M’Cheyne Bible Reading Plan
โยเซฟประกาศตัว
45 โยเซฟไม่สามารถควบคุมตนเองต่อหน้าคนทั้งปวงที่ยืนอยู่รอบข้างเขาได้อีก เขาจึงร้องขึ้นว่า “ให้ทุกคนออกไปข้างนอก” ดังนั้นไม่มีใครอยู่กับโยเซฟเวลาเขาประกาศตัวให้พวกพี่น้องของเขาทราบ 2 แล้วเขาก็ร้องไห้เสียงดังจนชาวอียิปต์ได้ยิน และข่าวกระจายไปจนถึงเรือนของฟาโรห์ 3 โยเซฟพูดกับพี่น้องของเขาว่า “เราคือโยเซฟ บิดาเรายังมีชีวิตอยู่หรือ” แต่พวกพี่น้องของเขาไม่สามารถตอบอะไรออกมาได้สักคำเพราะตกใจที่ประจันหน้ากับเขา
4 โยเซฟจึงพูดกับพวกพี่น้องของเขาว่า “โปรดเข้ามาใกล้ๆ เราเถิด” พวกเขาจึงเข้าไปใกล้โยเซฟ เขาพูดว่า “เราคือโยเซฟน้องชายที่พี่ขายมายังประเทศอียิปต์ 5 มาบัดนี้อย่ากลุ้มใจหรือโทษตัวเองที่พวกพี่ๆ ขายตัวเราให้มาอยู่นี่เลย เพราะพระเจ้าได้ส่งเรามาล่วงหน้าพี่ก็เพื่อช่วยชีวิต 6 เพราะทุพภิกขภัยที่เกิดขึ้นในแผ่นดินมาแล้ว 2 ปี ยังเหลือเวลาอีก 5 ปีที่จะไม่มีโอกาสไถนาหรือเก็บเกี่ยวข้าวได้ 7 และพระเจ้าส่งเรามาล่วงหน้าพี่ เพื่อสงวนให้มีคนเหลืออยู่บนโลกจำนวนหนึ่งสำหรับพี่ๆ และเพื่อช่วยคนของพี่ให้มีชีวิตรอดอยู่ได้จำนวนมาก 8 ฉะนั้นไม่ใช่พี่ที่ส่งเรามาที่นี่ แต่เป็นพระเจ้า และพระองค์ให้เราได้เป็นที่ปรึกษาชั้นสูงของฟาโรห์ คุมกิจการทั้งหมดของแผ่นดินของท่าน และควบคุมทั่วดินแดนอียิปต์ 9 รีบขึ้นไปหาบิดาของเรา และบอกท่านว่า ‘โยเซฟลูกชายของพ่อพูดว่า พระเจ้าได้ให้ลูกเป็นคนคุมกิจการทั่วอียิปต์ รีบลงมาหาลูกเถิด 10 พ่อจะอาศัยอยู่ในอาณาเขตโกเชน จะได้อยู่ใกล้ลูก ทั้งพ่อและลูกหลาน แพะแกะ และฝูงสัตว์ของพ่อ และทุกสิ่งที่พ่อเป็นเจ้าของ 11 ลูกจะดูแลพ่อที่นั่น เพราะยังมีช่วงเวลาแห่งทุพภิกขภัยอีก 5 ปี กลัวว่าพ่อกับครอบครัวทั้งหมดและฝูงสัตว์จะอดตายกัน’ 12 บัดนี้พวกพี่ๆ เองและเบนยามินน้องชายของเราก็เห็นด้วยตาว่า เป็นปากเราที่พูดกับทุกคน 13 พี่ไปเล่าให้พ่อเราฟังถึงความมั่งคั่งของเราที่อียิปต์ และทุกสิ่งที่ได้เห็นแล้ว รีบไปเถิด และพาพ่อของเราลงมาที่นี่” 14 แล้วเขาก็ซบหน้าลงที่บ่าเบนยามินน้องชายของเขา และร้องไห้ เบนยามินก็กอดคอเขา และร้องไห้ 15 เขาจูบแก้มพี่ชายทุกคน และร้องไห้ หลังจากนั้นพวกพี่ๆ ของเขาพูดคุยกับเขา
16 เมื่อวังของฟาโรห์ทราบข่าวว่า “พี่น้องของโยเซฟมา” ฟาโรห์และผู้รับใช้ของท่านก็ยินดี 17 และฟาโรห์พูดกับโยเซฟว่า “จงบอกพี่ๆ ของเจ้าว่า ‘จงทำตามนี้ ขนของขึ้นลากลับไปยังดินแดนคานาอัน 18 พาบิดาและครอบครัวทั้งหมดของเจ้ามาหาเรา และเราจะให้ที่ดินผืนงามที่สุดในอียิปต์ และเจ้าจะได้ดื่มกินอย่างดีที่สุดในแผ่นดินนี้’ 19 สั่งพวกเขาด้วยว่า ‘จงทำตามนี้คือ เอาเกวียนจากดินแดนอียิปต์ไปรับเด็กเล็กและพวกภรรยาของเจ้า และพาบิดาของเจ้ามา 20 ไม่ต้องห่วงสมบัติของเจ้าเลย เพราะสิ่งดีๆ ทั้งหลายทั่วดินแดนอียิปต์เป็นของเจ้า’”
21 บรรดาบุตรของอิสราเอลก็ทำตาม และโยเซฟให้เกวียนพวกเขาไป ตามคำสั่งของฟาโรห์ และให้อาหารไปกินระหว่างเดินทาง 22 เขาให้เสื้อใหม่แก่ทุกคน คนละ 1 ชุด แต่เขาให้เงินหนัก 300 เชเขลและเสื้อใหม่ 5 ชุดแก่เบนยามิน 23 ของที่เขาฝากไปให้บิดามี ลา 10 ตัวบรรทุกสิ่งดีๆ ของอียิปต์ ลาตัวเมียบรรทุกธัญพืช ขนมปังและอาหารสำหรับการเดินทางของบิดาของเขา 24 เขาส่งพวกพี่น้องกลับไป และขณะที่กำลังออกเดินทางไป โยเซฟบอกพวกเขาว่า “อย่าทะเลาะกันระหว่างทาง”
25 ดังนั้น พวกเขาเดินทางขึ้นไปจากอียิปต์ กลับมาหายาโคบบิดาของเขาที่ดินแดนคานาอัน 26 พวกเขาบอกยาโคบว่า “โยเซฟยังมีชีวิตอยู่ เขาเป็นผู้ปกครองทั่วทั้งอียิปต์” ยาโคบใจหายเพราะไม่เชื่อ 27 แต่เมื่อเขาทั้งหลายเล่าทุกอย่างให้ยาโคบฟังตามที่โยเซฟกำชับ และเมื่อเห็นเกวียนที่โยเซฟได้ส่งมารับตัวไป จึงหายตกใจ 28 และอิสราเอลพูดว่า “โยเซฟลูกชายของพ่อยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นก็พอแล้ว พ่อจะไปหาเขาก่อนพ่อตาย”
ปีลาตสอบสวนพระเยซู
15 ทันทีที่ฟ้าสาง พวกมหาปุโรหิตกับพวกผู้ใหญ่ อาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติและสมาชิกทั้งหมดในศาสนสภาร่วมคบคิดกัน และมัดตัวพระเยซูและพาไปส่งมอบให้แก่ปีลาต
2 ปีลาตถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ” พระองค์กล่าวตอบเขาว่า “เป็นตามที่ท่านพูด” 3 ครั้นแล้วพวกมหาปุโรหิตก็กล่าวหาพระองค์หลายประการ 4 ปีลาตถามพระองค์อีกว่า “ท่านไม่ตอบคำถามหรือ เห็นไหมว่าเขามีคำฟ้องร้องท่านมากเพียงไร” 5 แต่พระเยซูไม่ตอบคำถามเพิ่มเติมอีก ดังนั้นปีลาตจึงประหลาดใจ
6 ในงานเทศกาล ปีลาตเคยปลดปล่อยนักโทษ 1 คนให้ตามคำขอของฝูงชน 7 มีชายคนหนึ่งชื่อบารับบัสซึ่งถูกจำคุกร่วมกับพวกกบฏที่ได้ฆ่าคนในการกบฏ 8 ฝูงชนขึ้นไปขอให้ปีลาตทำตามอย่างที่เคยทำให้พวกเขา 9 ปีลาตพูดตอบพวกเขาว่า “ท่านต้องการให้เราปลดปล่อยกษัตริย์ของชาวยิวหรือ” 10 เพราะปีลาตรู้อยู่ว่า พวกมหาปุโรหิตได้ส่งมอบพระองค์ให้แก่เขาเนื่องจากความอิจฉา 11 แต่พวกมหาปุโรหิตยุยงฝูงชนให้ขอปีลาตปลดปล่อยบารับบัสให้แก่พวกเขาแทน 12 ปีลาตพูดตอบพวกเขาอีกว่า “แล้วเราจะทำอย่างไรกับคนที่พวกท่านเรียกว่า กษัตริย์ของชาวยิว” 13 พวกเขาตะโกนกลับว่า “ตรึงเขาเสีย” 14 แต่ปีลาตพูดกับพวกเขาว่า “ทำไมเล่า เขาทำอะไรชั่วร้ายหรือ” แต่พวกเขาตะโกนมากยิ่งขึ้นว่า “ตรึงเขาเสีย” 15 ปีลาตปรารถนาที่จะเอาใจฝูงชนจึงปลดปล่อยบารับบัสให้แก่พวกเขาไป หลังจากที่สั่งให้เฆี่ยนพระเยซูแล้ว ก็ให้นำพระองค์ไปตรึงไว้บนไม้กางเขน
ทหารล้อเลียนพระเยซู
16 พวกทหารนำพระองค์เข้าไปในวังซึ่งเรียกว่าปรีโทเรียม และเรียกทหารในกองทั้งหมดมาประชุมกัน 17 พวกเขาคลุมพระองค์ด้วยเสื้อคลุมสีม่วง แล้วสวมมงกุฎหนามที่สานไว้ให้พระองค์ 18 แล้วคำนับพระองค์พร้อมกับพูดว่า “ไชโย ขอต้อนรับกษัตริย์ของชาวยิว” 19 เขาเหล่านั้นคอยเอาไม้อ้อตบตีศีรษะของพระองค์ ถ่มน้ำลาย คุกเข่า และก้มเคารพพระองค์ 20 หลังจากที่พวกเขาได้ล้อเลียนพระเยซูแล้ว ก็ถอดเสื้อคลุมสีม่วงออก สวมเสื้อตัวนอกของพระองค์คืนให้ แล้วนำพระองค์ออกไปเพื่อตรึงบนไม้กางเขน
ไม้กางเขน
21 ซีโมนชาวไซรีน (บิดาของอเล็กซานเดอร์และรูฟัส) กำลังเดินทางมาจากชนบท พอดีเดินผ่านมา พวกทหารจึงใช้ให้แบกไม้กางเขนให้พระองค์ 22 พวกเขานำพระองค์มายังสถานที่ซึ่งเรียกว่ากลโกธา มีความหมายว่า ที่ของกะโหลกศีรษะ 23 พวกเขาให้เหล้าองุ่นผสมมดยอบแก่พระเยซู แต่พระองค์ไม่ดื่ม 24 แล้วพวกเขาก็ตรึงพระเยซู และแบ่งปันเสื้อตัวนอกของพระองค์ด้วยการจับฉลากในหมู่พวกเขาเอง เพื่อเป็นการตัดสินว่าใครจะได้อะไร
25 เวลาที่เขาตรึงพระเยซูเป็นเวลา 9 โมงเช้า 26 ข้อกล่าวหาพระองค์มีจารึกไว้ว่า
“กษัตริย์ของชาวยิว”
27 พวกเขาตรึงโจร 2 คนพร้อมกับพระองค์ คนหนึ่งทางด้านขวาและคนหนึ่งทางด้านซ้ายของพระองค์ [28 เป็นไปตามพระคัมภีร์ที่กล่าวว่า “และพระองค์ถูกนับอยู่ในพวกคนล่วงละเมิด”][a] 29 พวกผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างก็เยาะเย้ยพระองค์พลางส่ายหัวกันไปมา และพูดว่า “อ้าว ในเมื่อท่านเป็นผู้ที่จะทำลายพระวิหารแล้วสร้างขึ้นใหม่ได้ใน 3 วัน 30 ก็ช่วยตัวเองให้รอดสิ ลงมาจากไม้กางเขนเสียเถอะ” 31 พวกมหาปุโรหิตกับอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติก็ประพฤติในทำนองเดียวกัน คือล้อเลียนพระองค์ในหมู่ตนว่า “เขาช่วยคนอื่นให้รอดชีวิตได้ แต่กลับช่วยตนเองให้รอดไม่ได้ 32 ตอนนี้ให้พระคริสต์กษัตริย์ของอิสราเอลผู้นี้ลงมาจากไม้กางเขนสิ เพื่อเราจะได้เห็นและเชื่อ” 2 คนที่ถูกตรึงบนไม้กางเขนพร้อมกับพระเยซูก็สบประมาทพระองค์ในทำนองเดียวกัน
พระเยซูสิ้นชีวิต
33 ครั้นถึงเวลาเที่ยง ความมืดปกคลุมไปทั่วแผ่นดินจนถึงบ่าย 3 โมง 34 ในเวลาบ่าย 3 โมง พระเยซูร้องเสียงดังว่า “เอโลอี เอโลอี ลามา สะบักธานี” แปลได้ความว่า “พระเจ้าของข้าพเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ทำไมพระองค์จึงทอดทิ้งข้าพเจ้า”[b]
35 บางคนที่ยืนอยู่ที่นั่นได้ยินดังนั้นจึงพูดว่า “ดูเถิด เขากำลังเรียกเอลียาห์” 36 มีคนหนึ่งวิ่งไปเอาฟองน้ำชุบเหล้าองุ่นเปรี้ยวติดไว้ที่ปลายไม้อ้อยื่นให้พระองค์จิบ พลางพูดว่า “รอดูกันเถิดว่าเอลียาห์จะมาเอาร่างของเขาลงมาหรือไม่” 37 พระเยซูร้องเสียงดัง และหายใจเฮือกสุดท้าย 38 แล้วผ้าม่านในพระวิหารก็ขาดออกเป็น 2 ท่อนจากส่วนบนถึงส่วนล่าง 39 เมื่อนายร้อยที่ยืนอยู่ตรงเบื้องหน้าพระองค์ได้เห็นว่า พระองค์สิ้นชีวิตอย่างไร เขาก็พูดว่า “จริงทีเดียว ชายผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า”
40 มีพวกผู้หญิงซึ่งกำลังมองดูอยู่แต่ไกล ในบรรดาหญิงเหล่านั้นมีมารีย์ชาวมักดาลา มารีย์มารดาของยากอบน้อยกับของโยเสส และนางสะโลเม 41 เมื่อพระเยซูอยู่ในแคว้นกาลิลี หญิงเหล่านั้นเคยติดตามและปรนนิบัติพระองค์ และมีหญิงอื่นอีกมากที่ขึ้นมายังเมืองเยรูซาเล็มกับพระองค์
โยเซฟนำร่างของพระเยซูไปฝัง
42 เมื่อถึงเวลาเย็นของวันจัดเตรียม คือวันก่อนวันสะบาโต[c] 43 โยเซฟเป็นชาวเมืองอาริมาเธีย และเป็นสมาชิกผู้นำคนหนึ่งในศาสนสภา เขาเองกำลังรอคอยอาณาจักรของพระเจ้า เขาเข้าไปหาปีลาตด้วยใจกล้าหาญเพื่อขอร่างของพระเยซู 44 ปีลาตแปลกใจว่าพระองค์สิ้นชีวิตแล้ว จึงเรียกนายร้อยมาถามว่า พระองค์สิ้นชีวิตแล้วหรือ 45 เมื่อเขาทราบจากนายร้อยแล้ว ปีลาตก็ให้ร่างแก่โยเซฟไป 46 โยเซฟได้ซื้อผ้าป่าน นำร่างของพระองค์ลงมาแล้วพันหุ้มด้วยผ้าป่าน วางร่างในถ้ำเก็บศพซึ่งเจาะเข้าไปในหิน แล้วเขาก็กลิ้งหินพิงปิดทางเข้าถ้ำเก็บศพไว้ 47 มารีย์ชาวมักดาลา และมารีย์มารดาของโยเสสที่มองดูก็เห็นว่า เขาวางร่างพระองค์ไว้ที่ไหน
โศฟาร์พูด: ท่านควรได้รับแย่ยิ่งกว่านี้
11 โศฟาร์ชาวนาอามาธจึงตอบว่า
2 “คำพูดมากมายเช่นนี้จะไม่ได้รับคำตอบหรือ
คนที่ใช้ฝีปากจะถูกตัดสินว่าไม่ผิดหรือ
3 ท่านคิดว่าการพูดพร่ำของท่านจะทำให้ผู้อื่นตอบกลับไม่ได้หรือ
เมื่อท่านเย้ยหยัน แล้วจะไม่มีใครตำหนิท่านหรือ
4 เพราะท่านพูดว่า ‘การสอนของฉันแท้จริง
และฉันบริสุทธิ์ในสายตาของพระเจ้า’
5 แต่ฉันอยากให้พระเจ้ากล่าว
และตอบท่านด้วยปากของพระองค์ยิ่งนัก
6 และพระองค์จะบอกท่านถึงความลับแห่งสติปัญญา
เพราะสติปัญญานั้นมีหลายแง่มุม
ท่านควรทราบด้วยว่า พระเจ้าลงโทษท่านสถานเบายิ่งกว่าความผิดที่ท่านควรได้รับ
7 ท่านค้นพบสิ่งลึกล้ำของพระเจ้าได้หรือไม่
ท่านค้นพบขีดจำกัดขององค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพได้หรือไม่
8 สิ่งดังกล่าวสูงกว่าความสูงของฟ้าสวรรค์ ท่านจะทำอะไรได้เล่า
สิ่งนั้นลึกกว่าแดนคนตาย ท่านจะทราบอะไรได้เล่า
9 ความยาวของสิ่งนั้นวัดได้ยาวกว่าโลกทั้งใบ
และกว้างกว่าทะเล
10 เมื่อพระองค์มาและจับกุม
และเรียกตัวไปตัดสิน ใครจะขัดขวางพระองค์ได้
11 เพราะพระองค์ทราบว่าใครประพฤติชั่ว
เมื่อพระองค์เห็นความชั่ว พระองค์จะไม่ปล่อยไว้
12 แต่คนเขลาจะมีความเข้าใจ
ก็ต่อเมื่อลาป่าออกลูกเป็นมนุษย์
13 ถ้าตัวท่านเองกลับใจ
ท่านก็จะยื่นมือทั้งสองของท่านออกไปยังพระองค์
14 ถ้าความชั่วอยู่ในการควบคุมของท่าน ก็จงให้มันห่างจากตัวท่านไว้
และอย่าให้ความไม่ยุติธรรมอยู่ในครัวเรือนของท่าน
15 แล้วท่านจะเงยหน้าขึ้นด้วยจิตใต้สำนึกที่ดีแน่นอน
ท่านจะปลอดภัยและจะไม่หวั่นกลัว
16 ท่านจะลืมความทุกข์ของท่าน
ท่านจะนึกถึงว่ามันเป็นเหมือนน้ำที่ไหลผ่านไป
17 และชีวิตของท่านจะสุกสว่างยิ่งกว่าแสงในเวลาเที่ยงวัน
ความมืดของชีวิตจะเป็นเหมือนยามเช้า
18 และท่านจะรู้สึกปลอดภัย เพราะมีความหวัง
ท่านจะแลดูรอบๆ และพักผ่อนด้วยความปลอดภัย
19 ท่านจะเอนกายลง และจะไม่มีใครทำให้ท่านหวาดกลัว
หลายคนจะขอความช่วยเหลือจากท่าน
20 แต่คนชั่วจะสิ้นหนทาง
พวกเขาจะหนีไม่รอด
ความหวังของพวกเขาคือจะได้หายใจเป็นครั้งสุดท้าย”
15 พวกเราซึ่งมีความเชื่ออันมั่นคง ควรจะมีความอดทนต่อผู้ที่อ่อนแอกว่า และไม่ประพฤติตามความพอใจของตนเอง 2 เราทุกคนจงกระทำให้เพื่อนบ้านพอใจเพื่อประโยชน์ของเขา เพื่อเสริมสร้างความเชื่อของเขา 3 เพราะแม้แต่พระคริสต์ ก็ไม่ได้กระทำสิ่งใดตามความพอใจของพระองค์เอง ตามที่มีบันทึกไว้ว่า “การสบประมาทของพวกที่กระทำต่อพระองค์ เป็นการสบประมาทข้าพเจ้า”[a] 4 เพราะว่าสิ่งใดก็ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ ก็เขียนไว้เพื่อสั่งสอนเรา เพื่อเราจะได้มีความหวัง เมื่อเรามีมานะอดทนและมีกำลังใจได้โดยพระคัมภีร์ 5 ขอพระเจ้าผู้ให้ความมานะอดทนและให้กำลังใจ โปรดให้ท่านมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันตามแบบอย่างพระเยซูคริสต์ 6 แล้วท่านทั้งหลายจะได้ร่วมสรรเสริญพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเป็นเสียงเดียวกัน 7 ฉะนั้นจงยอมรับซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกับที่พระคริสต์ได้รับท่าน ผู้คนจะได้สรรเสริญพระเจ้า
8 ข้าพเจ้ากล่าวว่า พระคริสต์ได้มารับใช้พวกที่เข้าสุหนัต เพื่อให้เห็นว่าพระเจ้ามีความสัตย์จริง เพื่อแสดงการรักษาคำมั่นสัญญาของพระองค์ ที่ได้ให้ไว้กับบรรดาบรรพบุรุษ 9 เพื่อว่าพวกคนนอกจะได้สรรเสริญพระเจ้า เพราะความเมตตาของพระองค์ ตามที่มีบันทึกไว้ว่า
“ฉะนั้นข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางคนนอก
และร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์”[b]
10 และกล่าวอีกว่า
“บรรดาคนนอก จงชื่นชมยินดีกับชนชาติของพระองค์เถิด”[c]
11 และกล่าวอีกว่า
“บรรดาคนนอกทุกชาติจงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
และให้ชนชาติทั้งปวงสรรเสริญพระองค์เถิด”[d]
12 และอิสยาห์กล่าวอีกว่า
13 ขอพระเจ้าแห่งความหวัง โปรดให้ท่านบริบูรณ์ด้วยความยินดีและสันติสุขเมื่อท่านเชื่อในพระองค์ ท่านจะได้เปี่ยมล้นด้วยความหวังโดยอานุภาพของพระวิญญาณบริสุทธิ์
เปาโลเขียนถึงพี่น้องเพื่อเตือนสติ
14 พี่น้องเอ๋ย เกี่ยวกับเรื่องของท่าน ข้าพเจ้าเองเชื่อว่าท่านบริบูรณ์ด้วยความดีและความรอบรู้ และสามารถเตือนสติกันและกันได้ 15 ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านอย่างตรงไปตรงมา เพื่อเตือนท่านอีกในบางเรื่อง ก็เพราะพระคุณที่พระเจ้าได้ให้แก่ข้าพเจ้า 16 เพื่อเป็นผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์สำหรับบรรดาคนนอก รับใช้ในหน้าที่ปุโรหิตฝ่ายข่าวประเสริฐของพระเจ้า เพื่อว่าบรรดาคนนอกซึ่งถูกชำระให้บริสุทธิ์แล้วโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะได้เป็นเครื่องบูชาที่พระเจ้ายอมรับ 17 ฉะนั้นในพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าจึงมีเหตุผลที่จะภาคภูมิใจกับการงานที่ข้าพเจ้าปฏิบัติเพื่อพระเจ้า 18 ข้าพเจ้าจะไม่กล้าพูดถึงสิ่งใด นอกจากสิ่งที่พระคริสต์ได้ทำให้สัมฤทธิผลโดยผ่านข้าพเจ้า คือการที่ข้าพเจ้านำให้บรรดาคนนอกเข้ามาเชื่อฟังพระเจ้า ด้วยคำพูดและการกระทำของข้าพเจ้า 19 โดยอานุภาพแห่งปรากฏการณ์อัศจรรย์และสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ และโดยอานุภาพแห่งพระวิญญาณ ดังนั้นข้าพเจ้าได้ประกาศข่าวประเสริฐของพระคริสต์อย่างครบถ้วน ตั้งแต่เมืองเยรูซาเล็มเรื่อยไปจนถึงแคว้นอิลลีริคุม 20 ข้าพเจ้าปรารถนาอย่างยิ่งอยู่เสมอ ที่จะประกาศข่าวประเสริฐในที่ซึ่งพระคริสต์ยังไม่เป็นที่รู้จัก เพื่อว่าข้าพเจ้าจะได้ไม่สร้างบนฐานรากของคนอื่น 21 แต่ตามที่มีบันทึกไว้ว่า
“บรรดาคนที่ไม่เคยได้รับรู้เกี่ยวกับพระองค์ ก็จะได้เห็น
และคนที่ไม่เคยได้ฟัง ก็จะได้เข้าใจ”[g]
เปาโลตั้งใจจะไปเมืองโรม
22 นี่คือเหตุที่รั้งข้าพเจ้าไว้บ่อยครั้งเพื่อไม่ให้มาหาท่าน 23 แต่บัดนี้ไม่มีที่ใดอีกแล้วสำหรับข้าพเจ้าในแว่นแคว้นเหล่านี้ และในเมื่อข้าพเจ้ามีความปรารถนาที่จะมาหาท่านนานนับหลายปีแล้ว 24 เวลาที่ข้าพเจ้าไปประเทศสเปน ข้าพเจ้าหวังว่าจะพบกับท่านระหว่างการเดินทาง และเยี่ยมเยียนท่านด้วยความบันเทิงใจสักพักหนึ่งก่อน และข้าพเจ้าหวังว่าหลังจากนั้นแล้ว ท่านจะช่วยจัดส่งให้ข้าพเจ้าเดินทางต่อไป 25 แต่ในเวลานี้ ข้าพเจ้าจะไปยังเมืองเยรูซาเล็มเพื่อรับใช้บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า 26 เพราะคริสตจักรในแคว้นมาซิโดเนีย และแคว้นอาคายา ยินดีบริจาคให้แก่ผู้ยากไร้ในบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าที่เมืองเยรูซาเล็ม 27 พวกเขาพอใจที่จะทำเช่นนั้น และรู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณกับพวกเขาเหล่านั้นด้วย เพราะถ้าบรรดาคนนอกได้รับพระพรฝ่ายวิญญาณของชาวยิวแล้ว พวกเขาควรรับใช้ตอบสนองชาวยิวด้วยการแบ่งปันสิ่งของ 28 เมื่อข้าพเจ้าปฏิบัติงานนี้เสร็จสิ้น และมอบเงินที่รับบริจาคมาให้แก่พวกเขาแล้ว ข้าพเจ้าจะแวะไปพบท่านระหว่างทางที่จะไปประเทศสเปน 29 และข้าพเจ้าทราบว่าเวลาข้าพเจ้ามาหาท่าน ข้าพเจ้าจะมาพร้อมด้วยพระพรอันบริบูรณ์ของพระคริสต์
30 พี่น้องทั้งหลาย โดยพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และโดยความรักของพระวิญญาณ ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านช่วยกันอธิษฐาน ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าต่อพระเจ้าเพื่อข้าพเจ้าด้วย 31 เพื่อว่าพวกคนที่ไม่เชื่อที่อยู่ในแคว้นยูเดียจะได้ไม่ทำร้ายข้าพเจ้า และการรับใช้ของข้าพเจ้าในเมืองเยรูซาเล็มจะเป็นที่ยอมรับในบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า 32 ข้าพเจ้าจะได้มาหาท่านด้วยความยินดียิ่ง ตามความประสงค์ของพระเจ้า และได้รับความสดชื่นแจ่มใสเมื่ออยู่กับท่าน 33 ขอพระเจ้าแห่งสันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด อาเมน
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation