Bible in 90 Days
27 “ ‘หากถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังไม่ฟังเรา แต่ยังคงขัดขืนต่อต้านเรา 28 เราจะต่อสู้กับเจ้าด้วยพระพิโรธ และเราเองจะลงโทษบาปของเจ้าหนักยิ่งขึ้นเจ็ดเท่า 29 เจ้าจะกินเนื้อลูกชายลูกสาวของตัวเอง 30 เราจะทลายแท่นบูชาบนที่สูงของเจ้า จะโค่นแท่นเผาเครื่องหอมของเจ้า ทิ้งซากศพของเจ้าไว้บนรูปเคารพที่ไม่มีชีวิตของพวกเจ้า และเราจะชิงชังพวกเจ้า 31 เราจะทำให้นครต่างๆ ของเจ้าเริศร้าง และทำลายสถานนมัสการของเจ้า เราจะไม่นิยมยินดีในกลิ่นหอมที่น่าพอใจจากเครื่องบูชาของเจ้า 32 เราจะทิ้งให้แผ่นดินเริศร้างจนศัตรูของเจ้าที่เข้ามาพักอาศัยตกใจ 33 เราจะทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายไปท่ามกลางชนชาติต่างๆ เราจะชักดาบออกจากฝักรุกไล่เจ้า ดินแดนของเจ้าจะถูกทิ้งร้างและเมืองต่างๆ จะถูกทำลาย 34 แล้วแผ่นดินจะได้ชื่นชมกับปีสะบาโตของมันตลอดช่วงที่ถูกทิ้งร้างซึ่งเจ้าตกอยู่ในดินแดนของศัตรู แผ่นดินจะได้พักสงบและชื่นชมกับสะบาโตของมัน 35 ตลอดช่วงที่ถูกทิ้งร้าง แผ่นดินจะได้พักสงบ ชดเชยกับที่ไม่ได้หยุดพักในช่วงสะบาโตขณะที่เจ้าอาศัยอยู่ในแผ่นดิน
36 “ ‘สำหรับพวกที่เหลืออยู่ เราจะทำให้จิตใจของพวกเขาหวาดหวั่นขวัญผวาในแดนของศัตรูถึงขนาดเสียงใบไม้ถูกลมพัดปลิวก็ทำให้พวกเขาหนีไป เขาจะวิ่งราวกับหนีเตลิดจากคมดาบ และเขาจะล้มลงแม้ไม่มีใครไล่ตาม 37 เขาจะสะดุดล้มทับกันราวกับหนีเตลิดจากคมดาบแม้ไม่มีใครรุกไล่พวกเขา ดังนั้นเจ้าจะไม่สามารถยืนหยัดต่อหน้าศัตรูของเจ้า 38 เจ้าจะพินาศในหมู่ประชาชาติทั้งหลาย และถูกกลืนหายไปในดินแดนของศัตรู 39 คนที่เหลืออยู่จะเสื่อมโทรมไปในดินแดนของศัตรูเพราะบาปของพวกเขา และเพราะบาปของบรรพบุรุษของพวกเขา
40 “ ‘แต่หากพวกเขาสารภาพบาปของตนและบาปของบรรพบุรุษที่พวกเขาขัดขืนต่อต้านเรา 41 ซึ่งทำให้เราเป็นศัตรูกับเขา จนเราส่งพวกเขาไปยังดินแดนของเหล่าศัตรู ตราบจนจิตใจที่ไม่ได้เข้าสุหนัตของเขาถ่อมลงและพวกเขาชดใช้บาปของตน 42 เมื่อนั้นเราจะระลึกถึงพันธสัญญาของเราที่ให้ไว้กับยาโคบ อิสอัค และอับราฮัม และจะระลึกถึงแผ่นดินนั้น 43 เพราะแผ่นดินนั้นจะชื่นชมกับสะบาโตของมันขณะที่ถูกทิ้งร้างอยู่ พวกเขาจะชดใช้บาปของตนที่ได้ละทิ้งบทบัญญัติของเราและเกลียดชังกฎหมายของเรา 44 แต่กระนั้นเมื่อเขาอยู่ในดินแดนของศัตรู เราจะไม่ปฏิเสธหรือเกลียดชังพวกเขาจนถึงกับทำลายล้างพวกเขาให้หมดสิ้น ซึ่งเป็นการละเมิดพันธสัญญาของเรากับพวกเขา เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา 45 แต่เพื่อเห็นแก่พวกเขา เราจะระลึกถึงพันธสัญญาที่ให้ไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขาซึ่งเราได้พาออกมาจากอียิปต์ต่อหน้าประชาชาติทั้งหลาย เพื่อเป็นพระเจ้าของพวกเขา เราคือพระยาห์เวห์’ ”
46 ทั้งหมดนี้คือกฎหมาย บทบัญญัติ และกฎระเบียบ ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งไว้ระหว่างพระองค์เองกับชนอิสราเอลผ่านทางโมเสสบนภูเขาซีนาย
การไถ่สิ่งที่เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า
27 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 2 “จงแจ้งชนอิสราเอลว่า ‘หากคนใดได้ปฏิญาณไว้ว่าจะอุทิศถวายผู้หนึ่งผู้ใดแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า โดยการถวายสิ่งมีค่าจำนวนต่อไปนี้แทนคือ 3 ผู้ชายอายุยี่สิบปีถึงหกสิบปีให้ตั้งค่าตัวเป็นเงินหนัก 50 เชเขล ตามเชเขลของสถานนมัสการ[a] 4 ถ้าหากเป็นผู้หญิง ให้ตั้งราคาค่าตัวเป็นเงินหนัก 30 เชเขล 5 ผู้ที่อายุห้าถึงยี่สิบปี ถ้าเป็นผู้ชายให้ตั้งราคาค่าตัวเป็นเงินหนัก 20 เชเขล ถ้าเป็นผู้หญิงให้ตั้งราคาค่าตัวเป็นเงินหนัก 10 เชเขล 6 ผู้ที่อายุหนึ่งเดือนถึงห้าขวบ ถ้าเป็นผู้ชายให้ตั้งราคาค่าตัวเป็นเงินหนัก 5 เชเขล ถ้าเป็นผู้หญิงให้ตั้งราคาค่าตัวเป็นเงินหนัก 3 เชเขล 7 ผู้ที่อายุหกสิบปีขึ้นไป ถ้าเป็นผู้ชายให้ตั้งราคาค่าตัวเป็นเงินหนัก 15 เชเขล ถ้าเป็นผู้หญิงให้ตั้งราคาค่าตัวเป็นเงินหนัก 10 เชเขล 8 หากผู้ที่ถวายคำปฏิญาณยากจนเกินกว่าที่จะถวายเงินตามที่ระบุไว้ ให้พาบุคคลที่เขาประสงค์จะถวายตัวมาพบปุโรหิต ซึ่งจะกำหนดมูลค่าที่ผู้ปฏิญาณจะสามารถถวายได้
9 “ ‘ถ้าสิ่งที่เขาปฏิญาณว่าจะถวายนั้นเป็นสัตว์ที่ยอมรับเป็นเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าสัตว์ตัวนั้นที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าต้องถือว่าบริสุทธิ์ 10 เขาจะเอาตัวอื่นมาเปลี่ยนไม่ได้ เอาดีมาแทนไม่ดี หรือเอาไม่ดีมาแทนดีก็ไม่ได้ หากเขาเปลี่ยนตัว ทั้งตัวแรกและตัวที่มาเปลี่ยนจะเป็นของบริสุทธิ์ 11 หากสิ่งที่เขาปฏิญาณจะถวายเป็นสัตว์ที่เป็นมลทินตามระเบียบพิธี ซึ่งไม่ยอมรับเป็นเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องนำสัตว์นั้นมามอบให้ปุโรหิต 12 ผู้ที่จะประเมินคุณภาพว่าดีหรือไม่ดี ปุโรหิตกำหนดราคาเท่าใด ก็ให้เป็นไปตามนั้น 13 หากเจ้าของต้องการจะไถ่สัตว์ตัวนั้น ก็ให้จ่ายเพิ่มอีกหนึ่งในห้าของราคาที่ตั้งไว้
14 “ ‘ผู้ใดถวายบ้านเป็นของบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าปุโรหิตจะประเมินคุณภาพว่าดีหรือไม่ดี ปุโรหิตกำหนดราคาเท่าใด ก็ให้ถือตามนั้น 15 ถ้าผู้ถวายบ้านจะไถ่คืน เขาต้องจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งในห้าของราคา แล้วบ้านจะกลับคืนเป็นของเขา
16 “ ‘ผู้ใดถวายที่ดินส่วนหนึ่งของตระกูลแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะตีราคาตามปริมาณเมล็ดพืชซึ่งจะใช้หว่านในที่นั่นคือ เงินหนัก 50 เชเขลต่อเมล็ดข้าวบาร์เลย์ประมาณ 220 ลิตร[b] 17 หากผู้ใดถวายที่ดินในปีกึ่งศตวรรษให้ตีราคาเต็มตามอัตรา 18 หากถวายหลังปีกึ่งศตวรรษ ปุโรหิตจะพิจารณาราคาตามจำนวนปีที่เหลืออยู่ก่อนถึงปีกึ่งศตวรรษรอบต่อไปและราคาที่ตั้งไว้จะลดลง 19 หากคนนั้นตกลงจะไถ่ที่ดินคืน เขาจะจ่ายเงินเพิ่มอีกหนึ่งในห้าของราคาประเมิน และรับที่ดินคืนเป็นของเขาอีก 20 แต่หากเขาไม่ไถ่คืน หรือหากขายที่ดินนั้นแก่คนอื่น ที่ดินนั้นจะไถ่คืนอีกไม่ได้เลย 21 เมื่อที่ดินคืนสู่เจ้าของเดิมในปีกึ่งศตวรรษ ที่ดินผืนนี้จะถือเป็นของบริสุทธิ์เหมือนที่ดินซึ่งถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าที่ดินนี้จะกลายเป็นกรรมสิทธิ์ของบรรดาปุโรหิต
