Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the EHV. Switch to the EHV to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
อพยพ 13:17-15:18

การเดินทางออกจากอียิปต์

17 เมื่อฟาโรห์ปล่อยตัวประชาชนชาวอิสราเอล พระเจ้าไม่ได้นำพวกเขาผ่านทางดินแดนของชาวฟีลิสเตีย ถึงแม้จะใกล้กว่า เพราะพระเจ้าคิดว่า “ถ้าพวกนี้ไปเจอสงครามเข้า พวกเขาจะเปลี่ยนใจกลับไปอียิปต์อีก” 18 พระเจ้าพาประชาชนไปทางที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง มุ่งหน้าไปยังทะเลแดง[a] ประชาชนชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ แต่งตัวพร้อมสู้รบ

โยเซฟกลับบ้าน

19 โมเสสเอากระดูกของโยเซฟไปด้วย เพราะก่อนตาย โยเซฟได้ให้พวกลูกชายของอิสราเอลสาบาน โยเซฟพูดว่า “พระเจ้าจะมาเยี่ยมพวกเจ้าแน่นอนและพวกเจ้าจะต้องเอากระดูกของเราไปจากที่นี่พร้อมกับพวกเจ้าด้วย”

พระเจ้านำประชาชนของพระองค์

20 พวกชาวอิสราเอลได้ออกจากเมืองสุคคท และไปตั้งค่ายอยู่ที่ตำบลเอธาม ตรงเขตแดนติดกับที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง 21 ในตอนกลางวัน พระยาห์เวห์นำหน้าพวกเขาด้วยเสาเมฆ เพื่อนำทางพวกเขา ส่วนในตอนกลางคืน พระองค์ใช้เสาเพลิง เพื่อให้แสงสว่างกับพวกเขา เพื่อพวกเขาจะเดินทางได้ทั้งกลางวันและกลางคืน 22 เสาเมฆไม่เคยหายไปเลยในตอนกลางวัน และเสาเพลิงก็ไม่เคยหายไปเลยในตอนกลางคืน มันอยู่ต่อหน้าพวกเขาตลอด

14 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้บอกกับชาวอิสราเอลว่า ให้หันกลับไปตั้งค่ายอยู่หน้าเมืองปิหะหิโรท ใกล้กับเมืองบาอัลเซโฟน ตรงนี้อยู่ระหว่างเมืองมิกดลกับทะเลแดง ฟาโรห์จะพูดเกี่ยวกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า ‘พวกนั้นกำลังหลงทางในแผ่นดิน และหาทางออกไม่เจอในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น’ เราจะทำให้จิตใจของฟาโรห์แข็งกระด้าง และเขาจะไล่ตามพวกนั้น เราจะทำให้ฟาโรห์และกองทัพของเขาพ่ายแพ้ และเราจะได้รับการสรรเสริญเหนือฟาโรห์และกองทัพของเขา แล้วประชาชนชาวอียิปต์จะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์” ชาวอิสราเอลทำตามที่พระองค์สั่ง

ฟาโรห์ไล่ตามชาวอิสราเอล

เมื่อมีคนมาบอกกษัตริย์อียิปต์ว่า ชาวอิสราเอลหนีไปแล้ว ฟาโรห์และพวกข้าราชการของเขาก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาเกี่ยวกับคนอิสราเอลนั้น และพูดว่า “นี่เราทำอะไรลงไป เราปล่อยคนอิสราเอลไปจากการเป็นทาสของเราได้ยังไง”

ฟาโรห์จึงเตรียมรถรบของเขาและพากองทัพไปกับเขาด้วย ฟาโรห์ได้เอารถรบที่คัดมาเป็นพิเศษหกร้อยคัน รวมทั้งรถรบอื่นๆทั้งหมดในอียิปต์ โดยมีทหารประจำการอยู่บนรถรบทุกคัน พระยาห์เวห์ได้ทำให้จิตใจของฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์แข็งกระด้าง เพื่อฟาโรห์จะได้ไล่ตามชาวอิสราเอลไป ชาวอิสราเอลเดินทางออกจากอียิปต์โดยชูมือขึ้นอย่างมีชัย

