานที่เห็นแก่ตัว แต่ให้รับใช้กันและกันด้วยความรัก 14 เพราะกฎทั้งหมดสรุปออกมาได้ข้อเดียว คือ “รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง”[a] 15 แต่ถ้าคุณยังคงฉีกเนื้อกัดกินกันเหมือนสัตว์ป่า ระวังให้ดี เพราะจะย่อยยับด้วยกันทั้งหมด

พระวิญญาณกับสันดาน

16 แต่ผมขอบอกว่า ให้ใช้ชีวิตตามพระวิญญาณ แล้วคุณจะไม่ทำตามกิเลสตัณหาของสันดาน 17 ความต้องการของพระวิญญาณนั้นขัดแย้งกับกิเลสตัณหาของสันดาน ทั้งสองจึงต่อต้านกันโดยตรง เพื่อขัดขวางไม่ให้คุณทำในสิ่งที่คุณอยากจะทำ 18 แต่ถ้าคุณยอมให้พระวิญญาณนำชีวิตของคุณ คุณก็ไม่อยู่ภายใต้กฎอีกต่อไป

19 การกระทำที่เกิดจากสันดานมนุษย์ก็เห็นได้ชัดเจนคือ ความผิดบาปทางเพศ ความไม่บริสุทธิ์ ความคิดสกปรก กิเลสตัณหา 20 การนับถือรูปเคารพ การใช้เวทมนตร์คาถา[b] การเป็นศัตรูกัน การขัดแย้งกัน การริษยาอาฆาตกัน การโกรธเคืองกัน การชิงดีชิงเด่นกัน การไม่ลงรอยกัน การแบ่งพรรคแบ่งพวก 21 การอิจฉา การเมาเหล้า การมั่วสุมกันในงานเลี้ยง เป็นต้น ขอเตือนอีกครั้งอย่างที่เคยเตือนมาแล้วว่า คนที่ทำอย่างนี้จะไม่ได้รับอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดกอย่างแน่นอน 22 แต่ผลของพระวิญญาณคือ ความรัก ความชื่นชมยินดี สันติสุข ความอดทน การมีน้ำใจ ความดี ความซื่อสัตย์ 23 ความอ่อนโยน และการรู้จักควบคุมตนเอง สิ่งเหล่านี้ไม่ขัดแย้งกับกฎข้อไหน[c] 24 คนที่เป็นของพระเยซูคริสต์ ได้เอาสันดานมนุษย์พร้อมกับกิเลสตัณหาและความใคร่ที่มาจากมัน ไปตรึงไว้บนไม้กางเขนแล้ว 25 พระวิญญาณได้ให้ชีวิตกับเราแล้ว อย่างนั้นเราจึงควรจะติดตามพระวิญญาณในทุกสิ่งที่เราทำ 26 อย่าอวดดี ยั่วโมโหหรืออิจฉากันเลย

สดุดี 64

พระเจ้าจะลงโทษพวกวางแผนชั่ว

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด

ข้าแต่พระเจ้า โปรดฟังข้าพเจ้าด้วยเมื่อข้าพเจ้าร้องทุกข์
    โปรดปกป้องข้าพเจ้าจากการขู่เข็ญของศัตรู[a] ด้วยเถิด
โปรดปกป้องคุ้มครองข้าพเจ้าจากแผนการของคนชั่วร้ายเหล่านั้น
    โปรดซ่อนข้าพเจ้าจากกลุ่มชนที่อึกทึกชั่วช้านั้น
ลิ้นพวกเขาเหมือนดาบแหลมคม
    คำพูดอันขมขื่นของพวกเขาเหมือนธนูที่ง้างพร้อมยิง
อยู่ๆพวกเขาก็ยิงธนูใส่คนบริสุทธิ์
    พวกเขายิงจากที่หลบซ่อนอย่างไม่กลัวใคร
พวกคนชั่วให้กำลังใจต่อกันในการทำชั่ว
    พวกเขาพูดกันถึงเรื่องการวางกับดัก
    เขาพูดกันว่า “ไม่มีใครเห็นสิ่งที่พวกเรา[b] กำลังทำอยู่นี้หรอก”
พวกเขาวางแผนทำเรื่องร้ายๆที่ไม่ยุติธรรม
    แล้วพูดกันว่า “เราคิดแผนการที่ไม่มีช่องโหว่เลย”
    จิตใจของมนุษย์นั้นสุดลึกล้ำหยั่งถึง

แต่พระเจ้าจะยิงธนูใส่พวกเขา
    และคนเหล่านั้นจะถูกยิงในพริบตา
พระองค์จะทำให้คนพวกนั้นสะดุดลิ้นของตัวเอง
    และทุกคนที่พบเห็นพวกเขาก็จะสั่นสะท้าน
ทุกคนจะเกรงกลัว
    พวกเขาจะคิดถึงและเล่าเรื่องสิ่งที่พระเจ้าได้ทำไปนั้น
10 คนที่ทำตามใจพระยาห์เวห์จะชื่นชมยินดีและลี้ภัยในพระองค์
    ทุกคนที่มีใจซื่อตรงจะโอ้อวดเรื่องพระองค์

สุภาษิต 23:23

23 ให้ซื้อความจริงและอย่ายอมขายมันไป
    ให้ซื้อความฉลาด การสั่งสอน และความเข้าใจ

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International