Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
สดุดี 135 - สุภาษิต 6

(สดด.115:4-11)

135 จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า[a]

จงสรรเสริญพระนามของพระยาห์เวห์
จงสรรเสริญพระองค์เถิด ท่านทั้งหลายผู้เป็นผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ท่านผู้ปรนนิบัติรับใช้ในพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ในลานพระนิเวศของพระเจ้าของเรา

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแสนดี
จงร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์เพราะเป็นเรื่องน่ายินดี
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกยาโคบให้เป็นของพระองค์เอง
ทรงเลือกอิสราเอลไว้เป็นกรรมสิทธิ์ล้ำค่าของพระองค์

ข้าพเจ้ารู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยิ่งใหญ่
รู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงยิ่งใหญ่กว่าพระอื่นใดทั้งปวง
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำสิ่งใดๆ ตามชอบพระทัยพระองค์
ในฟ้าสวรรค์และบนแผ่นดินโลก
ในห้วงสมุทรและที่ลึกทั้งหลาย
พระองค์ทรงกระทำให้เมฆลอยขึ้นจากสุดโลก
พระองค์ทรงส่งฟ้าแลบมากับฝน
และทรงนำสายลมออกมาจากคลังของพระองค์

พระองค์ทรงประหารลูกหัวปีของอียิปต์
ลูกหัวปีทั้งของคนและของสัตว์
อียิปต์เอ๋ย พระองค์ทรงส่งหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่างๆ มาท่ามกลางพวกเจ้า
มาต่อสู้ฟาโรห์กับบรรดาผู้รับใช้ทั้งสิ้นของเขา
10 พระองค์ทรงห้ำหั่นชนชาติต่างๆ
ทรงประหารกษัตริย์ผู้เกรียงไกร
11 คือกษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์
กษัตริย์โอกแห่งบาชาน
และกษัตริย์ทั้งหมดในคานาอัน
12 และพระองค์ทรงยกดินแดนของพวกเขาให้เป็นกรรมสิทธิ์
ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของอิสราเอลประชากรของพระองค์

13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระนามของพระองค์ดำรงนิรันดร์
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเกียรติของพระองค์เลื่องลือตลอดทุกชั่วอายุ
14 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงให้ความเป็นธรรมแก่ประชากรของพระองค์
และทรงเอ็นดูสงสารผู้รับใช้ของพระองค์

15 รูปเคารพของชนชาติต่างๆ ทำจากเงินและทอง
ทำด้วยน้ำมือมนุษย์
16 มีปากแต่พูดไม่ได้
มีตาแต่มองไม่เห็น
17 มีหูแต่ไม่ได้ยิน
ไม่มีแม้แต่ลมหายใจในปาก
18 ผู้ที่สร้างพวกมันก็จะเป็นเหมือนพวกมัน
และผู้ที่วางใจในพวกมันก็จะเป็นเหมือนกัน

19 วงศ์วานของอิสราเอลเอ๋ย จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
วงศ์วานของอาโรนเอ๋ย จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
20 วงศ์วานของเลวีเอ๋ย จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
ท่านทั้งหลายผู้ยำเกรงพระองค์ จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
21 จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าจากศิโยน
จงสรรเสริญพระองค์ผู้ประทับอยู่ในเยรูซาเล็ม

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

136 จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ทรงแสนดี
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
จงขอบพระคุณพระเจ้าผู้ทรงอยู่เหนือพระทั้งปวง
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าจอมเจ้านาย
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์

จงขอบพระคุณพระองค์ผู้ทรงกระทำการอัศจรรย์อันยิ่งใหญ่แต่ผู้เดียว
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์โดยความเข้าใจ
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
ผู้ทรงคลี่ผืนแผ่นดินเหนือห้วงน้ำ
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
ผู้ทรงสร้างดวงสว่างมหึมา
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
ทรงให้ดวงอาทิตย์ครองกลางวัน
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
ทรงให้ดวงจันทร์และดวงดาวครองกลางคืน
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์

10 จงขอบพระคุณพระองค์ผู้ทรงประหารลูกหัวปีของอียิปต์
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
11 และทรงนำอิสราเอลออกมาจากท่ามกลางพวกเขา
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
12 ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์และพระกรที่เหยียดออก
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์

13 จงขอบพระคุณพระองค์ผู้ทรงแยกทะเลแดง[b]ออกเป็นทาง
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
14 และทรงนำอิสราเอลข้ามทะเลไป
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
15 แต่ทรงให้ฟาโรห์กับกองทัพจมลงในทะเลแดง
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์

16 จงขอบพระคุณพระองค์ผู้ทรงนำประชากรของพระองค์ผ่านถิ่นกันดาร
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์

17 ผู้ทรงโค่นล้มกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
18 ทรงประหารบรรดากษัตริย์ผู้เกรียงไกร
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
19 คือกษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
20 และกษัตริย์โอกแห่งบาชาน
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
21 และประทานดินแดนของพวกเขาให้เป็นกรรมสิทธิ์
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
22 เป็นกรรมสิทธิ์ของอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์

23 จงขอบพระคุณพระองค์ผู้ทรงระลึกถึงเราซึ่งอยู่ในฐานะอันต่ำต้อย
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
24 และทรงช่วยเราให้พ้นจากบรรดาศัตรู
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
25 พระองค์ผู้ประทานอาหารแก่ทุกชีวิต
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์

26 จงขอบพระคุณพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์

137 ที่ริมฝั่งแม่น้ำของบาบิโลน เรานั่งลงและร่ำไห้
เมื่อระลึกถึงศิโยน
เราแขวนพิณของเราไว้
ที่ต้นปอปลาร์
เพราะที่นั่น ผู้คุมขอให้เราร้องเพลง
ผู้ทรมานเราสั่งให้เราร้องเพลงแห่งความยินดี
พวกเขาพูดว่า “ไหนร้องเพลงแห่งศิโยนให้ฟังสักบทซิ!”

เราจะขับร้องบทเพลงขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ในดินแดนต่างด้าวได้อย่างไร?
เยรูซาเล็มเอ๋ย หากเราลืมเจ้า
ขอให้มือขวาของเราลืมความชำนาญเถิด
ขอให้ลิ้นของเราเกาะติดเพดานปาก
หากเราลืมเจ้า
หากเราไม่ได้ถือว่าเยรูซาเล็มเป็นสุดยอดแห่งความชื่นชมยินดี

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงจดจำสิ่งที่ชาวเอโดมได้ทำ
ในวันที่กรุงเยรูซาเล็มแตก
พวกเขาโห่ร้องว่า “พังมันเลย”
“ทลายให้ถึงรากถึงโคนเลย!”
โอ ธิดาแห่งบาบิโลน[c]เจ้าจะพินาศย่อยยับ
ความสุขมีแก่ผู้ที่คืนสนองเจ้า
อย่างสาสมกับที่เจ้าได้ทำกับเรา
แก่ผู้ที่จับลูกเล็กเด็กแดงของเจ้า
แล้วฟาดลงกับก้อนหิน

(บทประพันธ์ของดาวิด)

138 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์หมดหัวใจ
จะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ต่อหน้า “พระทั้งปวง”
ข้าพระองค์จะน้อมกราบตรงมายังพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
และสรรเสริญพระนามของพระองค์
เพราะความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ของพระองค์
เพราะพระองค์ทรงเชิดชูพระนามและพระวจนะของพระองค์เหนือสรรพสิ่ง
เมื่อข้าพระองค์ร้องทูล พระองค์ทรงตอบ
พระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์เด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้กษัตริย์ทั่วโลกสรรเสริญพระองค์
เมื่อพวกเขาได้ยินพระวจนะจากพระโอษฐ์ของพระองค์
ขอให้พวกเขาขับร้องถึงวิถีทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่

แม้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสูงส่งยิ่งนัก พระองค์ยังทรงเหลียวแลคนต่ำต้อย
แต่พระองค์ทรงสังเกตเห็นคนหยิ่งยโสแต่ไกล
แม้ข้าพระองค์เดินอยู่ท่ามกลางความทุกข์ลำเค็ญ
พระองค์ยังทรงรักษาชีวิตของข้าพระองค์ไว้
พระองค์ทรงเหยียดพระหัตถ์ออกต่อสู้ความเกรี้ยวกราดของศัตรูของข้าพระองค์
พระองค์ทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์
องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงกระทำให้สำเร็จตามความมุ่งหมายของพระองค์ที่มีต่อข้าพระองค์
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ความรักของพระองค์ดำรงนิรันดร์
ขออย่าทรงละทิ้งพระหัตถกิจทั้งหลายของพระองค์

(ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของดาวิด)

139 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้ทรงตรวจตราจิตใจของข้าพระองค์
และพระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์
พระองค์ทรงทราบเมื่อข้าพระองค์นั่งลงและลุกขึ้น
พระองค์ทรงประจักษ์ความคิดของข้าพระองค์แต่ไกล
พระองค์ทรงหยั่งรู้วิถีทางและการหยุดพักของข้าพระองค์
พระองค์ทรงคุ้นเคยกับทางทั้งสิ้นของข้าพระองค์
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ก่อนที่ข้าพระองค์จะเอ่ยปาก
พระองค์ก็ทรงทราบความทั้งสิ้นแล้ว
พระองค์ทรงโอบล้อมข้าพระองค์ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
พระองค์ทรงวางพระหัตถ์เหนือข้าพระองค์
ความรู้เช่นนี้อัศจรรย์ยิ่งนักสำหรับข้าพระองค์
สูงเกินกว่าข้าพระองค์จะเข้าใจ

ข้าพระองค์จะไปที่ไหนให้พ้นจากพระวิญญาณของพระองค์ได้?
ข้าพระองค์จะหนีไปที่ไหนให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์?
หากข้าพระองค์ขึ้นไปยังสวรรค์ พระองค์ประทับอยู่ที่นั่น
หากข้าพระองค์นอนลงในแดนมรณา พระองค์ก็ประทับที่นั่น
หากข้าพระองค์บินไปด้วยปีกแห่งรุ่งอรุณ
หากข้าพระองค์ไปอยู่ที่มหาสมุทรสุดไกลโพ้น
10 แม้แต่ที่นั่น พระหัตถ์ของพระองค์ก็จะทรงนำข้าพระองค์
พระหัตถ์ขวาของพระองค์ก็จะยึดข้าพระองค์ไว้มั่น
11 หากข้าพระองค์กล่าวว่า “แน่นอน ความมืดจะบังเราไว้
และความสว่างจะกลายเป็นค่ำคืนรอบตัวเรา”
12 สำหรับพระองค์ แม้ความมืดก็ไม่มืด
กลางคืนก็สว่างดั่งกลางวัน
เพราะสำหรับพระองค์ ความมืดก็เป็นดั่งความสว่าง

13 เพราะพระองค์ทรงสร้างส่วนลึกล้ำภายในตัวข้าพระองค์
พระองค์ทรงถักทอข้าพระองค์ขึ้นในครรภ์มารดา
14 ข้าพระองค์สรรเสริญพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสร้างข้าพระองค์อย่างมหัศจรรย์และน่าครั่นคร้าม
ฝีพระหัตถ์ของพระองค์อัศจรรย์
ข้าพระองค์ทราบดี
15 โครงร่างของข้าพระองค์ไม่ได้ซ่อนเร้นจากพระองค์
เมื่อข้าพระองค์ถูกสร้างขึ้นในที่ลี้ลับ
เมื่อข้าพระองค์ถูกถักทอขึ้นในห้วงลึกแห่งแผ่นดินโลก
16 พระเนตรของพระองค์ทรงเห็นข้าพระองค์ตั้งแต่ข้าพระองค์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง
ทุกวันคืนที่กำหนดไว้สำหรับข้าพระองค์
ทรงบันทึกไว้ในสมุดของพระองค์
ก่อนที่วันเหล่านั้นจะมาถึง
17 ข้าแต่พระเจ้า! พระดำริของพระองค์สำหรับข้าพระองค์นั้นเลิศล้ำ![d]
รวมกันแล้วก็ยิ่งใหญ่นัก!
18 หากจะนับ
ก็มากยิ่งกว่าเม็ดทราย
เมื่อข้าพระองค์ตื่นขึ้น ข้าพระองค์ยังคงอยู่กับพระองค์

19 ข้าแต่พระเจ้า! ขอทรงประหารคนชั่วเถิด
เจ้าคนกระหายเลือด จงไปให้พ้น!
20 พวกเขากล่าวถึงพระองค์ด้วยเจตนาชั่ว
ศัตรูของพระองค์ใช้พระนามของพระองค์ในทางมิชอบ
21 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ไม่ได้เกลียดชังผู้ที่เกลียดชังพระองค์หรือ?
ข้าพระองค์ไม่ได้สะอิดสะเอียนผู้ที่บังอาจลุกขึ้นต่อสู้พระองค์หรือ?
22 สำหรับพวกเขา ข้าพระองค์มีแต่ความเกลียดชัง
และนับเขาเป็นศัตรูของข้าพระองค์
23 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงตรวจตราดูเถิด และทรงทราบจิตใจของข้าพระองค์
ขอทรงตรวจสอบและประจักษ์แจ้งความคิดกระวนกระวายของข้าพระองค์
24 โปรดดูว่ามีสิ่งใดบ้างในตัวของข้าพระองค์ซึ่งไม่เป็นที่พอพระทัย
และขอทรงนำข้าพระองค์ไปตามวิถีนิรันดร์

(ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของดาวิด)

140 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์จากคนชั่วร้าย
ขอทรงปกป้องข้าพระองค์จากคนทารุณ
ผู้ซึ่งวางแผนชั่วอยู่ในใจ
และปลุกปั่นสงครามอยู่ทุกวัน
พวกเขาลับลิ้นของตนให้คมกริบเหมือนลิ้นงู
พิษงูร้ายอยู่ที่ริมฝีปากของพวกเขา
เสลาห์

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงปกป้องข้าพระองค์จากเงื้อมมือของคนชั่ว
ขอทรงคุ้มครองข้าพระองค์จากคนทารุณ
ผู้วางแผนให้ข้าพระองค์สะดุดล้ม
คนยโสโอหังซ่อนบ่วงแร้วดักข้าพระองค์
เขาคลี่ตาข่ายรออยู่
และวางกับดักตามเส้นทางของข้าพระองค์
เสลาห์

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ทูลพระองค์ว่า “พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์”
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงฟังคำร้องขอความเมตตาของข้าพระองค์
ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต ผู้ช่วยกู้ที่เข้มแข็งของข้าพระองค์
ผู้เป็นโล่ปกป้องศีรษะของข้าพระองค์ในยามศึก
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขออย่าทรงให้คนชั่วสมปรารถนา
ขออย่าให้แผนชั่วของเขาสำเร็จ
มิฉะนั้นพวกเขาจะกำเริบเสิบสาน
เสลาห์

ขอให้ความทุกข์ร้อนซึ่งวาจาของเขาเป็นต้นเหตุนั้น
ท่วมหัวบรรดาผู้ที่รุมล้อมข้าพระองค์
10 ขอให้ถ่านลุกโชนตกใส่ศีรษะของเขา
ขอให้เขาถูกโยนลงในไฟ
ลงในเหวลึกซึ่งเขาไม่มีวันจะขึ้นมาได้
11 ขออย่าให้คนที่ใส่ร้ายป้ายสีได้ตั้งมั่นในแผ่นดิน
ขอให้ความวิบัติไล่ล่าคนทารุณ

12 ข้าพเจ้าทราบอยู่ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงผดุงความยุติธรรมเพื่อผู้ยากไร้
และปกป้องสิทธิของคนแร้นแค้น
13 แน่ทีเดียว คนชอบธรรมจะสรรเสริญพระนามของพระองค์
และคนเที่ยงธรรมจะมีชีวิตอยู่ต่อหน้าพระองค์

(บทสดุดีของดาวิด)

141 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์ ขอโปรดเสด็จมาหาข้าพระองค์โดยเร็ว
ขอทรงสดับฟังเมื่อข้าพระองค์ร้องทูล
ขอให้คำอธิษฐานของข้าพระองค์เป็นเหมือนเครื่องหอมต่อหน้าพระองค์
ขอให้การชูมือขึ้นทูลวิงวอนของข้าพระองค์เป็นเหมือนเครื่องบูชายามเย็น

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงตั้งยามดูแลปากของข้าพระองค์
คอยเฝ้าประตูริมฝีปากของข้าพระองค์
ขออย่าให้จิตใจของข้าพระองค์ถูกโน้มน้าวไปหาสิ่งที่ชั่ว
ไปมีส่วนกับการกระทำที่ชั่วร้าย
ไปร่วมกับคนที่ทำชั่ว
ขออย่าให้ข้าพระองค์กินของโอชะของเขา

