The Daily Audio Bible
Today's audio is from the GW. Switch to the GW to read along with the audio.
6 เยรูซาเล็มเอ๋ย เราได้ตั้งพวกยามไว้บนกำแพงทั้งหลายของเจ้า
เขาจะร้องอธิษฐานตลอดวันตลอดคืนไม่นิ่งเงียบ
พวกเจ้าที่ร้องขอให้พระยาห์เวห์ช่วยเหลือ อย่ายอมหยุดพักเลย
7 และอย่าให้พระองค์หยุดพักด้วย
จนกว่าพระองค์จะตั้งเยรูซาเล็มขึ้นมาใหม่
จนกว่าพระองค์จะทำให้เยรูซาเล็มเป็นเมืองที่คนทั่วโลกยกย่อง
8 พระยาห์เวห์ได้สาบานด้วยการยกมือขวาและแขนอันทรงพลังของพระองค์ว่า
“เราจะไม่ให้เมล็ดข้าวของเจ้าตกไปเป็นอาหารของพวกศัตรูของเจ้าอีกต่อไป
เราจะไม่ให้พวกคนต่างชาติได้ดื่มเหล้าองุ่นใหม่ของเจ้า ที่เจ้าได้มาจากการทำงานอย่างหนัก
9 แต่พวกที่เก็บเกี่ยวเมล็ดข้าวก็จะได้กินมัน และพวกเขาจะสรรเสริญพระยาห์เวห์
และคนพวกนั้นที่เก็บผลองุ่นจะได้ดื่มเหล้าองุ่นในลานวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา”
10 ออกไป ออกไปทางประตูเมือง
ไปเตรียมถนนให้กับประชาชน
สร้างมันขึ้นมา สร้างทางหลวงขึ้นมา
เก็บหินทิ้งข้างทางให้หมด
ยกธงขึ้นเป็นสัญญาณให้ชนชาติทั้งหลายเห็น
11 ดูสิ พระยาห์เวห์ได้ประกาศไปถึงสุดปลายโลกว่า “ให้บอกนางสาวศิโยนว่า
‘ดูสิ ความรอดของเธอกำลังมา
พระองค์เอารางวัลมาให้
พระองค์จะจ่ายค่าตอบแทนให้’
12 คนจะเรียกพวกเขาว่าคนของพระเจ้าโดยเฉพาะ
พวกที่พระยาห์เวห์ได้ปลดปล่อยให้เป็นอิสระ
และศิโยน เจ้าจะได้ชื่อว่าผู้ที่พระเจ้าอยากได้
เมืองที่พระเจ้าไม่ได้ทอดทิ้ง”
พระยาห์เวห์ลงโทษชนชาติต่างๆ
63 คนยามร้องตะโกนว่า ใครกันนั่นที่กำลังมาจากเอโดม
ใครกันนั่นที่มาจากเมืองโบสราห์ เสื้อผ้าของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยสีแดง
ใครกันนั่น แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าอย่างดี
มุ่งหน้ามาด้วยพลังอันแข็งแกร่ง
พระยาห์เวห์พูดว่า “เป็นเราเอง เราชนะแล้ว เรามีพลังอันเกรียงไกรที่จะช่วยให้เจ้ารอดได้”
2 ทำไมเสื้อผ้าของท่านถึงเปื้อนสีแดง
ทำไมเสื้อผ้าของท่านถึงเหมือนกับคนเหล่านั้นที่เดินย่ำอยู่ในบ่อองุ่น
3 พระองค์ตอบว่า “เราเหยียบย่ำองุ่นอยู่ในบ่อเพียงคนเดียว
ไม่มีชนชาติไหนช่วยเราเลย
เราเหยียบย่ำพวกชนชาติเหล่านั้นด้วยความโกรธ เราได้บดขยี้พวกมันด้วยความโกรธแค้น
เลือดของพวกมันกระเด็นใส่เสื้อผ้าเรา
เราได้ทำให้เสื้อผ้าของเราเปรอะเปื้อนไปหมด
4 ตอนนั้น เราได้กำหนดวันลงโทษชนชาติต่างๆ
