Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
อิสยาห์ 14-28

14 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเอ็นดูสงสารยาโคบ
พระองค์จะทรงเลือกสรรอิสราเอลอีกครั้งหนึ่ง
และจะนำพวกเขากลับมาตั้งถิ่นฐานในแผ่นดินของพวกเขา
ชนต่างชาติจะมาสมทบ
และเข้าร่วมกับวงศ์วานของยาโคบ
ประชาชาติต่างๆ จะรับ
และนำพวกเขากลับคืนถิ่น
วงศ์วานอิสราเอลจะครอบครองประชาชาติต่างๆ
ซึ่งจะเป็นผู้รับใช้ชายหญิงในแผ่นดินขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้ที่จับอิสราเอลเป็นเชลยจะตกเป็นเชลยของอิสราเอล
และอิสราเอลจะปกครองผู้ที่เคยกดขี่ข่มเหงพวกเขา

ในวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้เจ้าพ้นจากความทุกข์ทรมาน ความชุลมุนวุ่นวาย และพันธนาการอันโหดร้าย เจ้าจะเย้ยหยันกษัตริย์บาบิโลนดังนี้ว่า

ผู้กดขี่ข่มเหงมาถึงจุดจบได้อย่างไรหนอ!
ความเกรี้ยวกราดของเขาสิ้นสุดลงได้อย่างไร!
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหักไม้เรียวของคนชั่วร้าย
ทรงหักคทาของผู้ครอบครอง
ซึ่งกระหน่ำตีชาติต่างๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
ด้วยแรงโทสะ
และปราบนานาประเทศ
ด้วยการจู่โจมอย่างอำมหิต
ดินแดนทั้งปวงก็หยุดพักและสงบสุข
พวกเขาเปล่งเสียงร้องเพลง
แม้แต่ต้นสนต่างๆ และสนซีดาร์แห่งเลบานอน
ก็เปรมปรีดิ์และกล่าวว่า
“เดี๋ยวนี้เจ้าตกต่ำแล้ว
ก็ไม่มีคนตัดไม้มาโค่นเรา”

แดนมรณะเบื้องล่าง
ลุกขึ้นต้อนรับเจ้า
มันปลุกวิญญาณของบรรดาผู้ที่จากไปให้มาทักทายเจ้า
คือผู้ที่เคยเป็นผู้นำของโลก
มันทำให้เหล่ากษัตริย์ผู้เคยปกครองเหนือบรรดาประชาชาติ
ลุกขึ้นมาจากบัลลังก์ของพวกเขา
10 พวกเขาจะร้องออกมา
เป็นเสียงเดียวกันว่า
“บัดนี้ท่านก็อ่อนแอเหมือนพวกเรา
ท่านกลับกลายเป็นเหมือนเรา”
11 ความลำพองของเจ้าลงไปในหลุม
พร้อมกับเสียงพิณของเจ้า
หนอนยั้วเยี้ยอยู่ใต้ร่างของเจ้า
และไส้เดือนปกคลุมตัวเจ้า

12 โอ ดาวประจำรุ่ง โอรสแห่งรุ่งอรุณ!
เจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วสิหนา
ครั้งหนึ่งเจ้าเคยปราบประชาชาติต่างๆ ให้ตกต่ำ
แต่บัดนี้เจ้าถูกเหวี่ยงทิ้งลงมายังโลกเสียแล้ว!
13 เจ้ารำพึงว่า
“เราจะขึ้นไปสวรรค์
เราจะยกบัลลังก์ของเราขึ้น
เหนือดวงดาราทั้งปวงของพระเจ้า
เราจะครอบครองเหนือภูเขาแห่งการชุมนุม
บนยอดสูงสุดของภูเขาศักดิ์สิทธิ์[a]
14 เราจะขึ้นไปเหนือเมฆ
เราจะตีเสมอองค์ผู้สูงสุด”
15 แต่เจ้าถูกนำลงมาสู่หลุมฝังศพ
มาสู่ห้วงเหวลึก

16 บรรดาผู้ที่เห็นเจ้าก็จ้องมอง
และใคร่ครวญชะตาของเจ้าว่า
“นี่หรือผู้เขย่าโลก
และทำให้อาณาจักรต่างๆ สั่นสะท้าน?
17 นี่หรือผู้ที่ทำให้โลกเป็นถิ่นกันดาร
ผู้ล้มล้างนครต่างๆ
และไม่ยอมปล่อยเชลยกลับคืนถิ่น?”

18 บรรดากษัตริย์ชาติต่างๆ
นอนอยู่ในหลุมฝังศพของตนอย่างสมเกียรติ
19 แต่ร่างของเจ้าถูกเหวี่ยงทิ้งออกมา
เหมือนกิ่งไม้หัก
ถูกทับถมด้วยร่างของคนที่ถูกฆ่า
ผู้ตายด้วยคมดาบ
ผู้ลงไปสู่พื้นหินของเหว
ดั่งศพที่ถูกเหยียบย่ำ
20 เจ้าจะไม่ได้รับการฝังศพอย่างพวกเขา
เพราะเจ้าได้ทำลายล้างดินแดนของเจ้า
และเข่นฆ่าประชากรของเจ้า

ลูกหลานของคนชั่วร้าย
จะไม่ถูกเอ่ยถึงอีกเลย
21 จงเตรียมที่สำหรับประหารลูกๆ ของเขา
เพราะบาปของบรรพบุรุษ
พวกเขาไม่ได้ขึ้นมาครอบครองดินแดนนั้น
ไม่ได้สร้างเมืองบนแผ่นดินโลก

22 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศว่า
“เราจะลุกขึ้นมาต่อสู้พวกเขา
เราจะตัดชื่อคนที่เหลืออยู่
ทั้งเชื้อสายและวงศ์วานออกจากบาบิโลน”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

23 “เราจะทำให้บาบิโลนกลับกลายเป็นถิ่นนกเค้าแมว
เต็มไปด้วยหนองบึงและปลักโคลน
เราจะกวาดดินแดนนี้ด้วยไม้กวาดแห่งหายนะ”
            พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น

คำพยากรณ์กล่าวโทษอัสซีเรีย

24 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ทรงปฏิญาณไว้ว่า

“เราวางแผนไว้อย่างไร มันจะเป็นอย่างนั้นแน่นอน
และเราประสงค์อย่างไร มันจะเกิดขึ้นตามนั้น
25 เราจะขยี้ทัพอัสซีเรียในดินแดนของเรา
เราจะเหยียบเขาลงที่ภูเขาของเรา
เราจะกำจัดแอกจากประชากรของเรา
และขจัดภาระจากบ่าของพวกเขา”

26 นี่เป็นแผนการที่กำหนดไว้สำหรับโลกทั้งโลก
นี่คือพระหัตถ์ซึ่งเงื้อขึ้นเหนือประชาชาติทั้งปวง
27 เพราะพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ได้ทรงกำหนดไว้ ใครเล่าจะพลิกผันได้?
พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์ออกมา ใครเล่าจะทำให้พระองค์ทรงหดพระหัตถ์กลับไป?

คำพยากรณ์กล่าวโทษฟีลิสเตีย

28 ในปีที่กษัตริย์อาหัสสิ้นพระชนม์ มีพระดำรัสจากพระเจ้าดังนี้ว่า

29 ชาวฟีลิสเตียทั้งปวงเอ๋ย อย่ากระหยิ่มยิ้มย่อง
ว่าไม้เรียวที่ฟาดเจ้านั้นหักแล้ว
จากรากเหง้าของงูตัวนั้นจะเกิดงูพิษ
เป็นงูเห่าพิษร้ายซึ่งแว้งกัด
30 ผู้ยากไร้ที่สุดจะพบทุ่งหญ้า
และคนขัดสนจะเอนกายลงอย่างปลอดภัย
แต่เราจะทำลายล้างรากเหง้าของเจ้าด้วยการกันดารอาหาร
ซึ่งจะผลาญชีวิตพวกเจ้าที่เหลือรอด

31 ประตูเมืองเอ๋ย จงร้องไห้เถิด! นครเอ๋ย จงคร่ำครวญเถิด!
ชาวฟีลิสเตียทั้งปวง จงกลัวจนหัวหดไป!
ควันโขมงขึ้นจากทิศเหนือ
และแถวต่างๆ ที่ดาหน้าเข้ามาไม่มีล้าหลังสักคนเดียว
32 จะตอบทูตของประชาชาตินั้นว่าอย่างไร?
ก็ว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสถาปนาศิโยนไว้
และคนที่ทุกข์ลำเค็ญในเมืองนั้นจะพบที่พักพิง”

คำพยากรณ์กล่าวโทษโมอับ(A)