22 “ ‘หากผู้ใดถวายที่ดินซึ่งเขาซื้อมาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ไม่ใช่ที่ดินส่วนมรดกของครอบครัว 23 ปุโรหิตจะประเมินราคานับถึงปีกึ่งศตวรรษ และเขาจะถวายเงินจำนวนดังกล่าวแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าในวันนั้น เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 24 ในปีกึ่งศตวรรษ ที่ดินนั้นจะคืนให้เจ้าของเดิมซึ่งขายที่ดินให้ 25 ราคาประเมินทั้งหมดระบุตามเชเขลของสถานนมัสการ ซึ่ง 20 เกราห์เท่ากับ 1 เชเขล
26 “ ‘เจ้าไม่ควรคิดว่าจะถวายลูกวัวหรือลูกแกะหัวปีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะลูกหัวปีเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่แล้ว 27 หากเป็นลูกหัวปีของสัตว์ที่เป็นมลทิน เจ้าของจะซื้อคืนตามราคาที่ปุโรหิตประเมิน และจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งในห้า หากเจ้าของไม่ไถ่คืน ปุโรหิตก็จะขายให้แก่ผู้อื่นตามราคาที่ตั้งไว้
28 “ ‘อย่างไรก็ตามสิ่งที่ถวายเป็นสิทธิ์ขาดแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ว่าจะเป็นตัวบุคคล สัตว์ หรือที่ดินมรดกย่อมเป็นสิทธิ์ขาด ไม่มีการซื้อขายหรือไถ่คืน เพราะเป็นของบริสุทธิ์ที่สุดแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
29 “ ‘ผู้ใดถูกถวายเป็นสิทธิ์ขาดเพื่อให้ทำลายล้าง[c] จะไถ่คืนไม่ได้ เขาจะต้องถูกประหารชีวิต
30 “ ‘หนึ่งในสิบของผลผลิตจากแผ่นดิน ไม่ว่าเมล็ดข้าวจากผืนดินหรือผลไม้จากต้นเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า และถือเป็นสิ่งบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 31 หากผู้ใดต้องการไถ่คืนสิบลดของเขา จะต้องจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งในห้าของราคา 32 หนึ่งในสิบของฝูงสัตว์ทั้งหมดคือ ทุกตัวที่สิบที่ผ่านไปใต้ไม้เท้าของผู้เลี้ยง จะเป็นส่วนบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 33 จะไม่มีการเลือกว่าตัวนั้นดีตัวนี้ไม่ดี หรือเอาตัวหนึ่งมาแทนอีกตัวหนึ่ง เพราะหากมีการเปลี่ยนตัว ทั้งตัวที่ถูกเปลี่ยนกับตัวที่เอามาเปลี่ยนย่อมเป็นของบริสุทธิ์แด่พระเจ้า ไถ่คืนไม่ได้’ ”
34 ทั้งหมดนี้คือพระบัญชาซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่โมเสสบนภูเขาซีนายสำหรับประชากรอิสราเอล
สำมะโนประชากร
1 วันที่หนึ่งเดือนที่สองของปีที่สอง หลังจากชาวอิสราเอลออกจากประเทศอียิปต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสในเต็นท์นัดพบที่ถิ่นกันดารซีนายว่า 2 “จงสำรวจสำมะโนประชากรชุมชนอิสราเอลทั้งหมด แยกเป็นรายตระกูลและครอบครัว ให้ทำบัญชีรายชื่อผู้ชายทุกคน 3 เจ้ากับอาโรนจะต้องนับจำนวนผู้ชายในอิสราเอลที่มีอายุยี่สิบปีขึ้นไปซึ่งสามารถทำหน้าที่ในกองทัพได้ โดยแยกพวกเขาออกเป็นหมู่เหล่า 4 ผู้นำจากแต่ละเผ่า เผ่าละหนึ่งคนจะเป็นผู้ช่วยของเจ้า 5 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อของผู้นำที่จะมาช่วยเจ้าได้แก่
จากเผ่ารูเบนคือ เอลีซูร์บุตรเชเดเออร์
6 จากเผ่าสิเมโอนคือ เชลูมิเอลบุตรศูริชัดดัย
7 จากเผ่ายูดาห์คือ นาห์โชนบุตรอัมมีนาดับ
8 จากเผ่าอิสสาคาร์คือ เนธันเอลบุตรศุอาร์
9 จากเผ่าเศบูลุนคือ เอลีอับบุตรเฮโลน
10 จากบุตรของโยเซฟคือ
จากเผ่าเอฟราอิมคือ เอลีชามาบุตรอัมมีฮูด
จากเผ่ามนัสเสห์คือ กามาลิเอลบุตรเปดาซูร์
11 จากเผ่าเบนยามินคือ อาบีดันบุตรกิเดโอนี
12 จากเผ่าดานคือ อาหิเยเซอร์บุตรอัมมีชัดดัย
13 จากเผ่าอาเชอร์คือ ปากีเอลบุตรโอคราน
14 จากเผ่ากาดคือ เอลียาสาฟบุตรเดอูเอล
15 จากเผ่านัฟทาลีคือ อาหิราบุตรเอนัน”
16 คนเหล่านี้ได้รับการแต่งตั้งจากชุมชนให้เป็นผู้นำเผ่าต่างๆ ตามบรรพบุรุษ พวกเขาเป็นหัวหน้าตระกูลต่างๆ ของอิสราเอล
17 โมเสสและอาโรนได้นำชายเหล่านี้ตามบัญชีรายชื่อที่ให้ไว้มา 18 และได้เรียกประชุมประชากรทั้งหมดในวันที่หนึ่งเดือนที่สอง ประชาชนได้ระบุบรรพบุรุษของตนตามตระกูลและครอบครัว และได้ขึ้นบัญชีรายชื่อผู้ชายที่มีอายุยี่สิบปีขึ้นไปทีละคน 19 ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสส ดังนั้นเขาจึงนับจำนวนคนเหล่านี้ในถิ่นกันดารซีนาย
20 จากวงศ์วานของรูเบนบุตรชายหัวปีของอิสราเอล
ผู้ชายอายุยี่สิบปีขึ้นไปทุกคนที่ออกรบได้ ขึ้นบัญชีรายชื่อทีละคนตามตระกูลและตามครอบครัว 21 จำนวนพลจากเผ่ารูเบน 46,500 คน
22 จากวงศ์วานของสิเมโอน
ผู้ชายอายุยี่สิบปีขึ้นไปทุกคนที่ออกรบได้ ขึ้นบัญชีรายชื่อทีละคนตามตระกูลและตามครอบครัว 23 จำนวนพลจากเผ่าสิเมโอน 59,300 คน
24 จากวงศ์วานของกาด
ผู้ชายอายุยี่สิบปีขึ้นไปทุกคนที่ออกรบได้ ขึ้นบัญชีรายชื่อตามตระกูลและตามครอบครัว 25 จำนวนพลจากเผ่ากาด 45,650 คน
26 จากวงศ์วานของยูดาห์
ผู้ชายอายุยี่สิบปีขึ้นไปทุกคนที่ออกรบได้ ขึ้นบัญชีรายชื่อตามตระกูลและตามครอบครัว 27 จำนวนพลจากเผ่ายูดาห์ 74,600 คน
28 จากวงศ์วานของอิสสาคาร์
ผู้ชายอายุยี่สิบปีขึ้นไปทุกคนที่ออกรบได้ ขึ้นบัญชีรายชื่อตามตระกูลและตามครอบครัว 29 จำนวนพลจากเผ่าอิสสาคาร์ 54,400 คน
30 จากวงศ์วานของเศบูลุน
ผู้ชายอายุยี่สิบปีขึ้นไปทุกคนที่ออกรบได้ ขึ้นบัญชีรายชื่อตามตระกูลและตามครอบครัว 31 จำนวนพลจากเผ่าเศบูลุน 57,400 คน
32 จากวงศ์วานของเอฟราอิมบุตรโยเซฟ
ผู้ชายอายุยี่สิบปีขึ้นไปทุกคนที่ออกรบได้ ขึ้นบัญชีรายชื่อตามตระกูลและตามครอบครัว 33 จำนวนพลจากเผ่าเอฟราอิม 40,500 คน
34 จากวงศ์วานของมนัสเสห์บุตรโยเซฟ
ผู้ชายอายุยี่สิบปีขึ้นไปทุกคนที่ออกรบได้ ขึ้นบัญชีรายชื่อตามตระกูลและตามครอบครัว 35 จำนวนพลจากเผ่ามนัสเสห์ 32,200 คน
36 จากวงศ์วานของเบนยามิน
ผู้ชายอายุยี่สิบปีขึ้นไปทุกคนที่ออกรบได้ ขึ้นบัญชีรายชื่อตามตระกูลและตามครอบครัว 37 จำนวนพลจากเผ่าเบนยามิน 35,400 คน
38 จากวงศ์วานของดาน
ผู้ชายอายุยี่สิบปีขึ้นไปทุกคนที่ออกรบได้ ขึ้นบัญชีรายชื่อตามตระกูลและตามครอบครัว 39 จำนวนพลจากเผ่าดาน 62,700 คน
40 จากวงศ์วานของอาเชอร์
ผู้ชายอายุยี่สิบปีขึ้นไปทุกคนที่ออกรบได้ ขึ้นบัญชีรายชื่อตามตระกูลและตามครอบครัว 41 จำนวนพลจากเผ่าอาเชอร์ 41,500 คน
42 จากวงศ์วานของนัฟทาลี
ผู้ชายอายุยี่สิบปีขึ้นไปทุกคนที่ออกรบได้ ขึ้นบัญชีรายชื่อตามตระกูลและตามครอบครัว 43 จำนวนพลจากเผ่านัฟทาลี 53,400 คน
44 ทั้งหมดนี้คือจำนวนผู้ชายที่โมเสส อาโรนและผู้นำทั้งสิบสองเผ่าของอิสราเอลได้นับไว้ แต่ละคนเป็นตัวแทนครอบครัวของเขา 45 คือผู้ชายอิสราเอลอายุยี่สิบปีขึ้นไปทุกคนที่ร่วมทัพได้ ได้ถูกนับไว้ตามครอบครัวของเขา 46 รวมทั้งสิ้น 603,550 คน