ขอให้คนชอบธรรม[e]ตีข้าพระองค์เถิด นั่นเป็นความกรุณา
ขอให้เขาว่ากล่าวข้าพระองค์ นั่นเป็นน้ำมันบนศีรษะของข้าพระองค์
ศีรษะของข้าพระองค์จะไม่ปฏิเสธ
แต่ข้าพระองค์ขออธิษฐานต่อต้านการกระทำของคนชั่วเสมอไป

บรรดาหัวหน้าของพวกเขาจะถูกเหวี่ยงลงจากหน้าผา
และคนชั่วร้ายจะเรียนรู้ว่าคำพูดที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้นั้นถูกต้อง
พวกเขาจะพูดว่า “กระดูกของเราก็กระจัด
กระจายอยู่ที่ปากหลุมฝังศพ
เหมือนกับดินที่แตกร่วนเพราะถูกไถ”

ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต แต่ดวงตาของข้าพระองค์จับจ้องที่พระองค์
ข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์ ขออย่าทรงยอมให้ข้าพระองค์ตายไป
ขอทรงปกป้องข้าพระองค์ให้พ้นจากบ่วงแร้วที่พวกเขาวางล่อ
จากกับดักที่เหล่าคนทำชั่ววางไว้
10 ขอให้คนชั่วร้ายตกลงไปในตาข่ายของเขาเอง
ในขณะที่ข้าพระองค์ผ่านพ้นไปได้อย่างปลอดภัย

(มัสคิล[f]ของดาวิด ขณะที่เขาอยู่ในถ้ำ คำอธิษฐาน)

142 ข้าพเจ้าร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยเสียงดัง
ข้าพเจ้าเปล่งเสียงทูลวิงวอนขอความเมตตาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าระบายความทุกข์ยากต่อหน้าพระองค์
ต่อหน้าพระองค์ ข้าพเจ้าทูลความเดือดร้อนของข้าพเจ้า

เมื่อจิตวิญญาณของข้าพระองค์หดหู่อยู่ภายในข้าพระองค์
พระองค์ทรงเป็นผู้ทราบทางของข้าพระองค์
บนเส้นทางที่ข้าพระองค์เดินไป
คนได้ซ่อนบ่วงแร้วดักข้าพระองค์
มองไปทางขวา
ไม่มีใครเหลียวแลข้าพระองค์
ข้าพระองค์ไร้ที่พึ่ง
ไม่มีใครห่วงใยชีวิตของข้าพระองค์

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์ว่า
“พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์
เป็นส่วนมรดกของข้าพระองค์ในดินแดนของคนเป็น”

ขอทรงสดับฟังเสียงร่ำร้องของข้าพระองค์
เพราะข้าพระองค์อับจนยิ่งนัก
ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์จากผู้ไล่ล่า
เพราะเขาแข็งแกร่งเกินกำลังของข้าพระองค์
ขอทรงปลดปล่อยข้าพระองค์จากการจองจำ
เพื่อข้าพระองค์จะสรรเสริญพระนามของพระองค์
แล้วคนชอบธรรมจะห้อมล้อมข้าพระองค์
เพราะความดีของพระองค์ที่ทรงมีต่อข้าพระองค์

(บทสดุดีของดาวิด)

143 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงสดับฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์
ขอทรงฟังคำร้องทูลขอความเมตตาของข้าพระองค์
โดยความซื่อสัตย์และความชอบธรรมของพระองค์
ขอทรงเสด็จมาช่วยข้าพระองค์
ขออย่านำผู้รับใช้ของพระองค์เข้าสู่การพิพากษา
เพราะไม่มีสักคนที่ชอบธรรมต่อหน้าพระองค์
ศัตรูไล่ล่าข้าพระองค์
เขาเหยียบข้าพระองค์จมดิน
เขาทำให้ข้าพระองค์อยู่ในความมืด
เหมือนคนที่ตายไปนานแล้ว
ดังนั้นจิตวิญญาณของข้าพระองค์จึงอ่อนล้าอยู่ภายใน
จิตใจของข้าพระองค์ก็ท้อแท้อยู่ภายใน
ข้าพระองค์ระลึกถึงวันเก่าก่อน
ข้าพระองค์ใคร่ครวญพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์
พิเคราะห์สิ่งที่พระหัตถ์ของพระองค์ได้ทรงกระทำ
ข้าพระองค์ไขว่คว้าหาพระองค์
จิตวิญญาณของข้าพระองค์กระหายหาพระองค์เหมือนดินแตกระแหง
เสลาห์

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงตอบข้าพระองค์โดยเร็ว
จิตวิญญาณของข้าพระองค์จะสิ้นแรงแล้ว
ขออย่าทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากข้าพระองค์
มิฉะนั้น ข้าพระองค์จะเป็นเหมือนคนเหล่านั้นที่ลงไปยังแดนผู้ตาย
ขอให้ข้าพระองค์เห็นความรักมั่นคงของพระองค์ในยามเช้า
เพราะข้าพระองค์ไว้วางใจพระองค์
ขอทรงสำแดงทางที่ข้าพระองค์ควรจะไป
เพราะข้าพระองค์ทูลอธิษฐานต่อพระองค์จากใจ
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์จากบรรดาศัตรู
เพราะข้าพระองค์ซ่อนอยู่ในพระองค์
10 ขอทรงสอนข้าพระองค์ให้กระทำตามพระดำริของพระองค์
เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์
ขอพระวิญญาณประเสริฐของพระองค์
ทรงนำข้าพระองค์ไปตามวิถีอันราบเรียบ

11 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์ ขอทรงรักษาชีวิตของข้าพระองค์ไว้
ด้วยความชอบธรรมของพระองค์ ขอทรงนำข้าพระองค์ออกจากความทุกข์ลำเค็ญ
12 ด้วยความรักมั่นคงที่ทรงมีต่อข้าพระองค์ ขอทรงสยบศัตรูทั้งปวง
ขอทรงทำลายปฏิปักษ์ทั้งสิ้นของข้าพระองค์
เพราะข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้ของพระองค์

(บทประพันธ์ของดาวิด)

144 ขอถวายสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์ พระศิลาของข้าพเจ้า
ผู้ทรงฝึกมือของข้าพเจ้าให้ทำศึก
ฝึกนิ้วของข้าพเจ้าให้สู้รบ
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักและเป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
เป็นที่มั่นและเป็นผู้ช่วยกู้ของข้าพเจ้า
เป็นโล่ของข้าพเจ้า ผู้ซึ่งข้าพเจ้าเข้าไปลี้ภัย
ผู้ทรงสยบชนชาติต่างๆ[g]ไว้ใต้อำนาจของข้าพเจ้า

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า มนุษย์เป็นใครเล่า พระองค์จึงทรงห่วงใยเขา?
บุตรของมนุษย์เป็นใครหนอ พระองค์จึงทรงคิดถึงเขา?
มนุษย์เป็นเพียงลมหายใจเฮือกเดียว
วันเวลาของเขาเหมือนเงาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงโน้มฟ้าสวรรค์ และเสด็จมา
ขอทรงแตะภูเขาเพื่อให้ควันพวยพุ่งขึ้น
ขอให้สายฟ้าและลูกธนูของพระองค์พุ่งเข้าใส่ศัตรูทั้งหลาย
ทำให้พวกเขาแตกกระเจิงไป
ขอทรงยื่นพระหัตถ์จากเบื้องสูงลงมาช่วยข้าพระองค์
ขอทรงปลดปล่อยข้าพระองค์และช่วยกู้ข้าพระองค์จากกระแสน้ำหลาก
จากเงื้อมมือของคนต่างด้าว
ผู้ซึ่งปากของเขามีแต่คำมุสา
ผู้ซึ่งมือขวาของเขามีแต่การหลอกลวง

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์จะร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระองค์
ข้าพระองค์จะบรรเลงพิณสิบสายถวายแด่พระองค์
10 แด่เอกองค์ผู้ประทานชัยชนะแก่กษัตริย์ทั้งหลาย
ผู้ทรงช่วยกู้ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ให้รอดจากคมดาบ

11 ขอทรงปลดปล่อยและช่วยกู้ข้าพระองค์
จากเงื้อมมือของคนต่างด้าว
ผู้ซึ่งปากของเขามีแต่คำมุสา
ผู้ซึ่งมือขวาของเขามีแต่การหลอกลวง