15 พระดำรัสเกี่ยวกับโมอับมีดังนี้

นครอาร์ในโมอับถูกทำลาย
ย่อยยับในคืนเดียว!
นครคีร์ในโมอับถูกทำลาย
ย่อยยับในคืนเดียว!
ดีโบนขึ้นไปยังวิหาร
ขึ้นไปบนที่สูงทั้งหลายเพื่อร่ำไห้
โมอับไว้อาลัยให้เนโบและเมเดบา
ทุกคนโกนศีรษะเลี่ยน
ทุกคนโกนหนวดเคราเกลี้ยง
ตามท้องถนน ผู้คนสวมผ้ากระสอบ
บนหลังคาและตามลานเมือง
ทุกคนร้องคร่ำครวญ
และหมอบร่ำไห้
เฮชโบนและเอเลอาเลห์ส่งเสียงร้อง
ได้ยินไปไกลถึงยาฮาส
ฉะนั้นพลรบของโมอับร้องออกมา
และหัวใจก็ระทดท้อ

ดวงใจของเราร่ำไห้ให้กับโมอับ
ผู้ลี้ภัยของเขาเตลิดหนีไปไกลถึงโศอาร์
ไกลถึงเอกลัทเชลีชิยาห์
พวกเขาขึ้นไปตามทางสู่ลูฮีท
ไปพลางร้องไห้พลาง
พวกเขาคร่ำครวญเกี่ยวกับความย่อยยับของตน
ไปตลอดทางสู่โฮโรนาอิม
ลำน้ำนิมริมแห้งเหือด
และหญ้าก็เหี่ยวเฉา
พืชพันธุ์หมดสิ้น
และไม่มีความเขียวขจีเหลืออยู่
ดังนั้นทรัพย์สินที่พวกเขาหามาได้และเก็บสะสมไว้
พวกเขาก็แบกข้ามลำห้วยของหมู่ต้นปอปลาร์ไป
เสียงร้องของพวกเขาดังก้องไปตลอดชายแดนโมอับ
เสียงโอดครวญของพวกเขาไปไกลถึงเอกลาอิม
เสียงคร่ำครวญหวนไห้ดังไปถึงเบเออร์เอลิม
ห้วงน้ำของดีโมน[b]จะแดงฉานไปด้วยเลือด
แต่เรายังจะลงมือกับดีโมนต่อไปอีก
สิงโตตัวหนึ่งจะตามล่าทั้งผู้ลี้ภัยชาวโมอับ
และไล่ล่าผู้ที่ยังอยู่ในดินแดน

16 จงส่งลูกแกะมาเป็นเครื่องบรรณาการ
แด่ผู้ครอบครองดินแดน
ส่งมาจากเสลา ข้ามถิ่นกันดาร
มายังภูเขาของธิดาแห่งศิโยน[c]
บรรดาผู้หญิงของโมอับ
ถูกปล่อยไว้ริมตลิ่งของแม่น้ำอารโนน
เหมือนนกกระพือปีก
ซึ่งถูกผลักจากรัง

“โปรดให้คำปรึกษา
และช่วยตัดสินใจ
ในยามเที่ยงวันโปรดให้ร่มเงา
ดั่งยามค่ำคืน
โปรดให้ที่ซ่อนแก่ผู้หนีภัย
อย่าทรยศหักหลังผู้ลี้ภัย
ขอให้ผู้ลี้ภัยชาวโมอับพักอยู่กับท่าน
ขอเป็นที่พักพิงให้พวกเขาพ้นจากผู้ทำลาย”

ผู้กดขี่จะถึงจุดจบ
และความพินาศย่อยยับจะยุติลง
ผู้กดขี่ข่มเหงจะหมดสิ้นไปจากดินแดน
ราชบัลลังก์หนึ่งจะได้รับการสถาปนาขึ้นด้วยความรัก
ผู้หนึ่งจากวงศ์วานของดาวิด
จะนั่งบนบัลลังก์นั้นด้วยความซื่อสัตย์
เป็นผู้ตัดสินอย่างยุติธรรม
และส่งเสริมความชอบธรรม

เราได้ยินถึงความหยิ่งทะนงของโมอับ
ความอวดดี ความจองหอง
ความเย่อหยิ่ง และความโอหัง
แต่คำโอ้อวดของโมอับก็ว่างเปล่า
ฉะนั้นชาวโมอับจึงพากันร่ำไห้ให้กับแผ่นดินโมอับ
และร้องไห้คร่ำครวญให้แก่ผู้คน[d]ของคีร์หะเรเสท
ท้องทุ่งแห่งเฮชโบนก็เหี่ยวเฉา
เช่นเดียวกับเถาองุ่นของสิบมาห์
บรรดาผู้ครอบครองชาติต่างๆ
ได้เหยียบย่ำเถาองุ่นที่ดีที่สุด
ซึ่งครั้งหนึ่งเคยงอกงามไปถึงยาเซอร์
แพร่ขยายไปถึงถิ่นกันดาร
แตกหน่อผลิผล
ไปไกลถึงทะเล
ฉะนั้นเราจึงร่ำไห้เหมือนที่ยาเซอร์ร่ำไห้
ให้กับเถาองุ่นแห่งสิบมาห์
เฮชโบนเอ๋ย เอเลอาเลห์เอ๋ย
เราหลั่งน้ำตาให้เจ้าจนเปียกชุ่ม!
เสียงโห่ร้องยินดีเมื่อรวบรวมผลไม้สุกงอม
และเมื่อเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ธัญญาหารของเจ้านั้นก็เงียบไปแล้ว
10 ความรื่นเริงยินดีสูญสิ้นไปจากสวนผลไม้
ไม่มีใครร้องเพลงหรือโห่ร้องในไร่องุ่น
ไม่มีใครย่ำองุ่นที่บ่อย่ำเหล้าองุ่นอีกต่อไป
เพราะเราได้ยุติเสียงโห่ร้องนั้นแล้ว
11 ดวงใจของเราคร่ำครวญเพื่อโมอับดั่งเสียงพิณ
ส่วนลึกของจิตใจอาลัยคีร์หะเรเสท
12 เมื่อโมอับขึ้นไปยังสถานบูชาบนที่สูง
ก็เหนื่อยเปล่า
เมื่อขึ้นไปสวดวิงวอนที่เทวสถาน
ก็เปล่าประโยชน์

13 องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสเกี่ยวกับโมอับไว้เช่นนี้แหละ 14 บัดนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ภายในสามปี ตามปีของสัญญาว่าจ้างแรงงาน ความโอ่อ่าตระการและประชากรทั้งปวงของโมอับจะถูกเหยียดลง และผู้ที่รอดชีวิตอยู่ก็มีน้อยคนและอ่อนระโหยโรยแรง”

พระดำรัสกล่าวโทษดามัสกัส

17 พระดำรัสเกี่ยวกับดามัสกัสมีดังนี้ว่า

“ดูเถิด ดามัสกัสจะไม่เป็นนครอีกต่อไป
แต่จะกลายเป็นซากปรักหักพัง
นครต่างๆ ของอาโรเออร์จะถูกทิ้งร้าง
ทิ้งไว้ให้ฝูงแพะแกะซึ่งจะนอนลงที่นั่น
และไม่มีใครทำให้พวกมันตกใจกลัว
เมืองป้อมปราการจะสาบสูญไปจากเอฟราอิม
และอำนาจของดามัสกัสจะสิ้นสุดลง
ชนที่เหลืออยู่ของอารัมจะเป็นเหมือนศักดิ์ศรีของอิสราเอล”
            พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น

“ในวันนั้นศักดิ์ศรีของยาโคบจะโรยรา
ความอ้วนพีแห่งเรือนร่างของเขาจะหายไป
จะเป็นเหมือนเวลาที่มีคนมาเกี่ยวข้าวที่ชูรวง
และแขนของเขาโอบฟ่อนข้าวไว้
เหมือนเวลาที่คนเก็บเศษรวงข้าวที่ตกอยู่
ในหุบเขาเรฟาอิม
ถึงกระนั้นก็ยังมีบางส่วนเหลืออยู่
เหมือนเมื่อใช้ไม้ฟาดต้นมะกอก
ก็ยังมีเหลืออยู่สองสามผลบนยอดสูง
หรือสี่ห้าผลบนกิ่งผลดก”
            พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
            ประกาศดังนั้น

ในวันนั้นคนทั้งหลายจะมุ่งมององค์พระผู้สร้างของตน
และหันมาจับตามองที่องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล
พวกเขาจะไม่มุ่งมองแท่นบูชาต่างๆ
อันเป็นฝีมือสร้างของตน
พวกเขาจะไม่เคารพนับถือเสาเจ้าแม่อาเชราห์[e]
และแท่นเผาเครื่องหอมซึ่งตนสร้างขึ้นกับมือ

