The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NLT. Switch to the NLT to read along with the audio.
ความฝันของโยเซฟ
37 ยาโคบตั้งถิ่นฐานในดินแดนที่บิดาของเขาเคยพักอยู่ คือดินแดนคานาอัน
2 นี่คือเรื่องราวเชื้อสายของยาโคบ
ขณะที่โยเซฟอายุสิบเจ็ดปี เขาไปเลี้ยงสัตว์กับพวกพี่ชายต่างมารดา บุตรของนางบิลฮาห์และนางศิลปาห์ผู้เป็นภรรยาของบิดา โยเซฟเอาความผิดของพี่ชายมาเล่าให้บิดาฟัง
3 อิสราเอลนั้นรักโยเซฟมากกว่าบุตรชายคนอื่นๆ เพราะโยเซฟเกิดเมื่อเขาอายุมากแล้ว เขาให้เสื้อคลุมที่ตกแต่งอย่างงดงาม[a]แก่โยเซฟ 4 เมื่อพวกพี่ๆ เห็นว่าพ่อรักโยเซฟมากกว่า พวกเขาจึงเกลียดชังโยเซฟและไม่ยอมพูดดีด้วย
5 โยเซฟฝัน และเมื่อเขาเล่าความฝันให้พี่น้องฟัง พวกเขาก็ยิ่งเกลียดโยเซฟมากขึ้น 6 โยเซฟกล่าวว่า “มา ฉันจะเล่าความฝันให้ฟัง 7 ในฝันนั้น พวกเรากำลังมัดฟ่อนข้าวอยู่ด้วยกันในทุ่งนา ทันใดนั้นฟ่อนข้าวของฉันก็ตั้งขึ้น ส่วนฟ่อนข้าวของพี่ๆ มาห้อมล้อมคำนับฟ่อนข้าวของฉัน”
8 พวกพี่ชายจึงพูดว่า “เจ้าคิดจะปกครองพวกเราอย่างนั้นหรือ? เจ้าจะปกครองพวกเราจริงๆ หรือ?” พวกเขาจึงเกลียดชังโยเซฟมากขึ้นเพราะความฝันและเพราะคำพูดของโยเซฟ
9 ต่อมาโยเซฟก็ฝันอีกและเล่าให้พี่น้องของเขาฟังว่า “ฟังสิ ฉันฝันอีกแล้ว ฉันฝันเห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ กับดาวสิบเอ็ดดวงมาน้อมคำนับฉัน”
10 เมื่อเขาเล่าให้ทั้งพ่อและพี่น้องฟัง พ่อตำหนิเขาว่า “ที่เจ้าฝันนั้นหมายความว่าอย่างไร? แม่ของเจ้า ตัวข้า และพี่น้องของเจ้าจะต้องกราบคำนับเจ้าถึงดินอย่างนั้นหรือ?” 11 พวกพี่ชายอิจฉาโยเซฟ แต่บิดาของเขาเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ
พวกพี่ชายขายโยเซฟ
12 วันหนึ่งพี่ๆ ของโยเซฟต้อนฝูงสัตว์ไปเลี้ยงใกล้เมืองเชเคม 13 อิสราเอลเรียกโยเซฟมาสั่งว่า “เจ้าก็รู้แล้วว่าพวกพี่ชายของเจ้าออกไปเลี้ยงสัตว์ใกล้เมืองเชเคม มาเถิด เราจะส่งเจ้าไปหาพวกเขา”
เขาตอบว่า “ได้ขอรับ”
14 ดังนั้นอิสราเอลจึงกล่าวกับโยเซฟว่า “เจ้าจงไปดูว่าพวกพี่ชายของเจ้าและฝูงสัตว์เป็นอย่างไรกันบ้าง แล้วจงกลับมาบอกพ่อ” แล้วอิสราเอลจึงส่งเขาออกจากหุบเขาเฮโบรน
เมื่อโยเซฟมาถึงเมืองเชเคม 15 ชายคนหนึ่งสังเกตเห็นเขาวนเวียนอยู่ในท้องทุ่งจึงถามว่า “เจ้ากำลังหาอะไร?”
16 เขาตอบว่า “ฉันกำลังหาพวกพี่ชายของฉัน ท่านทราบไหมว่าพวกเขาเลี้ยงสัตว์อยู่ที่ไหน?”
17 ชายคนนั้นตอบว่า “พวกเขาไปจากที่นี่แล้ว ข้าได้ยินพวกเขาพูดกันว่า ‘ให้เราไปเมืองโดธานกันเถิด’ ”
โยเซฟจึงตามพวกพี่ชายไปและพบพวกเขาใกล้เมืองโดธาน 18 แต่พวกเขาเห็นโยเซฟแต่ไกล และก่อนที่โยเซฟจะมาถึง พวกพี่ชายก็คบคิดกันจะฆ่าโยเซฟ
19 พวกพี่ๆ ก็พูดกันว่า “เจ้าคนช่างฝันมานั่นแล้วไง! 20 เร็วเข้า ให้เราฆ่ามันและโยนศพมันทิ้งลงไปในบ่อสักบ่อหนึ่ง แล้วบอกว่ามันถูกสัตว์ร้ายขย้ำกินไปแล้ว ทีนี้เราจะได้เห็นกันว่าฝันของมันจะเป็นจริงได้อย่างไร”
21 เมื่อรูเบนได้ยินเช่นนี้ก็พยายามช่วยโยเซฟให้พ้นเงื้อมมือของพวกเขา รูเบนจึงกล่าวว่า “อย่าเอาชีวิตเขาเลย” 22 รูเบนกล่าวอีกว่า “อย่าลงมือฆ่าเขาเลย ให้เราโยนเขาลงไปในบ่อ ทิ้งไว้ในถิ่นกันดารนี้ อย่าลงมือทำอะไรเขาเลย” รูเบนพูดเช่นนี้เพราะเขาต้องการช่วยโยเซฟและพากลับไปหาพ่อ
23 ดังนั้นเมื่อโยเซฟมาถึง พวกพี่ๆ จึงกระชากเสื้อคลุมที่ตกแต่งอย่างงดงามของเขาออก 24 แล้วจับเขาโยนลงไปในบ่อร้างซึ่งไม่มีน้ำ
25 ขณะที่พวกพี่ๆ นั่งลงกินอาหารอยู่นั้น พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองไปเห็นขบวนคาราวานของคนอิชมาเอลที่มาจากกิเลอาด ฝูงอูฐของพวกเขาบรรทุก เครื่องเทศ ยางไม้ และมดยอบ กำลังมุ่งหน้าไปยังอียิปต์
26 ยูดาห์จึงพูดกับพี่น้องของเขาว่า “เราจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าเราฆ่าน้องของเราแล้วกลบเกลื่อนเรื่องนี้? 27 ให้เราขายโยเซฟให้พวกอิชมาเอลเถิด อย่าทำอะไรเขาเลย ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพี่น้องของเรา เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกับเรา” พี่น้องก็เห็นด้วย
28 ฉะนั้นเมื่อพวกพ่อค้าชาวมีเดียนมาถึง พวกพี่ๆ จึงดึงโยเซฟขึ้นจากบ่อ แล้วขายโยเซฟให้คนอิชมาเอลไปเป็นเงิน 20 เชเขล[b] และเขาก็พาโยเซฟไปอียิปต์
29 ฝ่ายรูเบนกลับมาที่บ่อน้ำแล้วไม่พบโยเซฟจึงฉีกเสื้อผ้าของตน 30 เขากลับมาหาน้องๆ และพูดว่า “เด็กนั้นไม่อยู่เสียแล้ว! พี่จะทำอย่างไรดี?”