ชาวอียิปต์ไล่ตามชาวอิสราเอลมา และตามมาทันตรงที่พวกเขาตั้งค่ายอยู่ข้างๆทะเลแดง รถม้าของฟาโรห์ทั้งหมด พร้อมคนขับ และกองทัพของเขา ก็ไล่ตามชาวอิสราเอลมาทันกันที่เมืองปิหะหิโรท ที่อยู่ตรงหน้าเมืองบาอัลเซโฟน

10 ขณะที่ฟาโรห์บุกใกล้เข้ามา พวกชาวอิสราเอลเงยหน้าขึ้น มองเห็นว่ามีชาวอียิปต์กำลังไล่ตามพวกเขามา พวกเขากลัวมาก จึงร้องขอความช่วยเหลือต่อพระยาห์เวห์ 11 พวกเขาพูดกับโมเสสว่า “ที่อียิปต์ไม่มีที่ที่จะฝังศพแล้วหรือยังไง เจ้าถึงได้พาให้พวกเรามาตายในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนี้ ดูสิว่าเจ้าได้ทำอะไรลงไป ที่เอาเราออกมาจากอียิปต์ 12 เราบอกเจ้าแล้ว ไม่ใช่หรือว่า ‘อย่ามายุ่งกับเรา ปล่อยให้เรารับใช้ชาวอียิปต์’ เพราะให้เรารับใช้อยู่ในอียิปต์ ก็ยังดีกว่ามาตายในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนี้”

13 โมเสสพูดกับประชาชนว่า “ไม่ต้องกลัว ให้ยืนดู พระยาห์เวห์จะช่วยเหลือพวกท่านในวันนี้ ส่วนชาวอียิปต์ที่ท่านเห็นในวันนี้ ท่านก็จะไม่ได้เห็นพวกเขาอีกตลอดกาล 14 พระยาห์เวห์จะต่อสู้ให้กับพวกท่านเอง ขอให้พวกท่านอยู่เฉยๆ”

15 พระยาห์เวห์บอกกับโมเสสว่า “เจ้าจะมามัวร้องขอความช่วยเหลือกับเราทำไม ไปบอกกับชาวอิสราเอลให้เดินทางต่อไป 16 ตอนนี้ให้เจ้าชูไม้เท้าขึ้น และยื่นมือออกไปเหนือทะเล[b] และแยกน้ำทะเลออก เพื่อลูกหลานชาวอิสราเอลจะได้เดินลงไปในทะเลบนพื้นแห้ง 17 เราจะทำให้จิตใจของชาวอียิปต์แข็งกระด้าง เพื่อพวกเขาจะได้ไล่ล่าพวกเจ้า เราจะได้รับการสรรเสริญเหนือฟาโรห์ และเหนือกองทัพทั้งหมดของเขา เหนือรถรบของเขาและเหนือกองทหารม้าของเขา 18 แล้วชาวอียิปต์จะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์ เมื่อเราได้รับการสรรเสริญ เหนือฟาโรห์ เหนือพวกรถรบของเขา และเหนือกองทหารม้าของเขา”

พระยาห์เวห์เอาชนะกองทัพอียิปต์

19 แล้วทูตสวรรค์ของพระเจ้า ผู้ที่อยู่หน้าค่ายของอิสราเอล ก็ได้เคลื่อนไปอยู่ด้านหลังของพวกเขา เสาเมฆได้เคลื่อนจากด้านหน้าไปอยู่ด้านหลังพวกเขา 20 เสาเมฆนั้นได้มาคั่นกลางระหว่างค่ายของอียิปต์กับค่ายของอิสราเอล เสาเมฆนั้นให้แสงสว่างกับคนอิสราเอล แต่ทำให้มืดสำหรับคนอียิปต์[c] ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้เข้าใกล้กันเลยตลอดคืนนั้น 21 โมเสสได้ยื่นมือเขาออกไปเหนือทะเล แล้วพระยาห์เวห์ได้ทำให้น้ำทะเลไหลกลับ ด้วยลมที่พัดอย่างแรงมาจากทางทิศตะวันออก พัดอยู่ตลอดทั้งคืน จนทำให้ทะเลเกิดเป็นพื้นดินแห้งขึ้น พระองค์ได้แยกน้ำออกจากกัน 22 แล้วประชาชนชาวอิสราเอลก็เดินผ่ากลางทะเลไปบนพื้นดินแห้ง น้ำเป็นกำแพงขึ้นมาทั้งด้านซ้ายและด้านขวา 23 แต่กองทัพอียิปต์ไล่ตามมา ม้าทุกตัวของฟาโรห์ และพวกรถรบและทหารม้าของเขาไล่ตามชาวอิสราเอลลงไปกลางทะเล 24 ในตอนเช้า พระยาห์เวห์ที่อยู่ในเสาเพลิงและเสาเมฆ มองเห็นค่ายของชาวอียิปต์ พระองค์ทำให้ค่ายอียิปต์ปั่นป่วนไปหมด