47 แต่จำนวนนี้ไม่รวมคนเผ่าเลวี 48 องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกับโมเสสไว้ว่า 49 “ยกเว้นเผ่าเลวี ไม่ต้องลงจำนวนในสำมะโนประชากรของอิสราเอล 50 แต่จงตั้งคนเลวีให้รับผิดชอบงานเกี่ยวกับพลับพลาแห่งพันธสัญญา พวกเขาต้องเคลื่อนย้ายพลับพลา ดูแลเครื่องใช้และทุกสิ่งที่อยู่ในพลับพลา พวกเขาต้องตั้งเต็นท์อาศัยอยู่รอบพลับพลา 51 เมื่อใดก็ตามที่มีการเคลื่อนย้ายพลับพลา คนเลวีจะเป็นผู้ปลดพลับพลาลงหรือตั้งขึ้นใหม่ ผู้อื่นที่เข้าใกล้พลับพลาจะต้องถูกประหารชีวิต 52 ชาวอิสราเอลจะต้องตั้งเต็นท์ของตนเป็นหมู่เหล่า แต่ละคนอยู่ในค่ายของตนภายใต้ธงประจำกอง 53 ส่วนคนเลวีจะต้องตั้งเต็นท์รอบพลับพลาแห่งพันธสัญญาเพื่อพระพิโรธของพระเจ้าจะไม่ตกแก่ชุมชนอิสราเอล ให้คนเลวีรับผิดชอบดูแลพลับพลาแห่งพันธสัญญา”
54 ประชากรอิสราเอลก็ปฏิบัติตามทุกสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสส
การจัดตั้งค่ายของเผ่าต่างๆ
2 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า 2 “ชนอิสราเอลจะตั้งค่ายรอบเต็นท์นัดพบ ให้ห่างจากเต็นท์นัดพบระยะหนึ่ง แต่ละคนอยู่ภายใต้ธงประจำกองของเขาพร้อมกับธงประจำครอบครัว”
3 ด้านตะวันออกของพลับพลาเป็นที่ตั้งค่ายของหมู่เหล่ายูดาห์ภายใต้ธงประจำกองของพวกเขา ผู้นำคือนาห์โชนบุตรอัมมีนาดับ 4 จำนวนพล 74,600 คน
5 ถัดมาเป็นที่ตั้งค่ายของเผ่าอิสสาคาร์ ผู้นำคือเนธันเอลบุตรศุอาร์ 6 จำนวนพล 54,400 คน
7 จากนั้นได้แก่เผ่าเศบูลุน ผู้นำคือเอลีอับบุตรเฮโลน 8 จำนวนพล 57,400 คน
9 รวมพลแนวรบด้านเผ่ายูดาห์ตามหมู่เหล่าของพวกเขาได้ 186,400 คน กลุ่มนี้จะเคลื่อนกำลังออกไปเป็นกลุ่มแรก
10 ด้านใต้ของพลับพลาเป็นที่ตั้งค่ายของหมู่เหล่ารูเบนภายใต้ธงประจำกองของพวกเขา ผู้นำคือเอลีซูร์บุตรเชเดเออร์ 11 จำนวนพล 46,500 คน
12 ถัดมาคือเผ่าสิเมโอน ผู้นำคือเชลูมิเอลบุตรศูริชัดดัย 13 จำนวนพล 59,300 คน
14 ถัดมาคือเผ่ากาด ผู้นำคือเอลียาสาฟบุตรเดอูเอล[d] 15 จำนวนพล 45,650 คน
16 รวมพลแนวรบด้านเผ่ารูเบนตามหมู่เหล่าของพวกเขาได้ 151,450 คน กลุ่มนี้จะเคลื่อนกำลังเป็นกลุ่มที่สอง
17 ส่วนเต็นท์นัดพบและค่ายของเผ่าเลวีจะตั้งอยู่กลางค่าย พวกเขาจะเคลื่อนออกตามลำดับเดียวกับการตั้งค่าย แต่ละกลุ่มอยู่ในตำแหน่งของตนเองภายใต้ธงประจำกองของตน
18 ด้านตะวันตกของพลับพลาเป็นที่ตั้งค่ายของหมู่เหล่าเอฟราอิมภายใต้ธงประจำกองของพวกเขา ผู้นำคือเอลีชามาบุตรอัมมีฮูด 19 จำนวนพล 40,500 คน
20 ถัดมาคือเผ่ามนัสเสห์ ผู้นำคือกามาลิเอลบุตรเปดาซูร์ 21 จำนวนพล 32,200 คน
22 ถัดมาคือเผ่าเบนยามิน ผู้นำคืออาบีดันบุตรกิเดโอนี 23 จำนวนพล 35,400 คน
24 รวมพลในแนวรบด้านเผ่าเอฟราอิมตามหมู่เหล่าของพวกเขาได้ 108,100 คน พวกเขาจะเคลื่อนพลเป็นกลุ่มที่สาม
25 ด้านเหนือของพลับพลาเป็นที่ตั้งค่ายของหมู่เหล่าดานภายใต้ธงประจำกองของพวกเขา ผู้นำคืออาหิเยเซอร์บุตรอัมมีชัดดัย 26 จำนวนพล 62,700 คน
27 ถัดมาคือเผ่าอาเชอร์ ผู้นำคือปากีเอลบุตรโอคราน 28 จำนวนพล 41,500 คน
29 ถัดมาคือเผ่านัฟทาลี ผู้นำคืออาหิราบุตรเอนัน 30 จำนวนพล 53,400 คน
31 รวมพลในแนวรบด้านเผ่าดานได้ 157,600 คน เวลาเดินทางจะอยู่รั้งท้ายขบวนภายใต้ธงประจำกองของพวกเขา
32 ทั้งหมดนี้คือชนอิสราเอลนับตามครอบครัวของพวกเขาที่อยู่ในค่าย ตามหมู่เหล่ามีจำนวนทั้งสิ้น 603,550 คน 33 ทั้งนี้ไม่นับคนเลวีรวมกับชนอิสราเอลอื่นๆ ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาแก่โมเสส
34 ดังนั้นประชากรอิสราเอลจึงได้ทำทุกสิ่งตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสสคือ แต่ละคนพร้อมกับตระกูลและครอบครัวของตนได้ตั้งค่ายพักแรมภายใต้ธงประจำกองของพวกเขาและเคลื่อนพลตามที่กำหนดไว้
คนเลวี
3 ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของครอบครัวอาโรนและโมเสส เมื่อครั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสบนภูเขาซีนาย
2 บุตรชายของอาโรนได้แก่ นาดับซึ่งเป็นบุตรหัวปี อาบีฮู เอเลอาซาร์ และอิธามาร์ 3 คนเหล่านี้ซึ่งเป็นบุตรของอาโรนได้รับการเจิมตั้งและสถาปนาให้ปรนนิบัติในฐานะปุโรหิต 4 แต่นาดับและอาบีฮูเสียชีวิตต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าในถิ่นกันดารซีนายเมื่อได้จุดไฟต้องห้ามขึ้น คนทั้งสองไม่มีบุตร จึงเหลือแต่เอเลอาซาร์และอิธามาร์ทำหน้าที่ปุโรหิตในช่วงชีวิตของอาโรนผู้เป็นบิดา
5 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 6 “จงนำคนเผ่าเลวีมารายงานตัวต่อปุโรหิตอาโรนเพื่อช่วยงานเขา 7 คนเหล่านี้จะปฏิบัติหน้าที่ในเต็นท์นัดพบแทนอาโรนและชาวอิสราเอลทั้งหมด โดยรับผิดชอบงานเกี่ยวกับพลับพลาทั้งหมด 8 พวกเขาจะต้องคอยดูแลส่วนประกอบทั้งหมดของเต็นท์นัดพบ และปฏิบัติหน้าที่ที่พลับพลาเพื่อชนอิสราเอล 9 จงมอบคนเลวีให้แก่อาโรนและบรรดาบุตรชายของเขา คนเลวีเป็นชาวอิสราเอลที่คอยช่วยงานเขา[e] อย่างเต็มที่ 10 จงแต่งตั้งอาโรนกับบุตรชายของเขาให้ปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิต ใครอื่นล่วงล้ำเข้ามาใกล้สถานนมัสการจะมีโทษถึงตาย”
11 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสอีกว่า 12 “เราได้เลือกชนเผ่าเลวีจากชนอิสราเอลให้เป็นตัวแทนบุตรชายหัวปีของหญิงชาวอิสราเอลทุกคน คนเลวีเป็นของเรา 13 เพราะบุตรหัวปีเป็นของเรา ตั้งแต่วันที่เราประหารบุตรชายหัวปีทั้งปวงของชาวอียิปต์ เราได้แยกลูกหัวปีของอิสราเอลทั้งหมด ไม่ว่าคนหรือสัตว์มาเป็นของเรา เราคือพระยาห์เวห์”
14 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสในถิ่นกันดารซีนายว่า 15 “จงนับจำนวนคนเลวีตามครอบครัวและตระกูลของเขา นับผู้ชายทุกคนอายุหนึ่งเดือนขึ้นไป” 16 ดังนั้นโมเสสก็นับพวกเขาตามคำสั่งขององค์พระผู้เป็นเจ้า
17 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อบุตรของเลวี ได้แก่
เกอร์โชน โคฮาท และเมรารี
18 คนในตระกูลเกอร์โชน ได้แก่
ลิบนีและชิเมอี
19 คนในตระกูลโคฮาท ได้แก่
อัมราม อิสฮาร์ เฮโบรน และอุสซีเอล
20 คนในตระกูลเมรารี ได้แก่
มาห์ลีและมูชี
ทั้งหมดนี้คือตระกูลต่างๆ ของคนเลวีตามครอบครัวของเขา
21 ลูกหลานของลิบนีและชิเมอีเป็นของตระกูลเกอร์โชน 22 รวมผู้ชายทั้งหมดที่อายุหนึ่งเดือนขึ้นไปมี 7,500 คน 23 ตระกูลเกอร์โชนจะตั้งค่ายด้านทิศตะวันตกหลังพลับพลา 24 ผู้นำครอบครัวต่างๆ ในตระกูลเกอร์โชนคือเอลียาสาฟบุตรลาเอล 25 ตระกูลเกอร์โชนรับผิดชอบดูแลพลับพลาและเต็นท์ พร้อมเครื่องคลุมเต็นท์และม่านตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ 26 ม่านกั้นรอบลานพลับพลา ม่านกั้นทางเข้าลานพลับพลาและแท่นบูชา และเชือกทั้งหมดที่ใช้โยงพลับพลาเข้าด้วยกัน และทุกอย่างที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ในงานนี้
