The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NLT. Switch to the NLT to read along with the audio.
ถ้วยเงินในกระสอบ
44 ต่อมาโยเซฟสั่งคนต้นเรือนประจำบ้านของเขาว่า “จงเอาอาหารยัดใส่กระสอบของพวกเขาทุกคนมากเท่าที่พวกเขาจะขนไปได้ และจงใส่เงินของพวกเขาแต่ละคนไว้ที่ปากกระสอบของพวกเขาด้วย 2 แล้วใส่ถ้วยเงินของเราไว้ที่ปากกระสอบของน้องคนเล็ก พร้อมเงินค่าข้าวของเขา” เขาก็ปฏิบัติตามคำสั่งของโยเซฟ
3 ครั้นรุ่งเช้า คนของโยเซฟก็ส่งชายเหล่านั้นพร้อมฝูงลาออกเดินทางไป 4 เมื่อพวกเขาเดินทางไปได้ไม่ไกลจากเมืองนัก โยเซฟก็สั่งคนต้นเรือนว่า “จงตามชายเหล่านั้นไปทันที และเมื่อเจ้าตามไปทันแล้วให้ถามพวกเขาว่า ‘เหตุใดพวกท่านจึงตอบแทนความดีด้วยความชั่ว? 5 นี่เป็นถ้วยซึ่งนายของเราใช้ดื่มและใช้ทำนายไม่ใช่หรือ? พวกท่านได้ทำสิ่งชั่วช้าลงไปแล้ว’ ”
6 เมื่อคนต้นเรือนไล่ตามคนเหล่านั้นทัน เขาก็พูดตามที่โยเซฟสั่ง 7 แต่ชายเหล่านั้นพูดว่า “เหตุใดเจ้านายของเราจึงพูดเช่นนั้น? ไม่มีทางที่ผู้รับใช้ของท่านจะทำเช่นนั้น! 8 พวกเราอุตส่าห์นำเงินจากดินแดนคานาอันที่พบในปากกระสอบของเรามาคืนให้ท่าน แล้วทำไมเราจึงต้องขโมยเงินหรือทองจากบ้านนายของท่านด้วย? 9 ถ้าพบถ้วยเงินของนายท่านอยู่ที่ผู้รับใช้ของท่านคนใดก็ให้ผู้นั้นตายเสียเถิด แล้วพวกเราที่เหลือทั้งหมดจะยอมเป็นทาสนายของท่าน”
10 เขาจึงว่า “ดี ให้เป็นไปตามที่ท่านว่า ถ้าเราพบของนั้นที่ใคร เขาจะกลายเป็นทาสของเรา แต่พวกที่เหลือจะพ้นผิด”
11 พวกเขาแต่ละคนจึงรีบปลดกระสอบลงจากหลังลาและเปิดออก 12 แล้วคนต้นเรือนจึงเริ่มค้นดูตั้งแต่กระสอบของพี่ชายคนโตไปจนถึงน้องคนสุดท้อง ก็พบถ้วยเงินในกระสอบของเบนยามิน 13 เมื่อเห็นดังนั้น พวกเขาจึงฉีกเสื้อผ้าของตนด้วยความทุกข์ใจ เอาของขึ้นลาแล้วกลับเข้ามาในเมือง
14 โยเซฟยังคงอยู่ที่บ้านเมื่อยูดาห์กับพี่น้องของเขามาถึง พวกเขารีบทรุดตัวลงกับพื้นต่อหน้าโยเซฟ 15 โยเซฟถามว่า “พวกเจ้าทำอะไรลงไป? พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าคนอย่างเราสามารถรู้เรื่องต่างๆ ได้โดยการทำนาย?”