ตอนนั้น ปีที่จะปลดปล่อยคนของเราให้เป็นอิสระได้มาถึงแล้ว
5 เรามองไป แต่ไม่มีใครมาช่วย
เราแปลกใจมากที่ไม่มีใครสนับสนุนเรา
เราก็เลยชนะด้วยแขนอันทรงพลังของเราเอง
ความโกรธของเราเองสนับสนุนเรา
6 เราได้เหยียบย่ำชนชาติต่างๆด้วยความโกรธ
เราได้บดขยี้พวกมัน[a] ด้วยความโกรธแค้น
เราได้เทเลือดของพวกมันลงบนพื้น”
พระยาห์เวห์แสดงความเมตตาต่อคนของพระองค์
7 ผมจะเล่าถึงเรื่องต่างๆที่พระยาห์เวห์ได้แสดงความเมตตากับเรา
เป็นเรื่องที่น่ายกย่องสรรเสริญ
เราควรจะสรรเสริญพระองค์สำหรับเรื่องทุกอย่างที่พระองค์ทำเพื่อพวกเรา
สำหรับความดีงามที่ยิ่งใหญ่ที่พระองค์มีต่อครอบครัวของอิสราเอล
พระองค์ได้แสดงความเมตตาปรานีต่อพวกเรา
พระองค์ได้ช่วยพวกเราด้วยความรักมั่นคงครั้งแล้วครั้งเล่า
8 พระองค์พูดว่า “ใช่แล้ว พวกนี้เป็นคนของเราแน่ เป็นลูกๆที่จะไม่มีวันทรยศเรา”
พระองค์ถึงได้มาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเขา
9 ไม่ใช่ผู้ส่งข่าว ไม่ใช่ทูตสวรรค์
แต่เป็นพระองค์เองที่ช่วยพวกเขาจากความทุกข์ร้อนทั้งหมดของพวกเขา
พระองค์ได้ไถ่พวกเขาไว้เพราะพระองค์รักและสงสารพวกเขา
ในอดีตนั้นพระองค์ยกพวกเขาขึ้นมาอุ้มอยู่เสมอ
10 แต่พวกเขากลับกบฏและทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์เสียใจ
พระองค์จึงกลายเป็นศัตรูของพวกเขา
แล้วพระองค์เองได้ต่อสู้กับพวกเขา
11 ต่อมาพวกเขาก็ได้คิดถึงวันเก่าก่อน
คนของพระองค์ได้คิดถึงโมเสส
พวกเขาคิดในใจว่า พระผู้นั้นที่นำฝูงแกะของพระองค์พร้อมพวกผู้เลี้ยงผ่านทะเลขึ้นมา ไปอยู่ไหนแล้ว
พระผู้นั้นที่ใส่พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ไว้ในตัวโมเสส
12 และจูงท่านไปด้วยมือที่เต็มไปด้วยพลังและสง่าราศีของพระองค์ หายไปไหนแล้ว
พระผู้นั้นที่แหวกน้ำต่อหน้าพวกเขาเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับพระองค์เองตลอดไป หายไปไหนแล้ว
13 ผู้ที่นำพวกเขาเดินผ่านน้ำลึกไป หายไปไหนแล้ว
พวกเขาไม่ได้สะดุดล้ม พวกเขาเป็นเหมือนม้าที่เดินอยู่ในที่ราบเรียบ
14 พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ให้พวกเขาพักผ่อน
เหมือนกับฝูงวัวที่ลงไปอยู่ในหุบเขาเขียวชอุ่ม
อย่างนี้พระองค์ได้นำคนของพระองค์
เพื่อพระองค์จะได้สร้างชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ให้กับพระองค์เอง
อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ให้ช่วยคนของพระองค์
