Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
ปัญญาจารย์ 3 - บทเพลง​ไพเราะ 8

กิจการทุกอย่างมีเวลาของมันเอง

ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น มีเวลาอันเหมาะสมของมัน มีเวลาที่เหมาะสมสำหรับกิจการทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์นี้

มีเวลาคลอดและมีเวลาตาย
    มีเวลาปลูกและมีเวลาถอนรากของสิ่งที่ปลูกไว้
มีเวลาฆ่าและมีเวลารักษา
    มีเวลารื้อทิ้งและมีเวลาสร้างขึ้น
มีเวลาร้องไห้และมีเวลาหัวเราะ
    มีเวลาไว้ทุกข์และมีเวลาเต้นรำ
มีเวลาขว้างก้อนหินและมีเวลาเก็บก้อนหิน
    มีเวลาสวมกอดและมีเวลาไม่สวมกอด
มีเวลาค้นหาและมีเวลาเลิกหา
    มีเวลาเก็บรักษาและมีเวลาทิ้งไป
มีเวลาฉีกและมีเวลาเย็บ
    มีเวลาเงียบและมีเวลาพูด
มีเวลารักและมีเวลาเกลียด
    มีเวลาสงครามและมีเวลาสงบสุข

พระเจ้าครอบครองโลกของพระองค์

คนงานได้ประโยชน์อะไรบ้างจากงานหนักที่เขาทำ 10 เราได้เห็นงานซึ่งพระเจ้ามอบให้กับมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์หมกมุ่นอยู่กับมัน 11 พระองค์ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเหมาะสมตามเวลาของมัน พระองค์ทำให้จิตใจมนุษย์รู้สึกถึงเวลาอันไม่มีวันสิ้นสุด แต่มนุษย์ก็ไม่เข้าใจงานซึ่งพระเจ้าได้ทำไว้ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ

12 เราได้เรียนรู้ว่าสำหรับพวกเขาไม่มีอะไรดีเลย นอกจากความสุขสบายที่พวกเขามีในช่วงชีวิตของเขา 13 ถ้าคนกิน ดื่ม และมีความสุขกับผลงานจากงานหนักทั้งหมดที่เขาทำ นี่ก็ถือว่าเป็นของขวัญจากพระเจ้าเหมือนกัน

14 เรารู้ว่าทุกสิ่งที่พระเจ้าทำนั้น ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยเวลา จะเพิ่มเติมอะไรเข้าไปก็ไม่ได้ จะดึงอะไรออกมาก็ไม่ได้ ที่พระเจ้าทำอย่างนี้ เพื่อพวกเขาจะได้ยำเกรงต่อหน้าพระองค์ 15 สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ เป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต และสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ก็เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วเหมือนกัน แต่พระเจ้าจะจัดการกับสิ่งซึ่งมนุษย์แสวงหาแต่เกินความเข้าใจของตน

16 ยิ่งกว่านั้น เราได้เห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ คือในที่ซึ่งน่าจะมีความยุติธรรมกลับเจอความชั่วช้า และในที่ซึ่งน่าจะมีความถูกต้องกลับเจอความชั่วร้าย 17 เราคิดในใจว่า พระเจ้าจะตัดสินทั้งคนบริสุทธิ์และคนชั่ว เพราะว่ามีเวลาสำหรับทุกเรื่องและกิจกรรมทุกอย่าง

มนุษย์ก็เหมือนสัตว์

18 เราคิดอยู่ในใจเกี่ยวกับมนุษย์ทั้งหลายว่า พระเจ้ากำลังทดสอบพวกเขา พระองค์ให้มนุษย์เห็นว่าพวกเขาเป็นสัตว์โดยแท้ 19 เพราะว่าสิ่งที่มนุษย์กับสัตว์ต้องเผชิญนั้นก็เหมือนกัน สัตว์ต้องตาย มนุษย์ก็ต้องตายเหมือนกัน ทั้งคนและสัตว์ต่างมีวิญญาณเดียวกัน[a] มนุษย์ไม่ได้เปรียบไปกว่าสัตว์ตรงไหน เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นไม่เที่ยง 20 ทั้งคู่ต้องไปยังที่เดียวกัน ทั้งคู่มาจากดิน และทั้งคู่ก็ต้องกลับไปเป็นดินเหมือนกัน 21 ใครจะบอกได้ว่า วิญญาณของมนุษย์จะขึ้นไปสวรรค์ หรือวิญญาณของสัตว์จะลงไปยังแดนคนตาย 22 เราเห็นว่า ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการที่คนๆหนึ่งจะสนุกกับงานของเขา เพราะความสนุกนั่นแหละคือรางวัลเดียวที่เขาได้รับเพราะไม่มีใครบอกเขาได้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต

การกดขี่ข่มเหง

แล้วเราก็ได้หันไปดูการกดขี่ข่มเหงทั้งหลายที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์อีกครั้ง

ดูสิ น้ำตาของคนที่ถูกกดขี่ข่มเหง แต่ไม่มีใครปลอบโยน อำนาจอยู่ในเงื้อมมือของผู้กดขี่ ไม่มีใครปลอบโยนพวกเขาเลย

ดังนั้นเราจึงถือว่าคนตายไปแล้วก็โชคดีกว่าคนที่ยังเป็นอยู่

แต่ที่โชคดีกว่าคนตายและคนเป็น คือคนที่ไม่เคยมีชีวิตมาก่อนเพราะเขาจะไม่ได้เห็นสิ่งชั่วร้ายที่มนุษย์ทำกันภายใต้ดวงอาทิตย์นี้

จะทำงานหนักไปทำไมกัน

เราเห็นว่า งานหนักและความสำเร็จทุกอย่าง เกิดมาจากการที่คนแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน นี่ก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน เหมือนวิ่งไล่ตามลม

แต่พวกคนโง่งอมืองอเท้า แล้วต้องกินเนื้อตัวเอง

คนที่หามาได้หนึ่งกำมือเต็ม แล้วได้พักผ่อน ก็ยังดีกว่าคนที่ได้มาสองกำมือ แต่ต้องทำงานหนักและวิ่งไล่ตามลม

แล้วเราก็เห็นสิ่งไม่เที่ยงภายใต้ดวงอาทิตย์อีกอย่างหนึ่ง คือ

มีชายคนหนึ่ง อยู่ตัวคนเดียวไม่มีแม้แต่ลูก หรือพี่น้อง เขาทำงานหนักอย่างไม่หยุดหย่อน และในเรื่องความร่ำรวยนั้น ตาของเขาก็ไม่รู้จักพอ เขาไม่เคยหยุดเพื่อถามตัวเองเลยว่า จะทำงานหนักไปเพื่อใคร และที่ไม่ยอมหาความสุขใส่ตัวนี้ มันเพื่อใครกัน นี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงเหมือนกัน และเป็นการหมกมุ่นอย่างร้ายกาจ

พวกเพื่อนๆและครอบครัวให้กำลังใจ

สองคนย่อมจะดีกว่าคนเดียว เพราะพวกเขาจะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าจากงานหนักที่ทำ

10 แล้วถ้าคนหนึ่งล้มลง อีกคนหนึ่งก็จะได้ช่วยเพื่อนให้ลุกขึ้น แต่คนที่อยู่ตัวคนเดียวจะลำบาก เพราะเมื่อเขาล้มลง ก็ไม่มีใครมาช่วยให้ลุกขึ้น

11 ยิ่งกว่านั้น ถ้าคนสองคนนอนอยู่ด้วยกัน พวกเขาก็อบอุ่น ส่วนคนที่อยู่คนเดียว เขาจะอบอุ่นได้อย่างไร

12 คนที่อยู่คนเดียวอาจจะถูกรังแก แต่ถ้าอยู่ด้วยกันสองคนก็สามารถป้องกันตัวเองได้ เชือกสามเส้นที่มัดเป็นเกลียวเข้าด้วยกันนั้นไม่สามารถดึงให้ขาดจากกันได้ง่ายๆหรอก

การเมือง

13 คนหนุ่มที่ยากจนแต่ฉลาด ย่อมดีกว่ากษัตริย์แก่โง่เขลาที่ไม่ยอมฟังคำเตือนแล้ว 14 เพราะคนหนุ่มนั้นได้ออกจากคุก แล้วได้กลายมาเป็นกษัตริย์ ในขณะที่อีกคนหนึ่งซึ่งเกิดมาในวัง แต่กลับกลายเป็นคนยากจนในที่สุด 15 เราได้เห็นคนทั้งหลายผู้ซึ่งมีชีวิตเคลื่อนไหวอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไปติดตามคนหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ได้ขึ้นมาเป็นกษัตริย์แทนคนหนุ่มคนแรกนั้น 16 แต่ถึงแม้คนหนุ่มคนหลังนี้จะมีผู้ติดตามจนนับไม่ถ้วนก็ตาม แต่คนรุ่นต่อไปจะไม่นิยมชมชอบเขา นี่ก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน เหมือนวิ่งไล่ตามลม

การเข้าเฝ้าพระเจ้า

ระวังสิ่งที่เจ้าทำให้ดีเมื่อเข้าไปในวิหารของพระเจ้า พระเจ้ายอมรับคนที่เชื่อฟังและทำตามพระองค์ มากกว่าคนโง่ๆที่แค่นำเครื่องบูชามาถวายเท่านั้น เพราะพวกคนโง่นั้นไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่ากำลังทำชั่วอยู่

อย่าเป็นคนปากไว ใจร้อน พูดอะไรโพล่งๆออกไปต่อหน้าพระเจ้า เจียมตัวเสียบ้างเพราะพระเจ้าอยู่บนสวรรค์ แต่เจ้าอยู่บนโลก เพราะฉะนั้นเจ้าควรจะพูดให้น้อยๆเข้าไว้ ยิ่งหมกมุ่นเท่าไหร่ก็ยิ่งเพ้อฝันมากเท่านั้น ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งส่อให้เห็นว่าโง่มากเท่านั้น