16 ยูดาห์ตอบว่า “พวกเราจะพูดอะไรต่อนายของเราได้? จะแก้ตัวได้อย่างไร? เราจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าเราเป็นผู้บริสุทธิ์? พระเจ้าทรงเปิดโปงความผิดของผู้รับใช้ของท่าน บัดนี้พวกเราและคนที่ถูกจับได้ว่ามีถ้วยเงินของท่านอยู่ได้เป็นทาสรับใช้เจ้านายของเราแล้ว”
17 แต่โยเซฟกล่าวว่า “เราจะไม่ทำเช่นนั้นหรอก! คนที่ขโมยถ้วยเงินไปเท่านั้นที่ต้องเป็นทาสของเรา! ส่วนคนที่เหลือจงกลับไปหาพ่อของเจ้าด้วยสันติสุขเถิด”
18 แล้วยูดาห์จึงเข้าไปใกล้โยเซฟและพูดว่า “ได้โปรดเถิด นายของข้า โปรดอนุญาตให้ผู้รับใช้ของท่านได้พูดอะไรสักคำ ขออย่าได้โกรธผู้รับใช้ของท่านเลย แม้ว่าท่านจะยิ่งใหญ่เสมือนฟาโรห์เอง 19 นายท่านได้ถามพวกเราผู้รับใช้ของท่านว่า ‘พวกเจ้ามีพ่อหรือน้องชายหรือไม่?’ 20 พวกเราก็ตอบว่า ‘เรามีพ่อผู้ชรา และมีน้องสุดท้องคนหนึ่งซึ่งเกิดมาตอนที่พ่ออายุมากแล้ว พี่ชายของเขาตายไปแล้ว เขาเป็นลูกที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของแม่เขา และพ่อก็รักเขา’
21 “แล้วท่านก็สั่งผู้รับใช้ของท่านว่า ‘จงพาเขามาที่นี่เพื่อเราจะได้เห็นเขากับตา’ 22 และพวกเราก็ได้พูดกับนายท่านว่า ‘เด็กหนุ่มคนนั้นจากพ่อมาไม่ได้ ถ้าเขาจากมา พ่อของเขาจะตรอมใจตาย’ 23 แต่ท่านได้บอกผู้รับใช้ของท่านว่า ‘เจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้มาพบเรา ถ้าพวกเจ้าไม่พาน้องคนสุดท้องของพวกเจ้ามาด้วย’ 24 เมื่อพวกเรากลับไปหาพ่อของเราผู้รับใช้ของท่าน เราก็ได้เล่าให้ท่านฟังตามที่นายท่านได้สั่งไว้
25 “ต่อมาพ่อของเรากล่าวว่า ‘จงกลับไปซื้ออาหารมาอีกสักหน่อย’ 26 แต่พวกเรากล่าวว่า ‘เราลงไปไม่ได้หรอก นอกจากน้องคนเล็กจะไปกับเราด้วย เราไม่สามารถไปพบหน้านายท่านได้ถ้าน้องคนสุดท้องไม่ได้ไปกับเรา’
27 “แล้วพ่อของเราผู้รับใช้ของท่านจึงพูดกับพวกเราว่า ‘เจ้าก็รู้ว่าภรรยาคนนี้ของพ่อมีลูกชายให้พ่อสองคน 28 คนหนึ่งก็จากเราไปแล้ว เราเข้าใจว่า “เขาถูกสัตว์ร้ายฉีกเป็นชิ้นๆ แน่นอน” และเราก็ไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกเลย 29 และถ้าเจ้าพาลูกคนนี้ไปจากเราอีก และหากเขาต้องมีอันเป็นไป พวกเจ้าจะพาให้หัวหงอกของพ่อลงไปสู่แดนผู้ตายด้วยความทุกข์ระทม’
30 “แล้วบัดนี้หากพวกเรากลับไปหาพ่อของเราผู้รับใช้ของท่าน โดยไม่มีเด็กหนุ่มคนนี้ไปด้วย แล้วถ้าพ่อของเราผู้ซึ่งชีวิตของท่านผูกพันกับชีวิตของเด็กหนุ่มคนนี้อย่างแน่นแฟ้น 31 เห็นว่าเขาไม่ได้กลับไป ท่านก็จะตรอมใจตาย ผู้รับใช้ของท่านจะทำให้พ่อผู้ผมหงอกแล้วลงสู่แดนผู้ตายด้วยความทุกข์ระทม 32 ผู้รับใช้ของท่านได้รับประกันความปลอดภัยของน้องคนนี้กับพ่อว่า ‘ถ้าข้าไม่สามารถพาเขากลับมาหาพ่อได้ ก็ขอให้เป็นตราบาปติดตัวข้าไปตลอดชีวิต!’