31 พวกเขาจึงฆ่าแพะแล้วเอาเสื้อคลุมของโยเซฟจุ่มลงในเลือด 32 จากนั้นพวกเขาก็นำเสื้อคลุมที่ประดับประดาอย่างสวยงามตัวนั้นกลับไปให้บิดา และกล่าวว่า “พวกเราพบเสื้อตัวนี้ ขอให้พ่อตรวจดูว่าใช่เสื้อคลุมของลูกชายของพ่อหรือไม่”
33 ยาโคบจำเสื้อตัวนี้ได้จึงกล่าวว่า “นี่เป็นเสื้อคลุมของลูกเรา! สัตว์ร้ายได้ขย้ำเขาเสียแล้ว โยเซฟถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ แน่”
34 ยาโคบจึงฉีกเสื้อผ้าของตน นุ่งห่มผ้ากระสอบ และคร่ำครวญอาลัยถึงบุตรชายของเขาอยู่หลายวัน 35 บุตรชายหญิงทุกคนได้มาปลอบโยนเขา แต่เขาก็ไม่ฟังคำปลอบโยนและกล่าวว่า “อย่าเลย เราจะคร่ำครวญจนกว่าเราจะลงไปหาลูกของเราในแดนคนตาย” ดังนั้นพ่อของโยเซฟก็ร้องไห้อาลัยถึงเขา
36 ในขณะเดียวกัน ที่อียิปต์ คนมีเดียน[c]ได้ขายโยเซฟให้แก่โปทิฟาร์ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นขุนนางคนหนึ่งของฟาโรห์
ยูดาห์กับทามาร์
38 ครั้งนั้นยูดาห์แยกจากพี่น้องของเขาไปอาศัยอยู่กับชายชาวอดุลลัมผู้หนึ่งชื่อฮีราห์ 2 ที่นั่น ยูดาห์พบบุตรสาวของชูอาชาวคานาอันและแต่งงานและหลับนอนกับนาง 3 นางตั้งครรภ์ คลอดบุตรชาย และตั้งชื่อเขาว่าเอร์ 4 นางตั้งครรภ์อีกครั้งหนึ่งคลอดบุตรชาย และตั้งชื่อเขาว่าโอนัน 5 จากนั้นนางมีบุตรชายอีก และตั้งชื่อเขาว่าเชลาห์ นางคลอดบุตรคนนี้ที่เคซิบ
6 ยูดาห์หาภรรยาให้เอร์บุตรหัวปี นางชื่อว่าทามาร์ 7 แต่เอร์บุตรหัวปีของยูดาห์เป็นคนชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงให้เขาถึงแก่ความตาย
8 ยูดาห์จึงบอกโอนันว่า “เจ้าจงหลับนอนกับทามาร์พี่สะใภ้ ทำหน้าที่แทนพี่ชายที่ล่วงลับไปของเจ้า เพื่อลูกที่เกิดมาจะนับเป็นวงศ์วานของพี่ชายของเจ้าต่อไป” 9 แต่โอนันรู้ว่าลูกที่เกิดมาจะไม่นับเป็นทายาทของเขา ฉะนั้นเมื่อเขาร่วมหลับนอนกับพี่สะใภ้คราวใด เขาจะปล่อยน้ำอสุจิตกดินไปเพื่อไม่ให้พี่ชายมีทายาทสืบตระกูล 10 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเห็นว่าสิ่งที่เขาทำเป็นเรื่องชั่วร้าย พระองค์จึงทรงให้เขาตายเช่นกัน
11 ยูดาห์จึงกล่าวกับทามาร์ลูกสะใภ้ของตนว่า “จงไปอาศัยในเรือนของบิดาของเจ้าอย่างหญิงม่ายคนหนึ่งจนกว่าเชลาห์ลูกชายของเราจะโตขึ้น” เพราะเขาคิดว่า “เชลาห์อาจจะตายเช่นเดียวกับพี่ชายทั้งสองคน” ทามาร์จึงกลับไปอาศัยอยู่ในเรือนของบิดา
12 เวลาผ่านไปนานจนกระทั่งภรรยาของยูดาห์บุตรีของชูอาตายไป เมื่อยูดาห์คลายความโศกเศร้าแล้ว เขากับฮีราห์เพื่อนชาวอดุลลัมของเขาไปที่ทิมนาห์ ไปหาผู้คนซึ่งกำลังตัดขนแกะของเขา
13 มีคนไปบอกทามาร์ว่า “พ่อสามีของเธอกำลังไปที่ทิมนาห์เพื่อตัดขนแกะของเขา” 14 ทามาร์จึงเปลี่ยนเครื่องแต่งกายแม่ม่ายออก เอาผ้าคลุมหน้า ปลอมตัวมานั่งอยู่ริมทางเข้าหมู่บ้านเอนาอิมซึ่งเป็นทางไปทิมนาห์ เพราะทามาร์เห็นว่ายูดาห์ไม่ยอมให้ตนแต่งงานกับเชลาห์ แม้ว่าเขาจะโตแล้ว
15 เมื่อยูดาห์เห็นนางก็คิดว่าเป็นผู้หญิงหากิน เนื่องจากนางเอาผ้าคลุมหน้าไว้ 16 เขาจึงแวะเข้าไปหานางแล้วพูดว่า “มาสิ ให้ข้าร่วมหลับนอนกับเจ้า” โดยไม่รู้ว่านางคือลูกสะใภ้
นางถามว่า “ท่านจะให้อะไรเป็นค่าตอบแทน?”
17 เขาตอบว่า “ข้าจะส่งลูกแพะมาให้ตัวหนึ่ง”
นางก็ถามว่า “ท่านจะให้อะไรเป็นมัดจำจนกว่าท่านจะส่งลูกแพะมาให้?”
18 เขาถามว่า “เธออยากได้อะไรเป็นของมัดจำ?”
นางตอบว่า “ขอตราประจำตัวกับเชือกร้อยตราและไม้เท้าในมือของท่าน” เขาจึงมอบให้นาง นางก็ยินยอมหลับนอนกับเขา และนางก็ตั้งครรภ์กับเขา 19 หลังจากนั้นนางจึงเอาผ้าคลุมหน้าออกและกลับมานุ่งห่มเครื่องแต่งกายแม่ม่ายตามเดิม
20 เมื่อยูดาห์ขอให้ฮีราห์ชาวอดุลลัมเพื่อนของเขาเอาลูกแพะไปให้นาง เพื่อแลกของมัดจำคืนจากหญิงคนนั้น ฮีราห์กลับหานางไม่พบ 21 เขาจึงเที่ยวถามบรรดาผู้ชายแถวนั้นว่า “หญิงโสเภณีประจำเทวสถานซึ่งอยู่ริมทางเอนาอิมนั้นอยู่ที่ไหน?”
พวกเขาตอบว่า “ไม่เคยมีหญิงโสเภณีประจำเทวสถานคนใดอยู่ที่นี่”
22 ฮีราห์จึงกลับมาหายูดาห์แล้วบอกเขาว่า “ข้าหานางไม่พบ นอกจากนั้นบรรดาผู้ชายแถวนั้นก็บอกว่า ‘ไม่เคยมีหญิงโสเภณีประจำเทวสถานคนใดอยู่ที่นี่’ ”
23 ยูดาห์จึงกล่าวว่า “ให้นางเก็บของพวกนั้นไว้ก็แล้วกัน มิฉะนั้นเราจะกลายเป็นตัวตลกให้คนหัวเราะ อย่างไรเสียเราก็ได้ส่งลูกแพะไปให้แล้วแต่หานางไม่พบ”
24 ราวสามเดือนต่อมา มีคนมาบอกยูดาห์ว่า “ทามาร์ลูกสะใภ้ของท่านทำผิดด้วยการคบชู้สู่ชายจนตั้งครรภ์แล้ว”
ยูดาห์จึงสั่งว่า “นำตัวนางออกมาและเอาไปเผาให้ตาย!”
25 แต่ขณะที่คนทั้งหลายกำลังพาตัวนางออกมา นางส่งคนมาบอกพ่อสามีว่า “ฉันตั้งครรภ์กับชายผู้เป็นเจ้าของสิ่งเหล่านี้ จงดูเถิดว่าท่านจำได้ไหมว่าตราประจำตัว เชือกร้อยตรา และไม้เท้านี้เป็นของใคร”
26 ยูดาห์จำได้ว่าของเหล่านี้เป็นของตนจึงพูดว่า “นางชอบธรรมยิ่งกว่าเราเสียอีก เพราะเราไม่ยอมให้นางเป็นภรรยาของเชลาห์ลูกชายของเรา” และยูดาห์ก็ไม่ได้หลับนอนกับทามาร์อีกเลย
27 เมื่อถึงกำหนดคลอด นางมีลูกแฝดชายสองคนอยู่ในครรภ์ 28 ในขณะที่นางกำลังคลอด ทารกคนหนึ่งยื่นมือออกมา นางผดุงครรภ์จึงเอาด้ายแดงผูกข้อมือและพูดว่า “คนนี้ออกมาก่อน” 29 แต่ทารกนั้นหดมือกลับ และอีกคนหนึ่งคลอดออกมา นางจึงพูดว่า “อ้าว! แหวกออกมาได้อย่างไร” เด็กนั้นจึงได้ชื่อว่าเปเรศ[d] 30 แล้วทารกคนที่มีด้ายแดงผูกข้อมือก็คลอดออกมาและได้ชื่อว่าเศราห์[e]
พระเยซูกับเบเอลเซบุบ(A)
22 แล้วเขาพาชายที่มีผีสิงคนหนึ่งซึ่งทั้งตาบอดและเป็นใบ้มาหาพระองค์ พระเยซูทรงรักษาคนนั้น เขาจึงพูดและมองเห็นได้ 23 คนทั้งปวงก็ประหลาดใจและพูดกันว่า “เป็นไปได้ไหมที่คนนี้คือบุตรดาวิด?”
