Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
อพยพ 29-40

การเตรียมปุโรหิตให้บริสุทธิ์

29 เจ้าควรกระทำสิ่งเหล่านี้เพื่อให้พวกเขาบริสุทธิ์ เพื่อเป็นปุโรหิตรับใช้เรา จงเอาโคหนุ่มตัวหนึ่งกับแกะตัวผู้ 2 ตัวที่ปราศจากตำหนิ อีกทั้งขนมปังไร้เชื้อ ขนมไร้เชื้อมีน้ำมันผสม และขนมปังกรอบไร้เชื้อทาน้ำมัน เจ้าจงทำขนมปังพวกนี้ด้วยแป้งสาลีชั้นเยี่ยม ใส่รวมกันในตะกร้านำมาพร้อมกับโคหนุ่มและแกะตัวผู้ 2 ตัวนั้น จงพาอาโรนกับบุตรชายของเขามาที่ประตูทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย แล้วจงชำระตัวพวกเขาด้วยน้ำ เจ้าจงเอาเครื่องแต่งกายมาตกแต่งให้อาโรน คือมีเสื้อยาวชั้นใน เสื้อคลุมยาวสำหรับสวมใต้ชุดคลุม ชุดคลุม และทับทรวง แล้วคาดผ้าคาดเอวซึ่งทอด้วยฝีมือชั้นดีให้กระชับเข้ากับชุดคลุม สวมผ้าโพกศีรษะให้เขา ติดมงกุฎบริสุทธิ์ที่ผ้าโพกศีรษะ เจ้าจงเอาน้ำมันเจิมรดศีรษะอาโรนเพื่อเป็นการแต่งตั้ง แล้วเจ้าจงพาบุตรของเขามา สวมเสื้อยาวชั้นในให้พวกเขา คาดผ้าคาดเอว และโพกศีรษะให้พวกเขา แล้วเขาจะเป็นปุโรหิตตามข้อกำหนดตลอดไป เจ้าจงแต่งตั้งอาโรนกับบุตรของเขาตามนี้

10 จงเอาโคหนุ่มมาที่หน้ากระโจมที่นัดหมาย อาโรนกับบุตรของเขาจะเอามือวางลงที่หัวโคหนุ่มตัวนั้น 11 แล้วเจ้าจงฆ่าโคหนุ่ม ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าที่ประตูทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย 12 เอาเลือดโคหนุ่มป้ายบนเชิงงอนของแท่นบูชาด้วยนิ้วมือของเจ้า แล้วเทเลือดที่เหลือลงบนฐานของแท่นบูชา 13 เอาไขมันที่หุ้มเครื่องใน พังผืดที่หุ้มตับ พร้อมกับไตทั้งสองที่มีไขมันติด เผาบนแท่นบูชา 14 ส่วนเนื้อกับหนังและไส้โคหนุ่ม จงเผาไฟเสียที่นอกค่าย เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป

15 แล้วเจ้าจงเอาแกะผู้ตัวหนึ่งมา อาโรนกับบุตรของเขาจะเอามือวางลงบนหัวแกะ 16 เจ้าจงฆ่าแกะผู้ตัวนั้น แล้วเอาเลือดสาดไปรอบๆ แท่นบูชา 17 จงตัดเนื้อแกะผู้เป็นท่อนๆ ล้างเครื่องในและขาหลัง แล้ววางรวมไว้กับส่วนที่เหลือและหัวของมัน 18 เผาแกะผู้ทุกส่วนบนแท่นบูชา เป็นสัตว์ที่เผาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า มีกลิ่นหอมอันน่าพอใจ คือของถวายด้วยไฟมอบแด่พระผู้เป็นเจ้า

19 จงเอาแกะผู้อีกตัวหนึ่งมาให้อาโรนและบุตรของเขาวางมือลงที่หัว 20 เจ้าจงฆ่าแกะผู้ตัวนั้น เอาเลือดแกะป้ายที่ปลายหูขวาของอาโรนและของบุตรด้วย แล้วก็ป้ายเลือดที่นิ้วหัวแม่มือข้างขวาและที่นิ้วหัวแม่เท้าข้างขวา เลือดที่เหลือให้สาดไปรอบๆ แท่นบูชา 21 เจ้าจงเอาเลือดแกะจากแท่นบูชาผสมกับน้ำมันชโลม พรมตัวอาโรนและเครื่องแต่งกาย พรมตัวบุตรและเครื่องแต่งกายของเขาด้วย แล้วอาโรนกับบุตรทุกคนพร้อมทั้งเครื่องแต่งกายก็จะบริสุทธิ์

22 และเจ้าจงเอาไขมันจากแกะผู้กับไขมันที่หาง อีกทั้งมันที่หุ้มเครื่องใน พังผืดที่หุ้มตับ ไตทั้งสองที่มีไขมันติด พร้อมกับขาอ่อนข้างขวา (เพราะว่าเป็นแกะตัวผู้ที่ใช้ในการแต่งตั้ง) 23 เจ้าจงหยิบขนมปังกับขนมมีน้ำมันผสม และขนมปังกรอบ 1 แผ่นจากตะกร้าขนมปังไร้เชื้อที่อยู่ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 24 แล้วเจ้าจงยื่นขนมปังพวกนี้ใส่มืออาโรนและบุตรของเขา แล้วจงโบกขนมปังขึ้นลงเป็นเครื่องโบกถวาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 25 ครั้นแล้วเจ้าจงหยิบคืนมาจากมือของพวกเขา และเผาขนมเหล่านี้บนแท่นบูชาโดยวางไว้บนสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย มีกลิ่นหอมอันน่าพอใจ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า คือถวายด้วยไฟมอบแด่พระผู้เป็นเจ้า

26 เจ้าจงเอาเนื้ออกจากแกะผู้ที่ใช้ในการแต่งตั้งอาโรนมาและโบกขึ้นลงเพื่อเป็นเครื่องโบกถวาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า แล้วเนื้อส่วนนั้นจะตกเป็นของเจ้า 27 เจ้าจงทำเนื้ออกแกะที่ถูกโบกขึ้นลง กับขาอ่อนที่ถูกยกขึ้นลงให้บริสุทธิ์ ส่วนหนึ่งที่มาจากแกะผู้ที่ใช้ในพิธีแต่งตั้งนั้นเป็นของอาโรนกับบุตรของเขา 28 มันจะเป็นของอาโรนกับบุตรของเขาที่รับจากประชาชนชาวอิสราเอลเสมอไป เพราะเป็นส่วนแบ่งของปุโรหิตที่ประชาชนชาวอิสราเอลมอบ จากของถวายเพื่อสามัคคีธรรมอันเป็นของถวายของพวกเขาแด่พระผู้เป็นเจ้า

29 เครื่องแต่งกายอันบริสุทธิ์ของอาโรนจะตกทอดเป็นของบุตรของเขา และจะสวมใส่ก็ต่อเมื่อเป็นเวลารับการชโลมน้ำมันและการแต่งตั้ง 30 บุตรคนที่เป็นปุโรหิตสืบต่อจากเขาจะสวมเครื่องแต่งกายไว้ตลอดถึง 7 วัน ในเวลาที่เข้ามาในกระโจมที่นัดหมายเพื่อรับใช้ในวิสุทธิสถาน

31 เจ้าจงเอาเนื้อแกะตัวผู้ที่ใช้ในการแต่งตั้งมาต้มในบริเวณที่บริสุทธิ์ 32 และอาโรนกับบุตรของเขาจะรับประทานเนื้อแกะตัวผู้นั้นกับขนมปังในตะกร้าที่ประตูกระโจมที่นัดหมาย 33 พวกเขาจะรับประทานของดังกล่าวซึ่งถูกนำมาชดใช้บาปเพื่อแต่งตั้งและทำให้พวกเขาบริสุทธิ์ แต่อย่าให้ผู้อื่นใดรับประทานเลย เพราะเป็นของบริสุทธิ์ 34 ถ้ามีเนื้อซึ่งใช้ในการแต่งตั้งและขนมปังเหลืออยู่ถึงรุ่งเช้า เจ้าจะต้องนำส่วนที่เหลือเผาไฟ จะรับประทานต่อไม่ได้เพราะเป็นของบริสุทธิ์

35 เจ้าจงกระทำเช่นนั้นให้อาโรนและบรรดาบุตรของเขา ตามที่เราได้บัญชาเจ้าไว้ทุกประการ เจ้าจงแต่งตั้งพวกเขาทั้ง 7 วัน 36 และแต่ละวันเจ้าจงถวายโคตัวผู้เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป เป็นการชดใช้บาป และทำพิธีลบล้างมลทินให้กับแท่นบูชา ในเวลาที่เจ้ากระทำ ก็จงชโลมน้ำมันที่แท่นบูชาเพื่อทำให้แท่นนั้นบริสุทธิ์ 37 จงทำพิธีลบล้างมลทินให้กับแท่นบูชาทั้ง 7 วัน และทำให้แท่นบริสุทธิ์ แล้วแท่นบูชานั้นก็จะบริสุทธิ์ที่สุด ถ้าใครหรือสิ่งใดแตะต้องแท่นบูชาก็จะบริสุทธิ์เช่นกัน

38 สิ่งที่เจ้าจะถวายบนแท่นบูชาเป็นประจำทุกวันคือ ลูกแกะ 2 ตัวอายุราว 1 ปี 39 เจ้าจงถวายแกะ 1 ตัวในเวลาเช้า และอีก 1 ตัวในเวลาโพล้เพล้ 40 พร้อมกับแกะตัวแรก เจ้าจงถวายแป้งสาลีชั้นเยี่ยมหนึ่งส่วนสิบเอฟาห์[a]ผสมกับน้ำมันมะกอกคั้นบริสุทธิ์หนึ่งส่วนสี่ฮิน[b] และเหล้าองุ่นหนึ่งส่วนสี่ฮินสำหรับเครื่องดื่มบูชา 41 เจ้าจงถวายลูกแกะอีกตัวในเวลาโพล้เพล้ เช่นเดียวกับเครื่องธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชาที่ถวายในเวลาเช้า เจ้าจงมอบให้ดั่งของถวายด้วยไฟซึ่งจะส่งกลิ่นหอมเป็นที่พอใจสำหรับพระผู้เป็นเจ้า 42 จงใช้สัตว์เผาเป็นของถวายเป็นประจำไปตลอดทุกชาติพันธุ์ของเจ้า ที่ประตูทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า เป็นที่ที่เราจะพบกับเจ้าเพื่อพูดคุยกับเจ้า 43 เราจะพบกับประชาชนชาวอิสราเอลที่นั่น และบารมีของเราจะทำให้สถานที่นั้นบริสุทธิ์ 44 เราจะทำให้กระโจมที่นัดหมายและแท่นบูชาบริสุทธิ์ เราจะทำให้อาโรนและบรรดาบุตรของเขาบริสุทธิ์ด้วย เพื่อเป็นปุโรหิตรับใช้เรา 45 และเราจะอยู่ท่ามกลางประชาชนชาวอิสราเอล และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา 46 และพวกเขาจะรู้ว่าเราเป็นพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเขา เรานำพวกเขาออกจากดินแดนอียิปต์เพื่อเราจะได้อยู่ท่ามกลางพวกเขา เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเขา

แท่นบูชาเผาเครื่องหอม

30 เจ้าจงสร้างแท่นบูชาด้วยไม้สีเสียดสำหรับเผาเครื่องหอม เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างยาวเท่ากันคือ 1 ศอก สูง 2 ศอก เชิงงอนที่มุมแท่นทำจากไม้ชิ้นเดียวกับแท่น เจ้าจงหุ้มแท่นด้วยทองคำบริสุทธิ์ ทั้งด้านบนและด้านข้างโดยรอบ รวมทั้งที่เชิงงอน และเจ้าจงหล่อขอบทองคำรอบแท่น รวมทั้งตีห่วงทองคำ 2 อันติดไว้ที่ใต้ขอบ ให้ห่วงทั้ง 2 อันอยู่ตรงข้ามกัน ใช้สำหรับคล้องไม้คานหาม เจ้าจงสร้างคานหามด้วยไม้สีเสียดหุ้มด้วยทองคำ ตั้งไว้ภายนอกม่านกั้นซึ่งแขวนอยู่ที่หน้าหีบพันธสัญญา คือเบื้องหน้าฝาหีบแห่งการชดใช้บาปที่ปิดบนหีบพันธสัญญาอันเป็นที่ซึ่งเราจะพบกับเจ้า

และอาโรนจะเผาเครื่องหอมที่บนแท่นนั้น ทุกเช้าเวลาเขาขัดเงาดวงประทีป เขาจะเผาเครื่องหอม และเวลาอาโรนจุดดวงประทีปในยามโพล้เพล้ เขาจะเผาเครื่องหอม เป็นเครื่องหอม ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าเสมอไป ตลอดทุกชาติพันธุ์ของเจ้า ที่แท่นบูชานี้ เจ้าอย่าถวายเครื่องหอมที่ต้องห้าม หรือสัตว์ที่จะเผาเป็นของถวาย แม้แต่เครื่องธัญญบูชา และอย่าเทเครื่องดื่มบูชาที่บนแท่นเช่นกัน 10 อาโรนจะลบล้างมลทินที่เชิงงอนของแท่นบูชาปีละครั้ง ให้เขาทำพิธีลบล้างมลทินด้วยเลือดจากเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปปีละครั้งตลอดทุกชาติพันธุ์ของเจ้า แท่นนี้จะบริสุทธิ์ที่สุดสำหรับพระผู้เป็นเจ้า

เงินถวายสำหรับสถานที่บริสุทธิ์

11 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 12 “เวลาเจ้าสำรวจสำมะโนประชากรของชาวอิสราเอล แต่ละคนต้องมอบค่าไถ่สำหรับตนเองแด่พระผู้เป็นเจ้าเวลาที่เจ้านับจำนวนพวกเขา เพื่อป้องกันมิให้ภัยพิบัติเกิดกับเขาเวลาเจ้านับจำนวน 13 ทุกคนที่ลงทะเบียนสำมะโนครัวแล้วจะต้องมอบเงินหนักครึ่งเชเขล ตามมาตราเชเขลของสถานที่บริสุทธิ์ (1 เชเขล หนัก 20 เก-ราห์) ครึ่งเชเขลนี้เป็นเงินถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า 14 คนที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปและถูกนับในการจดทะเบียนสำมะโนประชากรต้องมอบเงินถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า 15 ยามที่เจ้ามอบเงินถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าถือเป็นพิธีชดใช้บาปของตนเอง ดังนั้นคนมั่งมีและคนยากไร้ไม่ต้องจ่ายเกินหรือน้อยไปกว่าครึ่งเชเขลที่กำหนด 16 เจ้าจงเก็บเงินสำหรับพิธีชดใช้บาปจากประชาชนชาวอิสราเอล และกำหนดให้ใช้จ่ายในการรับใช้ในกระโจมที่นัดหมาย เพื่อพระผู้เป็นเจ้าจะได้รำลึกถึงประชาชนชาวอิสราเอลที่ทำพิธีชดใช้บาปให้แก่ตนเอง”

อ่างชำระล้าง

17 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 18 “เจ้าจงหล่ออ่างสำหรับชำระล้างพร้อมฐานด้วยทองสัมฤทธิ์ และวางไว้ระหว่างกระโจมที่นัดหมายกับแท่นบูชา บรรจุน้ำไว้ในอ่าง 19 อาโรนและบรรดาบุตรของเขาจะใช้น้ำในอ่างล้างมือและเท้า 20 เวลาพวกเขาเข้าไปในกระโจมที่นัดหมาย หรือเวลาเข้ามาใกล้แท่นบูชาเพื่อรับใช้ และเผาของถวายด้วยไฟมอบแด่พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาจะชำระตัวด้วยน้ำ จะได้ไม่ตาย 21 เขาจะล้างมือและเท้า จะได้ไม่ตาย และจงถือเป็นกฎเกณฑ์สำหรับพวกเขาตลอดไป รวมทั้งตัวเขาเองและผู้สืบเชื้อสายของเขาตลอดทุกชาติพันธุ์ของพวกเขา”

น้ำมันเจิม

22 นอกจากนั้นแล้ว พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 23 “จงเอาเครื่องเทศชั้นเยี่ยมคือ มดยอบน้ำหนัก 500 เชเขล อบเชยหอมครึ่งหนึ่งคือ 250 เชเขล และอ้อหอม 250 เชเขล 24 การบูร 500 เชเขล ตามมาตราเชเขลของสถานที่บริสุทธิ์ และน้ำมันมะกอก 1 ฮิน 25 ผสมเข้าด้วยกันเป็นน้ำมันเจิมอันบริสุทธิ์ เป็นเช่นน้ำหอมปรุงโดยช่างทำน้ำหอม คือเป็นน้ำมันเจิมอันบริสุทธิ์ 26 จงใช้เจิมกระโจมที่นัดหมายและหีบพันธสัญญา 27 โต๊ะกับเครื่องตั้งโต๊ะ คันประทีปและเครื่องใช้ประกอบ อีกทั้งแท่นเผาเครื่องหอม 28 และแท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวายพร้อมกับเครื่องใช้ประกอบทุกชิ้น รวมทั้งอ่างกับฐาน 29 เจ้าจงทำให้สิ่งเหล่านี้บริสุทธิ์ คือบริสุทธิ์โดยบริบูรณ์ อะไรก็ตามที่สัมผัสก็ย่อมจะบริสุทธิ์ไปด้วย 30 แล้วเจ้าจงเจิมอาโรนและบรรดาบุตรของเขา ทำให้พวกเขาบริสุทธิ์เพื่อรับใช้เราเช่นปุโรหิต 31 จงกล่าวแก่ประชาชนชาวอิสราเอลดังนี้ ‘น้ำมันนี้จะเป็นน้ำมันเจิมอันบริสุทธิ์ของเราตลอดทุกชาติพันธุ์ของเจ้า 32 อย่าใช้เจิมกายคนสามัญ และเจ้าอย่าทำน้ำมันอื่นโดยใช้ส่วนผสมอย่างเดียวกันนี้ นี่เป็นน้ำมันบริสุทธิ์ และจะบริสุทธิ์สำหรับพวกเจ้า 33 ใครก็ตามที่ทำตามส่วนผสมอย่างนี้หรือเจิมน้ำมันนี้ให้กับคนอื่นๆ จะถูกตัดขาดจากชนชาติของเขา’”

เครื่องหอม

34 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงเอาเครื่องเทศหอม คือยางไม้สโทแร็คซ์ แก่นในของหอยทะเลกาบ และมหาหิงค์ เป็นเครื่องเทศหอมผสมกับกำยานบริสุทธิ์ ให้ได้ส่วนผสมอย่างละเท่าๆ กัน 35 ผสมเข้าด้วยกันเป็นเครื่องหอมจากน้ำหอมปรุงโดยช่างทำน้ำหอม เติมเกลือ ทำให้แท้และบริสุทธิ์ 36 จงบดส่วนหนึ่งให้เป็นผงละเอียด แล้ววางไว้ข้างหน้าหีบพันธสัญญาในกระโจมที่นัดหมายซึ่งเป็นที่ที่เราจะพบกับเจ้า เครื่องหอมนี้จะบริสุทธิ์อย่างที่สุดสำหรับพวกเจ้า 37 เครื่องหอมที่เจ้าผสมตามส่วนผสมที่ให้นี้ อย่าทำไว้ให้พวกเจ้าใช้เอง เจ้าจงนับว่าเครื่องหอมนี้บริสุทธิ์สำหรับพระผู้เป็นเจ้า 38 ถ้าผู้ใดปรุงน้ำหอมใช้ตามส่วนผสมนี้จะถูกตัดขาดจากชนชาติของเขา”

ช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญ

31 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “ดูสิ เราได้เลือกเบซาเลลบุตรอุรีซึ่งเป็นบุตรของฮูร์จากเผ่ายูดาห์ และเราได้ให้เขาเปี่ยมด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า ให้มีความสามารถและความฉลาด มีความรู้และงานฝีมือช่างทุกชนิด เพื่อทำงานออกแบบอย่างมีศิลปะ ซึ่งทำด้วยทองคำ เงิน และทองสัมฤทธิ์ งานเจียระไนเพชรนิลจินดาสำหรับฝังตัวเรือน งานแกะสลักไม้ และงานฝีมือช่างทุกชนิด ดูเถิด เราได้แต่งตั้งให้โอโฮลีอับบุตรอาหิสะมัคจากเผ่าดาน และเราได้ให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญมีความสามารถ เพื่อเขาจะได้ทำทุกสิ่งตามที่เราสั่งเจ้าไว้ คือกระโจมที่นัดหมาย หีบพันธสัญญากับฝาหีบแห่งการชดใช้บาป เครื่องใช้ทั้งหมดในกระโจม เช่นโต๊ะกับเครื่องตั้งโต๊ะ คันประทีปทองคำบริสุทธิ์กับเครื่องใช้ประกอบทุกชิ้น และแท่นเผาเครื่องหอม แท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวายพร้อมกับเครื่องใช้ประกอบทุกชิ้น รวมทั้งอ่างกับฐาน 10 เครื่องแต่งกายเย็บด้วยฝีมือประณีต เครื่องแต่งกายอันบริสุทธิ์สำหรับอาโรนปุโรหิต และเครื่องแต่งกายสำหรับบุตรของเขา เพื่อให้พวกเขารับใช้เป็นปุโรหิต 11 ใช้น้ำมันเจิมและเครื่องหอมสำหรับวิสุทธิสถาน พวกเขาควรทำตามที่เราบัญชาเจ้าไว้ทุกประการ”

วันสะบาโต

12 แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 13 “จงบอกชาวอิสราเอลดังนี้ ‘พวกเจ้าจงรักษาวันสะบาโตของเราไว้ เพราะเป็นเครื่องเตือนใจระหว่างเรากับพวกเจ้าไปตลอดทุกชาติพันธุ์ของเจ้า เพื่อเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือพระผู้เป็นเจ้าที่ทำให้เจ้าบริสุทธิ์