12 แล้วบุตรชายของเราซึ่งอยู่ในวัยฉกรรจ์
จะเป็นเหมือนต้นไม้ซึ่งได้รับการหล่อเลี้ยงอย่างดี
เหล่าบุตรสาวเป็นดั่งเสาสลัก
เพื่อตกแต่งพระราชวัง
13 ยุ้งฉางของเราจะมีธัญญาหารทุกชนิด
เต็มบริบูรณ์
ฝูงแกะของเราจะเพิ่มขึ้น
นับพันนับหมื่นในทุ่งหญ้าของเรา
14 ฝูงวัวของเราจะมีลูกดก[h]
จะไม่มีการทำลายกำแพง
ไม่มีการตกเป็นเชลย
ไม่มีเสียงคร่ำครวญตามถนนหนทางของเรา
15 ความสุขมีแก่ชนชาติที่ได้รับพระพรเช่นนี้
ชนชาติที่มีพระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าของ เขาก็เป็นสุข

(บทสดุดีสรรเสริญของดาวิด)

145 ข้าแต่พระเจ้าจอมกษัตริย์ของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะเทิดทูนพระองค์
ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระนามของพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์
ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ทุกวัน
จะแซ่ซ้องยกย่องพระนามของพระองค์สืบไปเป็นนิตย์

องค์พระผู้เป็นเจ้านั้นยิ่งใหญ่ สมควรแก่การสรรเสริญเป็นที่สุด
ความยิ่งใหญ่ของพระองค์นั้นไม่มีผู้ใดหยั่งคะเนได้
คนชั่วอายุหนึ่งจะยกย่องพระราชกิจของพระองค์ให้คนอีกชั่วอายุหนึ่งฟัง
พวกเขาจะเล่าขานถึงพระราชกิจอันทรงฤทธิ์ของพระองค์
พวกเขาจะกล่าวถึงพระบารมีอันโอ่อ่าตระการของพระองค์
และข้าพระองค์จะตรึกตรองถึงพระราชกิจอันอัศจรรย์ของพระองค์[i]
พวกเขาจะเล่าขานถึงฤทธานุภาพแห่งพระราชกิจอันน่าเกรงขามของพระองค์
และข้าพระองค์จะประกาศพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
พวกเขาจะเฉลิมฉลองความประเสริฐเลิศล้ำของพระองค์
และร้องเพลงด้วยความยินดีถึงความชอบธรรมของพระองค์

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปี่ยมด้วยพระคุณและความเอ็นดูสงสาร
ทรงกริ้วช้า และเปี่ยมด้วยความรักมั่นคง

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดีต่อทุกคน
พระองค์ทรงรักเอ็นดูสรรพสิ่งที่ทรงสร้างขึ้น
10 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า สรรพสิ่งที่ทรงสร้างจะสรรเสริญพระองค์
ประชากรของพระองค์จะยกย่องเทิดทูนพระองค์
11 พวกเขาจะกล่าวถึงพระเกียรติสิริแห่ง
พระราชอาณาจักรของพระองค์
และเล่าถึงพระเดชานุภาพของพระองค์
12 เพื่อมวลมนุษย์จะรู้ถึงพระราชกิจอันทรงฤทธิ์
และความโอ่อ่าตระการแห่งพระราชอาณาจักรของพระองค์
13 พระราชอาณาจักรของพระองค์เป็นอาณาจักรนิรันดร์
พระองค์ทรงครอบครองอยู่ตลอดทุกชั่วอายุ

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงซื่อสัตย์ต่อพระสัญญาทั้งสิ้น ที่ทรงให้ไว้
และทรงเปี่ยมด้วยความรักต่อสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง[j]
14 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประคองผู้ที่ล้มลงให้ลุกขึ้น
และทรงยกชูผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตน
15 ดวงตาของทุกชีวิตแหงนมองพระองค์
และพระองค์ประทานอาหารให้ในเวลาที่เหมาะสม
16 พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์มา
และทรงให้ทุกชีวิตได้อิ่มเอมสมปรารถนา

17 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชอบธรรมในทางทั้งปวงของพระองค์
และทรงเปี่ยมด้วยความรักต่อสรรพสิ่งที่ทรงสร้างขึ้น
18 พระองค์ทรงอยู่ใกล้ทุกคนที่ร้องทูลพระองค์
ที่ร้องทูลพระองค์ด้วยความสัตย์จริง
19 พระองค์ทรงสนองความต้องการของทุกคนที่ยำเกรงพระองค์
พระองค์ทรงสดับฟังคำร้องทูลของเขาและทรงช่วยเขาให้รอด
20 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพิทักษ์รักษาคนทั้งปวงที่รักพระองค์
แต่จะทรงทำลายบรรดาคนชั่วทั้งปวง

21 ปากของข้าพเจ้าจะกล่าวสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
ให้ทุกชีวิตที่พระองค์ทรงสร้างสรรเสริญพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์

146 จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า[k]

จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด

ข้าพเจ้าจะสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดชีวิต
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าของข้าพเจ้าตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่
อย่าวางใจในเจ้านาย
ในมนุษย์ซึ่งช่วยอะไรไม่ได้
เมื่อวิญญาณออกจากร่างเขาก็คืนสู่ดิน
ในวันนั้นเอง แผนการต่างๆ ของเขาก็จบสิ้น
ความสุขมีแก่ผู้ที่มีพระเจ้าของยาโคบเป็นความช่วยเหลือของเขา
ผู้ที่ฝากความหวังไว้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา

องค์ผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
ท้องทะเลและสรรพสิ่งในนั้น
พระองค์ผู้ดำรงความซื่อสัตย์ไว้เป็นนิตย์
พระองค์ทรงให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกข่มเหงรังแก
และประทานอาหารแก่ผู้ที่หิวโหย
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลดปล่อยผู้ที่ถูกคุมขังให้เป็นอิสระ
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้คนตาบอดเห็นได้
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยกชูผู้ที่แบกภาระหนัก
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักผู้ชอบธรรม
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพิทักษ์รักษาคนต่างด้าว
ทรงค้ำชูลูกกำพร้าพ่อและหญิงม่าย
แต่ทรงล้มแผนการของคนชั่วร้าย

10 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงครอบครองอยู่นิรันดร์
ศิโยนเอ๋ย พระเจ้าของท่านทรงครอบครองตลอดทุกชั่วอายุ

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

147 จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า[l]

เป็นการดีที่จะร้องเพลงสดุดีพระเจ้าของเรา
ช่างน่าชื่นใจและสมควรอย่างยิ่งที่จะสรรเสริญพระองค์!

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างเยรูซาเล็มขึ้น
พระองค์ทรงรวบรวมเชลยอิสราเอลกลับคืนมา
พระองค์ทรงรักษาผู้ที่ดวงใจแหลกสลาย
และสมานรอยแผลของเขาเหล่านั้น
พระองค์ทรงกำหนดจำนวนของดวงดาว
และทรงตั้งชื่อให้ดาวทุกดวง
องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรานี้ทรงยิ่งใหญ่นัก และทรงฤทธานุภาพเกรียงไกร
ความเข้าใจของพระองค์ไร้ขีดจำกัด
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงค้ำชูผู้ถ่อมใจ
แต่ทรงเหวี่ยงคนชั่วร้ายลงกับดิน

จงร้องเพลงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า
บรรเลงพิณถวายแด่พระเจ้าของเรา

พระองค์ทรงคลุมฟ้าสวรรค์ด้วยเมฆ
พระองค์ประทานฝนแก่ผืนแผ่นดิน
และทรงทำให้หญ้าบนเนินเขางอกงาม
พระองค์ประทานอาหารแก่สัตว์ทั้งปวง
และแก่ลูกกาเมื่อร้องขอ

10 พระองค์ไม่ได้ทรงชื่นชมยินดีในกำลังของม้า
ทั้งไม่ได้ทรงปีติยินดีในกำลังขาของมนุษย์
11 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชื่นชมบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์
ผู้ที่ฝากความหวังไว้ในความรักมั่นคงของพระองค์

12 เยรูซาเล็มเอ๋ย จงเทิดทูนองค์พระผู้เป็นเจ้า
ศิโยนเอ๋ย จงสรรเสริญพระเจ้าของเจ้า

13 เพราะพระองค์ทรงผนึกความแข็งแกร่งแห่งประตูเมืองของเจ้า
และทรงอวยพรประชากรของเจ้าซึ่งอยู่ภายในเจ้า
14 พระองค์ประทานสันติภาพทั่วเขตแดนของเจ้า
และทรงให้เจ้าอิ่มเอมด้วยข้าวสาลีอย่างดีที่สุด