25 พระองค์ทำให้ล้อรถรบของฟาโรห์ฝืด จนต้องขับด้วยความยากลำบาก ชาวอียิปต์พูดว่า “พวกเราหนีไปจากคนอิสราเอลกันเถอะ เพราะพระยาห์เวห์กำลังสู้รบให้กับพวกเขาต่อต้านพวกอียิปต์”

26 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ยื่นมือของเจ้าออกไปเหนือทะเล เพื่อน้ำจะได้ไหลกลับมาท่วมชาวอียิปต์ รวมทั้งพวกรถรบและทหารม้าของพวกเขา”

27 โมเสสจึงยื่นมือของเขาออกไปเหนือทะเล และในตอนเช้า น้ำได้ไหลกลับคืนมาตามทางของมัน ชาวอียิปต์ต่างพากันหนีกระแสน้ำ พระยาห์เวห์ได้กวาดชาวอียิปต์ลงสู่ทะเล 28 น้ำได้ไหลกลับคืนมาท่วมพวกรถรบ และทหารม้าในกองทัพของฟาโรห์ ที่ไล่ตามพวกเขาลงไปในทะเล ไม่มีใครรอดชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว

29 แต่ประชาชนชาวอิสราเอลกลับเดินบนพื้นดินแห้งกลางทะเล น้ำตั้งขึ้นเป็นกำแพงทั้งซ้ายขวาให้กับพวกเขา 30 ในวันนั้นเอง พระยาห์เวห์ได้ช่วยชาวอิสราเอลให้พ้นจากอำนาจของชาวอียิปต์ ชาวอิสราเอลเห็นศพของชาวอียิปต์ตายเกลื่อนกลาดไปหมดบนฝั่งทะเล 31 ชาวอิสราเอลได้เห็นพระยาห์เวห์ใช้มือที่เต็มไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ต่อต้านชาวอียิปต์ พวกเขาจึงเกรงกลัวพระยาห์เวห์ และไว้วางใจในพระองค์ และในโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ด้วย

บทเพลงของโมเสส

15 แล้วโมเสสและประชาชนชาวอิสราเอล ต่างก็ร้องเพลงนี้ให้กับพระยาห์เวห์ว่า

“ข้าพเจ้าจะร้องเพลงให้กับพระยาห์เวห์
    เพราะพระองค์เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องสูงส่ง
พระองค์เหวี่ยงม้าและทหารม้าลงสู่ทะเล
พระยาห์เวห์เป็นพลังและเสียงเพลงของข้าพเจ้า
    พระองค์เป็นความรอดของข้าพเจ้า
พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์
    พระองค์เป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะยกย่องพระองค์
พระยาห์เวห์เป็นนักรบ
    ชื่อของพระองค์คือยาห์เวห์
พระองค์ได้กวาดพวกรถรบของฟาโรห์และกองทัพของเขาลงสู่ทะเลแดง[d]
    ทหารม้าที่ดีที่สุดของเขาได้จมลงในทะเลแดง
น้ำได้ท่วมพวกเขา
    พวกเขาจมดิ่งลึกลงไปในทะเลเหมือนกับก้อนหิน

ข้าแต่พระยาห์เวห์ มือขวาของพระองค์ มีพลังยิ่งใหญ่นัก
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ มือขวาของพระองค์ ทำให้ศัตรูแตกเป็นเสี่ยงๆ
ด้วยพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระองค์โยนพวกที่ลุกฮือขึ้นลงกับพื้นดิน
    พระองค์ส่งความเกรียวโกรธของพระองค์ลงมาเผาไหม้พวกนั้นเหมือนแกลบ
น้ำได้กองสูงขึ้นด้วยลมที่ออกจากจมูกของพระองค์
    น้ำที่ไหลก็ได้ท่วมสูงขึ้นเป็นกอง
    ส่วนลึกได้แข็งตัวขึ้นกลางทะเล
ศัตรูพูดว่า ‘เราจะไล่ล่า เราจะจู่โจม
    เราจะแบ่งของที่ริบมาได้ พวกเขาจะระงับความหิวกระหายของเรา
    เราจะชักดาบออกมา มือของเราจะทำลายพวกมัน’
10 พระองค์ระบายลมหายใจออกมา น้ำได้ท่วมพวกเขา
    พวกเขาก็จมลงเหมือนตะกั่วในกระแสน้ำที่รุนแรง

11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ จะมีพระไหนเหมือนกับพระองค์เล่า
    จะมีพระองค์ไหนเหมือนกับพระองค์
    จะมีใครเหมือนกับพระองค์ ผู้เต็มไปด้วยสง่าราศีและความศักดิ์สิทธิ์
    พระองค์น่าเกรงขาม เหมาะที่จะร้องสรรเสริญยิ่งนัก
    เต็มไปด้วยพลังอำนาจ พระองค์ได้ทำสิ่งอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้
12 พระองค์ยื่นมือขวาของพระองค์ออกมา
    แผ่นดินก็กลืนพวกเขาเข้าไป
13 พระองค์ได้นำประชาชนเหล่านี้ด้วยความรักของพระองค์ เป็นประชาชนที่พระองค์ได้ซื้อคืนมา
    พระองค์ได้นำพวกเขาไปยังที่อาศัยอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

14 ชนชาติทั้งหลายได้ยินเรื่องนี้แล้ว พวกเขาพากันกลัวจนชักดิ้นชักงอ
    ชาวฟีลิสเตียก็พากันกลัวจนชักดิ้นชักงอ
15 บัดนี้ พวกหัวหน้าของเมืองเอโดมพากันหวาดกลัว
    พวกผู้นำของเมืองโมอับพากันตัวสั่นด้วยความกลัว
    ชาวคานาอันทั้งหมดถูกหลอมละลายไปด้วยความกลัว
16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ความหวาดหวั่นและความกลัวได้ตกลงบนพวกเขา
    เมื่อพวกเขาได้เห็นมืออันเต็มไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
พวกเขาเป็นใบ้ไปเหมือนก้อนหิน
    จนกระทั่งประชาชนของพระองค์ จนกระทั่งประชาชนของพระองค์ที่พระองค์ไถ่มา เดินผ่านพ้นไป
17 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์จะนำพาพวกเขามาปลูกไว้บนภูเขาอันเป็นทรัพย์สินของพระองค์
    เป็นสถานที่ที่พระองค์เตรียมไว้ให้เป็นที่อยู่ของพระองค์เอง
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ เป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่มือของพระองค์เองได้สร้างขึ้น
18 พระยาห์เวห์จะครอบครองตลอดชั่วนิจนิรันดร์”

มัทธิว 21:23-46

ผู้นำชาวยิวสงสัยเรื่องสิทธิอำนาจของพระเยซู

(มก. 11:27-33; ลก. 20:1-8)

23 พระเยซูเข้าไปในวิหาร เมื่อพระองค์กำลังสอนอยู่นั้น พวกหัวหน้านักบวชและพวกผู้นำอาวุโส เข้ามาถามพระองค์ว่า “แกมีสิทธิ์อะไรไปไล่พวกพ่อค้านั้น ใครให้สิทธิ์นี้กับแก”

24 พระเยซูตอบว่า “เราขอถามคุณเรื่องหนึ่งเหมือนกัน ถ้าคุณตอบเรา แล้วเราจะบอกว่าเราใช้สิทธิ์ของใครทำอย่างนี้ 25 ตอบหน่อยสิว่า พิธีจุ่มน้ำของยอห์นมาจากสวรรค์หรือมาจากมนุษย์” พวกหัวหน้านักบวชและพวกผู้นำอาวุโสต่างก็ปรึกษากันว่า “ถ้าเราตอบว่า ‘มาจากสวรรค์’ มันก็จะย้อนถามเราว่า ‘แล้วทำไมพวกคุณถึงไม่เชื่อยอห์นละ’ 26 แต่ถ้าเราตอบว่า ‘มาจากมนุษย์’ เราก็กลัวฝูงชนจะโกรธ เพราะพวกนั้นต่างก็เชื่อว่า ยอห์นเป็นผู้พูดแทนพระเจ้า”

27 พวกเขาจึงตอบพระเยซูว่า “ไม่รู้สิ” พระเยซูก็เลยบอกว่า “ถ้าอย่างนั้น เราก็จะไม่บอกเหมือนกัน ว่าเราใช้สิทธิ์ของใครในการทำสิ่งเหล่านี้”

เรื่องลูกชายสองคน

28 “บอกหน่อยว่า คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ชายคนหนึ่งมีลูกสองคน เขาบอกลูกชายคนโตว่า ‘ลูกพ่อ วันนี้ไปทำงานในไร่องุ่นของพ่อนะ’

29 เขาตอบว่า ‘ไม่ได้ครับ’ แต่ต่อมาเขาเปลี่ยนใจ แล้วไปทำงานในไร่องุ่น

30 จากนั้นพ่อไปบอกลูกชายอีกคนว่า ‘ลูกพ่อ วันนี้ไปทำงานในไร่องุ่นของพ่อนะ’ เขาตอบว่า ‘ครับพ่อ ผมจะไป’ แต่เขาก็ไม่ได้ไป”

31 “ลูกสองคนนี้ คนไหนที่เชื่อฟังพ่อของเขา” พวกหัวหน้าชาวยิวตอบว่า “ลูกคนแรก” พระเยซูจึงบอกพวกเขาว่า “เราจะบอกให้รู้ว่า คนเก็บภาษีและโสเภณีกำลังเข้าไปในอาณาจักรของพระเจ้าก่อนพวกคุณเสียอีก 32 ยอห์นได้มาชี้ให้เห็นว่า จะใช้ชีวิตที่ถูกต้องกับพระเจ้าได้อย่างไร พวกคุณก็ไม่ยอมเชื่อเขา แต่คนเก็บภาษีและโสเภณีกลับเชื่อยอห์น ถึงแม้คุณเห็นพวกเขาทำอย่างนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมกลับตัวกลับใจมาเชื่อยอห์นเลย

เรื่องเปรียบเทียบเกี่ยวกับชาวสวนชั่ว

(มก. 12:1-12; ลก. 20:9-19)

33 ฟังเรื่องเปรียบเทียบนี้ให้ดี เจ้าของที่แปลงหนึ่งได้ทำสวนองุ่นไว้ ล้อมรั้วไว้รอบ ขุดบ่อย่ำองุ่น[a] และสร้างหอคอย แล้วให้ชาวสวนมาเช่าสวนองุ่นนั้น ส่วนตัวเขาเดินทางไปต่างประเทศ 34 เมื่อถึงฤดูเก็บองุ่น เจ้าของสวนส่งพวกทาสของเขามารับส่วนแบ่งองุ่นจากพวกคนเช่า

35 แต่พวกคนเช่าจับทาสของเขาไว้ ทุบตีคนหนึ่ง ฆ่าอีกคนหนึ่ง แล้วเอาหินขว้างอีกคนหนึ่ง 36 เจ้าของสวนจึงส่งพวกทาสมามากกว่าครั้งแรก แต่ก็ถูกพวกคนเช่าสวน ทำเหมือนเดิม 37 สุดท้าย เจ้าของสวนจึงส่งลูกชายของเขามาเอง เขาว่า ‘พวกนั้นจะต้องเคารพยำเกรงลูกชายของเราแน่ๆ’

38 แต่เมื่อพวกคนเช่าเห็นลูกชายของเขามา ก็พูดกันว่า ‘นี่ไง ผู้รับมรดก เร็วเข้าพวกเรา ฆ่ามันซะ สวนนี้จะได้ตกเป็นของพวกเรา’ 39 พวกคนเช่าสวนจึงจับตัวลูกชายเจ้าของสวนโยนออกไปนอกสวนแล้วฆ่าเขา 40 เมื่อเจ้าของสวนมา เขาจะทำอย่างไรกับคนเช่าพวกนี้”

41 พวกหัวหน้านักบวชและพวกผู้นำอาวุโสตอบว่า “เขาจะต้องฆ่าคนชั่วพวกนั้นอย่างโหดเหี้ยม และให้ชาวสวนคนอื่นที่ยอมแบ่งองุ่นให้กับเขาเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวมาเช่าต่อ”