เมื่อเจ้าได้บนบานไว้กับพระเจ้า ก็อย่าได้รีรอที่จะแก้บนนั้น เพราะพระองค์ไม่ชอบคนโง่ เจ้าบนอะไรไว้ก็ให้แก้เสีย

ไม่บนบานเสียเลยย่อมดีกว่าบนบานแล้วไม่แก้ เพราะเหตุนี้ อย่าปล่อยให้ปากเป็นเหตุทำให้คุณทำบาป และอย่าพูดกับตัวแทนของพระเจ้าว่า “ผมไม่ได้ตั้งใจพูดอย่างนั้น” ทำไมจะต้องทำให้พระเจ้าโกรธเพราะคำพูดของคุณ แล้วทำให้พระองค์ทำลายงานที่คุณได้ทำมากับมือ คนเราชอบฝัน ชอบคิดเรื่องไร้สาระและชอบพูด แต่ให้ยำเกรงพระเจ้าดีกว่า

เหนือผู้นำยังมีผู้นำ

ถ้าคุณเห็นคนยากจนถูกกดขี่ข่มเหงในหมู่บ้านของคุณ หรือถูกปล้นสิทธิหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก เพราะเหนือเจ้านายคนนั้น ก็ยังมีเจ้านายของเขาเฝ้ามองอยู่ และเหนือเจ้านายทั้งสองคนนี้ ก็ยังมีเจ้านายของพวกเขาอีกทีหนึ่ง แม้แต่กษัตริย์ก็ยังได้ส่วนแบ่งจากการเพาะปลูกในแผ่นดิน พวกเขาก็ได้แบ่งผลประโยชน์ของแผ่นดินกันไป

เงินไม่สามารถซื้อความสุขได้

10 คนรักเงินก็ไม่เคยมีเงินพอ และคนรักความร่ำรวยก็ไม่เคยพอใจกับรายได้ นี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงเหมือนกัน

11 เมื่อมีข้าวของเงินทองเพิ่มขึ้น ก็จะมีคนมาช่วยผลาญมากขึ้น แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรกับเจ้าของ นอกจากจะได้แค่ชมเป็นขวัญตาเท่านั้น 12 กรรมกรมีความสุขนอนหลับสบาย ไม่ว่าเขาจะได้กินน้อยหรือมาก แต่ความเหลือเฟือของคนร่ำรวยทำให้เขานอนไม่หลับ

13 เราได้เห็นเรื่องเลวร้ายอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ คือคนที่สะสมความร่ำรวยไว้ให้กับตัวเอง และสุดท้ายก็ทำให้เขาต้องทุกข์ใจ

14 คือการที่เขาต้องสูญเสียความร่ำรวยไปหมดกับการลงทุนเสี่ยงภัย เขามีลูกชายหนึ่งคน แต่ก็ไม่มีอะไรเหลือในมือเพื่อให้กับลูกชายแล้ว

15 เขาออกมาจากท้องแม่ตัวเปล่า เขาก็ย่อมจะจากไปตัวเปล่าเหมือนเดิม ไม่ได้อะไรติดมือไปเลย จากงานหนักที่เขาได้ตรากตรำทำมา

16 ใช่แล้ว นี่แหละคือเรื่องเลวร้ายที่ทำให้รู้สึกแย่มาก

เขามาอย่างไร เขาก็จะไปอย่างนั้น แล้วเขาจะได้ประโยชน์อะไรที่ต้องทำงานหนักเพื่อได้มาแต่สิ่งลมๆแล้งๆ

17 ความจริงแล้ว ตลอดวันเวลาของเขานั้น เขาก็กินอยู่ในความมืด เต็มไปด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านใจ เจ็บไข้ได้ป่วย และโกรธแค้น

ให้มีความสุขกับการทำงาน

18 เราเห็นว่าสิ่งนี้ดีและเหมาะสม คือในช่วงชีวิตสั้นๆที่พระเจ้าประทานให้นี้ ให้แต่ละคนกินและดื่ม และมีความสุขกับงานหนักทั้งหมดที่ทำภายใต้ดวงอาทิตย์ เพราะสิ่งเหล่านั้นแหละเป็นรางวัลที่เขาได้รับ

19 นอกจากนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่พระเจ้าทำให้คนหนึ่งคนใดร่ำรวย ให้เขามีความสุขกับทรัพย์สมบัติและได้รับส่วนแบ่งของเขา และมีความสุขกับงานหนักที่ทำ ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นของขวัญจากพระเจ้า

20 เขาไม่ควรจะไปคิดมากเกี่ยวกับเรื่องในอดีตหรือเรื่องในอนาคต เพราะพระเจ้าทำให้เขาสาละวนอยู่กับสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข

ความร่ำรวยไม่ได้นำความสุขมาให้

มีเรื่องเลวร้ายอีกเรื่องหนึ่งที่เราได้เห็นภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ และมันก็หนักหนาสาหัสสำหรับมนุษย์ คือมีคนซึ่งพระเจ้ามอบความร่ำรวย ทรัพย์สมบัติ และชื่อเสียงเกียรติยศให้ จนเขาไม่ขาดอะไรเลยที่อยากได้ แต่พระเจ้าไม่ได้ให้เขาเสพสุขจากสิ่งเหล่านั้น แต่ให้คนอื่นมาเสพสุขแทน นี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง และเลวร้ายทำให้หดหู่ยิ่งนัก

ถ้าชายคนหนึ่งมีลูกสักร้อยคน และมีอายุยืนยาว แต่เขากลับบ่นเกี่ยวกับชีวิตที่เหลืออยู่ของเขา และบ่นว่าไม่ได้รับความสุขจากสิ่งดีๆที่มี และบ่นว่าไม่มีที่ฝังศพ เราขอบอกว่าเด็กที่ตายในท้องก็ยังดีกว่าเขาเสียอีก เพราะการเกิดมาของเด็กคนนั้นก็ไม่เที่ยง และเขาก็เข้าสู่ความมืด และชื่อของเขาก็ถูกความมืดปกคลุมไป

ถึงแม้เด็กน้อยนั้นจะยังไม่ทันได้เห็นดวงอาทิตย์ และยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย เด็กนั้นก็ยังมีความสงบสุขมากกว่าชายชราคนนี้เสียอีก

ถึงแม้ว่าชายคนนี้จะมีอายุยืนหนึ่งพันปีถึงสองครั้ง แต่ไม่พบความสุข แล้วจะมีประโยชน์อะไร เพราะสุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องไปอยู่ในจุดเดียวกันไม่ใช่หรือ

คนเราทำงานหนักก็เพื่อปากท้อง แต่ก็ไม่เคยเติมเต็มความอยากของตัวเองอยู่ดี

ถ้าอย่างนั้นคนฉลาดได้เปรียบคนโง่ตรงไหนหรือ

แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่คนจนเรียนรู้เพื่อที่จะจัดการกับชีวิต

ความพอใจกับสิ่งที่ตาได้เห็น ก็ยังดีกว่าความอยากที่ไม่รู้จบ นี่ก็เป็นสิ่งไม่เที่ยงเหมือนกัน เหมือนไล่ตามลม

10 ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาล้วนถูกกำหนดไว้แล้วทั้งสิ้น พระเจ้ารู้จักเส้นทางซึ่งพระองค์ได้กำหนดไว้ให้กับมนุษย์นั้น และพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะโต้เถียงกับพระเจ้าผู้ซึ่งมีกำลังกว่าได้

11 อันที่จริงแล้ว ยิ่งโต้เถียงมากเท่าไร ก็ยิ่งไร้สาระเท่านั้น มนุษย์ได้ประโยชน์อะไรจากการโต้เถียงนี้บ้าง

12 ใครจะไปรู้ว่า สิ่งไหนจะดีสำหรับมนุษย์ในช่วงเวลาแสนสั้นที่เขามีชีวิตอยู่ คือชีวิตอันไร้สาระ ที่ผ่านไปเหมือนเงา เพราะใครจะบอกได้บ้างว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเขาภายใต้ดวงอาทิตย์นี้

คำคมต่างๆ

ชื่อเสียงที่ดีย่อมดีกว่าน้ำหอมชั้นดี
    และวันตายของคนก็ดีกว่าวันเกิด
การไปบ้านที่กำลังไว้ทุกข์ย่อมดีกว่าไปบ้านที่กำลังเลี้ยงฉลอง
    เพราะว่าบ้านแรกคือจุดจบของทุกๆคน
    และคนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ควรตระหนักในเรื่องนี้
ความเศร้านั้นดีกว่าการหัวเราะ
    เพราะถึงแม้หน้าจะเศร้าแต่จิตใจนั้นได้รับบทเรียน
จิตใจของคนฉลาดย่อมอยู่ในบ้านที่ไว้ทุกข์
    และจิตใจของคนโง่ย่อมอยู่ในบ้านที่สนุกสนานรื่นเริง
ฟังคนฉลาดต่อว่าก็ยังดีกว่า
    ฟังเพลงที่คนโง่ร้อง
เพราะเสียงหัวเราะของคนโง่ก็เหมือนเสียงแตกของหนามที่ติดไฟอยู่ใต้หม้อ
    นี่ก็เป็นสิ่งไม่เที่ยงเหมือนกัน
การกดขี่ข่มเหงสามารถทำให้คนฉลาดกลายเป็นคนโง่
    และสินบนก็ทำให้ใจคดโกง
ทำจนจบย่อมดีกว่าแค่เริ่มต้น
    ใจอดทนย่อมดีกว่าใจหยิ่งยโส
อย่าให้จิตใจของคุณโกรธง่าย
    เพราะความโกรธนั้นอยู่ในอกของคนโง่
10 อย่าถามว่า “ทำไมคืนวันเก่าๆถึงดีกว่าทุกวันนี้”
    ไม่ฉลาดเลยที่ถามอย่างนั้น