15 ตอนนี้ขอโปรดมองลงมาจากฟ้าสวรรค์และสังเกตพวกเราสิ
มองลงมาจากบ้านอันศักดิ์สิทธิ์และสง่างามของพระองค์เถิด
ความรักอันร้อนแรงของพระองค์และฤทธิ์อำนาจของพระองค์หายไปไหนหมดแล้ว
ความรักใคร่และความเมตตาปรานีของพระองค์หายไปไหนหมดแล้ว
ทั้งหมดนั้นถูกยั้งไว้จากพวกเรา
16 พระองค์คือพ่อของพวกเรา
ถึงอับราฮัมจะจำพวกเราไม่ได้และอิสราเอลจะบอกว่าไม่รู้จักเรา
แต่พระองค์ พระยาห์เวห์ก็ยังจะเป็นพ่อของพวกเราอยู่ดี
ชื่อของพระองค์ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้วคือ “ผู้ปกป้องเรา”
17 พระยาห์เวห์เจ้าข้า ทำไมพระองค์ถึงปล่อยให้เราหลงไปจากทางทั้งหลายของพระองค์
และปล่อยให้จิตใจของเราแข็งกระด้างจนไม่ยำเกรงพระองค์
กลับมาเถิด เพื่อช่วยพวกผู้รับใช้ของพระองค์
เพื่อช่วยเผ่าต่างๆซึ่งเป็นทรัพย์สมบัติของพระองค์เอง
18 ชนชาติศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ได้เป็นเจ้าของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์แค่ช่วงสั้นๆ
แต่ตอนนี้ศัตรูของพวกเราได้เหยียบย่ำสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์แล้ว
19 นานมาแล้วที่พวกเราเป็นเหมือนคนพวกนั้นที่พระองค์ไม่ได้ครอบครอง
เหมือนคนเหล่านั้นที่ไม่ได้เป็นคนของพระองค์
64 อยากให้พระองค์แหวกสวรรค์ลงมาเหลือเกิน
พวกภูเขาต่างๆจะได้สั่นไหว[b] ต่อหน้าพระองค์
2 ขอลงมาทำให้ศัตรูของพระองค์ได้เจอกับตัวจริงของพระองค์
ชนชาติทั้งหลายจะได้กลัวจนตัวสั่นต่อหน้าพระองค์
เหมือนกับกิ่งไม้เจอไฟ
หรือหม้อน้ำตั้งบนไฟ
3 พระองค์ได้ทำสิ่งอัศจรรย์ต่างๆที่เราคิดไม่ถึง
คือพระองค์ได้ลงมาและภูเขาทั้งหลายต่างสั่นไหวต่อหน้าพระองค์
4 ตั้งแต่เก่าก่อน ไม่มีใครเคยได้ฟัง
ไม่มีหูไหนเคยได้ยิน
ไม่มีลูกตาไหนเคยเห็นเทพเจ้าองค์ไหนที่ช่วยคนเหล่านั้นที่หวังพึ่งมัน
นอกจากพระองค์
5 พระองค์มาช่วยคนเหล่านั้นที่มีความสุขในการทำสิ่งที่ถูกต้อง
ที่ยอมรับพระองค์ด้วยการใช้ชีวิตในแนวทางทั้งหลายของพระองค์
เมื่อก่อนตอนที่พระองค์โกรธ พวกเราก็ทำบาปมากยิ่งขึ้นต่อพระองค์
แล้วพวกเราก็ยังทำบาปเหล่านั้นมาเรื่อยๆ แล้วตอนนี้เราจะรอดได้ยังไง
6 พวกเราทุกคนได้กลายเป็นเหมือนของแปดเปื้อนไปแล้ว
การทำดีทั้งหลายของเราเป็นเหมือนผ้าอนามัยใช้แล้ว
พวกเราทุกคนก็เหี่ยวแห้งไปเหมือนใบไม้
แล้วความบาปทั้งหลายของเราก็เป็นเหมือนลมที่เป่าเราให้ปลิวไป
7 ไม่มีใครร้องเรียกชื่อของพระองค์
หรือพยายามคว้าพระองค์ไว้
