Bible in 90 Days
20 โมเสสจึงพูดกับพวกเขาว่า “ถ้าพวกท่านจะทำอย่างนี้ คือถ้าพวกท่านจะเกณฑ์คนไปช่วยทำสงครามต่อหน้าพระยาห์เวห์ 21 และคนที่ถูกเกณฑ์ทั้งหมดข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปต่อหน้าพระยาห์เวห์แทนพวกท่าน จนกระทั่งพระองค์ขับไล่ศัตรูของพระองค์ไปจนหมด 22 และแผ่นดินสงบลงต่อหน้าพระยาห์เวห์ แล้วพวกท่านถึงจะกลับบ้านได้ พวกท่านก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเองให้พระยาห์เวห์และชาวอิสราเอลแล้ว และที่ดินนี้ก็จะตกเป็นสมบัติของพวกท่านต่อหน้าพระยาห์เวห์ 23 แต่ถ้าพวกท่านไม่ได้ทำตามนี้ ท่านก็ได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์ ก็ให้รู้ไว้เลยว่าพวกท่านจะต้องถูกลงโทษเพราะบาปของพวกท่าน 24 สร้างเมืองให้ลูกเมียของพวกท่านและสร้างรั้วให้ฝูงสัตว์ของพวกท่านเถิด และทำทุกอย่างตามที่ท่านได้พูดไว้”
25 ประชาชนชาวกาดและรูเบนพูดว่า “พวกเราคนรับใช้ท่านจะทำตามที่ท่านผู้เป็นเจ้านายของเราสั่ง 26 ลูกเมียของพวกเรา ฝูงแกะ และสัตว์ทุกตัวของพวกเราจะอยู่ในเมืองต่างๆของกิเลอาด 27 พวกเราคนรับใช้ท่านทุกคนที่ถูกเกณฑ์ไปสงคราม จะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปทำสงครามต่อหน้าพระยาห์เวห์ ตามที่เจ้านายของเราสั่ง”
28 แล้วโมเสสก็ออกคำสั่งในเรื่องของพวกเขาให้กับนักบวชเอเลอาซาร์ โยชูวาลูกชายนูนและหัวหน้าเผ่าต่างๆของประชาชนชาวอิสราเอล 29 โมเสสบอกกับพวกเขาว่า “ถ้าประชาชนชาวกาดและชาวรูเบนข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปกับพวกท่าน คือพวกเขาทุกคนที่ถูกเกณฑ์มาทำสงครามต่อหน้าพระยาห์เวห์ จนแผ่นดินนั้นสงบลงต่อหน้าพวกท่านแล้ว ให้พวกท่านยกแผ่นดินกิเลอาดให้กับพวกเขาเป็นเจ้าของ 30 แต่ถ้าคนที่ถูกเกณฑ์นั้นไม่ข้ามไปกับท่าน พวกเขาจะต้องอยู่ในแผ่นดินคานาอันด้วยกันกับท่าน”
31 ประชาชนชาวกาดและชาวรูเบนตอบว่า “เราจะทำตามที่พระยาห์เวห์บอกพวกเรา คนรับใช้ของท่าน 32 เราที่ถูกเกณฑ์มานี้ จะข้ามไปแผ่นดินคานาอันต่อหน้าพระยาห์เวห์ แต่แผ่นดินของพวกเราจะอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำจอร์แดน”
33 ดังนั้นอาณาจักรของกษัตริย์สิโหนชาวอาโมไรต์และอาณาจักรของกษัตริย์โอกจากบาชาน รวมทั้งแผ่นดินพร้อมกับเมืองต่างๆของมัน และอาณาเขตต่างๆของเมืองที่อยู่รอบๆ โมเสสได้ยกให้กับประชาชนชาวกาดและชาวรูเบนและประชาชนครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ที่เป็นลูกชายโยเซฟ
34 แล้วประชาชนชาวกาดก็สร้างเมืองพวกนี้ขึ้นใหม่ คือ ดีโบน อาทาโรท อาโรเออร์ 35 อัทโรทโชฟาน ยาเซอร์ โยกเบฮาห์ 36 เบธนิมราห์และเบธฮาราน ทั้งกำแพงเมืองและรั้วสำหรับฝูงแกะของพวกเขา
37 ประชาชนชาวรูเบนสร้างเมืองพวกนี้ขึ้นใหม่ คือเมืองเฮชโบน เอเลอาเลห์ คิริยาธาอิม 38 เนโบ บาอัลเมโอนและสิบมาห์ พวกเขาใช้ชื่อเดิมเรียกชื่อเมืองที่สร้างขึ้นใหม่ ยกเว้นเมืองเนโบและเมืองบาอัลเมโอน พวกเขาเปลี่ยนชื่อให้ใหม่
39 ลูกหลานของมาคีร์ลูกชายมนัสเสห์ ได้บุกกิเลอาดและยึดมันไว้ได้ พวกเขาได้ขับไล่ชาวอาโมไรต์ที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้น 40 ดังนั้น โมเสสจึงยกแคว้นกิเลอาดให้กับตระกูลมาคีร์ มาคีร์เป็นลูกชายของมนัสเสห์ และตระกูลมาคีร์ก็ได้ตั้งรกรากอยู่ที่นั่น 41 ยาอีร์สืบเชื้อสายมาจากมนัสเสห์ เขาได้ยึดหมู่บ้านหลายแห่งของชาวอาโมไรต์ เขาได้เรียกชื่อหมู่บ้านพวกนั้นว่าหมู่บ้านต่างๆของยาอีร์ 42 โนบาห์บุกเข้าไปยึดเคนาทและเมืองรอบๆมัน และเรียกมันว่าโนบาห์ตามชื่อของเขา
ชาวอิสราเอลออกจากอียิปต์
33 โมเสสและอาโรนได้นำประชาชนชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ ในรูปแบบของกองทัพ[a] นี่คือลำดับการเดินทางของพวกเขา 2 โมเสสเขียนสถานที่เริ่มต้นของการเดินทางของพวกเขา ตามคำสั่งของพระยาห์เวห์ นี่คือลำดับการเดินทางของพวกเขาจากจุดเริ่มต้น
3 พวกเขาออกจากราเมเสสในวันที่สิบห้าของเดือนแรก วันนั้นเป็นวันหลังวันปลดปล่อยหนึ่งวัน ประชาชนชาวอิสราเอลออกเดินทางอย่างกล้าหาญท่ามกลางสายตาของชาวอียิปต์ 4 ชาวอียิปต์กำลังฝังศพลูกชายหัวปี[b] ของพวกเขา ที่พระยาห์เวห์ได้ฆ่าตาย พระองค์ได้แสดงถึงการพิพากษาของพระองค์ต่อพวกพระต่างๆ[c] ของชาวอียิปต์
5 ประชาชนชาวอิสราเอลออกจากราเมเสสและมาตั้งค่ายที่สุคคท 6 พวกเขาออกจากสุคคท มาตั้งค่ายที่เอธาม ติดเขตที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง 7 พวกเขาออกจากเอธามและเลี้ยวไปทางปิหะหิโรททางตะวันออกของบาอัล-เซโฟน พวกเขามาตั้งค่ายอยู่ใกล้มิกดล
8 พวกเขาออกจากปิหะหิโรทและเดินทางผ่านทะเลไปจนถึงที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง พวกเขาเดินทางเป็นเวลาสามวันในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งเอธาม และพวกเขาตั้งค่ายที่มาราห์
9 พวกเขาออกจากมาราห์และไปถึงเอลิม ที่นั่นมีตาน้ำสิบสองแห่งและต้นปาล์มเจ็ดสิบต้น ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งค่ายที่นั่น
10 พวกเขาออกจากเอลิมและมาตั้งค่ายใกล้ทะเลต้นกก[d]
11 พวกเขาออกจากทะเลต้นกก และมาตั้งค่ายในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งสีน
12 พวกเขาออกจากที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งสีนและมาตั้งค่ายที่โดฟคาห์
13 พวกเขาออกจากโดฟคาห์และมาตั้งค่ายที่อาลูช
14 พวกเขาออกจากอาลูชและมาตั้งค่ายที่เรฟีดิม ที่นั่นไม่มีน้ำให้ประชาชนดื่ม
15 พวกเขาออกจากเรฟีดิมและไปตั้งค่ายที่ที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งซีนาย
16 พวกเขาออกจากที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งซีนายและไปตั้งค่ายที่ขิบโรท-หัทธาอาวาห์
17 พวกเขาออกจากขิบโรท-หัทธาอาวาห์และไปตั้งค่ายที่ฮาเซโรท
18 พวกเขาออกจากฮาเซโรทและไปตั้งค่ายที่ริทมาห์
19 พวกเขาออกจากริทมาห์และไปตั้งค่ายที่ริมโมน-เปเรศ
20 พวกเขาออกจากริมโมน-เปเรศและไปตั้งค่ายที่ลิบนาห์
21 พวกเขาออกจากลิบนาห์และไปตั้งค่ายที่ริสสาห์
22 พวกเขาออกจากริสสาห์และไปตั้งค่ายที่เคเฮลาธาห์
23 พวกเขาออกจากเคเฮลาธาห์และไปตั้งค่ายที่ภูเขาเชเฟอร์
24 พวกเขาออกจากภูเขาเชเฟอร์และไปตั้งค่ายที่ฮาราดาห์
25 พวกเขาออกจากฮาราดาห์และไปตั้งค่ายที่มักเฮโลท
26 พวกเขาออกจากมักเฮโลทและไปตั้งค่ายที่ทาหัท
27 พวกเขาออกจากทาหัทและไปตั้งค่ายที่เทราห์
28 พวกเขาออกจากเทราห์และไปตั้งค่ายที่มิทคาห์
29 พวกเขาออกจากมิทคาห์และไปตั้งค่ายที่ฮัชโมนาห์
30 พวกเขาออกจากฮัชโมนาห์และไปตั้งค่ายที่โมเสโรท
31 พวกเขาออกจากโมเสโรทและไปตั้งค่ายที่เบเน-ยาอะคัน
32 พวกเขาออกจากเบเน-ยาอะคันและไปตั้งค่ายที่โฮร์-ฮักกีดกาด
33 พวกเขาออกจากโฮร์-ฮักกีดกาดและไปตั้งค่ายที่โยทบาธาห์
34 พวกเขาออกจากโยทบาธาห์และไปตั้งค่ายที่อับโรนาห์
35 พวกเขาออกจากอับโรนาห์และไปตั้งค่ายที่เอซีโอน-เกเบอร์
36 พวกเขาออกจากเอซีโอน-เกเบอร์และไปตั้งค่ายที่เคเดชในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งศิน
37 พวกเขาออกจากเคเดชและไปตั้งค่ายที่โฮร์ ภูเขาตรงชายแดนของแผ่นดินเอโดม 38 นักบวชอาโรนขึ้นไปบนภูเขาโฮร์ตามคำสั่งของพระยาห์เวห์และตายบนนั้นในวันที่หนึ่งของเดือนห้า ซึ่งเป็นปีที่สี่สิบหลังจากประชาชนชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ 39 อาโรนอายุหนึ่งร้อยยี่สิบสามปีขณะที่เขาตายบนภูเขาโฮร์
40 กษัตริย์ชาวคานาอันของเมืองอาราด ที่อยู่ในเนเกบ ได้ยินว่าประชาชนชาวอิสราเอลกำลังเดินทางมา 41 พวกชาวอิสราเอลออกจากภูเขาโฮร์และมาตั้งค่ายที่ศัลโมนาห์
42 พวกเขาออกจากศัลโมนาห์และไปตั้งค่ายที่ปูโนน
43 พวกเขาออกจากปูโนนและไปตั้งค่ายที่โอโบท
44 พวกเขาออกจากโอโบทและไปตั้งค่ายที่อิเย-อาบาริมบริเวณชายแดนของโมอับ
45 พวกเขาออกจากอิเย-อาบาริมและไปตั้งค่ายที่ดีโบน-กาด
46 พวกเขาออกจากดีโบน-กาดและไปตั้งค่ายที่อัลโมน-ดิบลาธาอิม
47 พวกเขาออกจากอัลโมน-ดิบลาธาอิมและไปตั้งค่ายท่ามกลางเทือกเขาต่างๆของอาบาริมใกล้เนโบ
48 พวกเขาออกจากภูเขาอาบาริมและไปตั้งค่ายในที่ราบโมอับข้างแม่น้ำจอร์แดนฝั่งตรงข้ามเยริโค 49 พวกเขาตั้งค่ายไปตามริมฝั่งแม่น้ำจอร์แดนในที่ราบของโมอับตั้งแต่เบธ-เยชิโมทไปจนถึงอาเบล-ชิทธิม
50 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสในที่ราบโมอับใกล้แม่น้ำจอร์แดนฝั่งตรงข้ามเยริโค พระองค์พูดว่า 51 “ให้บอกกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า เมื่อเจ้าข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปในแผ่นดินคานาอันแล้ว 52 เจ้าต้องขับไล่คนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้นออกไปให้หมด เจ้าต้องทำลายรูปแกะสลักของพวกเขาทั้งหมด และทำลายรูปเคารพที่ทำจากโลหะและเจ้าต้องรื้อสถานที่บวงสรวง[e] ของพวกเขาออกให้สิ้นซาก 53 แล้วให้เจ้าเข้าไปยึดเอาแผ่นดินนั้นและตั้งรกรากในมัน เพราะเราได้มอบแผ่นดินนี้ให้เจ้าเป็นเจ้าของแล้ว 54 เจ้าจะต้องแบ่งที่ดินกันในหมู่พวกเจ้า โดยการใช้สลากแบ่งตามตระกูลของพวกเจ้า เจ้าต้องแบ่งให้ตระกูลใหญ่มากหน่อย ตระกูลเล็กน้อยหน่อย สลากของตระกูลไหนตกในที่ดินใด ที่ดินตรงนั้นก็เป็นของตระกูลนั้น พวกเจ้าจะได้รับส่วนแบ่งตามเผ่าของบรรพบุรุษพวกเจ้า