11 สติปัญญานั้นดีเหมือนกับมรดก
    และเป็นประโยชน์แก่คนที่เห็นดวงอาทิตย์
12 เพราะว่าสติปัญญาปกป้องคนได้ ก็เหมือนกับเงินทองสามารถปกป้องคนได้
    ประโยชน์ของความรู้และสติปัญญาคือรักษาชีวิตของเจ้าของมัน
13 ให้เห็นและยอมรับสิ่งต่างๆที่พระองค์ทำ
    สิ่งที่พระเจ้าบิดให้งอจะมีใครทำให้มันตรงได้หรือ

14 ในวันที่ดีๆก็ให้สนุกกับมัน ส่วนในวันที่แย่ๆก็ให้คิดใคร่ครวญว่าทั้งสองวันนี้เป็นวันที่พระเจ้าสร้างไว้ เพื่อมนุษย์จะได้เดาไม่ถูกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาในอนาคต

15 ในวันคืนที่ไม่เที่ยงของเรานั้น เราก็ได้เห็นมาแล้วทุกอย่าง มีคนดีที่ต้องย่อยยับไป แม้เขาจะเป็นคนดี และมีคนเลวที่มีอายุยืนยาว แม้เขาจะชั่วช้า 16 อย่าเป็นคนดีเกินเหตุและอย่าฉลาดแสนรู้เกินไป เรื่องอะไรคุณจะต้องทำลายตัวเองด้วย 17 อย่าชั่วเกินไป และอย่าโง่เกินไป เรื่องอะไรคุณจะต้องมาตายก่อนเวลา 18 ยึดข้างหนึ่งไว้ก็ดีและอย่าปล่อยอีกข้างหนึ่งไป คนที่ยำเกรงพระเจ้าจะเดินสายกลาง

19 สติปัญญาทำให้คนหนึ่งเข้มแข็งกว่าเจ้าหน้าที่ปกครองเมืองสิบคน

20 แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ไม่มีใครหรอกในโลกนี้ที่แสนจะเป็นคนดี ทำแต่ความดีไม่เคยทำบาปเลย

21 อีกอย่างหนึ่งคุณอย่าไปสนใจคำพูดของคนอื่นทุกคำ เพราะกลัวว่าคุณอาจจะได้ยินทาสของคุณต่อว่าคุณในทางเสียๆหายๆได้ 22 คุณก็รู้อยู่แก่ใจดีว่า คุณเองก็เคยว่าคนอื่นเสียๆหายๆหลายครั้ง

23 เรื่องที่พูดมานี้ เราได้ทดสอบด้วยสติปัญญาแล้ว เราเคยพูดว่า เราจะเป็นคนฉลาด แต่ความฉลาดยังอยู่ห่างไกลจากเรา 24 ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มันเกินความเข้าใจของมนุษย์ และมันลึกล้ำเกินกว่าที่มนุษย์จะค้นพบ 25 เราตั้งใจที่จะเรียนรู้ ตรวจสอบและแสวงหาสติปัญญาและเหตุผล และเราตั้งใจที่จะเรียนรู้ว่าความชั่วร้ายเป็นเรื่องโง่บัดซบ และความโง่เขลาเป็นเรื่องบ้า 26 เราพบว่าผู้หญิงที่เป็นกับดัก[b]นั้น แย่ยิ่งกว่าความตายเสียอีก เธอมีหัวใจเป็นตาข่ายและมือเป็นโซ่มัด คนที่พระเจ้าชอบใจจะหนีพ้นจากเธอ ส่วนคนที่ไม่เอาไหน[c] จะถูกเธอจับไว้

27 ดูเสียสิ นี่คือสิ่งที่เราได้ค้นพบ อาจารย์พูดว่าอย่างนั้น เราได้เอาเรื่องหนึ่งมาปะติดปะต่อเข้ากับอีกเรื่องหนึ่งเพื่อหาคำตอบ 28 เราได้ทุ่มสุดชีวิตหาแล้วหาอีก แต่ก็ไม่พบคำตอบ แต่เราได้พบชายผู้มีสติปัญญาหนึ่งในพันคนแล้ว แต่ไม่พบผู้หญิงสักคนในพันคนนั้น 29 นี่แหละ คือสิ่งเดียวที่เราพบ คือ พระเจ้าได้สร้างมนุษย์ให้เป็นคนดี แต่พวกเขากลับเหลี่ยมจัด

สติปัญญาและอำนาจ

ใครกันล่ะที่เป็นคนฉลาดจริงๆ
    และใครกันล่ะสามารถอธิบายสิ่งต่างๆได้
สติปัญญาทำให้ใบหน้าสดใส
    และทำให้หน้าบึ้งตึงเปลี่ยนไป

เราขอบอกว่า ให้ทำตามคำสั่งของกษัตริย์เหมือนกับที่เจ้าทำตามคำสาบานที่ให้กับพระเจ้า ไม่ต้องกลัวกษัตริย์หรอก เมื่ออยู่ต่อหน้าพระองค์ พระองค์สั่งให้ทำอะไร ก็ทำไปเลย แต่อย่าไปมีส่วนร่วมกับพวกกบฏก็แล้วกัน เพราะพระองค์มีอำนาจที่จะจัดการกับทุกอย่างตามใจชอบ เพราะคำพูดของกษัตริย์นั้นมีอำนาจ ใครจะกล้าถามพระองค์ว่า “พระองค์กำลังทำอะไรอยู่” คนที่ทำตามคำสั่งจะไม่ได้รับอันตราย และคนฉลาดย่อมจะรู้เวลาและวิธีการอันเหมาะสม

เพราะอันที่จริงแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็มีเวลาและวิธีของมัน แต่ปัญหาของคนๆหนึ่งก็หนักสำหรับเขา เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นและไม่มีใครบอกเขาได้ว่าผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร ไม่มีใครมีอำนาจเหนือลมที่จะไปหยุดยั้งมันได้ เหมือนกับที่ไม่มีใครมีอำนาจเหนือวันตาย ไม่มีทางที่ทหารจะถูกปลดประจำการในระหว่างการสู้รบอยู่ ไม่มีทางที่ความชั่วจะช่วยกู้ชีวิตของคนทำชั่วได้

เราเคยเห็นเรื่องพวกนี้มาหมดแล้ว และเราก็ได้ใคร่ครวญถึงการกระทำทุกอย่างซึ่งกระทำกันภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ เราเห็นว่าทุกวันนี้เมื่อคนหนึ่งมีอำนาจเหนืออีกคนหนึ่ง เขาก็จะใช้อำนาจนั้นทำร้ายคนนั้น 10 แล้วเราก็เห็นพวกคนชั่วได้รับการฝังอย่างมีเกียรติ แล้วก็เคยเดินเข้าออกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์กันเป็นว่าเล่น แต่ทุกคนในเมืองกลับลืมคนที่ทำถูกต้องไป นี่ก็เป็นเรื่องไม่เที่ยงเหมือนกัน

ดูเหมือนว่าชีวิตจะไม่ยุติธรรม

11 เมื่อคนที่ทำชั่วไม่โดนลงโทษทันที คนถึงกล้าทำชั่ว 12 คนบาปทำชั่วเป็นร้อยๆครั้งแต่ก็ยังมีอายุยืน ทั้งๆที่เราก็รู้ทั้งรู้ว่าคนที่ยำเกรงพระเจ้าและยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ด้วยความเกรงกลัวจะได้ดี 13 แต่คนชั่วจะไม่ได้รับผลดีหรอกและจะไม่มีอายุยืนยาวด้วย พวกเขาจะเป็นเหมือนเงาเพราะไม่ยำเกรงต่อหน้าพระเจ้า

14 แต่ว่ามีเรื่องที่ไม่เที่ยงเกิดขึ้นในโลกนี้ คือ บางครั้งมนุษย์ก็ทำกับคนดีๆเหมือนกับว่าเขาเป็นคนเลว และทำกับคนเลวเหมือนกับว่าเขาเป็นคนดี สรุปแล้ว นี่ก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน 15 ดังนั้นเราแนะนำให้หาความสุขสนุกสนาน เพราะไม่มีอะไรดีสำหรับมนุษย์ที่อยู่ใต้ดวงอาทิตย์นี้ ยกเว้นการกินดื่มและหาความสุขสนุกสนานใส่ตัว เพื่อความสุขนี้จะอยู่กับเขาเมื่อต้องทำงานหนัก ตลอดวันเวลาของชีวิตที่พระเจ้าให้กับเขาภายใต้ดวงอาทิตย์นี้

เราไม่เข้าใจทุกสิ่งที่พระเจ้าทำหรอก

16 เมื่อเราตั้งใจเรียนรู้ถึงสติปัญญาและสังเกตทุกสิ่งที่ผู้คนทำกันในโลกนี้ ทำให้เรานอนไม่หลับทั้งวันทั้งคืน 17 แล้วเราก็ได้ดูงานทั้งหมดของพระเจ้า และเห็นว่าไม่มีใครสามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ได้หรอก ไม่ว่าจะพยายามขนาดไหนก็ตาม เขาก็จะไม่มีวันค้นพบ แม้แต่คนฉลาดที่คิดว่าตัวเองรู้แล้วก็ยังไม่มีปัญญาค้นพบเลย

ความตายยุติธรรมหรือเปล่า

ใช่แล้ว เราได้ใส่ใจและตรวจสอบเรื่องทั้งหมดนี้ แล้วเห็นว่าคนดีและคนฉลาดและสิ่งต่างๆที่เขาทำ แม้กระทั่งความรักและความเกลียดของเขา ล้วนแล้วแต่อยู่ในกำมือของพระเจ้า ไม่มีใครรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นกับตัวเขาเองในอนาคต ทุกคนตกอยู่ในสภาพเดียวกันหมด คือ จะต้องเจอกับชะตากรรมเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นคนบริสุทธิ์หรือคนเลว คนดีหรือคนชั่ว คนบริสุทธิ์หรือคนไม่บริสุทธิ์ คนที่ถวายเครื่องบูชา หรือคนที่ไม่ถวายเครื่องบูชา คนที่ชอบสาบานหรือคนที่กลัวการสาบาน ในบรรดาสิ่งต่างๆทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์ นี่ก็เป็นเรื่องเลวร้ายอีกเรื่อง คือการที่ทุกคนจะต้องประสบกับชะตากรรมเดียวกัน แถมหัวใจของมนุษย์ยังเต็มไปด้วยความชั่วร้าย จิตใจเต็มไปด้วยความบ้าบอตอนยังมีชีวิตอยู่ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ตายกัน จะมีใครเลือกชะตากรรมของตัวเองได้หรือ แต่สำหรับคนเป็นนั้น เขาสามารถมั่นใจได้เรื่องหนึ่ง อย่างที่คนพูดกันว่า

“หมาเป็นย่อมดีกว่าสิงโตที่ตายแล้ว”

เพราะคนเป็นมั่นใจได้แน่ว่าเขาจะต้องตายแน่ๆ แต่คนตายไม่รู้อะไรเลย และคนตายก็จะไม่ได้รับรางวัลอะไรอีกแล้ว เพราะผู้คนต่างก็พากันลืมพวกเขาไปหมด ความรัก ความเกลียดชัง และความอิจฉาของพวกเขาหายวับไปหมด และพวกเขาก็ไม่มีส่วนในสิ่งทั้งหลายซึ่งเกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์นี้อีกแล้ว

สนุกกับชีวิตในขณะที่ยังทำได้

ไปสิ ไปกินขนมปังของคุณอย่างมีความสุขและดื่มเหล้าองุ่นของคุณด้วยความชื่นชมยินดี เพราะพระเจ้าเห็นชอบกับเรื่องพวกนี้ ใส่เสื้อผ้าเหมือนเตรียมพร้อมจะไปงานรื่นเริงเสมอและใส่น้ำหอมด้วย ให้มีความสุขร่วมกับภรรยาที่คุณรักตลอดวันเวลาอันไม่เที่ยงของชีวิตนี้ ที่คุณได้รับมาภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ เพราะนั่นคือส่วนแบ่งของชีวิตคุณ สำหรับงานหนักที่คุณตรากตรำทำมาภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ 10 สิ่งที่มือคุณทำได้ก็ให้ทำสุดแรงเกิดไปเลย เพราะในแดนคนตายที่จะต้องไปนั้น จะไม่มีการลงมือทำอะไรเลย ไม่มีแม้แต่ความคิด ความรู้ หรือสติปัญญา

ชีวิตนี้ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย

11 เราได้เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์ด้วย ที่ว่า คนที่วิ่งเร็วที่สุด ก็ไม่ใช่จะเป็นผู้ชนะเสมอไป ฝ่ายที่มีกำลังเหนือกว่า ก็ไม่ใช่ว่าจะชนะสงครามเสมอไป หรือคนที่มีสติปัญญา ก็ไม่ใช่ว่าจะมีอาหารกินเสมอไป หรือคนที่มีความเข้าใจ ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องร่ำรวยเสมอไป หรือคนที่มีความรู้มาก ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องได้รับการยกย่องเสมอไป เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้กับทุกคน

12 ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะตายเมื่อไหร่ เหมือนกับปลาที่ติดในร่างแหอันโหดร้าย เหมือนพวกนกที่ติดในกับดัก คนเราก็เหมือนกัน จะตกเข้าไปในกับดักเมื่อยามซวยมาถึงอย่างไม่ทันตั้งตัว

ฤทธิ์อำนาจของสติปัญญา

13 นี่ก็เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งเกี่ยวกับสติปัญญา ที่เราได้เห็นเกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ เราว่ามันน่าคิดทีเดียว 14 มีเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งที่มีคนอยู่ไม่มากนัก ต่อมามีกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่บุกมาโจมตีล้อมเมืองไว้ และสร้างเครื่องมือต่างๆเพื่อบุกทะลวงกำแพงเข้าไป 15 แล้วปรากฏว่ามีชายยากจนคนหนึ่งในเมืองนั้นที่มีสติปัญญา สามารถที่จะช่วยให้เมืองนั้นรอดพ้นจากการโจมตีได้ แต่ไม่มีใครสนใจชายยากจนคนนั้น 16 สรุปว่า ความฉลาดนั้นย่อมจะดีกว่ากำลังพล แต่ความฉลาดของชายยากจนเป็นที่ดูถูกดูหมิ่น และไม่มีใครยอมฟังคำพูดของเขา

17 คำพูดที่คนมีสติปัญญาพูดออกมาเบาๆมันสมควรฟัง
    มากกว่าเสียงตะโกนของผู้นำในพวกคนโง่
18 สติปัญญา ย่อมดีกว่าอาวุธในสงคราม
    แต่คนไม่เอาไหน[d] เพียงคนเดียวก็สามารถทำลายสิ่งดีๆได้มากมาย

10 แมลงวันตายไม่กี่ตัวในน้ำหอมก็ทำให้น้ำหอมเหม็นได้
    ความโง่เล็กๆน้อยๆสามารถทำลาย[e] ความฉลาดและชื่อเสียงได้
ใจของคนมีสติปัญญาเอนเอียงไปในทางที่ถูก
    ใจของคนโง่เอนเอียงไปในทางที่ผิด[f]
นอกจากนี้ เมื่อคนโง่เดินไปตามทาง เนื่องจากไม่มีสมองคิด
    เขาก็เลยประกาศความโง่ของเขาออกมาให้กับทุกคน
ถ้าผู้นำโกรธคุณขึ้นมา อย่าเพิ่งลาออกจากตำแหน่ง
    เพราะว่าความใจเย็นสามารถเอาชนะความผิดพลาดทั้งหลายได้

เราได้เห็นเรื่องเลวร้ายเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์ เป็นความผิดที่ผู้นำก่อขึ้นคือ คนโง่ได้รับการแต่งตั้งไว้ในตำแหน่งสูง ส่วนคนรวยกลับได้รับตำแหน่งที่ต่ำต้อย เราเห็นทาสขี่อยู่บนหลังม้า ส่วนพวกเจ้าฟ้ากลับต้องมาเดินเท้าอย่างกับทาส

งานทุกอย่างมีความเสี่ยง

คนที่ขุดร่อง อาจจะตกลงไปในร่อง
    และคนที่รื้อกำแพงลง อาจจะถูกงูกัด
คนที่ทำงานในเหมืองหิน อาจจะบาดเจ็บจากหินพวกนั้น
    คนที่ตัดไม้ อาจจะเจ็บตัวเพราะมัน
10 ถ้าขวานทื่อและไม่ได้ลับให้คม
    คนที่ใช้ฟันก็จะต้องออกแรงมาก
    แต่ถ้าใช้สติปัญญาก็จะได้เปรียบกว่า
11 ถ้างูกัดเสียก่อนที่มันจะถูกสะกด
    ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมีหมองู
12 คำพูดจากปากของคนมีสติปัญญาทำให้คนชอบเขา
    แต่คำพูดจากริมฝีปากของคนโง่ทำลายตัวเขาเอง
13 คนโง่เริ่มพูดเมื่อไหร่ก็มีแต่เรื่องโง่ๆ
    และเขาจบลงด้วยเรื่องไร้สาระอันเลวร้าย
14 แต่คนโง่ก็ยังชอบที่จะพูดมาก
    ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น
    จะมีใครล่ะที่จะบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
15 งานของคนโง่จะต้องทำให้เขาหมดแรงแน่ๆ
    เพราะขนาดทางเข้าเมืองก็ยังหาไม่เจอเลย

คุณค่าของงาน

16 น่าอับอายจริงๆสำหรับเจ้า แผ่นดินที่มีกษัตริย์ที่ยังเป็นเด็กอยู่
    และมีพวกเจ้าชายที่ชอบจัดงานเลี้ยงกันตั้งแต่เช้า
17 น่านับถือจริงๆสำหรับเจ้า แผ่นดินที่มีกษัตริย์อันสูงส่ง
    และมีเจ้าชายที่จัดงานเลี้ยงในเวลาอันเหมาะสม
    พวกเขาควบคุมตัวเองได้ และไม่เมามาย
18 เพราะความขี้เกียจ หลังคาถึงได้พังลงมา
    และเพราะไม่เอาใจใส่ บ้านถึงได้รั่ว
19 อาหารเตรียมไว้สำหรับกินกันอย่างสนุกสนาน
    และเหล้าองุ่นให้ความสุขกับชีวิต
    แต่เงินเป็นคำตอบสำหรับทุกสิ่ง[g]

การนินทา

20 อย่าได้ต่อว่ากษัตริย์ในทางที่เสียๆหายๆ แม้แต่กับเพื่อนสนิทก็อย่าทำเลย
    อย่าได้ต่อว่าคนรวยในทางที่เสียๆหายๆ แม้แต่ตอนที่อยู่ในห้องนอนของเจ้า
เพราะนกในอากาศอาจจะคาบเอาคำพูดของเจ้าไปบอกคนอื่น
    และสัตว์ปีกทั้งหลายอาจจะเอาเรื่องที่เจ้าพูดไปรายงานก็ได้

ให้เผชิญหน้ากับอนาคตอย่างกล้าหาญ

11 ให้หว่านความดีไปทั่ว แล้วอีกไม่กี่วัน
    ความดีนั้นก็อาจจะหวนกลับมาหาเจ้า[h]
ให้แบ่งปันของที่เจ้ามีไปให้กับคนเจ็ดคนหรือแปดคนก็ได้
    ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายอะไรขึ้นบ้างในแผ่นดินนี้
เมื่อเห็นเมฆก่อตัวกันหนาทึบ พวกมันจะเทฝนลงมาบนแผ่นดินอย่างแน่นอน
    และเมื่อเห็นต้นไม้ล้มลง ไม่ว่าจะล้มไปทางใต้หรือทางเหนือก็ตาม มันก็จะอยู่ตรงนั้นของมันไม่ไปไหน
คนที่คอยดูลมฟ้า ก็จะไม่ได้เพาะปลูก
    และคนที่คอยดูเมฆฝน ก็จะไม่ได้เก็บเกี่ยว

ก็เหมือนกับที่เจ้าไม่รู้ว่าลมมันพัดไปมาได้ยังไง หรือ กระดูกของเด็กทารกมันก่อเกิดขึ้นมาได้ยังไงในท้องแม่ เจ้าก็จะไม่มีวันที่จะเข้าใจการงานของพระเจ้าผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาเหมือนกัน

ในตอนเช้าก็ให้หว่านเมล็ดพืช และอย่าให้มือได้หยุดพักเลยในตอนเย็น เพราะเจ้าไม่รู้ว่าเมล็ดไหนจะเกิดผลดี จะเป็นอันนี้หรืออันนั้น หรือจะดีเหมือนกันทั้งสองอัน

ให้รับใช้พระเจ้าเมื่อยังเป็นหนุ่มสาวอยู่

แสงสว่างนั้นหวานชื่นและเป็นสิ่งที่ดีที่ดวงตามองเห็นดวงอาทิตย์ ถึงแม้คนหนึ่งจะมีชีวิตอยู่นานหลายปี เขาก็ควรจะมีความสุขในวันปีเหล่านั้นทั้งหมด แต่ให้เขาระลึกไว้ว่า วันแห่งความมืดพวกนั้นอาจจะมีมากมาย ทุกสิ่งที่กำลังจะมาถึงนั้นไม่เที่ยง

ดังนั้น หนุ่มสาวเอ๋ย ให้สนุกสนานเถอะในขณะที่ยังเป็นหนุ่มเป็นสาวกันอยู่ ปล่อยใจให้ยินดีไปกับวันคืนของความเป็นหนุ่มสาวนั้น และทำตามที่ใจของเจ้าเรียกร้อง และไปตามสิ่งที่ดวงตาของเจ้าอยากได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ให้รู้ไว้ว่าพระเจ้าจะตัดสินเจ้าจากเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด

10 ขจัดความหงุดหงิดรำคาญออกจากจิตใจของเจ้าเสีย แล้วก็สลัดปัญหาต่างๆทิ้งไปจากร่างกายด้วย เพราะว่าความเป็นหนุ่มสาวและผมที่ดกดำนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง

ปัญหาต่างๆตอนแก่

12 ให้นึกถึงผู้ที่สร้างเจ้ามา ในวันเวลาซึ่งเจ้ายังเป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่ ก่อนยามทุกข์ยากจะมาถึง และก่อนที่ปีเหล่านั้นจะมาถึง ที่เจ้าจะพูดว่า “ฉันไม่มีความสุขในช่วงเวลาเหล่านี้แล้ว”

ก่อนที่แสงของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวจะมืดไป และก่อนที่เมฆจะหวนกลับมาอีกครั้งหลังจากฝนตกไปแล้ว

เมื่อคนเฝ้าบ้านจะกลัวจนตัวสั่นงันงก คนแข็งแรงจะหลังค่อมไป และพวกผู้หญิงโม่แป้งก็จะหยุดโม่ไป เพราะเหลือกันไม่กี่คน และดวงตาของผู้หญิงพวกนั้นที่มองออกไปนอกหน้าต่างก็จะมืดมัวไป เมื่อประตูคู่ที่ตรงไปสู่ตลาดปิดลง เสียงโม่แป้งเริ่มแผ่วลง และเสียงนกก็ดังขึ้น และพวกนักร้องหญิงเงียบเสียงลง

เมื่อมีคนกลัวความสูง และมีสิ่งน่าสยดสยองต่างๆบนท้องถนน ต้นอัลมอนด์ออกดอก ตั๊กแตนตัวอ้วนพี และผลเบอร์รี่ปริแตก เมื่อมนุษย์ไปยังบ้านที่อยู่ชั่วนิรันดร์ของพวกเขา และพวกคนไว้ทุกข์ก็เดินไปมาบนถนน

ความตาย

ให้นึกถึงผู้ที่สร้างเจ้า
    ก่อนที่สายเงินจะขาดและชามทองคำจะแตกป่นปี้
    ไหที่บ่อน้ำพุจะแตกและลูกรอกที่บ่อน้ำจะแตกด้วย
เมื่อผงคลีกลับไปเป็นดินเหมือนที่มันเคยเป็น
    และเมื่อวิญญาณกลับไปหาพระเจ้าผู้ซึ่งให้มันมา

อาจารย์พูดว่า ทุกสิ่งทุกอย่างช่างไม่เที่ยงเอาเสียเลย ทุกสิ่งช่างไม่เที่ยง

บทสรุป

นอกจากอาจารย์จะเป็นคนที่มีสติปัญญาแล้ว ท่านก็ยังสอนความรู้ให้กับคนทั่วไปอีกด้วย ท่านได้ทดลอง ค้นหา และเรียบเรียงสุภาษิตขึ้นมาหลายข้อ 10 อาจารย์พยายามหาคำต่างๆที่ไพเราะ และท่านได้เขียนถ้อยคำแห่งความจริง อย่างตรงไปตรงมา

11 ถ้อยคำของคนฉลาดก็เหมือนปฏัก[i] ทั้งหลาย คำพูดดีๆที่ได้รวบรวมไว้ เป็นเหมือนเหล็กแหลมที่โผล่อยู่ปลายไม้กระทุ้งที่ผู้เลี้ยงคนไหนๆก็สามารถเอาไปใช้ได้ทันที 12 ลูกชายของเรา ระวังคำสอนอื่นนอกเหนือจากคำพูดเหล่านี้ การเขียนหนังสือนั้นไม่มีวันจบ และการศึกษาร่ำเรียนมากเกินไปจะทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า

13 เมื่อจบเรื่องนี้แล้ว และเมื่อทุกคนได้ยินคำสอนทั้งหมดนี้แล้ว ก็ขอให้ยำเกรงพระเจ้าและรักษาคำสั่งสอนต่างๆของพระองค์ไว้ เพราะนี่เป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคน 14 เพราะพระเจ้าจะนำการกระทำทุกอย่างเข้าสู่การพิพากษา รวมทั้งเรื่องที่ปิดบังเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือร้ายก็ตาม

สุดยอดแห่งเพลงไพเราะที่อุทิศให้กับกษัตริย์ซาโลมอน[j]

หญิงสาวพูดกับคู่รักของนาง

ฉันอยากให้เธอจูบฉันซ้ำแล้วซ้ำอีก
    เพราะการร่วมรักของเธอนั้นให้ความสุขยิ่งกว่าเหล้าองุ่น
น้ำหอมของเธอช่างมีกลิ่นหอมเหลือเกิน
    เมื่อเอ่ยถึงชื่อเธอ มันหอมเหมือนกับน้ำหอมที่ถูกเทออกจากขวด
    นั่นแหละคือเหตุที่หญิงสาวทั้งหลายหลงใหลเธอ
โปรดพาฉันไปด้วย รีบไปกันเถอะ
    กษัตริย์ของฉัน พาฉันไปที่ห้องของพระองค์ด้วยเถิด
ให้เราสนุกสนานกันและมีความสุขเพราะเธอ
    เราจะเฉลิมฉลองการร่วมรักของเธอที่ให้ความสุขยิ่งกว่าเหล้าองุ่น
    มิน่าละหญิงสาวทั้งหลายถึงได้หลงใหลเธอ

หญิงสาวพูดกับพวกเพื่อนสาว

หญิงสาวแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย
    ฉันผิวดำแต่สวย
ฉันดำเหมือนกับเต็นท์ของเผ่าเคดาร์
    และสวยเหมือนผ้าม่านในวิหารของซาโลมอน
ไม่ต้องมองฉัน ที่ฉันผิวดำนี้
    เพราะดวงอาทิตย์จ้องฉันเขม็งอยู่แล้ว
พวกพี่ชายฉันโกรธเคืองฉัน
    และตั้งให้ฉันเป็นคนเฝ้าดูแลพวกสวนองุ่นของพวกเขา
    ฉันก็เลยไม่สามารถดูแลสวนองุ่นของตัวเอง[k]

หญิงสาวพูดกับคู่รัก

เธอผู้เป็นสุดที่รักของฉัน บอกฉันหน่อยสิว่า
    เธอเลี้ยงฝูงสัตว์ของเธออยู่ที่ไหน
และตอนเที่ยงวัน เธอให้แกะของเธอนอนพักที่ไหน บอกฉันสิ
    เพื่อฉันจะได้ไม่หลงเข้าไปหาผิดที่ ไปอยู่ใกล้กับฝูงสัตว์ของเพื่อนๆเธอ

ชายหนุ่มพูดตอบนาง

นางผู้งดงามกว่าหญิงอื่นใด
    ถ้าเธอไม่รู้ว่าจะตามหาฉันได้ที่ไหน
ก็ให้ตามรอยเท้าของฝูงสัตว์ไป
    และปล่อยให้ฝูงแพะหนุ่มของเธอกินหญ้าใกล้ๆกับเต็นท์ของพวกคนเลี้ยงแกะ

ที่รักจ๋า เธอทำให้ฉันคึก
    เหมือนกับม้าสาวที่อยู่ท่ามกลางพวกม้าหนุ่มที่ลากรถรบทั้งหลายของกษัตริย์ฟาโรห์
10 แก้มของเธอนั้นสวยด้วยต่างหู
    ลำคอของเธอก็ช่างงดงามด้วยลูกปัด
11 เราจะทำสร้อยคอทองคำ
    ประดับด้วยลูกปัดเงินให้กับเธอ

หญิงสาวพูด

12 ตอนที่กษัตริย์ฉันนอนอยู่บนเตียงนอนเล่น
    น้ำหอมของฉันส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว
13 ที่รักของฉันเป็นเหมือนถุงน้ำหอม
    ที่ซบอยู่ระหว่างอกของฉันตลอดคืน
14 ที่รักของฉันเป็นเหมือนช่อดอกเฮนนา[l]
    ที่อยู่ในพวกสวนองุ่นแห่งเมืองเอนเกดี[m]

ชายหนุ่มพูด

15 ที่รักจ๋า เธอช่างสวยงาม
    สวยงามเหลือเกิน
    ดวงตาของเธอเปรียบดังนกเขา

หญิงสาวพูด

16 ที่รักจ๋า เธอช่างหล่อเหลา
    มีเสน่ห์เหลือเกิน
    เตียงของเราคือทุ่งหญ้าเขียวสด
17 มีต้นสนซีดาร์เป็นหลังคา
    มีต้นสนเฟอร์เป็นเพดาน
ฉันเป็นแค่ดอกไม้ดอกหนึ่งในที่ราบชาโรน
    เป็นแค่ดอกลิลลี่ดอกหนึ่งท่ามกลางหุบเขาทั้งหลาย

ชายหนุ่มพูด

เมื่อเปรียบที่รักของฉันกับหญิงสาวอื่นๆ
    เธอเป็นเหมือนกับดอกลิลลี่ท่ามกลางพงหนาม

หญิงสาวพูด

เมื่อเปรียบที่รักของฉันกับชายหนุ่มอื่นๆ
    เขาเป็นเหมือนต้นแอปเปิ้ลท่ามกลางต้นไม้ป่า
ฉันมีความสุขมากที่ได้นั่งอยู่ใต้ร่มเงาของเขา
    และผลของเขาก็หวานถูกปากเหลือเกิน
เขาพาฉันไปยังที่ที่เราจะได้ดื่มด่ำกับเหล้าองุ่นกัน
    เขาอยากจะร่วมรักกับฉัน
ขอขนมองุ่นแห้งเพื่อเสริมกำลังฉันด้วย
    ขอผลแอปเปิ้ลหล่อเลี้ยงฉันด้วย
    ฉันกระหายรักของเธอแทบขาดใจ
แขนซ้ายของเขาช้อนอยู่ใต้หัวฉัน
    และมือขวาของเขาก็ลูบไล้ฉัน
พวกสาวๆแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย ฉันขอให้เธอทั้งหลายสาบานต่อหน้าเลียงผาหรือกวางตัวเมียว่า
    พวกเธอจะไม่ปลุกเร้าหรือกระตุ้นความรักให้ตื่น
    จนกว่าความรักนั้นจะสุกงอม

หญิงสาวพูด

ฟังสิ นั่นเสียงชายคนรักของฉัน
    ดูสิ เขากำลังมาแล้ว
เขากำลังเต้นรำอยู่บนภูเขาเหล่านั้น
    และกระโดดโลดเต้นอยู่บนเนินเขา
ที่รักของฉันเหมือนกับเลียงผาหรือกวางหนุ่ม
    นั่นไง เขากำลังยืนอยู่นอกกำแพงของเรา
กำลังจ้องลอดหน้าต่างเข้ามา
    กำลังแอบมองลอดไม้ระแนงเข้ามา
10 ที่รักของฉันพูดกับฉันว่า
    “ที่รักจ๋า ลุกขึ้นเถิด คนสวยของฉัน ไปกันเถอะ
11 เพราะฤดูหนาวได้ผ่านพ้นไปแล้ว
    และฝนก็หยุดตกแล้ว
12 ดอกไม้ทั้งหลายบานสะพรั่งไปทั่วผืนดิน
    ถึงเวลาร้องเพลงกันแล้ว
    นกเขากำลังขันคูไปทั่วแผ่นดิน
13 ผลมะเดื่อกำลังสุก
    ต้นองุ่นกำลังออกดอกบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว
ที่รักจ๋า ลุกขึ้นเถิด
    คนสวยของฉัน ไปกันเถอะ”

14 “แม่นกเขาของฉันที่ซ่อนตัวอยู่ในรอยแตกของภูผาสูง
    ออกมาให้ฉันเห็นตัวหน่อย
ส่งเสียงให้ฉันได้ยินหน่อย
    เพราะเสียงของเธอช่างไพเราะ
    และรูปร่างหน้าตาเธอนั้นก็ช่างงดงาม”

15 “จับพวกสุนัขจิ้งจอกให้เรา สุนัขจิ้งจอกตัวเล็กๆที่ทำลายสวนองุ่น
    เพราะสวนองุ่นของเรากำลังผลิดอก”

16 ที่รักของฉัน เป็นของฉันและฉันก็เป็นของเขา
    เขากำลังเล็มพืชอยู่ท่ามกลางดอกลิลลี่[n]
17 กลับมาเถิด ที่รักของฉัน
    ขอให้ท่านเป็นเหมือนเลียงผาหรือกวางหนุ่มบนเทือกเขาบีเธอร์[o]
    จนวันใหม่ย่างเข้ามาและเงาแห่งค่ำคืนหนีไป

หญิงสาวพูด

ในค่ำคืน บนที่นอนของฉัน
    ฉันโหยหาชายผู้เป็นที่รักของฉัน
    ฉันโหยหาเขา แต่ไม่พบเขา
ฉันจะลุกขึ้นและออกท่องไปรอบเมือง
    ไปตามท้องถนน ตามพวกลานเมือง
ฉันจะตามหาเขาผู้เป็นชายในดวงใจของฉัน
    ฉันตามหาเขา แต่ก็หาไม่พบ
พวกยามที่ลาดตระเวนในเมืองได้เจอฉัน
    ฉันถามพวกเขาว่า “ท่านพบชายในดวงใจคนนั้นของฉันไหม”
พอจากทหารยามมาได้ประเดี๋ยวเดียว
    ฉันก็พบกับชายในดวงใจคนนั้นของฉัน
ฉันจับเขาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย
    จนได้พาเขาไปถึงบ้านของแม่ฉัน
    และเข้าไปในห้องที่แม่ฉันตั้งท้องฉันขึ้นมา

พวกสาวๆแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย ฉันขอให้เธอทั้งหลายสาบานต่อหน้าเลียงผาหรือกวางตัวเมียว่า
    พวกเธอจะไม่ปลุกเร้าหรือกระตุ้นความรักให้ตื่นจนกว่าความรักนั้นจะสุกงอมแล้ว

พวกหญิงสาวแห่งเยรูซาเล็มพูด

นั่นมันอะไรกันที่กำลังมาจากที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
    ดูเหมือนกลุ่มควัน หอมเหมือนมดยอบ กำยานและแป้งหอมทุกชนิดของพ่อค้า

หญิงสาวพูด

ดูสิ นี่เป็นเกี้ยวของซาโลมอน
    ที่ห้อมล้อมด้วยยอดนักรบหกสิบคนของอิสราเอล
พวกเขาล้วนเป็นนักดาบที่ชำนาญผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน
    แต่ละคนเหน็บดาบไว้ข้างตัวพร้อมต่อสู้กับภัยทั้งหลายในค่ำคืน

กษัตริย์ซาโลมอนสร้างเกี้ยวนี้
    ขึ้นด้วยไม้นำเข้าจากเลบานอน
10 เสาของมันห่อหุ้มด้วยเงิน
    หลังคาครอบทำด้วยเส้นใยทองคำ
เบาะนั่งทำด้วยผ้าสีม่วง
    และภายในมันประดับขึ้นมาด้วยความรัก

11 หญิงสาวแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย ออกมาเถิด หญิงสาวแห่งศิโยนเอ๋ย
    มาดูกษัตริย์ซาโลมอนเถิด
มองดูมงกุฎที่แม่ของเขาสวมใส่ให้แก่เขา
    ในวันที่เขาแต่งงาน
    ซึ่งเป็นวันที่หัวใจของเขาเบิกบานที่สุด

ชายหนุ่มพูดกับหญิงสาว

ที่รักจ๋า เธอช่างสวยงามเหลือเกิน
    ช่างสวยงามเสียจริงๆ
ดวงตาของเธอที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้านั้นก็เหมือนกับนกเขาสองตัว
    ผมของเธอเปรียบเหมือนฝูงแพะที่เดินพลิ้วลงมาเป็นระลอกจากภูเขากิเลอาด
ฟันของเธอนั้นขาวเหมือนกับฝูงแกะตัวเมียที่ตัดขนแล้วเพิ่งขึ้นมาจากการล้างตัว
    แต่ละซี่ก็มีคู่แฝดล่างบนไม่มีหลุดไปเลยสักซี่
ริมฝีปากของเธอนั้นแดงเหมือนด้ายแดงสดสวยและปากของเธอนั้นก็ช่างงดงาม
    แก้มที่อยู่ใต้ผ้าคลุมหน้าของเธอนั้นสีชมพูเหมือนผลทับทิมผ่าซีก
ลำคอยาวระหงของเธอเปรียบเหมือนหอคอยของดาวิด ที่ก่อขึ้นด้วยหินเป็นชั้นๆ
    มีโล่[p]นับพันแขวนไว้กับเกราะป้องกันทุกชนิดของนักรบอยู่ที่นั่น
นมสองเต้าของเธอนั้นเปรียบดังลูกกวางคู่หนึ่งหรือเลียงผาฝาแฝด
    ที่กำลังเล็มพืชอยู่ท่ามกลางดอกลิลลี่
จนวันใหม่ย่างเข้ามาและเงาแห่งค่ำคืนหนีไป
    ฉันจะรีบเดินทางไปที่ภูเขาแห่งมดยอบและเนินเขาแห่งกำยานหอม[q]
ที่รักจ๋า เธอช่างสวยหมดจด
    ในตัวเธอไม่มีที่ติเลย
เจ้าสาวของฉันไปจากเลบานอนกับฉันเถิด
    ไปจากเลบานอนกับฉันเถิด
รีบลงมาจากยอดเขาอามานา
    จากยอดเขาเสนีร์ และจากยอดเขาเฮอร์โมนเถิด[r]
    ลงมาจากพวกถ้ำของสิงโต
    ลงมาจากภูเขาทั้งหลายที่พวกเสือดาวอยู่กันเถิด

น้องจ๋า น้องได้กุมหัวใจของพี่ไว้แล้ว เจ้าสาวของฉัน
    แค่เห็นเธอชายตามาแวบเดียว
    แค่เห็นสร้อยเส้นหนึ่งบนคอเธอ เธอได้กุมหัวใจของฉันไว้แล้ว
10 น้องจ๊ะ เจ้าสาวที่รักของฉันจ๋า การร่วมรักกับเธอนั้นช่างงดงาม
    การร่วมรักกับเธอนั้นให้ความสุขยิ่งกว่าเหล้าองุ่น
    กลิ่นน้ำหอมของเธอนั้นก็หอมยิ่งกว่าเครื่องเทศใดๆ
11 เจ้าสาวของฉัน ริมฝีปากของเธอหวานหยดย้อยเหมือนน้ำผึ้งหยดจากรัง
    น้ำผึ้งและน้ำนมฉาบอยู่ใต้ลิ้นของเธอ
    กลิ่นหอมจากเสื้อผ้าของเธอนั้นหอมเหมือนไม้สนซีดาร์จากเลบานอน
12 น้องจ๊ะ เจ้าสาวที่รักของฉันจ๋า เธอเป็นของฉันเท่านั้น
    เหมือนสวนส่วนตัว สวนที่สงวนไว้ เหมือนตาน้ำที่หวงห้าม
13 เธอเป็นเหมือนสวนหลวงที่เต็มไปด้วยทับทิม
    และให้ผลมากมายมีทั้งเฮนนา นาร์ด
14 ขมิ้น ต้นตะไคร้ และอบเชย ตลอดจนไม้กลิ่นหอมทุกชนิด
    อีกทั้งยางไม้หอม ว่านหางจระเข้ รวมถึงสมุนไพรปรุงเครื่องหอมชั้นเลิศทุกอย่าง
15 เธอเปรียบเหมือนตาน้ำในสวน เปรียบดังบ่อน้ำไหล
    และเปรียบเหมือนลำธารที่ไหลลงมาจากภูเขาทั้งหลายของเลบานอน

หญิงสาวพูด

16 ตื่นเถิด ลมเหนือเอ๋ย
    พัดเถิด ลมใต้เอ๋ย
พัดผ่านสวนของฉัน
    พัดให้เครื่องหอมฟุ้งกระจายไปทั่ว
ให้ที่รักของฉัน เข้ามาที่สวนของเขา
    และให้เขากินผลไม้รสอร่อยในสวนเถิด

ชายหนุ่มพูด

น้องจ๊ะ เจ้าสาวของฉันจ๋า ฉันได้เข้ามาในสวนของฉันแล้ว
    ฉันได้เก็บยางไม้หอมและเครื่องหอมอื่นๆแล้ว
ฉันได้กินรวงผึ้งกับน้ำเชื่อมผลไม้ของฉันแล้ว
    ฉันดื่มเหล้าองุ่นและนมของฉันแล้ว

พวกเพื่อนๆพูด

เพื่อนรักทั้งสอง กินและดื่มเถิด
    และเมามันกับการร่วมรักเถิด

หญิงสาวพูด

แม้ว่าฉันหลับ แต่จิตใจของฉันก็ยังตื่นอยู่ในความฝัน
    ฟังซิ ชายที่รักของฉันกำลังเคาะ ร้องเรียกว่า
“น้องจ๋า ที่รักจ๋า เปิดประตูให้พี่เข้าไปหน่อยซิจ๊ะ แม่นกเขาของพี่จ๊ะ แม่นางผู้สวยหมดจดของพี่จ๋า
    เพราะหัวของพี่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำค้าง
    ผมของพี่เปียกปอนไปด้วยละอองหมอกตอนกลางคืน”

แล้วฉันตอบเขาว่า
    “ฉันถอดเสื้อผ้าแล้วจะให้สวมกลับไปอีกหรือ
ฉันล้างเท้าสะอาดแล้ว
    จะให้กลับไปเปื้อนอีกหรือ”

เมื่อชายที่รักของฉันสอดมือเข้ามา
    ตรงรูประตู หัวใจของฉันก็เต้นระรัว
ฉันลุกขึ้น เพื่อไปเปิดประตูให้กับคนรักของฉัน
    มือของฉันก็มียางไม้หอมหยดอยู่
    นิ้วของฉัน ทำให้ยางไม้หอมหยดลงบนที่จับสลักประตู
ฉันเปิดประตูให้คนรักของฉัน
    แต่คนรักของฉัน ไปเสียแล้ว
เมื่อเขาจากไป ฉันแทบขาดใจ
    ฉันตามหาเขา แต่ก็หาไม่พบ
    ฉันร้องเรียกหาเขา แต่เขาไม่ตอบ
พวกยามที่ลาดตระเวนรอบเมืองพบฉัน
    พวกเขาตีฉันและทำให้ฉันบาดเจ็บ
พวกยามเหล่านี้ที่เฝ้ากำแพงเมือง
    ได้ดึงผ้าคลุมหน้าของฉันออกไป

สาวๆแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย ฉันขอให้พวกเธอสาบานว่า
    หากเธอพบกับชายคนรักของฉัน พวกเธอต้องบอกเขาว่า “ฉันกำลังเป็นไข้ใจอยู่”

สาวๆแห่งเยรูซาเล็มตอบ

สาวงามกว่าหญิงอื่นใดเอ๋ย คนรักของเธอวิเศษกว่าชายหนุ่มคนอื่นตรงไหน
    เธอถึงได้มาให้พวกเราสาบานอย่างนี้

หญิงสาวพูด

10 ชายคนรักของฉันมีผิวสีดำแดงเปล่งปลั่ง
    โดดเด่นกว่าชายหนุ่มนับหมื่นคน
11 หัวของเขาเป็นเหมือนทองคำ ทองคำบริสุทธิ์
    ผมของเขาหยักลอน และดำขลับราวกับนกกา
12 ตาของเขาเป็นเหมือนนกเขาที่เกาะอยู่ริมสายน้ำ
    อาบเนื้อตัวด้วยน้ำนม เกาะอยู่ริมสายน้ำที่เต็มตลิ่ง
13 แก้มของเขาเป็นเหมือนสวนเครื่องเทศที่ออกเป็นสมุนไพรหอมหวาน
    ริมฝีปากของเขาเป็นเหมือนดอกลิลลี่ที่หยดยางหอมออกมา
14 แขนของเขาเป็นเหมือนท่อนทองคำฝังเพชรพลอย
    ส่วนท้องของเขาเป็นเหมือนงาช้างประดับด้วยพลอยสีน้ำเงินเข้ม
15 ขาของเขาเป็นเหมือนเสาหินอ่อนที่ตั้งอยู่บนฐานที่ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์
    รูปร่างของเขาเป็นเหมือนต้นไม้แห่งเมืองเลบานอน ดูสูงและแข็งแกร่งราวกับไม้สนซีดาร์แห่งเลบานอน
16 ปากของเขานั้นก็หวานที่สุด
    ทุกอย่างในตัวเขาดูน่ารักน่าใคร่ไปหมด
นั่นแหละคือคนรักของฉัน
    หญิงสาวแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย นั่นแหละเขาละ

หญิงสาวแห่งเยรูซาเล็มพูด

สาวงามกว่าหญิงใดเอ๋ย ชายคนรักของเธอไปไหนเสียแล้ว
    ชายคนรักของเธอ หันไปทางไหนแล้ว
    บอกมาเถิด พวกเราจะช่วยเธอตามหาเขา

หญิงสาวตอบ

ชายคนรักของฉันลงไปในสวนของเขา ไปที่แปลงเครื่องเทศ
    เขาลงไปเล็มพืชอยู่ในสวน และไปเก็บดอกลิลลี่
ฉันเป็นของเขา และเขาก็เป็นของฉัน
    เขาเล็มพืชอยู่ท่ามกลางดอกลิลลี่

ชายหนุ่มพูด

ที่รักจ๋า เธอช่างสวยงามราวกับเมืองทีรซาห์[s]
    มีเสน่ห์ราวกับเมืองเยรูซาเล็ม
    เธอช่างน่าประทับใจดุจดังกองทหารพร้อมธงประจำหน่วย[t]
อย่ามองฉันเลยเพราะดวงตาของเธอทำให้ฉันแทบคลั่ง
    ผมของเธอเปรียบเหมือนฝูงแพะที่เดินพลิ้วลงมาเป็นระลอกจากภูเขากิเลอาด
ฟันของเธอนั้นขาวเหมือนกับฝูงแกะตัวเมียที่เพิ่งขึ้นมาจากการล้างตัว
    แต่ละซี่ก็มีคู่แฝดล่างบนไม่มีหลุดไปเลยสักซี่
แก้มที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมหน้าของเธอนั้น
    สีชมพูเหมือนผลทับทิมผ่าซีก
ถึงจะมีราชินีหกสิบคน
    เมียน้อยแปดสิบคน
    และหญิงสาวอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน
แต่แม่นกเขาของพี่ แม่นางผู้สวยหมดจดของพี่ก็เป็นหนึ่งเดียวไม่เหมือนใคร
    เธอก็ลูกสาวเพียงคนเดียวของแม่และเป็นหัวแก้วหัวแหวนของผู้ให้กำเนิด
หญิงสาวทั้งหลายที่พบเธอถือว่าเธอมีเกียรติจริงๆ
    อีกทั้งเหล่าราชินี และพวกเมียน้อยต่างก็สรรเสริญเยินยอเธอว่า
10 “ใครกันนี่ ผู้เปรียบเหมือนแสงอรุณ
    สวยงามราวกับดวงจันทร์
    เจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์
    และน่าประทับใจราวกับกองทหารพร้อมธงประจำหน่วย”
11 ฉันลงไปที่สวนต้นถั่ววอลนัทเพื่อไปดูช่อดอกไม้ที่ขึ้นตามหุบเขา
    ไปดูว่าพวกเถาองุ่นออกดอกแล้วหรือยัง
    ไปดูว่าพวกต้นทับทิมผลิดอกแล้วหรือยัง
12 ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว
    เธอก็ได้วางฉันอยู่ท่ามกลางรถม้าของคนของฉันอย่างเจ้าชาย

เพื่อนๆของผู้ชายเรียกหญิงสาว

13 กลับมาเถิด กลับมาก่อน แม่ชาวชูเลมเอ๋ย
    กลับมาให้พวกเราได้ชมดูเธอก่อน

ชายหนุ่มพูด

ทำไมพวกเจ้าถึงได้จ้องมองนางชาวชูเลม
    ราวกับว่านางกำลังเต้นรำอยู่เบื้องหน้าทหารสองกองทัพอย่างนั้นล่ะ

ชายหนุ่มชื่นชมความงามของหญิงสาวว่า

เจ้าหญิงเอ๋ย เท้าคู่นั้นของเธอที่สวมรองเท้าสานอยู่ช่างงดงามเหลือเกิน
    ต้นขาอันกลมกลึงของเธอเหมือนเพชรพลอยที่ช่างฝีมือดีได้เจียระไนไว้
สะดือของเธอนั้นเหมือนชามทรงกลมที่มีเหล้าองุ่นผสมเครื่องเทศเติมเต็มอยู่เสมอ
    ส่วนหน้าท้องอันโค้งมนของเธอนั้นเหมือนกองเมล็ดข้าวสาลีที่นวดแล้วล้อมรอบด้วยดอกลิลลี่
นมสองเต้าของเธอนั้นเปรียบเหมือนลูกกวางคู่หนึ่ง
    หรือเลียงผาฝาแฝด
ลำคอระหงของเธอเปรียบเหมือนหอคอยงาช้าง
    ดวงตาของเธอนั้นเหมือนสระน้ำที่ส่องประกายในเมืองเฮชโบนตรงประตูบัทรับบิม
    จมูกของเธอสูงโด่งเหมือนหอคอยแห่งเลบานอนที่มองเห็นเมืองดามัสกัส
หัวของเธอสูงส่งเหมือนภูเขาคารเมล
    เส้นผมของเธอเหมือนผ้ามันวาวสีม่วง
    ผมยาวสลวยของเธอนั้นทำให้กษัตริย์ต้องสยบลง
ที่รักของฉัน เธอช่างงดงาม และมีเสน่ห์น่าชื่นชมยิ่งนัก
    เธอทำให้ฉันเพลิดเพลินใจ
เธอช่างสูงระหงราวกับต้นอินทผลัม
    เต้าทั้งสองของเธอนั้นเหมือนพวงอินทผลัม
ฉันพูดว่า “ฉันจะปีนต้นอินทผลัม และจะคว้าผลอินทผลัมนั้น”
    ขอให้เต้าทั้งสองของเธอเป็นเหมือนพวงองุ่น
    ขอให้ลมปากของเธอหอมเหมือนผลแอปเปิ้ล
ขอให้จูบของเธอเป็นเหมือนเหล้าองุ่นชั้นเยี่ยม[u]

หญิงสาวแทรกขึ้นว่า

    ที่ไหลลื่นไปยังคนรักของฉัน
    และเลื่อนไหลผ่านริมฝีปากและฟันของฉัน
10 ฉันเป็นของที่รักของฉัน
    และเขาก็อยากได้แต่ฉันเท่านั้น
11 มาเถิด ที่รักของฉัน ออกไปที่ทุ่งกว้างข้างนอกนั้น
    และคืนนี้เราจะพักอยู่ท่ามกลางพุ่มดอกเฮนนาที่หอมนั้น
12 เราจะตื่นแต่เช้าตรู่ แล้วออกไปที่สวนองุ่น
    ไปดูว่าพวกต้นองุ่นออกดอกแล้วหรือยัง
ไปดูว่าพวกช่อดอกองุ่นผลิบานแล้วหรือยัง
    ไปดูว่าต้นทับทิมออกดอกแล้วหรือยัง
และที่นั่นฉันจะมอบความรักให้กับเธอ
13 ที่รักของฉันจ๋าพืชแห่งรักได้ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วแล้ว
    ผลไม้เลิศรสทั้งหลายได้สะสมไว้แล้วเหนือประตูของเรา
ฉันได้สะสมผลไม้เลิศรสทั้งหลายไว้
    ทั้งที่เคยลิ้มรสและไม่เคยลิ้มรสมาก่อนไว้ให้กับเธอ

แหม ถ้าเธอเป็นพี่ชายของฉันก็น่าจะดีนะ
    ผู้ดูดนมจากเต้าของแม่ฉัน
เพราะเมื่อฉันพบเธอตามท้องถนน
    ฉันจะได้จูบเธอโดยไม่มีใครเหยียดหยาม
แล้วฉันจะได้นำเธอ ฉันจะพาเธอไปที่บ้านของแม่ฉัน เธอจะได้สอนเรื่องอย่างว่ากับฉัน
    ฉันจะให้เธอดื่มไวน์ผสมเครื่องเทศที่ทำจากน้ำทับทิมของฉัน
แขนซ้ายของเขาช้อนอยู่ใต้หัวฉัน
    และมือขวาของเขาก็ลูบไล้ฉัน

นางพูดกับพวกเพื่อนสาว

พวกสาวๆแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย ฉันขอให้เธอทั้งหลายสาบานว่า
    พวกเธอจะไม่ปลุกเร้าหรือกระตุ้นความรักให้ตื่นจนกว่าความรักนั้นจะสุกงอมเสียก่อน

พวกสาวๆแห่งเยรูซาเล็มพูดว่า

นางผู้มาจากที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
    ที่อิงแอบมากับชายคนรักของนางนั้นเป็นใครกันหนอ

หญิงสาวพูดกับชายคนรักว่า

ฉันได้ปลุกเธอตื่นขึ้นใต้ต้นแอปเปิ้ลนั้น เป็นที่ที่แม่ของเธอตั้งท้องเธอ
    และที่นั่นแหละคือที่ที่นางคลอดเธอมา
เอาตัวฉันแนบชิดไว้กับตัวเธอ
    เหมือนดวงตราที่ห้อยแนบชิดกับหน้าอกเธอ
    เหมือนดวงตราที่แนบชิดกับข้อมือเธอ
เพราะฤทธิ์แห่งความรักนั้นแรงพอๆกับความตาย
    อารมณ์รักนั้นก็ทนนานเท่ากับแดนคนตาย
ความรักจุดประกายขึ้นดังไฟ
    เป็นไฟลูกใหญ่ที่ลุกโชติช่วง
แม้น้ำจะมากเพียงใดก็ไม่อาจดับไฟรักลงได้
    และแม่น้ำทั้งหลายก็ไม่อาจท่วมท้นความรักได้
ถ้าหากมีใครสักคนพยายามจะซื้อความรักด้วยทุกสิ่งที่เขามี
    ข้อเสนอของเขาจะถูกปฏิเสธอย่างแน่นอน

พวกพี่ชายของหญิงสาวพูดว่า

เรามีน้องสาวตัวน้อยอยู่หนึ่งคนซึ่งนมยังไม่ตั้งเต้าเลย
    เราจะทำยังไงกับเธอดีเมื่อมีคนมาสู่ขอเธอ
ถ้าเปรียบเธอเหมือนกำแพง เราจะเอาเงินมาตกแต่งกำแพงนั้น
    และถ้าเปรียบเธอเป็นประตู เราจะหาไม้สนซีดาร์มาเสริมแต่งประตูนั้น

หญิงสาวพูดว่า

10 ใช่สิ ฉันเปรียบเหมือนกำแพงนั้น
    และเต้าทั้งสองของฉันก็ตั้งขึ้นเหมือนหอคอย
    นั่นเป็นเหตุที่ เขาพึงพอใจฉัน

ชายหนุ่มพูดว่า

11 ซาโลมอนมีสวนองุ่นอยู่แปลงหนึ่งที่บาอัลฮาโมน
    และเขาก็ให้คนเช่าสวนองุ่นนั้น
    และทุกๆปี คนเช่าสวนจะต้องจ่ายเขาคนละหนึ่งพันเหรียญเงินจากเงินที่ได้จากการขายผลองุ่นนั้น
12 แต่ฉันมีสวนองุ่นส่วนตัวของฉันเอง
    ซาโลมอนเอ๋ย ท่านเก็บพันเหรียญเงินของท่านไว้เถิด
    แล้วก็จ่ายคนเฝ้าสวนของท่านคนละสองร้อยเหรียญเงินด้วย

ชายหนุ่มพูดกับหญิงสาวว่า

13 เธอผู้ที่กำลังนั่งในสวนนั้นน่ะ เพื่อนๆของฉันอยากได้ยินเสียงของเธอ
    ฉันเองก็เหมือนกัน

หญิงสาวพูดว่า

14 ที่รักของฉัน เร็วเข้าเถิด
    ขอให้ท่านเป็นดังเลียงผาหรือกวางหนุ่มที่อยู่ภูเขาแห่งเครื่องเทศเหล่านี้เถิด

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International