ในวันนั้นนครต่างๆ ที่เข้มแข็งซึ่งพวกเขาทิ้งไว้เพราะชาวอิสราเอลจะเป็นเหมือนที่ร้าง และมีพุ่มไม้น้อยใหญ่ขึ้นรกไปหมด และทุกสิ่งจะถูกทิ้งร้าง

10 เจ้าได้หลงลืมพระเจ้าองค์พระผู้ช่วยให้รอดของเจ้า
เจ้าไม่ได้ระลึกถึงพระศิลาผู้เป็นป้อมปราการของเจ้า
ฉะนั้นถึงแม้ว่าพวกเจ้าปลูกพืชพันธุ์ที่ดีที่สุด
และปลูกเถาองุ่นจากต่างแดน
11 แม้เจ้าทำให้มันงอกในวันเดียวกับที่เจ้าปลูกได้
และทำให้มันผลิตาในเช้าวันที่เจ้าลงต้นได้
ถึงอย่างนั้นก็จะไม่ได้เก็บเกี่ยวสิ่งใด
ในวันแห่งโรคภัยและความเจ็บปวดที่เกินเยียวยาได้

12 แน่ะ เสียงกระหึ่มของประชาชาติทั้งหลาย
กึกก้องดั่งทะเลคึกคะนอง!
เสียงคำรามของชนชาติต่างๆ ดังสนั่น
คล้ายกับทะเลคำราม!
13 แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาคำรามลั่นเหมือนเสียงน้ำบ่า
เมื่อพระเจ้าตรัสกำราบ พวกเขาก็หนีกระเจิดกระเจิง
เหมือนแกลบต้องลมบนเนินเขา
เหมือนหญ้าที่ถูกพายุพัดกระหน่ำ
14 ในยามเย็นมีความสยดสยองฉับพลัน!
ก่อนรุ่งสางพวกเขาก็จากไปแล้ว!
นี่คือส่วนของผู้ที่ปล้น
และแย่งชิงของของเราไป

คำพยากรณ์กล่าวโทษคูช

18 วิบัติแก่ดินแดนแห่งตั๊กแตน[f]
ซึ่งอยู่ตามห้วงน้ำแห่งคูช[g]
ซึ่งส่งทูตมาทางทะเล
โดยเรือพาไพรัส

ไปเถิดม้าเร็ว
จงไปยังชนชาติที่ตัวสูงและผิวเนียนเกลี้ยง
ซึ่งเป็นที่ครั่นคร้ามทั้งใกล้และไกล
ชนชาติที่แข็งกร้าวและมีสำเนียงภาษาแปลกๆ
ดินแดนของพวกเขาถูกแบ่งแยกด้วยแม่น้ำ

ชาวโลกทั้งมวลเอ๋ย
ทุกชีวิตในโลกเอ๋ย
เมื่อธงรบผืนหนึ่งถูกชูขึ้นเหนือภูเขาทั้งหลาย
ท่านจะได้เห็น
และเมื่อเสียงแตรดังขึ้น
ท่านจะได้ยิน
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า
“เราจะนิ่งอยู่และมองลงมาจากที่พำนักของเรา
เหมือนความร้อนระยิบระยับยามตะวันฉาย
เหมือนเมฆน้ำค้างกลางแดดระอุของฤดูเก็บเกี่ยว”
เพราะก่อนการเก็บเกี่ยว เมื่อกลีบดอกร่วงไปแล้ว
และดอกกลายเป็นผลองุ่นสุก
พระองค์จะทรงใช้ขอลิดฟันแขนง
และโค่นกิ่งก้านทิ้ง
พวกเขาจะถูกทิ้งไว้บนภูเขาให้นกล่าเหยื่อ
และให้สัตว์ป่าทั้งหลาย
ฝูงนกจะทึ้งซากกินตลอดฤดูร้อน
และสัตว์ป่าจะแทะซากตลอดฤดูหนาว

ในเวลานั้นจะมีผู้นำของกำนัลมาถวายแด่พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์

พวกเขาเป็นชนชาติที่ตัวสูงและผิวเนียนเกลี้ยง
ซึ่งเป็นที่ครั่นคร้ามทั้งใกล้และไกล
ชนชาติที่แข็งกร้าวและมีสำเนียงภาษาแปลกๆ
ซึ่งดินแดนของเขาถูกแบ่งแยกด้วยแม่น้ำ

พวกเขาจะนำของกำนัลมาถวายที่ภูเขาศิโยน ซึ่งเป็นที่สถาปนาพระนามของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์

คำพยากรณ์กล่าวโทษอียิปต์

19 พระดำรัสเกี่ยวกับอียิปต์มีดังนี้ว่า

ดูเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าประทับเหนือเมฆซึ่งเคลื่อนมาอย่างรวดเร็ว
และกำลังมายังอียิปต์
บรรดารูปเคารพของอียิปต์สั่นสะท้านต่อหน้าพระองค์
จิตใจของชาวอียิปต์ระทดท้อ

“เราจะกระตุ้นชาวอียิปต์ให้สู้รบกันเอง
พี่สู้กับน้อง
เพื่อนบ้านรบกับเพื่อนบ้าน
เมืองรบพุ่งกับเมือง
อาณาจักรรบกับอาณาจักร
ชาวอียิปต์จะใจเสีย
เราจะทำให้แผนการของพวกเขาล้มเหลว
พวกเขาจะขอคำปรึกษาจากเทวรูปและวิญญาณผู้ตาย
จากคนทรงเจ้าเข้าผี
เราจะหยิบยื่นชาวอียิปต์
ให้แก่นายผู้เหี้ยมโหด
กษัตริย์ผู้ดุร้ายจะปกครองพวกเขา”
            องค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น

ธารน้ำทั้งหลายจะเหือดแห้ง
ท้องน้ำจะแตกระแหง
คลองจะเน่าเหม็น
ลำธารต่างๆ ของอียิปต์จะตื้นเขินและแห้งขอด
ต้นกกและกอปรือจะเหี่ยวเฉา
พืชเขียวชอุ่มทั้งปวง
ตามริมตลิ่ง
และปากแม่น้ำไนล์
จะเหี่ยวแห้งและปลิวไปตามลมจนหมด
ชาวประมงจะคร่ำครวญร่ำไห้
พวกที่หย่อนเบ็ดลงในแม่น้ำไนล์
พวกที่เหวี่ยงแหลงน้ำ
จะโหยไห้
คนที่สางป่านจะสิ้นหวัง
คนทอผ้าลินินเนื้อดีจะหมดอาลัยตายอยาก
10 พวกคนทอผ้าจะถูกบีบคั้น
และพวกลูกจ้างจะช้ำใจ

11 เจ้าหน้าที่ของโศอันล้วนแล้วแต่โง่เขลา
ที่ปรึกษาชาญฉลาดของฟาโรห์ให้คำแนะนำเหลวไหล
เจ้าบังอาจพูดกับฟาโรห์ได้อย่างไรว่า
“ข้าพระบาทเป็นคนหนึ่งในหมู่ปราชญ์
เป็นสานุศิษย์ของมวลกษัตริย์โบราณ”?

12 ปราชญ์ของเจ้าไปไหนหมดแล้ว?
ให้เขาเล่าแจ้งแถลงไขแก่เจ้าสิว่า
พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ได้ดำริ
จะกระทำอะไรแก่อียิปต์บ้าง
13 เจ้าหน้าที่ต่างๆ ของโศอันกลายเป็นคนโง่
พวกผู้นำของเมมฟิส[h]ถูกหลอก
ศิลาหัวมุมในหมู่ประชากร
ชักนำอียิปต์ให้หลงผิด
14 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเท
จิตใจแห่งความมึนงงให้พวกเขา
พวกเขาทำให้อียิปต์ซวนเซไม่ว่าจะทำอะไร
เหมือนคนเมาโซเซไปรอบกองอาเจียนของตัวเอง
15 ไม่มีอะไรที่อียิปต์ทำได้เลย
ไม่ว่าหัวหรือหาง ทางอินทผลัมหรือต้นอ้อ

16 ในวันนั้นชาวอียิปต์จะอ่อนแอเหมือนผู้หญิง พวกเขาจะคอตกหัวหดด้วยความกลัว ภายใต้พระหัตถ์ของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ซึ่งเงื้อขึ้นต่อสู้พวกเขา 17 และดินแดนยูดาห์จะนำความหวาดผวามาสู่ชาวอียิปต์ แค่เอ่ยชื่อยูดาห์ทุกคนก็ครั่นคร้ามเพราะสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ดำริจะทำกับพวกเขา

18 ในวันนั้นเมืองห้าแห่งในอียิปต์จะใช้ภาษาของชาวคานาอัน และสวามิภักดิ์ต่อพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ หนึ่งในห้านั้นจะได้ชื่อว่านครแห่งหายนะ[i]

