Bible in 90 Days
8 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ทำงูพิษขึ้นมาตัวหนึ่ง แล้วเอาไปแขวนไว้บนเสา เมื่อคนที่ถูกงูกัด มองดูมัน คนๆนั้นก็จะหาย” 9 ดังนั้นโมเสสจึงทำงูจากทองสัมฤทธิ์ และเอาไปแขวนไว้บนเสา เมื่องูไปกัดใครเข้า แล้วคนๆนั้นมองไปที่งูทองสัมฤทธิ์ เขาก็จะหาย
การเดินทางสู่โมอับ
10 ประชาชนชาวอิสราเอลได้ออกจากที่นั่น และมาตั้งค่ายอยู่ที่โอโบท 11 จากนั้นพวกเขาได้ออกจากโอโบทและมาตั้งค่ายอยู่ที่อิเยอาบาริมในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง ติดชายแดนทางทิศตะวันออกของโมอับ 12 พวกเขาออกจากที่นั่นแล้วมาตั้งค่ายอยู่ที่หุบเขาเศเรด 13 พวกเขาออกจากที่นั่นและมาตั้งค่ายอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำอารโนน ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง แม่น้ำนี้เริ่มจากเขตแดนของชาวอาโมไรต์ แม่น้ำอารโนนจึงเป็นเส้นกั้นเขตแดนระหว่างโมอับและชาวอาโมไรต์ 14 ถึงได้มีคำบรรยายอยู่ในหนังสือสงครามของพระยาห์เวห์[a] ไว้อย่างนี้ว่า
“และวาเฮบในเมืองสุฟาห์ และหุบเขาของแม่น้ำอารโนน 15 และเนินเขาต่างๆของหุบเขาที่นำไปสู่ที่ตั้งของเมืองอาร์ และทอดยาวไปตามพรมแดนของโมอับ”
16 จากที่นั่น พวกเขาไปต่อถึงเมืองเบเออร์[b] นี่คือบ่อน้ำที่พระยาห์เวห์ได้บอกกับโมเสสว่า “ให้เรียกชุมนุมประชาชน และเราจะให้น้ำกับพวกเขา” 17 แล้วอิสราเอลได้ร้องเพลงนี้
“เจ้าบ่อน้ำเอ๋ย ให้น้ำไหลพุ่งออกมา
ให้ร้องเพลงเกี่ยวกับมัน
18 บ่อน้ำที่พวกผู้ยิ่งใหญ่เป็นผู้ขุด
ผู้นำของประชาชนได้ขุดมันขึ้น
ด้วยไม้คทาของพวกเขาและด้วยไม้เท้าของพวกเขา”
แล้วพวกเขาก็ออกจากที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งไปสู่มัทธานาห์[c]
19 จากมัทธานาห์ พวกเขาไปถึงนาหะลีเอล และจากนาหะลีเอลพวกเขาก็ไปบาโมท 20 จากบาโมทไปถึงหุบเขาซึ่งอยู่ในแคว้นโมอับบนยอดเขาปิสกาห์ จากบนนั้น สามารถมองเห็นที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งทั้งหมด
สิโหนและโอก
(ฉธบ. 2:26-37; 3:1-11)
21 แล้วอิสราเอลก็ได้ส่งพวกผู้ถือสารไปหากษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์ พวกเขาบอกว่า
22 “ขออนุญาตให้เราเดินผ่านประเทศของท่านไปด้วยเถิด เราจะไม่เข้าไปในทุ่งนาของท่านหรือไร่องุ่นของท่าน เราจะไม่ดื่มน้ำจากบ่อน้ำของท่าน เราจะเดินอยู่แต่บนถนนหลวงของท่าน จนกว่าจะผ่านดินแดนของท่านไป”
23 แต่สิโหนไม่ยอมให้ชาวอิสราเอลเดินผ่านดินแดนของเขา และสิโหนก็ได้รวบรวมประชาชนของเขาและยกออกมาสู้รบกับชาวอิสราเอลในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง เขามาถึงยาฮาสและเข้าโจมตีชาวอิสราเอล
24 แต่ชาวอิสราเอลได้ฆ่าเขาตาย และยึดเอาดินแดนของเขาตั้งแต่ลุ่มแม่น้ำอารโนนไปจนถึงแม่น้ำยับบอก ไกลออกไปจนถึงพรมแดนของชาวอัมโมน เพราะชายแดนของชาวอัมโมนเข้มแข็งมาก 25 ชาวอิสราเอลจึงยึดเอาเมืองเหล่านี้ไว้ทั้งหมด และชาวอิสราเอลก็เริ่มตั้งถิ่นฐานตามเมืองต่างๆของชาวอาโมไรต์ ในเมืองเฮชโบนและเมืองรอบๆ 26 ขณะนั้น เมืองเฮชโบนคือเมืองหลวงของกษัตริย์สิโหนชาวอาโมไรต์ สิโหนได้ต่อสู้กับกษัตริย์โมอับองค์ก่อนและยึดเอาดินแดนทั้งหมดของโมอับมาจนสุดแม่น้ำอารโนน 27 ด้วยเหตุนี้ จึงมีพวกนักร้องร้องว่า
“มาที่เฮชโบน มาสร้างมันใหม่อีกครั้ง
มาสร้างเมืองสิโหนขึ้นใหม่
28 เพราะมีไฟออกมาจากเมืองเฮชโบน
เปลวไฟออกมาจากเมืองสิโหน
ไฟได้กลืนกินเมืองอาร์ในโมอับ
มันได้กลืนกินเนินเขาเหนือแม่น้ำอารโนน
29 เจ้า โมอับ ความพินาศมาถึงเจ้าแล้ว
ประชาชนของพระเคโมช[d] เจ้าถูกทำลายแล้ว
พระเคโมชทำให้พวกลูกชายของเขาต้องวิ่งหนี
และทำให้พวกลูกสาวของเขาต้องถูกจับตัวไปให้กษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์
30 ลูกหลานของพวกเขา[e] ถูกทำลายตั้งแต่เมืองเฮชโบนไปจนถึงดีโบน
และเราได้ทำลาย[f] ไปจนถึงโนฟาห์ซึ่งอยู่ใกล้เมเดบา”
31 ชาวอิสราเอลจึงอาศัยอยู่ในดินแดนของชาวอาโมไรต์
32 โมเสสส่งคนไปสอดแนม เมืองยาเซอร์ และชาวอิสราเอลได้เข้ายึดเมืองรอบๆมันและไล่ชาวอาโมไรต์ที่เคยอาศัยอยู่ที่นั่นออกไป
33 แล้วชาวอิสราเอลก็ไปต่อตามทางที่ไปสู่เมืองบาชาน กษัตริย์โอกของเมืองบาชานกับประชาชนของเขาจึงออกมาที่เอเดรอี เพื่อสู้รบกับชาวอิสราเอลในสนามรบ
34 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ไม่ต้องไปกลัวเขา เพราะเราจะมอบเขา ประชาชนทั้งหมดของเขาและดินแดนของเขาให้กับเจ้า และเจ้าจะทำกับเขาเหมือนกับที่เจ้าเคยทำกับสิโหนกษัตริย์ชาวอาโมไรต์ที่อยู่ในเฮชโบน”
35 ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงฆ่าโอก พวกลูกชายและประชาชนทั้งหมดของเขา จนไม่เหลือใครรอดชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว แล้วชาวอิสราเอลก็เข้ายึดดินแดนของเขาไว้
บาลาอัมและกษัตริย์ของโมอับ
22 ประชาชนชาวอิสราเอลได้เดินทางต่อและมาตั้งค่ายในที่ราบโมอับ ใกล้แม่น้ำจอร์แดน ตรงข้ามเมืองเยริโค
2-3 บาลาคลูกชายศิปโปร์ได้เห็นสิ่งทั้งหมดที่ชาวอิสราเอลทำกับชาวอาโมไรต์ พวกโมอับกลัวพวกอิสราเอลมาก เพราะคนอิสราเอลมีจำนวนมาก คนโมอับหวาดกลัวคนอิสราเอลมากจริงๆ
4 โมอับพูดกับพวกผู้อาวุโสชาวมีเดียนว่า “ตอนนี้ คนกลุ่มใหญ่นั้นจะเขมือบทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆเรา เหมือนวัวกินหญ้าหมดทุ่ง”
ในเวลานั้น บาลาคลูกชายศิปโปร์เป็นกษัตริย์ของโมอับ 5 เขาส่งพวกผู้ถือสารไปหาบาลาอัมลูกชายเบโอร์ที่เปโธร์ ที่อยู่ติดกับแม่น้ำยูเฟรติส เป็นดินแดนที่พวกญาติๆของเขาอาศัยอยู่[g] บาลาคส่งคนไปเชิญบาลาอัมมา พวกเขาพูดตามที่บาลาคสั่งว่า
“ดูสิ มีชนชาติหนึ่งออกมาจากอียิปต์ พวกมันปกคลุมไปทั่วแผ่นดิน และยังมาตั้งค่ายติดกับเราอีกด้วย 6 ตอนนี้ มาสาปแช่งคนพวกนี้ให้กับเราด้วย เพราะพวกมันแข็งแกร่งกว่าเรา ไม่แน่เราอาจจะสามารถต่อสู้กับพวกมันได้ และขับไล่พวกมันออกไปจากดินแดนนี้ เพราะเรารู้ว่าถ้าท่านให้พรใคร คนนั้นก็จะได้รับพร และถ้าท่านสาปแช่งใคร คนนั้นก็จะถูกสาปแช่ง”
7 พวกผู้อาวุโสของชาวโมอับและของชาวมีเดียนจึงไปหาบาลาอัม พร้อมกับเงินสำหรับจ่ายให้กับบาลาอัมเป็นค่าบริการ[h] พวกเขามาพบบาลาอัมและบอกกับเขาในสิ่งที่บาลาคพูด
8 บาลาอัมจึงบอกพวกเขาว่า “คืนนี้ ค้างอยู่ที่นี่ก่อน แล้วข้าจะบอกท่านว่าพระยาห์เวห์บอกอะไรกับข้า” ดังนั้นพวกผู้นำของโมอับจึงค้างอยู่กับบาลาอัม
9 พระเจ้ามาหาบาลาอัมและพูดว่า “คนพวกนี้ที่อยู่กับเจ้าเป็นใครกัน”
10 บาลาอัมบอกกับพระเจ้าว่า “บาลาคลูกชายศิปโปร์ กษัตริย์ของโมอับ ส่งพวกเขามาหาข้าพเจ้า พร้อมกับข้อความนี้ 11 ‘ดูสิ มีชนชาติหนึ่งที่ออกมาจากอียิปต์ได้มาปกคลุมไปทั่วแผ่นดิน ช่วยมาสาปแช่งพวกมันให้กับเราด้วย ไม่แน่เราอาจจะสามารถต่อสู้กับพวกมันได้ และขับไล่พวกมันออกไป’”
12 พระเจ้าพูดกับบาลาอัมว่า “เจ้าต้องไม่ไปกับพวกเขา เจ้าต้องไม่สาปแช่งคนพวกนี้ เพราะเราได้อวยพรพวกเขา”
13 ดังนั้นเมื่อบาลาอัมลุกขึ้นในตอนเช้า เขาพูดกับพวกผู้นำที่มาจากบาลาคว่า “กลับไปประเทศของพวกท่านเถิด เพราะพระยาห์เวห์ไม่ให้เราไปกับท่าน”
14 พวกผู้นำจากโมอับจึงลุกขึ้นและกลับไปหาบาลาค พวกเขาบอกว่า “บาลาอัมไม่ยอมมากับพวกเรา”
15 บาลาคได้ส่งพวกผู้นำไปอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เขาส่งผู้นำมามากกว่าครั้งแรก และผู้นำพวกนี้ก็สำคัญกว่าพวกแรกด้วย 16 พวกเขาไปหาบาลาอัมและพูดว่า “นี่คือสิ่งที่บาลาคลูกชายศิปโปร์พูด
‘โปรดอย่าให้มีสิ่งใดมาขัดขวางไม่ให้ท่านมาหาเรา 17 เราจะให้รางวัลท่านอย่างงาม และเราจะทำทุกอย่างที่ท่านบอกเรา แต่มาช่วยสาปแช่งคนพวกนี้ให้กับเราก่อนเถิด’”
18 บาลาอัมตอบคนของบาลาคไปว่า “ถึงแม้บาลาคจะยกวังของเขาที่เต็มไปด้วยเงินทองมากมายให้กับข้า ข้าก็ไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ 19 ตอนนี้โปรดค้างคืนที่นี่เหมือนกับกลุ่มที่แล้ว และข้าจะดูว่าพระยาห์เวห์มีอะไรจะบอกกับข้าเพิ่มเติมหรือเปล่า”