33 “บัดนี้โปรดให้ผู้รับใช้ของท่านอยู่เป็นทาสของนายท่านที่นี่แทนเด็กหนุ่มคนนี้เถิด และโปรดให้เด็กหนุ่มคนนี้ได้กลับไปพร้อมกับพวกพี่น้องของเขา 34 ข้าจะกลับไปพบพ่อได้อย่างไรถ้าไม่มีเด็กหนุ่มคนนี้ไปด้วย? อย่าเลย! อย่าให้ข้าได้เห็นความทุกข์ระทมที่จะเกิดกับพ่อของข้าเลย”
โยเซฟแสดงตัวกับพี่น้อง
45 โยเซฟไม่สามารถควบคุมตนเองต่อหน้าบรรดาคนที่ยืนอยู่ได้อีกต่อไป จึงร้องสั่งบริวารว่า “จงออกไปให้พ้นหน้าเราให้หมดทุกคน!” ดังนั้นจึงไม่มีผู้อื่นอยู่กับโยเซฟเมื่อเขาแสดงตัวกับพี่น้องของเขา 2 แล้วเขาก็ร้องไห้เสียงดังจนชาวอียิปต์ทั้งหลายได้ยิน และข่าวก็ไปถึงราชวังของฟาโรห์
3 โยเซฟบอกพวกพี่น้องว่า “เราคือโยเซฟ! พ่อของเรายังมีชีวิตอยู่หรือ?” แต่พวกพี่น้องก็พูดอะไรไม่ออก เพราะพวกเขาต่างตกใจกลัวที่ได้เผชิญหน้ากับโยเซฟ
4 แล้วโยเซฟจึงพูดกับพี่น้องของเขาว่า “เข้ามาใกล้ๆ เราเถิด” พวกเขาก็เดินเข้าไปใกล้ เขาพูดอีกว่า “เราคือโยเซฟพี่น้องของท่าน คนที่ท่านขายเข้ามาในอียิปต์ 5 แต่บัดนี้อย่าเสียใจและอย่าโกรธตนเองที่ได้ขายเรามาที่นี่ เพราะว่าพระเจ้าทรงส่งเรามาล่วงหน้าพวกพี่เพื่อช่วยชีวิตคนทั้งหลาย 6 การกันดารอาหารในแผ่นดินนี้เพิ่งเกิดขึ้นเพียงสองปี แล้วอีกห้าปีข้างหน้าก็จะเพาะปลูกหรือเก็บเกี่ยวไม่ได้ 7 แต่พระเจ้าทรงส่งเรามาล่วงหน้าพวกพี่เพื่อปกป้องรักษาคนที่เหลือบนแผ่นดินโลกไว้ และทรงช่วยชีวิตพวกพี่ไว้ด้วยการช่วยกู้ยิ่งใหญ่[a]
8 “ฉะนั้นจึงไม่ใช่พวกพี่ที่ส่งเรามาที่นี่ แต่เป็นพระเจ้าเอง พระองค์ทรงโปรดให้เราเป็นเหมือนบิดาแก่ฟาโรห์ เป็นเจ้านายเหนือข้าราชสำนักทั้งสิ้นและเป็นผู้ปกครองอียิปต์ทั้งประเทศ 9 บัดนี้จงรีบกลับไปหาพ่อของเราเถิด และบอกพ่อว่า ‘โยเซฟลูกของพ่อกล่าวดังนี้ว่า พระเจ้าทรงกระทำให้เราเป็นเจ้านายเหนือดินแดนอียิปต์ เชิญลงมาหาเราเถิด อย่าชักช้าอยู่เลย 10 พ่อจะได้มาอยู่ในดินแดนโกเชน อยู่ใกล้ๆ เรา ทั้งตัวพ่อพร้อมลูกหลาน ฝูงสัตว์ และทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านมี 11 เราจะดูแลจัดหาสิ่งต่างๆ ให้พ่อที่นั่น เพราะจะกันดารอาหารอีกห้าปี มิฉะนั้นแล้วทั้งตัวพ่อ ครัวเรือนของพ่อ และคนของพ่อทุกคนจะต้องอดอยากกันหมด’
12 “พี่ๆ ก็เห็นอยู่กับตา น้องเบนยามินก็เห็นว่าเป็นเราจริงๆ ที่กำลังพูดอยู่กับพวกท่าน 13 จงเล่าให้พ่อของเราฟังว่า เรามียศถาบรรดาศักดิ์ที่ยิ่งใหญ่ในอียิปต์ และจงเล่าทุกอย่างตามที่เห็น แล้วพาพ่อมาที่นี่โดยเร็ว”
14 แล้วโยเซฟก็สวมกอดเบนยามินน้องชายของเขาแล้วร้องไห้ เบนยามินก็กอดพี่แล้วร้องไห้ 15 โยเซฟจูบพี่น้องทุกคนและร้องไห้ หลังจากนั้นพี่น้องของเขาก็พูดคุยกับโยเซฟ
16 เมื่อข่าวแพร่ไปถึงพระราชวังของฟาโรห์ว่าพี่น้องของโยเซฟมา ฟาโรห์กับเหล่าข้าราชบริพารทั้งหมดก็พากันยินดี 17 ฟาโรห์รับสั่งกับโยเซฟว่า “จงไปบอกพี่น้องของเจ้าว่า ‘จงทำตามนี้คือ นำสัตว์บรรทุกสิ่งของกลับไปยังคานาอัน 18 รับตัวบิดาของเจ้ากับทุกคนในครอบครัวกลับมาหาเรา เราจะยกดินแดนที่ดีที่สุดในอียิปต์ให้พวกเจ้า และพวกเจ้าจะได้ชื่นชมกับผลิตผลอันอุดมสมบูรณ์ในแผ่นดินนี้’
19 “เจ้าจงบอกพวกเขาด้วยว่า ‘จงทำตามนี้คือ จงนำขบวนเกวียนจากอียิปต์ไปรับลูกหลานของพวกเจ้า บรรดาภรรยา และบิดาของเจ้ามาที่นี่ 20 อย่าห่วงพะวงถึงทรัพย์สมบัติของพวกเจ้าที่นั่นเลย เพราะพวกเจ้าจะได้รับสิ่งของชั้นเยี่ยมต่างๆ นานาที่มีอยู่ในอียิปต์’ ”
21 ดังนั้นบรรดาบุตรชายของอิสราเอลจึงทำตามนั้น โยเซฟจึงให้ขบวนเกวียนไปกับพวกเขาตามรับสั่งของฟาโรห์ และเขายังให้เสบียงไปกินตามทางด้วย 22 เขาให้เสื้อผ้าใหม่กับพี่น้องทุกคน ส่วนเบนยามินได้รับเงิน 300 เชเขล[b]และเสื้อผ้าห้าชุด 23 และโยเซฟได้ส่งสิ่งของต่างๆ เหล่านี้ให้แก่บิดาของเขา คือลาสิบตัวบรรทุกสิ่งของชั้นเยี่ยมที่มีอยู่ในอียิปต์ และลาตัวเมียอีกสิบตัวบรรทุกข้าว ขนมปัง และเสบียงอื่นๆ ให้บิดาไว้กินตามทาง 24 โยเซฟจึงส่งพวกพี่น้องออกเดินทางไป และก่อนจากกันโยเซฟพูดกับพวกเขาว่า “อย่าทะเลาะกันระหว่างทาง!”