27 ลูกหลานของอัมราม อิสฮาร์ เฮโบรน และอุสซีเอลเป็นของตระกูลโคฮาท 28 รวมผู้ชายทั้งหมดที่อายุหนึ่งเดือนขึ้นไปมี 8,600 คน[f]ตระกูลโคฮาทรับผิดชอบดูแลสถานนมัสการ 29 ตระกูลโคฮาทจะตั้งค่ายด้านทิศใต้ของพลับพลา 30 ผู้นำครอบครัวต่างๆ ในตระกูลโคฮาทคือ เอลีซาฟานบุตรอุสซีเอล 31 พวกเขารับผิดชอบดูแลหีบพันธสัญญา โต๊ะ คันประทีป แท่นทั้งสองและเครื่องใช้ต่างๆ ของสถานนมัสการ ม่าน และทุกอย่างที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ในงานนี้ 32 หัวหน้าใหญ่ของคนเลวีคือ ปุโรหิตเอเลอาซาร์บุตรของอาโรน เขาได้รับแต่งตั้งให้กำกับดูแลสถานนมัสการ
33 ลูกหลานของมาห์ลีและมูชีเป็นของตระกูลเมรารี 34 รวมชายทั้งหมดที่อายุหนึ่งเดือนขึ้นไปมี 6,200 คน 35 ผู้นำครอบครัวต่างๆ ในตระกูลเมรารีคือศุรีเอลบุตรอาบีฮายิล พวกเขาจะตั้งค่ายด้านทิศเหนือของพลับพลา 36 ตระกูลเมรารีได้รับมอบหมายให้ดูแลไม้ฝาของพลับพลา คานขวาง เสา ฐานรองรับ อุปกรณ์ต่างๆ และทุกส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ในงานนี้ 37 ตลอดจนเสารอบลานพลับพลา ฐานรองรับ หลักหมุด และเชือก
38 โมเสสและอาโรนกับบรรดาบุตรชายของเขาจะตั้งเต็นท์ที่ด้านทิศตะวันออกของพลับพลา ด้านหน้าเต็นท์นัดพบ พวกเขารับผิดชอบดูแลสถานนมัสการแทนชนอิสราเอล ใครอื่นล่วงล้ำเข้าใกล้สถานนมัสการจะมีโทษถึงตาย
39 รวมชายเลวีอายุหนึ่งเดือนขึ้นไปทั้งหมด ซึ่งโมเสสและอาโรนได้นับไว้ตามตระกูลของพวกเขา ตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้ามี 22,000 คน
40 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงทำทะเบียนรายชื่อบุตรชายหัวปีทุกคนของอิสราเอลที่มีอายุหนึ่งเดือนขึ้นไป 41 คนเลวีจะเป็นของเรา เป็นตัวแทนบุตรชายหัวปีของอิสราเอล และฝูงสัตว์ของคนเลวีจะเป็นตัวแทนลูกหัวปีทั้งหมดของฝูงสัตว์ของคนอิสราเอล เราคือพระยาห์เวห์”
42 ดังนั้นโมเสสจึงนับจำนวนบุตรหัวปีทั้งหมดของชนอิสราเอลตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา 43 บุตรชายหัวปีอายุหนึ่งเดือนขึ้นไปตามรายชื่อมีทั้งสิ้น 22,273 คน
44 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 45 “จงมอบคนเลวีให้เราแทนบุตรชายหัวปีทั้งหมดของอิสราเอล และมอบฝูงสัตว์ของคนเลวีให้เราแทนฝูงสัตว์ของพวกเขา คนเลวีจะเป็นของเรา เราคือพระยาห์เวห์ 46 สำหรับบุตรชายหัวปีของอิสราเอล 273 คนซึ่งเกินจำนวนคนเลวีนั้น 47 จงเก็บเงินหนักคนละห้าเชเขล[g]ตามเชเขลของสถานนมัสการ ซึ่งเท่ากับยี่สิบเกราห์ 48 จงมอบเงินค่าไถ่ตัวของชนอิสราเอลที่เกินมานี้ให้แก่อาโรนและบุตรชายของเขา”
49 โมเสสจึงเก็บเงินค่าไถ่จากบุตรหัวปีชาวอิสราเอล ซึ่งเกินจำนวนคนที่ไถ่แล้วโดยทางคนเลวี 50 รวมจำนวนเงินที่เก็บได้หนัก 1,365 เชเขล ตามเชเขลของสถานนมัสการ 51 โมเสสมอบเงินค่าไถ่นี้ให้แก่อาโรนและบรรดาบุตรชายตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า
คนโคฮาท
4 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า 2 “จงทำบัญชีรายชื่อคนโคฮาทซึ่งเป็นเชื้อสายหนึ่งของคนเลวีตามตระกูลและตามครอบครัวของเขา 3 จงนับผู้ชายทุกคนซึ่งมีอายุตั้งแต่สามสิบปีถึงห้าสิบปีซึ่งมีคุณสมบัติที่จะมารับใช้ในเต็นท์นัดพบ
4 “ภารกิจของคนโคฮาทในเต็นท์นัดพบคือ ดูแลสิ่งบริสุทธิ์ที่สุด 5 เมื่อโยกย้ายค่ายพัก อาโรนกับบุตรชายจะเข้าไปปลดม่านกั้นอภิสุทธิสถานลงมาคลุมหีบพันธสัญญา 6 จากนั้นเอาหนังพะยูนคลุมทับม่าน ใช้ผ้าสีน้ำเงินคลุมทับหนังพะยูนอีกชั้นหนึ่ง แล้วสอดคานหามหีบพันธสัญญา
7 “ให้พวกเขาคลี่ผ้าสีน้ำเงินคลุมโต๊ะเครื่องถวายเบื้องพระพักตร์ วางจาน ชาม เหยือก และขนมปังซึ่งต้องตั้งไว้เสมอบนโต๊ะนั้น 8 เอาผ้าสีแดงคลุมทับสิ่งเหล่านั้น แล้วใช้หนังพะยูนคลุมทับไว้ และสอดคานหามเข้าที่ห่วงของโต๊ะ
9 “จากนั้นเอาผ้าสีน้ำเงินคลุมคันประทีป ตะเกียง กรรไกรแต่งไส้ตะเกียง ถาด และภาชนะทั้งหมดสำหรับบรรจุน้ำมันมะกอกเพื่อใช้เติมตะเกียง 10 แล้วใช้หนังพะยูนห่อทับอีกรอบ นำทั้งห่อขึ้นไปวางบนแคร่หาม
11 “จากนั้นคลี่ผ้าสีน้ำเงินคลุมแท่นบูชาทองคำ คลุมด้วยหนังพะยูนอีกชั้น แล้วสอดคานลอดห่วงของแท่น
12 “พวกเขาต้องใช้ผ้าสีน้ำเงินห่อภาชนะเครื่องใช้ทั้งหมดที่ใช้ในสถานนมัสการ คลุมทับด้วยหนังพะยูน แล้วนำไปวางบนแคร่หาม
13 “ให้เขาเอาขี้เถ้าออกจากแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ และใช้ผ้าสีม่วงคลุมแท่น 14 แล้วเอาภาชนะเครื่องใช้ประจำแท่นทั้งหมดได้แก่ ถาดรองไฟ ขอเกี่ยว ทัพพี อ่างประพรม และภาชนะอื่นๆ วางบนผ้านั้น แล้วคลุมด้วยหนังพะยูน เอาคานสอดประจำที่
15 “เมื่ออาโรนและบรรดาบุตรชายคลุมเครื่องตกแต่งอันบริสุทธิ์และเครื่องใช้บริสุทธิ์เหล่านี้ทั้งหมดแล้ว และเมื่อทั้งค่ายพร้อมจะเคลื่อนย้าย คนโคฮาทจะเข้ามาหามสิ่งเหล่านี้ แต่พวกเขาจะแตะต้องสิ่งบริสุทธิ์ไม่ได้ มิฉะนั้นจะต้องตาย งานของคนโคฮาทคือการแบกหามสิ่งต่างๆ ในเต็นท์นัดพบ
16 “ปุโรหิตเอเลอาซาร์บุตรชายของอาโรนจะรับผิดชอบเรื่องน้ำมันเติมประทีป เครื่องหอม ธัญบูชาประจำวัน และน้ำมันเจิม เขามีหน้าที่ตรวจตราดูแลพลับพลาและของทั้งหมดในพลับพลา รวมทั้งเครื่องใช้และเครื่องตกแต่งอันบริสุทธิ์ของพลับพลา”
17 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า 18 “อย่าปล่อยให้บรรดาคนตระกูลโคฮาทถูกตัดขาดจากเผ่าเลวี 19 เพื่อป้องกันไม่ให้เขาต้องตายเมื่อเข้ามาใกล้สิ่งบริสุทธิ์ เจ้าจงทำดังนี้คือ อาโรนกับบรรดาบุตรชายจะเข้ามาในสถานนมัสการ คอยกำกับว่าให้แต่ละคนทำอะไรและต้องแบกหามสิ่งใดบ้าง 20 แต่คนโคฮาทจะต้องไม่เข้าไปมองสิ่งบริสุทธิ์แม้ชั่วอึดใจ มิฉะนั้นจะต้องตาย”
คนเกอร์โชน
21 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 22 “จงขึ้นทะเบียนคนเกอร์โชนตามครอบครัวและตามตระกูลของเขา 23 จงนับชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบถึงห้าสิบปี ซึ่งมีคุณสมบัติที่จะมารับใช้ในเต็นท์นัดพบ
24 “นี่คือหน้าที่ของคนตระกูลเกอร์โชนในการทำงานและขนสัมภาระ 25 พวกเขาจะต้องขนม่านพลับพลา เต็นท์นัดพบ เครื่องคลุมต่างๆ และเครื่องคลุมชั้นนอกที่ทำจากหนังพะยูน ม่านตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ 26 ม่านกั้นลานพลับพลาและแท่นบูชา ม่านสำหรับทางเข้า เชือก และอุปกรณ์อื่นๆ คนเกอร์โชนจะต้องรับผิดชอบงานที่เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด 27 อาโรนและบุตรชายต้องกำกับดูแล และมอบหมายงานทุกอย่างไม่ว่าในงานแบกหามหรือ งานอื่นๆ ให้คนเกอร์โชน 28 นี่คืองานของตระกูลเกอร์โชนที่เต็นท์นัดพบ โดยมีปุโรหิตอิธามาร์บุตรชายของอาโรนคอยกำกับดูแล
คนเมรารี