14 พวกเจ้าจงรักษาวันสะบาโตไว้ เพราะเป็นวันบริสุทธิ์สำหรับเจ้า ทุกคนที่ไม่เคารพก็จะถูกลงโทษถึงตาย ผู้ใดก็ตามที่ทำงานในวันนั้น ผู้นั้นจะถูกตัดขาดจากชนชาติของเขา 15 เจ้ามีวันทำงาน 6 วัน แต่ในวันที่เจ็ดเป็นวันสะบาโตเพื่อพักผ่อนอย่างแท้จริง เป็นวันบริสุทธิ์สำหรับพระผู้เป็นเจ้า ผู้ใดก็ตามที่ทำงานในวันสะบาโตจะถูกลงโทษถึงตาย 16 ฉะนั้น ชาวอิสราเอลจะรักษาวันสะบาโต ฉลองวันสะบาโตตลอดทุกชาติพันธุ์ของเขา เป็นเช่นพันธสัญญาตลอดไป 17 เป็นเครื่องเตือนใจชั่วนิรันดร์กาลระหว่างเรากับชาวอิสราเอลว่าพระผู้เป็นเจ้าได้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกใน 6 วัน และในวันที่เจ็ดพระองค์หยุดพักจากการทำงาน และได้พักผ่อน’”

18 ครั้นพระองค์กล่าวกับโมเสสที่ภูเขาซีนายจบแล้ว พระองค์มอบแผ่นพระบัญญัติ 2 แผ่นเป็นแผ่นศิลาซึ่งจารึกด้วยนิ้วมือของพระเจ้าเอง

ลูกโคทองคำ

32 เมื่อประชาชนเห็นว่าโมเสสยังล่าช้าอยู่และไม่ลงมาจากภูเขา จึงรวมกลุ่มกันไปหาอาโรนและบอกท่านว่า “ลุกขึ้นเถิด ช่วยสร้างเทวรูปให้เราเพื่อนำหน้าพวกเราไปเถิด ไม่รู้ว่าโมเสสคนที่ได้นำเราออกมาจากอียิปต์เป็นอะไรไปแล้ว”

อาโรนตอบพวกเขาว่า “ไปปลดต่างหูทองคำออกจากหูภรรยาและบุตรชายบุตรหญิงของพวกเจ้าเสีย แล้วเอามาให้เรา” ดังนั้นประชาชนทั้งหมดต่างก็ปลดต่างหูทองคำออกจากหูของตนมาให้อาโรน ท่านรับของจากทุกคนที่ยื่นให้ แล้วใช้เครื่องมือตีทองเข้าด้วยกัน แล้วหล่อเป็นรูปลูกโค พวกเขาพูดว่า “โอ อิสราเอล นี่คือบรรดาเทพเจ้าของเจ้าที่นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์” ครั้นอาโรนเห็นเช่นนั้นจึงสร้างแท่นบูชาไว้ตรงหน้ารูปลูกโค และประกาศว่า “จะมีงานฉลองแด่พระผู้เป็นเจ้าในวันพรุ่งนี้” ประชาชนลุกขึ้นแต่เช้าตรู่และนำสัตว์มาให้เผาเป็นของถวาย และมอบของถวายเพื่อสามัคคีธรรม ผู้คนนั่งลงดื่มกินแล้วลุกขึ้นเฮฮากัน

แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงลงไป เพราะประชาชนของเจ้าที่เจ้าได้นำออกมาจากแผ่นดินอียิปต์เสื่อมทรามไปแล้ว พวกเขาหันหลังให้กับวิถีทางที่เราสั่งให้ปฏิบัติอย่างรวดเร็ว เขาหล่อรูปลูกโคขึ้นตัวหนึ่งให้พวกเขาเอง แล้วยังนมัสการและถวายเครื่องสักการะแก่ลูกโค พวกเขาพูดว่า ‘โอ อิสราเอล นี่คือบรรดาเทพเจ้าของเจ้าที่นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์’” แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “เราเห็นคนพวกนี้แล้ว ดูเถิด เป็นคนหัวรั้น 10 ฉะนั้น คราวนี้ปล่อยให้เป็นเรื่องของเรา ความกริ้วของเราจะพลุ่งขึ้นต่อพวกเขา และเราจำต้องกำจัดพวกเขาเสียให้สิ้น แล้วเราจะให้ประชาชาติที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นมาจากตัวเจ้า”

11 แต่โมเสสอ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า เหตุใดความกริ้วของพระองค์จึงพลุ่งขึ้นต่อชนชาติของพระองค์ พระองค์ได้นำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่และพลานุภาพของพระองค์ 12 เหตุไฉนจะให้ชาวอียิปต์พูดได้ว่า ‘พระองค์นำชนชาติของพระองค์ออกจากแผ่นดินอียิปต์ แล้วลวงมาฆ่าเสียที่ภูเขา และเพื่อกำจัดพวกเขาไปจากแผ่นดินโลก’ ขอโปรดยับยั้งความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์ และเปลี่ยนใจโดยอย่าให้สิ่งร้ายๆ เกิดขึ้นกับคนของพระองค์เลย 13 ขอพระองค์รำลึกถึงคำปฏิญาณที่พระองค์เองได้ให้ไว้กับอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์ว่า ‘เราจะเพิ่มผู้สืบเชื้อสายให้แก่เจ้ามากยิ่งขึ้น มากมายราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า และเราจะให้ดินแดนที่เราได้สัญญาไว้แก่บรรดาผู้สืบเชื้อสายของเจ้า และพวกเขาจะได้รับเป็นมรดกไปตลอดกาล’”[c] 14 พระผู้เป็นเจ้าจึงเปลี่ยนใจ และไม่ทำให้สิ่งร้ายๆ เกิดขึ้นดังที่หมายไว้ว่าจะกระทำต่อชนชาติของพระองค์

15 โมเสสกลับลงไปจากภูเขาถือแผ่นพระบัญญัติ 2 แผ่นไว้ในมือ แต่ละแผ่นมีคำเขียนทั้ง 2 ด้าน 16 แผ่นศิลาทั้งสองเป็นผลงานของพระเจ้า และข้อความจารึกเป็นงานจารึกของพระเจ้า สลักบนแผ่นศิลา 17 ครั้นโยชูวาได้ยินเสียงประชาชนร้องตะโกนจึงพูดกับโมเสสว่า “มีเสียงเหมือนเกิดสงครามที่ค่าย” 18 โมเสสตอบว่า “ไม่ใช่เสียงตะโกนของการมีชัย หรือเสียงร้องของการพ่ายแพ้ แต่เราได้ยินว่าเป็นเสียงร้องเพลง” 19 ทันทีที่โมเสสเข้าไปใกล้ค่ายก็เห็นรูปลูกโคและการเต้นรำทำเพลง โมเสสเดือดดาลมากจึงโยนแผ่นศิลาทิ้งลงกับพื้น และทำให้แผ่นศิลาแตกที่เชิงเขา 20 ท่านเอารูปลูกโคที่พวกเขาหล่อไว้มาเผาไฟ ทุบจนแหลกละเอียด โรยลงในน้ำ แล้วบังคับให้ประชาชนของอิสราเอลดื่ม

21 โมเสสพูดกับอาโรนว่า “ประชาชนพวกนี้ทำอะไรกับท่าน ท่านจึงเป็นเหตุให้พวกเขากระทำบาปมหันต์เช่นนี้” 22 อาโรนตอบว่า “ขอท่านอย่าเดือดดาลไปเลยนะ ท่านก็รู้จักคนเหล่านี้ดีว่าเขามีใจจะทำสิ่งเลวร้ายอยู่แล้ว 23 พวกเขาพูดกับเราว่า ‘ช่วยสร้างเทวรูปให้เราเพื่อนำหน้าพวกเราไปเถิด ไม่รู้ว่าโมเสสคนที่ได้นำเราออกมาจากอียิปต์เป็นอะไรไปแล้ว’ 24 เราบอกพวกเขาว่า ‘ใครมีทองคำก็ปลดออกมา’ เขาก็ให้เรามา เราจึงโยนลงไปในไฟ แล้วก็เป็นลูกโคตัวนี้ออกมา”

25 เมื่อโมเสสเห็นว่าประชาชนไม่อยู่ในระเบียบ และอาโรนปล่อยให้พวกเขากระทำตามใจชอบจนเป็นที่เย้ยเยาะของศัตรูของพวกเขา 26 โมเสสจึงยืนที่ประตูทางเข้าค่ายและพูดว่า “ใครเป็นฝ่ายพระผู้เป็นเจ้าก็มาอยู่ที่นี่” บรรดาบุตรของเผ่าเลวีก็รวมกลุ่มกันไปหาโมเสส 27 แล้วท่านบอกพวกเขาว่า “พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวว่า ‘ชายทุกคนจงสะพายดาบ ตระเวนให้ทั่วค่ายทุกประตู จงฆ่าพี่น้องของเจ้า มิตรสหาย และเพื่อนบ้านของตัวเอง’” 28 แล้วบรรดาบุตรของเลวีก็ทำตามคำของโมเสส ในวันนั้นมีคนเสียชีวิตราว 3,000 คน 29 โมเสสพูดว่า “วันนี้พวกท่านได้รับเลือกให้รับใช้พระผู้เป็นเจ้า เพราะท่านต่อต้านบุตรและพี่น้องของตน พระองค์ให้พรแก่ท่านในวันนี้”

30 วันรุ่งขึ้นโมเสสพูดกับประชาชนว่า “พวกท่านได้กระทำบาปมหันต์ บัดนี้เราจะขึ้นไปหาพระผู้เป็นเจ้า อาจจะเป็นไปได้ที่เราจะขอให้พวกท่านได้รับการอภัยโทษ” 31 ดังนั้น โมเสสกลับขึ้นไปพูดกับพระผู้เป็นเจ้าว่า “ได้โปรดเถิด ประชาชนกระทำบาปมหันต์ที่สร้างเทวรูปทองคำให้ตนเอง 32 บัดนี้ขอพระองค์ยกโทษบาปให้แก่พวกเขา หากไม่ ก็ขอโปรดลบชื่อข้าพเจ้าออกจากหนังสือที่พระองค์บันทึก” 33 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวตอบโมเสสว่า “ผู้ใดกระทำบาปต่อเรา เราจะลบชื่อคนนั้นออกจากหนังสือของเรา 34 แต่เวลานี้เจ้าจงไปเถิด นำประชาชนไปยังที่ซึ่งเราบอกเจ้าไว้แล้ว ดูเถิด ทูตสวรรค์ของเราจะไปล่วงหน้าเจ้า อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันลงโทษ เราก็จะลงโทษบาปของพวกเขา”

35 แล้วพระผู้เป็นเจ้าให้ภัยพิบัติเกิดขึ้นกับประชาชนเหล่านั้น เพราะพวกเขานมัสการรูปลูกโคที่อาโรนหล่อขึ้นมา

33 ครั้นแล้ว พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “ตัวเจ้ากับประชาชนที่เจ้าพาออกมาจากอียิปต์จงไปจากที่นี่ ไปยังดินแดนที่เราสัญญาไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบว่า ‘เราจะยกให้แก่บรรดาผู้สืบเชื้อสายของเจ้า’ และเราจะให้ทูตสวรรค์ผู้หนึ่งไปล่วงหน้าเจ้า เราจะขับไล่ชาวคานาอัน ชาวอาโมร์ ชาวฮิต ชาวเปริส ชาวฮีว และชาวเยบุส จงขึ้นไปยังดินแดนอันอุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง แต่เราจะไม่ขึ้นไปกับพวกเจ้า เกรงว่าเราจะกำจัดพวกเจ้าระหว่างทางเพราะว่าพวกเจ้าเป็นคนหัวรั้น”