24 แต่เมื่อพวกฟาริสีได้ยินก็พูดว่า “คนนี้ขับผีออกโดยอาศัยเบเอลเซบุบ[a]เจ้าแห่งผีเท่านั้นเอง”
25 พระเยซูทรงทราบความคิดของพวกเขาจึงตรัสกับพวกเขาว่า “ทุกๆ อาณาจักรที่แตกแยกกันเองย่อมถูกทำลาย และทุกๆ บ้านเมืองหรือครัวเรือนที่แตกแยกกันเองย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ 26 หากซาตานขับไล่ซาตาน มันก็แตกแยกกับตัวเอง แล้วอาณาจักรของมันจะตั้งอยู่ได้อย่างไร? 27 และหากเราขับผีออกโดยอาศัยเบเอลเซบุบ คนของพวกท่านเล่าขับผีออกโดยอาศัยใคร? ฉะนั้นพวกเขาจะตัดสินท่าน 28 แต่หากเราขับผีออกโดยพระวิญญาณของพระเจ้า อาณาจักรของพระเจ้าก็มาถึงพวกท่านแล้ว
29 “หรือคนจะสามารถเข้าไปในบ้านของคนที่แข็งแรงและขนเอาทรัพย์สินของเขาไปได้อย่างไร ถ้าไม่จับคนแข็งแรงนั้นมัดไว้ก่อน? จากนั้นจึงปล้นบ้านของเขาได้
30 “ผู้ใดไม่อยู่ฝ่ายเราก็เป็นปฏิปักษ์กับเรา และผู้ใดไม่รวบรวมไว้ให้เราก็ทำให้กระจัดกระจายไป 31 ฉะนั้นเราบอกท่านว่าบาปและการหมิ่นประมาททุกอย่างทรงอภัยให้มนุษย์ได้ แต่การหมิ่นประมาทพระวิญญาณทรงอภัยให้ไม่ได้ 32 ผู้ใดกล่าวล่วงเกินบุตรมนุษย์จะทรงอภัยให้ แต่ผู้ใดกล่าวล่วงเกินพระวิญญาณบริสุทธิ์จะไม่ทรงอภัยให้ไม่ว่าในยุคนี้หรือในยุคหน้า
33 “ถ้าต้นไม้ดีผลก็จะดี ถ้าต้นไม้เลวผลก็จะเลว เพราะจะรู้จักต้นไม้ได้ก็โดยผลของมัน 34 เจ้าชาติงูร้าย เจ้าที่เป็นคนชั่วจะพูดสิ่งที่ดีได้อย่างไร? เพราะปากพูดสิ่งที่ล้นออกมาจากใจ 35 คนดีนำสิ่งดีๆ ออกมาจากความดีที่สะสมไว้ในตัวเขา ส่วนคนชั่วนำสิ่งชั่วๆ ออกมาจากความชั่วที่สะสมอยู่ในตัวเขา 36 แต่เราบอกท่านว่าในวันพิพากษามนุษย์จะต้องให้การเกี่ยวกับถ้อยคำพล่อยๆ ทุกคำที่เขาพูดออกมา 37 เพราะท่านจะพ้นผิดหรือถูกลงโทษก็ขึ้นอยู่กับถ้อยคำของท่าน”
หมายสำคัญของโยนาห์(B)
38 แล้วมีบางคนในพวกฟาริสีและธรรมาจารย์มาทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ เราอยากเห็นหมายสำคัญจากท่าน”
39 พระองค์ตรัสว่า “คนในยุคที่ชั่วร้ายและทรยศต่อพระเจ้า ขอแต่หมายสำคัญ! แต่เขาจะไม่ได้รับหมายสำคัญอื่นยกเว้นหมายสำคัญของผู้เผยพระวจนะโยนาห์ 40 เพราะโยนาห์อยู่ในท้องปลาใหญ่สามวันสามคืนฉันใด บุตรมนุษย์ก็จะอยู่ในใจกลางแผ่นดินโลกสามวันสามคืนฉันนั้น 41 ในวันพิพากษาชาวนีนะเวห์จะยืนขึ้นพร้อมกับคนในยุคนี้และกล่าวโทษพวกเขาเพราะชาวนีนะเวห์ได้กลับใจใหม่โดยคำเทศนาของโยนาห์และบัดนี้ผู้[b]ที่ยิ่งใหญ่กว่าโยนาห์ก็อยู่ที่นี่ 42 ในวันพิพากษาราชินีแห่งแดนใต้จะลุกขึ้นพร้อมกับคนในยุคนี้และกล่าวโทษพวกเขา เพราะพระนางมาจากสุดโลกเพื่อรับฟังสติปัญญาของโซโลมอน และบัดนี้ผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าโซโลมอนก็อยู่ที่นี่