19 ในวันนั้นจะมีแท่นบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าที่ใจกลางอียิปต์ และมีอนุสรณ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าที่ชายแดน 20 จะเป็นหมายสำคัญและหลักฐานบ่งถึงพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ในดินแดนอียิปต์ เมื่อพวกเขาร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะถูกกดขี่ข่มเหง พระองค์จะประทานผู้ช่วยและผู้ปกป้องมาให้และจะทรงช่วยพวกเขา 21 เช่นนั้นแหละ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำให้ชาวอียิปต์รู้จักพระองค์ และในวันนั้นพวกเขาจะยอมรับองค์พระผู้เป็นเจ้า จะนมัสการด้วยเครื่องบูชาและธัญบูชา เขาจะถวายปฏิญาณแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าและรักษาคำมั่นสัญญา 22 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงโบยอียิปต์ด้วยภัยพิบัติ ทรงฟาดเขาแล้วทรงสมานแผลให้ เขาจะหันมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะทรงสดับฟังคำวิงวอนของพวกเขาและทรงรักษาพวกเขาให้หาย

23 ในวันนั้นอียิปต์และอัสซีเรียจะมีทางหลวงเชื่อมต่อกัน ชาวอัสซีเรียกับชาวอียิปต์จะไปมาหาสู่กันและนมัสการร่วมกัน 24 ในวันนั้นอิสราเอลจะเป็นหนึ่งในสามร่วมกับอียิปต์และอัสซีเรีย จะเป็นพรบนแผ่นดินโลก 25 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์จะทรงอวยพรพวกเขาว่า “ขอให้อียิปต์ประชากรของเรา อัสซีเรียผลงานแห่งน้ำมือของเรา และอิสราเอลกรรมสิทธิ์ของเราได้รับพร”

คำพยากรณ์กล่าวโทษอียิปต์และคูช

20 ในปีที่กษัตริย์ซาร์กอนแห่งอัสซีเรียส่งแม่ทัพสูงสุดมาโจมตีอัชโดดและยึดเมืองได้ ครั้งนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสผ่านอิสยาห์บุตรอาโมศว่า “เจ้าจงถอดเสื้อผ้ากระสอบออกจากกาย และถอดรองเท้าออก” อิสยาห์ก็ปฏิบัติตาม เดินเปลือยกายและเท้าเปล่า

แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เช่นเดียวกับที่อิสยาห์ผู้รับใช้ของเราเดินเปลือยกายและเท้าเปล่าตลอดสามปี ซึ่งเป็นหมายสำคัญและลางร้ายแก่อียิปต์และคูช[j] กษัตริย์อัสซีเรียจะจับตัวชาวอียิปต์และคูชไปเป็นนักโทษและเป็นเชลย ให้เดินเปลือยกายและเท้าเปล่าไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ กับเปลือยก้นยังความอัปยศมาสู่อียิปต์ บรรดาคนที่พึ่งคูชและโอ้อวดเรื่องอียิปต์จะหวาดกลัวและอับอาย ในวันนั้นประชาชนที่อาศัยตามชายฝั่งทะเลจะกล่าวว่า ‘ดูสิ ขนาดผู้ที่เราพึ่งพาและหนีมาขอความช่วยเหลือให้พ้นมือจากกษัตริย์อัสซีเรียยังเป็นไปถึงเพียงนี้ แล้วเราจะหนีรอดไปได้อย่างไร?’”

คำพยากรณ์กล่าวโทษบาบิโลน

21 พระดำรัสเกี่ยวกับบาบิโลน[k]มีดังนี้ว่า

ผู้รุกรานมาจากถิ่นกันดาร
จากดินแดนน่าสะพรึงกลัว
เหมือนพายุพัดกระหน่ำดินแดนภาคใต้

ข้าพเจ้าได้เห็นนิมิตอันน่ากลัว คือ
ผู้ทรยศก่อการกบฏ โจรเข้าฉกชิง
เอลามบุกโจมตี มีเดียเข้าล้อมเมือง
เราจะยุติเสียงครวญครางทั้งปวงที่มันทำให้เกิดขึ้น

ถึงตอนนี้ กายของข้าพเจ้าบิดเร่าด้วยความเจ็บปวด
ความรวดร้าวจู่โจมข้าพเจ้าเหมือนความเจ็บปวดของผู้หญิงที่กำลังคลอดลูก
ข้าพเจ้าโซซัดโซเซเพราะสิ่งที่ได้ยิน
งงงันเพราะสิ่งที่ได้เห็น
หัวใจของข้าพเจ้าเต้นระทึก ตกใจกลัวจนตัวสั่น
ยามสนธยาที่ข้าพเจ้าใฝ่หากลับกลายเป็นความสยดสยอง

พวกเขาตั้งโต๊ะ
ยกพรมมาปู
เขากินและดื่ม!
นักรบทั้งหลาย ลุกขึ้นเถิด
เอาน้ำมันทาโล่!

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า

“จงวางยามไว้คอยดูแล
และให้เขารายงานสิ่งที่เห็น
เมื่อเขาเห็นรถรบ
ฝูงม้า
คนขี่ลา
หรือคนขี่อูฐเคลื่อนเข้ามา
ให้เขาตื่นตัว
และเพ่งดู”

แล้วยาม[l]ร้องบอกว่า

“นายครับ ผมยืนเฝ้ายามที่หอคอยนี้
วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า
ดูเถิด มีคนหนึ่งนั่งรถรบมา
และมีม้ามาเป็นฝูง
เขาตอบกลับมาว่า
‘บาบิโลนล่มแล้ว!
เทวรูปทั้งหมดของบาบิโลน
แตกกระจัดกระจายอยู่ที่พื้น!’ ”

10 พี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้าเอ๋ย ผู้ถูกบดขยี้ในลานนวดข้าว
ข้าพเจ้าก็บอกท่านถึงสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ยิน
จากพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
จากพระเจ้าแห่งอิสราเอล

คำพยากรณ์กล่าวโทษเอโดม

11 พระดำรัสเกี่ยวกับดูมาห์[m]มีดังนี้ว่า

มีคนร้องเรียกข้าพเจ้าจากเสอีร์ว่า
“คนยาม กี่โมงกี่ยามแล้ว?
คนยาม กี่โมงกี่ยามแล้ว?”
12 ยามตอบว่า
“จะเช้าแล้ว แต่ก็จะมืดด้วย
ถ้าจะถามก็ถามมาเถิด
แล้วค่อยกลับมาถามใหม่”

คำพยากรณ์กล่าวโทษอาระเบีย

13 พระดำรัสเกี่ยวกับอาระเบียมีดังนี้ว่า

เจ้าพวกกองคาราวานชาวเดดาน
ผู้ตั้งค่ายในดงทึบแห่งอาระเบีย
14 จงนำน้ำมาให้ผู้กระหาย
ประชากรเทมาเอ๋ย
และนำอาหารมาให้ผู้ลี้ภัยเถิด
15 พวกเขาหนีจากดาบ
ดาบที่ชักออกจากฝัก
หนีจากคันธนูซึ่งโก่งอยู่
และจากสงครามอันดุเดือด

16 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ภายในหนึ่งปีตามปีของสัญญาว่าจ้างแรงงานนั้น ความโอ่อ่าตระการของเคดาร์จะสิ้นสุดลง 17 นักธนูและนักรบของเคดาร์จะเหลืออยู่ไม่กี่คน” พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้ตรัสไว้

คำพยากรณ์กล่าวโทษเกี่ยวกับเยรูซาเล็ม

22 พระดำรัสเกี่ยวกับหุบเขาแห่งนิมิตมีดังนี้ว่า

เกิดอะไรขึ้นนี่
ทุกคนถึงได้วิ่งขึ้นบนหลังคา
โอ เมืองอันเต็มไปด้วยความอึกทึกครึกโครม
นครแห่งการจลาจลและความสำมะเลเทเมา
ผู้ตายไม่ได้ถูกฆ่าด้วยคมดาบ
ทั้งไม่ได้ตายในสงคราม
พวกผู้นำของเจ้าหนีไปกันหมด
พวกเขายอมจำนนโดยไม่ได้หยิบธนูขึ้นต่อสู้
ทุกคนที่ถูกจับได้ต้องกลายเป็นนักโทษ
เป็นคนที่พ่ายหนีตั้งแต่ศัตรูยังอยู่แต่ไกล
ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า “ปล่อยข้าพเจ้า
ร้องไห้อยู่คนเดียวเถอะ
อย่าพยายามปลอบข้าพเจ้าเลย
ปล่อยให้ข้าพเจ้าหลั่งน้ำตาเพราะหายนะของพี่น้องร่วมชาติ”