29 “จงนับคนเมรารีตามตระกูลและตามครอบครัวของเขา 30 จงนับชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบปีถึงห้าสิบปี ซึ่งมีคุณสมบัติที่จะมารับใช้ในเต็นท์นัดพบ 31 นี่เป็นหน้าที่ที่เขาจะต้องทำที่เต็นท์นัดพบคือ ขนไม้ฝาของพลับพลา คานขวาง เสา ฐานรองรับ 32 เสาของลานพลับพลาพร้อมทั้งฐานรองรับ หลักหมุด เชือก เครื่องใช้ และเครื่องประกอบอื่นๆ ทั้งหมด จงมอบหน้าที่แบกหามอย่างเจาะจงให้แต่ละคน 33 นี่คืองานรับใช้ของตระกูลเมรารีที่เต็นท์นัดพบ โดยมีปุโรหิตอิธามาร์บุตรชายของอาโรนคอยกำกับดูแล”
การนับจำนวนคนในตระกูลเลวี
34 โมเสส อาโรนและบรรดาผู้นำชุมชนได้นับคนโคฮาทตามตระกูลและตามครอบครัวต่างๆ ของเขา 35 ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบปีถึงห้าสิบปี ซึ่งมีคุณสมบัติที่จะมารับใช้ในเต็นท์นัดพบ 36 นับตามตระกูลได้ 2,750 คน 37 นี่คือยอดรวมจำนวนตระกูลโคฮาทซึ่งรับใช้ในเต็นท์นัดพบ โมเสสกับอาโรนได้นับจำนวนพวกเขาตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาผ่านทางโมเสส
38 เขาได้นับคนเกอร์โชนตามตระกูลและตามครอบครัวของเขา 39 ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบปีถึงห้าสิบปีซึ่งมีคุณสมบัติที่จะมารับใช้ในเต็นท์นัดพบ 40 นับตามตระกูลและตามครอบครัวได้ 2,630 คน 41 นี่คือยอดรวมจำนวนคนตระกูลเกอร์โชนซึ่งรับใช้ที่เต็นท์นัดพบ โมเสสกับอาโรนนับจำนวนพวกเขาตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา
42 เขาได้นับคนเมรารีตามตระกูลและตามครอบครัวของเขา 43 ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบปีถึงห้าสิบปี ซึ่งมีคุณสมบัติที่จะมารับใช้ในเต็นท์นัดพบ 44 นับตามตระกูลของพวกเขาได้ 3,200 คน 45 นี่คือยอดรวมจำนวนคนตระกูลเมรารี โมเสสกับอาโรนนับจำนวนพวกเขาตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาผ่านทางโมเสส
46 ดังนั้นโมเสส อาโรน และบรรดาผู้นำของอิสราเอลได้นับจำนวนคนเลวีทั้งหมดตามตระกูลและตามครอบครัวของพวกเขา 47 ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบปีถึงห้าสิบปีซึ่งมีคุณสมบัติที่จะมารับใช้และขนย้ายเต็นท์นัดพบ 48 รวมทั้งสิ้น 8,580 คน 49 แต่ละคนได้รับมอบหมายหน้าที่และรายการสิ่งที่ต้องขนย้ายตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าผ่านทางโมเสส
ดังนั้นพวกเขาจึงนับจำนวนคนเลวีตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสสไว้
ความบริสุทธิ์ของค่าย
5 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 2 “จงสั่งประชากรอิสราเอลให้ส่งคนที่เป็นโรคผิวหนัง[h]ผู้มีสิ่งที่หลั่งออกหรือผู้ที่เป็นมลทินตามระเบียบพิธีเพราะไปแตะต้องซากศพ ออกไปจากค่าย 3 ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย จงส่งคนเหล่านี้ออกไปนอกค่าย เพื่อไม่ให้เป็นมลทินแก่ค่ายพักซึ่งเราอยู่ท่ามกลางพวกเขา” 4 ชาวอิสราเอลก็ปฏิบัติตามโดยส่งคนเหล่านั้นออกไปนอกค่ายตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสส
การชดใช้เมื่อทำผิด
5 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 6 “จงแจ้งประชากรอิสราเอลว่า ‘เมื่อหญิงหรือชายใดทำผิดต่อคนอื่นอย่างหนึ่งอย่างใด ผู้นั้นย่อมมีความผิดเพราะไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า 7 เขาจะต้องสารภาพบาปและชดใช้เต็มจำนวนตามความเสียหาย และชดใช้เพิ่มอีกหนึ่งในห้าให้แก่ผู้เสียหาย 8 แต่หากผู้เสียหายไม่มีญาติสนิทที่จะรับแทน ค่าชดใช้นั้นเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าและต้องนำไปมอบแก่ปุโรหิตพร้อมด้วยแกะตัวผู้สำหรับขออภัยโทษบาปให้เขา 9 ของถวายอันบริสุทธิ์ทั้งหมดที่ประชากรอิสราเอลนำมามอบแก่ปุโรหิตถือเป็นของปุโรหิต 10 ของถวายอันบริสุทธิ์ของแต่ละคนเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาเอง แต่สิ่งที่ยกให้ปุโรหิตจะเป็นของปุโรหิต’ ”
ทดสอบภรรยาที่ไม่ซื่อสัตย์
11 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 12 “จงแจ้งประชากรอิสราเอลว่า ‘ภรรยาของชายคนใดคบชู้และไม่ซื่อสัตย์ต่อเขา 13 โดยไปนอนกับชายอื่นและยังเป็นความลับ ไม่เป็นที่ประจักษ์ต่อสามี (เพราะว่าไม่มีพยานหลักฐานและจับไม่ได้คาหนังคาเขา) 14 และถ้าสามีรู้สึกหึงหวง และสงสัยในตัวภรรยาของตน ไม่ว่าภรรยาจะทำผิดหรือไม่ก็ตาม 15 เขาจะต้องพาภรรยาและเครื่องบูชาของเธอคือแป้งบาร์เลย์ประมาณ 2 ลิตร[i]มาหาปุโรหิตโดยไม่ต้องเคล้าน้ำมันหรือโรยเครื่องหอม เพราะเป็นธัญบูชาเรื่องความหึงหวง และเป็นเครื่องบูชาที่เตือนให้ระลึกถึงความผิด
16 “ ‘ปุโรหิตจะพานางมายืนอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า 17 จากนั้นเขาจะเอาน้ำบริสุทธิ์บรรจุในภาชนะดินเผา ผสมฝุ่นที่พื้นพลับพลาลงในน้ำนั้น 18 หลังจากปุโรหิตพานางมายืนอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจะปล่อยผมของนาง และให้นางถือเครื่องบูชาที่เตือนให้ระลึกถึงความผิดและธัญบูชาเรื่องความหึงหวง ในขณะที่ปุโรหิตถือน้ำขมแห่งคำสาป 19 ปุโรหิตจะให้นางสาบานตนแล้วพูดกับนางว่า “หากไม่มีชายอื่นหลับนอนกับเจ้า และเจ้าไม่ได้หลงผิด และไม่เป็นมลทินขณะอยู่กินกับสามีของเจ้า ขอให้น้ำขมที่นำคำสาปแช่งมานี้ไม่ทำอันตรายเจ้า 20 แต่หากเจ้าหลงผิดขณะที่ยังอยู่กินกับสามี และเจ้าได้ทำตัวให้เป็นมลทินโดยหลับนอนกับชายอื่นที่ไม่ใช่สามี” 21 จากนั้นปุโรหิตจะให้นางสาบานว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้ประชากรของเจ้าสาปแช่งและประณามเจ้าเมื่อพระองค์ทำให้เจ้าแท้งลูกและเป็นหมัน[j] 22 ขอให้น้ำนี้นำคำสาปแช่งเข้าสู่ร่างกายของเจ้า ทำให้เจ้าแท้งลูกและเป็นหมัน”
“ ‘แล้วนางต้องกล่าวว่า “อาเมน ขอให้เป็นไปตามนั้นเถิด[k]”
23 “ ‘ปุโรหิตจะเขียนคำสาปแช่งเหล่านี้ลงบนหนังสือม้วน แล้วนำมาล้างออกในน้ำขมนี้ 24 แล้วปุโรหิตจะให้นางดื่มน้ำขมแห่งคำสาปแช่ง น้ำนี้จะเข้าไปในตัวนางและทำให้นางทุกข์ทรมาน 25 ปุโรหิตจะรับธัญบูชาเรื่องความหึงหวงจากมือของนาง นำมายื่นถวายต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วนำมาที่แท่นบูชา 26 ต่อจากนั้นปุโรหิตจะกอบธัญบูชาขึ้นมากำมือหนึ่ง เป็นเครื่องบูชาส่วนอนุสรณ์ เผาบนแท่นบูชา แล้วให้นางดื่มน้ำนี้ 27 หากนางได้ทำตัวให้เป็นมลทินและไม่ซื่อสัตย์ต่อสามี เมื่อปุโรหิตให้นางดื่มน้ำที่นำการสาปแช่งมา น้ำจะเข้าไปในตัวของนางและทำให้นางทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ทำให้นางเป็นหมันหรือแท้งลูกไป นางจะเป็นที่สาปแช่งในหมู่ประชากรของนาง 28 แต่หากนางไม่เป็นมลทินและบริสุทธิ์ ไม่ได้คบชู้ นางจะพ้นผิดและจะสามารถมีลูกได้
29 “ ‘นี่คือบทบัญญัติเรื่องความหึงหวง เมื่อภรรยาได้หลงผิดและทำตัวให้เป็นมลทินโดยนอกใจหรือมีชู้ 30 หรือเมื่อสามีรู้สึกหึงหวงและสงสัยในตัวภรรยา ปุโรหิตจะนำนางมายืนอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและดำเนินการตามที่กล่าวมาแล้ว 31 สามีของนางจะไม่ต้องรับผิดใดๆ แต่นางต้องรับผลเพราะบาปของนาง’ ”
นาศีร์
6 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 2 “จงแจ้งชนอิสราเอลว่า ‘ชายหรือหญิงคนใดถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นพิเศษว่าจะเป็นนาศีร์อุทิศตนแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 3 เขาต้องงดเครื่องดื่มมึนเมาหรือเหล้าองุ่น น้ำองุ่น ผลองุ่นสดหรือลูกเกด และน้ำส้มสายชูที่ได้จากเหล้าองุ่น 4 ตลอดระยะเวลาที่เขาเป็นนาศีร์นั้น เขาจะไม่กินสิ่งใดที่มาจากต้นองุ่น แม้แต่เมล็ดหรือเปลือกองุ่น
5 “ ‘ตลอดช่วงนั้นเขาจะไม่ตัดผม เขาต้องรักษาตนให้บริสุทธิ์ เขาจึงต้องไว้ผมยาว 6 ตลอดระยะเวลาที่เขาเป็นนาศีร์[l]ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเขาจะต้องไม่ย่างกรายเข้าใกล้ซากศพ 7 แม้ว่าจะเป็นศพของบิดามารดาหรือพี่น้องชายหญิง เขาจะต้องไม่ทำตัวให้เป็นมลทินตามระเบียบพิธี เพราะสัญลักษณ์แห่งการเป็นนาศีร์อยู่บนศีรษะของเขา 8 ตลอดระยะเวลาที่เขาเป็นนาศีร์ เขาต้องชำระตัวให้บริสุทธิ์แยกไว้แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
9 “ ‘หากมีคนมาตายอยู่ข้างตัวเขาโดยปัจจุบันทันด่วน ทำให้ผมที่เขาถวายปฏิญาณไว้เป็นมลทิน เขาต้องโกนศีรษะในวันชำระตัวคือวันที่เจ็ด 10 ในวันที่แปดเขาต้องนำนกเขาหรือนกพิราบรุ่นสองตัวมามอบแก่ปุโรหิตตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ 11 ปุโรหิตจะถวายนกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป อีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชาเพื่อลบบาปสำหรับผู้นั้น เพราะเขาได้ทำบาปโดยการอยู่ใกล้ซากศพ ในวันเดียวกันนั้นเขาต้องชำระศีรษะถวายอีกครั้ง 12 เขาต้องอุทิศตนแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดระยะเวลาที่เขาเป็นนาศีร์ และนำแกะผู้อายุหนึ่งขวบตัวหนึ่งมาเป็นเครื่องบูชาลบความผิด วันอื่นๆ ก่อนหน้านั้นไม่นับ เพราะเขาได้เป็นมลทินตลอดระยะเวลาที่เขาเป็นนาศีร์
13 “ ‘เมื่อครบกำหนดการเป็นนาศีร์ตามกฎของนาศีร์แล้ว เขาจะต้องมาที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ 14 และถวายสัตว์ที่ไม่มีตำหนิแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าคือ ถวายลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบหนึ่งตัวเป็นเครื่องเผาบูชา ลูกแกะตัวเมียอายุหนึ่งขวบหนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และแกะผู้อีกหนึ่งตัวเป็นเครื่องสันติบูชา 15 พร้อมกับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชา ขนมปังไม่ใส่เชื้อหนึ่งกระจาดอันได้แก่ ขนมปังที่ทำจากแป้งละเอียดเคล้าน้ำมัน และขนมปังแผ่นบางทาด้วยน้ำมัน
16 “ ‘ปุโรหิตจะยื่นถวายของเหล่านี้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วถวายเครื่องบูชาไถ่บาปและเครื่องเผาบูชา 17 จากนั้นเขาจะถวายขนมปังไม่ใส่เชื้อกระจาดนั้น และแกะตัวผู้เป็นเครื่องสันติบูชาพร้อมด้วยธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
18 “ ‘แล้วนาศีร์ต้องโกนผมออกตามที่ปฏิญาณอุทิศตนนั้นที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ และนำผมนั้นไปใส่ในไฟที่เผาเครื่องสันติบูชาอยู่
19 “ ‘เมื่อนาศีร์นั้นโกนผมเสร็จแล้ว ปุโรหิตจะนำโคนขาหน้าของแกะผู้ที่ต้มแล้ว ขนมปังไม่ใส่เชื้อ และขนมปังแผ่นบางไม่ใส่เชื้อจากกระจาดนั้นใส่ไว้ในมือของเขา 20 แล้วปุโรหิตจะยื่นถวายสิ่งเหล่านั้นต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเครื่องบูชายื่นถวาย ทั้งหมดนั้นเป็นของบริสุทธิ์ เป็นส่วนของปุโรหิตพร้อมกับเนื้ออกและโคนขาซึ่งยื่นถวายแด่พระองค์ หลังจากนั้นนาศีร์ผู้นั้นจึงดื่มเหล้าองุ่นได้
21 “ ‘ทั้งหมดนี้คือบทบัญญัติของนาศีร์ ผู้ที่ถวายปฏิญาณแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตามการอุทิศตัวของเขา นอกจากนี้เขาจะถวายสิ่งอื่นอีกก็ได้ แต่เขาจะต้องทำตามคำปฏิญาณ ตามกฎของนาศีร์ให้สำเร็จ’ ”
พรจากปุโรหิต
22 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 23 “จงบอกอาโรนกับบุตรชายว่า ‘นี่เป็นวิธีที่เจ้าจะอวยพรชนอิสราเอล จงกล่าวแก่พวกเขาดังนี้
24 “ ‘ “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอำนวยพร
และทรงพิทักษ์รักษาท่าน
25 ขอให้พระพักตร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าทอแสงเหนือท่าน
ขอพระองค์ทรงเมตตากรุณาท่าน
26 ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดปรานท่าน[m]
และประทานสันติสุขแก่ท่าน” ’
27 “ดังนั้นอาโรนกับบุตรชายจะประทับนามของเราเหนืออิสราเอล และเราจะอวยพรพวกเขา”
ของถวายเมื่อถวายพลับพลา
7 เมื่อโมเสสสร้างพลับพลาเสร็จแล้ว เขาเจิมและชำระพลับพลากับส่วนประกอบทั้งหมด รวมทั้งแท่นบูชาและภาชนะเครื่องใช้ทุกอย่างสำหรับแท่นบูชา 2 บรรดาผู้นำของอิสราเอลและหัวหน้าครอบครัวต่างๆ ได้ถวายเครื่องบูชา พวกเขาเป็นหัวหน้าเผ่าต่างๆ ซึ่งรับผิดชอบผู้ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ 3 พวกเขานำเกวียนหกเล่มและวัวสิบสองตัวมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้นำสองคนถวายเกวียนเล่มหนึ่งกับวัวคนละตัวตรงหน้าพลับพลา
4 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 5 “จงรับของถวายจากเขาเถิด และใช้วัวกับเกวียนเหล่านั้นสำหรับงานที่เต็นท์นัดพบ จงมอบของเหล่านั้นให้คนเลวีไว้ใช้ในงานของเขาแต่ละคน”
6 โมเสสจึงนำเกวียนและวัวไปมอบให้คนเลวี 7 เขามอบเกวียนสองเล่มและวัวสี่ตัวให้คนเกอร์โชนเพื่อใช้สอยในงานของเขา 8 มอบเกวียนสี่เล่มพร้อมวัวแปดตัวแก่คนเมรารีเพื่อใช้ในงานของเขา คนเหล่านี้อยู่ใต้บังคับบัญชาของปุโรหิตอิธามาร์บุตรของอาโรน 9 แต่โมเสสไม่ได้มอบสิ่งใดให้คนโคฮาท เพราะพวกเขาจะต้องหามเครื่องใช้ศักดิ์สิทธิ์ตามที่พวกเขารับผิดชอบ
10 ในวันที่เจิมแท่นบูชา บรรดาผู้นำได้นำเครื่องบูชามาถวายที่แท่นบูชา 11 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “ให้ผู้นำแต่ละคนนำของถวายมาคนละวันเพื่อมอบถวายแท่นบูชา”
12 ในวันแรกนาห์โชนบุตรอัมมีนาดับแห่งเผ่ายูดาห์นำของมาถวาย ได้แก่