15 พระองค์ทรงส่งพระบัญชามายังโลก
พระวจนะของพระองค์แพร่ไปโดยเร็ว
16 พระองค์ทรงกระจายหิมะลงมาดั่งปุยขนแกะ
และโปรยปรายน้ำค้างแข็งดั่งขี้เถ้า
17 พระองค์ทรงส่งลูกเห็บมาเกรียวกราวดั่งก้อนกรวด
ผู้ใดจะทนต่อพายุอันเหน็บหนาวของพระองค์ได้?
18 เมื่อพระองค์ตรัส ลูกเห็บก็หลอมละลาย
เมื่อพระองค์ทรงกระตุ้นสายลม น้ำก็ไหลไป

19 พระองค์ทรงสำแดงพระวจนะของพระองค์แก่ยาโคบ
สำแดงบทบัญญัติและกฎหมายของพระองค์แก่อิสราเอล
20 พระองค์ไม่ได้ทรงกระทำเช่นนี้ต่อประชาชาติอื่นๆ
พวกเขาไม่รู้บทบัญญัติของพระองค์

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

148 จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า[m]

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าจากฟ้าสวรรค์
จงสรรเสริญพระองค์ที่เบื้องบน
จงสรรเสริญพระองค์เถิด ทูตสวรรค์ทั้งปวง
จงสรรเสริญพระองค์ ชาวสวรรค์ทั้งสิ้น
จงสรรเสริญพระองค์เถิด ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์
จงสรรเสริญพระองค์ ดวงดาวระยิบระยับทั้งปวง
จงสรรเสริญพระองค์เถิด ฟ้าสวรรค์สูงสุด
และห้วงน้ำทั้งหลายเหนือฟากฟ้า

ให้สิ่งเหล่านั้นสรรเสริญพระนามของพระยาห์เวห์
เพราะพระองค์ทรงบัญชา สิ่งเหล่านั้นก็เกิดขึ้น
พระองค์ทรงกำหนดสิ่งเหล่านั้นให้อยู่ในที่
ของมันไว้ตลอดกาล
พระองค์ทรงมีประกาศิตซึ่งจะไม่มีวันล้มเลิก

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าจากแผ่นดินโลกเถิด
เจ้าสัตว์ทะเลมหึมาและห้วงน้ำลึกแห่งมหาสมุทรทั้งปวง
ฟ้าแลบและลูกเห็บ หิมะและเมฆ
ลมพายุที่กระทำตามพระบัญชา
บรรดาภูเขาและเนินเขา
ต้นหมากรากไม้และสนซีดาร์
10 สัตว์ป่าและฝูงสัตว์
สัตว์ตัวเล็กตัวน้อยและนกทั้งหลาย
11 บรรดากษัตริย์ของโลกและชนชาติทั้งปวง
เจ้านายและผู้ครอบครองทุกคนในโลก
12 คนหนุ่มและคนสาว
คนแก่และเด็กๆ

13 ให้ทั้งหมดนี้สรรเสริญพระนามพระยาห์เวห์
เพราะพระนามของพระองค์เท่านั้นสมควรแก่การเทิดทูน
ความโอ่อ่าตระการของพระองค์อยู่เหนือฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
14 พระองค์ทรงแต่งตั้งกษัตริย์[n]แก่ประชากรของพระองค์
กษัตริย์ผู้เป็นที่สรรเสริญของประชากรทั้งปวงของพระองค์
คือประชากรแห่งอิสราเอลผู้แนบชิดพระทัยพระองค์

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

149 จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า[o]

จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ในที่ชุมนุมของประชากร

ให้อิสราเอลปีติยินดีในพระผู้สร้างของตน
ให้ประชากรแห่งศิโยนชื่นชมในองค์กษัตริย์ของเขา
ให้พวกเขาสรรเสริญพระนามของพระองค์ด้วยการเต้นรำ
และบรรเลงเพลงถวายแด่พระองค์ด้วยพิณและรำมะนา
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปีติยินดีในประชากรของพระองค์
ทรงเชิดชูผู้ถ่อมใจด้วยชัยชนะ
ประชากรของพระองค์จงปีติยินดีในเกียรติยศนี้
และร้องเพลงด้วยความชื่นชมยินดีขณะอยู่บนที่นอนของพวกเขา

ขอให้คำสรรเสริญพระเจ้าติดปากของพวกเขา
และดาบสองคมอยู่ในมือของพวกเขา
เพื่อแก้แค้นประชาชาติต่างๆ
เพื่อลงโทษชนชาติทั้งหลาย
เพื่อพันธนาการเหล่ากษัตริย์ของพวกเขาด้วยโซ่ตรวน
และพันธนาการเจ้านายทั้งหลายของพวกเขาด้วยโซ่เหล็ก
เพื่อจัดการกับพวกเขาตามคำตัดสินที่เขียนไว้
นี่คือศักดิ์ศรีของประชากรทั้งปวงของพระองค์

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

150 จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า[p]

จงสรรเสริญพระเจ้าในสถานนมัสการของพระองค์
จงสรรเสริญพระองค์ในฟ้าสวรรค์อันเกรียงไกรของพระองค์
จงสรรเสริญพระเจ้าเนื่องด้วยพระราชกิจอันทรงเดชานุภาพ
จงสรรเสริญพระองค์เพราะความยิ่งใหญ่อันหาที่เปรียบมิได้
จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงแตรดังก้อง
จงสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณใหญ่และพิณเขาคู่
จงสรรเสริญพระองค์ด้วยรำมะนาและการเต้นรำ
จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเครื่องสายและปี่
จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงฉิ่งเสียงฉาบ
จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงฉิ่งฉาบอันกังวาน

ให้ทุกสิ่งที่มีลมหายใจ สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

จุดประสงค์และหัวใจของสุภาษิต

สุภาษิตของกษัตริย์โซโลมอนแห่งอิสราเอล โอรสของดาวิด

เพื่อบรรลุปัญญาและคำสั่งสอน
เพื่อให้เข้าใจถ้อยคำแห่งวิจารณญาณ
เพื่อรับฟังคำสั่งสอนที่ทำให้เกิดไหวพริบปฏิภาณ
ทำสิ่งที่ถูกต้อง ยุติธรรม และเที่ยงธรรม
เพื่อให้คนอ่อนต่อโลกรู้ทันเล่ห์เหลี่ยม
ให้เยาวชนมีความรู้และความเฉลียวฉลาด
ให้ผู้ที่ฉลาดรับฟังและเพิ่มพูนความรู้
ให้ผู้ที่มีความเข้าใจได้รับการชี้แนะ
เพื่อให้เข้าใจสุภาษิตและคำอุปมา
คำสอนและคำปริศนาของปราชญ์[q]

ความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นบ่อเกิดของความรู้
ส่วนคนโง่[r]ดูหมิ่นปัญญาและคำสั่งสอน

บทนำ

ลูกเอ๋ย จงฟังคำสั่งสอนของพ่อเจ้า
และอย่าละเลยคำสอนของแม่เจ้า
เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นมาลัยประดับเกล้า
เป็นสร้อยประดับคอของเจ้า

10 ลูกเอ๋ย หากคนบาปมาชักชวนเจ้า
อย่าคล้อยตามพวกเขา
11 หากพวกเขากล่าวว่า “มากับเราเถิด
ให้เราซุ่มคอยเอาเลือดคน
ให้เราดักทำร้ายคนบริสุทธิ์เล่นเถิด
12 ให้เราเป็นเหมือนหลุมฝังศพที่กลืนพวกเขาทั้งเป็น
กลืนพวกเขาทั้งตัวเหมือนคนตกลงไปในหลุมลึก
13 เราจะยึดของมีค่าทุกชนิด
เอาของที่ปล้นมาเก็บไว้ให้เต็มบ้านของเรา
14 มาเป็นพวกเราสิ
จะได้ใช้เงินกระเป๋าเดียวกับเรา”
15 ลูกเอ๋ย อย่าไปร่วมทางกับพวกเขา
อย่าเดินในทางของพวกเขาเลย
16 เพราะเท้าของพวกเขาวิ่งไปหาความหายนะ
พวกเขาจะเสียเลือดเสียเนื้อในไม่ช้า[s]
17 เปล่าประโยชน์ที่จะขึงตาข่าย
เพราะนกทุกตัวมองเห็น!
18 คนเหล่านี้ซุ่มคอยเอาโลหิตของตัวเอง
เขาดักเอาชีวิตตัวเอง!
19 นั่นแหละคือจุดจบของบรรดาผู้หากำไรมาโดยทุจริต
มันย่อมคร่าชีวิตตัวเขาเอง