องค์พระผู้เป็นเจ้าพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์กำหนดวันหนึ่งไว้
เป็นวันชุลมุนวุ่นวาย ยุ่งเหยิง สยดสยอง
ในหุบเขาแห่งนิมิต
วันแห่งการทลายกำแพง
และการป่าวร้องแก่ภูเขาทั้งหลาย
เอลามหยิบแล่งธนู
มีพลรถรบและม้า
คีร์ถือโล่มา
หุบเขาที่ดีที่สุดของท่านเต็มไปด้วยรถรบ
และพลม้าประจำอยู่ที่ประตูเมือง

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำจัดเครื่องป้องกันของยูดาห์ออกไป
ในวันนั้นท่านมองหาอาวุธ
ในตำหนักพนาเลบานอน
ท่านเห็นแนวป้องกันของเมืองดาวิด
มีช่องโหว่หลายแห่ง
ท่านเก็บน้ำ
ไว้ที่สระล่าง
10 ท่านนับอาคารบ้านเรือนในเยรูซาเล็ม
และรื้อเรือนมาเสริมกำแพง
11 ท่านสร้างที่กักเก็บน้ำไว้ระหว่างกำแพงทั้งสอง
เพื่อรับน้ำของบ่อเดิม
แต่ท่านไม่ได้มุ่งมองพระองค์ผู้ทรงทำสิ่งนี้
ไม่ใส่ใจพระองค์ผู้ทรงดำริสิ่งนี้ไว้เมื่อนานมาแล้ว

12 องค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
ตรัสเรียกท่านในวันนั้น
ให้ร่ำไห้และคร่ำครวญ
ให้ทึ้งผมและสวมเสื้อผ้ากระสอบ
13 แต่ดูเถิดกลับกลายเป็นว่ามีแต่ความบันเทิง
และการสำมะเลเทเมา
มีการล้มวัวล้มแกะ กินเนื้อ ดื่มเหล้าองุ่น!
ท่านกล่าวว่า “ให้เรากินและดื่ม
เพราะพรุ่งนี้เราก็ตายแล้ว!”

14 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ทรงเปิดเผยโดยให้ข้าพเจ้าได้ยินว่า “บาปนี้จะไม่ได้รับการอภัยจวบจนวันตายของเจ้า” องค์พระผู้เป็นเจ้าพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนั้น

15 องค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า

“จงไปบอกเชบนาห์ผู้เป็นกรมวังว่า
16 เจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่?
ใครอนุญาตให้เจ้าสกัดอุโมงค์ฝังศพ
ให้ตัวเองบนที่สูงนี้
และสกัดศิลาทำเป็นที่พักของเจ้า?

17 “ระวังไว้เถิด เจ้าผู้ยิ่งใหญ่
องค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังจะจับเจ้าไว้และเหวี่ยงออกไป
18 พระองค์จะทรงขยำเจ้าไว้ในพระหัตถ์เหมือนลูกบอล
และทรงเหวี่ยงเจ้าไปยังดินแดนกว้างขวาง
เจ้าจะตายที่นั่น เหลือไว้แต่รถรบคันงามของเจ้า
เจ้าผู้ก่อความอัปยศแก่เรือนของนาย!
19 เราจะถอดเจ้าจากหน้าที่ของเจ้า
และเจ้าจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง

20 “ในวันนั้นเราจะเรียกเอลียาคิมบุตรฮิลคียาห์ผู้รับใช้ของเรามา 21 เราจะสวมเสื้อคลุมและผูกสายรัดเอวของเจ้าให้แก่เขา และมอบสิทธิอำนาจของเจ้าแก่เขา เขาจะเป็นบิดาของชาวเยรูซาเล็มและชาวยูดาห์ทั้งปวง 22 เราจะวางกุญแจแห่งราชวงศ์ดาวิดไว้เหนือบ่าของเขา สิ่งที่เขาเปิดจะไม่มีผู้ใดปิดได้ และสิ่งที่เขาปิดจะไม่มีผู้ใดเปิดได้ 23 เราจะตอกเขาเหมือนตอกหมุดในที่มั่น เขาจะเป็นบัลลังก์[n]แห่งเกียรติสำหรับวงศ์วานบิดา 24 ศักดิ์ศรีทั้งปวงแห่งครอบครัวของเขาจะแขวนอยู่บนเขา อยู่บนลูกหลานและหน่อเนื้อเชื้อไข หรือแม้แต่ผู้เล็กน้อยของครอบครัวของเขา”

25 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศว่า “ในวันนั้น หมุดที่ตอกเข้ากับที่มั่นจะหลุดร่วงลงมา และสิ่งที่อยู่บนนั้นจะถูกตัดทิ้ง” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

คำพยากรณ์กล่าวโทษไทระ

23 พระดำรัสเกี่ยวกับเมืองไทระมีดังนี้ว่า

จงร่ำไห้เถิด เหล่านาวาแห่งทารชิช!
เพราะไทระล่มจมแล้ว
ไม่เหลือบ้านเรือนและท่าเรืออีก
มีข่าวจากดินแดนไซปรัส[o]
มาถึงพวกเขา

จงนิ่งเถิด ชาวเกาะ
และพวกพ่อค้าแห่งไซดอน
ผู้มั่งคั่งจากเรือเดินทะเล
เมล็ดข้าวจากชิโหร์
เดินทางข้ามมหาสมุทรมา
ผลผลิตแห่งแม่น้ำไนล์[p]เป็นรายได้ของไทระ
ซึ่งกลายเป็นตลาดของประชาชาติ

จงอับอายเถิด ไซดอนเอ๋ย และเจ้าผู้เป็นที่มั่นแห่งท้องทะเล
เพราะทะเลกล่าวว่า
“เราไม่เคยเจ็บท้องและไม่เคยคลอด
อีกทั้งไม่เคยเลี้ยงดูลูกชายลูกสาว”
เมื่ออียิปต์ได้ยินข่าวจากไทระ
พวกเขาจะทุกข์โศกยิ่งนัก

จงข้ามไปทารชิชเถิด
ชาวเกาะเอ๋ย จงร่ำไห้
นี่หรือนครแห่งความสนุกสนานบันเทิง?
นครเก่าแก่
ซึ่งเท้าพามันไป
ตั้งรกรากยังแดนไกล
ใครหนอวางแผนเล่นงานไทระ
ผู้ซึ่งให้มงกุฎ
ผู้ซึ่งพ่อค้าได้เป็นเจ้านาย
ผู้ซึ่งนายวาณิชเลื่องชื่อในโลก?
คือพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์นั่นเอง
ทรงดำริไว้ที่จะทำให้ความภาคภูมิแห่งศักดิ์ศรีทั้งปวงตกต่ำลง
และทำให้บรรดาผู้ที่มีชื่อเสียงของโลกเจียมเนื้อเจียมตัว

10 จงพรวน[q]ที่ดินของเจ้าเหมือนอย่างที่ดินริมแม่น้ำไนล์
ธิดาแห่งทารชิช[r]เอ๋ย
เพราะเจ้าไม่มีท่าเรืออีกแล้ว
11 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์ออกเหนือท้องทะเล
ทรงเขย่าอาณาจักรทั้งหลาย
พระองค์ทรงมีประกาศิต
ให้ทลายป้อมปราการต่างๆ ของฟีนิเซีย[s]
12 พระองค์ตรัสว่า “ไม่มีความสนุกสนานบันเทิงอีกต่อไปแล้ว
โอ ธิดาพรหมจารีแห่งไซดอน[t]ซึ่งบัดนี้แหลกลาญ!

“ขึ้นไปสิ ข้ามไปไซปรัส[u]สิ
แม้แต่ที่นั่นเจ้าก็ไม่ได้พักสงบ”
13 จงมองดูดินแดนของชาวบาบิโลน[v]
ชนชาติซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่มีใครสนใจแล้ว!
ชาวอัสซีเรียได้ทำ
ให้มันกลายเป็นที่สิงสถิตของสัตว์ป่า
พวกเขาก่อเชิงเทิน
ทลายป้อมปราการ
และทำให้มันกลายเป็นซากปรักหักพัง

14 จงคร่ำครวญเถิด เหล่านาวาแห่งทารชิชเอ๋ย
ป้อมปราการของเจ้าถูกทำลายแล้ว!