20 คืนนั้นพระเจ้ามาหาบาลาอัมและพูดกับเขาว่า “เนื่องจากคนพวกนี้อุตส่าห์มาเชิญเจ้า ลุกขึ้นและไปกับพวกเขาเถอะ แต่เจ้าจะต้องทำในสิ่งที่เราบอกเท่านั้น”
บาลาอัมและลาของเขา
21 บาลาอัมจึงลุกขึ้นในตอนเช้า เขาผูกอานบนลาของเขา แล้วเดินทางไปกับผู้นำชาวโมอับ 22 พระเจ้าโกรธเพราะบาลาอัมกำลังไป ดังนั้น ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์มายืนขัดขวางเขาอยู่บนถนน บาลาอัมกำลังขี่ลาอยู่ มีคนรับใช้สองคนอยู่กับเขา
23 เมื่อลาเห็นทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ยืนอยู่บนถนน พร้อมกับถือดาบอยู่ในมือ ลาจึงหันจากถนนเข้าไปในทุ่ง บาลาอัมจึงตีลาเพื่อให้มันหันกลับไปบนถนน
24 แล้วทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ก็ยืนอยู่บนทางแคบๆที่อยู่ระหว่างไร่องุ่นสองแปลง มีกำแพงล้อมอยู่ทั้งสองข้าง 25 เมื่อลาเห็นทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ มันจึงเดินเบียดกำแพง ทำให้เท้าของบาลาอัมถูไปกับกำแพง บาลาอัมจึงตีมันอีก
26 แล้วทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ก็ไปอยู่ข้างหน้าอีก ไปยืนอยู่ในที่แคบที่ไม่มีทางหลีกไปทางซ้ายหรือทางขวาได้ 27 เมื่อลาเห็นทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ ก็หมอบลงทั้งที่บาลาอัมยังนั่งอยู่บนหลังมัน บาลาอัมโกรธและตีมันด้วยไม้เท้า
28 พระยาห์เวห์ได้เปิดปากของลา แล้วลาก็พูดกับบาลาอัมว่า “ข้าพเจ้าไปทำอะไรท่าน ท่านถึงได้ตีข้าพเจ้าถึงสามครั้ง”
29 บาลาอัมจึงบอกกับลาว่า “เพราะเจ้าทำให้เราดูเหมือนเป็นคนโง่เขลา เราอยากจะมีดาบสักเล่มในมือ จะได้ฆ่าเจ้าซะเลยตอนนี้”
30 ลาจึงพูดกับบาลาอัมว่า “นี่ข้าพเจ้าไม่ใช่ลาของท่าน ที่ท่านใช้ขี่มาตลอดชีวิตจนถึงเดี๋ยวนี้หรอกหรือ ข้าพเจ้าเคยทำอย่างนี้กับท่านมาก่อนหรือเปล่า”
บาลาอัมตอบว่า “ไม่เคย”
31 พระยาห์เวห์จึงเปิดตาบาลาอัม ทำให้เขาเห็นทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ ที่ยืนอยู่บนถนน และกำลังถือดาบอยู่ในมือ บาลาอัมก้มหัวลงกราบ
32 ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์พูดกับเขาว่า “ทำไมเจ้าถึงได้ตีลาของเจ้าถึงสามครั้งอย่างนี้ นี่เรามายืนขวางเจ้า เพราะเห็นว่าการเดินทางของเจ้ามันช่างโง่เขลานัก[i] 33 เมื่อลาเห็นเรามันถึงได้หันหนีไปจากเราถึงสามครั้ง นี่ถ้ามันไม่หลบเรา ป่านนี้เราก็คงฆ่าเจ้าไปแล้ว แต่เราคงไว้ชีวิตเจ้าลานั่น”
34 บาลาอัมบอกทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ว่า “ข้าพเจ้าได้ทำบาปไปแล้ว เพราะไม่รู้ว่าท่านกำลังยืนขัดขวางข้าพเจ้าอยู่บนถนน แต่ตอนนี้ เนื่องจากการเดินทางของข้าพเจ้า มันชั่วร้ายในสายตาท่าน ข้าพเจ้าก็จะกลับบ้าน”
35 ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์พูดกับบาลาอัมว่า “ไปกับคนพวกนี้ แต่ให้พูดแต่สิ่งที่เราบอกให้เจ้าพูด” บาลาอัมจึงไปกับพวกผู้นำที่บาลาคส่งมา
36 เมื่อบาลาคได้ยินว่าบาลาอัมกำลังมา เขาจึงออกมาพบบาลาอัมที่เมืองของชาวโมอับ[j] ตรงพรมแดน ที่มีแม่น้ำอารโนนกั้นอยู่ ซึ่งเป็นปลายสุดของพรมแดน 37 บาลาคพูดกับบาลาอัมว่า “เราเคยส่งคนไปเชิญท่านมาแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมท่านถึงไม่มาหาเราละ เราไม่สามารถจ่ายรางวัลให้กับท่านหรือยังไง”
38 บาลาอัมจึงตอบบาลาคว่า “ดูสิ ตอนนี้ข้าพเจ้าก็ได้มาหาท่านแล้ว แต่ข้าพเจ้าไม่สามารถพูดอะไรก็ได้ที่อยากพูด ข้าพเจ้าจะต้องพูดแต่สิ่งที่พระเจ้าใส่เข้ามาในปากของข้าพเจ้าเท่านั้น”
39 แล้วบาลาอัมก็ไปกับบาลาค และพวกเขาก็มาถึงคิริยาท-หุโซท 40 บาลาคสังเวยวัวและแกะ และส่งเครื่องบูชาไปให้บาลาอัมและพวกผู้นำที่อยู่กับเขา
41 ในตอนเช้าบาลาคพาบาลาอัมไปเมืองบาโมท-บาอัล[k] จากที่นั่นบาลาอัมสามารถมองเห็นประชาชนชาวอิสราเอลได้ส่วนหนึ่ง
บทกลอนแรกของบาลาอัม
23 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “สร้างแท่นบูชาเจ็ดแท่นให้กับข้าพเจ้าที่นี่และให้เตรียมวัวผู้เจ็ดตัวและแกะผู้เจ็ดตัวไว้ให้กับข้าพเจ้า” 2 บาลาคจึงทำตามที่บาลาอัมบอก แล้วบาลาคและบาลาอัมก็บูชาวัวผู้หนึ่งตัวและแกะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องเผาบูชา บนแท่นบูชาแต่ละแท่น
3 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “ไปยืนอยู่ข้างๆเครื่องเผาบูชาของท่าน ข้าพเจ้าจะปลีกตัวออกไปอยู่ตามลำพัง บางทีพระยาห์เวห์อาจจะมาพบข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะมาบอกท่านว่าพระองค์แสดงอะไรให้กับข้าพเจ้าบ้าง” บาลาอัมจึงขึ้นไปบนยอดเขา
4 พระเจ้าได้มาพบบาลาอัม บาลาอัมพูดกับพระองค์ว่า “ข้าพเจ้าได้ทำแท่นบูชาขึ้นเจ็ดแท่น และได้บูชาวัวผู้ตัวหนึ่งกับแกะผู้ตัวหนึ่งให้เป็นเครื่องเผาบูชาบนแท่นแต่ละแท่น”
5 พระยาห์เวห์ได้ใส่คำพูดเข้าไปในปากของบาลาอัม พระองค์บอกเขาว่า “ให้กลับไปหาบาลาคและพูดสิ่งนี้”
6 บาลาอัมจึงกลับไปหาบาลาค บาลาคยืนอยู่ข้างเครื่องเผาบูชากับบรรดาผู้นำของโมอับ 7 บาลาอัมจึงพูดกลอนนี้ออกมาว่า
“บาลาคนำตัวข้าพเจ้ามาจากอารัม
กษัตริย์ของโมอับนำข้าพเจ้ามาที่นี่จากภูเขาทางตะวันออก
บาลาคพูดว่า ‘มาเถิด มาสาปแช่งยาโคบให้เรา
มาเถิด มาพูดต่อต้านประชาชนชาวอิสราเอล’
8 ข้าพเจ้าจะพูดสาปแช่งคนที่พระเจ้าไม่ได้สาปแช่งได้อย่างไร
จะให้ข้าพเจ้าพูดต่อต้านคนที่พระยาห์เวห์ไม่ได้พูดต่อต้านได้อย่างไร
9 เพราะจากยอดเขาข้าพเจ้ามองเห็นพวกเขา
และจากเนินเขาข้าพเจ้ามองเห็นพวกเขา
ดูสิ พวกเขาตั้งเต็นท์อยู่แต่เพียงลำพัง
และไม่ได้เป็นพันธมิตรกับคนชาติอื่นๆ
10 มีใครสามารถนับคนของยาโคบได้บ้าง
พวกเขามีจำนวนมากพอๆกับเม็ดฝุ่น
หรือมีใครที่สามารถนับจำนวนแม้เพียงหนึ่งในสี่ของชาวอิสราเอลได้บ้าง
ปล่อยให้ข้าพเจ้าตายเหมือนคนดีๆพวกนี้เขาตายกันเถิด
และปล่อยให้จุดจบข้าพเจ้าเป็นเหมือนกับจุดจบของพวกเขาเถิด”
11 บาลาคพูดกับบาลาอัมว่า “ท่านทำอะไรกับเรานี่ เราเอาท่านมาที่นี่เพื่อสาปแช่งศัตรูของเรา แต่ดูสิ ท่านกลับมาอวยพรพวกเขา”
12 บาลาอัมจึงตอบว่า “ข้าพเจ้าต้องระวังที่จะพูดในสิ่งที่พระยาห์เวห์ใส่ไว้ในปากของข้าพเจ้า ไม่ใช่หรือ”
13 บาลาคจึงพูดกับเขาว่า “ไปกับเราอีกที่หนึ่ง ท่านจะเห็นคนเหล่านั้น ท่านจะมองเห็นพวกเขาเพียงบางส่วน ท่านจะไม่เห็นพวกเขาทั้งหมด สาปแช่งพวกเขาให้เราจากที่นั่น” 14 บาลาคจึงพาบาลาอัมไปที่ทุ่งโศฟิม[l] บนยอดเขาปิสกาห์ บาลาคสร้างแท่นบูชาขึ้นเจ็ดแท่น และบูชาวัวผู้หนึ่งตัวกับแกะผู้หนึ่งตัว ให้เป็นเครื่องเผาบูชาบนแท่นบูชาแต่ละแท่น
15 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “ยืนอยู่ที่นี่ข้างๆเครื่องเผาบูชาของท่าน ขณะที่ข้าพเจ้าไปพบพระยาห์เวห์ที่โน่น”
16 พระยาห์เวห์ได้มาพบบาลาอัม และใส่คำพูดเข้าไปในปากของเขา พระองค์พูดว่า “กลับไปหาบาลาคและพูดสิ่งนี้” 17 บาลาอัมจึงไปหาบาลาค ที่นั่น เขายังคงยืนอยู่ข้างเครื่องเผาบูชาพร้อมกับพวกผู้นำของโมอับ แล้วบาลาคก็ถามเขาว่า “พระยาห์เวห์พูดอะไร”
บทกลอนที่สองของบาลาอัม
18 บาลาอัมจึงพูดออกมาเป็นกลอนว่า
“ยืนขึ้น บาลาค และฟัง
ฟังข้าพเจ้า ลูกชายของศิปโปร์
19 พระเจ้าไม่ใช่มนุษย์ที่พูดโกหก
และก็ไม่ใช่มนุษย์ที่ชอบเปลี่ยนใจ
มีหรือที่พระองค์พูดแล้วไม่ทำ
หรือสัญญาแล้วไม่ทำตามสัญญานั้น
20 ฟังนะ ข้าพเจ้าได้รับคำสั่งให้อวยพร
พระเจ้าได้อวยพรอิสราเอลไว้ ข้าพเจ้าจึงไม่สามารถกลับคำของพระองค์ได้
21 ท่านจะไม่เห็นความโชคร้ายในประชาชนของยาโคบ
ท่านจะไม่เห็นความยากลำบากใดๆในประชาชนชาวอิสราเอล
พระยาห์เวห์ผู้เป็นพระเจ้าของชาวอิสราเอลจะอยู่กับพวกเขา
พระองค์ได้รับการยกย่องสรรเสริญให้เป็นกษัตริย์ของพวกเขา
22 พระเจ้าผู้นำพวกเขาออกจากอียิปต์
เข้มแข็งเหมือนกับเขาของกระทิงสำหรับพวกเขา
23 ไม่มีการดูฤกษ์ยามในหมู่ประชาชนของยาโคบ
ไม่มีการทำนายโชคชะตาในหมู่ประชาชนของอิสราเอล
พระเจ้าส่งตัวแทนพระองค์มาพูดกับยาโคบ
และบอกอิสราเอลทันทีว่าพระองค์มีแผนอะไร[m]
24 คนเหล่านี้ก็ลุกขึ้นเหมือนกับสิงห์ตัวเมีย
มันยืนขึ้นตรงเหมือนสิงห์ตัวผู้ตัวหนึ่ง
มันจะไม่ยอมนอนจนกระทั่งมันกินเหยื่อของมัน
และดื่มเลือดของสัตว์ที่มันฆ่าแล้ว”
25 บาลาคพูดกับบาลาอัมว่า “ถ้าท่านไม่สาปแช่งพวกเขา ก็อย่าอวยพรพวกเขาสิ”
26 บาลาอัมจึงตอบบาลาคว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้บอกท่านก่อนแล้วหรือว่า ‘ข้าพเจ้าจะทำทุกอย่างที่พระยาห์เวห์บอกให้ข้าพเจ้าทำ’”
27 บาลาคจึงพูดกับบาลาอัมว่า “มาเถิด เราจะพาท่านไปอีกที่หนึ่ง บางทีอาจทำให้พระเจ้าพอใจที่ท่านจะสาปแช่งชาวอิสราเอลให้เราจากที่นั่น” 28 บาลาคจึงพาบาลาอัมไปบนยอดเขาเปโอร์ซึ่งมองเห็นไปทั่วทั้งที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
29 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “สร้างแท่นบูชาเจ็ดแท่นให้กับข้าพเจ้าที่นี่ และเตรียมวัวผู้เจ็ดตัวกับแกะผู้เจ็ดตัวไว้ให้กับข้าพเจ้าด้วย” 30 บาลาคจึงทำตามที่บาลาอัมบอก และเขาก็บูชาวัวผู้หนึ่งตัวกับแกะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องเผาบูชาบนแท่นบูชาแต่ละแท่น
บทกลอนที่สามของบาลาอัม
24 บาลาอัมเห็นว่าพระยาห์เวห์ต้องการให้อวยพรชาวอิสราเอล ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ดูฤกษ์ยามใดๆเหมือนที่เคยทำมา แต่เขากลับหันหน้าไปทางที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง 2 บาลาอัมมองไปข้างหน้าและเห็นประชาชนชาวอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ตามเผ่าของพวกเขา แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าก็เข้าไปสถิตในตัวเขา 3 และเขาก็พูดออกมาเป็นกลอนว่า
“นี่คือคำพูดของบาลาอัมลูกชายของเบโอร์
เป็นคำพูดของชายที่มีดวงตาเห็นแจ่มแจ้ง[n]
4 เป็นคำพูดของคนที่ได้ยินคำพูดของพระเจ้า
เป็นคนที่เห็นนิมิตจากพระเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุด[o]
เป็นคนที่ล้มลงต่อหน้าพระองค์ แต่ดวงตาก็ยังเปิดอยู่
5 ประชาชนของยาโคบ[p] เต็นท์ของพวกท่านช่างงดงามเหลือเกิน
ประชาชนของอิสราเอล บ้านเรือนของพวกท่านสวยงามจริงๆ
6 เต็นท์ของพวกท่านเหมือนกับแถวของต้นปาล์มที่แผ่ขยายออก
เหมือนพวกสวนที่อยู่ริมแม่น้ำ
เหมือนต้นกฤษณา[q] ที่พระยาห์เวห์ปลูกไว้
เหมือนต้นสนซีดาร์ที่อยู่ริมน้ำ
7 น้ำจะไหลล้นออกมาจากถังน้ำของเขา[r]
และจะมีน้ำอย่างเหลือเฟือสำหรับเมล็ดพันธุ์ของพวกเขา
กษัตริย์ของพวกเขาจะยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์อากัก
และอาณาจักรของพวกเขาจะยิ่งใหญ่มาก
8 พระเจ้านำพวกเขาออกจากอียิปต์
พระองค์เป็นเหมือนเขาของกระทิงสำหรับพวกเขา
พวกเขาจะเอาชนะศัตรูของพวกเขา
พวกเขาจะบดขยี้กระดูกของคนเหล่านั้น
และโจมตีพวกนั้นด้วยลูกธนู[s]
9 ชาวอิสราเอลหมอบอยู่ พวกเขาพักอยู่เหมือนสิงโต
ใครล่ะจะกล้าปลุกสิงโตตัวนั้น
ขอให้คนที่อวยพรท่านได้รับพร
ขอให้คนที่แช่งสาปท่านถูกแช่งสาป”
10 บาลาคโกรธบาลาอัม เขาตบมือผางด้วยความโกรธ แล้วพูดกับบาลาอัมว่า “เราเรียกเจ้ามาที่นี่เพื่อสาปแช่งศัตรูของเรา แต่ดูสิ เจ้ากลับมาอวยพรพวกมันถึงสามครั้ง 11 ตอนนี้รีบๆกลับบ้านไปเลย เราบอกว่าจะให้รางวัลกับเจ้า แต่ดูสิ พระยาห์เวห์ทำให้เจ้าอดได้รางวัล”
12 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “ข้าพเจ้าได้บอกกับคนส่งสารพวกนั้นที่ท่านส่งมาหาข้าพเจ้าแล้วว่า 13 ‘ถึงแม้ว่าบาลาคจะยกวังที่เต็มไปด้วยเงินและทองให้กับข้า ข้าก็ไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของพระยาห์เวห์และทำอะไรตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเลวหรือสิ่งดี แต่ข้าต้องพูดแต่สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเท่านั้น’ 14 ตอนนี้ ข้าพเจ้าจะกลับไปหาคนของข้าพเจ้าแล้ว มาสิ แล้วข้าพเจ้าจะบอกท่านว่าคนพวกนี้จะทำอะไรกับคนของท่านในอนาคต”
บทกลอนสุดท้ายของบาลาอัม
15 แล้วบาลาอัมก็พูดเป็นคำกลอนว่า
“นี่คือคำพูดของบาลาอัมลูกชายเบโอร์
เป็นคำพูดของชายที่มีดวงตาเห็นแจ่มแจ้ง
16 เป็นคำพูดของคนที่ได้ยินคำพูดต่างๆของพระเจ้า
และได้รับความรู้จากพระเจ้าสูงสุด
เขาเห็นนิมิตจากพระเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุด[t]
เขาล้มลงต่อหน้าพระองค์ แต่ดวงตาก็ยังเปิดอยู่
17 ข้าพเจ้าเห็นเขา ไม่ใช่ในขณะนี้ แต่เป็นในอนาคต
ข้าพเจ้าเห็นเขากำลังมา แต่ไม่ใช่เร็วๆนี้
กษัตริย์องค์หนึ่งผู้เป็นเหมือนดวงดาวจะมาจากประชาชนของยาโคบ
ผู้ปกครองผู้หนึ่งจะปรากฏขึ้นจากประชาชนชาวอิสราเอล
เขาจะบี้หัวของชาวโมอับ
และจะบี้กะโหลกของชาวเชท[u] ทั้งหมด
18 เมื่อชาวอิสราเอลแสดงความแข็งแกร่ง
แผ่นดินของเอโดมก็จะตกเป็นของพวกเขา
แผ่นดินของเสอีร์ ศัตรูของชาวอิสราเอลก็จะตกเป็นของพวกเขา
19 ผู้ปกครองจะมาจากยาโคบ
และทำลายคนที่หลงเหลืออยู่ในเมืองเออร์”
20 แล้วบาลาอัมมองเห็นชาวอามาเลคและพูดกลอนนี้ว่า
“อามาเลคเคยเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดท่ามกลางชนชาติอื่น
แต่จุดจบของพวกเขาคือจะถูกทำลายจนสิ้นซาก”
21 บาลาอัมมองเห็นชาวเคไนต์[v] และพูดบทกลอนนี้ว่า
“สถานที่ที่พวกท่านอยู่เป็นที่ที่ปลอดภัย
เหมือนรังนกที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง
22 แต่พวกชาวเคไนต์ ก็จะถูกทำลายล้าง
เมื่อชาวอัสชูรทำให้พวกเขากลายเป็นเชลย”
23 แล้วบาลาอัมก็พูดกลอนบทนี้ว่า
“เมื่อพระเจ้าทำอย่างนี้ แล้วจะมีใครรอด
24 จะมีเรือมาจากชายฝั่งของคิทธิม[w]
และจะเอาชนะชาวอัสซีเรียและเอเบอร์[x]
แต่พวกคิทธิมก็จะถูกทำลายไปด้วยเหมือนกัน”
25 แล้วบาลาอัมก็ลุกขึ้นและกลับบ้าน ส่วนบาลาคก็กลับไปตามทางของเขา
ชาวอิสราเอลที่เปโอร์
25 ขณะนั้นชาวอิสราเอลอยู่ที่ชิทธิม ในเวลานั้น ประชาชนเริ่มทำบาปทางเพศ[y] กับหญิงชาวโมอับ 2 หญิงชาวโมอับได้เชิญชาวอิสราเอลร่วมพิธีบูชาพระต่างๆของพวกเขา ดังนั้น ชาวอิสราเอลจึงกินเครื่องบูชาเหล่านั้นและได้บูชาพระต่างๆของชาวโมอับ 3 เพราะอย่างนี้ชาวอิสราเอลถึงได้เริ่มบูชาพระบาอัลของเปโอร์ พระยาห์เวห์จึงโกรธชาวอิสราเอล
4 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้เอาตัวพวกหัวหน้าของชาวอิสราเอลมาเสียบไว้กลางแดดต่อหน้าพระยาห์เวห์ แล้วพระยาห์เวห์จะไม่โกรธชาวอิสราเอล”
5 โมเสสจึงพูดกับพวกผู้พิพากษาของชาวอิสราเอลว่า “พวกท่านแต่ละคนจะต้องฆ่าคนของท่านที่ไปบูชาพระบาอัลของเปโอร์”
6 ในขณะที่โมเสสและผู้นำชาวอิสราเอลกำลังชุมนุมกันอยู่หน้าเต็นท์นัดพบ ก็มีชาวอิสราเอลคนหนึ่งได้พาหญิงชาวมีเดียนคนหนึ่งมาให้พวกพี่น้อง[z] ของเขา เขาทำสิ่งนี้ต่อหน้าโมเสสและชาวอิสราเอลทั้งหมด โมเสสและพวกผู้นำก็ร้องไห้คร่ำครวญ 7 เมื่อฟีเนหัสลูกชายเอเลอาซาร์ ซึ่งเป็นลูกชายของนักบวชอาโรนเห็นเข้า เขาจึงจากที่ชุมนุมมาและไปหยิบหอกของเขา 8 เขาตามชายอิสราเอลคนนั้นเข้าไปในเต็นท์ และเอาหอกแทงชายอิสราเอลคนนั้นพร้อมกับหญิงมีเดียนคนนั้นที่ท้องจนตาย และโรคระบาดร้ายแรงในหมู่ประชาชนชาวอิสราเอลก็หยุดลง 9 มีคนตายจากโรคระบาดนี้ถึงสองหมื่นสี่พันคน
10 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 11 “ฟีเนหัสลูกชายของเอเลอาซาร์ผู้เป็นลูกชายของนักบวชอาโรนได้ช่วยชีวิตประชาชนชาวอิสราเอลไว้จากความโกรธของเรา เขาทำไปเพราะเขาโกรธในบาปของประชาชนเหล่านั้นเหมือนที่เราโกรธ เราจึงไม่ทำลายประชาชนชาวอิสราเอลด้วยความโกรธของเรา 12 ด้วยเหตุนี้ ให้ไปบอกกับฟีเนหัสว่า เราจะทำข้อตกลงที่เป็นมิตรกับเขา 13 ข้อตกลง คือ เขาและลูกหลานของเขาซึ่งมีชีวิตต่อจากเขา จะได้เป็นนักบวชตลอดไป เพราะเขาได้หันเหความโกรธของพระเจ้าไป เขาทำอย่างนี้แทนชาวอิสราเอล”
14 ชายชาวอิสราเอลที่ถูกฆ่าพร้อมหญิงมีเดียนนั้นชื่อ ศิมรีลูกชายสาลู สาลูเป็นผู้นำครอบครัวจากเผ่าสิเมโอน 15 ส่วนหญิงชาวมีเดียนนั้น ชื่อคสบี[aa] เป็นลูกสาวของศูร์ ศูร์เป็นหัวหน้าตระกูลหรือครอบครัวของมีเดียน
16 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 17 “ให้เป็นศัตรูกับชาวมีเดียน และฆ่าพวกมัน 18 เพราะพวกมันเป็นศัตรูกับพวกเจ้า พวกมันหลอกลวงพวกเจ้าที่เปโอร์ และยังหลอกลวงพวกเจ้าด้วยการใช้น้องสาวของพวกมันที่ชื่อคสบีลูกสาวของผู้นำชาวมีเดียน ผู้หญิงที่ถูกฆ่าในขณะที่เกิดโรคระบาดกับชาวอิสราเอล เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นที่เปโอร์”
นับประชาชน
26 หลังจากโรคระบาดแล้ว พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและเอเลอาซาร์ลูกชายของนักบวชอาโรนว่า 2 “ให้นับประชาชนชาวอิสราเอลทั้งชุมชนตามครอบครัวของพวกเขา ให้นับชายทุกคนในอิสราเอลที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปที่สามารถเข้ารับใช้ในกองทัพได้”
3 โมเสสและนักบวชเอเลอาซาร์จึงพูดกับประชาชนชาวอิสราเอลในที่ราบโมอับติดแม่น้ำจอร์แดนฝั่งตรงข้ามเยริโคว่า 4 “ให้นับชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป ตามที่พระยาห์เวห์เคยสั่งให้โมเสสและประชาชนชาวอิสราเอลทำ ตอนที่พวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์”
5 รูเบนเป็นลูกชายคนโตของอิสราเอล นี่คือรายชื่อลูกหลานของรูเบน
จากฮาโนค เป็นตระกูลฮาโนค
จากปัลลู เป็นตระกูลปัลลู
6 จากเฮสโรน เป็นตระกูลเฮสโรน
จากคารมี เป็นตระกูลคารมี
7 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของรูเบน รวมคนได้ทั้งหมดสี่หมื่นสามพันเจ็ดร้อยสามสิบคน
8 ลูกชายของปัลลูคือเอลีอับ 9 เอลีอับมีลูกชายสามคนคือ เนมูเอล ดาธานและอาบีรัม ดาธานและอาบีรัม เป็นสองคนที่ชุมชนเลือกขึ้นมา และได้ต่อต้านโมเสส และอาโรน ทั้งสองคนนี้เป็นสมัครพรรคพวกของโคราห์ ตอนที่พวกเขาร่วมกันต่อต้านพระยาห์เวห์ 10 และแผ่นดินได้อ้าปากกลืนพวกเขาและโคราห์ลงไป เมื่อสมัครพรรคพวกของโคราห์ตายไปและไฟได้เผาผลาญคนสองร้อยห้าสิบคนนั้น คนเหล่านี้ได้กลายเป็นตัวอย่างเตือนใจประชาชน 11 แต่ลูกชายของโคราห์ไม่ตาย
12 นี่คือลูกหลานของสิเมโอนตามตระกูลของพวกเขา
จากเนมูเอล เป็นตระกูลเนมูเอล
จากยามีน เป็นตระกูลยามีน
จากยาคีน เป็นตระกูลยาคีน
13 จากเศราห์ เป็นตระกูลเศราห์
จากชาอูล เป็นตระกูลชาอูล
14 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของสิเมโอน รวมคนได้ทั้งหมดสองหมื่นสองพันสองร้อยคน
15 ต่อไปคือลูกหลานของกาดตามตระกูลของพวกเขา
จากเศโฟน เป็นตระกูลเศโฟน
จากฮักกี เป็นตระกูลฮักกี
จากชูนี เป็นตระกูลชูนี
16 จากโอสนี เป็นตระกูลโอสนี
จากเอรี เป็นตระกูลเอรี
17 จากอาโรด เป็นตระกูลอาโรด
จากอาเรลี เป็นตระกูลอาเรลี
18 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของกาด รวมคนได้ทั้งหมดสี่หมื่นห้าร้อยคน
19-20 ลูกชายของยูดาห์คือเอร์และโอนัน เขาทั้งสองคนตายในแผ่นดินคานาอัน นี่คือลูกหลานของยูดาห์ตามตระกูลของพวกเขา
จากเชลาห์ เป็นตระกูลเชลาห์
จากเปเรศ เป็นตระกูลเปเรศ
จากเศราห์ เป็นตระกูลเศราห์
21 ต่อไปนี้คือลูกหลานของเปเรศ
จากเฮสโรน เป็นตระกูลเฮสโรน
จากฮามูล เป็นตระกูลฮามูล
22 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของยูดาห์ รวมคนได้ทั้งหมดเจ็ดหมื่นหกพันห้าร้อยคน
23 ต่อไปนี้คือลูกหลานของอิสสาคาร์ตามตระกูลของพวกเขา
จากโทลา เป็นตระกูลโทลา
จากปูวาห์ เป็นตระกูลปูวาห์
24 จากยาชูบ เป็นตระกูลยาชูบ
จากชิมโรน เป็นตระกูลชิมโรน
25 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของอิสสาคาร์ รวมคนได้ทั้งหมดหกหมื่นสี่พันสามร้อยคน
26 ต่อไปนี้คือลูกหลานของเศบูลุนตามตระกูลของพวกเขา
จากเสเรด เป็นตระกูลเสเรด
จากเอโลน เป็นตระกูลเอโลน
จากยาเลเอล เป็นตระกูลยาเลเอล
27 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของเศบูลุน รวมคนได้ทั้งหมดหกหมื่นห้าร้อยคน
28 ต่อไปนี้คือลูกชายของโยเซฟตามตระกูลของพวกเขา คือมนัสเสห์และเอฟราอิม 29 นี่คือลูกหลานของมนัสเสห์
จากมาคีร์ เป็นตระกูลมาคีร์ (มาคีร์เป็นพ่อของกิเลอาด)
จากกิเลอาด เป็นตระกูลกิเลอาด
30 นี่คือลูกหลานของกิเลอาด
จากอีเยเซอร์ เป็นตระกูลอีเยเซอร์
จากเฮเลค เป็นตระกูลเฮเลค
31 จากอัสรีเอล เป็นตระกูลอัสรีเอล
จากเชเคม เป็นตระกูลเชเคม
32 จากเชมิดา เป็นตระกูลเชมิดา
จากเฮเฟอร์ เป็นตระกูลเฮเฟอร์
33 เศโลเฟหัดเป็นลูกชายของเฮเฟอร์ แต่ตัวเขาไม่มีลูกชาย มีเพียงลูกสาวชื่อ มาลาห์ โนอาห์ โฮกลาห์ มิลคาห์และทีรซาห์
34 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของมนัสเสห์ รวมคนได้ทั้งหมดห้าหมื่นสองพันเจ็ดร้อยคน
35 ต่อไปนี้คือลูกหลานของเอฟราอิมตามตระกูลของพวกเขา
จากชูเธลาห์ เป็นตระกูลชูเธลาห์
จากเบเคอร์ เป็นตระกูลเบเคอร์
จากทาหาน เป็นตระกูลทาหาน
36 นี่คือลูกหลานของชูเธลาห์
จากเอราน เป็นตระกูลเอราน
37 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของเอฟราอิม รวมคนได้ทั้งหมดสามหมื่นสองพันห้าร้อยคน
พวกเขาเป็นลูกหลานของโยเซฟตามตระกูลของพวกเขา
38 นี่คือลูกหลานของเบนยามินตามตระกูลของพวกเขา
จากเบลา เป็นตระกูลเบลา
จากอัชเบล เป็นตระกูลอัชเบล
จากอาหิรัม เป็นตระกูลอาหิรัม
39 จากเชฟูฟาม เป็นตระกูลเชฟูฟาม
จากหุฟาม เป็นตระกูลหุฟาม
40 ลูกชายของเบลาคือ อาร์ดและนาอามาน
จากอาร์ด เป็นตระกูลอาร์ด
จากนาอามาน เป็นตระกูลนาอามาน
41 นั่นคือพวกตระกูลต่างๆของเบนยามิน รวมคนได้ทั้งหมดสี่หมื่นห้าพันหกร้อยคน
42 นี่คือลูกหลานของดานตามตระกูลของพวกเขา
จากชูฮัม เป็นตระกูลชูฮัม
นี่คือตระกูลของดาน 43 รวมคนจากตระกูลชูฮัมได้ทั้งหมดหกหมื่นสี่พันสี่ร้อยคน
44 นี่คือลูกหลานของอาเชอร์ตามตระกูลของพวกเขา
จากอิมนาห์ เป็นตระกูลอิมนาห์
จากอิชวี เป็นตระกูลอิชวี
จากเบรียาห์ เป็นตระกูลเบรียาห์
45 ลูกหลานของเบรียาห์คือ
จากเฮเบอร์ เป็นตระกูลเฮเบอร์
จากมัลคีเอล เป็นตระกูลมัลคีเอล
46 (ลูกสาวของอาเชอร์ชื่อเสราห์) 47 นี่คือตระกูลต่างๆของอาเชอร์ รวมคนได้ทั้งหมดห้าหมื่นสามพันสี่ร้อยคน
48 นี่คือลูกหลานของนัฟทาลีตามตระกูลของพวกเขา
จากยาเซเอล เป็นตระกูลยาเซเอล
จากกูนี เป็นตระกูลกูนี
49 จากเยเซอร์ เป็นตระกูลเยเซอร์
จากชิลเลม เป็นตระกูลชิลเลม
50 นี่คือพวกตระกูลต่างๆของนัฟทาลี รวมคนได้ทั้งหมดสี่หมื่นห้าพันสี่ร้อยคน
51 รวมจำนวนประชาชนชาวอิสราเอลได้ทั้งหมดหกแสนหนึ่งพันเจ็ดร้อยสามสิบคน
52 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 53 “ให้แบ่งที่ดินออกเป็นส่วนๆสำหรับคนเหล่านี้ตามจำนวนรายชื่อ 54 ถ้าเป็นกลุ่มใหญ่ ก็แบ่งให้มากหน่อย ถ้าเป็นกลุ่มเล็ก ก็แบ่งให้น้อยหน่อย แต่ละกลุ่มจะได้รับส่วนแบ่งตามจำนวนคนที่ได้นับไว้ 55 อย่างไรก็ตาม ใครจะได้ที่ดินตรงไหน ก็ต้องจับสลากกัน พวกเขาจะได้รับที่ดินตามรายชื่อเผ่าของบรรพบุรุษของพวกเขา 56 แต่ละเผ่าจะจับสลากแบ่งที่ดินกัน ไม่ว่าจะเป็นเผ่าใหญ่หรือเผ่าเล็กก็ตาม”
57 ต่อไปนี้คือชาวเลวีที่ได้นับตามตระกูลของพวกเขา
จากเกอร์โชน เป็นตระกูลเกอร์โชน
จากโคฮาท เป็นตระกูลโคฮาท
จากเมรารี เป็นตระกูลเมรารี
58 คนเหล่านี้อยู่ในตระกูลเลวี
ตระกูลลิบนี
ตระกูลเฮโบรน
ตระกูลมาลี
ตระกูลมูชี
ตระกูลโคราห์
โคฮาทเป็นพ่อของอัมราม 59 เมียของอัมรามชื่อโยเคเบดเป็นลูกหลานของเลวี นางเกิดอยู่ในเผ่าของเลวีในอียิปต์ นางมีลูกกับอัมราม คืออาโรน โมเสสและมิเรียมพี่สาวของพวกเขา
60 อาโรนมีลูกชื่อ นาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์และอิธามาร์ 61 นาดับและอาบีฮูตายไปแล้ว เมื่อครั้งที่พวกเขาได้ถวายไฟที่พระยาห์เวห์ไม่อนุญาตให้ถวายต่อหน้าพระองค์
62 รวมจำนวนชายชาวเลวีที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไปสองหมื่นสามพันคน เพราะพวกเขาไม่สามารถนับรวมกับชาวอิสราเอลคนอื่นได้ เพราะพวกเขาไม่ได้รับส่วนแบ่งที่ดินเหมือนประชาชนชาวอิสราเอลคนอื่นๆ
63 นี่คือคนที่โมเสสและนักบวชเอเลอาซาร์นับได้ ในขณะที่อยู่ในที่ราบโมอับข้างแม่น้ำจอร์แดนตรงข้ามเยริโค 64 ในบรรดาประชาชนเหล่านี้ ไม่มีคนที่โมเสสและอาโรนเคยนับเมื่อครั้งอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งซีนายรอดชีวิตอยู่เลย 65 เพราะพระยาห์เวห์เคยพูดถึงคนเหล่านั้นไว้ว่า “พวกเขาจะตายในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง” จึงไม่มีใครสักคนในหมู่พวกเขาที่ยังมีชีวิตอยู่ ยกเว้นคาเลบลูกชายของเยฟุนเนห์และโยชูวาลูกชายนูน
พวกลูกสาวของเศโลเฟหัด
27 เศโลเฟหัดเป็นลูกชายของเฮเฟอร์ เฮเฟอร์เป็นลูกชายของกิเลอาด กิเลอาดเป็นลูกชายของมาคีร์ มาคีร์เป็นลูกชายของมนัสเสห์ จากเผ่ามนัสเสห์ มนัสเสห์เป็นลูกชายของโยเซฟ เศโลเฟหัดมีลูกสาวห้าคน คือ มาลาห์ โนอาห์ โฮกลาห์ มิลคาห์ และทีรซาห์ 2 พวกนางยืนอยู่ต่อหน้าโมเสส นักบวชเอเลอาซาร์ บรรดาผู้นำและประชาชนทั้งหมดที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ
พวกนางพูดว่า 3 “พ่อของพวกเราได้ตายไปในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง เขาไม่ได้เป็นพรรคพวกของโคราห์ ที่ร่วมต่อต้านพระยาห์เวห์ แต่เขาตายเพราะบาปของเขาเอง และเขาไม่มีลูกชาย 4 แล้วทำไมชื่อของพ่อพวกเราจะต้องถูกตัดออกจากตระกูลของเขา เพียงเพราะเขาไม่มีลูกชายด้วย โปรดแบ่งที่ดินให้กับพวกเราให้เท่าเทียมกับที่ท่านจะแบ่งให้กับพี่น้องคนอื่นของพ่อพวกเราด้วยเถิด”
5 โมเสสจึงได้นำเรื่องนี้ไปถามพระยาห์เวห์ 6 พระองค์พูดกับโมเสสว่า 7 “คำร้องขอของลูกสาวเศโลเฟหัดถูกต้อง เจ้าต้องแบ่งที่ดิน[ab] ให้กับพวกนางท่ามกลางพี่น้องของพ่อพวกนาง พวกนางจะได้มอบที่ดินนั้นให้กับลูกหลานของพวกนางสืบต่อไป ให้ส่วนแบ่งของพ่อพวกนางกับพวกนางไป 8 และบอกกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า ‘ถ้าชายคนหนึ่งตายไปโดยที่ไม่มีลูกชาย พวกเจ้าต้องให้ส่วนแบ่งที่ดินของเขากับลูกสาวของเขา 9 และถ้าเขาไม่มีลูกสาว เจ้าต้องให้ส่วนแบ่งที่ดินของเขากับพี่น้องของเขา 10 ถ้าเขาไม่มีพี่น้อง ก็ให้ส่วนแบ่งที่ดินของเขากับพี่น้องของพ่อเขา 11 ถ้าพ่อของเขาไม่มีพี่น้อง ก็ให้ส่วนแบ่งที่ดินของเขากับญาติที่สนิทที่สุดของเขา ที่อยู่ในตระกูลของเขา และคนๆนั้นก็จะเป็นเจ้าของมัน นี่จะเป็นกฎที่ใช้ในการตัดสิน สำหรับประชาชนชาวอิสราเอล ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้’”
โยชูวาคือผู้นำคนใหม่
(ฉธบ. 31:1-8)
12 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้ขึ้นไปบนภูเขาอาบาริมและมองดูแผ่นดินที่เรากำลังจะให้กับประชาชนชาวอิสราเอล 13 เมื่อเจ้าได้เห็นมันแล้ว เจ้าก็จะได้ไปอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษของเจ้าเหมือนที่อาโรนพี่ชายของเจ้าได้ไปอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษของเขา 14 เพราะเจ้าทั้งสองไม่เชื่อฟังคำสั่งของเราในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งศิน เมื่อครั้งที่ประชาชนถกเถียงกับเรา เพราะเจ้าทั้งสองไม่ได้ให้เกียรติว่าเราศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีน้ำไหลออกมาต่อหน้าประชาชนเหล่านั้น” (น้ำนั้นคือน้ำของเมรีบาห์ที่เคเดชในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งศิน)
15 โมเสสพูดกับพระยาห์เวห์ว่า 16 “ขอพระยาห์เวห์พระเจ้าผู้รู้ความคิดของประชาชนทั้งหมด แต่งตั้งคนๆหนึ่งเป็นผู้นำของชุมชนนี้ 17 เพื่อคอยนำพวกเขาในสนามรบและนำพาพวกเขาเข้าออกเหมือนแกะ เพื่อว่าประชาชนของพระองค์จะได้ไม่เป็นเหมือนฝูงแกะที่ไม่มีคนเลี้ยง”
18 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “นำตัวโยชูวาลูกชายของนูน ผู้มีพรสวรรค์มาและวางมือของเจ้าลงบนเขา 19 ให้เขายืนอยู่หน้านักบวชเอเลอาซาร์และชุมชนทั้งหมด และมอบภารกิจให้เขาต่อหน้าคนพวกนั้น
20 ให้อำนาจของเจ้ากับเขาเพื่อชุมชนชาวอิสราเอลทั้งหมดจะได้เชื่อฟังเขา 21 แต่ถ้าโยชูวาต้องการตัดสินใจอะไร เขาจะต้องไปหานักบวชเอเลอาซาร์ และเอเลอาซาร์ก็จะใช้อูริมและทูมมิมขอคำตอบจากพระยาห์เวห์ ถ้าพระยาห์เวห์สั่งให้บุก โยชูวา ชาวอิสราเอลทั้งหมดและคนทั้งชุมชนก็จะบุก และถ้าพระยาห์เวห์สั่งให้ถอย พวกเขาก็จะถอย”
22 โมเสสจึงทำตามที่พระยาห์เวห์สั่งเขา เขาพาโยชูวามาและให้มายืนอยู่ต่อหน้านักบวชเอเลอาซาร์และชุมชนทั้งหมด 23 แล้วโมเสสก็วางมือลงบนโยชูวาและมอบภารกิจให้เขาตามที่พระยาห์เวห์ได้บอกกับโมเสส
เครื่องบูชาประจำวัน
28 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 2 “ให้ออกคำสั่งนี้กับประชาชนชาวอิสราเอล บอกพวกเขาว่า ‘เจ้าต้องระมัดระวังที่จะถวายเครื่องบูชาของเรา อาหารของเรา เป็นของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับเรา ตามเวลาที่ได้กำหนดไว้’ 3 และบอกพวกเขาว่า ‘นี่คือพวกของขวัญที่เจ้าต้องถวายให้กับพระยาห์เวห์ เป็นของถวายตามปกติของแต่ละวัน คือลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีสองตัวที่ไม่มีตำหนิใดๆ 4 เจ้าต้องถวายลูกแกะตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาในตอนเช้า และถวายลูกแกะอีกตัวหนึ่งในตอนเย็น[ac] 5 ให้ถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชด้วย คือแป้งอย่างดีสองลิตร[ad] ผสมน้ำมันที่คั้นจากมะกอกอย่างดีหนึ่งลิตร[ae] 6 นี่คือกฎของเครื่องเผาบูชาที่ตั้งขึ้นมาตอนอยู่ที่ภูเขาซีนาย เป็นพวกของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ 7 และต้องถวายเครื่องดื่มบูชาพร้อมกับมันโดยใช้เครื่องดื่มหนึ่งลิตรต่อลูกแกะหนึ่งตัว ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้รินเหล้าองุ่นเก่าเป็นเครื่องดื่มบูชาแก่พระยาห์เวห์ 8 แล้วบูชาลูกแกะตัวที่สองในตอนเย็นกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชา เหมือนกับที่บูชาในตอนเช้า เป็นของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์
เครื่องบูชาวันหยุดทางศาสนา
9 ในวันหยุดทางศาสนา ให้ถวายลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีสองตัวที่ไม่มีตำหนิใดๆพร้อมกับแป้งอย่างดีสี่ลิตรครึ่ง[af] ผสมน้ำมัน เป็นเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชา 10 ให้ถวายเครื่องเผาบูชาในทุกวันหยุดทางศาสนา พร้อมกับเครื่องเผาบูชาประจำวันและเครื่องดื่มบูชา
การชุมนุมประจำเดือน
11 ในวันที่หนึ่งของแต่ละเดือน พวกเจ้าต้องถวายเครื่องเผาบูชาดังนี้ คือวัวหนุ่มสองตัวจากฝูงสัตว์ แกะตัวผู้หนึ่งตัว ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีเจ็ดตัว พวกมันต้องเป็นสัตว์ที่ไม่มีตำหนิใดๆ 12 และต้องถวายแป้งอย่างดีหกลิตรครึ่ง[ag] ผสมน้ำมันพร้อมกับวัวแต่ละตัว และแป้งอย่างดีสี่ลิตรครึ่งผสมน้ำมันพร้อมกับแกะตัวผู้แต่ละตัวเป็นเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช 13 และต้องถวายแป้งอย่างดีสองลิตร[ah] ผสมน้ำมันเป็นเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชพร้อมกับลูกแกะแต่ละตัว สิ่งเหล่านี้เป็นของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ 14 ส่วนเครื่องดื่มบูชามีเหล้าองุ่นสองลิตร[ai]สำหรับวัวหนุ่มแต่ละตัว เหล้าองุ่นหนึ่งลิตร[aj]สำหรับแกะตัวผู้แต่ละตัวและเหล้าองุ่นหนึ่งลิตรสำหรับลูกแกะแต่ละตัว นี่คือเครื่องเผาบูชาประจำเดือนทุกครั้งที่ขึ้นเดือนใหม่ของปี 15 นอกเหนือไปจากเครื่องเผาบูชาประจำวันและเครื่องดื่มบูชาแล้ว เจ้าต้องถวายแพะตัวผู้หนึ่งตัวให้กับพระยาห์เวห์เป็นเครื่องบูชาชำระล้างด้วย
เทศกาลวันปลดปล่อย
16 ในวันที่สิบสี่ของเดือนแรก เป็นเทศกาลวันปลดปล่อยของพระยาห์เวห์ 17 วันที่สิบห้าของเดือนนั้นจะมีงานเฉลิมฉลอง เจ้าต้องกินขนมปังไม่ใส่เชื้อฟูเป็นเวลาเจ็ดวัน 18 ในวันแรกจะมีการชุมนุมพิเศษ เจ้าต้องไม่ทำงานที่ใช้แรงงานใดๆทั้งสิ้น 19 เจ้าต้องถวายพวกของขวัญเป็นเครื่องเผาบูชาให้กับพระยาห์เวห์ คือ วัวหนุ่มสองตัวจากฝูง แกะตัวผู้หนึ่งตัวและลูกแกะอายุหนึ่งปีเจ็ดตัว พวกมันต้องไม่มีตำหนิใดๆ 20 เครื่องบูชาจากเมล็ดพืชที่จะบูชาพร้อมกับสัตว์เหล่านี้คือ แป้งอย่างดีผสมน้ำมัน เจ้าต้องใช้แป้งหกลิตรครึ่งสำหรับวัวแต่ละตัว ใช้แป้งสี่ลิตรครึ่งสำหรับแกะแต่ละตัว 21 ให้ใช้แป้งสองลิตรกับลูกแกะแต่ละตัวจากลูกแกะทั้งเจ็ดตัวนั้น 22 ต้องใช้แพะหนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง[ak] เพื่อชำระสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้กับพวกเจ้า 23 นอกเหนือจากการถวายเครื่องเผาบูชาประจำวันในตอนเช้าแล้ว เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาเหล่านี้ด้วย
24 เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาเหล่านี้ซ้ำๆกันทุกวันตลอดเจ็ดวัน ถวายอาหารเป็นของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ นอกเหนือจากเครื่องเผาบูชาประจำวันแล้ว เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาพวกนี้พร้อมกับเครื่องดื่มบูชาด้วย
25 ในวันที่เจ็ด จะมีการชุมนุมพิเศษของพวกเจ้า เจ้าต้องไม่ทำงานใช้แรงงานใดๆ
เทศกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตแรก
(ลนต. 23:15-22)
26 ในเทศกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตแรก[al] ซึ่งเป็นเทศกาลเพ็นเทคอสต์ของพวกเจ้า เมื่อเจ้านำเมล็ดข้าวใหม่มาถวายเป็นเครื่องบูชาให้พระยาห์เวห์ เจ้าจะมีการชุมนุมศักดิ์สิทธิ์ เจ้าต้องไม่ทำงานใช้แรงงานใดๆ 27 เจ้าต้องถวายเครื่องเผาบูชาที่มีกลิ่นที่พระยาห์เวห์ชอบ โดยใช้วัวหนุ่มสองตัวจากฝูง แกะตัวผู้หนึ่งตัวและลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีเจ็ดตัว 28 และถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชโดยใช้แป้งอย่างดีผสมน้ำมันหกลิตรครึ่งสำหรับวัวแต่ละตัว แป้งสี่ลิตรครึ่งสำหรับแกะแต่ละตัว 29 และแป้งสองลิตรสำหรับลูกแกะแต่ละตัว จากลูกแกะทั้งเจ็ดตัวนั้น 30 เจ้าต้องถวายแพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง[am] เพื่อชำระสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้กับเจ้า 31 นอกเหนือไปจากเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชของมันแล้ว เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาเหล่านี้และเครื่องดื่มบูชา พวกมันต้องเป็นของที่ไม่มีตำหนิใดๆ
เทศกาลแตร
(ลนต. 23:23-25)
29 ในวันที่หนึ่งของเดือนที่เจ็ด จะมีการชุมนุมศักดิ์สิทธิ์สำหรับพวกเจ้า พวกเจ้าต้องไม่ทำงานใช้แรงงานใดๆ วันนั้นจะเป็นวันเป่าแตร[an] ของพวกเจ้า 2 เจ้าจะถวายสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องเผาบูชาอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ คือวัวหนุ่มหนึ่งตัวจากฝูง แกะตัวผู้หนึ่งตัวและลูกแกะอายุหนึ่งปีเจ็ดตัว พวกมันต้องไม่มีตำหนิใดๆ 3 เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชพร้อมกับพวกมัน โดยใช้แป้งอย่างดีหกลิตรครึ่ง[ao] ผสมน้ำมันสำหรับวัวแต่ละตัว แป้งสี่ลิตรครึ่ง[ap] สำหรับแกะตัวผู้แต่ละตัว 4 แป้งสองลิตร[aq] สำหรับลูกแกะแต่ละตัวจากลูกแกะทั้งเจ็ดตัวนั้น 5 และต้องถวายแพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เพื่อชำระสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับเจ้า 6 เครื่องบูชาเหล่านี้เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมา ไม่นับรวมเครื่องเผาบูชารายเดือนกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชของมัน และไม่รวมเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชของมัน และเครื่องดื่มบูชาตามที่กำหนดไว้แต่ละอย่าง พวกมันจะเป็นของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์
วันชำระสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
(ลนต. 23:26-32)
7 ในวันที่สิบของเดือนเจ็ด เจ้าจะมีการชุมนุมศักดิ์สิทธิ์ เจ้าต้องไม่กินอาหารหรือทำงานใดๆ 8 เจ้าต้องถวายสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องเผาบูชาอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ คือวัวหนุ่มตัวหนึ่งจากฝูง แกะตัวผู้หนึ่งตัวและลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีเจ็ดตัว เจ้าต้องแน่ใจว่าพวกมันไม่มีตำหนิใดๆ 9 และเจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชพร้อมๆกันด้วย โดยใช้แป้งอย่างดีผสมน้ำมัน ใช้แป้งหกลิตรครึ่งสำหรับวัวแต่ละตัว ใช้แป้งสี่ลิตรครึ่งสำหรับแกะแต่ละตัว 10 และใช้แป้งสองลิตรสำหรับลูกแกะแต่ละตัว จากลูกแกะทั้งเจ็ดตัวนั้น 11 เจ้ายังต้องบูชาแพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องบูชาเหล่านี้ เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาต่างหากจากเครื่องบูชาชำระล้าง ที่ใช้ในวันชำระล้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์[ar] และเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชของมัน และเครื่องดื่มบูชาที่มาในชุดเดียวกันนั้นด้วย
เทศกาลอยู่เพิง
(ลนต. 23:33-44)
12 ในวันที่สิบห้าเดือนเจ็ด[as] เจ้าจะมีการชุมนุมศักดิ์สิทธิ์ เจ้าต้องไม่ทำงานที่ใช้แรงงานและต้องจัดเทศกาลเฉลิมฉลองให้เกียรติกับพระยาห์เวห์เป็นเวลาเจ็ดวัน 13 เจ้าต้องถวายเครื่องเผาบูชา เป็นของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ คือวัวหนุ่มสิบสามตัวจากฝูง แกะตัวผู้สองตัวและลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีสิบสี่ตัว พวกมันต้องไม่มีตำหนิใดๆ 14 เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชพร้อมๆกันด้วย โดยใช้แป้งอย่างดีผสมน้ำมัน ใช้แป้งหกลิตรครึ่งสำหรับวัวแต่ละตัวจากวัวทั้งสิบสามตัวนั้น แป้งสี่ลิตรครึ่งสำหรับแกะแต่ละตัวจากแกะสองตัวนั้น 15 และใช้แป้งสองลิตรสำหรับลูกแกะแต่ละตัวจากลูกแกะทั้งสิบสี่ตัวนั้น 16 และต้องถวายแกะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง นอกเหนือไปจากเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชของมัน และเครื่องดื่มบูชาในชุดเดียวกัน
17 ในวันที่สอง ต้องถวายวัวหนุ่มสิบสองตัวจากฝูง แกะตัวผู้สองตัวและลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีสิบสี่ตัว ทุกตัวต้องไม่มีตำหนิใดๆ 18 เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาไปพร้อมๆกับวัว แกะและลูกแกะเหล่านั้นโดยใช้ตามจำนวนที่ได้กำหนดไว้ 19 และบูชาแพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องบูชาเหล่านี้เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาจากเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาในชุดเดียวกัน
20 ในวันที่สาม ต้องบูชาวัวหนุ่มสิบเอ็ดตัวจากฝูง แกะตัวผู้สองตัว และลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีสิบสี่ตัว ทุกตัวต้องไม่มีตำหนิใดๆ 21 เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาไปพร้อมๆกับวัว แกะและลูกแกะเหล่านั้นโดยใช้ตามจำนวนที่ได้กำหนดไว้ 22 และต้องบูชาแพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องบูชาเหล่านี้เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาต่างหากจากเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาในชุดเดียวกัน
23 ในวันที่สี่ ต้องบูชาวัวหนุ่มสิบตัวจากฝูงแกะตัวผู้สองตัวและลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีสิบสี่ตัว ทุกตัวต้องไม่มีตำหนิใดๆ 24 เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาไปพร้อมๆกับวัว แกะและลูกแกะเหล่านั้นโดยใช้ตามจำนวนที่ได้กำหนด 25 และต้องบูชาแพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องบูชาเหล่านี้เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาต่างหากจากเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาในชุดเดียวกัน
26 ในวันที่ห้า ต้องบูชาวัวหนุ่มเก้าตัวจากฝูง แกะตัวผู้สองตัวและลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีสิบสี่ตัว ทุกตัวต้องไม่มีตำหนิใดๆ 27 เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาไปพร้อมๆกับวัว แกะและลูกแกะเหล่านั้นโดยใช้ตามจำนวนที่กำหนด 28 และต้องบูชาแพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องบูชาเหล่านี้เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาต่างหากจากเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาในชุดเดียวกัน
29 ในวันที่หก ต้องบูชาวัวหนุ่มแปดตัวจากฝูง แกะตัวผู้สองตัวและลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีสิบสี่ตัว ทุกตัวต้องไม่มีตำหนิใดๆ 30 เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชไปพร้อมๆกับวัว แกะและลูกแกะเหล่านั้นโดยใช้ตามจำนวนที่กำหนด 31 และต้องบูชาแพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องบูชาเหล่านี้เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาต่างหากจากเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาในชุดเดียวกัน
32 ในวันที่เจ็ด ต้องบูชาวัวหนุ่มเจ็ดตัวจากฝูง แกะตัวผู้สองตัวและลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีสิบสี่ตัว ทุกตัวต้องไม่มีตำหนิใดๆ 33 เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาไปพร้อมๆกับวัว แกะและลูกแกะเหล่านั้นโดยใช้ตามจำนวนที่กำหนด 34 และต้องบูชาแพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องบูชาเหล่านี้เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาต่างหากจากเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาในชุดเดียวกัน
35 ในวันที่แปด เจ้าจะมีพิธีปิดการประชุม เจ้าต้องไม่ทำงานใช้แรงงานในวันนั้น 36 เจ้าต้องนำเครื่องบูชาต่อไปนี้มาเป็นเครื่องเผาบูชาและของถวายที่มีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ คือ มีวัวหนึ่งตัว แกะตัวผู้หนึ่งตัวและลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีเจ็ดตัว ทุกตัวต้องไม่มีตำหนิใดๆ 37 และต้องถวายเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาไปพร้อมๆกับวัว แกะและลูกแกะเหล่านั้นโดยใช้ตามจำนวนที่กำหนด 38 และเจ้าต้องถวายแพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เครื่องบูชาเหล่านี้เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมา ไม่รวมถึงเครื่องเผาบูชาประจำวันกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชาในชุดเดียวกัน
39 เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาเหล่านี้ให้พระยาห์เวห์ในวันหยุดพิเศษของเจ้า เจ้าต้องถวายเครื่องบูชาเหล่านี้เป็นเครื่องเผาบูชาของเจ้า เป็นเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เครื่องดื่มบูชาและเป็นเครื่องสังสรรค์บูชาของเจ้านอกเหนือไปจากเครื่องบูชาที่เจ้าสัญญาไว้และของขวัญพิเศษของเจ้า’”
40 ดังนั้นโมเสสจึงบอกกับประชาชนชาวอิสราเอลตามที่พระยาห์เวห์สั่งเขาไว้
สัญญาพิเศษ
30 โมเสสพูดกับพวกหัวหน้าเผ่าต่างๆของชาวอิสราเอลว่า พระยาห์เวห์สั่งไว้ว่าอย่างนี้คือ
2 “เมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งได้บนไว้กับพระยาห์เวห์ หรือสาบานไว้ว่าจะทำหรือไม่ทำบางสิ่งบางอย่าง เขาต้องไม่ผิดคำพูด เขาต้องรักษาคำพูดของเขาทุกอย่าง
3 แต่เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งได้สาบานต่อพระยาห์เวห์ ที่จะทำหรือไม่ทำบางสิ่งบางอย่าง ตอนที่นางอาศัยอยู่กับพ่อ เพราะยังเป็นเด็กอยู่ 4 และพ่อของนางก็ได้ยินสิ่งที่นางสาบาน และไม่ได้ห้ามอะไร นางต้องรักษาสิ่งที่นางได้สาบานไว้ทั้งหมด 5 แต่ถ้าพ่อของนางห้ามนาง ตอนที่ได้ยินนางสาบาน นางก็ไม่ต้องทำตามคำสาบานนั้น พระยาห์เวห์จะยกโทษให้นาง เพราะพ่อของนางได้ห้ามนางตั้งแต่แรก
6 แต่ถ้านางได้สาบานหรือสัญญาต่อพระยาห์เวห์ แล้วไปแต่งงาน 7 เมื่อสามีของนางรู้เข้า แต่ไม่ได้ว่าอะไรในวันที่เขาได้ยินเรื่องนี้ นางก็ต้องรักษาคำสาบานนั้น 8 แต่ถ้าสามีของนางห้ามนาง ในวันที่เขาได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ได้ยกเลิกคำสาบานหรือคำสัญญานั้นของนาง และพระยาห์เวห์ก็จะยกโทษให้นาง
9 เมื่อแม่หม้าย หรือหญิงที่หย่ากับสามี สาบานอะไรไว้ก็ตาม พวกเขาก็ต้องทำตามคำสาบานนั้นทุกอย่าง 10 แต่ถ้าหญิงที่แต่งงานแล้วได้บนไว้ หรือได้สาบานไว้ว่าจะทำหรือไม่ทำบางสิ่งบางอย่าง 11 และสามีนางได้ยินเข้า แต่ไม่ได้ว่าอะไร และไม่ได้ห้ามด้วย นางจะต้องทำตามที่บนไว้ หรือที่สาบานไว้ทุกอย่าง 12 แต่ถ้าสามีนางยกเลิกคำสาบานพวกนั้น ในวันที่เขาได้ยินเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้น นางก็ไม่ต้องทำตามสิ่งที่นางได้สาบาน เพราะสามีนางได้ยกเลิกพวกมันไปหมดแล้ว และพระยาห์เวห์ก็จะยกโทษให้กับนาง 13 สามีของนางอาจจะให้นางทำตามคำสาบานนั้น หรือเขาอาจจะยกเลิกมันก็ได้ 14 ถ้าสามีนางไม่พูดอะไรกับนาง หลังจากวันที่เขาได้ยินเกี่ยวกับมัน นางจะต้องรักษาคำสาบานที่นางทำไว้ทั้งหมด เพราะเขาไม่ได้ว่าอะไรนางในวันที่เขาได้ยินเรื่องนั้น 15 แต่ถ้าสามีนางมายกเลิกสัญญาพวกนี้ ภายหลังจากวันที่เขาได้ยินเรื่องพวกนี้แล้ว เขาจะต้องรับโทษแทนนาง”
16 นี่คือกฎที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้เกี่ยวกับเรื่องระหว่างสามีและภรรยาของเขา และระหว่างพ่อกับลูกสาวที่ยังอยู่ในบ้านของพ่อเพราะยังเด็กอยู่
ชาวอิสราเอลตอบโต้กลับชาวมีเดียน
31 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 2 “หาทางแก้แค้นชาวมีเดียนคืน ที่พวกมันทำไว้กับชาวอิสราเอล แล้วหลังจากนั้น เจ้าจะตายและไปอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษของเจ้า”
3 โมเสสจึงพูดกับประชาชนว่า “เลือกคนของพวกท่านมาจำนวนหนึ่งเพื่อไปออกรบ เพื่อพวกเขาจะได้โจมตีชาวมีเดียน ให้สมกับแค้นที่พระยาห์เวห์มีต่อชาวมีเดียน 4 ท่านต้องส่งคนหนึ่งพันคน[at] จากแต่ละเผ่าของอิสราเอลเพื่อไปทำสงครามนี้” 5 เมื่อรวมคนอิสราเอลเผ่าละหนึ่งพันคนจากทุกเผ่าแล้ว ได้คนที่จะไปทำสงครามทั้งหมดหนึ่งหมื่นสองพันคน
6 โมเสสจึงส่งคนไปรบ จากเผ่าละหนึ่งพันคน โมเสสส่งพวกเขาและฟีเนหัสลูกชายนักบวชเอเลอาซาร์ไปสงคราม ฟีเนหัสเอาของศักดิ์สิทธิ์ และแตรให้สัญญาณติดตัวไปด้วย 7 พวกเขาจึงต่อสู้กับพวกมีเดียนตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้ พวกเขาฆ่าผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ชายชาวมีเดียนทุกคนในแคว้นนั้น 8 พร้อมๆกับเหยื่ออื่นๆด้วย พวกเขาฆ่าพวกกษัตริย์ชาวมีเดียน มี เอวี เรเคม ศูร์ เฮอร์และเรบา ทั้งห้าคนนี้เป็นกษัตริย์ของมีเดียน พวกเขายังฆ่าบาลาอัมลูกชายเบโอร์ด้วยดาบ
9 ชาวอิสราเอลได้จับผู้หญิงและเด็กๆชาวมีเดียนไปด้วย พวกเขายังยึดเอาสัตว์เลี้ยงทั้งหมด ฝูงวัวและทรัพย์สมบัติทั้งหมดของคนเหล่านั้นไว้ 10 ชาวอิสราเอลได้เผาทิ้งบ้านเมืองทั้งหมดของชาวมีเดียนที่พวกเขาได้ตั้งรกรากกันอยู่ รวมทั้งค่ายทั้งหมด 11 พวกเขาได้ยึดทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้จากสงคราม รวมทั้งคนและสัตว์ 12 และนำเชลยเหล่านั้นและสิ่งของที่ยึดได้จากสงครามไปให้โมเสสและนักบวชเอเลอาซาร์และชุมชนชาวอิสราเอล ที่ค่ายในที่ราบโมอับใกล้แม่น้ำจอร์แดนฝั่งตรงข้ามเยริโค 13 โมเสส นักบวชเอเลอาซาร์และบรรดาผู้นำชุมชน ต่างออกมาพบพวกเขาที่นอกค่าย
14 โมเสสโกรธมากต่อบรรดาผู้นำกองทัพ พวกผู้บัญชาการกองพันและผู้บัญชาการกองร้อยที่กลับจากสงคราม 15 โมเสสพูดกับพวกเขาว่า “นี่ท่านไว้ชีวิตพวกผู้หญิงหรือ 16 พวกนี้นี่แหละที่ทำตามคำแนะนำของบาลาอัม ทำให้ชาวอิสราเอลทำบาปต่อพระยาห์เวห์ที่เปโอร์ จนทำให้เกิดโรคระบาดร้ายแรงมาทำลายชุมชนของพระยาห์เวห์ 17 ฉะนั้น ตอนนี้ฆ่าเด็กผู้ชายทุกคนและฆ่าผู้หญิงทุกคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย 18 แต่ไว้ชีวิตหญิงสาวทุกคนสำหรับพวกท่าน หญิงสาวที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายมาก่อน 19 พวกท่านต้องอยู่ที่นอกค่ายก่อนเป็นเวลาเจ็ดวัน พวกท่านทุกคนหรือเชลยที่ได้ฆ่าคนหรือแตะต้องร่างคนตายมา ต้องชำระตัวเองในวันที่สามและในวันที่เจ็ด 20 ท่านต้องซักล้างเสื้อผ้าทั้งหมด เครื่องหนังทั้งหมด ทุกสิ่งที่ทำจากขนแพะ รวมทั้งทุกสิ่งที่ทำจากไม้”
21 แล้วนักบวชเอเลอาซาร์ก็พูดกับพวกผู้ชายที่ไปรบมาว่า “นี่เป็นกฎที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้ คือ 22-23 ทุกอย่างที่ทนไฟได้ ต้องเอาไปวางไว้ในไฟ ท่านต้องเอา ทอง เงิน ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก ดีบุกและตะกั่ว ไปวางไว้ในไฟ แล้วนำไปล้างน้ำ เพื่อทำให้มันบริสุทธิ์ ส่วนของทุกอย่างที่ไม่ทนไฟ ให้พวกท่านนำไปล้างน้ำ 24 ในวันที่เจ็ด ท่านต้องซักเสื้อผ้าของท่าน และท่านจะสะอาด หลังจากนั้นท่านถึงจะเข้าไปในค่ายได้”
25 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 26 “เจ้าและนักบวชเอเลอาซาร์และพวกผู้นำครอบครัวของชุมชน ให้นับทุกสิ่งทุกอย่างที่ยึดมาได้ในสงครามไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ 27 ให้แบ่งสิ่งที่ยึดมาได้ทั้งหมด ระหว่างทหารที่ออกไปรบกับคนในชุมชน โดยแบ่งให้ฝ่ายละครึ่ง 28 เจ้าต้องหักภาษีให้พระยาห์เวห์ด้วย ครึ่งหนึ่งที่เป็นของทหารที่ออกไปรบนั้น ให้หักออกมาหนึ่งส่วนจากทุกๆห้าร้อย ไม่ว่าจะเป็นคน วัว ลาหรือแกะ 29 ของเหล่านี้จะถูกหักออกจากส่วนของพวกเขา เพื่อให้กับนักบวชเอเลอาซาร์ เพื่อเป็นของขวัญแก่พระยาห์เวห์ 30 อีกครึ่งหนึ่งของประชาชนชาวอิสราเอล ให้หักออกมาหนึ่งส่วนจากทุกๆห้าสิบ ไม่ว่าจะเป็นคน วัว ลาหรือแกะ รวมทั้งสัตว์ทุกชนิด เจ้าต้องนำส่วนที่หักได้นี้ไปให้ชาวเลวี ที่ทำหน้าที่เป็นยามคอยเฝ้าระวังเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์”
31 โมเสสและนักบวชเอเลอาซาร์ทำตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้ทุกอย่าง 32 สิ่งต่างๆที่พวกทหารยึดมาได้จากสงคราม คือ แกะหกแสนเจ็ดหมื่นห้าพันตัว 33 วัวเจ็ดหมื่นสองพันตัว 34 ลาหกหมื่นหนึ่งพันตัว 35 และคนสามหมื่นสองพันคน ทั้งหมดนี้เป็นหญิงสาวที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายมาก่อน 36 ส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งของทหาร คือ แกะสามแสนสามหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยตัว 37 เป็นภาษีของพระยาห์เวห์ หกร้อยเจ็ดสิบห้าตัว 38 วัวทั้งหมดสามหมื่นหกพันตัว เป็นภาษีของพระยาห์เวห์เจ็ดสิบสองตัว 39 ลาทั้งหมดสามหมื่นห้าร้อยตัว เป็นภาษีของพระยาห์เวห์หกสิบเอ็ดตัว 40 จำนวนคนทั้งหมดหนึ่งหมื่นหกพันคน เป็นภาษีของพระยาห์เวห์สามสิบสองคน 41 โมเสสให้ภาษีส่วนที่เป็นของขวัญของพระยาห์เวห์ให้กับนักบวชเอเลอาซาร์ ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งเขาไว้
42 ส่วนแบ่งอีกครึ่งหนึ่งของประชาชนชาวอิสราเอลที่โมเสสได้จากทหาร 43 ที่เป็นครึ่งหนึ่งของชุมชนคือ แกะสามแสนสามหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยตัว 44 วัวสามหมื่นหกพันตัว 45 ลาสามหมื่นห้าร้อยตัว 46 และคนหนึ่งหมื่นหกพันคน 47 จากครึ่งหนึ่งที่เป็นส่วนแบ่งของประชาชนชาวอิสราเอล โมเสสหักออกมาหนึ่งส่วนในทุกๆห้าสิบ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ และเอาไปให้ชาวเลวีที่ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้
48 แล้วบรรดาผู้นำกองทัพ ผู้บัญชาการกองพันและผู้บัญชาการกองร้อยต่างมาหาโมเสส 49 พวกเขาพูดกับโมเสสว่า “พวกเราผู้รับใช้ของท่านได้นับทหารที่อยู่ในมือของเรา แล้วพบว่าไม่มีใครหายไปเลย 50 เราได้เอาพวกเครื่องทองที่พวกเราเจอ เอามาเป็นเครื่องถวายให้กับพระยาห์เวห์คือ กำไลแขน สร้อยข้อมือ แหวนตรา ตุ้มหูและสร้อยคอ มาเป็นค่าไถ่ชีวิตของเราต่อหน้าพระยาห์เวห์”
51 โมเสสและนักบวชเอเลอาซาร์รับทองจากพวกเขา ทุกอย่างเป็นของที่ทำอย่างประณีต 52 ทองทั้งหมดที่บรรดาผู้บัญชาการกองพันและผู้บัญชาการกองร้อย เอามาถวายให้เป็นของขวัญของพระยาห์เวห์นั้น มีน้ำหนักรวมหนึ่งร้อยเก้าสิบเอ็ดกิโลกรัม[au] 53 ส่วนของที่พลทหารได้ยึดเอามา พวกเขาก็เก็บเอาไว้เอง 54 ดังนั้นโมเสสและนักบวชเอเลอาซาร์จึงนำทองจากบรรดาผู้บัญชาการกองพันและกองร้อย ไปที่เต็นท์นัดพบ เพื่อเป็นที่ระลึก[av] สำหรับประชาชนชาวอิสราเอลต่อหน้าพระยาห์เวห์
ที่ดินฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน
(ฉธบ. 3:12-22)
32 เผ่าของรูเบนและกาดมีฝูงสัตว์จำนวนมากมายมหาศาล เมื่อพวกเขาเห็นที่ดินของยาเซอร์และที่ดินของกิเลอาด พวกเขาเห็นว่ามันเป็นที่ที่เหมาะกับการเลี้ยงสัตว์ 2 ดังนั้น ประชาชนของกาดและรูเบนจึงไปพูดกับโมเสส นักบวชเอเลอาซาร์และบรรดาผู้นำชุมชนว่า 3-4 “พวกเราผู้รับใช้ของท่านมีสัตว์เลี้ยงอยู่มากมายมหาศาลและที่ดินที่พระยาห์เวห์ได้รบชนะเพื่อประชาชนชาวอิสราเอลนั้น เป็นแผ่นดินที่เหมาะกับการเลี้ยงสัตว์มาก โดยเฉพาะที่ดินบริเวณ อาทาโรท ดีโบน ยาเซอร์ นิมราห์ เฮชโบน เอเลอาเลห์
เสบาม เนโบ และเบโอน” 5 พวกเขาพูดต่อไปว่า “ถ้าท่านพอใจพวกเรา ได้โปรดยกที่ดินนี้ให้กับพวกเรา ผู้รับใช้ของท่าน ไว้ครอบครองด้วยเถิด อย่าให้เราต้องข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปเลย”
6 โมเสสพูดกับประชาชนของกาดและรูเบนว่า “จะให้พี่น้องของท่านออกไปรบในขณะที่ท่านตั้งรกรากอยู่ที่นี่หรือ 7 ทำไมพวกท่านถึงพยายามทำให้ประชาชนชาวอิสราเอลท้อแท้หมดกำลังใจที่จะข้ามแม่น้ำเข้าไปในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์ได้ยกให้กับพวกเขา 8 รุ่นพ่อของพวกท่านก็ทำอย่างนี้เหมือนกัน ตอนที่เราส่งพวกเขาจากคาเดช-บารเนียให้ไปสำรวจแผ่นดินนั้น 9 พวกเขาขึ้นไปไกลถึงหุบเขาเอชโคล์ และได้สำรวจแผ่นดินนั้น แต่พวกเขากลับทำให้ประชาชนชาวอิสราเอลท้อแท้หมดกำลังใจ ที่จะเข้าไปในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์ได้ให้พวกเขาไว้ 10 จึงทำให้พระองค์โกรธในวันนั้น และพระองค์ได้สาบานไว้ว่า 11 ‘ประชาชนชาวอิสราเอลที่ออกมาจากแผ่นดินอียิปต์และมีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป จะไม่มีสักคนเดียวที่จะได้เห็นแผ่นดินที่เราได้สัญญาว่าจะให้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ เพราะพวกเขาไม่ได้ติดตามเราอย่างเต็มที่ 12 ยกเว้นคาเลบลูกชายเยฟุนเนห์และโยชูวาลูกชายนูน เพราะพวกเขาตามพระยาห์เวห์อย่างเต็มที่’
13 พระยาห์เวห์จึงโกรธชาวอิสราเอล พระองค์ทำให้พวกเขาต้องรอนแรมอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งถึงสี่สิบปี จนกระทั่งคนในรุ่นที่ทำให้พระองค์ไม่พอใจตายไปจนหมดเกลี้ยง 14 และตอนนี้พวกเจ้าคนบาปอีกรุ่นหนึ่ง กลับจะมาแทนที่พ่อของเจ้า เพื่อจะทำให้พระยาห์เวห์โกรธมากขึ้นไปอีก 15 ถ้าเจ้าเปลี่ยนใจไม่ติดตามพระองค์ พระองค์ก็จะทอดทิ้งชาวอิสราเอลไว้ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งให้นานกว่านั้นอีก แล้วเจ้าก็จะเป็นเหตุให้คนพวกนี้ทั้งหมดถูกทำลายไป”
16 แล้วประชาชนของรูเบนและกาดก็ไปพบโมเสสและพูดว่า “ขอให้พวกเราสร้างรั้วสำหรับสัตว์เลี้ยงของพวกเราที่นี่และสร้างเมืองสำหรับลูกเมียของพวกเรา 17 แล้วพวกเราจะเกณฑ์[aw] คนของพวกเราไปร่วมรบกับชาวอิสราเอลคนอื่นๆจนกว่าพวกเขาจะได้ดินแดนที่เป็นของพวกเขาเอง ในขณะที่ลูกเมียของพวกเราก็จะได้อาศัยอยู่ในเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบ จะได้ปลอดภัยจากคนอื่นที่อยู่ในแผ่นดินนี้ 18 พวกเราจะไม่กลับบ้าน จนกว่าชาวอิสราเอลทุกคนจะได้ส่วนแบ่งในที่ดินเป็นมรดก[ax] ครบทุกคน 19 แต่พวกเราจะไม่รับส่วนแบ่งที่ดินของพวกเขาที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำจอร์แดน และดินแดนนอกเหนือจากนั้นด้วย เพราะพวกเราจะเอาส่วนแบ่งที่ดินของพวกเราในฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International