13 จานเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม[n] อ่างประพรม ทำจากเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 800 กรัม[o] ทั้งจานและชามใส่แป้งละเอียดเคล้าน้ำมันสำหรับเป็นธัญบูชา 14 จานทองคำหนึ่งใบหนักประมาณ 110 กรัม[p] บรรจุเครื่องหอม 15 วัวหนุ่มหนึ่งตัว แกะผู้หนึ่งตัว ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบหนึ่งตัวสำหรับเป็นเครื่องเผาบูชา 16 แพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป 17 วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้าตัว แพะผู้ห้าตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบห้าตัว สำหรับเป็นเครื่องสันติบูชา นี่คือของถวายจากนาห์โชนบุตรอัมมีนาดับ
18 วันที่สอง เนธันเอลบุตรศุอาร์ผู้นำเผ่าอิสสาคาร์นำของมาถวาย ได้แก่
19 จานเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม อ่างประพรมทำจากเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 800 กรัม ทั้งจานและชามใส่แป้งละเอียดเคล้าน้ำมันสำหรับเป็นธัญบูชา 20 จานทองคำหนึ่งใบหนักประมาณ 110 กรัมบรรจุเครื่องหอม 21 วัวหนุ่มหนึ่งตัว แกะผู้หนึ่งตัว ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบหนึ่งตัว สำหรับเป็นเครื่องเผาบูชา 22 แพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป 23 วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้าตัว แพะผู้ห้าตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบห้าตัวสำหรับเป็นเครื่องสันติบูชา นี่คือของถวายจากเนธันเอลบุตรศุอาร์
24 วันที่สาม เอลีอับบุตรเฮโลนผู้นำเผ่าเศบูลุนนำของมาถวาย ได้แก่
25 จานเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม อ่างประพรมทำจากเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 800 กรัม ทั้งจานและชามใส่แป้งละเอียดเคล้าน้ำมันสำหรับเป็นธัญบูชา 26 จานทองคำหนึ่งใบหนักประมาณ 110 กรัมบรรจุเครื่องหอม 27 วัวหนุ่มหนึ่งตัว แกะผู้หนึ่งตัว ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบหนึ่งตัว สำหรับเป็นเครื่องเผาบูชา 28 แพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป 29 วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้าตัว แพะผู้ห้าตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบห้าตัวสำหรับเป็นเครื่องสันติบูชา นี่คือของถวายจากเอลีอับบุตรเฮโลน
30 วันที่สี่ เอลีซูร์บุตรเชเดเออร์ผู้นำเผ่ารูเบนนำของมาถวาย ได้แก่
31 จานเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม อ่างประพรมทำจากเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 800 กรัม ทั้งจานและชามใส่แป้งละเอียดเคล้าน้ำมันสำหรับเป็นธัญบูชา 32 จานทองคำหนึ่งใบหนักประมาณ 110 กรัมบรรจุเครื่องหอม 33 วัวหนุ่มหนึ่งตัว แกะผู้หนึ่งตัว ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบหนึ่งตัวสำหรับเป็นเครื่องเผาบูชา 34 แพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป 35 วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้าตัว แพะผู้ห้าตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบห้าตัวสำหรับเป็นเครื่องสันติบูชา นี่คือของถวายจากเอลีซูร์บุตรเชเดเออร์
36 วันที่ห้า เชลูมิเอลบุตรศูริชัดดัยผู้นำเผ่าสิเมโอนนำของมาถวาย ได้แก่
37 จานเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม อ่างประพรมทำจากเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 800 กรัม ทั้งจานและชามใส่แป้งละเอียดเคล้าน้ำมันสำหรับเป็นธัญบูชา 38 จานทองคำหนึ่งใบหนักประมาณ 110 กรัมบรรจุเครื่องหอม 39 วัวหนุ่มหนึ่งตัว แกะผู้หนึ่งตัว ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบหนึ่งตัว สำหรับเป็นเครื่องเผาบูชา 40 แพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป 41 วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้าตัว แพะผู้ห้าตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบห้าตัวสำหรับเป็นเครื่องสันติบูชา นี่คือของถวายจากเชลูมิเอลบุตรศูริชัดดัย
42 วันที่หก เอลียาสาฟบุตรเดอูเอลผู้นำเผ่ากาดนำของมาถวาย ได้แก่
43 จานเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม อ่างประพรมทำจากเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 800 กรัม ทั้งจานและชามใส่แป้งละเอียดเคล้าน้ำมันสำหรับเป็นธัญบูชา 44 จานทองคำหนึ่งใบหนักประมาณ 110 กรัมบรรจุเครื่องหอม 45 วัวหนุ่มหนึ่งตัว แกะผู้หนึ่งตัว ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบหนึ่งตัวสำหรับเป็นเครื่องเผาบูชา 46 แพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป 47 วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้าตัว แพะผู้ห้าตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบห้าตัวสำหรับเป็นเครื่องสันติบูชา นี่คือของถวายจากเอลียาสาฟบุตรเดอูเอล
48 วันที่เจ็ด เอลีชามาบุตรอัมมีฮูดผู้นำเผ่าเอฟราอิมนำของมาถวาย ได้แก่
49 จานเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม อ่างประพรมทำจากเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 800 กรัม ทั้งจานและชามใส่แป้งละเอียดเคล้าน้ำมันสำหรับเป็นธัญบูชา 50 จานทองคำหนึ่งใบหนักประมาณ 110 กรัมบรรจุเครื่องหอม 51 วัวหนุ่มหนึ่งตัว แกะผู้หนึ่งตัว ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบหนึ่งตัวสำหรับเป็นเครื่องเผาบูชา 52 แพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป 53 วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้าตัว แพะผู้ห้าตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบห้าตัวสำหรับเป็นเครื่องสันติบูชา นี่คือของถวายจากเอลีชามาบุตรอัมมีฮูด
54 วันที่แปด กามาลิเอลบุตรเปดาซูร์ผู้นำเผ่ามนัสเสห์นำของมาถวาย ได้แก่
55 จานเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม อ่างประพรมทำจากเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 800 กรัม ทั้งจานและชามใส่แป้งละเอียดเคล้าน้ำมันสำหรับเป็นธัญบูชา 56 จานทองคำหนึ่งใบหนักประมาณ 110 กรัมบรรจุเครื่องหอม 57 วัวหนุ่มหนึ่งตัว แกะผู้หนึ่งตัว ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบหนึ่งตัวสำหรับเป็นเครื่องเผาบูชา 58 แพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป 59 วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้าตัว แพะผู้ห้าตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบห้าตัวสำหรับเป็นเครื่องสันติบูชา นี่คือของถวายจากกามาลิเอลบุตรเปดาซูร์
60 วันที่เก้า อาบีดันบุตรกิเดโอนีผู้นำเผ่าเบนยามินนำของมาถวาย ได้แก่