43 “เมื่อวิญญาณชั่ว[c]ออกจากผู้ใดแล้ว มันก็ไปทั่วถิ่นแล้ง แสวงหาที่พักและไม่พบ 44 มันจึงว่า ‘ข้าจะกลับไปยังบ้านที่ข้าจากมา’ พอมาถึงก็พบว่าบ้านนั้นว่างอยู่ เก็บกวาดสะอาด และจัดเป็นระเบียบเรียบร้อย 45 จึงไปพาผีอื่นๆ อีกเจ็ดตนซึ่งชั่วร้ายยิ่งกว่ามันเข้ามาอาศัยที่นั่นด้วย และในที่สุดสภาพของคนนั้นก็เลวร้ายยิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก คนในยุคที่ชั่วร้ายนี้ก็จะเป็นเช่นนั้น”
(มิคทาม[a]บทหนึ่งของดาวิด)
16 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงปกป้องข้าพระองค์ให้ปลอดภัย
เพราะข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์
2 ข้าพเจ้ากราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์
นอกจากพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ไม่มีอะไรดีเลย”
3 ข้าพเจ้าชื่นชมเหล่าวิสุทธิชนในโลกนี้
พวกเขาเป็นผู้ทรงเกียรติ น่ายกย่อง
4 บรรดาผู้ที่ติดตามพระอื่นๆ จะทุกข์โศกมากยิ่งขึ้น
ข้าพเจ้าจะไม่เทเลือดถวายเป็นเครื่องสักการบูชาเหมือนที่พวกเขาทำ
หรือเอ่ยชื่อพระต่างๆ ของพวกเขา
5 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นส่วนมรดกและเป็นจอกแห่งพระพรของข้าพระองค์
พระองค์ทรงดูแลรักษากรรมสิทธิ์ของข้าพระองค์
6 ทรงให้ข้าพระองค์ได้รับส่วนในเขตแดนอันรื่นรมย์
แน่นอน ข้าพระองค์มีมรดกอันน่าชื่นชม
7 ข้าพเจ้าจะสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงให้คำปรึกษาแก่ข้าพเจ้า
แม้ในยามค่ำคืนจิตใจของข้าพเจ้าก็สอนตัวเอง
8 ข้าพเจ้าให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ
เพราะพระองค์ทรงประทับอยู่ที่ด้านขวามือของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว
9 ฉะนั้นจิตใจของข้าพเจ้าจึงยินดีและลิ้นของข้าพเจ้าก็ปรีดา
กายของข้าพเจ้าก็จะพักอยู่อย่างปลอดภัยเช่นกัน
10 เพราะพระองค์จะไม่ทรงทิ้งข้าพระองค์ไว้กับหลุมฝังศพ
ทั้งจะไม่ทรงปล่อยให้ผู้ซื่อสัตย์ของพระองค์[b]เน่าเปื่อย
11 พระองค์ได้ทรงสำแดง[c]หนทางแห่งชีวิตแก่ข้าพระองค์
พระองค์จะทรงให้ข้าพระองค์เปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดีต่อหน้าพระองค์
มีความชื่นบานอยู่ที่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์เป็นนิตย์
27 อย่าหน่วงเหนี่ยวสิ่งดีไว้จากผู้ที่สมควรได้รับ
เมื่ออยู่ในอำนาจของเจ้าที่จะจัดการได้
28 อย่าพูดกับเพื่อนบ้านว่า
“กลับมาพรุ่งนี้แล้วกัน แล้วฉันจะให้”
ในเมื่อเจ้าสามารถให้ได้ทันที
29 อย่าคิดปองร้ายเพื่อนบ้านของเจ้า
ผู้อาศัยอยู่ใกล้ๆ เจ้าอย่างไว้เนื้อเชื่อใจ
30 อย่ากล่าวหาผู้ใดโดยไม่มีมูลเหตุ
ในเมื่อเขาไม่ได้ทำร้ายเจ้า
31 อย่าอิจฉาคนโหดเหี้ยม
หรือเลือกวิถีทางใดๆ ของเขา
32 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชิงชังคนคดในข้องอในกระดูก
แต่ทรงเชื่อใจคนเที่ยงธรรม
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.