เพราะพระองค์ได้หันหน้าไปจากพวกเราแล้ว
และพระองค์ได้ใช้ความบาปของพวกเราหลอมละลายพวกเราไป
8 แต่พระยาห์เวห์เจ้าข้า พระองค์ยังเป็นพ่อของพวกเราอยู่นะ เราเป็นดินเหนียว และพระองค์เป็นช่างปั้นเรา
เราทุกคนเป็นฝีมือของพระองค์
9 พระยาห์เวห์เจ้าข้า อย่าได้โกรธมากเกินไปเลย
อย่าได้จดจำความผิดบาปของพวกเราตลอดไป
โปรดมองพวกเราหน่อย เราทุกคนเป็นชนชาติของพระองค์
10 เมืองศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของพระองค์ได้กลายเป็นทะเลทรายไปแล้ว
ศิโยนได้กลายเป็นทะเลทราย
เยรูซาเล็ม ได้กลายเป็นที่รกร้างไปแล้ว
11 วิหารอันศักดิ์สิทธิ์และสวยงามของพวกเรา
ซึ่งเป็นที่ที่บรรพบุรุษของพวกเราใช้สรรเสริญพระองค์นั้นถูกไฟเผาไปแล้ว
และของที่มีค่าทั้งหมดของพวกเราก็ถูกทำลายไปจนหมดสิ้น
12 พระยาห์เวห์เจ้าข้า ขนาดเกิดเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว พระองค์ยังจะรั้งมือไม่ช่วยพวกเราอีกหรือ
พระองค์ยังจะเงียบๆอยู่หรือ และลงโทษพวกเรามากเกินไปหรือ
การตัดสินอันยุติธรรมของพระยาห์เวห์ต่ออิสราเอล
65 พระยาห์เวห์ตอบว่า “ตอนนั้น เราพร้อมที่จะให้คนพวกนั้นที่ไม่ได้เรียกหาเรา ได้เข้ามาใกล้เรา
ตอนนั้นเราพร้อมที่จะให้คนพวกนั้นที่ไม่ได้ตามหาเรา ได้เจอกับเรา
เราได้พูดกับชนชาติที่ไม่ได้ร้องเรียกเราว่า ‘เราอยู่นี่ เราอยู่นี่’
2 เราอ้าแขนของเราทั้งวันให้กับชนชาติที่ดื้อรั้น
ที่ชอบเดินในเส้นทางที่ไม่ดีและชอบตามใจตัวเอง
3 พวกเขาเป็นชนชาติที่ท้าทายเราต่อหน้าอยู่เรื่อยโดยไปเซ่นไหว้พวกพระเทียมเท็จตามสวน
และถวายเครื่องหอมบูชาให้กับพระเทียมเท็จเหล่านั้นบนพวกแท่นบูชาที่ทำจากอิฐ
4 คนพวกนั้นไปนั่งติดต่อกับวิญญาณคนตายท่ามกลางอุโมงค์ฝังศพและไปค้างคืนตามถ้ำเก็บศพต่างๆ
พวกเขากินเนื้อหมูและมีน้ำแกงที่ทำจากสัตว์ต้องห้ามอยู่ในหม้อของพวกเขา
5 พวกเขาพูดว่า ‘อยู่ห่างๆ
อย่าเข้ามาใกล้ข้าเพราะข้าศักดิ์สิทธิ์เกินไปสำหรับเจ้า’
คนอย่างนี้เป็นเหมือนควันในจมูกของเรา
เป็นเหมือนไฟที่ไหม้อยู่ทั้งวัน
6 ดูสิ บาปของพวกเขาถูกบันทึกไว้ต่อหน้าเรา
เราจะไม่อยู่นิ่งเฉยแต่เราจะตอบแทนอย่างเต็มที่
เราจะเทค่าตอบแทนลงบนตักของพวกเขา
7 สำหรับทั้งความบาปของพวกเขาและความบาปของบรรพบุรุษของพวกเขา” พระยาห์เวห์ว่าอย่างนั้น
เราจะตวงค่าตอบแทนของพวกเขาแล้วเทมันลงไปบนตักของพวกเขา
เพราะพวกเขาได้เผาเครื่องหอมบนพวกภูเขา
และหมิ่นประมาทเราบนพวกเนินเขา
