The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NLT. Switch to the NLT to read along with the audio.
โยสิยาห์ทรงฉลองปัสกา(A)
35 โยสิยาห์ทรงฉลองปัสกาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าในกรุงเยรูซาเล็ม มีการฆ่าแกะปัสกา ในวันที่สิบสี่เดือนที่หนึ่ง 2 พระองค์ทรงแต่งตั้งปุโรหิตให้เข้าประจำหน้าที่ และสนับสนุนให้รับใช้ในงานพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 3 พระองค์ตรัสกับคนเลวีผู้สั่งสอนชนอิสราเอลทั้งปวงและผู้ชำระตนถวายแก่ องค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วนั้นว่า “จงเก็บหีบพันธสัญญาอันบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ไว้ในพระวิหารซึ่งโซโลมอนโอรสของกษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอลสร้างขึ้น ไม่ต้องหามขึ้นบ่า บัดนี้จงปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและปรนนิบัติอิสราเอลประชากรของพระองค์ 4 จงเตรียมตัวทำหน้าที่ตามครอบครัวเป็นหมู่เหล่า ตามที่กษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอลและโซโลมอนราชโอรสกำหนดไว้เถิด
5 “ให้คนเลวีแต่ละกลุ่มประจำหน้าที่ในวิสุทธิสถานเพื่อปรนนิบัติพี่น้องร่วมชาติตามกลุ่มครอบครัวแต่ละกลุ่มที่ได้แบ่งไว้ 6 จงฆ่าแกะปัสกา ชำระตน และเตรียมลูกแกะเพื่อพี่น้องร่วมชาติของท่าน ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาไว้ผ่านทางโมเสส”
7 โยสิยาห์ทรงเตรียมลูกแกะลูกแพะเพื่อเป็นเครื่องบูชาปัสกาสามหมื่นตัว และวัวผู้สามพันตัว จากทรัพย์สินส่วนพระองค์สำหรับประชาชนทุกคนที่นั่น
8 ข้าราชบริพารของกษัตริย์ก็มอบของด้วยความสมัครใจแก่ประชาชน ปุโรหิต และคนเลวี ส่วนฮิลคียาห์ เศคาริยาห์ และเยฮีเอล เจ้าหน้าที่พระวิหารของพระเจ้ามอบลูกแกะลูกแพะ 2,600 ตัว และวัวผู้ 300 ตัวแก่ปุโรหิตเป็นเครื่องบูชาปัสกา 9 บรรดาผู้นำของคนเลวีได้แก่ โคนานิยาห์ กับเชไมอาห์และเนธันเอลน้องชายของเขา และฮาชาบิยาห์ เยอีเอล และโยซาบาดมอบลูกแกะลูกแพะปัสกาห้าพันตัวกับวัวผู้ห้าร้อยตัวแก่คนเลวี
10 เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย และปุโรหิตทั้งหลายเข้าประจำที่ของตน พร้อมทั้งคนเลวีได้เข้ากลุ่มปฏิบัติงานตามหมู่เหล่าดังที่กษัตริย์ตรัสบัญชาไว้แล้ว 11 ก็ฆ่าลูกแกะปัสกา ส่งเลือดให้ปุโรหิตประพรม ขณะที่คนเลวีถลกหนังสัตว์ 12 พวกเขาแยกเครื่องเผาบูชาเพื่อมอบให้ตระกูลต่างๆ เพื่อให้ประชาชนถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตามที่บันทึกไว้ในบทบัญญัติของโมเสส พวกเขาก็ทำอย่างเดียวกันกับวัวผู้ 13 พวกเขาย่างสัตว์ปัสกาตามที่ระบุไว้ และต้มของถวายอันบริสุทธิ์ในหม้อ กระทะ ภาชนะต่างๆ แล้วรีบนำออกไปให้ประชากรทั้งปวงรับประทาน 14 หลังจากนั้นคนเลวีก็จัดเตรียมสำหรับตนเองกับปุโรหิต เพราะปุโรหิตวงศ์วานอาโรนง่วนอยู่กับการถวายเครื่องเผาบูชาและไขมันเครื่องบูชาจนค่ำ ดังนั้นคนเลวีจึงจัดเตรียมอาหารสำหรับตนเองและปุโรหิตวงศ์วานของอาโรน
15 เหล่านักดนตรีวงศ์วานของอาสาฟเข้าประจำที่ตามที่ดาวิด อาสาฟ เฮมาน และเยดูธูนผู้ทำนาย ส่วนพระองค์ของดาวิดกำหนดไว้ ยามเฝ้าประตูแต่ละประตูไม่จำเป็นต้องละจากจุดปฏิบัติงาน เพราะพี่น้องเลวีของเขาเตรียมอาหารไว้ให้
16 ครั้งนั้นงานรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งสิ้นในการฉลองปัสกาและถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่นบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้สำเร็จลุล่วงตามที่กษัตริย์โยสิยาห์ทรงบัญชา 17 ชนอิสราเอลซึ่งอยู่ที่นั่นร่วมฉลองปัสกา และต่อด้วยเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้ออีกเจ็ดวัน 18 นับตั้งแต่ครั้งผู้เผยพระวจนะซามูเอล ไม่เคยมีการฉลองปัสกาในอิสราเอลเหมือนครั้งนั้นเลย ไม่มีกษัตริย์องค์ใดของอิสราเอลฉลองปัสกาเหมือนโยสิยาห์ร่วมกับปุโรหิต คนเลวี ชนยูดาห์และอิสราเอลทั้งปวงที่อาศัยอยู่กับประชาชนในกรุงเยรูซาเล็ม 19 การฉลองนี้มีขึ้นในปีที่สิบแปดแห่งรัชกาลโยสิยาห์
การสิ้นพระชนม์ของโยสิยาห์(B)
20 หลังจากที่โยสิยาห์ทรงจัดระเบียบพระวิหารเรียบร้อยแล้ว กษัตริย์เนโคแห่งอียิปต์ยกทัพมาที่คารเคมิชริมแม่น้ำยูเฟรติส และโยสิยาห์กรีธาทัพออกไปรบกับพระองค์ 21 แต่เนโคส่งผู้นำสาส์นมายังโยสิยาห์ความว่า “กษัตริย์ยูดาห์ ท่านและข้าพเจ้ามีเรื่องราวบาดหมางอะไรกันหรือ? ข้าพเจ้าไม่ได้ยกทัพมาโจมตีท่านในครั้งนี้ แต่ข้าพเจ้ามารบกับศัตรูที่ขับเคี่ยวกันอยู่ พระเจ้าได้ตรัสสั่งให้ข้าพเจ้ารีบเร่ง ดังนั้นจงอย่าขัดขวางพระเจ้าผู้สถิตกับข้าพเจ้า มิฉะนั้นพระองค์จะทรงทำลายท่าน”
22 แต่โยสิยาห์ไม่ยอมถอยทัพ กลับปลอมตัวเข้าสู่สงครามในที่ราบเมกิดโด โยสิยาห์ไม่ยอมฟังพระบัญชาของพระเจ้าที่ตรัสผ่านเนโค
23 พลธนูยิงถูกกษัตริย์โยสิยาห์ พระองค์ทรงร้องบอกทหารว่า “พาเราออกไปที เราบาดเจ็บมาก” 24 พวกเขาจึงประคองพระองค์ลงจากรถม้าศึกของพระองค์ แล้วขึ้นรถม้าศึกอีกคันกลับสู่เยรูซาเล็ม โยสิยาห์ก็สิ้นพระชนม์ พระศพถูกฝังไว้ในสุสานบรรพบุรุษของพระองค์ ทั่วทั้งยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็มพากันไว้อาลัย
25 เยเรมีย์แต่งบทเพลงคร่ำครวญไว้อาลัยแด่โยสิยาห์ และคณะนักร้องชายหญิงทุกคนยังคงขับร้องเพลงไว้อาลัยโยสิยาห์ตราบจนทุกวันนี้ซึ่งกลายเป็นประเพณีในอิสราเอล และมีบันทึกไว้ในประมวลบทเพลงคร่ำครวญ
26 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลโยสิยาห์และพระราชกิจที่ทรงทุ่มเทตามบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า 27 เหตุการณ์ทั้งสิ้นตั้งแต่ต้นจนจบบันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลและยูดาห์
36 และประชาชนได้เลือกเยโฮอาหาสโอรสของโยสิยาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ในกรุงเยรูซาเล็มแทนราชบิดา
กษัตริย์เยโฮอาหาสแห่งยูดาห์(C)
2 เมื่อเยโฮอาหาส[a]ขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 23 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสามเดือน 3 กษัตริย์อียิปต์ปลดเยโฮอาหาสจากราชบัลลังก์ในกรุงเยรูซาเล็ม และบังคับยูดาห์ให้ส่งบรรณาการเป็นเงินหนักประมาณ 3.4 ตัน[b]และทองคำหนักประมาณ 34 กิโลกรัม[c] 4 กษัตริย์อียิปต์แต่งตั้งเอลียาคิมพี่ชายของเยโฮอาหาสขึ้นเป็นกษัตริย์เหนือยูดาห์และเยรูซาเล็ม และเปลี่ยนนามเอลียาคิมเป็นเยโฮยาคิม ส่วนเยโฮอาหาสถูกเนโคคุมตัวไปที่อียิปต์
กษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์(D)
5 เมื่อเยโฮยาคิมขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 25 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสิบเอ็ดปี พระองค์ทรงทำสิ่งที่ชั่ว ในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ 6 กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนมาโจมตีและจับเยโฮยาคิมพันธนาการด้วยโซ่ตรวนทองสัมฤทธิ์ คุมตัวไปยังบาบิโลน 7 เนบูคัดเนสซาร์ยังทรงนำเครื่องใช้ไม้สอยจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าไปเก็บไว้ในวิหาร[d]ของพระองค์ในบาบิโลนด้วย
8 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลเยโฮยาคิม สิ่งน่าชิงชังที่ทรงทำ และความเลวร้ายทั้งปวงเกี่ยวกับพระองค์ มีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลและยูดาห์ แล้วเยโฮยาคีนโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน
กษัตริย์เยโฮยาคีนแห่งยูดาห์(E)
9 เมื่อเยโฮยาคีนขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุสิบแปดพรรษา[e] และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสามเดือนสิบวัน พระองค์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า 10 ในฤดูใบไม้ผลิ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ให้นำตัวเยโฮยาคีนไปยังบาบิโลน พร้อมกับของมีค่าทั้งปวงจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า และตั้งเศเดคียาห์ลุง[f]ของเยโฮยาคีนเป็นกษัตริย์ครองยูดาห์และเยรูซาเล็ม
กษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์(F)
11 เมื่อเศเดคียาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมมายุ 21 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสิบเอ็ดปี 12 เศเดคียาห์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์และไม่ได้ถ่อมพระองค์ลงต่อหน้าผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ซึ่งนำพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาทูล 13 ทั้งทรงกบฏต่อกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ผู้ให้พระองค์ปฏิญาณในพระนามพระเจ้า เศเดคียาห์ทรงแข็งขืน ถือทิฐิในใจ และไม่ยอมหันมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล 14 ยิ่งกว่านั้นผู้นำทั้งหมดของปุโรหิตและของประชาชนก็ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้ามากยิ่งขึ้น หันไปทำตามขนบธรรมเนียมอันน่าชิงชังของชนชาติต่างๆ และสร้างมลทินแก่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งพระเจ้าได้ทรงชำระแล้วในกรุงเยรูซาเล็ม
เยรูซาเล็มล่มสลาย(G)
15 พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขาได้ส่งทูตของพระองค์มาเตือนพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะพระองค์ทรงสงสารประชากรและที่ประทับของพระองค์ 16 แต่เหล่าประชากรก็เยาะเย้ยบรรดาทูตของพระเจ้า ลบหลู่พระดำรัสของพระองค์ และหมิ่นประมาทผู้เผยพระวจนะทั้งหลาย จนพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าพลุ่งขึ้นต่อประชากรของพระองค์จนไม่อาจระงับยับยั้งได้อีกต่อไป 17 พระเจ้าทรงนำกษัตริย์ของชาวบาบิโลน[g]มาปราบเขา สังหารชายหนุ่มของเขาในสถานนมัสการ ไม่ไว้ชีวิตแม้กระทั่งเด็ก ผู้หญิงและคนแก่ พระเจ้าทรงมอบพวกเขาทั้งหมดไว้ในมือเนบูคัดเนสซาร์ 18 พระองค์ได้นำเครื่องใช้ไม้สอยทั้งหมดในพระวิหารของพระเจ้าไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ และทรัพย์สมบัติทั้งสิ้นจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและทรัพย์สินต่างๆ ของกษัตริย์และของบรรดาข้าราชบริพารกลับไปยังบาบิโลน 19 พวกเขาจุดไฟเผาพระวิหารของพระเจ้า ทลายกำแพงเยรูซาเล็ม เผาวังทุกแห่งและทำลายของมีค่าทุกอย่างที่นั่น
20 บรรดาคนที่เหลืออยู่ผู้รอดชีวิตจากคมดาบถูกจับกุมตัวไปที่บาบิโลน เป็นเชลยของกษัตริย์และบรรดาโอรสของพระองค์จวบจนอาณาจักรเปอร์เซียขึ้นมามีอำนาจ 21 แผ่นดินได้ชื่นชมกับสะบาโตแห่งการหยุดพักตลอดช่วงปีที่เริศร้างอยู่จนครบเจ็ดสิบปีตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ผ่านทางเยเรมีย์
22 ในปีที่หนึ่งของรัชกาลกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซีย องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้พระดำรัสของพระองค์ที่ตรัสผ่านทางเยเรมีย์สำเร็จ โดยองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดลพระทัยกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียให้ออกประกาศทั่วราชอาณาจักรของพระองค์ และให้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรความว่า
23 “กษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียตรัสดังนี้ว่า
“ ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ได้ประทานราชอาณาจักรทั้งสิ้นของโลกนี้แก่ข้าพเจ้า และได้ทรงมอบหมายให้ข้าพเจ้าสร้างพระวิหารถวายแด่พระองค์ที่เยรูซาเล็มในเขตยูดาห์ ผู้ใดในหมู่พวกท่านที่เป็นประชากรของพระเจ้า ขอให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาสถิตกับเขาและให้เขากลับไปเถิด’ ”
1 จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้าเปาโลผู้ซึ่งได้รับการทรงเรียกให้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า กับโสสเธเนสพี่น้องของเรา
2 ถึงคริสตจักรของพระเจ้าที่เมืองโครินธ์ผู้ได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ในพระเยซูคริสต์ และได้รับการทรงเรียกให้เป็นประชากรของพระเจ้าด้วยกันกับคนทั้งปวงทุกหนทุกแห่งที่ร้องออกพระนามองค์พระเยซูคริสต์เจ้า ผู้ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาและของพวกเรา
3 ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเราและจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้าจงมีแก่ท่านทั้งหลายเถิด
ขอบพระคุณพระเจ้า
4 ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพวกท่านเสมอ เนื่องด้วยพระคุณของพระองค์ซึ่งประทานแก่ท่านในพระเยซูคริสต์ 5 เพราะในพระองค์นั้นท่านทั้งหลายได้รับความจำเริญขึ้นในทุกด้าน คือในวาจาทั้งสิ้นและในความรู้ทุกอย่างของท่าน 6 เพราะว่าคำพยานของพวกเราเกี่ยวกับพระคริสต์ได้รับการยืนยันในพวกท่าน 7 ฉะนั้นท่านจึงไม่ขาดของประทานใดๆ ในด้านจิตวิญญาณเลยขณะที่ท่านจดจ่อรอคอยการปรากฏขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา 8 พระองค์จะทรงให้ท่านหนักแน่นมั่นคงจนถึงวันสุดท้าย เพื่อท่านจะปราศจากที่ติในวันแห่งองค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา 9 พระเจ้าผู้ทรงเรียกท่านให้เข้าร่วมในสามัคคีธรรมกับพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรานั้นทรงสัตย์ซื่อ
ความแตกแยกในคริสตจักร