55 ถ้าเจ้าไม่ขับไล่คนที่อยู่ในแผ่นดินนั้นไปต่อหน้าเจ้า คนเหล่านั้นจะเป็นเหมือนเศษผงในตาของเจ้าและเหมือนหนามเสียบอยู่ข้างตัวเจ้า พวกมันจะทำให้เกิดปัญหามากมายกับเจ้าบนแผ่นดินที่เจ้าอาศัยอยู่ 56 แล้วเราก็จะทำกับเจ้าเหมือนกับที่เราวางแผนจะทำกับพวกมันเหมือนกัน”
เขตแดนของคานาอัน
34 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 2 “ให้เอาคำสั่งนี้ไปบอกกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า เมื่อพวกเจ้าเข้าไปในแผ่นดินคานาอัน แผ่นดินนั้นที่จะตกเป็นของพวกเจ้า คือแผ่นดินของคานาอันตามเขตแดนของมัน 3 ทางทิศใต้จะเริ่มตั้งแต่ที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งศินเรียบไปทางข้างๆเอโดม เขตแดนทางใต้จะเริ่มที่ทิศตะวันออกจากด้านใต้สุดของทะเลเกลือ 4 เขตแดนของพวกเจ้าจะลากยาวไปข้ามทางใต้ของอาครับบิมและผ่านที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งศินไปจนสุดทางใต้ของคาเดช-บารเนีย และมันจะไปต่อจนถึงฮาซารัดดาร์และจะไปผ่านอัสโมน 5 จากอัสโมนเขตแดนจะเลี้ยวไปทางแม่น้ำอียิปต์[f] และจะไปสิ้นสุดที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 6 เขตแดนทางตะวันตกจะเป็นชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน มันจะเป็นเขตแดนตะวันตกของพวกเจ้า 7 ส่วนเขตแดนทางเหนือจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปตามสันเขาของภูเขาโฮร์ 8 จากภูเขาโฮร์ไปเรื่อยจนถึงเลโบ-ฮามัทแล้วเขตแดนจะขยายต่อจนถึงเศดัด 9 เขตแดนจะต่อไปเรื่อยจนถึงศิโฟรนและจะไปสิ้นสุดที่ฮาซา-เรนัน นี่จะเป็นเขตแดนทางเหนือของพวกเจ้า 10 ทางฝั่งตะวันออกเขตแดนของพวกเจ้าจะไปตามเส้นของฮาซา-เรนันจนถึงเชฟาม 11 จากเชฟาม เขตแดนจะลงไปถึงริบลาห์จนถึงทางตะวันออกของอายิน 12 แล้วเขตแดนจะลงไปต่อและไปบรรจบเนินเขาทางตะวันออกของทะเลสาบกาลิลี[g]”
13 ดังนั้นโมเสสจึงนำคำสั่งนี้ไปให้ประชาชนชาวอิสราเอล “นี่คือแผ่นดินที่เจ้าจะได้รับโดยการโยนสลาก พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้ว่าแผ่นดินนี้จะมอบให้พวกเจ้าเก้าเผ่าครึ่ง 14 เพราะเผ่าของรูเบนและกาดและครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ได้รับส่วนของพวกเขาแล้วตามตระกูลของพวกเขา 15 คนทั้งสองเผ่าครึ่งนั้นได้รับที่ดินส่วนของพวกเขาไปแล้วในฝั่งตรงข้ามแม่น้ำจอร์แดนจากเยริโค บนฝั่งตะวันออกที่ดวงอาทิตย์ขึ้น”
16 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 17 “คนเหล่านี้จะช่วยแบ่งที่ดินให้กับพวกเจ้า คือนักบวชเอเลอาซาร์และโยชูวาลูกชายของนูน 18 พวกเจ้าจะเลือกผู้นำคนหนึ่งจากแต่ละเผ่ามาช่วยแบ่งที่ดินด้วย 19 นี่เป็นรายชื่อของผู้นำพวกนั้น
คาเลบลูกชายเยฟุนเนห์ จากเผ่ายูดาห์
20 เชมูเอลลูกชายอัมมีฮูด จากเผ่าสิเมโอน
21 เอลีดาดลูกชายคิสโลน จากเผ่าเบนยามิน
22 บุคคีลูกชายโยกลี จากเผ่าดาน
23 จากลูกหลานของโยเซฟ ฮันนีเอลลูกชายเอโฟด จากเผ่ามนัสเสห์
24 เคมูเอลลูกชายชิฟทาน จากเผ่าเอฟราอิม
25 เอลีซาฟานลูกชายปารนาค จากเผ่าเศบูลุน
26 ปัลทีเอลลูกชายอัสซาน จากเผ่าอิสสาคาร์
27 อาหิฮูดลูกชายเชโลมี จากเผ่าอาเชอร์
28 เปดาเฮลลูกชายอัมมีฮูด จากเผ่านัฟทาลี”
29 พระยาห์เวห์ได้สั่งคนเหล่านี้ให้แบ่งแผ่นดินคานาอันกันในหมู่ประชาชนชาวอิสราเอล
เมืองของชาวเลวี
35 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสในที่ราบโมอับข้างแม่น้ำจอร์แดนฝั่งตรงข้ามเยริโคว่า 2 “ให้สั่งประชาชนชาวอิสราเอลให้แบ่งเมืองที่พวกเขาได้รับมาให้กับชาวเลวีส่วนหนึ่ง รวมทั้งทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่อยู่รอบๆเมืองของพวกเขาเหล่านั้นด้วย 3 พวกเลวีจะได้อยู่ในเมืองพวกนั้น และเลี้ยงวัวและสัตว์เลี้ยงของพวกเขาในทุ่งหญ้าเหล่านั้น 4 ทุ่งหญ้าที่จะให้กับพวกเลวีนี้ เริ่มตั้งแต่กำแพงเมืองทุกๆด้าน ออกไปข้างละหนึ่งพันศอก 5 และให้พวกเจ้าวัดออกไปสองพันศอกทั้งสี่ทิศ คือเหนือ ใต้ ออก ตก บริเวณทั้งหมดนี้จะเป็นทุ่งหญ้าของเมืองแต่ละเมืองของพวกเลวี 6 เมืองทั้งหมดที่เจ้าให้กับชาวเลวี จะมีอยู่หกเมืองที่ใช้เป็นเมืองลี้ภัย คนที่ไปฆ่าคนตายมาโดยไม่ได้เจตนา จะได้หลบหนีไปอยู่ในเมืองพวกนั้น นอกจากหกเมืองนั้นแล้ว เจ้ายังต้องให้อีกสี่สิบสองเมืองกับชาวเลวี 7 ดังนั้น พวกเจ้าจะต้องให้ชาวเลวีทั้งหมดสี่สิบแปดเมือง พร้อมกับทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ 8 สำหรับเมืองต่างๆที่เจ้าจะแบ่งให้กับชาวเลวี จากที่ดินของประชาชนชาวอิสราเอลนั้น เจ้าต้องแบ่งออกมามากหน่อยจากเผ่าใหญ่ และแบ่งออกมาน้อยหน่อยจากเผ่าเล็ก แต่ละเผ่าก็จะแบ่งเมืองของตัวเองให้กับชาวเลวีตามสัดส่วนของเนื้อที่ที่พวกเขาได้รับ”
เมืองลี้ภัย
(ฉธบ. 19:1-13; ยชว. 20:1-9)
9 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 10 “ให้บอกกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า เมื่อพวกเจ้าข้ามฝั่งแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปในแผ่นดินคานาอันแล้ว 11 ให้เลือกเมืองต่างๆขึ้นมาสำหรับพวกเจ้าเอง มันจะเป็นเมืองสำหรับลี้ภัยสำหรับตัวเจ้า ใครที่ไปฆ่าคนอื่นตายโดยไม่ได้เจตนา จะได้หนีไปอยู่ที่นั่นได้ 12 พวกมันจะเป็นเมืองสำหรับพวกเจ้าไว้ลี้ภัย จากญาติของผู้ตายที่มีหน้าที่ต้องแก้แค้นคนฆ่า คนที่ฆ่าคนอื่นตายจะไม่ถูกฆ่า จนกว่าเขาจะมายืนอยู่หน้าที่ชุมนุมเพื่อฟังการตัดสิน 13 ทั้งหกเมืองที่เจ้าให้ จะเป็นเมืองสำหรับลี้ภัยของพวกเจ้า 14 เจ้าต้องเลือกสามเมืองทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน และอีกสามเมืองในแผ่นดินคานาอันทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน มาเป็นเมืองลี้ภัย 15 เมืองทั้งหกเมืองนี้จะเป็นเมืองสำหรับลี้ภัยของประชาชนอิสราเอลและสำหรับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ร่วมกับเจ้า คนที่ฆ่าคนตายโดยไม่ได้เจตนาสามารถหนีไปอยู่ที่นั่นได้
การตัดสินเมื่อคนถูกฆ่า
16 ถ้าเขาใช้เหล็ก[h] ตีคนอื่นจนตาย คนที่ตีจะเป็นฆาตกร ฆาตกรจะต้องถูกฆ่า 17 ถ้าเขาเอาหินในมือทุบคนอื่นจนตาย คนที่ทุบจะเป็นฆาตกรและเขาจะต้องถูกฆ่าไปด้วย 18 ถ้าเขาเอาไม้ที่อยู่ในมือตีคนอื่นจนตาย คนที่ตีเป็นฆาตกรและเขาจะต้องถูกฆ่า 19 เมื่อญาติของคนที่ตายพบฆาตกรคนนั้น เขาจะต้องฆ่าฆาตกรคนนั้น
20-21 ถ้าเขาผลักคนด้วยความเกลียดหรือขว้างสิ่งของใส่คนโดยตั้งใจจนคนนั้นตาย หรือถ้าเขาตีคนด้วยมือเพราะความเกลียดจนคนนั้นตาย คนตีจะต้องถูกฆ่าตายเหมือนกัน เพราะเขาเป็นฆาตกร ญาติคนตายต้องฆ่าฆาตกรคนนั้นเมื่อพบตัว
22 แต่ถ้าเขาผลักคนโดยไม่ได้เจตนา ไม่ได้เกลียดคนๆนั้น หรือโยนสิ่งของถูกคนโดยไม่ได้เจตนา 23 หรือทำหินหล่นใส่โดยมองไม่เห็นคนนั้น แล้วทำให้คนนั้นตาย ตัวเขาเองไม่ได้เป็นศัตรูกับคนตาย และไม่ได้เจตนาจะทำร้ายเขา 24 ถ้าเป็นอย่างนี้ ที่ชุมนุมจะเป็นผู้ตัดสินระหว่างคนฆ่ากับญาติผู้ตายตามกฎเหล่านี้ 25 ที่ชุมนุมจะเป็นฝ่ายช่วยเหลือคนฆ่าจากการกล่าวหาของญาติผู้ตาย และส่งเขากลับไปที่เมืองลี้ภัย ที่เขาได้หนีไปอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว คนๆนั้นจะต้องอยู่ในเมืองลี้ภัยนั้น จนกว่าหัวหน้านักบวชสูงสุดที่ได้รับการเจิมด้วยน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ตายลง
26-27 แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่คนฆ่าออกจากเขตของเมืองลี้ภัย ที่เขาหลบเข้าไปอยู่ และญาติของคนตายไปพบเขานอกเมืองลี้ภัย ญาติคนตายสามารถฆ่าคนๆนั้นได้ โดยไม่มีความผิด 28 เพราะเขาจะต้องอยู่ในเมืองลี้ภัยจนกว่าหัวหน้านักบวชสูงสุดจะตาย หลังจากนักบวชสูงสุดตายแล้ว คนที่หลบอยู่นั้น ก็กลับไปที่ดินของเขาได้ 29 กฎเหล่านี้จะใช้ในการตัดสินสำหรับพวกเจ้าตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ในทุกที่ที่พวกเจ้าไปอยู่
30 ถ้าใครฆ่าคน ฆาตกรจะถูกฆ่าตาย ตามคำพูดของพยาน แต่ห้ามฆ่าเขาถ้ามีพยานเพียงคนเดียว
31 ห้ามรับค่าไถ่ชีวิตของฆาตกรที่ถูกตัดสินให้ถูกฆ่าแล้ว เพราะยังไง เขาก็จะต้องถูกฆ่าอยู่ดี
32 ห้ามรับค่าไถ่สำหรับคนที่หลบหนีออกจากเมืองลี้ภัยเพื่อจะไปอยู่ที่อื่น เขาจะต้องอยู่ที่นั่นจนกว่านักบวชชั้นสูงสุดจะตาย
33 อย่าให้ที่ดินของเจ้าต้องเปื้อนเลือดของผู้บริสุทธิ์ ถ้ามีคนหนึ่งไปฆ่าคนบริสุทธิ์ ไม่มีทางที่จะไถ่ให้แผ่นดินนั้นพ้นโทษได้เพราะมันเปื้อนเลือด นอกจากจะเอาชีวิตของฆาตกรคนนั้น 34 ห้ามทำให้ที่ดินที่เจ้าอาศัยอยู่ต้องแปดเปื้อน ที่ดินนั้นเป็นที่ที่เราอาศัยอยู่ เพราะเราเป็นพระยาห์เวห์ที่อาศัยอยู่ร่วมกับประชาชนชาวอิสราเอล”
ที่ดินของลูกสาวเศโลเฟหัด
36 กิเลอาดเป็นลูกชายมาคีร์ มาคีร์เป็นลูกชายของมนัสเสห์ มนัสเสห์เป็นลูกชายของโยเซฟ พวกผู้นำของตระกูลกิเลอาด ที่เป็นลูกหลานของโยเซฟ ได้มาพูดกับโมเสสและพวกผู้นำตระกูลต่างๆของชาวอิสราเอล 2 พวกเขาพูดว่า “พระยาห์เวห์ได้สั่งท่าน เจ้านายของพวกเราให้แบ่งที่ดินให้กับประชาชนชาวอิสราเอลเป็นมรดก[i]ตามสลากที่โยนได้ และท่าน เจ้านายของพวกเราได้รับคำสั่งจากพระยาห์เวห์ให้มอบส่วนแบ่งที่ดินของพวกเราให้เศโลเฟหัดญาติของเราเพื่อให้กับพวกลูกสาวของเขา 3 ถ้าลูกสาวของเขาไปแต่งงานกับคนอิสราเอลเผ่าอื่น เผ่าที่พวกนางไปแต่งงานด้วยก็จะมีที่ดินเพิ่มขึ้น ส่วนแบ่งที่ดินของบรรพบุรุษเราก็จะน้อยลงเพราะถูกตัดไป ดังนั้น ส่วนแบ่งที่ดินของพวกเราที่ได้มาจากการโยนสลากก็จะมีน้อยลงเพราะถูกตัดออกไป 4 เมื่อครบปีแห่งการปลดปล่อย ของประชาชนชาวอิสราเอล เผ่าที่พวกนางไปแต่งงานด้วยก็จะมีส่วนแบ่งที่ดินเพิ่มขึ้นเพราะมาจากส่วนแบ่งของพวกนาง แล้วส่วนแบ่งที่ดินของเผ่าของบรรพบุรุษเราก็จะน้อยลงเพราะถูกตัดไป”
5 ดังนั้นโมเสสจึงออกคำสั่งประชาชนชาวอิสราเอลตามคำสั่งของพระยาห์เวห์ว่า “สิ่งที่ลูกหลานจากเผ่าของโยเซฟพูดมานั้นถูกต้อง 6 และนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์สั่งลงมาเกี่ยวกับพวกลูกสาวของเศโลเฟหัด พวกนางจะแต่งงานกับใครก็ได้ที่นางต้องการ แต่ต้องเป็นคนในตระกูลเดียวกันกับพ่อพวกนาง 7 เพื่อจะไม่มีการโอนมรดกที่ดินข้ามเผ่าของบรรพบุรุษแต่ละคน ชาวอิสราเอลทุกคนต้องรักษามรดกของเผ่าของบรรพบุรุษเขาไว้ 8 ลูกสาวของแต่ละเผ่าของประชาชนชาวอิสราเอลที่รับมรดกส่วนแบ่งที่ดินไป ต้องแต่งงานกับคนที่อยู่ในตระกูลเดียวกับพ่อของตนเท่านั้น เพื่อให้ประชาชนชาวอิสราเอลแต่ละเผ่าสามารถรับช่วงมรดกที่ดินจากพ่อของเขาได้ 9 ส่วนแบ่งที่ดินต้องไม่ถูกโอนข้ามเผ่า เพราะแต่ละเผ่าของประชาชนชาวอิสราเอลต้องรักษาส่วนแบ่งที่ดินของตนไว้”
10 ลูกสาวของเศโลเฟหัดได้ทำตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้ 11 มาลาห์ ทีรซาห์ โฮกลาห์ มิลคาห์ และโนอาห์ลูกสาวของเศโลเฟหัดได้แต่งงานกับลูกชายของลุงพวกนาง 12 พวกเขาแต่งงานกับตระกูลที่เป็นลูกหลานของมนัสเสห์ผู้เป็นลูกชายโยเซฟ ดังนั้นส่วนแบ่งที่ดินของพวกนางจึงยังคงอยู่กับเผ่าที่เป็นตระกูลของพ่อพวกนาง
13 สิ่งเหล่านี้คือคำสั่งและระเบียบที่พระยาห์เวห์ได้ให้กับประชาชนชาวอิสราเอลผ่านทางโมเสส ในที่ราบโมอับใกล้แม่น้ำจอร์แดนฝั่งตรงข้ามเยริโค
โมเสสพูดกับชาวอิสราเอล
1 นี่คือคำพูดที่โมเสสพูดกับประชาชนชาวอิสราเอลทั้งหมด ตอนที่พวกเขาอยู่ที่หุบเขาจอร์แดน ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน[j] ตรงข้ามกับเมืองสูฟ และอยู่ระหว่างที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งปารานกับเมืองพวกนี้คือโทเฟล ลาบัน ฮาเซโรทและดีซาหับ
2 การเดินทางจากภูเขาซีนาย[k] ไปถึงคาเดช-บารเนีย ผ่านทางภูเขาเสอีร์ ใช้เวลาเพียงแค่สิบเอ็ดวันเท่านั้น 3 ในวันที่หนึ่งของเดือนที่สิบเอ็ด ในปีที่สี่สิบ โมเสสได้บอกกับชาวอิสราเอลทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับพวกเขาตามที่พระยาห์เวห์สั่ง 4 เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่โมเสสได้รบชนะกษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์ซึ่งปกครองเมืองเฮชโบน และกษัตริย์โอกของเมืองบาชานซึ่งปกครองอัชทาโรทในเอเดรอี 5 โมเสสเริ่มอธิบายกฎ[l] นี้ให้กับชาวอิสราเอล ตอนที่พวกเขาอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนในดินแดนของชาวโมอับ โมเสสพูดว่า
6 “ที่ภูเขาซีนาย พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราบอกพวกเราว่า ‘พวกเจ้าอยู่ที่ภูเขานี้มานานพอแล้ว 7 ให้เตรียมตัวและมุ่งหน้าเดินไปยังเนินเขาที่พวกอาโมไรต์[m] อยู่ และดินแดนแถบนั้นทั้งหมดที่เป็นเพื่อนบ้านของเขา ทั้งในหุบเขาจอร์แดน[n] แถบเนินเขา แถบที่ลุ่มเชิงเขาด้านตะวันตก[o] และในเนเกบ รวมทั้งชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เข้าไปยังดินแดนของชาวคานาอัน แคว้นเลบานอน[p] ตลอดไปจนถึงแม่น้ำใหญ่คือแม่น้ำยูเฟรติส 8 ดูสิ เราได้ยกดินแดนนั้นให้กับพวกเจ้าแล้ว เข้าไปยึดเอาซะ เป็นดินแดนที่พระยาห์เวห์ได้สาบานไว้ว่าจะยกให้กับบรรพบุรุษของพวกเจ้า คืออับราฮัม อิสอัคและยาโคบ รวมทั้งลูกหลานของพวกเขาด้วย’
โมเสสแต่งตั้งผู้นำ
(อพย. 18:13-27)
9 แล้วโมเสสก็พูดว่า ในเวลานั้น เราได้บอกกับพวกท่านว่า ‘ลำพังตัวเราคนเดียวไม่สามารถดูแลพวกท่านได้ทั้งหมดหรอก 10 พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้เพิ่มจำนวนพวกท่านขึ้นอย่างมากมายมหาศาล ตอนนี้พวกท่านก็มีจำนวนมากพอๆกับดวงดาวบนท้องฟ้าแล้ว 11 ขอให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษพวกท่าน เพิ่มจำนวนพวกท่านขึ้นอีกพันเท่า และขอให้พระองค์อวยพรพวกท่านเหมือนกับที่พระองค์ได้สัญญาไว้ 12 ลำพังตัวเราคนเดียวจะไปแบกรับภาระต่างๆที่หนักอึ้ง และคดีความต่างๆของพวกท่านไหวได้ยังไง 13 ให้พวกท่านแต่ละเผ่าไปเลือกคนของท่านขึ้นมาเอง เลือกคนที่เฉลียวฉลาด เต็มไปด้วยความรู้ความเข้าใจ และประสบการณ์ แล้วเราจะแต่งตั้งพวกเขาให้เป็นหัวหน้าพวกท่าน’
14 และพวกท่านก็ได้บอกเราว่า ‘สิ่งที่ท่านบอกให้ทำนั้นดีมากเลย’
15 แล้วเราได้เอาพวกผู้นำจากเผ่าต่างๆของท่าน ที่เต็มไปด้วยความเฉลียวฉลาด และมีประสบการณ์มา และแต่งตั้งพวกเขาให้เป็นผู้นำของพวกท่าน มีตั้งแต่ผู้นำ[q] คนพันคน ร้อยคน ห้าสิบคน และ สิบคน รวมทั้งแต่งตั้งพวกเจ้าหน้าที่ด้วยในแต่ละเผ่าของท่าน
16 และเราได้สั่งกำชับพวกผู้พิพากษาของท่านด้วยว่า ‘ให้ฟังความของทั้งสองฝ่ายก่อน แล้วให้ตัดสินอย่างยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นคนอิสราเอลด้วยกัน หรือคนอิสราเอลกับคนต่างชาติ 17 เวลาพวกท่านตัดสิน ห้ามลำเอียง ให้ฟังทั้งคนรวยและคนจนเหมือนกัน ไม่ต้องกลัวใครเลย เพราะการตัดสินนั้นมาจากพระเจ้า และถ้าเรื่องไหนยากเกินไปสำหรับท่าน ให้เอามาบอกเรา เราจะตัดสินเอง’ 18 และในตอนนั้นเราก็ได้สั่งพวกท่านไปแล้วทุกเรื่องที่พวกท่านควรทำ
คนสอดแนมไปคานาอัน
(กดว. 13:1-33)
19 พวกเราได้ทำตามคำสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา พวกเราจึงออกเดินทางจากภูเขาซีนาย ผ่านที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งที่ยิ่งใหญ่และน่ากลัว อย่างที่พวกท่านก็เห็นมาแล้ว ในระหว่างทางมุ่งเดินไปตามแถบเนินเขาที่ชาวอาโมไรต์อยู่ แล้วเราก็มาถึงคาเดช-บารเนีย 20 เราได้บอกกับพวกท่านว่า ‘พวกท่านมาถึงแถบเนินเขาที่ชาวอาโมไรต์อยู่แล้ว เป็นแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรายกให้กับพวกเรา 21 ดูสิ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ตั้งแผ่นดินนี้ไว้ตรงหน้าพวกท่านแล้ว พวกท่านขึ้นไปยึดเอาไว้เลย เหมือนกับที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษพวกท่านได้บอกไว้ ไม่ต้องกลัว อย่าท้อถอย’
22 แล้วพวกท่านทั้งหลายได้มาหาเรา พูดว่า ‘ให้พวกเราส่งคนกลุ่มหนึ่งไปก่อน ให้เข้าไปสำรวจแผ่นดินนั้น แล้วค่อยกลับออกมาบอกพวกเราว่า ควรจะไปทางไหน และเมืองที่พวกเราจะเข้าไปนั้นเป็นอย่างไรบ้าง’
23 เราเห็นด้วยกับความคิดนั้น เราจึงเลือกสิบสองคนมาจากพวกท่าน เผ่าละหนึ่งคน 24 พวกเขาได้ออกเดินทางไปที่เนินเขาแห่งนั้น และเข้าไปที่หุบเขาเอชโคล์แล้วทำการสำรวจ[r] ดินแดนแห่งนั้น 25 พวกเขาได้นำผลไม้ติดมือลงมาให้พวกเรา และมารายงานให้ฟังว่า ‘แผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราจะให้กับพวกเรานั้นดีมาก’
26 แต่พวกท่านไม่ยอมขึ้นไปที่นั่น พวกท่านจึงขัดคำสั่งของยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน 27 และเข้าไปบ่นกันในเต็นท์ของท่านว่า ‘เพราะพระยาห์เวห์เกลียดพวกเรา พระองค์ถึงได้นำพวกเราออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อให้ตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกอาโมไรต์ และถูกพวกมันทำลาย 28 แล้วทีนี้พวกเราจะหันหน้าไปทางไหน พวกพี่น้องที่เข้าไปสอดแนมทำให้พวกเราท้อถอยเสียแล้ว พวกเขาบอกว่า “พวกนั้นมีจำนวนมากกว่า และตัวสูงใหญ่กว่าพวกเรามาก เมืองเหล่านั้นก็ใหญ่โตและมีกำแพงสูงเสียดฟ้า พวกเรายังเห็นพวกยักษ์[s] ที่นั่นด้วย”’
29 เราได้บอกกับพวกท่านว่า ‘ไม่ต้องขวัญหนีดีฟ่อ ไม่ต้องกลัวพวกมันหรอก 30 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะนำหน้าท่าน และต่อสู้แทนท่าน เหมือนกับสิ่งต่างๆที่พระองค์ได้ทำต่อหน้าท่านในแผ่นดินอียิปต์ 31 ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งก็เหมือนกัน ท่านก็ได้เห็นแล้วว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ได้อุ้มท่านไว้เหมือนพ่ออุ้มลูก ตลอดทางที่ท่านเดินมาจนถึงที่นี่’
32 แต่ถึงอย่างนั้น พวกท่านก็ไม่ได้ไว้วางใจพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน 33 พระองค์นำหน้าท่านในการเดินทาง เพื่อหาที่ตั้งเต็นท์ให้ท่าน และพระองค์ก็นำหน้าท่านในไฟในตอนกลางคืน และในเมฆในตอนกลางวัน เพื่อให้พวกท่านรู้ว่าจะไปทางไหน
คนอิสราเอลอดเข้าแผ่นดินคานาอัน
34 แล้วพระยาห์เวห์ก็ได้ยินเสียงบ่นของพวกท่าน พระองค์โกรธ และสาบานว่า 35 ‘จะไม่มีใครสักคนในรุ่นที่ชั่วร้ายนี้ ที่จะได้เห็นแผ่นดินดีนั้น ที่เราได้สัญญาไว้ว่าจะให้กับบรรพบุรุษของเจ้า 36 นอกจากคาเลบลูกชายของเยฟุนเนห์จะได้เห็น เราจะยกแผ่นดินที่เขาเดินอยู่นั้นให้กับเขาและลูกหลานของเขา เพราะเขาซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์อย่างแท้จริง’
37 แม้แต่เรา พระยาห์เวห์ยังโกรธเลย ก็เพราะพวกท่านนี่แหละ พระองค์พูดกับเราว่า ‘แม้แต่เจ้าก็จะไม่ได้เข้าไปที่แผ่นดินนั้น 38 โยชูวาลูกชายของนูน ผู้ช่วยของเจ้าจะได้เข้าไปที่นั่น ให้กำลังใจกับเขา เพราะเขาจะเป็นคนแบ่งแผ่นดินนั้นแจกจ่ายให้กับชาวอิสราเอล
39 ส่วนลูกๆของพวกเจ้า ที่พวกเจ้าพูดว่า จะถูกจับไปเป็นเชลยนั้น พวกนี้แหละจะได้เข้าไปในแผ่นดินนั้น เพราะในวันนี้พวกลูกๆของเจ้าที่ยังไร้เดียงสา[t] และยังพึ่งตัวเองไม่ได้ เราจะให้แผ่นดินนั้นกับพวกเขาและพวกเขาก็จะได้เป็นเจ้าของมัน 40 ส่วนพวกเจ้าจะต้องหวนกลับไปในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง ตามเส้นทางที่มุ่งไปทะเลแดง’
41 และพวกท่านก็ตอบว่า ‘พวกเราได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์แล้ว พวกเราจะขึ้นไปสู้รบตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราสั่งพวกเราไว้’ แล้วพวกท่านก็เตรียมตัวไปรบ พวกท่านคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆที่จะขึ้นไปบนเนินเขานั้น
42 แล้วพระยาห์เวห์ได้พูดกับเราว่า ‘บอกพวกเขาว่า ห้ามขึ้นไปบนนั้นและห้ามไปรบ เพราะเราไม่ได้อยู่กับพวกเจ้า ถ้าพวกเจ้าฟังคำเตือนของเรา พวกเจ้าจะไม่ถูกฆ่าต่อหน้าศัตรูของพวกเจ้า’
43 และเราก็ได้บอกพวกท่านแล้วว่าพระยาห์เวห์พูดอะไร แต่พวกท่านก็ไม่ยอมฟัง ขัดขืนคำเตือนของพระยาห์เวห์และบุ่มบ่ามขึ้นไปบนเนินเขานั้น 44 ชาวอาโมไรต์ที่อาศัยอยู่บนเขานั้น ก็ออกมาเผชิญหน้ากับพวกท่าน และขับไล่พวกท่านเหมือนฝูงผึ้งขับไล่ศัตรู พวกเขาได้ไล่บี้พวกท่านที่เสอีร์ ไปจนถึงโฮรมาห์ 45 แล้วพวกท่านก็ซมซานกลับมาร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าพระยาห์เวห์ แต่พระองค์ก็ไม่สนใจที่จะฟังเสียงร้องของพวกท่าน 46 แล้วพวกท่านก็อยู่ที่เคเดชเป็นเวลานานหลายวัน
ชาวอิสราเอลร่อนเร่ไปในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
2 พวกเราได้ทำตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งเราไว้ คือเราได้หวนกลับไปยังที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง โดยใช้เส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังทะเลแดง และพวกเราได้เดินเวียนไปตามแนวชายแดนของภูเขาเสอีร์เป็นเวลานานหลายวัน 2 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับเราว่า 3 ‘พวกเจ้าได้เดินเวียนอยู่รอบๆเทือกเขานี้นานพอแล้ว ให้เดินทางต่อไปทางทิศเหนือ 4 แล้วให้สั่งประชาชนว่า พวกเจ้ากำลังจะผ่านเขตแดนของญาติเจ้า พวกเขาเป็นลูกหลานของเอซาว ที่อยู่ในเสอีร์ พวกเขาจะกลัวเจ้า พวกเจ้าจะต้องระวังตัวไว้ให้ดี 5 อย่าไปต่อสู้กับพวกเขา เพราะเราจะไม่ยกดินแดนของพวกเขาให้กับเจ้าแม้แต่ฝ่าเท้าเดียว เพราะเราได้ยกดินแดนบนภูเขาเสอีร์ให้กับเอซาวเป็นเจ้าของไปแล้ว 6 อาหารที่เจ้าจะกินกัน ก็ต้องเอาเงินมาซื้อจากพวกเขา แม้แต่น้ำที่เจ้าจะดื่มก็ต้องเอาเงินมาซื้อด้วยเหมือนกัน 7 แน่นอน พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้อวยพรท่านในทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านได้ทำมา พระองค์ดูแลท่านทุกย่างก้าวในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งอันกว้างใหญ่ ในช่วงสี่สิบปีที่ผ่านมานี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอยู่กับท่านตลอด ท่านไม่เคยขาดแคลนอะไรเลย’
8 พวกเราได้เดินทางต่อ ผ่านพวกญาติของเรา ที่เป็นลูกหลานของเอซาว ที่อาศัยอยู่ในเสอีร์ พวกเราไปจากถนนที่วิ่งตรงมาจากหุบเขาจอร์แดน ไปถึงเมืองเอลัทและเอซีโอน-เกเบอร์ พวกเราได้หันมาใช้ถนนที่มุ่งไปสู่ที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งโมอับ
อิสราเอลที่เมืองอาร์
9 พระยาห์เวห์ได้พูดกับเราว่า ‘อย่าไปรังควานพวกโมอับและอย่าทำสงครามกับพวกเขา เพราะเราจะไม่ยกแผ่นดินของพวกโมอับให้เจ้าครอบครอง เพราะเราได้ยกเมืองอาร์ให้ลูกหลานของโลท[u] ครอบครองไปแล้ว’”
10 (ชาวเอมิมเคยอยู่ที่เมืองอาร์มาก่อน พวกเขาเข้มแข็ง มีจำนวนมาก และรูปร่างสูงใหญ่เหมือนชาวอานาค[v] 11 ชาวอานาคเป็นส่วนหนึ่งของชาวเรฟาอิม คนก็เลยคิดว่าชาวเอมิมเป็นส่วนหนึ่งของชาวเรฟาอิมด้วย แต่ชาวโมอับเรียกพวกเขาว่าชาวเอมิม 12 พวกชาวโฮรีก็เคยอยู่ที่เสอีร์มาก่อนเหมือนกัน แต่ลูกหลานของเอซาวได้ขับไล่พวกเขาออกไป พวกลูกหลานของเอซาวได้ทำลายพวกโฮรีที่เคยอยู่ที่นั่น และเข้าไปอยู่แทน เหมือนกับที่ชาวอิสราเอลได้ทำกับประชาชนที่เคยเป็นเจ้าของดินแดนที่พระยาห์เวห์ได้ให้กับชาวอิสราเอล)
13 “พระยาห์เวห์พูดว่า ‘ตอนนี้ ลุกขึ้น ข้ามไปอีกฝากหนึ่งของหุบเขาเศเรด’ พวกเราจึงข้ามหุบเขาเศเรดไป 14 นับตั้งแต่วันที่จากคาเดช-บารเนียมาจนข้ามหุบเขาเศเรดนี้ พวกเราใช้เวลาในการเดินทางสามสิบแปดปี ในช่วงเวลานั้น พวกนักรบรุ่นนั้นทั้งหมดในค่ายของเราที่ไม่ไว้วางใจพระเจ้าตอนอยู่ที่คาเดช-บารเนีย ต่างก็ล้มตายกันไปหมดเหมือนกับที่พระยาห์เวห์ได้สาบานไว้กับพวกเขา 15 ความจริงแล้ว เป็นฝีมือของพระยาห์เวห์เองที่ทำลายพวกนั้นจนหมดสิ้นไปจากค่าย
16 เมื่อพวกนักรบเหล่านั้นตายจากไปหมดแล้ว 17 พระยาห์เวห์พูดกับเราว่า 18 วันนี้เจ้าจะข้ามเขตแดนของโมอับที่เมืองอาร์ 19 เจ้าจะเข้าไปใกล้กับลูกหลานของอัมโมน ‘อย่าไปยุ่งกับพวกเขาและอย่าต่อสู้กับพวกเขา เพราะเราจะไม่ยกแผ่นดินของลูกหลานอัมโมนให้เจ้าครอบครอง เพราะเราได้ยกแผ่นดินนั้นให้ลูกหลานของโลทครอบครองแล้ว’”
20 (แผ่นดินนี้ถือว่าเป็นของชาวเรฟาอิมเหมือนกัน เพราะพวกเขาเคยอยู่ที่นี่มาก่อน และชาวอัมโมนก็เรียกพวกเขาว่าศัมซุมมิม 21 ชาวเรฟาอิมมีจำนวนมาก เป็นคนกลุ่มใหญ่และมีรูปร่างสูงใหญ่เหมือนชาวอานาค แต่พระยาห์เวห์ได้ทำลายพวกเขาต่อหน้าชาวอัมโมน ชาวอัมโมนจึงได้ยึดเอาดินแดนของชาวเรฟาอิม และเข้าไปอยู่แทน 22 พระยาห์เวห์ก็ทำอย่างเดียวกันนี้ให้กับลูกหลานของเอซาวที่อยู่ในเสอีร์ ตอนที่พระองค์ทำลายชาวโฮรีต่อหน้าพวกเขา พวกชาวเอโดมจึงยึดเอาดินแดนของชาวโฮรีและเข้าไปอยู่ที่นั่นแทนจนถึงทุกวันนี้ 23 ส่วนชาวอัฟวิมที่อยู่ตามหมู่บ้านใกล้กาซา ชาวคัฟโทร์ที่มาจากคัฟโทร์ได้มาทำลายพวกเขาและชาวคัฟโทร์เหล่านั้นก็เข้าตั้งบ้านเรือนอยู่ที่นั่นแทน)
การต่อสู้กับประชาชนชาวอาโมไรต์
24 “พระยาห์เวห์พูดว่า ‘ลุกขึ้น เตรียมตัว และข้ามหุบเขาอารโนนไป เห็นแล้วหรือยังว่าเราได้ให้สิโหนชาวอาโมไรต์ กษัตริย์ของเมืองเฮชโบน ไว้ในกำมือเจ้าแล้ว เข้าไปยึดดินแดนของมัน และทำสงครามกับมันเลย 25 วันนี้เราจะทำให้ทุกคนทั่วใต้ฟ้านี้เกรงกลัวเจ้า เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวเกี่ยวกับเจ้า พวกเขาจะกลัวจนตัวสั่นต่อหน้าเจ้า’
26 ในระหว่างที่พวกเราอยู่ที่ที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งเคเดโมท เราได้ส่งพวกผู้ถือสารไปหากษัตริย์สิโหนของเมืองเฮชโบน พร้อมกับคำพูดที่เป็นมิตรว่า 27 ‘ขออนุญาตให้เราใช้เส้นทางในดินแดนของท่านด้วยเถิด เราจะเดินอยู่แต่บนถนน จะไม่เลี้ยวขวาเลี้ยวซ้าย 28 เราจะจ่ายเงินซื้ออาหารและน้ำจากท่าน ขอแค่ให้เราใช้เส้นทางเดินผ่านไปเท่านั้น 29 เหมือนกับที่ลูกหลานของเอซาวที่อยู่ในเสอีร์และชาวโมอับที่อยู่ในอาร์ได้ทำกับเรามาแล้ว เราจะต้องข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยังดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราได้ให้กับพวกเราไว้’
30 แต่กษัตริย์สิโหนของเฮชโบนไม่ยอมให้พวกเราผ่านทางนั้น เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทำให้เขาดื้อดึงและต่อต้าน เพื่อพระองค์จะได้ทำให้สิโหนตกอยู่ในกำมือของท่านอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้