8 พระยาห์เวห์พูดว่า “เมื่อคนคั้นองุ่นยังเห็นว่ายังมีน้ำองุ่นเหลืออยู่ในพวงองุ่น
พวกเขาก็จะพูดว่า ‘อย่าเพิ่งทำลายมัน เพราะยังมีน้ำองุ่นเหลืออยู่’
เช่นเดียวกัน เราก็จะไม่ทำลายประชาชนพวกนี้จนราบคาบ
เพราะยังมีพวกผู้รับใช้ของเราเหลืออยู่ในนั้น
9 เราจะให้ลูกหลานกับยาโคบ ให้ทายาทกับยูดาห์
ผู้ที่จะรับภูเขาทั้งหลายของเราเป็นมรดก
พวกที่เราเลือกมาจะได้รับแผ่นดินนี้เป็นมรดก
พวกผู้รับใช้ของเราจะได้ตั้งรกรากอยู่ที่นั่น
10 เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนของเราที่แสวงหาเรา
เราจะทำให้ที่ราบชาโรนกลายเป็นทุ่งหญ้าสำหรับฝูงแพะแกะ
และหุบเขาอาโคร์ กลายเป็นที่ให้ฝูงโคนอน สำหรับคนของเราที่แสวงหาเรา
11 แต่ไอ้พวกเจ้าที่ทิ้งพระยาห์เวห์ไป
ที่ลืมภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา
แล้วไปตั้งโต๊ะบูชาให้กับ พระโชค
และเติมเหล้าองุ่นบูชาให้กับ พระเคราะห์
12 เราจะทำให้เจ้ามีเคราะห์ ต้องตายด้วยดาบ
พวกเจ้าทุกคนจะต้องก้มลงให้พวกศัตรูฆ่า
เพราะเราได้เรียกพวกเจ้า แต่พวกเจ้าไม่ตอบ
เราได้พูด แต่พวกเจ้าไม่ยอมฟัง
เจ้าทำในสิ่งที่เราเห็นว่าชั่วร้าย
เจ้าเลือกทำในสิ่งที่เราไม่พอใจ”
13 ดังนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดไว้อย่างนี้ว่า
“พวกผู้รับใช้ของเราจะได้กิน แต่พวกเจ้าคนชั่วจะหิวโหย
พวกผู้รับใช้ของเราจะได้ดื่ม แต่พวกเจ้าคนชั่วจะหิวกระหาย
พวกผู้รับใช้ของเราจะมีความสุข แต่พวกเจ้าคนชั่วจะได้รับความอับอาย
14 พวกผู้รับใช้ของเราจะร้องเพลงเพราะสุขใจ
แต่พวกเจ้าคนชั่วจะร้องคร่ำครวญเพราะทุกข์ใจ
พวกเจ้าคนชั่วจะร้องครวญครางเพราะจิตใจแตกสลาย
15 พวกผู้รับใช้ที่เราได้เลือกไว้ ก็จะใช้ชื่อของเจ้าสาปแช่งคน
แล้วพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต ก็จะให้พวกเจ้าคนชั่วตายไป
แต่ส่วนพวกผู้รับใช้ของพระองค์นั้น พระองค์จะให้ชื่อใหม่กับพวกเขา
16 ทุกคนในแผ่นดินที่ขอพรก็จะขอจากพระเจ้าที่สัตย์ซื่อ
และทุกคนในแผ่นดินที่สาบานก็จะสาบานโดยอ้างถึงพระเจ้าที่สัตย์ซื่อ
เพราะเราจะลืมความทุกข์ยากต่างๆที่เราทำให้เกิดกับพวกเจ้าในอดีต
พวกความทุกข์ยากนั้นจะถูกหลบซ่อนไปจากสายตาของเรา
พระยาห์เวห์จะสร้างฟ้าสวรรค์ใหม่และโลกใหม่สำหรับคนของพระองค์
17 ดูสิ เรากำลังจะสร้างสวรรค์ใหม่ และโลกใหม่
จะไม่มีใครจดจำเรื่องเก่าๆอีกต่อไป
มันก็จะไม่แวบเข้ามาในความคิดอีกเลย
18 แต่ขอให้ดีใจและมีความสุขตลอดไปกับสิ่งที่เรากำลังสร้าง
ดูสิ เราจะสร้างเยรูซาเล็มให้เป็นบ่อเกิดของความสุข
และเราจะสร้างคนของนาง ให้เป็นบ่อเกิดของความยินดี
19 เยรูซาเล็มจะทำให้เราชื่นบาน คนของเราจะทำให้เรายินดี
จะไม่มีเสียงร้องไห้
หรือเสียงร้องขอความช่วยเหลือในเมืองนั้นอีกต่อไป
20 จะไม่มีเด็กทารกที่มีชีวิตอยู่ไม่กี่วัน
หรือคนแก่ที่ยังตายก่อนเวลาอันควร
คนที่ตายตอนอายุหนึ่งร้อยปีก็ยังถือว่ายังหนุ่มอยู่
คนที่ตายก่อนอายุร้อยปีก็ถือว่าถูกสาปแช่ง
21 คนของเราจะสร้างบ้านและจะได้เข้าไปอยู่
พวกเขาจะปลูกสวนองุ่นและจะได้กินผลของมัน
22 พวกเขาจะไม่สร้างบ้านแต่คนอื่นมาอยู่แทน
พวกเขาจะไม่ปลูกสวนองุ่นแต่คนอื่นมากินแทน
พวกเขาจะมีอายุยืนเหมือนต้นไม้
พวกคนที่เราได้เลือกไว้จะได้ใช้สิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นมากับมือจนมันเสื่อมสภาพไป
23 พวกเขาจะไม่ทำงานหนักโดยเปล่าประโยชน์
และพวกเขาจะไม่คลอดลูกที่จะต้องมาเจอกับความตายอย่างฉับพลัน
เพราะพวกเขาจะเป็นเชื้อชาติที่พระยาห์เวห์อวยพร
รวมทั้งลูกหลานของพวกเขาด้วย
24 เราจะตอบพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะร้องเรียกเราเสียอีก
พวกเขายังพูดไม่ทันขาดคำ เราก็จะตอบแล้ว
25 หมาป่าและลูกแกะจะกินอยู่ด้วยกัน
สิงโตจะกินฟางเหมือนวัว
แต่งูจะต้องกินฝุ่นต่อไป
จะไม่มีการทำร้ายหรือทำลายกันทั่วภูเขาที่ศักดิ์สิทธิ์ของเรา”
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนั้น
ทิโมธีและเอปาโฟรดิทัส
19 เพราะพระเยซูเป็นองค์เจ้าชีวิต ผมคาดว่าผมจะได้ส่งทิโมธีไปหาพวกคุณเร็วๆนี้แน่นอน แล้วผมจะได้มีกำลังใจ เมื่อเขากลับมาเล่าเรื่องพวกคุณ 20 มีแต่ทิโมธีเท่านั้นที่มีความคิดเหมือนกับผมและสนใจในเรื่องทุกข์สุขของพวกคุณจริงๆ 21 ส่วนคนอื่นๆที่อาจจะส่งมาได้ ก็สนใจแต่เรื่องของตัวเองมากกว่า ไม่ได้สนใจเรื่องของพระเยซูคริสต์ 22 คุณก็รู้อยู่แล้วว่านิสัยของทิโมธีนั้นเป็นอย่างไร และเขาได้รับใช้ในการประกาศข่าวดีด้วยกันกับผม เหมือนลูกช่วยพ่อ 23 ดังนั้น พอผมรู้ว่าเรื่องของผมที่นี่จะเป็นอย่างไร ผมก็หวังที่จะได้ส่งทิโมธีไปหาพวกคุณทันที 24 ผมเชื่อว่า องค์เจ้าชีวิตจะเปิดโอกาสให้ผมได้มาเจอพวกคุณเร็วๆนี้เหมือนกัน
