Bible in 90 Days
การพิพากษาต่อผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอม
9 ส่วนเรื่องพวกผู้พูดแทนพระเจ้า
หัวใจผมแตกสลายอยู่ในอก
กระดูกผมก็อ่อนปวกเปียกไปหมด
ผมเป็นเหมือนคนเมา
เป็นเหมือนคนที่ถูกมอมด้วยเหล้าองุ่น
ที่ผมรู้สึกอย่างนี้ก็เพราะพระยาห์เวห์และถ้อยคำต่างๆอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์นั่นเอง
10 พระยาห์เวห์พูดว่า “แผ่นดินนี้เต็มไปด้วยคนเล่นชู้
แผ่นดินแห้งแล้งเพราะถูกสาปแช่ง
ทุ่งหญ้าในที่เปล่าเปลี่ยวเหี่ยวแห้งไป
วิถีทางของพวกผู้พูดแทนพระเจ้าก็ชั่วร้าย
และพวกมันก็ใช้อำนาจอย่างผิดๆ
11 อันที่จริงแล้ว ทั้งผู้พูดแทนพระเจ้าและนักบวชต่างก็ทำให้แผ่นดินเสื่อมไป
แม้แต่ในวิหารของเรา เราก็ยังพบเห็นความชั่วช้าของพวกมัน”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
12 “ดังนั้น เส้นทางของพวกมันก็จะลื่นมาก
พวกมันจะถูกไล่ออกไปในความมืดมิด
และในความมืดนั้น พวกมันจะล้มลง
เพราะเราจะนำความทุกข์ทรมานมาให้พวกมันในปีที่เรามาเยี่ยมหา”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
13 “เราได้เห็นสิ่งที่น่าขยะแขยงท่ามกลางพวกผู้พูดแทนพระเจ้าของสะมาเรีย พวกมันทำนายโดยพระบาอัล
แล้วพวกมันได้ทำให้คนอิสราเอลของเราต้องหลงหายไป
14 และเราได้เห็นสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นอีกในท่ามกลางพวกผู้พูดแทนพระเจ้าของเมืองเยรูซาเล็ม
ผู้คนเล่นชู้กันและฉ้อโกงกัน
แล้วพวกผู้พูดแทนพระเจ้านี้ก็สนับสนุนคนเลวพวกนี้
ไม่มีใครกลับใจจากความชั่วร้ายเลยสักคน
ในสายตาของเรา พวกผู้พูดแทนพระเจ้าเหล่านี้ทั้งหมดเป็นเหมือนเมืองโสโดม
และพลเมืองของเยรูซาเล็มก็เหมือนกับเมืองโกโมราห์”
15 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดเกี่ยวกับพวกผู้พูดแทนพระเจ้าพวกนี้ว่า
“เราจะทำให้มันต้องกินอาหารที่มีรสขมและทำให้พวกมันต้องดื่มน้ำที่มียาพิษ
เพราะสิ่งที่เสื่อมทรามได้ออกมาจากพวกผู้พูดแทนพระเจ้าของเมืองเยรูซาเล็มและกระจายไปทั่วแผ่นดิน”
16 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
“อย่าไปฟังคำทำนายของพวกผู้พูดแทนพระเจ้าพวกนี้ที่พูดกับเจ้า
พวกมันกำลังหลอกเจ้า
นิมิตที่พวกมันพูดออกมานั้น
ไม่ได้มาจากปากของพระยาห์เวห์หรอก
17 พวกมันพร่ำพูดอยู่กับพวกที่เกลียดชังเราว่า
พระยาห์เวห์พูดว่า ‘พวกเจ้าจะมีสันติสุข’
และพูดกับพวกที่มีจิตใจดื้อด้านว่า
‘เรื่องร้ายๆจะไม่เกิดขึ้นกับเจ้าหรอก’
18 ใครล่ะที่ยืนอยู่ในห้องประชุมสภาของพระยาห์เวห์
ที่จะได้เห็นหรือได้ยินถ้อยคำของพระยาห์เวห์
ใครเคยสนใจคำพูดของพระองค์และเชื่อฟังคำพูดของพระองค์
19 นี่ไง พายุจากพระยาห์เวห์
ความเกรี้ยวโกรธของพระองค์พลุ่งออกมา
มันเป็นเหมือนกับพายุหมุน
ที่หมุนตัวอยู่เหนือหัวของคนชั่วพวกนั้น
20 ความโกรธของพระยาห์เวห์จะไม่หวนกลับไปหรอก จนกว่าจะทำหน้าที่ของมันจนเสร็จสิ้น
และจนกว่ามันจะทำให้แผนการของพระองค์สำเร็จ
หลังจากวันพวกนี้ผ่านไปแล้ว
พวกเจ้าก็จะเข้าใจว่าทำไมถึงต้องเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น
21 เราไม่ได้ส่งผู้พูดแทนพระเจ้าพวกนี้มา
แต่พวกมันกลับวิ่งไปพูดกับพวกเจ้าเอง
เราไม่ได้พูดกับพวกมัน
แต่พวกมันกลับไปพูดแทนเรา
22 ถ้าพวกมันได้มายืนอยู่ในห้องประชุมสภาของเรา
และได้ยินถ้อยคำต่างๆของเราที่มีไว้สำหรับคนของเรา
พวกมันก็คงจะทำให้คนเหล่านั้นหันจากวิถีทางชั่วของพวกเขา
และหันจากการทำชั่วของพวกเขาแล้ว”
23 พระยาห์เวห์ถามว่า
“เราเป็นพระเจ้าที่อยู่ใกล้ๆเท่านั้นหรือ
เราไม่ได้เป็นพระเจ้าในที่ห่างไกลด้วยหรือ
24 ถ้าใครซ่อนตัวอยู่ เราจะมองไม่เห็นหรือ”
“เราไม่ได้อยู่ทั่วฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกหรือ”
พระยาห์เวห์ถามอย่างนั้น
พระยาห์เวห์พูดว่า 25 “เราได้ยินสิ่งที่ไอ้พวกผู้พูดแทนพระเจ้าพวกนั้นพูด ไอ้พวกนั้นที่ทำนายโกหก โดยเอาชื่อเราไปอ้าง พวกมันพูดว่า ‘ฉันฝันเห็นแล้ว ฉันฝันเห็นแล้ว’
26 ใจของพวกมันจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานไหม พวกมันทำนายโกหกและหลอกลวงในสิ่งที่พวกมันกุขึ้นมาเองในใจ
27 พวกมันวางแผนที่จะทำให้คนของเราลืมชื่อของเรา ด้วยความฝันต่างๆที่พวกมันยกขึ้นมาเล่าให้กับเพื่อนบ้านฟัง พวกมันหวังว่าคนจะลืมเรา เหมือนกับที่บรรพบุรุษของพวกมันลืมชื่อของเรา และหันไปบูชาพระบาอัล
28 ให้ผู้พูดแทนพระเจ้าที่มีความฝันจะเล่า เล่ามันออกมา แต่ขอให้คนที่มีถ้อยคำของเรา พูดถ้อยคำของเราอย่างซื่อสัตย์ ฟางกับเมล็ดข้าวสาลีมันจะไปด้วยกันได้อย่างไร” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น
29 พระยาห์เวห์ถามว่า “ถ้อยคำของเราเป็นเหมือนไฟไม่ใช่หรือ
มันเป็นเหมือนค้อนที่ทุบหินที่แข็งให้แตกกระจุยไม่ใช่หรือ
30 ดังนั้น เราต่อต้านไอ้พวกผู้พูดแทนพระเจ้า ที่ขโมยถ้อยคำต่างๆของเราจากเพื่อนบ้านของเขา
31 เราต่อต้านไอ้พวกผู้พูดแทนพระเจ้า ที่ใช้ลิ้นตัวเองประกาศเรื่องบางเรื่องว่าเป็นคำทำนายของพระยาห์เวห์” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
32 “เราจะต่อต้านไอ้พวกผู้พูดแทนพระเจ้า ที่ทำนายฝันหลอกๆ” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น “พวกมันเล่าความฝันเหล่านั้น และทำให้คนของเราหลงไป ด้วยคำหลอกลวงและเรื่องต่างๆที่พวกมันกุขึ้นมาเอง เราไม่ได้ส่งพวกมันมา และเราก็ไม่ได้สั่งให้พวกมันพูดด้วย และที่แน่นอนก็คือพวกมันไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรให้กับคนพวกนี้เลย” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น
33 “และถ้าคนพวกนี้ หรือผู้พูดแทนพระเจ้า หรือนักบวชถามเจ้าว่า ‘พระยาห์เวห์ฝากภาระอะไรให้เจ้าแบกมา’ เจ้าก็บอกพวกมันไปว่า ‘พระยาห์เวห์พูดว่า “ก็พวกแกนี่แหละคือภาระ และเราจะโยนพวกแกทิ้ง”’”
34 “ผู้พูดแทนพระเจ้า หรือนักบวช หรือคนที่พูดว่า ‘นี่แหละคือภาระที่พระยาห์เวห์ฝากมา’ พวกที่พูดว่าอย่างนั้น เราจะลงโทษพวกที่พูดอย่างนั้นรวมทั้งคนในบ้านเรือนของพวกเขาด้วย”
35 “แต่นี่ต่างหากที่พวกเจ้าควรจะถามกับเพื่อนบ้านและญาติพี่น้องของเจ้า คือ ‘พระยาห์เวห์ตอบว่าอะไร หรือพระยาห์เวห์พูดว่าอะไร’ 36 และเจ้าจะต้องไม่พูดอย่างนี้อีกต่อไปว่า ‘นี่คือภาระที่พระยาห์เวห์ให้แบกมา’ เพราะภาระนั้นเป็นแค่คำพูดของแต่ละคน และโดยวิธีนี้ เจ้าก็ได้บิดเบือนคำพูดของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพระเจ้าของพวกเรา
37 ดังนั้นเจ้าควรจะถามผู้พูดแทนพระเจ้าอย่างนี้ว่า
‘พระยาห์เวห์ตอบว่าอะไร พระยาห์เวห์พูดว่าอะไร’
38 แต่ถ้าพวกเจ้าพูดประโยคนี้ว่า ‘นี่คือภาระที่พระยาห์เวห์ให้แบกมา’ ซึ่งพระยาห์เวห์ได้บอกไว้แล้วว่า อย่าพูดประโยคนี้ที่ว่า ‘นี่คือภาระที่พระยาห์เวห์ให้แบกมา’ และพวกเจ้าก็ยังพูดอย่างนั้น
39 ดังนั้น ดูไว้ให้ดี เราจะยกเจ้าเหวี่ยงออกไปจากหน้าเราแน่ๆ ทั้งเจ้าและเมืองที่เราเคยมอบให้กับเจ้าและบรรพบุรุษของเจ้า 40 เราจะทำให้เจ้าได้รับความอัปยศตลอดไป และทำให้เจ้าอับอายอย่างที่ไม่มีวันลืมเลือนได้”
ลูกมะเดื่อดีกับลูกมะเดื่อเสีย
24 พระยาห์เวห์ให้ผมดูตะกร้ามะเดื่อสองใบที่วางอยู่ตรงหน้าวิหารของพระองค์ หลังจากที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนได้เนรเทศเยโคนิยาห์ลูกของกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์ออกไปจากเยรูซาเล็มไปอยู่ที่บาบิโลนแล้ว พร้อมกับพวกเจ้านายของยูดาห์และช่างฝีมือและช่างเหล็กจากเยรูซาเล็ม
2 ตะกร้าหนึ่งใส่มะเดื่อที่ดีที่สุดเอาไว้ เหมือนมะเดื่อที่เก็บครั้งแรก อีกตะกร้าหนึ่งใส่มะเดื่อที่เสีย จนคนไม่กล้ากิน เพราะมันเสียมาก
3 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับผมว่า “เยเรมียาห์ เจ้าเห็นอะไรบ้าง”
ผมก็ตอบว่า “มะเดื่อครับ มะเดื่อดีก็ดีเยี่ยมเลยครับ แต่มะเดื่อเสียก็เสียเอามากๆกินไม่ได้เลยเพราะพวกมันเสียมาก”
4 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับผมว่า 5 “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลพูด ‘เราถือว่ามะเดื่อที่ดีพวกนี้เป็นเหมือนคนยูดาห์ในส่วนที่ถูกขับไล่ไป คนพวกนี้คือพวกที่เราส่งออกจากแผ่นดินนี้ไปที่ดินแดนของพวกเคลเดีย 6 เราจะเฝ้าดูพวกเขาเป็นอย่างดี และเราจะนำพวกเขากลับมาที่แผ่นดินนี้ เราจะสร้างพวกเขาขึ้นมาใหม่ และจะไม่ทำลายพวกเขา เราจะปลูกพวกเขาและไม่ถอนพวกเขาขึ้นมา 7 เราจะให้พวกเขามีใจที่รู้จักเรา เพื่อจะได้รู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ พวกเขาจะเป็นคนของเรา และเราก็จะเป็นพระเจ้าของพวกเขา เพราะพวกเขาจะกลับมาหาเราด้วยสิ้นสุดใจของพวกเขา’”