31 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับผมว่า ‘เห็นแล้วหรือยังว่า เราได้ยกสิโหนและดินแดนของเขาให้กับเจ้าแล้ว เข้าไปยึดเอามาเป็นของเจ้าสิ’
32 สิโหนกับคนของเขาได้ออกมาทำสงครามกับพวกเราที่ยาฮาส 33 พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราให้เขาตกอยู่ในกำมือของเรา เราจึงฆ่าสิโหนและลูกๆของเขา รวมทั้งกองทัพของเขาทั้งหมด 34 และเราได้เข้ายึดเมืองของเขาไว้ทั้งหมดในตอนนั้น เราได้ทำลายทุกคนทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กๆในทุกๆเมืองโดยไม่เหลือใครเลย 35 พวกเราเอาแต่วัวควายและของมีค่ามาจากเมืองที่ยึดมาได้นั้น 36 เรายึดได้ทุกๆเมืองจากอาโรเออร์ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำของหุบเขาอารโนน รวมทั้งเมืองที่อยู่ในหุบเขาจนถึงแคว้นกิเลอาด ไม่มีกำแพงเมืองไหนที่สูงเกินเงื้อมมือเรา พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราให้ทุกๆเมืองกับเรา 37 เพียงแต่ท่านไม่ได้เข้าไปใกล้ดินแดนของชาวอัมโมน รวมทั้งบริเวณริมฝั่งแม่น้ำยับบอกและเมืองต่างๆตามเนินเขา เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้สั่งไว้ไม่ให้ทำอย่างนั้น
การต่อสู้กับชนชาวบาชาน
(กดว. 21:31-35)
3 พวกเราจึงออกเดินทางไปตามถนนที่ตรงไปบาชาน กษัตริย์โอกของเมืองบาชานและกองทัพของเขาออกมาต่อสู้กับพวกเราที่เอเดรอี 2 พระยาห์เวห์พูดกับเราว่า ‘ไม่ต้องกลัวมัน เพราะเราได้มอบมันและกองทัพของมัน รวมทั้งแผ่นดินของมันไว้ในกำมือของเจ้าแล้ว เจ้าจะทำกับมันเหมือนกับที่เจ้าได้ทำกับกษัตริย์สิโหนชาวอาโมไรต์ที่เคยปกครองเฮชโบน’
3 แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราได้ทำให้กษัตริย์โอกแห่งบาชานและกองทัพทั้งหมดของเขาตกอยู่ในกำมือของพวกเรา พวกเราได้ฆ่าเขาและคนอื่นๆจนไม่เหลือใครเลย 4 พวกเรายึดเมืองต่างๆไว้จนหมดเกลี้ยง ไม่เหลือแม้แต่เมืองเดียว เรายึดได้ทั้งหกสิบเมืองในแคว้นอารโกบทั้งหมดที่เป็นอาณาจักรของโอกในบาชาน 5 เมืองพวกนี้ล้วนมีกำแพงที่สูงใหญ่ล้อมรอบ มีทั้งประตูและกลอนเหล็ก นอกจากนี้ยังมีเมืองอื่นๆอีกมากมายที่ไม่มีกำแพงเมือง 6 พวกเราได้ทำลายพวกเขาเหมือนกับที่ได้ทำลายกษัตริย์สิโหนแห่งเฮชโบน พวกเราทำลายทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กในทุกๆเมืองจนหมดสิ้น 7 แต่พวกวัวควายและของมีค่าในเมืองต่างๆที่ริบมานั้น พวกเราได้ยึดเอาไว้เอง
8 ดังนั้น ในตอนนั้นพวกเราได้ยึดเอาดินแดนจากมือของกษัตริย์ชาวอาโมไรต์ทั้งสอง เป็นดินแดนที่อยู่ทางทิศตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน จากหุบเขาอารโนนไปจนถึงภูเขาเฮอร์โมน 9 (ชาวไซดอนเรียกเฮอร์โมนว่า ‘สีรีออน’ แต่ชาวอาโมไรต์เรียกเฮอร์โมนว่า ‘เสนีร์’) 10 พวกเรายึดเมืองต่างๆบนที่ราบตอนบน กิเลอาดทั้งหมดและบาชานทั้งหมด ขึ้นไปจนถึงสาเลคาห์และเอเดรอี เมืองพวกนี้เป็นของอาณาจักรโอกแห่งบาชาน”
11 (มีชาวเรฟาอิมหลงเหลืออยู่น้อยมาก กษัตริย์โอกแห่งบาชานก็เป็นชาวเรฟาอิมคนหนึ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ เตียง[w]ของเขามีขนาดยาวเก้าศอก กว้างสี่ศอก ตอนนี้มันยังตั้งอยู่ที่เมืองรับบาห์ของชาวอัมโมนอยู่เลย)
ที่ดินของกาด รูเบนและมนัสเสห์ครึ่งเผ่า
(กดว. 32:1-42)
12 “ในตอนนั้นพวกเราได้ยึดเอาแผ่นดินนี้เป็นของพวกเรา เริ่มจากอาโรเออร์ซึ่งอยู่ในหุบเขาอารโนน เราได้มอบดินแดนครึ่งหนึ่งบนเขากิเลอาดและเมืองต่างๆของมัน ให้กับชาวรูเบนและชาวกาด 13 ส่วนอีกครึ่งหนึ่งของกิเลอาดและบาชานทั้งหมดในอาณาจักรโอก เราได้มอบให้กับเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า”
(แคว้นอารโกบทั้งหมด ทั้งส่วนของเมืองบาชานรวมเรียกว่าแผ่นดินของชาวเรฟาอิม 14 ยาอีร์จากเผ่ามนัสเสห์ได้ยึดแคว้นอารโกบทั้งหมดไปจนถึงริมเขตแดนของชาวเกชูร์และชาวมาอาคาห์ แล้วยาอีร์ก็ได้ตั้งชื่อเมืองต่างๆเหล่านั้นตามชื่อของเขามาจนถึงทุกวันนี้)
15 “เราได้มอบกิเลอาดให้มาคีร์ 16 ส่วนชาวรูเบนและชาวกาด เราได้ให้ดินแดนตั้งแต่กิเลอาดลงไปถึงหุบเขาอารโนน ตรงกลางหุบเขาคือเส้นแบ่งแดน ขึ้นไปถึงแม่น้ำยับบอกซึ่งเป็นเส้นเขตแดนของชาวอัมโมน 17 หุบเขาจอร์แดนและแม่น้ำจอร์แดนเองเป็นเส้นแบ่งเขตแดนทางตะวันตก เริ่มจากทะเลสาบกาลิลี[x] ลงไปจนถึงฝั่งตะวันออกของทะเลตาย[y] ตรงก้นของหน้าผาปิสกาห์
18 ในตอนนั้นเราได้สั่งพวกท่านว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ยกแผ่นดินฝั่งนี้ให้พวกท่านเป็นเจ้าของ แต่ตอนนี้ให้พวกท่านนักรบผู้กล้าที่ถืออาวุธพร้อมมือ นำหน้าญาติพี่น้องชาวอิสราเอลข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปฝั่งโน้น 19 เว้นแต่พวกเมียๆและลูกๆ รวมทั้งฝูงสัตว์ของพวกท่าน (เรารู้ว่าพวกท่านมีฝูงสัตว์มากมาย) ให้ยังคงอยู่ในเมืองต่างๆที่เราได้ยกให้กับพวกท่าน 20 พวกท่านต้องช่วยญาติพี่น้องของพวกท่าน จนกว่าพวกเขาจะได้เป็นเจ้าของดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ได้ยกให้กับพวกเขา คือดินแดนที่อยู่ฝั่งโน้นของแม่น้ำจอร์แดน และให้ช่วยพวกเขาจนกว่าพระยาห์เวห์จะให้สันติสุขกับพวกเขา เหมือนกับที่พระองค์ให้กับพวกท่าน เมื่อถึงตอนนั้น พวกท่านจึงค่อยกลับมาดินแดนฝั่งนี้ที่เราได้ยกให้กับพวกท่าน’
21 ในตอนนั้นเราได้สั่งโยชูวาว่า ‘ท่านก็ได้เห็นกับตาแล้วว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทำยังไงกับกษัตริย์สององค์นั้น พระองค์ก็จะทำอย่างนั้นกับอาณาจักรต่างๆที่ท่านกำลังจะบุกเข้าไปด้วย 22 ไม่ต้องกลัวพวกมัน เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านจะต่อสู้แทนท่าน’
โมเสสอดเข้าแผ่นดินคานาอัน
23 ในตอนนั้นเราได้อ้อนวอนต่อพระยาห์เวห์ว่า 24 ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พระองค์เริ่มแสดงให้ข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ เห็นถึงความยิ่งใหญ่ และมือที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นอีกแล้วไม่ว่าในสวรรค์หรือบนโลก ที่จะทำในสิ่งที่พระองค์ทำหรือแสดงฤทธิ์อำนาจได้เหมือนกับที่พระองค์แสดง 25 ขอให้ข้าพเจ้าได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป เพื่อจะได้เห็นดินแดนที่ดีซึ่งอยู่ฝั่งโน้น ขอให้ข้าพเจ้าได้เห็นเนินเขาที่สวยงามและแคว้นเลบานอนด้วยเถิด’
26 แต่พระยาห์เวห์โกรธเรามาก ก็เพราะพวกท่านนี่แหละ และพระองค์ก็ไม่ฟังคำขอร้องของเรา พระองค์พูดกับเราว่า ‘พอแล้ว อย่าพูดเรื่องนี้ให้ได้ยินอีก 27 ขึ้นไปบนยอดเขาปิสกาห์และมองไปรอบๆทั้งทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันออก แต่เจ้าจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้ไป 28 ให้คำแนะนำกับโยชูวา ทำให้เขากล้าหาญและเข้มแข็ง เพราะเขาจะเป็นคนนำประชาชนพวกนี้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป และเขาจะพาพวกนั้นไปยึดเอาแผ่นดินที่เจ้าเห็นนั้น’ 29 ดังนั้นพวกเราจึงอยู่ในหุบเขาตรงข้ามกับเบธเปโอร์
โมเสสเตือนอิสราเอลให้เชื่อฟังกฎ
4 บัดนี้ ชาวอิสราเอลเอ๋ย ฟังให้ดีถึงกฎและข้อบังคับต่างๆที่เรากำลังจะสอนให้พวกท่านทำ เพื่อท่านจะได้มีชีวิตอยู่ และได้เข้าไปยึดครองแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านได้ยกให้กับท่าน 2 พวกท่านจะต้องไม่เพิ่มอะไรเข้าไปในสิ่งที่เราได้สั่งท่านไว้แล้ว และต้องไม่ตัดอะไรออกไปด้วย เพื่อท่านจะได้รักษาคำสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ที่เราได้สั่งท่านไว้
3 พวกท่านก็ได้เห็นกับตาแล้ว ถึงสิ่งที่พระยาห์เวห์ได้ทำลงไปที่บาอัล เปโอร์ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทำลายคนของท่านที่ไปบูชาพระบาอัลเทียมเท็จที่เปโอร์ 4 แต่พวกท่านทุกคนที่ยังผูกพันอยู่กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ก็ยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้
5 ดูเถิด เราได้สอนกฎและข้อบังคับต่างๆกับพวกท่าน ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้สั่งเราไว้ เพื่อท่านจะได้ทำสิ่งเหล่านี้ในดินแดนที่ท่านกำลังจะเข้าไปเป็นเจ้าของ 6 พวกท่านต้องรักษาและทำตามกฎพวกนี้อย่างระมัดระวัง เพราะมันจะพิสูจน์ให้ชนชาติอื่นๆเห็นว่า ท่านนั้นฉลาดและมีความเข้าใจแค่ไหน เมื่อพวกเขาได้ยินเกี่ยวกับกฎเหล่านี้ พวกเขาก็จะพูดกันว่า ‘ชนชาติที่ยิ่งใหญ่นี้ช่างฉลาดและมีความเข้าใจจริงๆ’
7 จะมีชนชาติที่ยิ่งใหญ่ไหนบ้าง ที่มีพระอยู่ใกล้ชิด เหมือนกับพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเราร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ พระองค์ก็อยู่ที่นั่น ไม่มีแน่ ไม่มีชนชาติไหนหรอกที่มีพระอย่างนี้อีกแล้ว 8 จะมีชนชาติที่ยิ่งใหญ่ไหนบ้าง ที่จะมีกฎและข้อบังคับที่ยุติธรรมเหมือนกับคำสอนทั้งหมดนี้ที่เราให้กับพวกท่านในวันนี้ ไม่มีแน่นอน 9 แต่ให้ระวังตัวเองไว้ให้ดี เพื่อท่านจะได้ไม่ลืมสิ่งที่ตาของท่านได้เห็นมา เพื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะได้ไม่จางหายไปจากใจของท่านจนตลอดชีวิต ท่านต้องสั่งสอนลูกและหลานของท่านต่อด้วย 10 ท่านต้องไม่ลืมสิ่งที่ท่านได้เห็นมา วันที่ท่านยืนอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านที่ภูเขาซีนาย เมื่อพระยาห์เวห์พูดกับเราว่า ‘ให้รวบรวมประชาชนมาหาเรา เพื่อเราจะได้ให้พวกเขาฟังสิ่งที่เราจะบอก เพื่อพวกเขาจะได้เกรงกลัวเราตลอดเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ และพวกเขาจะได้สอนสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกๆของพวกเขาต่อไป’ 11 พวกท่านเข้ามาใกล้และยืนอยู่ที่ตีนเขา ภูเขานั้นลุกไหม้เป็นไฟสูงเสียดฟ้า และเกิดความมืด เมฆและหมอกหนาทึบเข้ามาปกคลุม 12 แล้วพระยาห์เวห์ได้พูดกับพวกท่านจากท่ามกลางไฟนั้น พวกท่านได้ยินแต่เสียงพูด แต่มองไม่เห็นรูปร่างอะไรเลย มีแต่เสียงเท่านั้น 13 พระองค์ได้ประกาศคำสอนของพระองค์ และพระองค์ได้สั่งให้พวกท่านทำตามคำสอนเหล่านั้น ซึ่งก็คือบัญญัติสิบประการ และพระองค์ได้เขียนมันไว้บนแผ่นหินสองแผ่น 14 เวลานั้นพระยาห์เวห์ได้สั่งให้เราสอนพวกท่าน ถึงกฎและข้อบังคับต่างๆเพื่อพวกท่านจะได้ทำตามคำสอนเหล่านั้นในดินแดนอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนที่พวกท่านกำลังจะข้ามไปยึดเป็นเจ้าของ
15 ในวันนั้นที่พระยาห์เวห์พูดกับพวกท่านบนภูเขาซีนาย ตอนที่พระองค์พูดออกมาจากท่ามกลางไฟนั้น เพราะพวกท่านไม่ได้เห็นรูปร่างอะไรเลย ก็ให้ระวังตัวไว้ให้ดี 16 เพื่อพวกท่านจะได้ไม่ทำลายตัวเอง ด้วยการไปสร้างรูปเคารพให้กับตัวเอง เป็นรูปร่างต่างๆไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นของชายหรือหญิง 17 หรือรูปปั้นของสัตว์ต่างๆที่อยู่บนบก หรือรูปปั้นของนกต่างๆที่บินอยู่ในท้องฟ้า 18 หรือรูปปั้นของพวกสัตว์เลื้อยคลานบนดิน หรือรูปปั้นของพวกปลาที่อยู่ในน้ำ 19 ให้ระวังตัวให้ดี เวลาที่ท่านมองดูท้องฟ้า เห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว รวมทั้งสิ่งต่างๆที่อยู่ในท้องฟ้าแล้ว อย่าให้สิ่งต่างๆเหล่านั้นมาทำให้ท่านหลงผิด แล้วไปกราบไหว้และรับใช้พวกมัน พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้จัดสรรสิ่งต่างๆเหล่านั้นให้กับทุกๆชนชาติทั่วใต้ฟ้านี้ 20 แต่พระยาห์เวห์ได้รับพวกท่านและนำพวกท่านออกมาจากเตาหลอมเหล็ก คือออกมาจากอียิปต์ เพื่อมาเป็นคนของพระองค์โดยเฉพาะ เหมือนกับที่เป็นอยู่ในตอนนี้
21 เป็นเพราะพวกท่าน พระยาห์เวห์ถึงได้โกรธเรามาก พระองค์จึงได้สาบานไว้ว่า เราจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน และจะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินที่ดีแห่งนั้นที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ยกให้ท่านเป็นเจ้าของ 22 เพราะเราจะต้องตายอยู่ที่นี่ จะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน แต่พวกท่านจะได้ข้ามแม่น้ำสายนั้น และจะได้เป็นเจ้าของแผ่นดินที่ดีแห่งนั้น 23 ระวังตัวให้ดี เพื่อพวกท่านจะได้ไม่ลืมข้อตกลงที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทำไว้กับท่าน และเพื่อพวกท่านจะได้ไม่สร้างรูปเคารพเป็นรูปร่างต่างๆสำหรับตัวเอง ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้สั่งห้ามไว้ 24 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านคือไฟที่เผาผลาญและเป็นพระเจ้าที่หึงหวง[z]
25 เมื่อพวกท่านมีลูกมีหลานและอยู่บนแผ่นดินนั้นเป็นเวลานาน ถ้าพวกท่านทำตัวไม่ดีและสร้างรูปเคารพที่เป็นรูปอะไรก็แล้วแต่ และทำในสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเห็นว่าชั่วร้าย เป็นการยั่วยุให้พระองค์โกรธ 26 เราขอเรียกฟ้าและดินมาเป็นพยานต่อต้านท่านในวันนี้ว่า พวกท่านจะต้องถูกทำลายอย่างรวดเร็วไปจากแผ่นดินที่ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปเป็นเจ้าของนั้น พวกท่านจะไม่ได้อยู่ในแผ่นดินนั้นนานหรอก เพราะพวกท่านจะถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น 27 พระยาห์เวห์จะทำให้พวกท่านกระจัดกระจายไปอยู่ท่ามกลางชนชาติอื่นๆและพวกท่านก็จะเหลืออยู่แค่ไม่กี่คนในท่ามกลางชนชาตินั้นๆที่พระยาห์เวห์ได้ขับไล่ให้พวกท่านเข้าไปอยู่ 28 ที่นั่นพวกท่านจะรับใช้พระต่างๆที่มือของคนทำขึ้นมา มีทั้งพระที่ทำจากไม้และหิน ที่มองก็ไม่เห็น ฟังก็ไม่ได้ยิน กินหรือดมกลิ่นก็ไม่ได้ 29 จากชนชาตินั้นๆพวกท่านจะแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และท่านจะได้พบพระองค์ ถ้าท่านค้นหาพระองค์ด้วยสุดใจสุดจิตของท่าน 30 เมื่อท่านตกอยู่ในความทุกข์ยาก และเจอกับเรื่องต่างๆพวกนี้ ท่านก็จะหันกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและเชื่อฟังพระองค์ 31 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านนั้นเป็นพระเจ้าที่มีเมตตา พระองค์จะไม่ทอดทิ้งท่านและพระองค์ก็จะไม่ทำลายท่าน พระองค์จะไม่ลืมข้อตกลงที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของท่าน
คิดถึงสิ่งยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าได้ทำไว้
32 ไปถามดูสิ เกี่ยวกับวันเวลาที่ผ่านมา ที่มีมาก่อนท่านนานแสนนาน นับตั้งแต่วันที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาในโลกนี้ ไปถามดูได้เลยจากสุดปลายฟ้าข้างนี้ไปถึงข้างโน้นว่า เคยมีเรื่องที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้เกิดขึ้นมาก่อนหรือเปล่า หรือเคยได้ยินเรื่องอะไรอย่างนี้มาก่อนหรือเปล่า 33 เคยมีชนชาติไหนบ้างที่ได้ยินเสียงพระเจ้าพูดออกมาจากเปลวไฟเหมือนที่ท่านได้ยิน แล้วยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ 34 หรือเคยมีพระองค์ไหนบ้าง ที่พยายามเอาชนชาติหนึ่งออกมาจากอีกชนชาติหนึ่ง เพื่อมาเป็นของพระองค์เอง พระองค์ใช้การทดลองต่างๆ เหตุการณ์พิเศษต่างๆ การอัศจรรย์ต่างๆ รวมทั้งสงคราม มือที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจ และแขนอันแข็งแกร่งที่ยื่นออก และการกระทำที่น่ากลัวต่างๆ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้เพื่อท่าน และทำต่อหน้าต่อตาพวกท่านในประเทศอียิปต์ 35 พระองค์ทำอย่างนี้ให้ท่านเห็น เพื่อท่านจะได้รู้ว่าพระองค์คือพระเจ้าที่แท้จริง และไม่มีพระเจ้าอื่นอีกแล้วนอกจากพระองค์ 36 พระองค์ทำให้ท่านได้ยินเสียงของพระองค์จากสวรรค์เพื่อจะสั่งสอนท่าน และในโลกนี้ พระองค์ก็ทำให้ท่านเห็นไฟที่ยิ่งใหญ่ และท่านก็ได้ยินเสียงของพระองค์ออกมาจากท่ามกลางไฟนั้น
37 เพราะพระองค์รักบรรพบุรุษของท่าน พระองค์ถึงได้เลือกพวกท่านลูกหลานของพวกเขา และพระองค์เองที่นำท่านออกจากอียิปต์ด้วยความแข็งแกร่งอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ 38 เพื่อพระองค์จะได้ขับไล่ชนชาติอื่นที่ใหญ่กว่าและแข็งแรงกว่าท่านออกไปจากแผ่นดินของพวกเขา แล้วจะได้นำเอาท่านเข้าไปอยู่และยกแผ่นดินของคนเหล่านั้นให้ท่านเป็นเจ้าของ เหมือนกับที่เป็นอยู่ในตอนนี้
39 ดังนั้นในวันนี้ให้รับรู้และจำใส่ใจไว้เลยว่า พระยาห์เวห์คือพระเจ้าที่แท้จริงที่อยู่บนสวรรค์และบนโลกนี้ ไม่มีพระเจ้าอื่นอีก 40 ท่านต้องเชื่อฟังกฎและคำสั่งของพระองค์ที่เราได้สั่งกับท่านในวันนี้ เพื่อว่าท่านและลูกหลานของท่านจะได้เจริญรุ่งเรือง และเพื่อท่านจะได้มีชีวิตอยู่ยืนยาวบนแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านให้กับท่านตลอดไป”
โมเสสเลือกเมืองสำหรับลี้ภัย
41 แล้วโมเสสได้เลือกเมืองสามเมืองทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 42 เอาไว้เป็นที่ลี้ภัยของคนที่ไปฆ่าคนอื่นมาโดยไม่ได้เจตนา และไม่เคยเกลียดคนที่ถูกฆ่ามาก่อน คนๆนั้นสามารถที่จะหนีไปอยู่ในเมืองเหล่านั้นได้ และมีชีวิตต่อไป 43 สามเมืองที่โมเสสเลือกคือ เมืองเบเซอร์ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งกลางที่ราบสูงสำหรับชาวรูเบน เมืองราโมทในกิเลอาดสำหรับชาวกาด และเมืองโกลานในบาชานสำหรับชาวมนัสเสห์
กฎของโมเสส
44 นี่คือคำสั่งสอนที่โมเสสได้ให้กับประชาชนชาวอิสราเอล 45 สิ่งเหล่านี้คือคำสั่งสอน กฎและข้อบังคับที่โมเสสได้บอกกับชาวอิสราเอลเมื่อพวกเขาออกจากประเทศอียิปต์ 46 โมเสสได้ให้กฎต่างๆเหล่านี้กับพวกเขา ตอนที่พวกเขาอยู่ที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนในหุบเขาที่อยู่ตรงข้ามเบธเปโอร์ บนดินแดนของกษัตริย์สิโหนชาวอาโมไรต์ที่ปกครองเฮชโบน และถูกโมเสสกับชาวอิสราเอลโจมตีจนพ่ายแพ้เมื่อครั้งที่พวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ 47 ชาวอิสราเอลได้ยึดเอาแผ่นดินของกษัตริย์สิโหน และกษัตริย์โอกแห่งบาชาน ทั้งสององค์นี้เป็นกษัตริย์ของชาวอาโมไรต์ ที่ปกครองอยู่ในดินแดนทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 48 ดินแดนแห่งนี้เริ่มจากอาโรเออร์ซึ่งอยู่ติดหุบเขาอารโนนไปจนถึงภูเขาสีรีออน (คือภูเขาเฮอร์โมน) 49 รวมทั้งหุบเขาจอร์แดนทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ลงไปทางใต้จนถึงทะเลตาย[aa] และไปทางตะวันออกถึงตีนเขาปิสกาห์