25 แต่ตอนนี้ คิดว่าจำเป็นจะต้องส่งเอปาโฟรดิทัสกลับมาหาคุณก่อน เขาเป็นทั้งน้องชาย เพื่อนร่วมงาน และเพื่อนทหารของผม พวกคุณได้ส่งเขามาดูแลผมตอนที่ผมขาดแคลน 26 ผมส่งเขามา เพราะเขาอยากจะเจอคุณมาก และเขาก็กลุ้มใจมากเพราะคุณได้ข่าวว่าเขาป่วย 27 ตอนนั้นเขาก็ป่วยหนักจริงๆจนเกือบจะตายอยู่แล้ว แต่พระเจ้าเมตตาเขา ซึ่งก็ถือว่าได้เมตตาผมด้วย เพื่อผมจะได้ไม่เป็นทุกข์มากไปกว่านี้ 28 ผมจึงตั้งใจจะส่งเขากลับไปหาคุณ เพื่อคุณจะได้ดีใจเมื่อเจอเขาอีก และตัวผมเองจะได้กังวลน้อยลง 29 ดังนั้น ให้อ้าแขนต้อนรับเขาด้วยความยินดีอย่างยิ่ง เพราะเขามีส่วนร่วมในองค์เจ้าชีวิตเหมือนกัน และให้เกียรติกับเขาและทุกคนที่เป็นอย่างเขา 30 เพราะเขาเกือบจะตายจากงานที่เขาทำเพื่อพระคริสต์ เขาได้เสี่ยงชีวิตเพื่อรับใช้ผม ในเรื่องที่พวกคุณเองก็ทำให้ผมไม่ได้
พระเยซูสำคัญที่สุด
3 สุดท้ายนี้ พี่น้องครับ ให้ชื่นชมยินดีในองค์เจ้าชีวิต ผมไม่เบื่อที่จะเขียนเรื่องเหล่านี้อีก และการเขียนซ้ำจะช่วยพวกคุณให้ยืนหยัดมั่นคง 2 ให้ระวังไอ้หมาพวกนั้น ระวังไอ้พวกนั้นที่ทำชั่ว ระวังไอ้พวกนั้นที่ชอบหั่นเนื้อหนังคน[a] 3 เพราะเป็นพวกเรานี่แหละที่ได้รับพิธีขลิบที่แท้จริง เป็นพวกเรานี่แหละที่นมัสการด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า พวกเราอวดพระเยซูคริสต์ ไม่ได้พึ่งฝ่ายเนื้อหนังหรือสิ่งดีๆที่เรามี
หนังสือเล่มที่สาม
(สดุดี 73-89)
ดูเหมือนคนชั่วได้ดีคนดีได้ชั่ว
บทเพลงสดุดีของอาสาฟ[a]
1 แน่นอน พระเจ้าทรงดีต่ออิสราเอล
คือดีต่อคนอิสราเอลเหล่านั้นที่มีจิตใจบริสุทธิ์
2 แต่เท้าของข้าพเจ้าเองเกือบลื่นล้ม
ย่างเท้าของข้าพเจ้าเกือบจะลื่นหงายหลังแล้ว
3 เพราะข้าพเจ้าเริ่มจะอิจฉาคนที่หยิ่งจองหอง
เมื่อข้าพเจ้าเห็นถึงความร่ำรวยของพวกคนชั่วเหล่านั้น
4 พวกเขาไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอะไรเลย
ร่างกายพวกเขาแข็งแรงและพวกเขาอยู่ดีกินดี[b]
5 พวกเขาไม่ต้องดิ้นรนต่อสู้เหมือนคนอื่น
และไม่เดือดร้อนเหมือนคนอื่น
6 ดังนั้นพวกเขาใส่ความเย่อหยิ่งเหมือนสร้อยคอ
และสวมความทารุณโหดร้ายเหมือนเสื้อผ้า
7 พวกเขาอ้วนจนตาถลน
จิตใจเต็มไปด้วยความคิดชั่วร้าย
8 พวกเขาเย้ยหยันผู้อื่นและวางแผนการร้ายต่อผู้อื่น
พวกเขาใช้ฐานะทางสังคมที่สูงกว่าวางแผนเอาเปรียบผู้คน
9 ปากของพวกเขาพูดราวกับว่าเป็นผู้ครอบครองฟ้าสวรรค์
ลิ้นของพวกเขาพูดยังกับว่าเป็นเจ้าของโลกนี้
10 ดังนั้น แม้แต่คนของพระเจ้าก็หันไปหาพวกเขา
และยินดีทำตามที่พวกเขาบอก
11 คนหยิ่งจองหองพวกนั้นพูดว่า “พระเจ้าจะรู้ได้ยังไงว่าพวกเราทำอะไรอยู่
พระเจ้าสูงส่งนั้นจะรู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่”