8 พระยาห์เวห์พูดว่า “ส่วนกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ พร้อมกับเจ้านายทั้งหลายของเขา และคนที่เหลือในเยรูซาเล็ม รวมทั้งคนที่เหลืออยู่ในดินแดนนี้ และคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินอียิปต์ด้วย เราจะทำกับเขาเหมือนลูกมะเดื่อที่เสียจนกินไม่ได้เหล่านั้น เพราะมันเสียมากเหลือเกิน
9 เราจะทำให้พวกเขากลัวจนตัวสั่นและเจอกับสิ่งที่เลวร้ายไปทั่วอาณาจักรของโลกนี้ เราจะทำให้พวกเขาถูกต่อว่า ถูกกระทบกระเทียบ ถูกเยาะเย้ย และถูกแช่งด่าในดินแดนที่เราจะเนรเทศพวกเขาไป
10 เราจะนำสงคราม ความอดอยาก และโรคร้าย มาทำลายพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะถูกกำจัดไปจนหมดสิ้นจากแผ่นดินนี้ ที่เราได้ยกให้กับพวกเขาและบรรพบุรุษของพวกเขาไว้”
บทสรุปคำเทศนาของเยเรมียาห์
25 นี่คือถ้อยคำของพระยาห์เวห์ที่ส่งมาถึงเยเรมียาห์เกี่ยวกับชาวยูดาห์ทั้งหมด ในปีที่สี่ของการปกครองของกษัตริย์เยโฮยาคิมลูกชายกษัตริย์โยสิยาห์แห่งยูดาห์ ซึ่งตรงกับปีแรกที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ครอบครองบาบิโลน 2 นี่คือพระคำที่เยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า พูดกับคนยูดาห์และคนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มว่า
3 “ตั้งแต่ปีที่สิบสามที่โยสิยาห์ลูกของกษัตริย์อาโมนแห่งยูดาห์ปกครองประเทศมาจนถึงทุกวันนี้ ก็เป็นเวลายี่สิบสามปีแล้ว ผมได้รับพระคำของพระยาห์เวห์มา แล้วผมก็ได้พูดพระคำของพระองค์ให้กับพวกคุณฟัง ผมพูดแล้วพูดอีก แต่พวกคุณก็ไม่เคยฟัง 4 พระยาห์เวห์ได้ส่งพวกผู้พูดแทนพระเจ้าซึ่งเป็นผู้รับใช้ของพระองค์มาหาพวกคุณ พระองค์ส่งพวกเขามาแล้วมาอีก แต่คุณก็ไม่ยอมฟัง คุณไม่ได้เงี่ยหูฟังเลย
5 พระองค์พูดอยู่เสมอว่า ‘กลับมา พวกเจ้าแต่ละคน ให้หันกลับมาจากวิถีชีวิตที่ชั่วร้าย และหันกลับมาจากการกระทำต่างๆที่ชั่วช้าของเจ้า และให้มาอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์ยกให้กับเจ้าและบรรพบุรุษของเจ้าตลอดไป 6 อย่าได้ไปติดตามและรับใช้พระอื่นๆ อย่าได้ไปกราบไหว้พระอื่นเลย และอย่าได้ยั่วโมโหเราด้วยสิ่งที่เจ้าสร้างขึ้นมากับมือของเจ้าเองเลย แล้วเราจะไม่ทำอันตรายเจ้า 7 แต่เจ้าก็ไม่ยอมฟังเรา’” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น “เจ้าก็เลยยั่วเราด้วยสิ่งที่เจ้าสร้างขึ้นมากับมือเจ้าเอง ทำให้เราต้องทำร้ายเจ้า”
8 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พูด “เนื่องจากเจ้าไม่ยอมฟังคำของเรา 9 เรากำลังจะส่งสารไป และเรียกเผ่าทางเหนือทั้งหมดมา” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น “และเราจะส่งสารไปบอกกับกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน ที่เป็นผู้รับใช้ของเรา และเราจะพาพวกเขาทั้งหมดมาบุกแผ่นดินนี้ และต่อสู้กับพลเมืองของที่นี่ และต่อสู้กับชนชาติต่างๆทั้งหมดนี้ที่อยู่ล้อมรอบมัน เราจะทำลายพวกมันอย่างราบคาบ เราจะทำให้พวกมันเป็นเป้าของความสยดสยอง และให้เป็นที่หัวเราะเยาะและดุด่าว่ากล่าวตลอดไป
10 เราจะทำลายเสียงรื่นเริงสนุกสนานและเสียงเลี้ยงฉลอง เสียงของเจ้าบ่าวเจ้าสาวในวันแต่งงาน เสียงของหินโม่แป้งทำอาหาร และแสงตะเกียงให้หมดไป
11 ทั่วแผ่นดินนี้จะกลายเป็นที่แห้งแล้งรกร้าง และชนชาตินี้จะต้องเป็นขี้ข้ากษัตริย์บาบิโลนไปอีกเจ็ดสิบปี
12 พอครบเจ็ดสิบปีแล้ว เราจะจัดการกับกษัตริย์บาบิโลนและชนชาตินั้นทั้งหมด สำหรับความผิดบาปที่พวกมันทำ” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
“และเราจะจัดการกับดินแดนของพวกเคลเดีย เราจะทำให้มันรกร้างตลอดไป 13 ทุกๆคำพูดที่เราได้พูดต่อต้านแผ่นดินนั้น เราจะทำให้มันเกิดขึ้นจริงตามนั้น ทุกอย่างที่เขียนอยู่ในหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เยเรมียาห์ได้พูดต่อต้านชนชาติต่างๆไว้ จะเกิดขึ้นจริงตามนั้น
14 ที่เราพูดอย่างนี้ ก็เพราะชนชาติต่างๆมากมายและกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่หลายองค์ จะต้องไปเป็นขี้ข้ารับใช้บาบิโลน แล้วเราจะตอบแทนพวกมันตามสิ่งที่พวกมันทำและสิ่งที่มือของพวกมันสร้างขึ้นมา”
การพิพากษาต่อชนชาติต่างๆในโลกนี้
15 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล พูดกับผมว่า
“ให้เอาถ้วยนี้ไปจากมือเรา เป็นถ้วยที่ใส่เหล้าองุ่นแห่งความโกรธของเรา แล้วเราจะส่งเจ้าไปตามชนชาติต่างๆและเราจะทำให้ชนชาติเหล่านั้นดื่มมัน
16 พวกมันจะดื่มจนเมาโซเซ และทำตัวเหมือนคนบ้า ก็เพราะดาบที่เราส่งไปท่ามกลางพวกมัน”
17 ดังนั้นผมจึงหยิบถ้วยจากมือของพระยาห์เวห์ และไปตามชนชาติต่างๆที่พระองค์ส่งผมไป และทำให้ชนชาติเหล่านั้นดื่มมัน
18 ชนชาติเหล่านั้นได้แก่เยรูซาเล็ม และเมืองต่างๆของยูดาห์ และบรรดากษัตริย์และเจ้านายข้าราชการทั้งหลาย ผมทำให้พวกเขาดื่มจากถ้วยนี้ เพื่อทำให้แผ่นดินของพวกเขารกร้างว่างเปล่า ไร้ประโยชน์ เป็นเป้าให้คนหัวเราะเยาะและได้รับการดูถูกเหยียดหยาม อย่างที่มันเป็นอยู่ตอนนี้
19 คนเหล่านี้ทั้งหมดจะต้องดื่มจากถ้วยนี้ คือฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์ พร้อมกับข้ารับใช้ ข้าราชการ รวมทั้งประชาชนของพระองค์ทุกคน
20 พวกชาวบ้านตามชายแดน และกษัตริย์ทุกองค์ของอูส พวกกษัตริย์ทุกองค์ของฟีลิสเตีย ซึ่งก็มี กษัตริย์ต่างๆของเมืองอัชเคโลน กาซา เอโครน และที่เหลือของเมืองอัชโดด
21 คนในเมืองเอโดม โมอับ และอัมโมน
22 กษัตริย์ทุกองค์ของไทระ ไซดอน และกษัตริย์ที่อยู่ตามชายฝั่งทะเลอีกฟากหนึ่ง 23 คนที่เดดาน เทมา และบูส รวมทั้งคนพวกนั้นที่เข้าพิธีโกนผมจอน[a] 24 กษัตริย์ทุกองค์ของอาระเบีย และกษัตริย์ทุกองค์ตามแนวชายแดนซึ่งอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง 25 กษัตริย์ทุกองค์ในศิมรี เอลาม และมีเดีย 26 กษัตริย์ทุกองค์จากทางเหนือ ที่อยู่ใกล้และไกล คนแล้วคนเล่า ผมทำให้อาณาจักรทุกแห่งที่อยู่บนโลกดื่มจากถ้วยนี้ แล้วกษัตริย์แห่งเชชัก[b] ก็จะดื่มหลังจากพวกเขาเหล่านั้น
27 พระยาห์เวห์พูดกับผมว่า “แล้วให้เจ้าบอกกับพวกเขาว่า พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าแห่งอิสราเอลพูดอย่างนี้ว่า ‘ดื่มซะให้เมาไปเลย ให้อ้วกแตก แล้วก็ล้มลง และอย่าลุกขึ้นมาต่อหน้าดาบที่เรากำลังส่งไปท่ามกลางเจ้า’
28 แต่ถ้าพวกมันไม่ยอมรับถ้วยในมือเจ้าไปดื่ม ก็ให้เจ้าบอกกับพวกมันว่า พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดอย่างนี้ว่า ‘พวกเจ้าจะต้องดื่ม 29 เพราะดูสิ เรากำลังจะนำความเจ็บปวด ทนทุกข์ทรมานมายังเมืองที่ถูกเรียกตามชื่อของเรา แล้วเจ้าจะได้รับการยกเว้นหรือไง เราจะไม่ละเว้นเจ้าหรอก เพราะเรากำลังจะทำให้ดาบมาตกอยู่บนพลเมืองทุกคนของแผ่นดินนี้’” พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดอย่างนี้
30 “เยเรมียาห์ ให้เจ้าบอกทุกๆถ้อยคำนี้ที่เราพูดให้พวกมันฟัง เจ้าจะต้องบอกกับพวกมันว่า
พระยาห์เวห์คำรามมาจากที่สูง
และพระองค์ส่งเสียงเรียกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
พระองค์คำรามลั่นใส่ฝูงแกะของพระองค์
มีเสียงตะโกนดังลั่นไปทั่วทุกคนในโลกนี้เหมือนเสียงโห่ร้องของคนย่ำองุ่น
31 เสียงนั้นดังกึกก้องไปถึงสุดขอบโลก
เพราะพระยาห์เวห์มีคดีกับชนชาติต่างๆ
พระองค์กำลังจะพิพากษาโลกทั้งโลก
และทำให้คนชั่วตายด้วยดาบ”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
32 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
“ความชั่วช้ากำลังแพร่กระจายจากชนชาติหนึ่งไปยังอีกชนชาติหนึ่ง
พายุร้ายกำลังพัดมาจากขอบโลก”
33 ในเวลานั้นจะมีคนตั้งแต่ขอบโลกด้านหนึ่งไปถึงขอบโลกอีกด้านหนึ่งถูกพระยาห์เวห์ฆ่า จะไม่มีใครร้องไห้ให้พวกมัน และจะไม่มีใครเก็บศพพวกมันมาฝัง พวกมันจะเป็นเหมือนมูลสัตว์บนดิน
34 พวกผู้เลี้ยงแกะของอิสราเอล ร้องไห้โหยหวนเถอะ
พวกผู้นำฝูงแกะ กลิ้งตัวคลุกฝุ่นด้วยความโศกเศร้าเถอะ
เพราะถึงเวลาแล้วที่พวกแกจะต้องโดนฆ่า
พวกแกจะล้มลงแตกเหมือนหม้อไหราคาแพง
35 ผู้เลี้ยงแกะพวกนี้ไม่พบที่ลี้ภัย
ส่วนผู้นำฝูงแกะก็จะหนีไม่รอด
36 ผมได้ยินเสียงร้องของพวกคนเลี้ยงแกะ
และเสียงสะอึกสะอื้นของผู้นำฝูงแกะ
ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะพระยาห์เวห์กำลังทำลายทุ่งหญ้าของพวกเขา
37 ทุ่งหญ้าที่เงียบสงบจะย่อยยับไป
เพราะความเดือดดาลของพระยาห์เวห์
38 พระองค์ทิ้งถ้ำของพระองค์เองไปเหมือนสิงโต
แผ่นดินของพวกเขาถูกทำลายแน่
เรื่องนี้เกิดจากดาบ[c]ของผู้ข่มเหง
และความเดือดดาลของพระเจ้า
บทเรียนของเยเรมียาห์ที่วิหาร
(ยรม. 7:1-15)
26 ในช่วงต้นรัชกาลของกษัตริย์เยโฮยาคิมลูกชายกษัตริย์โยสิยาห์แห่งยูดาห์ มีข้อความนี้มาจากพระยาห์เวห์
2 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด “เยเรมียาห์ ให้เจ้าไปยืนอยู่ในลานของวิหารของพระยาห์เวห์ แล้วพูดต่อว่าประชาชนจากเมืองทั้งหลายของยูดาห์ที่กำลังมานมัสการที่วิหารของพระยาห์เวห์ แล้วพูดกับพวกเขาตามที่เราสั่ง ให้เจ้าพูดกับพวกเขาทุกคำห้ามตกแม้แต่คำเดียว
3 บางทีพวกเขาอาจจะฟัง แล้วแต่ละคนก็หันหลังให้กับวิถีชีวิตบาปๆของพวกเขาก็ได้ ถ้าพวกเขาทำอย่างนั้น เราก็จะเปลี่ยนใจจากเรื่องความหายนะที่เราได้วางแผนจะให้เกิดขึ้นกับพวกเขา เพราะการกระทำที่ชั่วช้าต่างๆของพวกเขา
4 แล้วเจ้าก็ควรพูดกับพวกเขาว่า พระยาห์เวห์พูดอย่างนี้ว่า ‘ถ้าพวกเจ้าไม่ยอมฟังเรา และไม่ยอมเดินตามกฎของเราที่เราได้ให้ไว้ต่อหน้าเจ้า
5 และไม่ยอมฟังถ้อยคำต่างๆของผู้พูดแทนพระเจ้าผู้รับใช้ของเรา ที่เราได้ส่งมาให้เจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พวกเจ้าไม่ยอมฟังเขา
6 เราก็จะทำให้วิหารนี้เป็นเหมือนชิโลห์ และให้ชนชาติต่างๆทั่วโลกใช้ชื่อของเมืองนี้เป็นคำสาปแช่ง’”
7 พวกนักบวชและพวกผู้พูดแทนพระเจ้า และประชาชนทั้งหลายก็ได้ยินเยเรมียาห์พูดถ้อยคำต่างๆเหล่านี้ ในวิหารของพระยาห์เวห์
8 เมื่อเยเรมียาห์พูดทุกอย่างที่พระยาห์เวห์สั่งให้เขาพูดกับประชาชนเสร็จแล้ว พวกนักบวช พวกผู้พูดแทนพระเจ้า และประชาชนทุกคนก็รุมกันเข้ามาจับตัวเขาพร้อมกับพูดว่า “แกตายแน่ๆ 9 ทำไมแกถึงอ้างชื่อพระยาห์เวห์มาพูดว่า วิหารนี้จะต้องเป็นเหมือนชิโลห์ และคนที่อยู่ในเมืองนี้จะต้องถูกทำลาย”
แล้วทุกคนก็เข้าไปรุมล้อมเยเรมียาห์ในวิหารของพระยาห์เวห์
10 พวกเจ้านายแห่งยูดาห์ได้ยินถ้อยคำนี้เหมือนกัน พวกเขาก็เลยออกจากวังมาที่วิหารของพระยาห์เวห์ แล้วก็ไปนั่งอยู่ตรงทางเข้าประตูบานใหม่ที่วิหารของพระองค์
11 แล้วพวกนักบวชและพวกผู้พูดแทนพระเจ้าก็พูดกับพวกเจ้านายและทุกคนที่อยู่ที่นั่นว่า “ไอ้หมอนี่น่าจะถูกตัดสินประหารชีวิต เพราะมันได้พูดให้ร้ายบ้านเมืองนี้เหมือนที่เราเคยได้ยินมาแล้ว”
12 แล้วเยเรมียาห์ก็พูดกับเจ้านายและชาวบ้านทุกคนว่า “พระยาห์เวห์ส่งให้ผมมาพูดสิ่งทั้งหมดนี้ที่เกี่ยวกับบ้านนี้และเมืองนี้ตามที่พวกคุณได้ยิน
13 ตอนนี้ขอให้พวกคุณแก้ไขวิถีทางและการกระทำต่างๆของพวกคุณ และให้เชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกคุณ บางทีพระองค์อาจจะเปลี่ยนใจไม่ทำร้ายพวกคุณตามที่พระองค์ได้วางแผนไว้
14 แต่ตอนนี้ผมอยู่ในเงื้อมมือคุณแล้ว จะทำยังไงกับผมก็ได้แล้วแต่จะเห็นสมควร
15 แต่ให้รู้ไว้ว่า ถ้าพวกคุณคิดจะฆ่าผม พวกคุณกำลังทำให้เลือดของผู้บริสุทธิ์คนหนึ่งตกอยู่บนตัวคุณเอง บ้านเมืองนี้ และประชาชนของเมืองนี้ด้วย เพราะพระยาห์เวห์ส่งผมมาจริงๆ เพื่อพูดคำเหล่านี้ทุกคำให้พวกคุณฟัง”
16 แล้วพวกเจ้านายและชาวบ้านทั้งหลายก็บอกกับพวกนักบวชและพวกผู้พูดแทนพระเจ้าว่า “อย่าตัดสินประหารคนคนนี้เลย เพราะว่าเขาพูดกับเราในนามของพระยาห์เวห์”
17 ผู้ชายบางคนและผู้อาวุโสบางคนของแผ่นดิน ก็ลุกขึ้นยืนและพูดกับคนทั้งกลุ่มที่ออกันอยู่ว่า
18 “มีคาห์แห่งโมเรเชทเคยพูดแทนพระเจ้าในสมัยของกษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์ ท่านได้พูดกับคนทุกคนในยูดาห์ว่า
‘พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดอย่างนี้ว่า
เมืองศิโยนจะถูกไถเหมือนไถนา
และเมืองเยรูซาเล็มจะกลายเป็นซากปรักหักพัง
ภูเขาที่เป็นที่ตั้งของวิหารก็จะถูกถอนรากถอนโคน’[d]
19 แล้วกษัตริย์เฮเซคียาห์และชาวเมืองยูดาห์ทั้งหมดได้ฆ่าท่านหรือเปล่า ก็เปล่า แต่กษัตริย์กลับเกรงกลัวพระยาห์เวห์แล้วอ้อนวอนพระองค์ให้เมตตา แล้วพระยาห์เวห์ก็เปลี่ยนใจไม่นำภัยพิบัติมาถึงพวกเขาทั้งๆที่พระองค์เคยพูดไว้ว่าจะลงโทษพวกเขา แต่ตอนนี้เรากำลังจะนำความหายนะอันใหญ่หลวงมาสู่ตัวเอง”
20 (ยังมีชายอีกคนหนึ่งชื่ออุรียาห์ลูกชายของเชไมอาห์จากคิริยาทเยอาริม มาพูดแทนพระยาห์เวห์ เขาพูดให้ร้ายเมืองนี้และแผ่นดินนี้เหมือนที่เยเรมียาห์พูดนั่นแหละ 21 แล้วกษัตริย์เยโฮยาคิม พวกเจ้านาย และทหารทุกคนของพระองค์ได้ยินคำพูดของเขา กษัตริย์ก็เลยคิดฆ่าเขา แต่อุรียาห์ได้ยินเสียก่อน ก็เลยกลัวและหนีไปอียิปต์ 22 กษัตริย์เยโฮยาคิมก็ส่งเอลนาธันลูกชายของอัคโบร์ และคนอีกจำนวนหนึ่งไปอียิปต์ 23 แล้วพวกเขาก็นำอุรียาห์กลับมาจากอียิปต์ พวกนั้นนำเขาไปให้กษัตริย์เยโฮยาคิม พระองค์ก็ฆ่าเขาแล้วโยนศพเขาทิ้งในสุสานของสามัญชน
24 แต่อาหิคัมลูกชายของชาฟานป้องกันไม่ให้เยเรมียาห์ถูกชาวบ้านฆ่าตาย)
พระยาห์เวห์แต่งตั้งเนบูคัดเนสซาร์
27 ในช่วงต้นรัชกาลของเศเดคียาห์[e]ลูกชายของกษัตริย์โยสิยาห์แห่งยูดาห์ ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงเยเรมียาห์ว่า 2 พระยาห์เวห์พูดกับผมว่า “ให้ทำสายรัดและแอก แล้วก็เอามาแขวนคอเจ้าไว้ 3 แล้วให้ส่งข้อความไปให้กับกษัตริย์แห่งเอโดม โมอับ อัมโมน ไทระ และไซดอน โดยฝากไปกับพวกผู้ส่งข่าวที่มาที่เมืองเยรูซาเล็ม เพื่อมาหากษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ 4 ให้เจ้าสั่งคำสั่งนี้ไปให้กับพวกเจ้านายของพวกเขาว่า พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าแห่งอิสราเอล พูดว่า ‘เจ้าไปบอกกับพวกเจ้านายของเจ้าว่า 5 เราสร้างโลก มนุษย์ และสัตว์ทั้งหลายไว้บนแผ่นดินโลก ด้วยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของเราและแขนของเราที่เหยียดออกมา เราอยากจะให้มันกับใครก็เป็นเรื่องของเรา 6 แล้วตอนนี้ เราก็ได้ให้แผ่นดินเหล่านี้ทั้งหมดให้ตกอยู่ในมือของผู้รับใช้เราคือกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน สัตว์ต่างๆเราก็ได้ยกให้กับเขาไว้คอยรับใช้เขาด้วย 7 และชนชาติทั้งหมดจะต้องรับใช้เขา ลูกชายและหลานชายของเขา ไปจนกว่าจะถึงเวลาที่แผ่นดินของเขาเองก็จะต้องพ่ายแพ้ และจะมีหลายๆชนชาติและกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่หลายๆองค์ทำให้บาบิโลนตกไปเป็นผู้รับใช้ของพวกเขา’”
8 “แต่ถ้าชนชาติไหนหรืออาณาจักรไหนไม่ยอมรับใช้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน หรือถ้าชนชาติไหนไม่ยอมจำนนต่อกษัตริย์แห่งบาบิโลนคนนี้ เราจะทำโทษชนชาตินั้นด้วยสงคราม ความอดอยากและโรคร้าย จนกว่าเราจะใช้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทำลายมันไปอย่างสิ้นซาก” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น 9 “แต่พวกเจ้าจะต้องไม่ฟังพวกผู้พูดแทนพระเจ้า โหรของพวกเจ้า คนที่ได้เห็นอนาคตในความฝัน พวกนักทำนาย และพ่อมดของพวกเจ้าที่พูดว่า ‘อย่าไปรับใช้กษัตริย์บาบิโลนนั่นเลย’ 10 ที่เราพูดเรื่องนี้ก็เพราะพวกเขากำลังโกหกเจ้าอยู่ ซึ่งจะทำให้เจ้าถูกกำจัดไปจากแผ่นดินของเจ้าเอง เราจะขับไล่เจ้า และเจ้าจะพินาศ”
11 “แต่ถ้าชนชาติไหนยอมจำนนต่อกษัตริย์บาบิโลนและรับใช้เขา เราจะยอมให้ชนชาตินั้นอยู่ต่อไปในแผ่นดินของตนและเพาะปลูกในแผ่นดินนั้น” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
12 “สำหรับกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ เราขอพูดอย่างนี้ว่า ‘ให้ยอมกษัตริย์บาบิโลนซะ รับใช้เขาและประชาชนของเขา แล้วเจ้าจะรอดชีวิต’ 13 ทำไมเจ้าและประชาชนของเจ้าจะต้องมาตายด้วยคมดาบ ความอดอยาก และโรคระบาด ตามที่พระยาห์เวห์เตือนไว้แล้วสำหรับชนชาติที่ไม่ยอมกษัตริย์บาบิโลนด้วยล่ะ 14 อย่าไปฟังสิ่งที่พวกผู้พูดแทนพระเจ้าบอกเจ้า ที่ว่า ‘ไม่ต้องไปเป็นขี้ข้ากษัตริย์บาบิโลนหรอก’ เพราะว่าผู้พูดแทนพระเจ้าพวกนั้นกำลังหลอกเจ้า” 15 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราไม่ได้ส่งพวกผู้พูดแทนพระเจ้าพวกนั้นมา พวกนั้นอ้างว่าพวกเขาพูดในนามของเรา แต่พวกเขากำลังโกหก ดังนั้นเราจะขับไล่พวกเจ้าไปและทำลายพวกเจ้า ทั้งพวกเจ้าและพวกผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอมที่พูดกับเจ้านั้น”
16 แล้วผมก็พูดกับพวกนักบวชและประชาชนทั้งหลายว่า พระยาห์เวห์พูดอย่างนี้ว่า “อย่าไปฟังสิ่งที่พวกผู้พูดแทนพระเจ้าของพวกเจ้าพูด ที่ว่า ‘พวกภาชนะที่ใช้ในวิหารของพระยาห์เวห์กำลังจะกลับมาจากบาบิโลนเร็วๆนี้’ เพราะพวกมันโกหกเจ้า 17 อย่าไปฟังพวกมัน ให้รับใช้กษัตริย์บาบิโลน แล้วเจ้าจะรอดชีวิต ทำไมจะต้องปล่อยให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองร้างด้วยล่ะ 18 แต่ถ้าพวกผู้พูดแทนพระเจ้าพวกนั้นเป็นตัวจริง และพวกมันมีถ้อยคำของพระยาห์เวห์จริง ก็ให้พวกมันมาอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น เพื่อว่าภาชนะที่เหลืออยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์และอยู่ในวังของกษัตริย์ยูดาห์และอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม จะได้ไม่ตกไปอยู่ที่บาบิโลน”
19 เพราะว่าพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้พูดไว้อย่างนี้ “เกี่ยวกับเรื่องเสาต่างๆ ขันทะเลสัมฤทธิ์ แท่นรองของมัน และพวกภาชนะที่เหลืออยู่ในเมืองนี้ 20 ของที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนไม่ได้เอาไปตอนที่เขาต้อนเยโคนิยาห์[f] ลูกชายของกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์และเจ้านายทั้งหลายของทั้งยูดาห์และเยรูซาเล็มไปบาบิโลน 21 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พูดเกี่ยวกับเรื่องภาชนะที่ยังเหลืออยู่ในวิหารของพระองค์ ในวังของกษัตริย์ และในเมืองเยรูซาเล็มว่า 22 ‘ของพวกนั้นจะถูกย้ายไปบาบิโลน แล้วจะอยู่ที่นั่นจนถึงเวลาที่เราจะระลึกถึงพวกมัน’” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น “แล้วเราจะพาของพวกมันกลับมาที่นี่เอง”
ฮานันยาห์ ผู้พูดแทนพระเจ้าปลอม
28 ในปีเดียวกันนั้น ซึ่งเป็นช่วงต้นรัชกาลเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ ตรงกับเดือนที่ห้า ปีที่สี่ ฮานันยาห์ลูกชายของอัสซูร์ ผู้พูดแทนพระเจ้าจากกิเบโอน เขาได้พูดกับผมต่อหน้าพวกนักบวชและทุกคนในวิหารของพระยาห์เวห์ว่า 2 “พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของอิสราเอลพูดว่า ‘เราได้หักแอกของกษัตริย์แห่งบาบิโลนแล้ว 3 ภายในสองปีนี้ เราจะนำพวกภาชนะที่ใช้ในวิหารของพระยาห์เวห์ทั้งหมดกลับมาไว้ที่นี่ เป็นภาชนะที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้เอาไปจากที่นี่ และเอาไปไว้ที่บาบิโลน 4 และเราจะนำเยโคนิยาห์[g] กษัตริย์ของยูดาห์ลูกชายของเยโฮยาคิม กลับมาที่นี่ พร้อมกับชาวยูดาห์ทั้งหมดที่ตกไปเป็นเชลยอยู่ในบาบิโลนด้วย เพราะเราจะทำลายแอกของกษัตริย์บาบิโลน พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น’”
5 หลังจากนั้นเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าก็พูดกับฮานันยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า ต่อหน้าพวกนักบวช และทุกคนที่ยืนอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์ 6 เยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าพูดว่า “อาเมน ขอให้เป็นอย่างนั้น ขอให้พระยาห์เวห์ทำเหมือนกับที่ท่านพูดเถอะ ขอให้พระยาห์เวห์ทำให้คำทำนายของท่านเป็นจริง ขอให้พระองค์นำภาชนะที่ใช้ในวิหารของพระองค์ รวมทั้งคนเหล่านั้นทั้งหมดที่ถูกกวาดต้อนไปบาบิโลนกลับมาที่นี่ด้วยเถิด
7 แต่ให้ฟังสิ่งที่ผมกำลังจะพูดกับท่านและกับทุกๆคน 8 เท่าที่ใครต่อใครจำได้ พวกผู้พูดแทนพระเจ้าที่มีชีวิตอยู่ก่อนหน้าผมและท่าน ล้วนแต่พยากรณ์ต่อต้านแผ่นดินทั้งหลายและอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ต่างๆว่า จะเกิดสงคราม ความอดอยากและโรคภัยไข้เจ็บกันทั้งนั้น 9 แต่สำหรับผู้พูดแทนพระเจ้าที่พยากรณ์ว่าจะเกิดความสงบสุขขึ้นนั้น จะต้องคอยให้เรื่องนั้นมันเกิดขึ้นจริงตามที่เขาพูดเสียก่อน คนถึงจะได้รู้ว่าพระยาห์เวห์เป็นผู้ที่ส่งผู้พูดแทนพระเจ้าคนนั้นมาจริงๆ”
10 แล้วฮานันยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า ก็เอาแอกไม้จากคอของเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้ามาหัก 11 และเขาก็พูดต่อหน้าทุกคนที่นั่นว่า พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะหักแอกของเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์แห่งบาบิโลน ที่วางไว้บนคอของชนชาติต่างๆให้หมดไปภายในสองปีนี้ เหมือนที่เราได้หักแอกอันนี้” แล้วเยเรมียาห์ก็ไปตามทางของท่าน
12 หลังจากที่ฮานันยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า ได้หักแอกจากคอของเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าแล้ว พระคำของพระยาห์เวห์ก็มีมาถึงเยเรมียาห์ว่า 13 “ไปบอกกับฮานันยาห์ว่า พระยาห์เวห์พูดว่า ‘เจ้าหักแอกไม้นั้นแล้วก็จริง แต่เจ้าได้สร้างแอกเหล็กขึ้นมาแทน’” 14 ที่ผมพูดอย่างนี้ก็เพราะพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าแห่งอิสราเอลพูดว่า “เราได้ใส่แอกเหล็กไว้บนคอของชนชาติเหล่านี้ทั้งหมด เพื่อทำให้พวกมันรับใช้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน และพวกมันก็จะเป็นทาสรับใช้เขา นอกจากนั้นแล้ว เรายังได้มอบพวกสัตว์ป่าให้กับเขาด้วย”
15 แล้วเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าก็พูดกับฮานันยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าว่า “ฟังนะ ฮานันยาห์ พระยาห์เวห์ไม่ได้ส่งเจ้ามา แถมเจ้ายังทำให้คนพวกนี้หลงเชื่อในสิ่งที่ผิดๆเสียอีก 16 ดังนั้น พระยาห์เวห์จึงพูดว่าอย่างนี้ ‘เราจะขับไล่เจ้าออกไปจากแผ่นดินนี้ เจ้าจะต้องตายในปีนี้ เพราะเจ้าได้พูดขัดกับพระยาห์เวห์’”
17 แล้วฮานันยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าก็ตายในเดือนที่เจ็ดของปีนั้น
จดหมายจากเยเรมียาห์ถึงพวกเชลย
29 เยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า ได้ส่งหนังสือม้วนจากเยรูซาเล็มไปให้กับพวกผู้อาวุโสที่ยังเหลือรอดชีวิตท่ามกลางเชลยศึกทั้งหลายในบาบิโลน รวมทั้ง พวกนักบวช พวกผู้พูดแทนพระเจ้า และคนอื่นๆด้วย ที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้กวาดต้อนจากเยรูซาเล็มไปไว้ที่บาบิโลน 2 เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่กษัตริย์เยโคนิยาห์[h] พร้อมกับแม่ของพระองค์ และพวกข้าราชสำนัก พวกเจ้านายของยูดาห์ และของเยรูซาเล็ม รวมทั้งพวกช่างฝีมือและช่างเหล็ก ได้ถูกกวาดต้อนออกไปจากเยรูซาเล็มแล้ว 3 เศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ ได้ส่งเอลาสาห์และเกมาริยาห์ไปหากษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ที่บาบิโลน เอลาสาห์เป็นลูกชายของชาฟาน ส่วนเกมาริยาห์เป็นลูกชายของฮิลคียาห์ เยเรมียาห์ได้ฝากหนังสือม้วนนี้ไปบาบิโลนกับเอลาสาห์ และเกมาริยาห์ ข้อความในหนังสือม้วนนั้นพูดว่า
4 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าของอิสราเอล พูดไว้ว่าอย่างนี้ “ถึงทุกคนที่เราได้ส่งไปจากเยรูซาเล็มให้ไปเป็นเชลยที่บาบิโลน 5 ให้พวกเจ้าสร้างบ้านเรือนขึ้นมาอยู่อาศัย ให้ปลูกสวน และกินผลผลิตของพวกมันที่ออกมา 6 ให้แต่งงานและเกิดลูกชายลูกสาว ให้หาเมียให้กับพวกลูกชายของเจ้า และยกลูกสาวเจ้าให้ไปเป็นเมียคนอื่น และให้พวกเขาเกิดลูกชายลูกสาว ให้เกิดลูกเต็มบ้านเต็มเมือง อย่าได้กลายเป็นกลุ่มเล็กๆ 7 ให้ส่งเสริมบ้านเมืองที่เราได้ขับไล่ให้เจ้าไปอยู่กันนั้นเจริญรุ่งเรืองด้วย อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์สำหรับเมืองนั้นด้วย เพราะถ้าเมืองนั้นเจริญรุ่งเรือง เจ้าก็จะมีความเจริญรุ่งเรืองด้วย” 8 เพราะพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพระเจ้าแห่งอิสราเอลพูดว่า “อย่าให้พวกผู้พูดแทนพระเจ้าที่อยู่ท่ามกลางเจ้า และหมอดูหลอกเจ้าได้ แล้วอย่าไปหลงฟังความฝันต่างๆที่พวกมันได้ฝันด้วย 9 เพราะพวกนั้นกำลังอ้างชื่อเราไปทำนายอย่างผิดๆ เราไม่ได้ส่งพวกมันมา” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
10 เพราะพระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้ “เมื่อเจ็ดสิบปีของบาบิโลนครบถ้วนแล้ว เราก็จะไปหาเจ้า และทำดีกับเจ้าตามที่เราได้สัญญาไว้ คือเราจะนำเจ้ากลับมาที่เยรูซาเล็มนี้” 11 พระยาห์เวห์พูดว่า “เพราะเรารู้แผนงานต่างๆที่เราวางไว้ให้กับเจ้า เป็นแผนงานสำหรับความเจริญรุ่งเรือง ไม่ใช่สำหรับความหายนะ เพื่อจะให้อนาคตและความหวังกับเจ้า 12 เจ้าจะเรียกหาเรา เจ้าจะมาอธิษฐานต่อเรา และเราจะฟังเจ้า 13 เจ้าจะแสวงหาเรา แล้วเจ้าก็จะพบเรา เมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสิ้นสุดใจของเจ้า 14 แล้วเจ้าก็จะหาเราเจอ” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น “เราจะคืนสิ่งที่เจ้าถูกยึดไป และเราจะเก็บรวบรวมเจ้ากลับมาจากทุกชนชาติและทุกที่ที่เราได้เนรเทศเจ้าไป และเราจะนำเจ้ากลับไปยังที่ที่เราได้เนรเทศเจ้าออกไป” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
15 แต่เจ้าอาจจะพูดว่า “พระยาห์เวห์ได้ให้พวกพูดแทนพระเจ้ากับเราในบาบิโลน” 16 แต่พระยาห์เวห์ได้พูดเกี่ยวกับกษัตริย์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ของดาวิดและทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม และพวกพี่น้องของเจ้า ที่ไม่ได้ถูกเนรเทศไปกับเจ้านั้น 17 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดอย่างนี้ว่า “เราจะส่งคมดาบ ความอดอยากและโรคภัยไข้เจ็บมาทำลายพวกเขา และเราจะทำให้พวกเขาเป็นเหมือนลูกมะเดื่อที่เสียจนกินไม่ลง 18 เราจะไล่ตามพวกเขาไปด้วยคมดาบ ความอดอยาก และโรคภัยไข้เจ็บ และเราจะทำให้พวกเขาดูน่าสยดสยอง ในสายตาของอาณาจักรทั้งหมดในโลกนี้ เราจะทำให้ชื่อของพวกเขากลายเป็นคำที่คนใช้ในการแช่งสาป เขาจะเป็นหายนะอย่างน่าตกใจ เป็นที่น่ารังเกียจ ถูกเยาะเย้ยจากทุกๆชนชาติที่เราได้เนรเทศพวกเขาไป 19 ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะพวกมันไม่ยอมฟังถ้อยคำต่างๆของเรา” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น “นี่คือถ้อยคำต่างๆที่เราพูดแล้วพูดอีกกับพวกเขาผ่านทางผู้รับใช้และผู้พูดแทนเรา แต่พวกเขาไม่ยอมฟัง” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น 20 “พวกเจ้าทั้งหลายที่ถูกกวาดต้อนจากเยรูซาเล็มไปบาบิโลน ให้ฟังถ้อยคำของพระยาห์เวห์”
21 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพระเจ้าของอิสราเอลพูดเกี่ยวกับอาหับ ลูกชายของโคลายาห์ และเศเดคียาห์ลูกชายของมาอาเสอาห์ พระองค์พูดว่า “พวกผู้พูดแทนพระเจ้าสองคนนี้ได้พูดกับพวกเจ้าในนามของเรา แต่พวกมันโกหก เราจะส่งพวกมันให้ไปอยู่ในเงื้อมมือของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ แห่งบาบิโลน แล้วเขาก็จะฆ่าพวกมันให้เจ้าเห็นกับตา 22 พวกเชลยศึกชาวยูดาห์ทุกคนที่ยังอยู่ในบาบิโลน จะใช้ชื่อพวกมันสำหรับสาปแช่งกันว่า ‘ขอให้พระยาห์เวห์ทำให้เจ้าเป็นเหมือนเศเดคียาห์ และเหมือนอาหับ ที่กษัตริย์บาบิโลนเผาตายด้วยเถอะ’ 23 ผู้พูดแทนพระเจ้าสองคนนั้นได้ทำสิ่งที่น่ารังเกียจในอิสราเอล พวกเขาได้มีชู้กับเมียของเพื่อนบ้าน และอ้างชื่อเราไปพูดทั้งที่เราไม่ได้สั่ง เรารู้เรื่องนี้ และเราเป็นพยานเอง” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น
พระเจ้าส่งข่าวสารไปให้กับเชไมอาห์
24 และให้เจ้าไปพูดกับเชไมอาห์ชาวเนเฮลามว่า 25 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอลพูดว่า “เพราะเจ้าใช้อำนาจของตัวเองส่งพวกจดหมายไปถึงทุกคนในเยรูซาเล็ม และส่งไปให้กับนักบวชเศฟันยาห์ลูกชายของมาอาเสอาห์ รวมทั้งนักบวชคนอื่นๆด้วยว่า 26 ‘พระยาห์เวห์ได้แต่งตั้งให้เจ้าเป็นนักบวชแทนนักบวชเยโฮยาดา จะได้มีคนดูแลวิหารของพระยาห์เวห์ ถ้าคนบ้าคนไหนไปทำตัวเป็นผู้พูดแทนพระเจ้า ก็ให้จับใส่ขื่อไว้ให้แน่นหนา’ 27 แต่ตอนนี้ทำไมเจ้าถึงไม่ต่อว่าเยเรมียาห์จากอานาโธท ที่ทำนายให้กับพวกเจ้า 28 เยเรมียาห์ได้ส่งข่าวสารนี้ถึงพวกเราที่อยู่ในบาบิโลนว่า ‘เจ้าจะอยู่ที่นั่นไปอีกนาน ให้สร้างบ้านอยู่ซะ ทำสวนและกินผลผลิตที่ได้จากพวกมัน’”
29 จากนั้นนักบวชเศฟันยาห์ ก็อ่านจดหมายนั้นให้เยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าฟัง 30 แล้วถ้อยคำของพระยาห์เวห์ ก็มาถึงเยเรมียาห์ว่า 31 “เยเรมียาห์ ให้ส่งจดหมายไปบอกกับทุกคนที่ถูกกวาดต้อนไปบาบิโลนว่า ‘พระยาห์เวห์พูดถึงเชไมอาห์ชาวเนเฮลามว่า เพราะเชไมอาห์ทำนายให้กับพวกเจ้า โดยที่เราไม่ได้ส่งเขาไป แล้วเขาทำให้เจ้าเชื่อเรื่องโกหกนั้น’
32 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงพูดว่า ‘เราจะทำโทษเชไมอาห์ชาวเนเฮลามและลูกหลานของเขา เขาจะไม่เหลือลูกหลานรอดชีวิตท่ามกลางคนเหล่านี้สักคนเดียว และเขาจะไม่ได้เห็นสิ่งดีๆที่เรากำลังจะทำให้กับคนของเรา เพราะเขาได้พูดส่งเสริมให้กบฏต่อพระยาห์เวห์’” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น
พระยาห์เวห์สัญญาว่าจะนำพวกเชลยกลับมา
30 นี่คือถ้อยคำของพระยาห์เวห์ที่มีมาถึงเยเรมียาห์ 2 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลพูด คือ “ให้เขียนข้อความทั้งหมดนี้ที่เราได้พูดกับเจ้าลงในหนังสือม้วนให้กับตัวเจ้าเอง” 3 พระยาห์เวห์พูดว่า “วันนั้นกำลังจะมาถึง คือวันที่เราจะพลิกสถานการณ์ให้กับคนของเราคือคนอิสราเอลและยูดาห์” พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะนำพวกเขากลับมายังแผ่นดินนี้ที่เราได้ให้กับบรรพบุรุษของเขา เพื่อพวกเขาจะได้ครอบครองมัน”
4 นี่คือข่าวสารที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับอิสราเอลและยูดาห์ 5 พระองค์พูดว่าอย่างนี้
“พวกเราได้ยินเสียงของความอลหม่าน
ความหวาดกลัว และความไม่สงบสุข
6 ไปถามสิ และดูสิว่า
ผู้ชายที่ไหนออกลูกได้บ้าง
แล้วทำไมเราถึงเห็นนักรบที่เก่งกาจทุกคนเอามือกุมท้องเหมือนผู้หญิงกำลังจะคลอด
และทำไมพวกเขาถึงหน้าซีดเผือดอย่างนั้น
7 เลวร้ายเหลือเกิน
เพราะว่าวันนั้นเป็นโศกนาฎกรรมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
มันจะเป็นเวลาของความทุกข์ระทมของยาโคบ
แต่เขาก็จะรอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้”
8 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า “ในวันนั้น เราจะปลดแอกของบาบิโลนออกจากคอของเจ้า เราจะดึงเชือกที่มัดเจ้าอยู่ให้ขาดกระจุยไป แล้วพวกคนต่างชาติก็จะไม่ทำให้ยูดาห์รับใช้พวกเขาอีกต่อไป 9 แล้วพวกเขาก็จะรับใช้พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา และรับใช้ดาวิดกษัตริย์ของพวกเขา ที่เราจะแต่งตั้งให้ปกครองเหนือพวกเขา
10 ส่วนเจ้า ยาโคบผู้รับใช้ของเรา เจ้าไม่ต้องกลัว”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
“อิสราเอล ไม่ต้องท้อแท้
เพราะเราจะช่วยชีวิตเจ้าให้รอดจากดินแดนที่ห่างไกลนั้น
และเราจะช่วยชีวิตลูกหลานของเจ้าให้พ้นจากดินแดนที่พวกเขาเป็นเชลยอยู่นั้น
ยาโคบจะกลับมาและจะอยู่อย่างสงบและปลอดภัย
ไม่มีใครจะมาทำให้พวกเขากลัวจนตัวสั่นได้”
11 พระยาห์เวห์พูดว่า “เพราะเราอยู่กับเจ้า เพื่อช่วยชีวิตเจ้า
เพราะเราจะทำให้ชนชาติต่างๆที่เราใช้ให้เจ้ากระจัดกระจายไปอยู่นั้นพบกับจุดจบ
แต่เราจะไม่ทำให้เจ้าต้องพบจุดจบหรอก
เราจะอบรมสั่งสอนเจ้าอย่างเป็นธรรม
และเราจะไม่ปล่อยให้เจ้าลอยนวลเมื่อเจ้าทำผิด”
12 เพราะพระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
“อาการบาดเจ็บของเจ้ารักษาไม่หายหรอก
บาดแผลของเจ้าก็สาหัสมาก
13 ไม่มีทนายแก้ต่างให้กับเจ้าในศาล
เจ้าไม่มียาที่จะรักษาบาดแผลที่เปิดอยู่ของเจ้า
14 ชู้รักทั้งหมดของเจ้าลืมเจ้าไปหมดแล้ว
พวกเขาไม่ห่วงเจ้าเลย
เราทุบตีเจ้าเหมือนที่ศัตรูจะทุบตีเจ้า
เราลงโทษเจ้าอย่างโหดร้าย
สำหรับความผิดบาปอันใหญ่หลวงของเจ้า
บาปของเจ้านั้น มันมากมายเหลือเกิน
15 ทำไมเจ้าถึงร้องเจ็บแผล
ความเจ็บปวดของเจ้ารักษาไม่ได้
เพราะเจ้าทำผิดบาปอย่างมาก
ความบาปของเจ้ามันมากมายยิ่งนัก
เราถึงได้ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้กับเจ้า
16 คนพวกนั้นที่ทำลายเจ้า ก็จะถูกทำลายแน่
ศัตรูทั้งหมดของเจ้าจะถูกจับไปเป็นเชลย
คนที่ปล้นเจ้าจะโดนปล้นเสียเอง
เราจะทำให้คนพวกนั้นที่ปล้นสะดมเจ้าถูกปล้นเสียเอง
17 เรื่องนี้เจ้ามั่นใจได้เลยเพราะเราจะทำให้เจ้ากลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม
และจะรักษาบาดแผลของเจ้าให้เอง”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้
“คนเขาเรียกเจ้าว่าเศษเดนสังคม
คนเขาพูดกันว่า นางนั่นก็คือศิโยนที่ไม่มีใครอยากได้ไงล่ะ”
18 พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้
“เราจะพลิกสถานการณ์ให้กับพวกครอบครัวของยาโคบ
เราจะแสดงความเมตตาให้กับที่อยู่อาศัยทั้งหลายของยาโคบ
เมืองจะถูกสร้างขึ้นใหม่บนซากเดิม
และป้อมปราการก็จะตั้งอยู่ในที่ที่ถูกต้อง
19 จะมีเสียงร้องเพลงขอบคุณจากพวกเขา
จะมีเสียงหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
เราจะเพิ่มจำนวนพวกเขา พวกเขาจะได้ไม่มีกันน้อยๆ
เราจะทำให้เขาสำคัญ พวกเขาจะได้ไม่กระจอกงอกง่อย
20 ลูกหลานของยาโคบจะเป็นเหมือนแต่ก่อน
และเขาจะเป็นชุมชนที่มั่นคงต่อหน้าเรา
และเราจะลงโทษคนที่กดขี่ข่มเหงเขาด้วย
21 ผู้นำของยาโคบจะมาจากคนของเขาเอง
และผู้ปกครองเขาจะมาจากคนในของเขาเอง
เรายาห์เวห์จะทำให้เขาเข้ามาใกล้ๆเรา แล้วเขาก็จะเข้ามาหาเรา
เพราะว่าใครล่ะจะกล้าเข้ามาหาเรา ถ้าเราไม่ได้เรียก”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
22 “พวกเจ้าจะเป็นคนของเรา
และเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า”
23 “ดูสิ นั่นพายุของพระยาห์เวห์
ความโกรธของพระองค์กำลังพัดออกมา
มันเป็นพายุหมุน
นั่นเป็นพายุที่หมุนอยู่เหนือหัวคนเลว
24 ความโกรธเดือดดาลของพระยาห์เวห์จะไม่หยุด
จนกว่าพระองค์จะทำให้มันสำเร็จ
จนกว่าพระองค์จะได้ทำสิ่งที่อยู่ในใจของพระองค์เสียก่อน
ในอนาคต เจ้าก็จะเข้าใจเรื่องนี้เอง”
อิสราเอลใหม่
31 พระยาห์เวห์พูดว่า “ในเวลานั้น เราจะเป็นพระเจ้าของอิสราเอลทุกตระกูล และพวกเขาก็จะเป็นคนของเรา”
2 พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
“คนที่รอดชีวิตจากคมดาบจะได้รับเกียรติในทะเลทราย
อิสราเอลแสวงหาที่หยุดพัก”
3 พระยาห์เวห์ปรากฏให้เขาเห็นจากที่ไกลๆ
พระองค์พูดว่า “เรารักเจ้าแล้วด้วยความรักที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย
ดังนั้น เราถึงยังแสดงความรักความเมตตากับเจ้าอยู่
4 เราจะสร้างเจ้าขึ้นใหม่ เจ้าจะได้ถูกสร้างขึ้นอีกครั้ง
อิสราเอล หญิงสาวบริสุทธิ์เอ๋ย
เจ้าจะยกกลองรำมะนาขึ้นอีกครั้ง
แล้วเจ้าก็จะออกไปเต้นรำกับคนที่เฉลิมฉลองกัน
5 เจ้าจะปลูกพวกสวนองุ่นบนภูเขาสะมาเรียอีกครั้ง
และคนที่ปลูกก็จะมีความสุขจากผลของมัน
6 เพราะจะมีวันหนึ่งที่คนเฝ้ายามร้องตะโกนก้องจากภูเขาเอฟราอิมว่า
‘ลุกขึ้นเร็ว ขึ้นไปหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราที่ศิโยนกันเถอะ’”
7 ใช่แล้ว พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้
“มาร้องเพลงเฉลิมฉลองให้ยาโคบกัน
และมาชื่นชมยินดีกับผู้นำของชนชาติต่างๆ
ตะโกนก้อง สรรเสริญ และร้องว่า
พระยาห์เวห์ได้ช่วยกู้คนของพระองค์แล้ว
คือคนอิสราเอลที่หลงเหลืออยู่
8 เราจะนำพวกเขามาจากแผ่นดินทางเหนือ
และจะรวบรวมพวกเขามาจากสุดปลายโลก
ในพวกของเขาจะมีคนเหล่านี้รวมอยู่ด้วยคือ คนตาบอด คนง่อย
ผู้หญิงท้อง และผู้หญิงที่กำลังจะคลอดลูก
พวกเขาจะกลับมาเป็นชนกลุ่มใหญ่
9 ขณะที่พวกเขากลับมา พวกเขาก็ร้องไห้กัน
และเราจะปลอบประโลมพวกเขาตอนที่นำพวกเขากลับมา
ในขณะที่พวกเขากำลังอธิษฐานขอให้เราเมตตาปรานี
เราจะทำให้เขาเดินอยู่ริมๆแม่น้ำบนถนนตรง
ที่พวกเขาจะไม่สะดุดล้ม
เพราะเราจะเป็นพ่อของคนอิสราเอล
และเอฟราอิมจะเป็นลูกชายหัวปีของเรา
10 ชนชาติทั้งหลาย ให้ฟังถ้อยคำของพระยาห์เวห์
และให้ประกาศไปถึงดินแดนชายฝั่งที่ห่างไกล
ให้ประกาศว่า ‘พระองค์ผู้ที่ทำให้อิสราเอลกระจัดกระจายไปจะรวบรวมพวกเขา
และดูแลพวกเขาเหมือนผู้เลี้ยงแกะที่เฝ้าระวังฝูงแกะของตัวเอง’
11 เพราะพระยาห์เวห์ได้จ่ายหนี้แทนยาโคบแล้ว
และได้ช่วยไถ่เขาให้พ้นเงื้อมมือคนที่แข็งแกร่งกว่าเขา
12 พวกอิสราเอลจะกลับมาร้องเพลงกันอย่างสนุกสนานบนที่สูงศิโยน
และพวกเขาจะส่องสว่างไสว
เพราะความใจดีของพระยาห์เวห์ ส่องสว่างเหนือข้าว เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมันมะกอก
และส่องสว่างเหนือพวกลูกแกะและฝูงวัวด้วย
ชีวิตของพวกเขาจะเป็นเหมือนสวนที่มีน้ำผันเข้ามารด
และพวกเขาจะไม่เป็นลมอีก
13 ในเวลานั้นพวกหญิงสาวจะเต้นรำฉลอง
กับคนหนุ่มและคนแก่
เราจะเปลี่ยนเสียงร้องไห้ของเขาเป็นเสียงร้องเพลง
เราจะปลอบโยนพวกเขาให้สุขสบาย
และเราจะทำให้พวกเขาเฉลิมฉลองกันแทนที่จะร้องไห้กัน
14 เราจะให้พวกนักบวชดื่มจนเหลือเฟือ
และคนของเราจะพอใจกับข้าวของที่เราให้”
พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น
15 พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
“มีเสียงดังมาจากรามาห์
เป็นเสียงร้องไห้และคร่ำครวญอย่างขมขื่น
ราเชลกำลังร้องไห้ให้พวกลูกชายของเธอ
เธอไม่ยอมให้ใครมาปลอบโยนเรื่องลูกของเธอเลย
เพราะว่าลูกของเธอหายไปหมดแล้ว”
16 พระยาห์เวห์พูดว่า
“หยุดร้องไห้เถิด
และหยุดเสียน้ำตาได้แล้ว
เพราะเจ้าจะได้รับรางวัลชดเชยให้กับความพยายามของเจ้า”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
“และพวกลูกเจ้าจะกลับมาจากแผ่นดินของศัตรู
17 แล้วเจ้าก็จะมีความหวังให้กับอนาคตของเจ้า”
พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น
“และลูกๆก็จะกลับเข้ามาในเขตแดนของพวกเขาเอง
18 เราได้ยินเสียงร้องไห้ของเอฟราอิมจริงๆ
เขาพูดว่า ‘พระองค์ตีสอนข้าพเจ้า
และข้าพเจ้าก็ถูกตีสอนเหมือนลูกวัวที่ยังไม่เชื่อง
นำข้าพเจ้ากลับมาเถิดเพื่อข้าพเจ้าจะได้กลับมา
เพราะพระองค์ พระยาห์เวห์ คือพระเจ้าของข้าพเจ้า
19 เพราะหลังจากที่ข้าพเจ้าหันไปจากพระองค์ ข้าพเจ้าก็สำนึกผิด
และเมื่อข้าพเจ้าได้รับการสอน ข้าพเจ้าก็ตบต้นขาตัวเองด้วยความละอาย
ข้าพเจ้าละอายและอัปยศอดสู
เพราะข้าพเจ้าได้แบกสิ่งที่ผิดๆที่น่าละอายที่ข้าพเจ้าได้ทำไปตอนเป็นเด็ก’”
20 พระเจ้าพูดว่า
“เอฟราอิมไม่ใช่ลูกที่รักของเราหรือ
เขาไม่ใช่ลูกชายคนโปรดของเราหรือ
ถึงเราจะด่าว่าเขาไว้มาก
แต่เราก็ยังคิดถึงเขาได้เสมอ
ส่วนลึกในเรานั้นมีแต่ความอบอุ่นให้เขา
เราเมตตาเอ็นดูเขามากจริงๆ”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
21 “สร้างเสาป้ายบอกทางให้กับตัวเจ้าเอง
สร้างป้ายบอกทางให้กับตัวเจ้าเอง
เอาใจจดจ่ออยู่กับทางหลวง
จดจ่ออยู่กับทางที่เจ้าเดิน
อิสราเอลที่รัก กลับมาเถิด
กลับมายังเมืองพวกนี้ของเจ้าเถอะ
22 เจ้าเป็นผู้หญิงที่นอกใจสามี
เราจะต้องรออีกนานแค่ไหน กว่าเจ้าจะกลับมา
แต่เรา ยาห์เวห์ จะทำให้เรื่องแปลกใหม่เกิดขึ้น
คือผู้หญิงจะเริ่มจีบผู้ชายก่อน”[i]
ยูดาห์จะกลับมารุ่งเรืองอีก
23 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าของอิสราเอลพูดว่า “เมื่อเราพลิกสถานการณ์ให้กับเมืองต่างๆของยูดาห์ พวกเขาจะพูดกันในแผ่นดินและบ้านเมืองของยูดาห์อีกครั้งว่า ‘ขอให้พระยาห์เวห์อวยพรพวกคุณเถิด ทุ่งหญ้าอันชอบธรรม และภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์’”
24 “ผู้คนจะอยู่อาศัยกันที่ยูดาห์และทุกเมืองของมัน จะมีชาวนา และพวกที่เร่ร่อนไปกับฝูงสัตว์อาศัยอยู่ 25 เพราะเราจะทำให้จิตใจที่อ่อนล้ากระปรี้กระเปร่า และเราจะทำให้จิตใจที่อ่อนแอทั้งหลายเข้มแข็ง”
26 ขณะนั้นเองผมก็ตื่นขึ้น และมองไปรอบๆ ผมนอนหลับสบายเหลือเกิน
27 พระยาห์เวห์พูดว่า “วันนั้นใกล้จะมาถึงแล้ว เมื่อเราจะปลูกคนและสัตว์ในเมืองอิสราเอลและยูดาห์ขึ้นใหม่” 28 พระยาห์เวห์พูดว่า “แต่ก่อน เราได้เฝ้าดูอิสราเอลและยูดาห์ เพื่อที่จะถอนรากถอนโคนพวกเขา ดึงพวกเขาลง คว่ำพวกเขาลง และทำลายพวกเขา รวมทั้งทำให้พวกเขาได้รับความทุกข์ทรมาน แต่ตอนนี้ เราจะเฝ้าดูพวกเขาเพื่อที่จะสร้างพวกเขา และปลูกพวกเขาขึ้นใหม่”
29 “ในวันเหล่านั้น ผู้คนจะไม่พูดอย่างนี้อีกแล้ว ที่ว่า
‘พวกพ่อกินองุ่นเปรี้ยว
แต่กลับเป็นพวกลูกที่เข็ดฟัน’[j]
30 แต่ต่อไปนี้ ต่างคนต่างต้องตายเพราะความผิดบาปของตัวเอง คนไหนกินองุ่นเปรี้ยว คนนั้นก็ต้องเข็ดฟันเอง”
ข้อตกลงใหม่
31 พระยาห์เวห์พูดว่า “วันนั้นจวนจะมาถึงแล้ว เมื่อเราจะทำข้อตกลงใหม่กับครอบครัวของอิสราเอลและครอบครัวของยูดาห์
32 ข้อตกลงนี้จะไม่เหมือนกับข้อตกลงที่เราเคยทำไว้กับบรรพบุรุษของเจ้าในวันที่เราจูงมือพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ มันจะไม่เหมือนกับข้อตกลงของเราที่พวกเขาไม่ได้รักษา ทั้งๆที่เราเป็นสามีของพวกเขา” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
33 พระยาห์เวห์พูดว่า “ในอนาคต ข้อตกลงที่เราจะทำกับครอบครัวของอิสราเอลก็จะเป็นแบบนี้ คือเราจะใส่กฎของเราเข้าไปในตัวพวกเขา และเราจะเขียนไว้ในใจของพวกเขา เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาก็จะเป็นคนของเรา 34 พวกเพื่อนๆและญาติพี่น้องก็จะไม่ต้องสอนกันอีกแล้ว ว่าให้รู้จักพระยาห์เวห์ เพราะพวกเขาทุกคนตั้งแต่คนเล็กที่สุดไปถึงคนใหญ่ที่สุดก็จะรู้จักเรา เราจะยกโทษให้กับความผิดบาปของพวกเขาและจะไม่จดจำบาปของพวกเขาอีกต่อไป” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
พระยาห์เวห์จะไม่มีวันทอดทิ้งอิสราเอล
35 พระยาห์เวห์พูดว่า
“ผู้ที่สั่งดวงอาทิตย์ให้ส่องสว่างในเวลากลางวัน
ผู้ที่สั่งดวงจันทร์และดวงดาวให้ส่องสว่างในเวลากลางคืน
ผู้ที่ทำให้ทะเลปั่นป่วนจนเกิดคลื่นเสียงดัง
พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นคือชื่อของพระองค์ผู้นั้น”
36 พระยาห์เวห์พูดอย่างนี้ว่า
“ถึงแม้คำสั่งต่างๆเหล่านี้จะหายไปจากสายตาเรา
เชื้อสายของอิสราเอลก็ยังจะเป็นชนชาติหนึ่งต่อหน้าเราตลอดไป”
37 พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้
“ถ้ามีใครสามารถวัดท้องฟ้าเบื้องบนได้
และสามารถสำรวจรากฐานใต้โลกได้
เมื่อนั้นเราก็จะปฏิเสธเชื้อสายของอิสราเอลสำหรับทุกอย่างที่เขาได้ทำลงไป”
เยรูซาเล็มใหม่
38 พระยาห์เวห์พูดว่า “วันเหล่านั้นใกล้มาถึงแล้ว คือวันที่เมืองทั้งเมืองตั้งแต่หอคอยฮานันเอลไปจนถึงประตูมุม จะถูกสร้างขึ้นใหม่เพื่อพระยาห์เวห์
39 และเส้นวัดเขตแดนก็จะขยายออกไปไกลถึงภูเขากาเรบและเลี้ยวไปจนถึงโกอาห์อีกครั้งหนึ่ง 40 และหุบเขาทั้งหุบเขา ที่ตอนนี้มีแต่ซากศพและเถ้ากระดูก และท้องทุ่งที่เป็นขั้นบันไดลดหลั่นลงไปไกลถึงลำธารแห้งขิดโรน และไกลไปถึงมุมประตูม้าทางตะวันออก ดินแดนทั้งหมดนี้จะถูกแยกไว้สำหรับพระยาห์เวห์โดยเฉพาะ มันจะไม่มีวันถูกถอนรากถอนโคน และไม่มีวันถูกรื้อถอน”
เยเรมียาห์ซื้อท้องทุ่งที่อานาโธท
32 นี่คือข่าวสารจากพระยาห์เวห์ที่มาถึงเยเรมียาห์ ในปีที่สิบ[k] ที่เศเดคียาห์เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ และตรงกับปีที่สิบแปดของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์
2 ในเวลานั้น กองทัพของกษัตริย์บาบิโลนกำลังล้อมเมืองเยรูซาเล็มอยู่ และเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้ากำลังถูกคุมขังอยู่ในลานของคุกที่อยู่ในวังของกษัตริย์แห่งยูดาห์ 3 กษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์เป็นผู้สั่งให้จับเยเรมียาห์ขังไว้ในคุกที่นั่นเอง พระองค์ถามเยเรมียาห์ว่า “ทำไมเจ้าถึงได้ทำนายอย่างนี้ เจ้าพูดว่า พระยาห์เวห์พูดว่า ‘เราจะยกเมืองนี้ให้ตกไปอยู่ในกำมือของกษัตริย์บาบิโลน พระองค์จะได้ยึดครองมัน 4 และกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ ก็จะไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกบาบิโลน เพราะเขาจะต้องถูกส่งตัวไปอยู่ในกำมือของกษัตริย์บาบิโลนอย่างแน่นอน และกษัตริย์เศเดคียาห์จะได้พูดกับกษัตริย์บาบิโลนตรงหน้า และเจอกันซึ่งๆหน้า 5 กษัตริย์ของบาบิโลนจะบังคับให้เศเดคียาห์ไปบาบิโลน และเขาจะต้องอยู่ที่นั่น จนกว่าเราจะมาลงโทษเขา พวกเจ้าจะต่อสู้กับพวกบาบิโลน แต่จะไม่ชนะ’” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
6 แล้วเยเรมียาห์ก็ตอบว่า “ข่าวสารของพระยาห์เวห์มาถึงผม พระองค์พูดว่า 7 ‘เยเรมียาห์ ฮานาเมลลูกชายของชัลลูมลุงของเจ้าจะมาหาเจ้า และเขาจะบอกกับเจ้าว่า “ให้ซื้อท้องทุ่งของผมที่อยู่ในอานาโธทไปหน่อย เพราะท่านสามารถซื้อมันได้ตามสิทธิ์”’
8 แล้วฮานาเมลลูกชายของลุงผม ก็ได้มาหาผมในลานคุกแห่งนี้ ตามที่พระยาห์เวห์ได้บอกไว้ และเขาก็พูดกับผมว่า ‘ให้ซื้อท้องทุ่งของผมไปหน่อย ท้องทุ่งที่อยู่ในอานาโธท ที่อยู่ในแผ่นดินของเบนยามิน เพราะท่านมีสิทธิ์ที่จะครอบครอง และมีสิทธิ์ที่จะซื้อมันได้ ให้ท่านซื้อเก็บไว้เอง’”
ดังนั้นผมจึงรู้ว่านี่คือถ้อยคำของพระยาห์เวห์ 9 แล้วผมก็ซื้อท้องทุ่งนั้นจากฮานาเมลลูกชายของลุงผม เป็นท้องทุ่งที่อยู่ในอานาโธท แล้วผมก็จ่ายไปเป็นเงินหนักสิบเจ็ดเชเขล[l] 10 ผมได้เขียนเป็นสัญญาซื้อขายขึ้นมา เอาเชือกมัดแล้วหยดครั่งลงบนเชือก และให้พยานเซ็นชื่อรับรอง แล้วผมก็ชั่งเงินจ่ายเขาไป
11 จากนั้นผมก็เอาหนังสือซื้อขายมา ซึ่งก็รวมถึงสำเนาของสัญญาที่มีครั่งหยดปิดอยู่ คำสั่งและเงื่อนไข รวมทั้งสำเนาที่ยังไม่ได้ลงครั่งด้วย 12 แล้วผมก็ให้หนังสือซื้อขายกับบารุคลูกชายของเนริยาห์ ซึ่งเป็นลูกชายของมาอาเสอาห์ ต่อหน้าฮานาเมล กับลุงของผม และต่อหน้าพวกพยานที่ลงชื่อไว้ในสัญญาซื้อขาย รวมทั้งพวกชาวยูดาห์ทุกคนที่นั่งอยู่ที่ลานคุกนั้น
13 แล้วผมก็สั่งบารุคต่อหน้าพวกเขาว่า 14 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าของอิสราเอล พูดไว้อย่างนี้ว่า “ให้เอาหนังสือพวกนี้ คือหนังสือซื้อขายนี้ ทั้งที่มีครั่งปิด และไม่มีครั่งปิด ไปใส่ไว้ในหม้อดิน เพื่อพวกมันจะอยู่ได้นานๆ” 15 เพราะพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าของอิสราเอลพูดไว้ว่า “ในอนาคต คนของเราก็จะซื้อบ้านเรือน ท้องทุ่ง และ พวกสวนองุ่นในแผ่นดินนี้อีกครั้งหนึ่ง”
16 หลังจากที่ผมได้ให้หนังสือซื้อขายกับบารุคลูกชายของเนริยาห์ไปแล้ว ผมก็ได้อธิษฐานถึงพระยาห์เวห์ว่า
17 “ข้าแต่พระยาห์เวห์ เจ้านายของข้าพเจ้า พระองค์สร้างฟ้าและแผ่นดินโลกด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ และแขนที่ยื่นออกมาของพระองค์ ไม่มีอะไรที่ยากเกินไปสำหรับพระองค์ 18 พระองค์คือผู้ที่แสดงความเมตตาแก่คนเป็นพันๆและเป็นผู้ที่ตอบแทนความผิดบาปของพ่อแม่ให้กับลูกๆของพวกเขา พระองค์คือพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ พระเจ้าที่ทรงพลังที่มีชื่อว่าพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
19 แผนการของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่ และการกระทำของพระองค์ก็ยอดเยี่ยม พระองค์เป็นผู้ที่มีดวงตาคอยสอดส่องการกระทำทั้งหมดของมนุษย์ เพื่อตอบแทนให้กับแต่ละคนตามวิถีทางต่างๆของเขา และการกระทำต่างๆของเขา ตามที่เขาสมควรจะได้รับ
20 พระองค์คือผู้ที่ได้ทำหมายสำคัญ และสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆในแผ่นดินอียิปต์ ซึ่งไม่มีอะไรที่จะเหนือกว่านั้นอีกแล้ว มาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะในอิสราเอลหรือในชนกลุ่มไหนก็ตาม พระองค์สร้างชื่อเสียงให้กับพระองค์เอง ชื่อเสียงพระองค์เป็นที่เคารพยำเกรงมาจนถึงทุกวันนี้ 21 พระองค์ได้นำอิสราเอลที่เป็นคนของพระองค์ออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ด้วยหมายสำคัญและสิ่งมหัศจรรย์มากมายด้วยมืออันทรงพลังและแขนที่เหยียดออกและด้วยความน่าเกรงขามอย่างยิ่ง
22 พระองค์ได้ให้แผ่นดินนี้กับคนอิสราเอล แผ่นดินที่พระองค์ได้สาบานไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขาว่า พระองค์จะให้กับพวกเขา เป็นแผ่นดินที่อุดมไปด้วยน้ำนมและน้ำเชื่อมผลไม้ 23 พวกอิสราเอลก็ได้เข้ามาในแผ่นดินนี้ และก็ได้ครอบครองมัน แต่พวกเขาไม่ยอมเชื่อฟังพระองค์ และไม่เดินตามกฎต่างๆของพระองค์ พวกเขาไม่ทำสิ่งต่างๆที่พระองค์สั่งให้พวกเขาทำ แล้วพระองค์ก็ทำให้พวกเขาต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายทั้งหมดเหล่านี้
24 พวกชาวบาบิโลน ได้สร้างเนินดินติดกำแพงเมืองเพื่อที่จะบุกยึดเมือง เนื่องจากคมดาบ ความอดอยาก และโรคภัยไข้เจ็บ เมืองก็เลยตกไปอยู่ในเงื้อมมือของชาวบาบิโลนที่กำลังต่อสู้กับมัน สิ่งที่พระองค์บอกว่าจะเกิดขึ้นก็ได้เกิดขึ้นแล้ว และพระองค์ก็เห็น
25 ข้าแต่พระยาห์เวห์ เจ้านายของข้าพเจ้า พระองค์ได้บอกกับข้าพเจ้าว่า ‘ให้เอาเงินไปซื้อท้องทุ่งนั้นเอาไว้เอง และให้มีพยานรับรองด้วย’ แต่เมืองนี้กำลังจะตกไปอยู่ในเงื้อมมือพวกบาบิโลนอยู่แล้ว”
26 และข่าวสารของพระยาห์เวห์ก็มีมาถึงเยเรมียาห์ พระองค์พูดว่า 27 “เยเรมียาห์ เราคือยาห์เวห์ พระเจ้าของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง มีอะไรยากเกินไปสำหรับเราหรือ”[m] 28 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงพูดว่าอย่างนี้ “เราจะยกเมืองนี้ให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของชาวบาบิโลน และตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์ของบาบิโลน และเขาจะยึดครองมัน 29 ชาวบาบิโลนที่กำลังสู้รบอยู่กับเมืองนี้จะบุกเข้ามาในเมือง และจุดไฟเผาเมือง พวกเขาจะเผาบ้านเรือนต่างๆที่เผาเครื่องหอมให้กับพระบาอัลบนดาดฟ้า และถวายเครื่องดื่มบูชาให้กับเทพเจ้าอื่นๆซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้เราโกรธ 30 เพราะชาวอิสราเอลและยูดาห์ทำสิ่งที่เราถือว่าชั่วร้ายจริงๆมาตั้งแต่เด็กๆเพราะชาวอิสราเอลได้สร้างรูปเคารพขึ้นมากับมือ ซึ่งทำให้เราโกรธ” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น 31 “ที่เราพูดอย่างนี้ก็เพราะเราโกรธเมืองนี้ตั้งแต่วันที่พวกเขาสร้างมันขึ้นมาแล้ว โกรธมาจนถึงทุกวันนี้ เราโกรธถึงขนาดที่จะกำจัดมันให้พ้นไปจากหน้าเรา 32 เราโกรธเพราะชาวอิสราเอลและยูดาห์ทำในสิ่งที่ชั่วร้าย ซึ่งเป็นการยั่วโมโหเรา พวกมันต่างพากันทำสิ่งที่ชั่วร้ายกันไปหมด ไม่ว่าจะเป็นพวกกษัตริย์ พวกเจ้าหน้าที่บ้านเมือง พวกนักบวช พวกผู้พูดแทนพระเจ้า พวกคนยูดาห์ หรือพวกคนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม
33 พวกมันหันหลังให้เรา ไม่ได้หันหน้าให้เรา ถึงแม้เราจะสอนพวกมัน ลุกขึ้นแต่เช้ามาสอนพวกมัน แต่พวกมันก็ไม่ยอมรับการตักเตือน 34 พวกมันเอาสิ่งที่น่ารังเกียจขยะแขยงมาตั้งไว้ในบ้านที่ถูกเรียกว่าเป็นของเรา ทำให้บ้านนั้นเสื่อมไป
35 พวกมันก็ได้สร้างสถานนมัสการต่างๆสำหรับพระบาอัล ในหุบเขาแห่งเบน-ฮินโนม เพื่อเอาไว้เป็นที่สำหรับเซ่นไหว้พวกลูกชายและลูกสาวของพวกมันให้กับพระโมเลค ทั้งๆที่เราไม่ได้สั่ง หรือแม้แต่คิดจะสั่งเรื่องน่าขยะแขยงอย่างนี้ ดังนั้นมันจึงทำให้ชาวยูดาห์บาป
36 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ได้พูดเกี่ยวกับเมืองนี้ คือ ‘ที่พวกเจ้าพูดกันว่า กษัตริย์บาบิโลนจะยึดเยรูซาเล็ม ด้วยคมดาบ ความอดอยาก และโรคร้าย’ แต่เราจะบอกว่า 37 ‘เรากำลังจะรวบรวมพวกเขามาจากทุกหนทุกแห่ง ที่เราได้ขับไล่พวกเขาไปด้วยความโกรธแค้น เดือดดาลอย่างใหญ่หลวง เราจะพาพวกเขากลับมาที่นี่ และจะทำให้พวกเขาอยู่กันอย่างปลอดภัย 38 พวกเขาจะเป็นคนของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา 39 เราจะให้หัวใจกับพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกัน และให้ทำอย่างเดียวกัน พวกเขาจะได้ยำเกรงเราตลอดไป เพื่อเป็นผลดีสำหรับพวกเขาและสำหรับลูกหลานของพวกเขา
40 เราได้ทำข้อตกลงกับพวกเขาชั่วนิรันดร์ ว่าเราจะไม่มีวันหันหลังไปจากพวกเขา คือเราจะทำสิ่งที่ดีๆให้กับพวกเขา และเราจะทำให้จิตใจของพวกเขายำเกรงเรา เพื่อว่าพวกเขาจะได้ไม่หันหลังไปจากเรา 41 เราจะมีความสุขที่ทำสิ่งดีๆให้กับพวกเขา และด้วยชีวิตจิตใจทั้งหมดของเรา เราจะปลูกพวกเขาไว้ในแผ่นดินนี้อย่างสัตย์ซื่อ’”
42 พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้ “เราเคยนำความเลวร้ายทั้งหมดนี้มาให้คนพวกนี้อย่างไร เราก็จะนำสิ่งดีๆมาให้กับพวกเขาอย่างนั้น สิ่งดีๆที่เราได้สัญญาว่าจะทำเพื่อพวกเขา 43 แล้วท้องทุ่งในแผ่นดินนี้ก็จะมีคนมาซื้อกัน แผ่นดินที่พวกเจ้าพูดว่า ‘มันเป็นแผ่นดินที่พินาศย่อยยับ ไม่มีคนหรือสัตว์อาศัยอยู่ และตกไปอยู่ในเงื้อมมือของชาวบาบิโลน’ 44 คนจะเอาเงินมาซื้อท้องทุ่งกัน และจะมีการเขียนสัญญา ติดครั่งบนสัญญานั้น และมีพยานรับรอง พวกเขาจะซื้อท้องทุ่งในแผ่นดินของเบนยามิน และบริเวณรอบๆเยรูซาเล็ม รวมทั้งเมืองต่างๆในยูดาห์ ในแถบเนินเขา ในแถบที่ลุ่มเชิงเขาด้านตะวันตก และในแถบเนเกบด้วย เพราะเราจะพลิกสถานการณ์ให้กับพวกเขา” พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนั้น
คำสัญญาของพระเจ้า
33 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์มีมาถึงเยเรมียาห์เป็นครั้งที่สอง ในขณะที่เขายังถูกคุมขังอยู่ในลานคุก 2 พระยาห์เวห์ คือผู้ที่สร้างโลกนี้ และเป็นผู้ที่ทำให้มันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เพื่อที่จะวางรากฐานของมัน พระยาห์เวห์คือชื่อของพระองค์ พระองค์พูดว่า 3 “ยูดาห์ เรียกเราสิ แล้วเราจะตอบเจ้า เราจะบอกเจ้าถึงสิ่งอัศจรรย์ต่างๆและเรื่องลึกลับที่เจ้ายังไม่รู้ 4 เพราะนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ได้พูดไว้เกี่ยวกับพวกบ้านเรือนในเมืองนี้ และวังของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ ที่จะถูกศัตรูรื้อทำลายไป ศัตรูจะสร้างเนินดินบุกขึ้นบนกำแพงและจะใช้ดาบฆ่าฟันคนในเมือง
5 พวกบาบิโลนกำลังจะมาสู้รบกับเมืองนี้ และจะทำให้เมืองนี้เต็มไปด้วยซากศพของผู้คนที่ถูกเราฆ่าเพราะความโกรธแค้นของเรา และเราก็ได้ซ่อนหน้า[n] ของเราไปจากเมืองนี้ เพราะความชั่วช้าทั้งหลายที่ชาวเมืองนี้ทำ
6 แต่เรากำลังจะมาเยียวยารักษาให้ เราจะรักษาพวกเขา และจะให้พวกเขามีความสงบสุขและความปลอดภัยอย่างล้นเหลือ 7 เราจะพลิกสถานการณ์ให้กับยูดาห์และอิสราเอล และเราจะสร้างพวกเขาขึ้นมาใหม่ให้เป็นเหมือนในตอนแรกที่พวกเขาเป็น 8 เราจะทำให้พวกเขาสะอาดบริสุทธิ์จากความผิดบาปที่พวกเขาเคยทำไว้กับเรา และเราจะยกโทษให้กับพวกการอธรรมและการละเมิดต่างๆทั้งหมดที่พวกเขาเคยทำกับเรา
9 แล้วหลังจากนั้นเมืองนี้ก็จะเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นเมืองที่นำความสุข คำสรรเสริญ และความภูมิใจมาให้กับเรา ต่อหน้าชนชาติทั้งหลายในโลกนี้ ชนชาติต่างๆเหล่านั้น จะได้ยินสิ่งดีๆทั้งหมดที่เรากำลังทำให้กับชาวยูดาห์ที่กลับมานั้น ชนชาติทั้งหลายจะเกรงกลัวจนตัวสั่น เพราะสิ่งดีๆทั้งหลายและความสงบสุขที่เรากำลังมอบให้กับผู้ที่อยู่อาศัยในเยรูซาเล็ม”
10 พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้ “พวกเจ้าพูดว่า ‘บ้านเมืองของเราถูกทิ้งรกร้าง ไม่มีแม้แต่ผู้คนและสัตว์อาศัยอยู่’ แต่ในอนาคต ในเมืองต่างๆของยูดาห์และตามท้องถนนของอิสราเอลที่เงียบสงัด เพราะถูกทำลายไปจนไม่มีผู้คนและพลเมืองอาศัยอยู่ ไม่มีแม้แต่สัตว์นั้น พวกเจ้าจะได้ยิน 11 เสียงร้องเพลง เสียงเฉลิมฉลอง และเสียงของเจ้าบ่าวเจ้าสาวอีกครั้งหนึ่ง จะได้ยินเสียงของผู้คนร้องว่า ‘สรรเสริญพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น เพราะว่าพระองค์แสนดี เพราะความรักของพระองค์นั้นอยู่ชั่วนิจนิรันดร์’ และจะได้ยินเสียงคนนำเครื่องถวายมาถวายเพื่อแสดงความขอบคุณในวิหารของพระยาห์เวห์อีกครั้งหนึ่ง เพราะเราจะพลิกสถานการณ์ของแผ่นดินนี้” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
12 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่าอย่างนี้ “ในสถานที่ที่ถูกทิ้งร้างและไม่มีคนหรือสัตว์อาศัยอยู่นี้ รวมทั้งเมืองต่างๆของมันด้วย จะกลับมามีทุ่งหญ้าให้กับคนเลี้ยงแกะที่กำลังเลี้ยงแกะอีกครั้ง 13 คนเลี้ยงแกะจะได้นับแกะของพวกเขาอีกครั้ง แกะพวกนี้จะเดินผ่านมือของผู้นับไป ผู้คนจะนับแกะของเขากันไปทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็นเมืองต่างๆในแถบเนินเขา ในแถบที่ลุ่มเชิงเขาด้านตะวันตก ในแถบเนเกบ ในยูดาห์ ในแผ่นดินของเบนยามิน และในพื้นที่บริเวณรอบๆเมืองเยรูซาเล็ม” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
กิ่งก้านที่ดี
14 พระยาห์เวห์พูดว่า “วันนั้นใกล้จะมาถึงแล้ว เมื่อเราจะทำให้สัญญาที่เราได้ทำไว้กับครอบครัวของอิสราเอลและครอบครัวของยูดาห์เป็นจริง 15 ในวันนั้นและในเวลานั้น เราจะทำให้กิ่งอันชอบธรรมงอกออกมาสำหรับราชวงศ์ของดาวิด เขาจะรักษาความยุติธรรมและความชอบธรรมบนแผ่นดินนี้ 16 ในวันนั้นยูดาห์จะได้รับการช่วยกู้ และเยรูซาเล็มจะอยู่อย่างปลอดภัย และผู้คนจะเรียกเมืองนี้ว่า ‘พระยาห์เวห์คือความชอบธรรมของพวกเรา’”
17 เพราะพระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้ “ดาวิดจะไม่ขาดทายาทที่จะมานั่งอยู่บนบัลลังก์ของชนชาติอิสราเอล
18 และพวกนักบวชชาวเลวีจะไม่ขาดทายาทที่จะมาถวายเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เครื่องสังสรรค์บูชา ให้กับเราตลอดไป”
19 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์มาถึงเยเรมียาห์ว่า 20 “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด ‘ถ้าเมื่อไหร่ที่เจ้าสามารถหักข้อตกลงที่เราได้ทำไว้กับวันและคืน คือทำให้วันและคืนไม่เกิดขึ้นตามเวลาของมัน 21 เมื่อนั้นแหละ เจ้าถึงจะสามารถหักข้อตกลงที่เราได้ทำไว้กับดาวิดผู้รับใช้ของเรา และกับพวกนักบวชชาวเลวีที่เป็นผู้รับใช้ของเราด้วย
22 เราจะทำให้ลูกหลานของดาวิดผู้รับใช้เรา และชาวเลวีที่รับใช้เรา มีลูกหลานเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เหมือนกับดวงดาวบนท้องฟ้าที่ไม่สามารถนับได้ และเหมือนกับเม็ดทรายที่ทะเลที่นับไม่ถ้วน’”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International