บัญญัติสิบประการ
(อพย. 20:1-17)
5 โมเสสเรียกชาวอิสราเอลทั้งหมดเข้ามาและพูดกับพวกเขาว่า “ชาวอิสราเอลเอ๋ย ฟังให้ดี ฟังกฎและข้อบังคับที่เรากำลังจะพูดกรอกหูของพวกท่านในวันนี้ ให้ศึกษามันและทำตามอย่างระมัดระวัง 2 พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราได้ทำข้อตกลงกับพวกเราที่ภูเขาซีนาย 3 พระองค์ไม่ได้ทำข้อตกลงนี้กับบรรพบุรุษของพวกเรา แต่ทำกับพวกเรา ที่ยังมีชีวิตอยู่ ทำกับพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ในวันนี้ 4 พระยาห์เวห์ได้พูดต่อหน้าพวกท่านออกมาจากไฟบนภูเขานั้น 5 เราได้ยืนอยู่ระหว่างพระยาห์เวห์กับพวกท่านในตอนนั้น เพื่อจะบอกท่านว่าพระยาห์เวห์พูดอะไร เพราะพวกท่านกลัวไฟนั้น และไม่ได้ขึ้นไปบนภูเขา พระยาห์เวห์พูดว่า
6 ‘เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เราได้นำเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ออกมาจากการเป็นทาสนั้น
7 เจ้าต้องไม่มีพระอื่นนอกจากเรา[ab]
8 เจ้าต้องไม่ทำรูปเคารพให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นรูปอะไรก็ตามที่อยู่ในท้องฟ้า หรืออยู่บนพื้นดิน หรืออยู่ใต้น้ำ
9 เจ้าต้องไม่กราบไหว้หรือรับใช้สิ่งต่างๆเหล่านั้น เพราะเรา คือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าที่หึงหวง[ac] บาปที่รุ่นพ่อทำไว้ เราจะไปลงโทษที่ลูกของเขา และแม้แต่หลาน เหลน ของคนพวกนั้นที่เกลียดเรา 10 แต่คนที่รักเราและเชื่อฟังคำสั่งสอนของเรา เราก็จะเมตตาปรานีครอบครัวของเขาเป็นพันๆรุ่น
11 เจ้าต้องไม่อ้างชื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าเล่นๆ เพราะพระยาห์เวห์จะถือว่าคนนั้นมีความผิดที่อ้างชื่อของพระองค์มาสาบานกันเล่นๆ
12 ให้รักษาวันหยุดทางศาสนาไว้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าได้สั่งไว้ 13 ในช่วงหกวันแรกของแต่ละอาทิตย์ เจ้าก็ทำงานได้ตามปกติ
14 แต่วันที่เจ็ดเป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งอุทิศให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เจ้าต้องไม่ทำงานใดๆในวันนั้น ทั้งตัวเจ้า ลูกชายลูกสาวของเจ้า หรือทาสชายหญิง หรือวัวหรือลาของเจ้า หรือสัตว์อื่นๆของเจ้าหรือชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองของเจ้า เพื่อว่าทาสชายหญิงของเจ้าจะได้หยุดพักผ่อนเหมือนเจ้า 15 อย่าลืมว่าเจ้าก็เคยเป็นทาสอยู่ในแผ่นดินอียิปต์มาก่อน และพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าได้นำเจ้าออกมาจากที่นั่นด้วยมือที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจและแขนที่แข็งแกร่งของพระองค์ เพราะอย่างนี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าถึงได้สั่งให้เจ้ารักษาวันหยุดทางศาสนา
16 ให้เคารพพ่อแม่ของเจ้าตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าได้สั่งเจ้าไว้ เพื่อเจ้าจะได้มีอายุยืนยาวและเจริญรุ่งเรืองในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้ากำลังให้กับเจ้านี้
17 เจ้าต้องไม่ฆ่าคน
18 เจ้าต้องไม่เป็นชู้
19 เจ้าต้องไม่ขโมย
20 เจ้าต้องไม่เป็นพยานเท็จ[ad] ปรักปรำเพื่อนบ้านของเจ้า
21 เจ้าต้องไม่อยากได้เมียของเพื่อนบ้าน เจ้าต้องไม่โลภอยากได้ของของเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่นา ทาสชายหญิง วัว หรือลา หรืออะไรก็ตามที่เป็นของของเพื่อนบ้านเจ้า’”
ประชาชนกลัวพระเจ้า
(อพย. 20:18-21)
22 โมเสสพูดอีกว่า “คำสั่งพวกนี้ พระยาห์เวห์ได้พูดด้วยเสียงอันดังกับพวกท่านทั้งหมดที่มาประชุมกันอยู่ที่ภูเขา พระองค์พูดจากท่ามกลางไฟ เมฆและหมอกหนาทึบ หลังจากนั้น พระองค์ก็ไม่พูดอะไรอีกเลย พระองค์ได้เขียนคำสั่งนี้ไว้บนแผ่นหินสองแผ่นและเอามาให้กับเรา
23 เมื่อพวกท่านได้ยินเสียงจากความมืด ขณะที่ภูเขาลุกไหม้เป็นไฟ พวกท่านทั้งหลาย ที่เป็นหัวหน้าเผ่าและผู้อาวุโส[ae] ก็ได้เข้ามาหาเรา 24 และพวกท่านพูดว่า ‘ดูสิ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา ได้แสดงสง่าราศีและความยิ่งใหญ่ของพระองค์ให้พวกเราเห็น และพวกเราก็ได้ยินเสียงของพระองค์ออกมาจากกลางไฟด้วย วันนี้พวกเราได้เห็นแล้วว่า พระเจ้าพูดกับคนได้โดยที่คนยังมีชีวิตอยู่ 25 แล้วทำไมเราจะต้องมาเสี่ยงกับความตายตอนนี้ด้วย ไฟนี้จะต้องทำลายพวกเราอย่างแน่นอน ถ้าพวกเราได้ยินเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราอีก เราจะต้องตาย 26 เพราะมีมนุษย์คนไหนบ้างที่เคยได้ยินเสียงของพระเจ้าเที่ยงแท้ จากท่ามกลางไฟเหมือนพวกเรา แล้วยังมีชีวิตอยู่อีก ไม่มีแน่ 27 โมเสส ท่านเข้าไปใกล้ๆพระองค์และให้ฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราจะพูด แล้วให้มาบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราบอกท่าน แล้วเราจะฟังและทำตามนั้น’
พระยาห์เวห์พูดกับโมเสส
28 พระยาห์เวห์ได้ยินสิ่งที่พวกท่านพูดกับเรา พระองค์พูดกับเราว่า ‘เราได้ยินคำพูดที่ประชาชนพวกนี้พูดกับเจ้า สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นดี 29 เราอยากให้พวกเขาทั้งหลายเกรงกลัวเรา และเชื่อฟังคำสั่งทั้งหมดของเราเสมอ เพื่อทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี ทั้งกับตัวพวกเขาเองและกับลูกหลานของพวกเขาตลอดไป
30 ไปบอกพวกเขาว่า “กลับไปเต็นท์ของพวกเจ้าได้แล้ว” 31 แต่เจ้าอยู่ที่นี่กับเราก่อนและเราจะบอกถึงคำสั่ง กฎและข้อบังคับทั้งหมดกับเจ้า และเจ้าจะต้องเอาไปสอนพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้เอาไปทำในแผ่นดินที่เราจะให้พวกเขาเป็นเจ้าของ’
32 ดังนั้น พวกท่านต้องระวังที่จะทำตามสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านสั่งท่านไว้ พวกท่านต้องไม่หลงไปทางซ้ายหรือทางขวา 33 พวกท่านต้องเดินตามทางที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านสั่งท่านไว้ เพื่อพวกท่านจะได้มีชีวิตอยู่และเจริญรุ่งเรือง และมีอายุยืนยาวในแผ่นดินที่พวกท่านจะได้เป็นเจ้าของนั้น
รักและเชื่อฟังพระเจ้าอยู่เสมอ
6 นี่คือคำสั่ง กฎและข้อบังคับต่างๆที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านได้สั่งให้เราเอามาสอนพวกท่าน ให้พวกท่านทำตามกฎต่างๆเหล่านี้ ในดินแดนที่พวกท่านกำลังจะข้ามไปยึดเอานั้น 2 เพื่อท่าน และลูกๆหลานๆของท่านจะได้เกรงกลัวพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านตลอดชีวิต และรักษากฎและคำสั่งทั้งหมดที่เราได้สั่งท่านไว้ แล้วท่านจะได้มีอายุยืนยาว 3 ชาวอิสราเอลเอ๋ย ฟังไว้ให้ดี และให้ทำตามกฎเหล่านี้ด้วยความระมัดระวังด้วย เพื่อท่านจะได้เจริญรุ่งเรืองและมีลูกหลานมากมาย กลายเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ บนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ เหมือนกับที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกท่านได้สัญญาไว้กับท่าน
4 ประชาชนชาวอิสราเอลเอ๋ย ฟังไว้ให้ดี มีแต่พระยาห์เวห์เท่านั้นที่เป็นพระเจ้าของเรา[af] 5 ท่านต้องรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ด้วยการทุ่มสุดใจ[ag] สุดชีวิต[ah] และสุดตัว[ai] ของท่านให้กับพระองค์ 6 คำสั่งเหล่านี้ที่เราได้สั่งท่านในวันนี้ ให้จดจำไว้ในใจเสมอ 7 ท่องให้กับลูกๆฟัง และพูดถึงคำสั่งเหล่านี้ ไม่ว่าจะนั่งอยู่ในบ้านหรือเดินอยู่บนท้องถนน หรือนอนหรือลุกขึ้น 8 เขียนผูกไว้ที่แขนเพื่อย้ำเตือน และผูกไว้ที่หน้าผากเหมือนผ้าโพกหัว 9 เขียนไว้ที่เสาประตูบ้านและที่ประตูเมืองของท่าน
10 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน นำท่านเข้าสู่แผ่นดินที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ บรรพบุรุษของท่าน ว่าจะให้กับท่าน เป็นแผ่นดินที่เต็มไปด้วยเมืองที่ร่ำรวยยิ่งใหญ่ ที่ท่านไม่ได้สร้าง 11 และบ้านเรือนที่เต็มไปด้วยของดีๆมากมาย ที่ท่านไม่ต้องหามาใส่ไว้ และบ่อน้ำที่ท่านไม่ต้องขุด ไร่องุ่นและไร่มะกอกที่ท่านไม่ต้องปลูก เมื่อท่านได้กินจนอิ่มหนำสำราญแล้ว 12 ระวังตัวให้ดี เพื่อท่านจะไม่ลืมพระยาห์เวห์ ผู้ที่นำท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์พ้นจากการเป็นทาสนั้น 13 ท่านต้องเกรงกลัวพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และรับใช้พระองค์ และสาบานโดยอ้างชื่อของพระองค์ว่า 14 พวกท่านจะไม่ไปติดตามพระอื่น ไม่ว่าจะเป็นพระองค์ไหนก็ตามที่เป็นของชนชาติที่อยู่รอบข้างเจ้า 15 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านที่อยู่ท่ามกลางท่านเป็นพระเจ้าที่หึงหวง ดังนั้นให้ระวังตัวให้ดี เพื่อว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะไม่โกรธท่านและทำลายท่านไปจากโลกนี้
16 พวกท่านต้องไม่ลองดีกับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เหมือนกับที่พวกท่านเคยลองดีกับพระองค์มาแล้วที่มัสสาห์ 17 พวกท่านต้องเชื่อฟังคำสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน รวมทั้งคำสั่งและกฎของพระองค์ที่พระองค์ได้สั่งท่านไว้ 18 ท่านต้องทำในสิ่งที่พระยาห์เวห์เห็นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องและดี เพื่อท่านจะได้เจริญรุ่งเรือง และได้เข้าไปเป็นเจ้าของแผ่นดินที่ดีที่พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้ว่าจะยกให้กับบรรพบุรุษของท่าน 19 โดยที่พระองค์จะขับไล่ศัตรูของท่านออกไปต่อหน้าท่าน ตามที่พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้
สอนสิ่งที่พระเจ้าได้ทำ
20 ในอนาคตเมื่อลูกของท่านถามท่านว่า ‘คำสั่ง กฎและข้อบังคับต่างๆที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราสั่งพวกท่านไว้มีความหมายว่าอะไร’ 21 แล้วท่านจะได้ตอบกับลูกของท่านว่า ‘พวกเราเคยเป็นทาสของกษัตริย์ฟาโรห์ในประเทศอียิปต์มาก่อน แต่พระยาห์เวห์ได้นำพวกเราออกมาจากอียิปต์ด้วยมือที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ 22 เราได้เห็นพระยาห์เวห์ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวต่างๆ รวมทั้งสิ่งมหัศจรรย์กับประเทศอียิปต์ กับกษัตริย์ฟาโรห์และกับทุกคนที่อยู่ในบ้านของเขา 23 และพระยาห์เวห์ได้นำพวกเราออกจากที่นั่น เพื่อจะนำพวกเรามาถึงแผ่นดินที่พระองค์เคยสัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเรา และยกแผ่นดินนั้นให้กับเราด้วย 24 พระยาห์เวห์สั่งให้พวกเราเชื่อฟังกฎเหล่านี้ทั้งหมดและให้เกรงกลัวพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา เพราะมันจะดีสำหรับพวกเราเสมอ และจะทำให้เรามีชีวิตอยู่เหมือนกับที่เราเป็นอยู่เดี๋ยวนี้ 25 ถ้าพวกเราทำตามคำสั่งของพระองค์ที่ได้สั่งเราไว้อย่างระมัดระวัง พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราก็จะพอใจเรา’
ชาวอิสราเอลคนพิเศษของพระเจ้า
7 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านนำท่านเข้าสู่แผ่นดินที่ท่านกำลังจะเข้าไปยึดเป็นเจ้าของ พระองค์จะขับไล่ชนชาติพวกนี้ออกไปต่อหน้าท่าน คือ ชาวฮิตไทต์ ชาวเกอร์กาชี ชาวอาโมไรต์ ชาวคานาอัน ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์และชาวเยบุส รวมเจ็ดชาติ ที่ใหญ่กว่าและแข็งแรงกว่าท่าน 2 เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านมอบคนพวกนั้นให้อยู่ใต้อำนาจของท่านและท่านได้เอาชนะพวกเขาแล้ว ท่านจะต้องทำลายพวกเขาให้หมดสิ้น ท่านจะต้องไม่ทำสัญญาสงบศึกใดๆกับพวกเขา และท่านจะต้องไม่แสดงความเมตตาใดๆกับพวกเขาด้วย 3 อย่าแต่งงานกับพวกเขา อย่ายกลูกสาวให้เป็นเมียของลูกชายพวกเขา และอย่าเอาลูกสาวของพวกเขามาเป็นเมียลูกชายท่านด้วย 4 เพราะพวกเขาจะทำให้ลูกๆของท่านหันเหไปจากเราและลูกๆของท่านก็จะไปรับใช้พวกพระอื่นๆ และพระยาห์เวห์ก็จะโกรธพวกท่านและทำลายท่านอย่างรวดเร็ว
ทำลายพวกพระเทียมเท็จ
5 พวกท่านจะต้องทำอย่างนี้กับพวกชนชาติเหล่านั้น คือ พวกท่านต้องรื้อแท่นบูชาของพวกเขาทิ้งและทุบเสาหิน[aj] ของพวกเขาเสีย และตัดเสาเจ้าแม่อาเชราห์ของพวกเขาทิ้ง และเผาพวกรูปเคารพของพวกเขา 6 เพราะท่านคือประชาชนที่ถูกแยกออกมาเพื่อเป็นของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้เลือกท่านจากบรรดาชนชาติทั้งหมดบนโลกนี้ ให้เป็นของรักของหวงที่มีค่าของพระองค์ 7 พระยาห์เวห์ไม่ได้รักพวกท่านและเลือกพวกท่านเพราะพวกท่านมีจำนวนมากที่สุดในบรรดาชนชาติอื่นๆทั้งหมด เพราะความจริงแล้วพวกท่านมีจำนวนน้อยที่สุด 8 แต่เป็นเพราะพระยาห์เวห์รักพวกท่าน และเพราะพระองค์รักษาคำสัญญาที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกท่านว่าพระยาห์เวห์จะนำพวกท่านออกจากประเทศอียิปต์ ด้วยมือที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ และพระองค์ได้ปล่อยให้ท่านเป็นอิสระจากการเป็นทาส จากเงื้อมมือของฟาโรห์กษัตริย์ของอียิปต์
9 ดังนั้นให้รู้ไว้ว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเป็นพระเจ้าแต่เพียงองค์เดียว เป็นพระเจ้าที่ซื่อสัตย์ที่รักษาคำสัญญา พระองค์รักคนเหล่านั้นที่รักพระองค์ และเชื่อฟังคำสั่งสอนของพระองค์ พระองค์จะรักพวกเขาไปอีกเป็นพันๆรุ่น 10 แต่พระยาห์เวห์จะลงโทษคนที่เกลียดชังพระองค์ พระองค์จะไม่ลังเลที่จะทำลายเขา พระองค์จะลงโทษคนที่เกลียดพระองค์ 11 ดังนั้นท่านต้องเชื่อฟังคำสั่งสอน กฎ และข้อบังคับที่เราได้สั่งท่านในวันนี้
12 ถ้าพวกท่านเชื่อฟังข้อบังคับเหล่านี้ และทำตามอย่างระมัดระวัง พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะรักษาข้อตกลงแห่งความรักกับท่านที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของท่าน 13 พระองค์จะรักท่านและอวยพรท่านและเพิ่มจำนวนคนของท่าน พระองค์จะอวยพรให้ท่านมีลูกหลานมากมาย และพระองค์จะอวยพรให้ที่นาเกิดผลดี พระองค์จะอวยพรท่านด้วยเมล็ดพืช เหล้าองุ่นใหม่และน้ำมัน พระองค์จะอวยพรให้ฝูงวัวและฝูงแพะแกะเกิดลูกมากมาย พระองค์จะอวยพรทั้งหมดนี้ให้กับท่าน ในแผ่นดินที่พระองค์สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของท่านว่าจะยกให้ท่าน
14 ท่านจะได้รับการอวยพรมากกว่าชนชาติอื่น ทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและฝูงสัตว์ของท่านจะไม่เป็นหมัน 15 พระยาห์เวห์จะไม่ให้ท่านเจ็บป่วย พระองค์จะไม่ให้ท่านติดโรคที่ร้ายแรงทั้งหลายที่ท่านเคยเห็นในแผ่นดินอียิปต์ แต่พระองค์จะเอาสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดไปให้กับคนที่เกลียดชังท่าน 16 ท่านต้องทำลายประชาชนทั้งหมดที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้มอบไว้ให้อยู่ใต้อำนาจของท่าน อย่าไปสงสารพวกเขา และอย่าไปบูชาพวกพระของพวกเขา เพราะมันจะเป็นกับดักสำหรับท่าน
พระยาห์เวห์ช่วยคนของพระองค์
17 ถ้าท่านพูดอยู่ในใจว่า ‘ชนชาติพวกนี้มีมากกว่าเรามาก เราจะขับไล่พวกเขาออกไปได้อย่างไร’ 18 อย่ากลัวพวกเขา ให้จำไว้ว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทำอะไรกับกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ และกับประชาชนชาวอียิปต์ทั้งหมด 19 ให้จำความทุกข์ยากอันยิ่งใหญ่ที่ท่านเห็น และให้จำเหตุการณ์พิเศษต่างๆและการอัศจรรย์ต่างๆที่พระองค์ได้ทำ และให้จำมือที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจ และแขนที่ยื่นออกมาช่วย ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านใช้ในการนำท่านออกจากประเทศอียิปต์ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทำอย่างเดียวกันนี้กับทุกๆชนชาติที่ท่านกลัวอยู่นี้
20 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะส่งฝูงแตน[ak] มาต่อยพวกเขา จนกว่าคนที่ยังเหลืออยู่และหลบซ่อนจากท่านจะถูกทำลายหมด 21 อย่ากลัวพวกเขา เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอยู่กับท่าน และพระองค์คือพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่และคนก็กลัวพระองค์ 22 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะขับไล่ชนชาติต่างๆที่อยู่ก่อนหน้าท่านออกไปทีละเล็กทีละน้อย ท่านอย่าเพิ่งทำลายพวกเขาทีเดียวหมด ไม่อย่างนั้นจะมีสัตว์ป่าเพิ่มมากขึ้นสำหรับท่าน 23 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะมอบชนชาติเหล่านั้นให้อยู่ใต้อำนาจของท่าน และพระองค์จะทำให้คนเหล่านั้นสับสนวุ่นวาย จนพวกเขาถูกทำลายจนหมดสิ้น 24 พระยาห์เวห์จะมอบกษัตริย์ของพวกเขาให้อยู่ในกำมือของท่าน และท่านจะฆ่าพวกเขาและทำให้พวกเขาสิ้นชื่อไปจากใต้ฟ้านี้ ไม่มีใครจะยืนขวางท่านได้ จนกว่าท่านจะทำลายพวกเขาจนหมดสิ้น
25 พวกท่านต้องเอารูปเคารพของพวกเขาไปเผาไฟ ท่านต้องไม่โลภเงินทองที่ติดอยู่กับรูปเคารพเหล่านั้น ท่านต้องไม่เอาเงินและทองนั้นมาเป็นของตัวเอง ถ้าท่านทำอย่างนั้นท่านจะติดกับดักของมัน เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเกลียดชังรูปเคารพพวกนั้น 26 ท่านต้องไม่เอารูปเคารพพวกนี้ไปไว้ในบ้าน ไม่อย่างนั้นท่านจะถูกทำลายจนหมดสิ้นเหมือนรูปเคารพนั้น ท่านต้องเกลียดชังและดูถูกรูปเคารพนั้น เพราะมันต้องถูกทำลายจนหมดสิ้น
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International