42 พระเยซูบอกพวกเขาว่า “พวกคุณไม่เคยอ่านพระคัมภีร์ข้อนี้หรือที่ว่า

‘หินก้อนนี้ที่ช่างก่อสร้างทิ้งแล้ว กลับกลายมาเป็นหินก้อนที่สำคัญที่สุด
    องค์เจ้าชีวิตทำให้เป็นอย่างนั้น สำหรับเราแล้วนี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ’[b]

43 เราจะบอกให้รู้ว่า อาณาจักรของพระเจ้าจะถูกริบเอาไปจากคุณ และยกไปให้กับคนที่ทำตามความต้องการของพระเจ้า 44 คนที่ล้มทับหินนี้ ร่างกายก็จะหักเป็นชิ้นๆ แต่ถ้าถูกหินนี้ล้มทับ คนนั้นก็จะแหลกละเอียด”[c]

45 เมื่อพวกหัวหน้านักบวชและพวกฟาริสีได้ยินเรื่องเปรียบเทียบนี้ ก็รู้ทันทีว่าพระองค์กำลังว่าพวกเขาเป็นคนเช่าชั่วร้ายพวกนั้น 46 พวกเขาจึงหาทางที่จะจับพระเยซู แต่ก็กลัวฝูงชน เพราะพวกนี้เชื่อว่าพระองค์เป็นผู้พูดแทนพระเจ้า

สดุดี 26

คนบริสุทธิ์อธิษฐานขอความยุติธรรม

เพลงสดุดีของดาวิด

ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดตัดสินคดีข้าพเจ้า
    พิสูจน์ว่า ข้าพเจ้าเดินในทางที่บริสุทธิ์
    ข้าพเจ้าไว้วางใจในพระยาห์เวห์ อย่างไม่รวนเร
ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทดสอบ และลองใจข้าพเจ้าดู
    ตรวจสอบดูอารมณ์และความคิดที่อยู่ภายในใจของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าไม่เคยลืมความรักมั่นคงของพระองค์ที่มีต่อข้าพเจ้า
    ความสัตย์ซื่อที่พระองค์มีต่อข้าพเจ้านำทางข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าไม่คบหากับคนขี้โกง
    ข้าพเจ้าไม่มีส่วนร่วมกับคนหน้าไหว้หลังหลอก
ข้าพเจ้าเกลียดที่มั่วสุมของคนชั่ว
    ข้าพเจ้าไม่คบหาคนเลว

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าล้างมือเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของข้าพเจ้า
    และเพื่อข้าพเจ้าจะได้เดินรอบแท่นบูชาของพระองค์
แล้วข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
    และป่าวประกาศถึงสิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลายที่พระองค์ทำ
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ารักที่จะอยู่ในวิหารที่พระองค์สถิตอยู่
    คือ เต็นท์ที่รัศมีของพระองค์[a] ปรากฏอยู่

โปรดอย่าทำลายข้าพเจ้าไปพร้อมกับพวกคนบาป
    โปรดอย่าเอาชีวิตของข้าพเจ้าไปพร้อมกับพวกกระหายเลือด
10 คือ คนพวกนั้นที่มีมือเต็มไปด้วยแผนการร้าย
    และคนพวกนั้นที่มือขวาเต็มไปด้วยสินบน

11 ส่วนข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าเดินในทางที่บริสุทธิ์
    โปรดเมตตากรุณาข้าพเจ้าและช่วยชีวิตข้าพเจ้าด้วยเถิด
12 เท้าของข้าพเจ้ายืนหยัดมั่นคงอยู่บนพื้นราบ
    ข้าพเจ้าสรรเสริญพระยาห์เวห์อยู่กับฝูงชนในวิหาร

สุภาษิต 6:16-19

สิ่งที่พระยาห์เวห์เกลียดชัง

16 มีหกสิ่งที่พระยาห์เวห์เกลียดชัง
    อันที่จริงมีเจ็ดสิ่งที่พระองค์สะอิดสะเอียน
17 คือดวงตาที่หยิ่งยโส
    ลิ้นที่พูดโกหก
    มือที่ฆ่าคนบริสุทธิ์
18 จิตใจที่คิดแผนการชั่วร้าย
    เท้าที่รีบวิ่งไปทำความชั่ว
19 อีกทั้งพยานเท็จที่พูดโกหก
    และคนที่ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันในหมู่พี่น้อง

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International