15 ครั้งนั้นผู้คนจะลืมไทระไปเจ็ดสิบปี อันเป็นช่วงพระชนม์ชีพของกษัตริย์องค์หนึ่ง แต่ในตอนปลายของช่วงเจ็ดสิบปีนั้น ไทระจะเป็นเหมือนในเนื้อเพลงของหญิงโสเภณีที่ว่า

16 “โอ หญิงโสเภณีที่ถูกลืม
หยิบพิณขึ้นเถิด แล้วเดินไปทั่วเมือง
เล่นพิณให้ไพเราะ ร้องเพลงหลายๆ เที่ยว
เพื่อคนจะจำเจ้าได้”

17 ปลายช่วงเจ็ดสิบปี องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงจัดการกับไทระ จะกลับมีคนว่าจ้างไทระราวกับเป็นโสเภณี และจะติดต่อค้าขายกับอาณาจักรทั้งปวงของโลก 18 แต่ผลกำไรและรายได้ของไทระจะถูกกันไว้เพื่อถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า จะไม่เก็บหรือสะสมไว้เอง แต่จะมอบผลกำไรแก่ผู้ที่ใช้ชีวิตต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า คนเหล่านั้นจะมีอาหารอุดมสมบูรณ์และมีเสื้อผ้าดีๆ

องค์พระผู้เป็นเจ้า

24 ดูเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังจะทรงทิ้งโลกให้ร้าง
และทำให้มันย่อยยับ
พระองค์จะทรงทำลายพื้นผิวของโลก
ทำให้ผู้อยู่อาศัยกระจัดกระจายไป
ทุกคนจะเหมือนกันหมด
ไม่ว่าประชาชนหรือปุโรหิต
ไม่ว่านายหรือบ่าว
ไม่ว่านายหญิงหรือสาวใช้
ไม่ว่าผู้ซื้อหรือผู้ขาย
ไม่ว่าเจ้าหนี้หรือลูกหนี้
ไม่ว่าผู้ยืมหรือผู้ให้ยืม
โลกจะว่างเปล่า
และยับเยินอย่างสิ้นเชิง
            องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสถ้อยคำเหล่านี้

โลกก็เหือดแห้งและโรยรา
พิภพก็ซบเซาและเหี่ยวเฉา
ผู้สูงศักดิ์ของโลกก็อ่อนระโหย
โลกนี้สกปรกโสมมเพราะผู้คนที่อยู่ในโลก
พวกเขาไม่เชื่อฟังบทบัญญัติ
ละเมิดกฎเกณฑ์
และฝ่าฝืนพันธสัญญานิรันดร์
ฉะนั้นคำสาปแช่งจึงล้างผลาญโลก
ชาวพิภพต้องรับโทษความผิดของตน
ฉะนั้นผู้อาศัยอยู่ในโลกจึงถูกเผาผลาญ
และรอดชีวิตอยู่ไม่กี่คน
เหล้าองุ่นใหม่ก็เหือดแห้ง และเถาองุ่นก็เหี่ยวเฉา
บรรดาผู้ให้ความบันเทิงได้แต่โอดครวญ
เสียงสนุกสนานร่าเริงของรำมะนาเงียบไป
เสียงบันเทิงยุติลง
เสียงพิณไพเราะก็เงียบไป
ไม่มีการจิบเหล้าเคล้าเสียงเพลงอีกแล้ว
สุราก็ขมแก่ผู้ดื่ม
10 นครอันล่มจมก็เริศร้าง
ทางเข้าบ้านทุกหลังถูกปิดไม่ให้ใครเข้า
11 ตามท้องถนน ผู้คนร้องหาเหล้าองุ่น
ความยินดีกลายเป็นความหม่นหมอง
ความรื่นเริงบันเทิงใจถูกกำจัดไปจากโลก
12 นครนั้นตกอยู่ในสภาพปรักหักพัง
ประตูเมืองถูกทุบเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
13 โลกและชนชาติต่างๆ
จะเป็นเช่นนั้น
เหมือนต้นมะกอกที่ถูกฟาด
หรือเหมือนเศษเล็กเศษน้อยที่ยังเหลืออยู่หลังเก็บองุ่น

14 คนหยิบมือที่เหลือจะโห่ร้องอย่างชื่นบาน
และจะประกาศพระบารมีขององค์พระผู้เป็นเจ้าจากแถบตะวันตก
15 ดังนั้นคนทางตะวันออกจงถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
จงเทิดทูนพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
บนเกาะต่างๆ ในทะเล
16 จากสุดโลกเราได้ยินเพลงขับร้องว่า
“พระเกียรติสิริจงมีแด่องค์ทรงธรรม”

แต่ข้าพเจ้ากล่าวว่า “ข้าพเจ้าหมดแรง ข้าพเจ้าหมดแรง!
วิบัติแก่ข้าพเจ้า!
มีคนคิดคดทรยศ
และก่อการกบฏ!”
17 ชาวโลกเอ๋ย
ความสยดสยอง หลุมพราง และกับดักคอยท่านอยู่
18 ใครก็ตามที่เตลิดหนีเมื่อได้ยินเสียงสยดสยอง
จะตกลงในหลุมพราง
ใครก็ตามที่ปีนออกมาจากหลุมพราง
จะติดบ่วงแร้ว

ประตูน้ำของสวรรค์ก็เปิดออก
รากฐานของโลกถูกเขย่า
19 โลกทลายล่มจม
แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ถูกเขย่าสั่นคลอน
20 โลกโซซัดโซเซเหมือนคนเมา
มันพะเยิบพะยาบเหมือนเพิงกลางพายุ
โทษกบฏของโลกหนักหนาสาหัส
จนทำให้มันล้มลงและไม่อาจลุกขึ้นได้อีกเลย

21 ในวันนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงลงโทษ
บรรดาอำนาจในฟ้าสวรรค์เบื้องบน
และบรรดากษัตริย์ในโลกเบื้องล่าง
22 พวกเขาจะถูกคุมตัวรวมกัน
เหมือนนักโทษที่ถูกขังไว้ในคุกใต้ดิน
พวกเขาจะถูกจองจำไว้
และหลังจากนั้นหลายวันก็ถูกลงโทษ[w]
23 ดวงจันทร์จะอับแสง ดวงอาทิตย์จะอดสู
เพราะพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์จะทรงครอบครอง
เหนือภูเขาศิโยนและในเยรูซาเล็ม
และทรงครอบครองด้วยพระเกียรติสิริต่อหน้าเหล่าผู้อาวุโส

สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

25 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์
ข้าพระองค์จะยกย่องเทิดทูนพระองค์และสรรเสริญพระนามของพระองค์
เพราะพระองค์ทรงทำการมหัศจรรย์
ตามที่ทรงดำริไว้นานมาแล้ว
ด้วยความซื่อสัตย์อันบริบูรณ์
พระองค์ทรงทำให้นครนั้นกลายเป็นซากปรักหักพัง
เมืองป้อมปราการพังพินาศ
ที่มั่นของชนต่างชาติล่มจมแล้ว
ไม่อาจสร้างขึ้นมาใหม่ได้เลย
ดังนั้นชนชาติที่เข้มแข็งจะเทิดพระเกียรติพระองค์
ประชาชาติที่อำมหิตจะยำเกรงพระองค์
พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของผู้ยากไร้
เป็นที่พักพิงสำหรับคนขัดสนซึ่งอยู่ในความทุกข์
เป็นป้อมกำบังจากพายุ
เป็นร่มเงาหลบความร้อน
เพราะลมหายใจเข้าออกของคนอำมหิต
เหมือนพายุที่พัดกระหน่ำกำแพง
และเหมือนความร้อนระอุของถิ่นกันดาร
พระองค์ทรงสยบการขู่คำรามของคนต่างชาติ
เหมือนเงาเมฆบรรเทาความร้อนระอุ
แล้วบทเพลงของคนอำมหิตก็เงียบลง

พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์จะจัดเตรียมงานเลี้ยงใหญ่บนภูเขาแห่งนี้
สำหรับชนชาติทั้งปวง
งานเลี้ยงซึ่งมีเหล้าองุ่น
และเนื้อชั้นเยี่ยม
บนภูเขาแห่งนี้พระองค์จะทรงขจัดผ้าคลุมหน้า
ซึ่งห่อหุ้มชนชาติทั้งปวง
และขจัดม่านซึ่งคลุมมวลประชาชาติ
พระองค์จะทรงกลืนความตายไปชั่วนิรันดร์
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตทรงซับหยาดน้ำตาจากทุกใบหน้า
และจะทรงขจัดความอัปยศอดสูของประชากรของพระองค์
ออกไปจากแผ่นดินโลก
            องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น

ในวันนั้นพวกเขาจะกล่าวว่า

“แน่นอน นี่คือพระเจ้าของเรา
เราวางใจพระองค์ และพระองค์ทรงช่วยเรา
นี่คือองค์พระผู้เป็นเจ้า เราวางใจในพระองค์
ให้เรามาชื่นชมยินดีและเปรมปรีดิ์ในความรอดที่พระองค์ประทานเถิด”

10 พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะวางลงบนภูเขาแห่งนี้
ส่วนโมอับจะถูกเหยียบย่ำ
เหมือนฟางถูกเหยียบลงในหลุมมูลสัตว์
11 พวกเขาจะกางมือออกในหลุมนั้น
เหมือนคนว่ายน้ำที่เหยียดแขนออกว่าย
พระเจ้าจะทรงสยบความเย่อหยิ่งของเขา
ไม่ว่าเขาจะทำการอย่างชาญฉลาด[x]เพียงใดก็ตาม
12 พระองค์จะทรงทลายกำแพงสูงตระหง่านของเจ้าลงมา
ทรงทำให้มันตกต่ำ
พระองค์จะทรงทำให้มันราบลงกับพื้น
คลุกธุลีดิน