12 ดูเอาเถอะ คนชั่วก็เป็นอย่างนั้นแหละ
พวกเขาอยู่กันอย่างสบายๆและยังรวยเอารวยเอา
13 ดังนั้น ข้าพเจ้าคิดในใจว่า “มันจะมีประโยชน์อะไร ที่ข้าพเจ้าจะต้องรักษาใจให้บริสุทธิ์
และล้างมือของข้าพเจ้าเพื่อแสดงว่าข้าพเจ้าบริสุทธิ์
14 ข้าพเจ้าต้องทนทุกข์ตลอดเวลา
และถูกลงโทษทุกๆเช้าอยู่”
15 แต่ถ้าข้าพเจ้าตั้งใจที่จะพูดอย่างนั้น
ก็จะเป็นการหักหลังคนของพระองค์
16 ข้าพเจ้าพยายามอย่างหนักที่จะเข้าใจถึงสิ่งเหล่านี้
แต่มันยากเกินกว่าที่ข้าพเจ้าจะเข้าใจได้
17 จนกระทั่งข้าพเจ้าได้เข้าไปยังวิหารของพระเจ้า
ตอนนั้นแหละข้าพเจ้าถึงได้เข้าใจจุดจบของพวกเขา
18 ข้าแต่พระเจ้า แน่นอน พระองค์ได้วางพวกเขาไว้บนทางลื่น
และพระองค์พร้อมที่จะให้พวกเขาตกลงไปสู่ความพินาศ
19 แล้วพวกเขาจะถูกทำลายในชั่วพริบตา
พวกเขาจะพบกับจุดจบจากความตายอันน่าสะพรึงกลัว
20 พวกเขาจะเป็นเหมือนกับฝันที่พอเราตื่นขึ้นมาก็ลืมหมด
องค์เจ้าชีวิต เมื่อพระองค์ลุกขึ้นมา
พระองค์จะทำให้พวกเขาหายไปเหมือนภาพในฝันนั้น
21 เมื่อจิตใจของข้าพเจ้าขมขื่น
และความเจ็บปวดเสียบแทงเข้าในใจ
22 ตอนนั้นข้าพเจ้าช่างโง่เขลาเบาปัญญา
และสิ้นคิดเหมือนสัตว์ต่อหน้าพระองค์
23 แต่ข้าพเจ้ายังคงอยู่กับพระองค์เสมอ
พระองค์จับมือขวาของข้าพเจ้าไว้
24 พระองค์นำทางข้าพเจ้าด้วยคำชี้แนะของพระองค์
และหลังจากนั้นพระองค์จะนำข้าพเจ้าเข้าไปสู่เกียรติยศ[c]
25 ในฟ้าสวรรค์ ข้าพเจ้าไม่มีใครเลยนอกจากพระองค์
ในโลกนี้ มีแต่พระองค์เท่านั้นที่ข้าพเจ้าอยากได้
26 กายใจของข้าพเจ้าอาจอ่อนแอลง
แต่พระเจ้าคือหินกำบังแห่งจิตใจของข้าพเจ้าและเป็นมรดกของข้าพเจ้าตลอดไป
27 แต่คนเหล่านั้นที่อยู่ห่างไกลจากพระองค์จะพบกับความหายนะ
เพราะพระองค์จะทำลายล้างคนเหล่านั้นที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์
28 แต่ส่วนข้าพเจ้านั้น มันช่างดีจริงที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับพระองค์
ข้าพเจ้าเอาพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตเป็นที่ลี้ภัย
และข้าพเจ้าจะเล่าถึงทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทำ
13 ลูกจ๋า กินน้ำผึ้งนะ เพราะว่ามันดี
และรวงผึ้งนั้นมีรสชาติหวานต่อลิ้นของเจ้า
14 และให้รู้ไว้ด้วยว่าสติปัญญานั้นก็หวานต่อจิตวิญญาณของเจ้า
ถ้าเจ้าหามันพบ เจ้าก็จะมีอนาคตที่ดี
และเจ้าจะสมหวัง
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International