61 จานเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม อ่างประพรมทำจากเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 800 กรัม ทั้งจานและชามใส่แป้งละเอียดเคล้าน้ำมันสำหรับเป็นธัญบูชา 62 จานทองคำหนึ่งใบหนักประมาณ 110 กรัมบรรจุเครื่องหอม 63 วัวหนุ่มหนึ่งตัว แกะผู้หนึ่งตัว ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบหนึ่งตัวสำหรับเป็นเครื่องเผาบูชา 64 แพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป 65 วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้าตัว แพะผู้ห้าตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบห้าตัวสำหรับเป็นเครื่องสันติบูชา นี่คือของถวายจากอาบีดันบุตรกิเดโอนี
66 วันที่สิบ อาหิเยเซอร์บุตรอัมมีชัดดัยผู้นำเผ่าดานนำของมาถวาย ได้แก่
67 จานเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม อ่างประพรมทำจากเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 800 กรัม ทั้งจานและชามใส่แป้งละเอียดเคล้าน้ำมันสำหรับเป็นธัญบูชา 68 จานทองคำหนึ่งใบหนักประมาณ 110 กรัมบรรจุเครื่องหอม 69 วัวหนุ่มหนึ่งตัว แกะผู้หนึ่งตัว ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบหนึ่งตัวสำหรับเป็นเครื่องเผาบูชา 70 แพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป 71 วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้าตัว แพะผู้ห้าตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบห้าตัวสำหรับเป็นเครื่องสันติบูชา นี่คือของถวายจากอาหิเยเซอร์บุตรอัมมีชัดดัย
72 วันที่สิบเอ็ด ปากีเอลบุตรโอครานผู้นำเผ่าอาเชอร์นำของมาถวาย ได้แก่
73 จานเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม อ่างประพรมทำจากเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 800 กรัม ทั้งจานและชามใส่แป้งละเอียดเคล้าน้ำมันสำหรับเป็นธัญบูชา 74 จานทองคำหนึ่งใบหนักประมาณ 110 กรัมบรรจุเครื่องหอม 75 วัวหนุ่มหนึ่งตัว แกะผู้หนึ่งตัว ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบหนึ่งตัวสำหรับเป็นเครื่องเผาบูชา 76 แพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป 77 วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้าตัว แพะผู้ห้าตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบห้าตัวสำหรับเป็นเครื่องสันติบูชา นี่คือของถวายจากปากีเอลบุตรโอคราน
78 วันที่สิบสอง อาหิราบุตรเอนันผู้นำเผ่านัฟทาลีนำของมาถวาย ได้แก่
79 จานเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม อ่างประพรมทำจากเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 800 กรัม ทั้งจานและชามใส่แป้งละเอียดเคล้าน้ำมันสำหรับเป็นธัญบูชา 80 จานทองคำหนึ่งใบหนักประมาณ 110 กรัมบรรจุเครื่องหอม 81 วัวหนุ่มหนึ่งตัว แกะผู้หนึ่งตัว ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบหนึ่งตัวสำหรับเป็นเครื่องเผาบูชา 82 แพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป 83 วัวผู้สองตัว แกะผู้ห้าตัว แพะผู้ห้าตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบห้าตัวสำหรับเป็นเครื่องสันติบูชา นี่คือของถวายจากอาหิราบุตรเอนัน
84 สิ่งเหล่านี้คือของถวายจากบรรดาผู้นำอิสราเอล เพื่อการถวายแท่นบูชาเมื่อแท่นบูชาได้รับการเจิมคือ จานเงินสิบสองใบ อ่างประพรมทำจากเงินสิบสองใบ และจานทองคำสิบสองใบ 85 จานเงินแต่ละใบหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม อ่างประพรมทำจากเงินแต่ละใบหนักประมาณ 800 กรัม รวมแล้วหนักประมาณ 28 กิโลกรัม[q] 86 จานทองคำบรรจุเครื่องหอมสิบสองใบแต่ละใบหนักประมาณ 110 กรัม รวมแล้วหนักประมาณ 1.4 กิโลกรัม[r] 87 สัตว์ที่ใช้เป็นเครื่องเผาบูชาทั้งหมดมีวัวหนุ่มสิบสองตัว แกะผู้สิบสองตัว ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบสิบสองตัวพร้อมด้วยเครื่องธัญบูชา มีแพะผู้สิบสองตัวใช้สำหรับเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป 88 สัตว์ที่ใช้เป็นเครื่องสันติบูชาทั้งหมดมีวัวผู้ 24 ตัว แกะผู้ 60 ตัว แพะผู้ 60 ตัว ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบ 60 ตัว ทั้งหมดนี้คือของถวายเพื่อการถวายแท่นบูชาหลังจากแท่นบูชาได้รับการเจิม
89 เมื่อโมเสสเข้าไปในเต็นท์นัดพบเพื่อทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าเขาได้ยินพระสุรเสียงตรัสกับเขาจากพระที่นั่งกรุณาเหนือหีบพันธสัญญาระหว่างเครูบทั้งสอง พระองค์ได้ตรัสกับเขาจากที่นั่น
อาโรนตั้งประทีป
8 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 2 “จงบอกอาโรนว่า ‘เมื่อท่านจุดตะเกียงทั้งเจ็ดดวง ตะเกียงต้องให้แสงสว่างบริเวณด้านหน้าของคันประทีป’ ”
3 อาโรนก็ปฏิบัติตาม ตั้งตะเกียงบนคันประทีปส่องไปข้างหน้าตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสส 4 คันประทีปนี้เคาะแต่งขึ้นจากทองคำตั้งแต่ฐานจนถึงยอด ตามแบบที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงแก่โมเสส
แยกคนเลวีไว้เฉพาะ
5 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 6 “จงแยกคนเลวีจากเผ่าอื่นๆ ของอิสราเอล และชำระพวกเขาตามระเบียบพิธี 7 จงทำสิ่งต่อไปนี้เพื่อที่จะชำระพวกเขาคือ พรมน้ำแห่งการชำระเหนือพวกเขา แล้วให้โกนขนทั้งตัวและซักเสื้อผ้า 8 ให้พวกเขานำวัวหนุ่มหนึ่งตัว พร้อมด้วยธัญบูชาคือแป้งละเอียดเคล้าน้ำมัน และให้นำวัวหนุ่มอีกตัวหนึ่งมาสำหรับเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป 9 จงพาคนเลวีมาที่หน้าเต็นท์นัดพบต่อหน้าปวงประชากรอิสราเอล 10 จงนำคนเลวีมาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและให้ชาวอิสราเอลวางมือบนพวกเขา 11 อาโรนจะต้องเบิกตัวคนเลวีเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าในฐานะเป็นเครื่องบูชายื่นถวายจากชนอิสราเอล เพื่อพวกเขาจะพร้อมปฏิบัติงานรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า
12 “แล้วคนเลวีจะวางมือบนหัววัวทั้งสองตัว และถวายวัวตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าอีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชาเพื่อลบบาปให้คนเลวี 13 จากนั้นให้คนเลวีมายืนต่อหน้าอาโรนและบรรดาบุตรชาย และมอบถวายพวกเขาเป็นเครื่องบูชายื่นถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 14 เจ้าต้องแยกคนเลวีออกจากประชากรอิสราเอลทั้งหมดด้วยวิธีนี้ และคนเลวีจะเป็นของเรา
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.