25 ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางออกจากอียิปต์กลับไปหายาโคบผู้เป็นบิดาที่คานาอัน 26 พวกเขาบอกยาโคบว่า “โยเซฟยังมีชีวิตอยู่! จริงๆ แล้วเขาได้เป็นถึงผู้ปกครองอียิปต์ทั้งประเทศ” ยาโคบตะลึงงันและไม่เชื่อพวกเขา 27 แต่เมื่อพวกเขาได้เล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่โยเซฟได้พูดกับพวกเขาให้บิดาฟัง และเมื่อยาโคบเห็นขบวนเกวียนที่โยเซฟส่งมารับเขากลับไป จิตใจของยาโคบบิดาของพวกเขาก็ชุ่มชื่นขึ้น 28 แล้วอิสราเอลก็พูดว่า “พอแล้ว! เราเชื่อแล้วว่าโยเซฟลูกของเรายังมีชีวิตอยู่ เราจะไปพบเขาก่อนเราตาย”
พระเยซูทรงเลี้ยงคนห้าพันคน(A)
13 เมื่อพระเยซูทรงทราบสิ่งที่เกิดขึ้นก็ลงเรือเสด็จจากที่นั่นไปยังที่สงบเงียบเป็นการส่วนพระองค์ ประชาชนจากเมืองต่างๆ ได้ยินเช่นนี้ก็เดินไปหาพระองค์ 14 เมื่อพระเยซูเสด็จขึ้นจากเรือและทรงเห็นคนกลุ่มใหญ่ พระองค์ก็ทรงสงสารเขาและทรงรักษาคนเจ็บป่วยในหมู่พวกเขา
15 พอตกเย็นเหล่าสาวกมาทูลพระองค์ว่า “ที่นี่ห่างไกลมากและตกเย็นแล้ว ขอทรงให้ประชาชนไป เขาจะได้ไปซื้อหาอาหารกินตามหมู่บ้านต่างๆ”
16 พระเยซูตรัสตอบว่า “พวกเขาไม่จำเป็นต้องไป พวกท่านจงเลี้ยงพวกเขาเถิด”
17 เหล่าสาวกทูลว่า “ที่นี่เรามีเพียงขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว”
18 พระองค์ตรัสว่า “เอามาให้เราที่นี่” 19 แล้วทรงให้คนทั้งหลายนั่งลงบนหญ้า ทรงรับขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัวนั้นมา เงยพระพักตร์ขึ้นมองฟ้าสวรรค์ ขอบพระคุณพระเจ้า และหักขนมปังส่งให้เหล่าสาวก เหล่าสาวกก็แจกจ่ายให้แก่ประชาชน 20 พวกเขาทุกคนได้กินอิ่มหนำ และเหล่าสาวกเก็บเศษที่เหลือได้สิบสองตะกร้าเต็ม 21 จำนวนคนที่รับประทานอาหารนั้นมีผู้ชายประมาณห้าพันคนไม่นับผู้หญิงและเด็ก
พระเยซูทรงดำเนินบนน้ำ(B)
22 พระเยซูทรงให้เหล่าสาวกลงเรือข้ามฟากล่วงหน้าไปทันทีขณะที่พระองค์ทรงรอส่งฝูงชน 23 หลังจากทรงส่งพวกเขาไปหมดแล้ว พระองค์เสด็จขึ้นภูเขาโดยลำพังเพื่ออธิษฐาน เมื่อค่ำลงพระองค์ทรงอยู่ที่นั่นเพียงผู้เดียว 24 ส่วนเรือออกจากฝั่งมาไกลพอสมควรแล้ว[a]และถูกคลื่นกระหน่ำเพราะลมพัดปะทะเรือ
25 เมื่อใกล้รุ่ง[b]พระเยซูทรงดำเนินบนทะเลสาบไปหาพวกเขา 26 เมื่อเหล่าสาวกเห็นพระองค์ดำเนินมาบนทะเลสาบก็ตระหนกตกใจบอกว่า “ผี” และพากันร้องอึงเพราะความกลัว
27 แต่ทันใดนั้นพระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “ทำใจเข้มแข็งไว้! นี่เราเอง อย่ากลัวเลย”
28 เปโตรทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า หากใช่พระองค์ ขอทรงบอกให้ข้าพระองค์เดินบนน้ำไปหาพระองค์”
29 พระเยซูตรัสว่า “มาเถิด”
เปโตรจึงลงจากเรือแล้วเดินบนน้ำไปหาพระเยซู 30 แต่พอเขาเห็นว่าลมพัดแรงก็กลัวและเมื่อกำลังจะจมก็ร้องว่า “พระองค์เจ้าข้า ช่วยด้วย!”
31 พระเยซูทรงยื่นพระหัตถ์จับเขาไว้ทันทีและตรัสว่า “ท่านผู้มีความเชื่อน้อย เหตุใดท่านจึงสงสัย?”