คำเตือนไม่ให้ปฏิเสธปัญญา

20 ปัญญาป่าวร้องอยู่บนท้องถนน
เปล่งเสียงในที่ชุมชน
21 นางร้องเรียกอยู่บนยอดกำแพง[t]
นางร้องบอกที่ประตูเมืองว่า

22 “พวกอ่อนต่อโลกเอ๋ย เจ้าจะรักความโง่ไปนานแค่ไหน?
คนมักเยาะเย้ยจะหลงใหลการเยาะเย้ยไปนานเพียงไร?
คนโง่จะชังความรู้ไปนานสักเท่าใด?
23 จงกลับตัวกลับใจมาฟังคำเตือนของเรา!
เราจะเทความคิดจิตใจของเราแก่เจ้า
และจะให้เจ้าเข้าใจคำสั่งสอนของเรา
24 แต่เนื่องจากเจ้าปฏิเสธเมื่อเราร้องเรียก
ไม่มีใครใส่ใจเมื่อเรากวักมือ
25 เพราะเจ้าไม่แยแสคำแนะนำทั้งสิ้นของเรา
ไม่ยอมรับคำตักเตือนจากเรา
26 ดังนั้นเราก็จะหัวเราะเยาะเจ้าเมื่อภัยพิบัติโจมตีเจ้า
เราจะเยาะเย้ยเจ้าเมื่อความหายนะมาถึงเจ้า
27 เมื่อความหายนะมาถึงเจ้าดั่งพายุ
เมื่อความพินาศถาโถมเข้ามาดั่งพายุหมุน
เมื่อความเดือดร้อนลำเค็ญท่วมท้นเจ้า

28 “เมื่อนั้นพวกเขาจะร้องเรียกเรา แต่เราจะไม่ตอบ
พวกเขาจะเสาะแสวงหาเรา แต่จะไม่พบ
29 เพราะพวกเขาได้ชังความรู้
และเลือกที่จะไม่ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า
30 เพราะพวกเขาไม่ยอมรับคำแนะนำของเรา
ไม่ไยดีต่อคำตักเตือนของเรา
31 พวกเขาจะได้รับผลจากวิถีทางของตัวเอง
และเต็มอิ่มกับผลจากแผนร้ายของตน
32 เพราะคนอ่อนต่อโลกจะฆ่าตัวเองด้วยการหันออกนอกลู่นอกทาง
และคนโง่จะทำลายตัวเองด้วยความเฉยเมยของพวกเขา
33 แต่ผู้ใดรับฟังเราจะอยู่อย่างปลอดภัย
จะสุขสบาย ไม่หวั่นเกรงภยันตรายใดๆ”

ข้อดีของปัญญา

ลูกเอ๋ย หากเจ้ารับถ้อยคำของเรา
และสะสมคำบัญชาของเราไว้กับตัว
หากเจ้าเงี่ยหูฟังปัญญา
ใจจดใจจ่อเพื่อที่จะเข้าใจ
หากเจ้าเรียกหาวิจารณญาณ
และร้องหาความเข้าใจ
และหากเจ้าดั้นด้นหาสิ่งนี้ดั่งหาเงิน
ขวนขวายหาถ้อยคำของเราประหนึ่งค้นหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่
แล้วเจ้าจะเข้าใจความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า
และพบความรู้ของพระเจ้า
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานปัญญา
ความรู้และความเข้าใจออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์
พระองค์ทรงสะสมดุลยพินิจ[u]ไว้ให้คนเที่ยงธรรม
ทรงเป็นโล่ให้ผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างไร้ที่ติ
เพราะพระองค์ทรงพิทักษ์รักษาวิถีทางของผู้เที่ยงธรรม
และทรงคุ้มครองหนทางของผู้ซื่อสัตย์ของพระองค์

แล้วเจ้าจะเข้าใจว่าสิ่งใดถูกต้อง ยุติธรรม
และเที่ยงธรรม คือเข้าใจวิถีอันดีทุกทาง
10 เพราะสติปัญญาจะเข้าสู่จิตใจของเจ้า
และความรู้จะเป็นที่รื่นรมย์แก่จิตวิญญาณของเจ้า
11 ความสุขุมรอบคอบจะคุ้มครองเจ้า
ความเข้าใจจะพิทักษ์รักษาเจ้า

12 ปัญญาจะช่วยเจ้าให้รอดพ้นจากทางของคนชั่ว
จากคนที่พูดตลบตะแลง
13 ผู้ที่ละทิ้งวิถีอันเที่ยงตรง
ไปเดินในทางมืด
14 ผู้หลงใหลในการทำชั่ว
และชื่นชอบความวิปริตชั่วร้าย
15 ทางของเขาลดเลี้ยวเคี้ยวคด
เขาเป็นคนคดในข้องอในกระดูก

16 ปัญญายังจะช่วยเจ้าให้พ้นจากหญิงแพศยา
จากผู้หญิงข้างถนนซึ่งออดอ้อนเย้ายวน
17 ผู้ทอดทิ้งคู่ครองที่อยู่กินด้วยกันมาตั้งแต่ยังสาวๆ
และไม่ไยดีต่อคำสัญญาที่นางให้ไว้
ต่อหน้าต่อตาพระเจ้า[v]
18 บ้านของนางนำลงสู่ความตาย
ทางของนางพาไปหาชาวเมืองผี
19 ไม่มีสักคนที่ไปหานางแล้วได้กลับมา
หรือหวนเข้าสู่หนทางแห่งชีวิตได้อีก

20 ดังนั้นเจ้าควรจะเดินในทางของคนด
และยึดมั่นในวิถีอันชอบธรรม
21 เพราะคนเที่ยงธรรมจะได้อาศัยในแผ่นดินนั้น
และคนที่ไร้ที่ติจะคงอยู่ที่นั่น
22 แต่คนชั่วร้ายจะถูกตัดขาดจากแผ่นดินนั้น
และคนอสัตย์จะถูกถอนรากถอนโคนจากที่นั่น

ข้อดีอื่นๆ ของปัญญา

ลูกเอ๋ย อย่าลืมคำสอนของเรา
แต่จงรักษาคำบัญชาของเราไว้ในใจของเจ้า
เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยต่ออายุของเจ้าให้ยืนยาว
และนำสันติสุขกับความเจริญรุ่งเรืองมาให้

อย่าให้ความรักและความซื่อสัตย์ละจากเจ้าไป
จงผูกมันไว้รอบคอ
จงจารึกไว้บนแผ่นดวงใจของเจ้า
แล้วเจ้าจะได้รับความโปรดปรานและมีชื่อเสียงดี
ทั้งในสายพระเนตรพระเจ้าและในสายตามนุษย์

จงวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างหมดใจ
อย่าพึ่งความเข้าใจของตนเอง
จงยอมรับพระองค์ในทุกวิถีทางของเจ้า
แล้วพระองค์จะทรงทำทางของเจ้าให้ราบเรียบ[w]

อย่าคิดว่าตนฉลาด
จงยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าและหลีกหนีจากความชั่ว
เพราะสิ่งนี้จะรักษาร่างกายของเจ้า
และหล่อเลี้ยงกระดูกของเจ้า

จงถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยทรัพย์สมบัติของเจ้า
ด้วยผลแรกจากผลผลิตทั้งปวงของเจ้า
10 แล้วยุ้งฉางของเจ้าจะเต็มล้น
และถังของเจ้าจะเปี่ยมล้นด้วยเหล้าองุ่นใหม่

11 ลูกเอ๋ย อย่าดูหมิ่นการตีสั่งสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า
อย่าขุ่นข้องหมองใจเมื่อพระองค์ทรงว่ากล่าวตักเตือน
12 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสั่งสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก
ดั่งพ่อตีสั่งสอนลูกที่ตนชื่นชม[x]