เมื่อประชาชนได้ยินเช่นนั้นจึงร้องคร่ำครวญและไม่มีผู้ใดสวมเครื่องประดับเลย เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวกับโมเสสว่า “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘เจ้าเป็นคนหัวรั้น ถ้าเราขึ้นไปด้วยกันกับเจ้าแม้เพียงขณะเดียว เราก็คงจะกำจัดเจ้าเสีย ฉะนั้นจงถอดเครื่องประดับออกจากตัวเจ้า แล้วเราจะตัดสินใจว่าจะทำอะไรกับเจ้าต่อไป’” ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงถอดเครื่องประดับของตนออกจนหมดที่ภูเขาโฮเรบ

กระโจมที่นัดหมาย

โมเสสมักจะตั้งกระโจมไว้ที่นอกค่าย และเรียกว่า กระโจมที่นัดหมาย ทุกคนที่แสวงหาพระผู้เป็นเจ้าก็จะออกไปยังกระโจมที่นัดหมายซึ่งอยู่ที่นอกค่าย เมื่อใดที่โมเสสออกไปยังกระโจมหลังนั้น ประชาชนทั้งปวงจะลุกขึ้น ทุกคนยืนอยู่ที่ทางเข้ากระโจมของตนมองตามโมเสส จนท่านเข้าไปในกระโจม ครั้นโมเสสเข้าไปในกระโจม เมฆก้อนมหึมาดั่งเสาหลักก็ลอยเคลื่อนลงมา และหยุดอยู่ที่ทางเข้ากระโจม แล้วพระผู้เป็นเจ้าก็สนทนากับโมเสส 10 เวลาประชาชนทั้งปวงเห็นเมฆก้อนมหึมาดั่งเสาหลักอยู่ที่ประตูกระโจม พวกเขาทุกคนจะยืนขึ้น แล้วก้มลงกราบนมัสการอยู่ที่ทางเข้ากระโจม 11 พระผู้เป็นเจ้าสนทนากับโมเสสต่อหน้าเช่นเดียวกับคนหนึ่งพูดกับสหาย แล้วโมเสสกลับไปยังค่ายอีก ส่วนผู้ช่วยหนุ่มของท่านชื่อโยชูวาบุตรของนูนยังอยู่ในกระโจม

โมเสสและพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้า

12 โมเสสพูดกับพระผู้เป็นเจ้าว่า “พระองค์ดูเถิด พระองค์พูดกับข้าพเจ้าไว้ว่า ‘จงพาชนชาติพวกนี้ออกไป’ แต่พระองค์ยังไม่ได้ให้ข้าพเจ้าทราบว่าพระองค์จะให้ใครไปกับข้าพเจ้า กระนั้นพระองค์ยังกล่าวอีกว่า ‘เรารู้จักเจ้าดีแม้แต่ชื่อของเจ้า และเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาของเราด้วย’ 13 ฉะนั้นบัดนี้หากว่าข้าพเจ้าเป็นที่โปรดปรานของพระองค์ โปรดให้ข้าพเจ้าทราบความประสงค์ของพระองค์เถิด ข้าพเจ้าจะได้รู้จักพระองค์และเป็นที่โปรดปรานของพระองค์ต่อไป ขอพระองค์ระลึกด้วยว่าประชาชาตินี้เป็นชนชาติของพระองค์โดยแท้จริง” 14 พระองค์กล่าวว่า “เราจะไปกับเจ้าเอง และเราจะให้เจ้าได้หยุดพัก” 15 ท่านตอบว่า “ถ้าพระองค์ไม่ไปกับข้าพเจ้า ก็ขออย่าให้พวกข้าพเจ้าต้องออกไปจากที่นี่เลย 16 จะมีใครทราบได้อย่างไรว่าข้าพเจ้าและชนชาติของพระองค์เป็นที่โปรดปรานของพระองค์ นอกจากว่าพระองค์จะไปกับพวกเรา ข้าพเจ้าและชนชาติของพระองค์แตกต่างกับชนชาติอื่นบนพื้นโลกก็เนื่องจากพระองค์ไปกับพวกเรามิใช่หรือ”

17 แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “เราจะทำสิ่งที่เจ้าขอมานี้ เพราะเจ้าเป็นที่โปรดปรานของเราและเรารู้จักเจ้าดีแม้แต่ชื่อของเจ้า” 18 โมเสสตอบว่า “ขอพระองค์โปรดให้ข้าพเจ้าเห็นพระบารมีของพระองค์เถิด” 19 พระองค์กล่าวว่า “เราจะทำให้คุณความดีของเราทั้งหมดปรากฏต่อหน้าเจ้า และจะประกาศในนามพระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าเจ้า เรามีความเมตตาให้กับผู้ใด เราก็จะเมตตาผู้นั้น และเรามีความสงสารให้กับผู้ใด เราก็จะสงสารผู้นั้น” 20 พระองค์กล่าวว่า “แต่เจ้าจะมองไม่เห็นหน้าเรา เพราะไม่มีผู้ใดที่เห็นเราแล้วจะมีชีวิตอยู่รอด” 21 แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า “ดูเถิด มีที่ที่เจ้าจะยืนอยู่ใกล้เราได้คือบนหินนั้น 22 และขณะที่พระบารมีของเรากำลังผ่านไป เราจะให้เจ้าอยู่ที่ซอกหิน เราจะบังตัวเจ้าด้วยมือของเราจนกว่าเราจะผ่านไป 23 แล้วเราจะเอามือของเราออก เจ้าก็จะเห็นหลังเรา แต่จะเห็นหน้าเราไม่ได้”

พันธสัญญาบนศิลาแผ่นใหม่

34 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงสลักศิลา 2 แผ่นเหมือนครั้งแรก แล้วเราจะเขียนคำบนแผ่นศิลาเช่นเดียวกับศิลา 2 แผ่นแรกที่เจ้าทำแตก จงเตรียมพร้อมแต่เช้า และขึ้นไปบนภูเขาซีนายในเช้านั้น ยืนพบเราที่ยอดภูเขานั่น อย่าให้ใครมากับเจ้า และอย่าให้มีผู้ใดอยู่ที่ภูเขานั้น อย่าให้ฝูงสัตว์ใดๆ เล็มหญ้าอยู่แม้แต่ที่เชิงเขา” ดังนั้น โมเสสสลักแผ่นศิลา 2 แผ่นเหมือนครั้งแรก ท่านลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ถือแผ่นศิลาขึ้นไปบนภูเขาซีนายตามที่พระผู้เป็นเจ้าสั่ง พระผู้เป็นเจ้าลงมาในลักษณะของก้อนเมฆ พระองค์ยืนอยู่กับท่านที่นั่นและประกาศพระนามคือพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าผ่านไปข้างหน้าท่านและประกาศว่า “พระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความสงสารและความเมตตา ไม่โกรธง่าย เปี่ยมด้วยความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริง รักษาความรักอันมั่นคงหลายพันชั่วอายุคน ให้อภัยการกระทำผิด การล่วงละเมิด และบาป แต่ก็ไม่ปล่อยให้ผู้กระทำผิดรอดตัวไปได้ และเราจะทำให้บาปของบิดาตกทอดถึงบุตรของเขาไปจนถึง 3 และ 4 ชั่วอายุคน” โมเสสก็รีบก้มศีรษะและกราบนมัสการแทบพื้นดิน และพูดว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ถ้าข้าพเจ้าเป็นที่โปรดปรานของพระองค์ ขอพระองค์โปรดร่วมทางไปกับพวกเราแม้ว่าจะเป็นพวกหัวรั้น และให้อภัยการกระทำผิดและบาปของพวกเรา และรับเราเป็นผู้สืบมรดกของพระองค์เถิด”

10 พระองค์ตอบว่า “เราจะทำพันธสัญญา เราจะทำสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ ให้ชนชาติทั้งปวงของเจ้าเห็นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในโลกหรือประชาชาติอื่นใด และชนชาติทั้งปวงที่เจ้าอยู่ด้วยก็จะเห็นการกระทำของพระผู้เป็นเจ้า เพราะว่าสิ่งที่เราจะทำกับเจ้านั้นจะเป็นสิ่งที่น่าเกรงขาม

11 จงทำในสิ่งที่เราสั่งเจ้าไว้ในวันนี้ ดูเถิด เราจะขับไล่ชาวอาโมร์ ชาวคานาอัน ชาวฮิต ชาวเปริส ชาวฮีว และชาวเยบุสไปให้พ้นหน้าเจ้า 12 จงระวังตัวให้ดี เกรงว่าเจ้าจะทำพันธสัญญากับบรรดาผู้อยู่อาศัยในดินแดนที่เจ้าไป แล้วพวกเขาก็จะเป็นกับดักต่อเจ้าเอง 13 เจ้าจงทำลายแท่นบูชาของพวกเขา จงทุบเสาหินให้แตก และโค่นเทวรูปอาเชราห์[d]ทั้งปวงของพวกเขาลงเสีย 14 และอย่านมัสการเทพเจ้าใดๆ เพราะพระผู้เป็นเจ้า ผู้มีชื่อว่า ผู้หวงแหน เป็นพระเจ้าผู้หวงแหน 15 เกรงว่าเจ้าจะทำพันธสัญญากับบรรดาผู้อยู่อาศัยของดินแดน เมื่อพวกเขาปันใจไปเชื่อในบรรดาเทพเจ้าประหนึ่งหญิงแพศยา และถวายเครื่องสักการะแก่เทพเจ้าของพวกเขา แล้วเขาเชื้อเชิญเจ้าไป เจ้าก็รับประทานสิ่งที่เขาถวายบูชา 16 เจ้ารับบุตรหญิงของพวกเขาให้แก่บุตรของเจ้า แล้วบรรดาบุตรหญิงของเขาปันใจไปเชื่อในบรรดาเทพเจ้าของพวกเขาประหนึ่งหญิงแพศยา ซึ่งทำให้บรรดาบุตรของเจ้าปันใจไปเชื่อในบรรดาเทพเจ้าของพวกเขาประหนึ่งหญิงแพศยาไปด้วย

17 เจ้าอย่าหล่อรูปเคารพให้แก่ตนเองเลย

18 เจ้าจงฉลองเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ จงรับประทานขนมปังไร้เชื้อในระยะ 7 วันตามที่เราสั่งเจ้าในเวลาที่กำหนดไว้ในเดือนอาบีบ เพราะเจ้าออกจากอียิปต์ในเดือนนั้น 19 ทุกชีวิตแรกในครรภ์เป็นของเรา รวมถึงสัตว์ตัวผู้ทุกตัวในฝูงปศุสัตว์ของเจ้า โค แพะ และแกะหัวปี 20 เจ้าจงไถ่ลูกลาตัวผู้ตัวแรกด้วยลูกแกะ ถ้าเจ้าไม่ต้องการไถ่ลูกลา เจ้าจะต้องหักคอมันเสีย เจ้าต้องไถ่บุตรชายคนแรกของเจ้าทุกคน อย่าให้ใครมาอยู่เบื้องหน้าเราโดยมือเปล่า

21 เจ้าจะลงแรงทำงานทั้งสิ้นของเจ้า 6 วัน แต่วันที่เจ็ด เจ้าจงเว้นจากงาน ทั้งในฤดูไถนาและฤดูเก็บเกี่ยวก็จงเว้นจากงาน 22 และเจ้าจงฉลองงานเทศกาลครบ 7 สัปดาห์ โดยถวายผลแรกของข้าวสาลีที่เก็บเกี่ยวได้ และฉลองเทศกาลเก็บรวมตอนปลายปี 23 ชายทุกคนในพวกเจ้าต้องมา ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ พระเจ้าของอิสราเอลปีละ 3 ครั้ง 24 ด้วยว่าเราจะขับไล่บรรดาประชาชาติออกไปให้พ้นหน้าพวกเจ้า และจะขยายเขตแดนของเจ้าให้กว้างออกไป จะไม่มีผู้ใดละโมบเอาดินแดนของเจ้าไปในยามที่เจ้าขึ้นไปหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้าปีละ 3 ครั้ง