32 เมื่อพระองค์กับเปโตรขึ้นเรือแล้ว ลมก็หยุดพัด 33 แล้วบรรดาผู้ที่อยู่ในเรือจึงกราบนมัสการพระองค์พร้อมทั้งทูลว่า “พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าจริงๆ”
34 เมื่อข้ามฟากแล้ว พวกเขาก็มาขึ้นฝั่งที่เยนเนซาเรท 35 และเมื่อคนที่นั่นจำพระเยซูได้ก็ส่งข่าวไปทั่วแคว้น ประชาชนนำบรรดาคนเจ็บป่วยมาหาพระองค์ 36 และทูลขอให้คนป่วยนั้นได้แตะชายฉลองพระองค์ก็พอและทุกคนที่ได้แตะพระองค์ก็หายป่วย
37 ข้าพระองค์รุกไล่ศัตรูจนทัน
ข้าพระองค์ไม่ได้หันหลังกลับจนกระทั่งพวกเขาถูกทำลาย
38 ข้าพระองค์บดขยี้จนพวกเขาไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก
พวกเขาสยบอยู่ใต้เท้าของข้าพระองค์
39 พระองค์ประทานกำลังให้ข้าพระองค์แข็งแกร่งพร้อมรบ
ทรงกระทำให้บรรดาปฏิปักษ์ของข้าพระองค์หมอบแทบเท้าข้าพระองค์
40 พระองค์ทรงกระทำให้ศัตรูของข้าพระองค์ถอยหนีไป
ข้าพระองค์ทำลายล้างปฏิปักษ์ของข้าพระองค์
41 พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครช่วย
เขาร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ไม่ทรงตอบ
42 ข้าพระองค์จึงบดขยี้พวกเขาแหลกละเอียดเป็นผงธุลีฟุ้งไปในสายลม
ข้าพระองค์เหยียบย่ำพวกเขาเหมือนเหยียบโคลนตามถนน
43 พระองค์ทรงช่วยข้าพระองค์จากการโจมตีของฝูงชน
ทรงตั้งข้าพระองค์ให้เป็นประมุขของประชาชาติทั้งหลาย
ผู้คนที่ข้าพระองค์ไม่รู้จักก็มาสวามิภักดิ์ต่อข้าพระองค์
44 ทันทีที่ได้ยินถึงข้าพระองค์ พวกเขาก็เชื่อฟังข้าพระองค์
คนต่างชาติมาสยบต่อข้าพระองค์
45 พวกเขาล้วนเสียขวัญ
ต่างก็ตัวสั่นออกมาจากที่มั่น
46 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่! ขอถวายสรรเสริญแด่พระศิลาของข้าพระองค์!
ขอพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์ทรงเป็นที่ยกย่องเทิดทูน!
47 พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงแก้แค้นให้ข้าพเจ้า
ผู้ทรงกระทำให้ประชาชาติต่างๆ ยอมสยบต่อข้าพเจ้า
48 ผู้ทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากเหล่าศัตรู
พระองค์ทรงเชิดชูข้าพเจ้าไว้เหนือข้าศึกทั้งหลาย
ทรงกอบกู้ข้าพเจ้าจากหมู่คนอำมหิต
49 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเหตุนี้ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ในหมู่ประชาชาติทั้งหลาย
จะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์
50 พระองค์ประทานชัยชนะยิ่งใหญ่แก่กษัตริย์ที่ทรงเลือกสรรไว้
ทรงสำแดงความกรุณาอย่างไม่หยุดยั้งต่อผู้ที่พระองค์ทรงเจิมตั้งไว้
คือดาวิดและวงศ์วานของเขาสืบไปเป็นนิตย์
11 เราชี้แนะเจ้าไปในทางแห่งสติปัญญา
และนำเจ้าไปในทางตรง
12 ยามเจ้าเดิน ย่างก้าวของเจ้าจะไม่ถูกขวางกั้น
ยามเจ้าวิ่ง เจ้าจะไม่สะดุด
13 จงยึดคำสอนไว้ให้มั่น อย่าให้หลุดมือไป
จงรักษาไว้ให้ดี เพราะมันเป็นชีวิตของเจ้า
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.