10 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอร้องท่านในพระนามขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของพวกเราว่า ให้ท่านทุกคนปรองดองกันเพื่อจะไม่มีความแตกแยกใดๆ ในหมู่พวกท่าน และเพื่อท่านจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์ทั้งในความคิดและจิตใจ 11 พี่น้องทั้งหลายของข้าพเจ้า มีบางคนในครัวเรือนของนางคะโลเอบอกข้าพเจ้าว่ามีการโต้เถียงกันหลายครั้งในหมู่พวกท่าน 12 ข้าพเจ้าหมายความว่าคนหนึ่งในพวกท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าติดตามเปาโล” อีกคนหนึ่งว่า “ข้าพเจ้าติดตามอปอลโล” อีกคนหนึ่งว่า “ข้าพเจ้าติดตามเคฟาส[a]” และอีกคนหนึ่งว่า “ข้าพเจ้าติดตามพระคริสต์”
13 พระคริสต์ถูกแบ่งแยกแล้วหรือ? เปาโลถูกตรึงตายบนไม้กางเขนเพื่อพวกท่านหรือ? ท่านได้รับบัพติศมาเข้าใน[b]นามเปาโลหรือ? 14 ขอบพระคุณพระเจ้าที่ข้าพเจ้าไม่ได้ให้บัพติศมาแก่ใครในพวกท่าน ยกเว้นคริสปัสกับกายอัส 15 จึงไม่มีใครพูดได้ว่าเขาได้รับบัพติศมาเข้าในนามของข้าพเจ้า 16 (ใช่ ข้าพเจ้าให้บัพติศมาแก่คนในครอบครัวของสเทฟานัสด้วย นอกเหนือจากนั้นข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่าได้ให้บัพติศมาแก่ใครอีก) 17 เพราะพระคริสต์ไม่ได้ส่งข้าพเจ้ามาเพื่อให้บัพติศมา แต่เพื่อให้ประกาศข่าวประเสริฐ ไม่ใช่ด้วยวาทะคมคายตามสติปัญญาของมนุษย์เพราะเกรงว่าไม้กางเขนของพระคริสต์จะหมดฤทธิ์อำนาจ
(บทประพันธ์ของดาวิด)
27 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นความสว่างและความรอดของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะต้องเกรงกลัวผู้ใด?
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นที่กำบังแข็งแกร่งสำหรับชีวิตของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะต้องหวาดกลัวผู้ใด?
2 เมื่อคนชั่วรุกเข้ามา
จะกินเลือดกินเนื้อข้าพเจ้า[a]
เมื่อศัตรูและปฏิปักษ์จู่โจมข้าพเจ้า
พวกเขาจะสะดุดและล้มลง
3 แม้กองทัพรุมล้อมข้าพเจ้า
จิตใจของข้าพเจ้าก็จะไม่หวาดกลัว
แม้ศึกสงครามจู่โจมข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าก็ยังจะเชื่อมั่น
4 สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าทูลขอองค์พระผู้เป็นเจ้า
สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าใฝ่หา
คือการที่ข้าพเจ้าจะได้อยู่ในพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ตลอดวันคืนชีวิตของข้าพเจ้า
เพื่อชื่นชมความงามขององค์พระผู้เป็นเจ้า
และเพื่อแสวงหาพระองค์ในพระวิหารของพระองค์
5 เพราะในยามทุกข์ยาก
พระองค์จะทรงปกปักรักษาข้าพเจ้าไว้อย่างปลอดภัยในที่ประทับของพระองค์
พระองค์จะทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในร่มพลับพลาของพระองค์
และจะทรงตั้งข้าพเจ้าไว้สูงบนศิลา
6 แล้วข้าพเจ้าจะได้รับการเชิดชูเหนือบรรดาศัตรูที่รุมล้อมข้าพเจ้า
ในพลับพลาของพระองค์ ข้าพเจ้าจะถวายเครื่องบูชาพร้อมด้วยเสียงโห่ร้องยินดี
ข้าพเจ้าจะขับร้องและบรรเลงเพลงถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
20 หากผู้ใดแช่งด่าพ่อแม่
ชีวิตของเขาจะดับมืด
21 มรดกที่โกยมาอย่างรวดเร็วในตอนแรก
จะไม่เป็นพระพรในบั้นปลาย
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.