25 อย่าถวายเลือดสัตว์จากเครื่องสักการะของเราปะปนกับสิ่งใดๆ ที่มีเชื้อยีสต์ หรือปล่อยให้มีสัตว์ที่เผาเป็นของถวายในงานปัสกาเหลืออยู่จนถึงรุ่งเช้า 26 จงนำผลแรกที่พิเศษสุดจากนาที่เจ้าเก็บเกี่ยวได้มายังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า อย่าต้มลูกแพะในน้ำนมของแม่มัน”

27 แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “เจ้าจงเขียนคำเหล่านี้ไว้ เพราะเราทำพันธสัญญาไว้กับเจ้าและกับอิสราเอลแล้วตามคำเหล่านี้” 28 และท่านอยู่ที่นั่นกับพระผู้เป็นเจ้า 40 วัน 40 คืน โดยไม่ได้รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำเลย แล้วท่านเขียนคำแห่งพันธสัญญาบนแผ่นศิลา คือบัญญัติสิบประการ

ใบหน้าของโมเสสเปล่งประกาย

29 เมื่อโมเสสลงมาจากภูเขาซีนายพร้อมกับถือแผ่นศิลาแห่งพันธสัญญา 2 แผ่นไว้ในมือขณะที่ท่านลงมาจากภูเขา โมเสสไม่ทราบว่าผิวหน้าของท่านเปล่งประกายเนื่องจากการสนทนากับพระเจ้า 30 ดูเถิด ครั้นอาโรนและประชาชนชาวอิสราเอลเห็นผิวหน้าของโมเสสที่เปล่งประกาย ก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้ 31 แต่โมเสสเรียกพวกเขามา ฉะนั้นอาโรนและหัวหน้าทั้งปวงของมวลชนจึงกลับมาหาท่าน โมเสสจึงพูดกับพวกเขา 32 หลังจากนั้นประชาชนชาวอิสราเอลทุกคนก็เข้ามาใกล้ และโมเสสให้คำบัญญัติทุกข้อที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับท่านที่ภูเขาซีนาย 33 ครั้นโมเสสพูดกับพวกเขาจบแล้ว ท่านก็ใช้ผ้าคลุมหน้าของท่าน

34 แต่เวลาโมเสสเข้าไปสนทนา ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า ท่านก็เปิดผ้าคลุมหน้าออกจนกว่าจะกลับออกมา จากนั้นท่านก็บอกชาวอิสราเอลว่าท่านได้รับคำสั่งอะไรบ้าง 35 ชาวอิสราเอลเห็นโมเสสและเห็นว่าผิวหน้าของท่านเปล่งประกาย โมเสสจะใช้ผ้าคลุมหน้าของท่านอีก จนกว่าจะเข้าไปสนทนากับพระองค์

กฎเกณฑ์วันสะบาโต

35 โมเสสให้ชาวอิสราเอลทั้งมวลมาชุมนุมกันและบอกพวกเขาว่า “สิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้สั่งให้พวกท่านทำก็คือ ท่านมีวันทำงาน 6 วัน แต่ในวันที่เจ็ดเป็นวันสะบาโตเพื่อพักผ่อนอย่างแท้จริง เป็นวันบริสุทธิ์สำหรับพระผู้เป็นเจ้า ผู้ใดก็ตามที่ทำงานในวันนั้นจะถูกโทษถึงตาย อย่าจุดไฟในบริเวณที่อยู่อาศัยของท่านในวันสะบาโต”

เครื่องใช้ในกระโจมที่พำนัก

โมเสสบอกชาวอิสราเอลทั้งมวลว่า “สิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าสั่งให้พวกท่านทำก็คือ จงนำของถวายที่พวกท่านมีให้แด่พระผู้เป็นเจ้า ผู้ใดใจกว้างก็ให้เขามอบของถวายที่เป็นของพระผู้เป็นเจ้าอันได้แก่ทองคำ เงิน และทองสัมฤทธิ์ ด้ายทอขนแกะย้อมสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสด ผ้าป่านทอเนื้อดี และขนแพะ หนังแกะตัวผู้ย้อมแดง หนังปลาโลมา ไม้สีเสียด น้ำมันสำหรับจุดดวงประทีป เครื่องเทศสำหรับปรุงน้ำมันเจิมและปรุงเครื่องหอม พลอยหลากสี และพลอยสำหรับประดับชุดคลุมและทับทรวง

10 ให้ทุกคนในพวกท่านที่มีความชำนาญมาทำทุกสิ่งตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้สั่งไว้ 11 กระโจมที่พำนักและที่คลุมกระโจม ขอเกี่ยวม่าน กรอบ คาน เสาหลัก และฐาน 12 หีบกับคานหาม ฝาหีบแห่งการชดใช้บาป และม่านกั้นสำหรับบังหีบ 13 โต๊ะพร้อมด้วยคานหาม เครื่องตั้งโต๊ะทุกชิ้นและขนมปังอันบริสุทธิ์ 14 คันประทีปสำหรับแสงสว่าง พร้อมด้วยเครื่องใช้ประกอบกับดวงประทีป และน้ำมันสำหรับจุดดวงประทีป 15 แท่นเผาเครื่องหอมพร้อมด้วยคานหาม น้ำมันเจิม เครื่องหอม และม่านบังตาสำหรับประตูที่ทางเข้ากระโจมที่พำนัก 16 แท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย พร้อมด้วยตะแกรงทองสัมฤทธิ์ คานหามและเครื่องใช้ประกอบทุกชิ้น อ่างน้ำพร้อมฐาน 17 ผ้าแขวนที่ลาน เสาหลักและฐานรองรับ ม่านบังตาสำหรับประตูทางเข้าลาน 18 หมุดยึดกระโจมที่พำนักและหมุดยึดลานพร้อมกับเชือก 19 เครื่องแต่งกายตัดเย็บด้วยฝีมือประณีต เพื่อปฏิบัติงานในสถานที่บริสุทธิ์ เครื่องแต่งกายอันบริสุทธิ์สำหรับอาโรนปุโรหิต และเครื่องแต่งกายของบรรดาบุตรของเขาเพื่อปฏิบัติงานของปุโรหิต”

20 แล้วชาวอิสราเอลทั้งมวลก็จากโมเสสไป 21 ทุกคนที่มีใจปรารถนาและได้รับการดลใจก็นำของมาถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าเพื่อให้ใช้สำหรับกระโจมที่นัดหมาย สำหรับการปฏิบัติงาน และสำหรับเครื่องแต่งกายอันบริสุทธิ์ 22 พวกเขาทั้งชายและหญิงต่างก็มา ทุกคนที่มีความตั้งใจก็นำเข็มกลัด ต่างหู แหวนและกำไล เครื่องประดับทองสารพัดชนิด นับว่าทุกคนมอบเครื่องโบกถวายทองคำแด่พระผู้เป็นเจ้า 23 และทุกคนที่มีด้ายทอขนแกะย้อมสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสด ผ้าป่านทอเนื้อดี ขนแพะ หนังแกะตัวผู้ย้อมแดง และหนังปลาโลมา ต่างก็นำมาให้ 24 ทุกคนที่สามารถให้ของถวายที่เป็นเงินหรือทองสัมฤทธิ์ก็นำมาให้เป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า และทุกคนที่หาไม้สีเสียดมาใช้ทำประโยชน์ใดได้ก็นำมา 25 และหญิงทุกคนที่มีความชำนาญในการปั่นด้ายด้วยมือก็นำด้ายทอขนแกะย้อมสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสด อีกทั้งผ้าป่านทอเนื้อดีมาด้วย 26 หญิงทุกคนที่มีใจปรารถนาและมีความสามารถก็ปั่นขนแพะ 27 บรรดาหัวหน้าของมวลชนนำพลอยหลากสีและเพชรพลอยมาสำหรับติดที่ชุดคลุมและทับทรวง 28 เครื่องเทศและน้ำมันสำหรับแสงสว่างและทำน้ำมันเจิมกับเครื่องหอม 29 ชาวอิสราเอลชายและหญิงทุกคนที่มีใจปรารถนาให้นำสิ่งใดมาเพื่องานที่พระผู้เป็นเจ้าได้สั่งโมเสสให้ทำ ก็นำมามอบให้ด้วยความสมัครใจเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า

เบซาเลลและโอโฮลีอับ

30 โมเสสกล่าวแก่ชาวอิสราเอลว่า “ดูสิ พระผู้เป็นเจ้าได้เลือกเบซาเลลบุตรอุรีซึ่งเป็นบุตรของฮูร์จากเผ่ายูดาห์ 31 และพระองค์ได้ให้เขาเปี่ยมด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า ให้มีความสามารถและความฉลาด มีความรู้และงานฝีมือช่างทุกชนิด 32 เพื่อทำงานออกแบบอย่างมีศิลปะ ซึ่งทำด้วยทองคำ เงิน และทองสัมฤทธิ์ 33 งานเจียระไนเพชรนิลจินดาสำหรับฝังในตัวเรือน งานแกะสลักไม้ และงานฝีมือเชี่ยวชาญทุกชนิด 34 พระองค์โปรดให้เขาและโอโฮลีอับบุตรอาหิสะมัคจากเผ่าดานมีความสามารถสอนผู้อื่นได้ 35 พระองค์ได้ให้เขาทั้งสองมีความสามารถสร้างงานฝีมือทุกประเภทได้ แม้แต่งานออกแบบ และช่างปั่นด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสด ผ้าป่านทอเนื้อดี และงานทอผ้า คือเขาทั้งสองมีความสามารถในงานฝีมือทุกชนิดที่เป็นงานหัตถกรรมและเป็นผู้ชำนาญการออกแบบ

36 เบซาเลลและโอโฮลีอับและทุกคนที่พระผู้เป็นเจ้าได้โปรดให้มีความชำนาญและความฉลาด เพื่อรู้จักปฏิบัติงานในการสร้างสถานที่บริสุทธิ์จะทำตามทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าสั่งไว้”

ดังนั้น โมเสสจึงเรียกเบซาเลลและโอโฮลีอับและทุกคนที่มีความชำนาญตามที่พระผู้เป็นเจ้าโปรดดลใจให้มี และให้ทุกคนที่มีใจปรารถนามาปฏิบัติงาน พวกเขารับของถวายที่ชาวอิสราเอลได้นำมาด้วยความสมัครใจให้โมเสสสำหรับการสร้างสถานที่บริสุทธิ์ ทุกๆ เช้าฝูงชนได้นำของมาถวายด้วยความสมัครใจ จนพวกผู้ชำนาญงานทุกแผนกที่สถานที่บริสุทธิ์ต้องวางมือจากงานของตน และพูดกับโมเสสว่า “ประชาชนนำของมาให้สำหรับงานที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาพวกเราทำมากเกินความต้องการ” ดังนั้น โมเสสจึงออกคำสั่ง และมีประกาศไปทั่วค่ายว่า “ชายหญิงทั้งหลายไม่ต้องนำของมาถวายสำหรับสถานที่บริสุทธิ์อีกแล้ว” ดังนั้น ผู้คนจึงหยุดนำของมาให้ เพราะสิ่งที่พวกเขามีอยู่นั้นมากเกินพอสำหรับงานทั้งหมด