บทเพลงสรรเสริญ

26 ในวันนั้นทั่วแดนยูดาห์จะร้องเพลงบทนี้ว่า

เรามีเมืองแข็งแกร่งเมืองหนึ่ง
พระเจ้าทรงทำให้ความรอด
เป็นกำแพงและเชิงเทินของมัน
เปิดประตูเถิด
เพื่อชนชาติที่ชอบธรรม
ซึ่งรักษาความเชื่อไว้จะได้เข้ามา
จิตใจที่แน่วแน่นั้น
พระองค์จะทรงปกป้องไว้ในสันติภาพอันสมบูรณ์
เพราะเขาไว้วางใจในพระองค์
จงวางใจองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป
เพราะพระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระศิลานิรันดร์
พระองค์ทรงทำให้คนที่อยู่สูงตกต่ำลง
ทรงดึงนครที่ยโสโอหังลงมา
พระองค์ทรงปราบมันให้ราบคาบ
และทรงเหวี่ยงมันลงมาคลุกฝุ่น
เท้าของผู้ยากไร้
และผู้ถูกข่มเหง
ก็เหยียบย่ำมัน

หนทางของคนชอบธรรมราบเรียบ
ข้าแต่องค์ผู้เที่ยงธรรม พระองค์ทรงทำให้วิถีของคนชอบธรรมราบรื่น
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ทั้งหลายรอคอยพระองค์
โดยดำเนินอยู่ในทางแห่งบทบัญญัติของพระองค์[y]
พระนามและกิตติศัพท์ของพระองค์
เป็นความปรารถนาในใจของข้าพระองค์ทั้งหลาย
ยามค่ำคืนจิตวิญญาณของข้าพระองค์โหยหาพระองค์
ยามเช้าจิตวิญญาณของข้าพระองค์ใฝ่หาพระองค์
เมื่อคำพิพากษาของพระองค์มายังโลก
ชาวโลกจึงได้เรียนรู้ความชอบธรรม
10 แม้ทรงแสดงพระคุณแก่คนชั่วร้าย
พวกเขาก็ไม่ได้เรียนรู้ความชอบธรรม
แม้ในดินแดนแห่งความเที่ยงธรรม พวกเขาก็ยังคงทำชั่วต่อไป
และไม่คำนึงถึงพระบารมีขององค์พระผู้เป็นเจ้า
11 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเงื้อพระหัตถ์ของพระองค์ขึ้นสูง
แต่พวกเขาไม่เห็น
ขอทรงให้พวกเขาเห็นพระทัยอันกระตือรือร้นที่ทรงมีต่อประชากรของพระองค์ แล้วเขาจะได้ละอายอดสู
ขอให้ไฟที่ทรงสงวนไว้สำหรับเหล่าศัตรูเผาผลาญพวกเขา

12 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดประทานสันติสุขแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย
สิ่งสารพัดที่ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำสำเร็จ พระองค์ทรงเป็นผู้กระทำเพื่อข้าพระองค์ทั้งหลาย
13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย แม้เคยมีเจ้านายอื่นๆ ปกครองข้าพระองค์ทั้งหลาย
แต่ข้าพระองค์ทั้งหลายเทิดทูนพระนามของพระองค์เท่านั้น
14 บัดนี้เขาเหล่านั้นตายแล้ว ไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป
วิญญาณที่จากไปไม่ได้กลับมาอีก
พระองค์ทรงลงโทษและนำพวกเขาไปสู่หายนะ
ทรงกวาดล้างทุกอย่างที่เป็นอนุสรณ์ของพวกเขา
15 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเพิ่มพูนประชากร
พระองค์ทรงขยายประเทศชาติ
พระองค์ทรงได้รับพระเกียรติสิริของพระองค์
พระองค์ได้ทรงขยายพรมแดนของแผ่นดิน

16 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขามาหาพระองค์ยามทุกข์ลำเค็ญ
เมื่อทรงตีสั่งสอนพวกเขา พวกเขาก็ทุกข์จนแทบอธิษฐานไม่ออก[z]
17 ดั่งหญิงมีครรภ์ใกล้คลอด
บิดกาย กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์ทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้นต่อหน้าพระองค์
18 เหล่าข้าพระองค์เจ็บท้อง ทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด
แต่ก็เบ่งออกมาได้แต่ลม
ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้นำความรอดมาสู่โลก
และไม่ได้ให้กำเนิดมวลมนุษย์

19 แต่ผู้ที่เป็นของพระองค์ แม้ตายแล้วจะยังมีชีวิตอยู่
ร่างกายของเขาจะลุกขึ้นมา
ท่านผู้นอนอยู่ในฝุ่นธุลี
จงลุกขึ้นและโห่ร้องยินดี
น้ำค้างสำหรับท่านเหมือนน้ำค้างยามเช้า
โลกจะให้ชีวิตแก่ผู้ที่ตายแล้ว

20 ประชากรของข้าเอ๋ย จงเข้าไปในห้องของพวกท่านเถิด
แล้วปิดประตู
ซ่อนตัวอยู่สักระยะหนึ่ง
จนกว่าพระพิโรธของพระองค์ผ่านพ้นไป
21 ดูเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังเสด็จออกมาจากที่ประทับของพระองค์
เพื่อลงโทษชาวโลกเพราะบาปของพวกเขา
โลกจะเผยโลหิตซึ่งหลั่งนอง
และจะไม่ซ่อนผู้ที่ถูกเข่นฆ่าไว้อีกต่อไป

การกอบกู้อิสราเอล

27 ในวันนั้น

องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงใช้พระแสงดาบ อันยิ่งใหญ่และทรงอานุภาพลงโทษเลวีอาธาน
เจ้าพญานาคที่เลื้อยปราดอย่างรวดเร็ว
เจ้างูใหญ่ที่ขดตัวอยู่
พระองค์จะทรงสังหารเจ้าสัตว์ร้ายมหึมาแห่งท้องทะเล

ในวันนั้น

“จงร้องเพลงเกี่ยวกับสวนองุ่นที่มีผลดกดังนี้ว่า
เราผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าดูแลสวนนั้น
เรารดน้ำให้ตลอดเวลา
เฝ้าดูทั้งวันทั้งคืน
ไม่ยอมให้ใครมาทำอันตราย
เราไม่โกรธ
แต่ถ้ามีหนามใหญ่น้อยออกมาให้เห็น!
เราจะไปรบรากับมัน
และเผามันทิ้ง
หรือไม่ก็ให้มันมาพักพิงเรา
ให้มาเจรจาสันติภาพกับเรา
ให้มาเจรจาสันติภาพกับเรา”

ในภายภาคหน้ายาโคบจะหยั่งราก
อิสราเอลจะผลิตาและผลิดอกบาน
และออกผลทั่วโลก

พระองค์ทรงลงโทษอิสราเอล
เหมือนที่ทรงลงโทษศัตรูของเขาหรือ?
อิสราเอลถูกฆ่า
เหมือนคนที่ฆ่าอิสราเอลถูกฆ่าหรือ?
พระองค์ทรงลงโทษอิสราเอลด้วยสงคราม[aa]และการเนรเทศ
ทรงขับไล่เขาออกไปด้วยความเกรี้ยวกราด
เหมือนวันที่ลมตะวันออกพัด
โดยการนี้ ความผิดของยาโคบจะได้รับการลบล้างไป
และนี่จะเป็นการกำจัดบาปของเขาอย่างสิ้นเชิง
พระองค์ทรงทำให้หินแท่นบูชา
เป็นเหมือนหินชอล์กที่ถูกบดละเอียด
ไม่มีเสาเจ้าแม่อาเชราห์[ab]หรือแท่นเครื่องหอม
เหลืออยู่อีกเลย
10 เมืองป้อมปราการก็ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว
ถูกทิ้งร้างว่างเปล่าเหมือนถิ่นกันดาร
วัวกินหญ้าอยู่ที่นั่น
มันเอนตัวลง
เคี้ยวกิ่งไม้จนโล่งเตียน
11 เมื่อง่ามไม้แห้ง มันก็หัก
พวกผู้หญิงก็มาเก็บไปทำฟืน
เพราะชนชาตินี้ไม่มีความเข้าใจ
ฉะนั้นพระผู้สร้างของพวกเขาจึงไม่เอ็นดูสงสารเขา
พระองค์ผู้ทรงสร้างพวกเขาไม่แสดงความโปรดปรานต่อพวกเขา

12 ในวันนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงนวดเอาข้าวตั้งแต่แม่น้ำยูเฟรติสถึงลำน้ำแห่งอียิปต์ และชนชาติอิสราเอลเอ๋ย ท่านจะถูกรวบรวมมาทีละคนๆ 13 ในวันนั้นจะมีการเป่าแตรใหญ่ หลายคนที่กำลังจะพินาศในอัสซีเรียและผู้ที่ถูกเนรเทศไปอียิปต์จะกลับมานมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในเยรูซาเล็ม

วิบัติแก่เอฟราอิม

28 วิบัติแก่มงกุฎดอกไม้แห่งเกียรติยศของเหล่าคนขี้เมาแห่งเอฟราอิม
วิบัติแก่ดอกไม้อันร่วงโรย แก่ความงามอันเชิดหน้าชูตาของเอฟราอิม
ซึ่งประดับอยู่บนหัวของหุบเขาอันอุดมสมบูรณ์
วิบัติแก่นครแห่งนั้น เกียรติยศของพวกเขาตกต่ำลงเพราะเหล้าองุ่น!
ดูเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีผู้หนึ่งซึ่งมีอำนาจและเข้มแข็ง
เหมือนพายุลูกเห็บและพายุล้างผลาญ
เหมือนฝนกระหน่ำ เหมือนน้ำทะลักท่วม
พระองค์จะทรงเหวี่ยงพวกเขาลงกับพื้นอย่างแรง
มงกุฎดอกไม้แห่งเกียรติยศของเหล่าคนขี้เมาแห่งเอฟราอิมนั้น
จะถูกเหยียบย่ำใต้ฝ่าเท้า
ดอกไม้อันร่วงโรย ความงามอันเชิดหน้าชูตาของเอฟราอิม
ซึ่งประดับอยู่บนหัวของหุบเขาอันอุดมสมบูรณ์
จะเป็นเหมือนมะเดื่อสุกก่อนหน้าฤดูเก็บเกี่ยว
เมื่อใครเห็นเข้าก็คว้า
และกลืนกินเข้าไป

ในวันนั้นพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
จะเป็นมงกุฎอันทรงสง่าราศี
เป็นมงกุฎดอกไม้ที่งดงาม
สำหรับชนหยิบมือที่เหลืออยู่ของพระองค์
พระองค์จะทรงเป็นวิญญาณแห่งความยุติธรรม
แก่ผู้ให้คำตัดสิน
ทรงเป็นขุมพลัง
แก่ผู้พลิกผันสงครามที่ประตูเมือง

คนเหล่านี้ซึ่งโซซัดโซเซเพราะเหล้าองุ่น
และหมุนเคว้งเพราะเมรัย
คือปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะ
ซึ่งโซซัดโซเซเพราะเหล้า
มึนเมาเพราะเมรัย
ตุปัดตุเป๋เมื่อเห็นนิมิต
ล้มคะมำเมื่อให้คำตัดสิน
โต๊ะทุกตัวเต็มไปด้วยอาเจียน
ไม่มีจุดไหนที่ไม่โสโครก

“ใครกันหนอที่เขาพยายามสอน?
เขากำลังอธิบายเนื้อความของเขาให้ใครฟังกันนี่?
ให้เด็กอมมือที่เพิ่งหย่านมหรือ?
ให้ทารกที่เพิ่งพ้นอกแม่หรือ?
10 เพราะมันเป็นอย่างนี้คือ
ทำนี่ ทำนั่น
กฎของสิ่งนี้ กฎของสิ่งนั้น[ac]
ตรงนี้นิด ตรงนั้นหน่อย”

11 ฉะนั้นพระเจ้าจะตรัสกับชนชาตินี้
โดยใช้ปากของคนต่างชาติและสำเนียงภาษาแปลกๆ
12 พระองค์ตรัสแก่พวกเขาว่า
“ที่นี่คือสถานพักพิง ผู้ที่เหนื่อยอ่อนจงพักเถิด”
และตรัสว่า “ที่นี่เป็นที่พักสงบ”
แต่พวกเขาจะไม่ฟัง
13 ฉะนั้นพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับพวกเขาจึงกลายเป็นว่า
ทำนี่ ทำนั่น
กฎของสิ่งนี้ กฎของสิ่งนั้นตรงนี้นิด ตรงนั้นหน่อย เพื่อพวกเขาจะได้ไปและหงายหลังกลับมา
บาดเจ็บ ติดกับ และตกเป็นเชลย

14 ฉะนั้นจงฟังพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด เหล่านักถากถาง
ผู้ปกครองชนชาตินี้ในเยรูซาเล็ม
15 เจ้าอวดว่า “เราเข้าร่วมพันธสัญญากับความตาย
เราทำข้อตกลงกับแดนมรณะไว้แล้ว
เมื่อหายนะโหมกระหน่ำมา
มันจะแตะเราไม่ได้
เพราะการโกหกเป็นเกราะป้องกันเรา
ความเท็จ[ad]เป็นที่ซ่อนของเรา”

16 ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า

“ดูเถิด เราวางศิลาก้อนหนึ่งไว้ในศิโยน
เป็นศิลามุมเอกล้ำค่า
เหมาะเป็นรากฐานอันมั่นคง
ผู้ที่วางใจจะไม่มีวันท้อแท้
17 เราจะใช้ความยุติธรรมเป็นสายวัด
ใช้ความชอบธรรมเป็นลูกดิ่ง
ลูกเห็บจะกวาดล้างการโกหกอันเป็นเกราะกำบังของเจ้า
น้ำจะซัดท่วมที่ซ่อนของเจ้า
18 พันธสัญญาที่เจ้าทำไว้กับความตายจะเป็นโมฆะ
ข้อตกลงของเจ้ากับแดนมรณะจะไม่คงอยู่
เมื่อหายนะโหมกระหน่ำมา
เจ้าจะถูกโค่นล้ม
19 มันมาบ่อยเท่าไร มันก็ซัดพาเจ้าไปบ่อยเท่านั้น
ทุกเช้าทุกเย็น ทั้งวันทั้งคืน
มันจะกวาดล้างไปทั่ว”

เมื่อเข้าใจเนื้อความนี้
ก็จะเกิดความหวาดหวั่นขวัญผวา
20 เตียงก็สั้นเกินกว่าจะเหยียดกายนอน
ผ้าห่มก็แคบเกินกว่าจะห่มตัวมิด
21 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงลุกขึ้นเหมือนที่พระองค์ทรงทำต่อพวกฟีลิสเตียที่ภูเขาเปริซิม
พระองค์จะทรงเร่งเร้าพระองค์เองขึ้นเหมือนที่พระองค์ทรงต่อสู้ชาวอาโมไรต์ที่หุบเขากิเบโอน
พระองค์จะเสด็จมาเพื่อทำสิ่งที่แปลกประหลาดผิดปกติ คือ
พระองค์จะทรงทำลายประชากรของพระองค์เอง!
22 จงหยุดเย้ยหยันถากถางเดี๋ยวนี้
มิฉะนั้นโซ่ตรวนของเจ้าจะหนักขึ้นอีก
องค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสแก่ข้าพเจ้าถึงหายนะ
ซึ่งกำหนดไว้แล้วสำหรับดินแดนนี้ทั้งหมด

23 ฟังข้าพเจ้าเถิด
จงตั้งใจฟังสิ่งที่ข้าพเจ้าพูด
24 เมื่อชาวนาไถที่เพื่อเพาะปลูก เขาไถไปเรื่อยๆ หรือ?
เขาจะไถคราดพรวนดินอยู่ตลอดไปหรือ?
25 เมื่อเขาปรับหน้าดินเสร็จแล้ว
เขาไม่โปรยหว่านเทียนแดงและยี่หร่าหรือ?
เขาไม่ปลูกข้าวสาลี
ข้าวบาร์เลย์ และข้าวสแปลต์
ในแปลงของเขาหรือ?
26 พระเจ้าของเขากำชับเขา
สอนเขาให้รู้วิธีที่ถูกต้อง

27 เทียนแดงไม่ต้องนวดด้วยรถเลื่อน
และยี่หร่าไม่ต้องบดด้วยล้อเกวียน
แต่ใช้ไม้พลองฟาดเทียนแดง
และใช้ไม้นวดบุบยี่หร่า
28 เมล็ดข้าวต้องโม่เพื่อใช้ทำขนมปัง
แต่คนไม่ได้บดอยู่ตลอดเวลา
ถึงแม้เขาขับล้อเลื่อนนวดข้าวทับมัน
เขาก็ไม่ได้อาศัยม้าบดข้าว
29 ทั้งหมดนี้มาจากพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
ผู้ทรงให้คำปรึกษาที่เยี่ยมยอดและทรงมีสติปัญญาล้ำเลิศ

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.