13 ความสุขมีแก่ผู้ที่พบปัญญา
ผู้ที่ได้รับความเข้าใจ
14 เพราะปัญญาให้ประโยชน์ยิ่งกว่าเงิน
และให้ผลตอบแทนยิ่งกว่าทองคำ
15 ปัญญาล้ำค่ายิ่งกว่าทับทิม
สิ่งใดๆ ที่เจ้าปรารถนาก็ไม่สามารถเทียบได้
16 ในมือขวาของปัญญามีชีวิตอันยืนยาว
ในมือซ้ายมีความมั่งคั่งและเกียรติ
17 หนทางของปัญญาคือทางอันรื่นรมย์
วิถีทั้งสิ้นของปัญญาคือสันติสุข
18 ปัญญาเป็นต้นไม้แห่งชีวิตแก่ผู้ที่กอดนางไว้
ความสุขมีแก่ผู้ที่ยึดนางไว้มั่น

19 โดยปัญญา องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงวางฐานรากของโลก
โดยความเข้าใจ ทรงสถาปนาฟ้าสวรรค์
20 โดยความรู้ของพระองค์ ห้วงลึกก็แยกออก
และเมฆก็หยาดน้ำค้างลงมา

21 ลูกเอ๋ย อย่าให้สิ่งเหล่านี้คลาดไปจากสายตาของเจ้า
จงรักษาดุลยพินิจและความสุขุมรอบคอบไว้
22 สิ่งเหล่านี้จะเป็นชีวิตสำหรับเจ้า
และเป็นอาภรณ์ประดับคอของเจ้า
23 แล้วเจ้าจะดำเนินไปตามทางของตนอย่างปลอดภัย
และเท้าของเจ้าจะไม่สะดุด
24 เมื่อเจ้าเอนกายลง เจ้าจะไม่กลัว
เมื่อเจ้านอนลง เจ้าจะหลับสบาย
25 ไม่ต้องหวั่นเกรงภัยพิบัติฉับพลัน
หรือหายนะซึ่งจู่โจมคนชั่ว
26 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะอยู่เคียงข้างเจ้า[y]
และจะทรงป้องกันไม่ให้เท้าของเจ้าติดกับ

27 อย่าหน่วงเหนี่ยวสิ่งดีไว้จากผู้ที่สมควรได้รับ
เมื่ออยู่ในอำนาจของเจ้าที่จะจัดการได้
28 อย่าพูดกับเพื่อนบ้านว่า
“กลับมาพรุ่งนี้แล้วกัน แล้วฉันจะให้”
ในเมื่อเจ้าสามารถให้ได้ทันที
29 อย่าคิดปองร้ายเพื่อนบ้านของเจ้า
ผู้อาศัยอยู่ใกล้ๆ เจ้าอย่างไว้เนื้อเชื่อใจ
30 อย่ากล่าวหาผู้ใดโดยไม่มีมูลเหตุ
ในเมื่อเขาไม่ได้ทำร้ายเจ้า

31 อย่าอิจฉาคนโหดเหี้ยม
หรือเลือกวิถีทางใดๆ ของเขา

32 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชิงชังคนคดในข้องอในกระดูก
แต่ทรงเชื่อใจคนเที่ยงธรรม
33 คำสาปแช่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าตกอยู่บนบ้านของคนชั่ว
แต่พระองค์ทรงอวยพรครัวเรือนของคนชอบธรรม
34 พระองค์ทรงเยาะเย้ยคนที่ชอบเยาะเย้ย
แต่สำแดงพระคุณแก่คนถ่อมใจที่ถูกรังแก
35 คนฉลาดได้รับเกียรติยศเป็นมรดก
ส่วนคนโง่จะได้รับแต่ความอัปยศ

สละทุกอย่างเพื่อปัญญา

ลูกทั้งหลายเอ๋ย จงตั้งใจฟังคำสั่งสอนของพ่อเจ้า
จงใส่ใจเพื่อจะได้ความเข้าใจ
เพราะเราให้คำสอนที่ดีแก่เจ้า
ดังนั้นอย่าละทิ้งคำสอนของเรา
เมื่อเราเป็นเด็กอยู่ในบ้านของพ่อ
ยังอ่อนเยาว์เป็นลูกรักของแม่
พ่อสอนเราว่า
“จงยึดคำสอนของพ่อด้วยสุดใจของเจ้า
ทำตามคำสั่งของพ่อ แล้วเจ้าจะมีชีวิตอยู่
จงรับปัญญาและความเข้าใจ
อย่าลืม อย่าหันเหจากคำสอนของพ่อ
อย่าทอดทิ้งปัญญา แล้วนางจะช่วยปกปักรักษาเจ้า
จงรักนางแล้วนางจะคอยปกป้องเจ้า
จุดเริ่มต้นของปัญญาคือให้ยึดปัญญาไว้
แม้ต้องลงทุนหมดตัวก็จงยึดความเข้าใจไว้
จงเทิดทูนนาง และนางจะเชิดชูเจ้า
จงโอบกอดปัญญาไว้ และนางจะให้เกียรติเจ้า
นางจะสวมมงคลงามบนศีรษะของเจ้า
มงกุฎงดงามจะเป็นของเจ้า”

10 ลูกเอ๋ย จงฟังและรับถ้อยคำของเรา
เพื่อเจ้าจะมีชีวิตยืนยาว
11 เราชี้แนะเจ้าไปในทางแห่งสติปัญญา
และนำเจ้าไปในทางตรง
12 ยามเจ้าเดิน ย่างก้าวของเจ้าจะไม่ถูกขวางกั้น
ยามเจ้าวิ่ง เจ้าจะไม่สะดุด
13 จงยึดคำสอนไว้ให้มั่น อย่าให้หลุดมือไป
จงรักษาไว้ให้ดี เพราะมันเป็นชีวิตของเจ้า
14 อย่าย่างกรายเข้าไปในทางของคนชั่ว
หรือเดินในทางของคนเลว
15 จงหลีกห่าง อย่าเดินไปบนทางนั้น
จงหันหนีและเลี่ยงไปทางอื่น
16 เพราะสำหรับคนชั่วนั้น วันไหนไม่ได้ทำชั่วเขานอนไม่หลับ
เขาจะหลับตาไม่ลงจนกว่าจะได้ทำให้ใครล้มลงเสียก่อน
17 เขาบริโภคความชั่วเป็นอาหาร
และดื่มเหล้าองุ่นแห่งความโหดเหี้ยมทารุณ

18 ทางของคนชอบธรรมเป็นดั่งดวงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ
ซึ่งส่องแสงเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ จนเต็มวัน
19 แต่ทางของคนชั่วดั่งความมืดมิด
เขาไม่รู้ว่าตัวเองสะดุดอะไร

20 ลูกเอ๋ย จงตั้งใจฟังสิ่งที่เรากล่าว
เงี่ยหูฟังถ้อยคำของเรา
21 อย่าให้มันคลาดสายตาของเจ้า
จงรักษามันไว้ในใจของเจ้า
22 เพราะมันเป็นชีวิตแก่ผู้ที่ค้นพบ
เป็นพลานามัยแก่ร่างกายทั้งหมดของเขา
23 ที่สำคัญที่สุด จงระแวดระวังใจของเจ้า
เพราะทุกสิ่งที่เจ้าทำล้วนไหลออกมาจากใจ
24 ให้ปากของเจ้าปราศจากคำตลบตะแลง
ให้ริมฝีปากของเจ้าห่างไกลจากคำหลอกลวง
25 จงให้ตาของเจ้ามองตรงไปข้างหน้า
จดจ่อแน่วแน่ไม่หันเห
26 จงเฝ้าระวังทุกย่างก้าวของเจ้า[z]
และเดินอยู่ในทางนั้นอย่างมั่นคง
27 อย่าหันไปทางขวาหรือทางซ้าย
จงยั้งเท้าของเจ้าไว้จากความชั่วร้าย

อย่าสำส่อน

ลูกเอ๋ย จงตั้งใจฟังปัญญาของเรา
จงเงี่ยหูฟังถ้อยคำแห่งความเข้าใจอันลึกซึ้งของเรา
เพื่อเจ้าจะได้รักษาความสุขุมรอบคอบ
และริมฝีปากของเจ้าจะสงวนความรู้ไว้
เพราะริมฝีปากของหญิงแพศยาหวานปานน้ำผึ้ง
และคำพูดของนางก็ลื่นยิ่งกว่าน้ำมัน
แต่ท้ายที่สุด นางขมยิ่งกว่าบอระเพ็ด
คมยิ่งกว่าดาบสองคม
เท้าของนางนำไปสู่ความตาย
ย่างก้าวของนางตรงดิ่งไปยังหลุมฝังศพ
นางไม่สนใจทางแห่งชีวิต
วิถีของนางวกวนไร้จุดหมาย แต่นางไม่รู้เลย

ลูกทั้งหลายเอ๋ย บัดนี้จงฟังเรา
และอย่าหันหนีจากถ้อยคำของเรา
จงให้วิถีของเจ้าห่างไกลจากนาง
อย่าเฉียดกรายไปใกล้ประตูบ้านของนาง
เกรงว่าเจ้าจะสูญเสียเกียรติให้แก่คนอื่น
และให้ศักดิ์ศรี[aa]ของเจ้าแก่คนโหดร้าย
10 เกรงว่าคนแปลกหน้าจะมาเสวยสุขอยู่บนทรัพย์สินความสามารถของเจ้า
และน้ำพักน้ำแรงของเจ้าจะตกแก่บ้านของคนอื่น
11 ในบั้นปลายชีวิต เจ้าจะร้องโอดครวญ
เมื่อกำลังและร่างกายของเจ้าถูกกัดกินจนเสื่อมโทรมไป
12 เจ้าจะกล่าวว่า “เราเคยเกลียดการตีสั่งสอนยิ่งนัก!
และไม่แยแสคำตักเตือน!
13 เราไม่ยอมเชื่อฟังครูอาจารย์
หรือรับฟังผู้สั่งสอนของเรา
14 เราจวนเจียนจะถลำสู่หายนะ
ต่อหน้าสาธารณชน”

15 จงดื่มน้ำจากบ่อเก็บของเจ้า
น้ำที่ไหลจากบ่อของเจ้าเอง
16 ควรหรือที่จะให้น้ำพุของเจ้าไหลล้นออกไปตามถนน
หรือให้ธารน้ำของเจ้าไหลไปยังย่านชุมชน?
17 จงให้มันเป็นของเจ้าแต่ผู้เดียว
ไม่ใช่แบ่งปันกับคนแปลกหน้า
18 จงให้ธารน้ำพุของเจ้าได้รับพร
จงปีติยินดีในภรรยาคู่ชีวิตที่ได้มาในวัยหนุ่ม
19 ดั่งนางกวางที่น่ารัก เลียงผาที่น่าชม
จงให้อ้อมอกของนางเป็นที่หนำใจเจ้าเสมอ
จงหลงใหลในความรักของนางตลอดไป
20 ลูกเอ๋ย เหตุใดเจ้าจึงไปหลงใหลภรรยาของชายอื่น?
เหตุใดเจ้าจึงไปซบอกหญิงแพศยา?

21 เพราะว่าทางทั้งสิ้นของมนุษย์อยู่ในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า
พระองค์ทรงพิเคราะห์ดูทุกวิถีของเขา
22 คนชั่วติดกับเพราะบาปของตน
และบาปนั้นก็เป็นบ่วงรัดเขาไว้แน่น
23 เขาจะตายเพราะขาดวินัย
และหลงเตลิดไปเพราะความโง่มหันต์ของตน

อย่าโง่

ลูกเอ๋ย หากเจ้าค้ำประกันให้เพื่อนบ้าน
หากเจ้าจับมือวางมัดจำให้คนแปลกหน้า
เจ้าได้ติดกับวาจาของเจ้า
ถูกผูกมัดเพราะคำพูดของตัวเอง
ลูกเอ๋ย จงทำเช่นนี้เพื่อปลดปล่อยตัวเจ้าเอง
ในเมื่อเจ้าตกอยู่ในเงื้อมมือของเพื่อนบ้าน
ไป ไปอ้อนวอนจนกว่าจะหมดแรง[ab]
อย่าให้เพื่อนบ้านของเจ้าได้หยุดพัก!
อย่าให้ตาของเจ้าได้หลับ
อย่าให้เปลือกตาของเจ้าเคลิ้มไป
จงปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระเหมือนกวางหนีจากเงื้อมมือของนายพราน
เหมือนนกที่หนีจากบ่วงแร้วของคนดักนก

เจ้าคนขี้เกียจ จงไปเรียนจากมด
สังเกตวิธีการของมัน แล้วจงฉลาดขึ้น
มันไม่มีผู้บัญชาการ
ไม่มีผู้ควบคุมดูแล และไม่มีใครปกครอง
แต่มันก็ยังสะสมเสบียงในฤดูร้อน
และรวบรวมอาหารตั้งแต่ฤดูเก็บเกี่ยว

เจ้าคนขี้เกียจ จะนอนอีกนานสักเท่าใด?
เมื่อไหร่เจ้าจะลุกขึ้นเสียที?
10 หลับอีกนิด เคลิ้มอีกหน่อย
กอดอกงีบต่อสักประเดี๋ยว
11 แล้วความยากจนจะมาหาเจ้าดั่งขโมย
และความขัดสนจะเล่นงานเจ้าอย่างคนถืออาวุธ

12 คนเลวทรามและชั่วร้าย
ผู้พูดจาลดเลี้ยว
13 ผู้ขยิบตา
ขยับเท้า
กระดิกนิ้วส่งสัญญาณ
14 ผู้คิดอ่านทำการชั่วร้ายจากใจคิดคดทรยศ
พวกเขาคอยยุแยงตะแคงรั่วเสมอ
15 ฉะนั้นหายนะจึงมาถึงพวกเขาอย่างฉับพลัน
พวกเขาแหลกสลายเกินเยียวยาในชั่วพริบตา

16 มีสิ่งน่ารังเกียจหกอย่างที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเกลียดชัง
ที่จริง มีเจ็ดอย่างที่พระองค์ทรงรังเกียจ คือ
17 ตาที่หยิ่งยโส
ลิ้นที่โป้ปด
มือที่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์
18 จิตใจที่คิดการชั่วร้าย
เท้าที่ปราดไปทำชั่ว
19 พยานเท็จผู้กล่าวมุสา
และคนที่ยุให้ญาติพี่น้องแตกแยกกัน

อย่าสำส่อน

20 ลูกเอ๋ย จงรักษาคำสั่งของพ่อเจ้า
และอย่าละเลยคำสอนของแม่เจ้า
21 จงตรึงมันไว้ในดวงใจเสมอ
จงผูกมันไว้รอบคอของเจ้า
22 ยามเจ้าเดิน คำสอนนั้นจะช่วยชี้นำ
ยามเจ้าหลับ มันจะคอยดูแล
ครั้นยามเจ้าตื่น มันจะพูดกับเจ้า
23 เพราะคำสั่งนี้เป็นดวงประทีป
คำสอนนี้เป็นความสว่าง
การอบรมบ่มนิสัย
เป็นทางแห่งชีวิต
24 เพื่อคุ้มครองเจ้าให้พ้นจากภรรยาของเพื่อนบ้าน
และคำออดอ้อนของหญิงแพศยา

25 อย่ากระสันถึงความงามของนาง
อย่าตกเป็นทาสดวงตาหยาดเยิ้มของนาง

26 เพราะหญิงโสเภณีก็แลกได้ด้วยอาหารจานหนึ่ง
แต่ภรรยาของชายอื่นออกล่าเอาชีวิตอันล้ำค่าของเจ้า
27 เป็นไปได้หรือที่คนเราจะเล่นกับไฟ
โดยที่เสื้อผ้าของเขาไม่ถูกไฟไหม้?
28 เป็นไปได้หรือที่คนเราจะเดินย่ำถ่านร้อนๆ
โดยที่เท้าไม่ถูกไฟลวก?
29 ชายที่ไปนอนกับภรรยาของผู้อื่นก็เป็นเช่นนั้นแหละ
ไม่มีใครที่แตะต้องนางแล้วจะลอยนวลพ้นโทษไปได้

30 ผู้คนยังสงสารขโมย
ที่ลักทรัพย์เพราะความหิวโหย
31 แต่ถ้าเขาถูกจับได้ ก็จะถูกปรับถึงเจ็ดเท่า
แม้ว่าอาจจะต้องถึงกับขายของทุกอย่างในบ้านเพื่อชดใช้
32 แต่ชายที่ล่วงประเวณีเป็นคนไม่รู้จักคิด
ผู้ที่ทำเช่นนั้นก็ทำลายตนเอง
33 ผลที่จะได้รับคือรอยแผลและความอัปยศ
เป็นความอับอายขายหน้าตลอดกาล

34 เพราะความหึงหวงจะทวีความโกรธแค้นของสามีของหญิงนั้น
และเมื่อถึงคราวแก้แค้น เขาจะไม่ปรานีเลย
35 เขาจะไม่ยอมรับค่าชดใช้ใดๆ
ไม่ว่าสินบนจะมากมายสักเท่าใด เขาก็จะไม่ยอมเป็นอันขาด

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.