กระโจมที่พำนัก

คนที่มีความชำนาญทุกคนในหมู่คนงานก็สร้างกระโจมที่พำนักโดยให้มีผ้าม่าน 10 ผืนซึ่งเย็บด้วยผ้าป่านทอเนื้อดี ด้ายทอขนแกะย้อมสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสด มีภาพเครูบปักงดงามด้วยช่างผู้ชำนาญ ผ้าม่านมีขนาดเท่ากันทุกผืนคือ ยาว 28 ศอก และกว้าง 4 ศอก

10 นำม่าน 5 ผืนมาเย็บให้ติดกันตามความกว้าง อีก 5 ผืนก็ทำเช่นเดียวกัน 11 เขาเย็บหูม่านด้วยผ้าสีน้ำเงิน และติดไว้ที่ข้างหนึ่งของม่านชุดแรก ส่วนชุดที่สองเขาก็เย็บแบบเดียวกัน 12 เขาเย็บหูม่าน 50 อันติดไว้ตามแนวด้านกว้างของม่านแต่ละชุด เหมือนๆ กับชุดที่สอง ด้านที่มีหูม่านอยู่ตรงกันข้าม 13 แล้วเขาตีขอเกี่ยว 50 อันด้วยทองคำ เกี่ยวม่าน 2 ชุดให้ติดกันเป็นผ้าคลุมผืนเดียวของกระโจมที่พำนัก

14 เขาเย็บม่านขนแพะ 11 ผืนเป็นที่คลุมกระโจมที่พำนัก 15 ผ้าม่าน 11 ผืนขนาดเท่ากันทุกผืน มีความยาว 30 ศอก และกว้าง 4 ศอก 16 เขาเย็บม่าน 5 ผืนให้ติดกัน ส่วนอีก 6 ผืนก็เย็บให้ติดกันเป็นอีก 1 ชุด 17 เขาเย็บหูม่าน 50 อันติดไว้ที่ข้างหนึ่งของม่านชุดแรก และอีก 50 อันติดไว้ที่ข้างหนึ่งของม่านที่เชื่อมโยงไว้ 18 และเขาตีขอเกี่ยว 50 อันด้วยทองสัมฤทธิ์ เพื่อเกี่ยวขอไว้กับหูม่าน 2 ข้างให้ติดกันเป็นผืนเดียว 19 เขาเย็บที่คลุมกระโจมด้วยหนังแกะตัวผู้ย้อมแดง และใช้อีกผืนคลุมทับด้วยหนังปลาโลมา

20 เขาสร้างกรอบไม้สีเสียดให้เป็นโครงกระโจมที่พำนักสำหรับค้ำม่าน 21 ให้แต่ละกรอบสูง 10 ศอก กว้างศอกครึ่ง 22 แต่ละกรอบมีเดือย 2 อันอยู่ตอนล่างสำหรับติดเข้ากับฐาน เขาสร้างกรอบกระโจมที่พำนักให้เหมือนกันหมดทุกกรอบ 23 กรอบ 20 อันสำหรับด้านใต้ของกระโจมที่พำนัก 24 และเขาหล่อฐานเงิน 40 อันรองรับกรอบ 20 อัน ให้ฐาน 2 อันรองรับกรอบ 1 อัน สำหรับรองรับเดือยทั้งสอง 25 ด้านที่สองของกระโจมที่พำนักคือด้านเหนือ เขาสร้างกรอบ 20 อัน 26 และฐานเงินอีก 40 อัน ให้ฐาน 2 อันรองรับกรอบ 1 อัน 27 เขาสร้างกรอบ 6 อันสำหรับด้านท้ายกระโจมที่พำนักที่หันไปทางทิศตะวันตก 28 เขาสร้างกรอบอีก 2 อันสำหรับมุมที่ท้ายกระโจมที่พำนัก 29 กรอบทั้งสองนี้ตั้งขนานคู่กันตั้งแต่พื้นจรดยอด เป็นเสมือนกรอบเดียวกัน ทำทั้ง 2 มุมเหมือนกัน 30 ฉะนั้นมีกรอบ 8 อัน และฐานเงิน 16 อัน ฐาน 2 อันต่อกรอบ 1 อัน

31 เขาสร้างคานด้วยไม้สีเสียด 5 ตัวสำหรับกรอบทางด้านหนึ่งของกระโจมที่พำนัก 32 คานอีก 5 ตัวสำหรับกรอบอีกด้านหนึ่งของกระโจมที่พำนัก และคาน 5 ตัวสำหรับกรอบของกระโจมที่พำนักสำหรับด้านหลังทางทิศตะวันตก 33 เขาสร้างคานตัวกลางที่รับน้ำหนักตอนกลางของกรอบซึ่งยาวตลอดจากปลายด้านหนึ่งจรดอีกด้านหนึ่ง 34 แล้วเขาหุ้มกรอบไม้สีเสียดด้วยทองคำ และตีห่วงทองคำสำหรับสอดคานซึ่งหุ้มด้วยทองคำเช่นกัน

35 แล้วเขาเย็บม่านกั้นผืนหนึ่งด้วยด้ายทอขนแกะย้อมสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสด และผ้าป่านทอเนื้อดี ภาพเครูบเขาก็ปักอย่างงดงามด้วยช่างผู้ชำนาญ 36 เขาหล่อเสาหลัก 4 ต้นด้วยไม้สีเสียดสำหรับแขวนม่าน และหุ้มเสาด้วยทองคำ ขอเกี่ยวก็ตีด้วยทองคำ และหล่อฐานเงินไว้รองรับเสา 37 เขาเย็บม่านบังตาผืนหนึ่งสำหรับประตูทางเข้ากระโจมด้วยด้ายทอขนแกะย้อมสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสด และผ้าป่านทอเนื้อดีปักลวดลาย 38 เขาหล่อเสาหลัก 5 ต้นกับขอม่าน ที่ยอดเสาและหุ้มราวด้วยทองคำ ส่วนฐานทั้งห้าเป็นทองสัมฤทธิ์

หีบพันธสัญญา

37 เบซาเลลสร้างหีบด้วยไม้สีเสียด ยาว 2 ศอกคืบ กว้างศอกคืบ และสูงศอกคืบ เขากรุภายในและภายนอกหีบด้วยแผ่นทองคำบริสุทธิ์ และหล่อขอบด้วยทองคำโดยรอบ เขาตีห่วงทองคำ 4 อันเพื่อติดไว้ที่มุมทั้ง 4 ของหีบ ด้านละ 2 อัน ส่วนคานหามสร้างด้วยไม้สีเสียด และหุ้มคานด้วยทองคำ สอดคานเข้าที่ห่วงซึ่งติดอยู่ข้างหีบทั้ง 2 ด้าน สำหรับใช้ยกหาม และเขาสร้างฝาหีบแห่งการชดใช้บาปด้วยทองคำบริสุทธิ์ มีขนาดยาว 2 ศอกคืบ กว้างศอกคืบ เขาขึ้นรูปเครูบ[e]ทองคำ 2 ตัวด้วยค้อน แล้วตั้งไว้บน 2 ข้างของฝาหีบ เขาขึ้นรูปเครูบ 2 ตัว ตั้งไว้บนฝาหีบข้างละตัว โดยที่เครูบทั้งสองเชื่อมติดกับฝาหีบแห่งการชดใช้บาป เครูบทั้งสองกางปีกขึ้นโน้ม ปกป้องฝาหีบด้วยปีก หันหน้าเข้าหากัน และต่างก็ก้มหน้าเข้าหาฝาหีบ

โต๊ะ

10 เขาสร้างโต๊ะด้วยไม้สีเสียด ขนาดยาว 2 ศอก กว้าง 1 ศอก และสูงศอกคืบ 11 แล้วหุ้มโต๊ะนั้นด้วยทองคำบริสุทธิ์ มีขอบทองคำโดยรอบ 12 เขาสร้างกรอบหนา 1 ฝ่ามือโดยรอบ และหล่อขอบทองคำรอบกรอบ 13 เขาตีห่วงทองคำ 4 อัน และติดห่วงไว้ที่มุมใกล้ขาทั้งสี่ 14 ห่วงนั้นติดอยู่ใกล้กรอบสำหรับสอดคานหามโต๊ะ 15 เขาสร้างคานหามด้วยไม้สีเสียดหุ้มด้วยทองคำ สำหรับหามโต๊ะ 16 แล้วเขาตีพวกภาชนะด้วยทองคำบริสุทธิ์สำหรับใช้ที่โต๊ะ มีจานและถาด อ่าง และโถสำหรับรินเครื่องบูชา

คันประทีป

17 เขาตีคันประทีปด้วยทองคำบริสุทธิ์ ทั้งเชิงและก้านของคันประทีปขึ้นรูปด้วยค้อน ถ้วยน้ำมันขนาดย่อมที่ติดกับก้าน กระเปาะที่ก้นดอกและกลีบดอกทำเป็นชิ้นเดียวกัน 18 คันประทีปมี 6 ก้านยื่นออกทางด้านข้าง ด้านหนึ่งมี 3 ก้าน และอีกด้านหนึ่งมี 3 ก้าน 19 แต่ละก้านมีดอกอัลมอนด์จำลอง 3 ดอกที่มีทั้งกระเปาะและกลีบดอกซึ่งเป็นเหมือนถ้วยขนาดย่อม ทั้ง 6 ก้านยื่นจากคันประทีป 20 และที่คันประทีปก็มีถ้วยขนาดย่อมทำเป็นดอกอัลมอนด์จำลอง 4 ดอก มีทั้งกระเปาะและกลีบดอก 21 ให้ดอกพร้อมกระเปาะของมันตั้งอยู่ที่โคนก้านทั้ง 6 ก้านที่ยื่นจากคันประทีป 22 เชื่อมกระเปาะ ก้าน และคันประทีปให้เป็นชิ้นเดียวกันด้วยทองคำบริสุทธิ์ โดยขึ้นรูปด้วยค้อน 23 และเขาใช้ทองคำบริสุทธิ์ตีดวงประทีป 7 ดวง พร้อมกับกรรไกรตัดไส้ดวงประทีปและถาด 24 เขาตีคันประทีปและภาชนะทุกชิ้นดังกล่าวด้วยทองคำบริสุทธิ์หนัก 1 ตะลันต์[f]

แท่นเผาเครื่องหอม

25 เขาสร้างแท่นเผาเครื่องหอมรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสด้วยไม้สีเสียด ขนาดกว้างยาวเท่ากันคือ 1 ศอก สูง 2 ศอก มีเชิงงอนที่มุมแท่นทำเป็นชิ้นเดียวกันกับตัวแท่น 26 เขาหุ้มแท่นด้วยทองคำบริสุทธิ์ ทั้งด้านบนและด้านข้างโดยรอบ รวมทั้งที่เชิงงอน และหล่อขอบทองคำล้อมรอบแท่น 27 ติดห่วงทองคำ 2 อันไว้ที่ใต้ขอบโดยอยู่ตรงข้ามกัน ใช้สำหรับสอดคานหาม 28 เขาสร้างคานหามด้วยไม้สีเสียดหุ้มด้วยทองคำ

29 เขาปรุงน้ำมันเจิมอันบริสุทธิ์และเครื่องหอมด้วย เป็นเช่นน้ำหอมปรุงโดยช่างทำน้ำหอม

แท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย

38 เขาสร้างแท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวายสี่เหลี่ยมจัตุรัสด้วยไม้สีเสียด ขนาดกว้างยาวเท่ากันคือ 5 ศอก สูง 3 ศอก มีเชิงงอนที่มุมทั้งสี่ทำจากไม้ชิ้นเดียวกันกับตัวแท่น แล้วเขาหุ้มแท่นนั้นด้วยทองสัมฤทธิ์ ตีภาชนะทุกชิ้นสำหรับแท่นบูชา คือหม้อ ทัพพี อ่างน้ำ ส้อม และถาดเก็บถ่านร้อน ภาชนะทุกชิ้นตีด้วยทองสัมฤทธิ์ และมีตะแกรงสำหรับแท่นบูชาที่ตีจากทองสัมฤทธิ์ ห้อยไว้ที่มุมทั้งสี่ใต้ขอบแท่น ห่วง 4 อันสำหรับมุมทั้งสี่ของตะแกรงทองสัมฤทธิ์ตีขึ้นสำหรับคล้องคานหาม เขาสร้างคานหามด้วยไม้สีเสียดหุ้มทองสัมฤทธิ์ แล้วสอดคานไว้ในห่วงที่ด้านข้างของแท่นบูชาสำหรับใช้หาม เขาใช้ไม้กระดานทำแท่นเป็นลักษณะกล่องเปิดโล่ง

อ่างชำระล้าง

เขาหล่ออ่างพร้อมฐานด้วยทองสัมฤทธิ์ ซึ่งเอามาจากกระจกส่องหน้าของบรรดาหญิงปฏิบัติงานที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย

ลานรอบกระโจมที่พำนัก

แล้วเขาปรับพื้นที่โดยรอบกระโจมที่พำนักด้านทิศใต้ให้เป็นลาน และแขวนผ้าป่านทอเนื้อดียาว 100 ศอก 10 มีเสาหลัก 20 ต้นกับฐานทองสัมฤทธิ์ 20 อัน ส่วนขอเกี่ยวและราวตีด้วยเงิน 11 ส่วนด้านเหนือยาว 100 ศอก เสาหลัก 20 ต้นและฐาน 20 อันเป็นทองสัมฤทธิ์ ส่วนขอเกี่ยวและราวตีด้วยเงิน 12 สำหรับด้านตะวันตก แขวนผ้ากว้าง 50 ศอก บนเสาหลัก 10 ต้นกับฐาน 10 อัน ตีขอเกี่ยวและราวด้วยเงิน 13 ลานด้านหน้าทางทิศตะวันออกมีความกว้าง 50 ศอก 14 ผ้าแขวนสำหรับด้านหนึ่งของประตูมีขนาด 15 ศอก มีเสาหลัก 3 ต้นพร้อมด้วยฐาน 3 อัน 15 อีกด้านก็มีผ้าแขวนขนาด 15 ศอก กับเสาหลัก 3 ต้นและฐาน 3 อันเช่นกัน 16 ทุกด้านของลานมีผ้าป่านทอเนื้อดีแขวนไว้โดยรอบ 17 ฐานของเสาหลักเป็นทองสัมฤทธิ์ ส่วนขอเกี่ยวและราวที่เสาหลักตีด้วยเงิน ที่ยอดเสาก็หุ้มด้วยเงิน และเสาหลักทุกต้นที่รอบลานมีราวและขอเกี่ยวตีด้วยเงิน 18 ม่านบังตาสำหรับประตูทางเข้าลานปักลวดลายด้ายทอสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสด และผ้าป่านทอเนื้อดี ได้ความยาว 20 ศอก สูงและกว้าง 5 ศอก เหมือนกับผ้าแขวนที่ลาน 19 เสาหลักรับม่านมี 4 ต้น ฐานทั้งสี่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ขอเกี่ยวตีด้วยเงิน ที่ยอดเสาและราวหุ้มด้วยเงิน 20 หมุดทุกตัวสำหรับกระโจมที่พำนักและรอบลานเป็นทองสัมฤทธิ์

วัสดุใช้สำหรับกระโจมที่พำนัก

21 วัสดุที่ใช้สำหรับกระโจมที่พำนัก ซึ่งเป็นกระโจมที่พำนักแห่งพันธสัญญามีตามลำดับรายการดังต่อไปนี้ โมเสสสั่งให้ระบุไว้ว่ามีชาวเลวีเป็นคนนับจำนวนภายใต้การควบคุมของอิธามาร์บุตรของอาโรนปุโรหิต 22 เบซาเลลบุตรของอุรีผู้เป็นบุตรของฮูร์จากเผ่ายูดาห์ได้ทำทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาไว้กับโมเสส 23 ผู้ร่วมงานกับเขาคือโอโฮลีอับบุตรของอาหิสะมัคจากเผ่าดาน เขาเป็นทั้งช่างฝีมือ นักออกแบบ และช่างปั่นด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสด และผ้าป่านทอเนื้อดี

24 ทองคำทั้งหมดที่ใช้ในงานสร้างทุกส่วนของสถานที่บริสุทธิ์เป็นทองที่ได้จากเครื่องโบกถวาย มีน้ำหนัก 29 ตะลันต์ 730 เชเขล[g] ตามมาตราเชเขลของสถานที่บริสุทธิ์ 25 และมวลชนที่ถูกนับในทะเบียนสำมะโนประชากรมอบเงินหนัก 100 ตะลันต์ 1,775 เชเขล ตามมาตราเชเขลของสถานที่บริสุทธิ์ 26 หัวละ 1 เบคา (คือครึ่งเชเขล ตามมาตราเชเขลของสถานที่บริสุทธิ์) ทุกคนที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปถูกนับในทะเบียนสำมะโนประชากร ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป มีชายจำนวน 603,550 คน 27 เงินหนัก 100 ตะลันต์ใช้สำหรับหล่อทำฐานของสถานที่บริสุทธิ์และม่านกั้น รวมฐานทั้งหมดได้ 100 อันซึ่งใช้ 100 ตะลันต์ คือฐานละ 1 ตะลันต์ 28 และสำหรับ 1,775 เชเขลนั้น เขาตีขอเกี่ยวสำหรับเสาหลัก หุ้มยอดเสาและราวด้วยเงิน 29 ส่วนทองสัมฤทธิ์ที่ได้มาจากเครื่องโบกถวายเป็นจำนวน 70 ตะลันต์ 2,400 เชเขล 30 เขาใช้ทองสัมฤทธิ์สำหรับหล่อฐานที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย สร้างแท่นบูชากับตะแกรง และเครื่องใช้ประกอบทั้งหมดของแท่น 31 หล่อฐานรอบลาน ฐานประตูทางเข้าลาน หมุดทั้งหมดสำหรับกระโจมที่พำนักและรอบๆ ลาน

เครื่องแต่งกายของปุโรหิต

39 พวกเขาใช้ด้ายทอขนแกะย้อมสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสดทำเครื่องแต่งกายเย็บด้วยฝีมือประณีตเพื่อการปฏิบัติงานในสถานที่บริสุทธิ์ และทำเครื่องแต่งกายอันบริสุทธิ์สำหรับอาโรน ดังที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสสไว้

ชุดคลุม

และเขาตัดเย็บชุดคลุมด้วยด้ายทอง ด้ายทอขนแกะย้อมสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสด และผ้าป่านทอเนื้อดี เขาตีทองใบให้บางแล้วตัดเป็นเส้น เพื่อสานเข้ากับด้ายทอขนแกะย้อมสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสด และผ้าป่านทอเนื้อดีปักอย่างงดงามด้วยช่างผู้ชำนาญ พวกเขาทำแถบผ้าพาดบ่า ติดไว้ที่ชุดคลุม ติดให้เป็นผืนเดียวกัน ตอนบนเป็นผ้าคาดเอวซึ่งทอด้วยฝีมือชั้นดีสำหรับสวมให้กระชับกับชุดคลุม ใช้ผ้าและด้ายชนิดเดียวกันกับชุดคลุม ใช้ด้ายทอง ด้ายทอขนแกะย้อมสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสด อีกทั้งผ้าป่านทอเนื้อดี ดังที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสส

พวกเขาหล่อกรอบทองคำฉลุลวดลายโปร่งล้อมแผ่นพลอยหลากสี และสลักชื่อของบรรดาบุตรของอิสราเอล ดังเช่นสลักตราประทับ และติดแผ่นพลอยไว้ที่แถบผ้าพาดบ่าที่เชื่อมอยู่กับชุดคลุม เพื่อเป็นพลอยแห่งการรำลึกถึงพงศ์พันธุ์อิสราเอล ดังที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสส

ทับทรวง

เขาตัดเย็บทับทรวงอย่างงดงามด้วยช่างผู้ชำนาญ เหมือนกับที่ตัดเย็บชุดคลุม ด้วยด้ายทอง ด้ายทอขนแกะย้อมสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสด อีกทั้งผ้าป่านทอเนื้อดี ทับทรวงเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส พับทบเป็น 2 ชั้น มีความยาว 1 คืบและกว้าง 1 คืบเมื่อพับทบ 10 แล้วเขาจึงติดเพชรนิลจินดา 4 แถวที่ทับทรวง แถวแรกเป็นทับทิม บุษราคัม และแก้วผลึกสีเขียวปนน้ำเงิน 11 แถวที่สองฝังพลอยสีฟ้า นิลสีคราม และเพชร 12 แถวที่สามฝังแก้วผลึกสีส้มปนแดง โมรา และพลอยสีม่วง 13 และแถวที่สี่ติดโกเมน พลอยหลากสี และมณีสีเขียว เพชรพลอยเหล่านี้ฝังไว้กับกรอบทองคำฉลุลวดลายโปร่ง 14 มีเพชรพลอย 12 เม็ด แต่ละเม็ดสลักชื่อบุตรแต่ละคนของอิสราเอล สลักชื่อทุกชื่อดังเช่นสลักตราประทับ เป็นชื่อสำหรับ 12 เผ่า 15 พวกเขาตีสายคล้องถักเป็นเกลียวด้วยทองคำบริสุทธิ์สำหรับโยงติดกับทับทรวง 16 และตีห่วงทองคำ 2 อันติดไว้ที่ทับทรวงทั้ง 2 มุม 17 แล้วติดสายคล้องทองคำทั้งสองไว้กับห่วง 2 อันที่มุมของทับทรวง 18 ปลายสายคล้องอีก 2 ข้าง เขาโยงไว้กับกรอบฉลุลวดลายโปร่งที่ด้านหน้าซึ่งติดอยู่กับแถบผ้าพาดบ่าที่เชื่อมกับชุดคลุม 19 พวกเขาตีห่วงทองคำ 2 อันติดเข้ากับมุมล่างทั้งสองของทับทรวงที่ริมด้านในที่ติดกับชุดคลุม 20 และตีห่วงทองคำ 2 อันติดไว้ที่ด้านหน้าตอนล่างของแถบผ้าพาดบ่าที่ติดกับขอบชุดคลุมเหนือผ้าคาดเอวที่ทอขึ้นอย่างงดงาม 21 พวกเขาผูกห่วงที่ทับทรวงให้ติดกับห่วงที่ชุดคลุมด้วยสายเกลียวสีน้ำเงิน เพื่อให้ทับทรวงโยงติดกับผ้าคาดเอว และไม่หลุดจากชุดคลุม ดังที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสส

เสื้อคลุมยาวใต้ชุดคลุม

22 เขาเย็บเสื้อคลุมยาวจากผ้าทอสีน้ำเงินสำหรับสวมใต้ชุดคลุม 23 ซึ่งเป็นเสื้อสวมหัว ขลิบรอบคอเสื้อด้วยผ้าทอเช่นเดียวกับเสื้อสวมชั้นใน เพื่อกันการขาดรุ่ย 24 พวกเขาปักรูปลูกทับทิมที่ชายเสื้อคลุมโดยรอบด้วยด้ายทอขนแกะย้อมสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสด และผ้าป่านทอเนื้อดี 25 พวกเขาตีลูกพรวนด้วยทองคำบริสุทธิ์ ติดไว้ระหว่างลูกทับทิมที่อยู่โดยรอบชายเสื้อคลุม 26 ติดลูกพรวน 1 ลูกสลับกันไปกับลูกทับทิม 1 ลูกรอบๆ ชายเสื้อคลุมเวลาปฏิบัติงานของปุโรหิต ดังที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสส

27 พวกเขาเย็บเสื้อยาวชั้นในด้วยผ้าป่านทอเนื้อดีสำหรับอาโรนและบรรดาบุตรของเขาด้วย 28 รวมถึงผ้าโพกศีรษะที่เย็บด้วยผ้าป่านเนื้อดี และผ้าพันหน้าผากด้วยผ้าป่านเนื้อดี กางเกงชั้นในเย็บด้วยผ้าป่านทอเนื้อดี 29 ผ้าคาดเอวก็เย็บด้วยผ้าป่านทอเนื้อดี และด้ายทอขนแกะย้อมสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสด ปักลวดลายดังที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสส

30 แล้วเขาเหล่านั้นใช้ทองคำบริสุทธิ์ตีเป็นแผ่นสำหรับปิดบนมงกุฎบริสุทธิ์ และสลักด้วยคำว่า “บริสุทธิ์สำหรับพระผู้เป็นเจ้า” ดังเช่นสลักตราประทับ 31 และผูกสายเกลียวสีน้ำเงินที่แผ่นทองคำ และติดไว้ที่ผ้าโพกศีรษะ ดังที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสส

สรุปผลงานเสร็จตามคำบัญชา

32 งานทั้งหมดเกี่ยวกับการสร้างกระโจมที่พำนักคือกระโจมที่นัดหมายก็แล้วเสร็จ ประชาชนชาวอิสราเอลได้กระทำทุกสิ่งดังที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสส คือพวกเขาได้กระทำตามนั้น 33 หลังจากนั้นเขาทั้งหลายนำกระโจมที่พำนักมามอบไว้กับโมเสส รวมทั้งกระโจมและเครื่องใช้ประกอบทั้งหมด ขอเกี่ยว กรอบ คาน เสาหลัก และฐานรองรับ 34 ที่คลุมกระโจมหนังแกะตัวผู้ย้อมแดง และอีกผืนเป็นหนังปลาโลมา และม่านกั้น 35 หีบพันธสัญญากับคานหาม และฝาหีบแห่งการชดใช้บาป 36 โต๊ะกับเครื่องตั้งโต๊ะทุกชิ้น และขนมปังอันบริสุทธิ์ 37 คันประทีปทองคำบริสุทธิ์ พร้อมกับดวงประทีปทั้งชุดและภาชนะทุกชิ้น อีกทั้งน้ำมันสำหรับจุดดวงประทีป 38 แท่นทองคำ น้ำมันเจิม เครื่องหอม และม่านบังตาสำหรับประตูที่ทางเข้ากระโจมที่พำนัก 39 แท่นบูชาที่เป็นทองสัมฤทธิ์กับตะแกรงทองสัมฤทธิ์ คานหาม และเครื่องใช้ประกอบทุกชิ้น อ่างน้ำพร้อมฐาน 40 ผ้าแขวนที่ลาน เสาหลักและฐานรองรับ และม่านบังตาสำหรับประตูทางเข้าลาน เชือก และหมุดยึดลาน และเครื่องใช้ประกอบทั้งหมดสำหรับงานรับใช้ที่กระโจมที่พำนักคือกระโจมที่นัดหมาย 41 เครื่องแต่งกายตัดเย็บด้วยฝีมือประณีต เพื่อปฏิบัติงานในสถานที่บริสุทธิ์ เครื่องแต่งกายอันบริสุทธิ์สำหรับอาโรนปุโรหิต และเครื่องแต่งกายของบรรดาบุตรของเขาเพื่อปฏิบัติงานของปุโรหิต 42 ประชาชนชาวอิสราเอลได้กระทำทุกสิ่งดังที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสส 43 และโมเสสได้เห็นงานทั้งหมด ดูเถิด พวกเขาทำจนแล้วเสร็จดังที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาไว้ คือพวกเขากระทำตามนั้น ครั้นแล้วโมเสสก็ให้พรแก่พวกเขา

การจัดตั้งกระโจมที่พำนัก

40 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “วันที่หนึ่งของเดือนแรก เจ้าจงจัดตั้งกระโจมที่พำนักคือกระโจมที่นัดหมาย และจงตั้งหีบพันธสัญญาไว้ในนั้น เจ้าจงกั้นหีบด้วยม่านกั้น จงนำโต๊ะเข้ามา และจัดวางให้เป็นระเบียบ จงนำคันประทีปเข้ามาและจัดดวงประทีปให้พร้อม และจงตั้งแท่นเผาเครื่องหอมทองคำไว้ที่หน้าหีบพันธสัญญา แล้วจึงตั้งม่านบังตาที่บริเวณประตูทางเข้ากระโจมที่พำนัก เจ้าจงตั้งแท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวายภายนอกประตูทางเข้ากระโจมที่พำนักคือกระโจมที่นัดหมาย จงวางอ่างไว้ระหว่างกระโจมที่นัดหมายกับแท่นบูชา แล้วใส่น้ำไว้ในอ่าง เจ้าจงทำลานรอบกระโจมที่พำนัก และแขวนม่านบังตาที่ประตูทางเข้าลาน

แล้วเจ้าจงเอาน้ำมันเจิมมาเจิมกระโจมที่พำนักและเครื่องใช้ทั้งหมดที่อยู่ในนั้น เพื่อให้ทุกสิ่งที่นั่นบริสุทธิ์ แล้วกระโจมที่พำนักก็จะบริสุทธิ์ 10 เจ้าจงเจิมแท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย และเครื่องใช้ประกอบทุกชิ้นด้วย จงทำแท่นนั้นให้บริสุทธิ์ แล้วแท่นก็จะบริสุทธิ์ที่สุด 11 จงเจิมอ่างและฐาน เพื่อทำให้บริสุทธิ์ 12 แล้วเจ้าจงพาอาโรนกับบุตรของเขามาที่ประตูทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย จงชำระล้างพวกเขาด้วยน้ำ 13 แล้วสวมเครื่องแต่งกายที่บริสุทธิ์ให้อาโรน เจิมเขาเพื่อทำให้บริสุทธิ์เวลาเขาเป็นปุโรหิตรับใช้เรา 14 เจ้าจงพาบุตรของเขามาและสวมเสื้อยาวชั้นในให้พวกเขาด้วย 15 แล้วเจิมเขาอย่างที่เจ้าเจิมบิดาของเขา เพื่อให้พวกเขาเป็นปุโรหิตรับใช้เรา การเจิมพวกเขาเป็นการรับให้เป็นปุโรหิตไปตลอดทุกชาติพันธุ์ของพวกเขาเป็นนิตย์”

16 โมเสสกระทำดังกล่าวตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาท่านไว้ทุกประการ 17 ในวันที่หนึ่งเดือนแรกของปีที่สอง กระโจมที่พำนักถูกจัดตั้งขึ้น 18 โมเสสได้จัดตั้งกระโจมที่พำนัก ท่านวางฐานและตั้งกรอบเป็นโครง สอดคาน และยกเสาหลักขึ้น 19 แล้วกางที่คลุมบนกระโจมที่พำนัก และใช้ผ้าคลุมอีกผืนทับผ้าคลุมชั้นนอกดังที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสส 20 ท่านเก็บพันธสัญญาไว้ในหีบ สอดคานหามไว้ที่หีบ และวางฝาหีบแห่งการชดใช้บาปไว้บนหีบ 21 ท่านนำหีบเข้าไปไว้ในกระโจมที่พำนัก แล้วแขวนม่านกั้นเพื่อบังหีบพันธสัญญา ดังที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสส 22 ท่านวางโต๊ะไว้ในกระโจมที่นัดหมาย ทางด้านเหนือของกระโจมที่พำนัก ที่บริเวณภายนอกม่านกั้น 23 แล้ววางขนมปังไว้บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า ดังที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสส 24 ท่านตั้งคันประทีปไว้ในกระโจมที่นัดหมาย ที่ตรงข้ามกับโต๊ะ คือทางทิศใต้ของกระโจมที่พำนัก 25 แล้วจัดดวงประทีปให้พร้อม ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า ดังที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสส 26 ท่านตั้งแท่นบูชาทองคำไว้ในกระโจมที่นัดหมายด้านหน้าของม่านกั้น 27 แล้วก็เผาเครื่องหอมบนแท่นนั้น ดังที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสส 28 ท่านตั้งม่านบังตาที่ประตูทางเข้าของกระโจมที่พำนัก 29 และตั้งแท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวายไว้ที่ด้านนอกประตูทางเข้ากระโจมที่พำนักคือกระโจมที่นัดหมาย แล้วมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายกับเครื่องธัญญบูชาบนแท่น ดังที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสส 30 ท่านวางอ่างไว้ระหว่างกระโจมที่นัดหมายกับแท่นบูชา และใส่น้ำไว้ในอ่างสำหรับชำระล้าง 31 โมเสส อาโรน และบุตรของท่านล้างมือและเท้าด้วยน้ำในอ่าง 32 เวลาปุโรหิตเข้าไปในกระโจมที่นัดหมาย หรือเข้าใกล้แท่นบูชา ท่านก็จะชำระล้างดังที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสส 33 โมเสสตั้งลานไว้โดยรอบกระโจมที่พำนักและแท่นบูชา และตั้งม่านบังตาที่ประตูทางเข้าลาน โมเสสทำงานเสร็จสิ้นทุกประการ

พระบารมีของพระผู้เป็นเจ้า

34 จากนั้นเมฆก็ปกคลุมกระโจมที่นัดหมาย พระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าปรากฏขึ้นในกระโจมที่พำนัก 35 และโมเสสไม่สามารถเข้าไปในกระโจมที่นัดหมายได้ เพราะเมฆปกคลุมอยู่ และพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าก็ปรากฏขึ้นในกระโจมที่พำนัก 36 ตลอดการเดินทางของพวกเขา เมื่อใดที่เมฆลอยตัวขึ้นจากกระโจมที่พำนัก ประชาชนชาวอิสราเอลจะเดินทางต่อไป 37 แต่ถ้าเมฆไม่ถูกยกขึ้น พวกเขาก็จะไม่เดินทางต่อไป จนกระทั่งวันที่เมฆลอยขึ้น 38 ด้วยว่า ในระหว่างการเดินทางของชาวอิสราเอล เมฆของพระผู้เป็นเจ้าปกคลุมอยู่เหนือกระโจมที่พำนักในเวลากลางวัน และมีไฟจากก้อนเมฆในยามกลางคืน ซึ่งได้ปรากฏต่อหน้าพงศ์พันธุ์ของอิสราเอลทุกคน

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation