Bible in 90 Days
ครอบครัวของยาโคบในอียิปต์
1 ยาโคบได้เดินทางไปอียิปต์ พร้อมกับลูกๆ และลูกๆของเขาต่างก็พาครอบครัวของตัวเองไปด้วย ต่อไปนี้เป็นรายชื่อของพวกลูกๆของอิสราเอล 2 รูเบน สิเมโอน เลวี ยูดาห์ 3 อิสสาคาร์ เศบูลุน เบนยามิน 4 ดาน นัฟทาลี กาด และอาเชอร์ 5 ยาโคบมีลูกหลานที่สืบเชื้อสายมาจากเขาทั้งสิ้นเจ็ดสิบคน รวมโยเซฟที่อยู่ในอียิปต์อยู่ก่อนแล้วด้วย
6 โยเซฟ พวกพี่น้องของเขาและทุกคนในรุ่นนั้นตายไปหมด 7 แต่ลูกหลานอิสราเอลก็เพิ่มขึ้นอย่างมากมายเป็นทวีคูณ พวกเขามีจำนวนมากมายมหาศาลจนเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด และมีอำนาจมาก
ความลำบากของชาวอิสราเอล
8 เมื่อกษัตริย์องค์ใหม่ขึ้นปกครองอียิปต์ เขาไม่เคยรู้จักโยเซฟมาก่อน 9 เขาพูดกับประชาชนของเขาว่า “คนอิสราเอลมีจำนวนมากกว่าพวกเราและเข้มแข็งกว่าพวกเราเสียอีก 10 พวกเราต้องวางแผนเพื่อหยุดไม่ให้พวกมันเพิ่มมากขึ้น ไม่อย่างนั้น ตอนมีสงคราม พวกมันอาจจะไปเข้าร่วมกับศัตรู แล้วหันมาโจมตีเรา และหลบหนีไปจากแผ่นดินนี้ก็ได้”
11 พวกชาวอียิปต์จึงได้ส่งผู้คุมทาสให้ไปควบคุมชาวอิสราเอล บีบบังคับพวกเขาให้สร้างเมืองปิธมและราอัมเสสให้กับฟาโรห์ไว้เก็บของ
12 แต่ยิ่งชาวอียิปต์กดขี่ชาวอิสราเอลมากเท่าใด ชาวอิสราเอลกลับยิ่งเพิ่มจำนวนและขยายตัวมากขึ้นเท่านั้น ชาวอียิปต์เริ่มหวาดกลัวชาวอิสราเอล 13 พวกเขาบังคับชาวอิสราเอลให้เป็นทาสและทำงานอย่างหนัก
14 พวกเขาทำให้คนอิสราเอลมีชีวิตอยู่อย่างขมขื่น เพราะต้องทำงานหนัก ทั้งทำปูนฉาบ ทำอิฐ และทำงานสารพัดตามท้องทุ่ง พร้อมกับงานอื่นๆ พวกชาวอียิปต์จะบังคับให้ชาวอิสราเอลทำงานเยี่ยงทาสอย่างเหี้ยมโหดทารุณ
หมอตำแยเกรงกลัวพระเจ้า
15 มีหมอตำแยชาวฮีบรูสองคน ชื่อชิฟราห์กับปูอาห์ กษัตริย์ของอียิปต์สั่งหมอตำแยสองคนนี้ว่า 16 “เมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าสองคนทำคลอดให้กับหญิงชาวฮีบรู[a] เมื่อเด็กคลอดออกมา ถ้าพวกเจ้าเห็นว่าเป็นเด็กผู้ชายก็ให้ฆ่าทิ้งซะ แต่ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงก็ให้ไว้ชีวิต”
17 แต่หมอตำแยทั้งสองเกรงกลัว[b] พระเจ้า และไม่ได้ทำตามที่กษัตริย์ของอียิปต์สั่ง พวกนางไว้ชีวิตเด็กผู้ชายทุกคนที่เกิดมา
18 กษัตริย์ของอียิปต์จึงเรียกหมอตำแยสองคนนี้เข้าพบ และถามว่า “ทำไมพวกเจ้าถึงทำอย่างนี้ ปล่อยให้เด็กผู้ชายพวกนั้นรอด”
19 หมอตำแยสองคนนั้นตอบฟาโรห์ว่า “เพราะผู้หญิงชาวฮีบรูไม่เหมือนผู้หญิงชาวอียิปต์ พวกนางแข็งแรงและคลอดลูกก่อนที่หมอตำแยจะไปถึงเสียอีก” 20 พระเจ้าจึงอวยพรหมอตำแยสองคนนั้น ประชาชนชาวอิสราเอลได้เพิ่มทวีขึ้น และเข้มแข็งมาก 21 พระเจ้าให้หมอตำแยทั้งสองคน มีครอบครัวของพวกนาง เพราะพวกนางเกรงกลัวพระองค์
22 ฟาโรห์[c] จึงออกคำสั่งกับประชาชนทั้งหมดของพระองค์ว่า “เด็กผู้ชายทุกคนที่เกิดจากชาวฮีบรู พวกเจ้าต้องเอาไปโยนในแม่น้ำไนล์ แต่เด็กผู้หญิง เจ้าปล่อยให้รอดได้”
หนูน้อยโมเสส
2 มีชายเผ่าเลวีคนหนึ่งได้ไปแต่งงานกับสาวคนหนึ่งจากเผ่าเลวีด้วยกัน 2 นางตั้งท้องและคลอดลูกชาย ลูกของนางเป็นเด็กที่น่ารักมาก นางจึงซ่อนเด็กคนนี้ไว้ถึงสามเดือน 3 จนกระทั่งนางเห็นว่าไม่สามารถซ่อนเด็กคนนี้ได้อีกต่อไป นางจึงนำต้นกกมาสานเป็นตะกร้าแล้วฉาบด้วยชันและน้ำมันดิน[d] นางนำเด็กวางลงในตะกร้า และเอาไปวางไว้ในกอต้นกกที่ขึ้นอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำไนล์ 4 พี่สาวของเด็กคนนี้ คอยเฝ้ามองตะกร้าใบนั้นอยู่ห่างๆเพื่อจะได้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับน้องชาย
5 ขณะนั้น ลูกสาวของฟาโรห์ได้ลงมาอาบน้ำที่แม่น้ำไนล์ ขณะที่คนรับใช้กำลังเดินไปตามริมฝั่งแม่น้ำไนล์ ลูกสาวของฟาโรห์ก็เห็นตะกร้าใบนั้นในกอต้นกก นางจึงสั่งให้คนรับใช้ไปเอามา 6 เมื่อนางเปิดดู ก็เห็นเด็กผู้ชายกำลังร้องไห้อยู่ นางเกิดความสงสาร และพูดขึ้นว่า “นี่คงเป็นเด็กชายชาวฮีบรู[e] คนหนึ่ง”
7 พี่สาวของเด็กนั้นได้พูดกับลูกสาวฟาโรห์ว่า “จะให้หนูไปหาแม่นมชาวฮีบรูสักคน มาเลี้ยงเด็กคนนี้ให้กับท่านไหมคะ”
8 นางจึงตอบว่า “ไปสิ”
เด็กผู้หญิงคนนั้นจึงไปเรียกแม่ของเด็กชายคนนั้นมา
9 ลูกสาวฟาโรห์พูดกับนางว่า “ให้เอาเด็กคนนี้ไปเลี้ยงดูให้กับฉัน แล้วฉันจะจ่ายค่าจ้างให้”
หญิงคนนั้นจึงได้เอาเด็กนั้นไปเลี้ยงดู 10 เมื่อเด็กคนนั้นโตจนหย่านมได้แล้ว นางได้นำตัวเขาไปให้ลูกสาวฟาโรห์ แล้วเขาก็กลายเป็นลูกของลูกสาวฟาโรห์ นางตั้งชื่อเขาว่าโมเสส[f] เพราะนางบอกว่า “ฉันได้ดึงเขาขึ้นมาจากน้ำ”
โมเสสช่วยเหลือคนของตน
11 เมื่อโมเสสโตขึ้น เขาได้ออกไปเห็นชาวฮีบรูพี่น้องของเขาต้องทำงานอย่างหนัก เมื่อเขาเห็นชายอียิปต์คนหนึ่งกำลังเฆี่ยนตีชายฮีบรูคนหนึ่ง ซึ่งเป็นพี่น้องของเขา 12 โมเสสมองไปรอบๆ ไม่เห็นใคร เขาจึงฆ่าชาวอียิปต์คนนั้น แล้วฝังศพไว้ในทราย
13 วันต่อมา เมื่อโมเสสออกไปอีก เขาเห็นชายฮีบรูสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่ โมเสสจึงพูดกับคนที่ทำผิดว่า “เจ้าทำร้ายชาวฮีบรูด้วยกันทำไม”
14 แต่ชายคนนั้นกลับตอบว่า “ใครตั้งให้แกเป็นเจ้าชายและเป็นผู้ตัดสินพวกเราหรือ แกคงคิดจะฆ่าเราเหมือนกับที่แกฆ่าคนอียิปต์เมื่อวาน[g] นี้สินะ”
โมเสสตกใจกลัวและคิดในใจว่า “เรื่องนี้คงรู้กันไปทั่วแล้วแน่ๆ”
15 เมื่อฟาโรห์ได้ยินเรื่องนี้ พระองค์หาทางที่จะฆ่าโมเสส โมเสสจึงหนีฟาโรห์ไปอาศัยอยู่ในแผ่นดินมีเดียน
โมเสสในแผ่นดินมีเดียน
โมเสสได้มานั่งพักอยู่ใกล้บ่อน้ำแห่งหนึ่ง 16 มีนักบวชชาวมีเดียนคนหนึ่งมีลูกสาวเจ็ดคน ในขณะนั้นลูกสาวทั้งเจ็ดคนของเขาได้ออกมาตักน้ำที่บ่อและเอาไปเติมรางน้ำเพื่อเลี้ยงแกะของพ่อ 17 แต่มีคนเลี้ยงแกะกลุ่มหนึ่งมาถึงและขับไล่พวกนาง โมเสสจึงลุกขึ้นมาช่วยพวกนาง และยังช่วยตักน้ำให้แกะของพวกนางดื่มอีกด้วย
18 เมื่อพวกนางกลับไปหาเรอูเอล[h] ผู้เป็นพ่อ เรอูเอลถามลูกๆว่า “ทำไมวันนี้ลูกๆถึงได้กลับมาเร็วนัก”
19 พวกนางตอบว่า “ชายชาวอียิปต์คนหนึ่งได้ช่วยเราให้พ้นจากกำมือของพวกคนเลี้ยงแกะ เขายังช่วยตักน้ำแทนเราให้แกะของเราดื่มด้วย”
20 เขาจึงถามพวกลูกสาวว่า “แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ทำไมลูกๆทิ้งเขาไว้ข้างนอก ไปเชิญเขามากินอาหารร่วมกับพวกเราสิ”
21 โมเสสตกลงที่จะอยู่กับเขา เรอูเอลยกลูกสาวชื่อศิปโปราห์ให้เป็นเมียโมเสส 22 นางตั้งท้องและคลอดลูกชายคนหนึ่ง โมเสสพูดว่า “ตอนนี้เราเป็นคนแปลกหน้าบนแผ่นดินของคนต่างชาติ” เขาจึงตั้งชื่อลูกชายว่าเกอร์โชม[i]
พระเจ้าตัดสินใจช่วยชาวอิสราเอล
23 โมเสสได้อาศัยอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้นเป็นเวลาหลายปี ในช่วงเวลานั้น กษัตริย์ของอียิปต์ได้ตายไป ประชาชนชาวอิสราเอลยังคงร้องไห้คร่ำครวญ เพราะถูกบังคับให้ทำงานอย่างหนัก พวกเขาจึงร้องขอความช่วยเหลือต่อพระเจ้า เสียงร่ำร้องให้ช่วยปลดปล่อยพวกเขาจากงานหนักนี้ได้ดังไปถึงหูของพระเจ้า 24 พระองค์ได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญของพวกเขาและระลึกถึงคำสัญญาของพระองค์ที่ให้ไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ 25 พระองค์มองไปยังลูกหลานของอิสราเอล แล้วพระองค์ก็รู้ว่าพระองค์จะทำอะไร[j]
พุ่มไม้ที่ลุกเป็นไฟ
3 เยโธร[k]พ่อตาของโมเสสเป็นนักบวชของชาวมีเดียน ครั้งหนึ่งเมื่อโมเสสกำลังเลี้ยงแกะของเยโธรอยู่ เขาต้อนแกะไปด้านหลังของที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง จนไปถึงภูเขาโฮเรบ ซึ่งเป็นภูเขาที่พระเจ้ามาปรากฏให้ประชาชนเห็น 2 ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ได้มาปรากฏให้เขาเห็น ในเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้กลางพุ่มไม้พุ่มหนึ่ง โมเสสเข้าไปดูใกล้ๆ เขาเห็นพุ่มไม้กำลังลุกไหม้เป็นไฟ แต่พุ่มไม้กลับไม่ถูกเผาแม้แต่น้อย 3 โมเสสคิดในใจว่า “เราจะเข้าไปดูสิ่งมหัศจรรย์นี้สักหน่อยว่า ทำไมพุ่มไม้นี้ถึงไม่ไหม้ไฟ”
4 เมื่อพระยาห์เวห์เห็นโมเสสกำลังเดินเข้ามาเพื่อดูใกล้ๆ พระองค์จึงเรียกเขาจากพุ่มไม้ว่า “โมเสส โมเสส”
โมเสสจึงตอบว่า “ครับท่าน”
5 พระองค์พูดว่า “อย่าเข้ามาใกล้เรามากกว่านี้ ถอดรองเท้าออกซะ เพราะเจ้ากำลังยืนอยู่บนพื้นดินที่ศักดิ์สิทธิ์” 6 พระองค์พูดว่า “เราคือพระเจ้าของพ่อเจ้า พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัคและพระเจ้าของยาโคบ”
โมเสสปิดหน้าของเขาไว้เพราะกลัวที่จะมองดูพระเจ้า
7 แต่พระยาห์เวห์พูดว่า “เราเห็นความทุกข์ยากของประชาชนของเราในอียิปต์ และเราก็ได้ยินเสียงร่ำร้องให้ช่วยเหลือให้พ้นจากผู้ที่กดขี่พวกเขา เรารับรู้ถึงความทุกข์ทรมานของพวกเขา 8 เราจึงลงมาเพื่อช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของคนอียิปต์ และนำพวกเขาออกจากแผ่นดินนั้น ไปสู่แผ่นดินที่ดีและกว้างขวาง ไปสู่แผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ ไปยังดินแดนของชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุส 9 ตอนนี้เราได้ยินเสียงร่ำร้องของลูกหลานของอิสราเอลแล้ว และได้เห็นพวกชาวอียิปต์กดขี่ข่มเหงพวกเขาด้วย 10 ดังนั้นเจ้าจะต้องกลับไปที่นั่น เราจะส่งเจ้าไปหาฟาโรห์ เพื่อเจ้าจะได้นำคนของเรา คือพวกลูกหลานชาวอิสราเอลออกจากอียิปต์”
11 โมเสสพูดกับพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าเป็นใครกัน ถึงบังอาจจะไปเข้าพบฟาโรห์ และนำลูกหลานอิสราเอลออกจากอียิปต์”
12 พระเจ้าพูดกับเขาว่า “เจ้าควรไป เราจะอยู่กับเจ้า และนี่จะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า เราได้ส่งเจ้าไป คือเมื่อเจ้านำประชาชนออกมาจากอียิปต์แล้ว พวกเจ้าจะมานมัสการพระเจ้าบนภูเขาลูกนี้”
13 โมเสสพูดกับพระเจ้าว่า “ถ้าข้าพเจ้าไปพบลูกหลานชาวอิสราเอลและบอกกับพวกเขาว่า ‘พระเจ้าของบรรพบุรุษพวกท่าน ได้ส่งผมมาช่วยพวกท่าน’ แล้วพวกเขาย้อนถามข้าพเจ้าว่า ‘พระองค์ชื่ออะไร’ แล้วจะให้ข้าพเจ้าตอบพวกเขาว่าอย่างไร”
14 พระเจ้าตอบโมเสสว่า “เราเป็นผู้ที่เราเป็น”[l] พระองค์พูดว่า “ให้บอกกับลูกหลานอิสราเอลว่า ‘เราเป็น ส่งผมมาหาพวกท่าน’”
15 พระองค์พูดกับโมเสสอีกว่า “ให้บอกกับลูกหลานอิสราเอลว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษพวกท่าน พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัคและพระเจ้าของยาโคบ ส่งผมมาหาพวกท่าน’ ยาห์เวห์จะเป็นชื่อของเราตลอดไป คนทุกรุ่นจะรู้จักเราในชื่อนี้
16 ให้ไปและเรียกผู้อาวุโสชาวอิสราเอลมาประชุมกัน และบอกกับพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์ พระเจ้าของบรรพบุรุษพวกท่านได้มาปรากฏกับผม พระเจ้าของอับราฮัม ของอิสอัค และของยาโคบ พูดว่า เราใส่ใจกับพวกเจ้าและสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเจ้าในอียิปต์ 17 เราได้ตัดสินใจที่จะนำพวกเจ้าไปให้พ้นจากความทุกข์ยากในอียิปต์ ไปยังแผ่นดินของชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุส ไปยังแผ่นดินที่เต็มไปด้วยสิ่งดีๆมากมาย[m]’
18 พวกเขาจะฟังเจ้า เจ้ากับพวกผู้อาวุโสอิสราเอลจะไปพบกษัตริย์ของอียิปต์ และพูดกับเขาว่า ‘พระยาห์เวห์ พระเจ้าของชาวฮีบรู[n] ได้มาพบพวกข้าพเจ้า ตอนนี้ขออนุญาตให้พวกข้าพเจ้าเดินทางเป็นเวลาสามวัน เข้าไปยังที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง เพื่อฆ่าสัตว์บูชาให้กับพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกข้าพเจ้าด้วยเถิด’
19 แต่เรารู้ว่ากษัตริย์อียิปต์จะไม่ยอมปล่อยพวกเจ้าไป นอกจากเขาจะถูกบังคับให้ต้องปล่อยพวกเจ้าไป 20 เราจะยื่นมือของเราออกทำลายอียิปต์ ด้วยสิ่งมหัศจรรย์ทั้งหมดที่เราจะทำในแผ่นดินนั้น แล้วหลังจากนั้นเขาก็จะปล่อยพวกเจ้าไป 21 เราจะทำให้คนอียิปต์มีเมตตาต่อคนอิสราเอล เพื่อว่าเมื่อพวกเจ้าจากไป จะได้ไม่ไปมือเปล่า
22 พวกผู้หญิงแต่ละคนจะขอเงินทอง เครื่องเพชร และเสื้อผ้า จากเพื่อนบ้าน หรือคนที่อาศัยอยู่ในบ้านของพวกเขา พวกเจ้าจะเอาของพวกนี้ใส่ให้กับพวกลูกชายลูกสาวของพวกเจ้า จะเป็นการปล้นสะดมชาวอียิปต์ทางหนึ่ง”
การพิสูจน์สำหรับโมเสส
4 โมเสสตอบไปว่า “ดูสิ แล้วถ้าเกิดคนพวกนั้นไม่ยอมเชื่อข้าพเจ้าหรือฟังข้าพเจ้าล่ะ พวกเขาอาจพูดว่า ‘พระยาห์เวห์ ไม่ได้มาปรากฏให้เจ้าเห็นหรอก’”
2 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “มีอะไรอยู่ในมือเจ้า”
โมเสสตอบว่า “ไม้เท้าครับ”
3 พระยาห์เวห์บอกว่า “โยนมันลงบนพื้นซิ”
โมเสสจึงโยนมันลงบนพื้น มันได้กลายเป็นงูตัวหนึ่ง โมเสสวิ่งหนีงูตัวนั้น 4 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ยื่นมือเจ้าออกไปจับหางมันไว้”
เมื่อโมเสสยื่นมือออกไปจับหางมัน มันก็กลับกลายเป็นไม้เท้าอยู่ในมือเขาเหมือนเดิม 5 “ให้ไปทำอย่างนี้ แล้วพวกเขาจะได้เชื่อว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขา พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และของยาโคบได้มาปรากฏกับเจ้าจริง”
6 พระยาห์เวห์พูดกับเขาอีกว่า “คราวนี้ ล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อของเจ้าซิ”
เมื่อโมเสสล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ และดึงมันออกมา มือของเขากลายเป็นโรคสีขาวเหมือนหิมะ
7 พระยาห์เวห์พูดว่า “ล้วงมือกลับเข้าไปในอกเสื้ออีกครั้งซิ” โมเสสจึงล้วงมือกลับเข้าไปในอกเสื้ออีกครั้ง เมื่อเขาดึงมือออกมา มือของเขาก็หายเป็นปกติ เหมือนผิวเดิมของเขา
8 “ถ้าพวกเขายังไม่เชื่อเจ้า หรือไม่สนใจสิ่งอัศจรรย์อันแรก เขาอาจจะเชื่อสิ่งอัศจรรย์อันหลังนี้ก็ได้ 9 และถ้าพวกเขายังไม่เชื่อสิ่งอัศจรรย์ทั้งสองนี้ หรือไม่สนใจฟังเจ้า ก็ให้เจ้าตักน้ำจากแม่น้ำไนล์ขึ้นมา แล้วรดมันลงบนพื้นแห้ง น้ำที่เจ้าตักขึ้นมาจากแม่น้ำไนล์นั้น จะกลายเป็นเลือดบนพื้นดิน” 10 โมเสสพูดกับพระยาห์เวห์ว่า “ได้โปรดเถิด พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าเป็นคนพูดไม่เก่ง ทั้งในอดีตหรือจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ที่พระองค์พูดอยู่กับข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะข้าพเจ้าเป็นคนพูดติดอ่างและพูดไม่ชัด”
11 พระยาห์เวห์พูดกับเขาว่า “ใครเป็นผู้ให้ปากกับมนุษย์ ใครทำให้มนุษย์เป็นใบ้ หูหนวก พิการหรือตาบอด เป็นเรายาห์เวห์ไม่ใช่หรือ 12 ดังนั้น ไปเดี๋ยวนี้ เราจะอยู่กับปากของเจ้า เราจะสอนเจ้าว่าจะให้พูดอะไร”
13 แต่โมเสสตอบว่า “ได้โปรดเถิดองค์เจ้าชีวิต ช่วยส่งคนอื่นไปเถิด”
14 พระยาห์เวห์โกรธโมเสส พระองค์พูดว่า “เจ้ายังมีพี่ชายชื่ออาโรนเป็นคนเลวี ใช่ไหม เรารู้ว่าเขาเป็นคนพูดเก่ง และเขากำลังมาหาเจ้า เมื่อเขามาพบเจ้า เขาจะดีใจมาก 15 เจ้าอยากให้เขาพูดอะไร เจ้าก็บอกกับเขาได้ เราจะอยู่กับปากของเจ้าและปากของเขา เราจะสอนพวกเจ้าว่าจะต้องทำอะไร 16 เขาจะพูดกับประชาชนให้กับเจ้า เขาจะเป็นเหมือนปากของเจ้า และเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้าสำหรับเขา[o] 17 ให้ถือไม้เท้านี้ไว้ในมือของเจ้า เจ้าจะแสดงสิ่งมหัศจรรย์ด้วยไม้เท้านี่แหละ”
โมเสสกลับสู่อียิปต์
18 โมเสสกลับไปหาเยโธรพ่อตาของเขา และพูดว่า “ขออนุญาตให้ผมกลับไปหาญาติพี่น้องของผมในอียิปต์ ไปดูว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า”
เยโธรพูดกับโมเสสว่า “ขอให้เจ้าเดินทางด้วยความปลอดภัย”
19 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสในมีเดียนว่า “กลับไปอียิปต์ได้แล้ว เพราะพวกที่ตามล่าชีวิตของเจ้านั้น ตายหมดแล้ว”
20 โมเสสจึงพาเมียและลูกๆของเขา ขึ้นนั่งหลังลาและมุ่งหน้ากลับไปอียิปต์ เขาถือไม้เท้าของพระเจ้าไว้ในมือ
21 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “เมื่อเจ้ากลับไปถึงอียิปต์ ให้นึกถึงสิ่งอัศจรรย์ทั้งหลายที่เราได้มอบไว้ในมือเจ้า และแสดงพวกมันต่อหน้าฟาโรห์ แต่เราจะทำให้ฟาโรห์ใจแข็ง เพื่อเขาจะไม่ยอมปล่อยประชาชนไป 22 เจ้าต้องพูดกับฟาโรห์ว่า ‘พระยาห์เวห์พูดว่า อิสราเอลเป็นลูกชายคนโตของเรา และเราขอบอกเจ้าว่า 23 ปล่อยลูกชายของเราไปซะ เพื่อเขาจะได้มารับใช้เรา แต่ถ้าเจ้าไม่ยอมปล่อยเขา เราก็จะฆ่าลูกชายคนโตของเจ้า’”
ลูกชายโมเสสถูกขลิบ
24 ในระหว่างทางไปอียิปต์ โมเสสได้หยุดพักค้างคืนในที่แห่งหนึ่ง พระยาห์เวห์มาหาโมเสสและพยายามฆ่าเขา 25 แต่นางศิปโปราห์ได้เอามีดหิน[p] ไปขลิบลูกชายนาง และเอาหนังชิ้นนั้น ไปแตะที่เท้า[q] ของโมเสส นางพูดว่า “ท่านเป็นเจ้าบ่าวแห่งเลือดสำหรับฉัน” 26 แล้วพระยาห์เวห์ก็จากไป โดยไม่ได้ทำอันตรายเขา ที่นางพูดว่า “เจ้าบ่าวแห่งเลือด” นั้น นางกำลังพูดถึงการขลิบนั่นเอง
โมเสสกับอาโรนไปหาชาวอิสราเอล
27 ขณะนั้นพระยาห์เวห์พูดกับอาโรนว่า “ไปหาโมเสสในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง” เขาจึงไปและพบโมเสสที่ภูเขาของพระเจ้า[r] อาโรนจูบโมเสส 28 โมเสสเล่าเรื่องทั้งหมดที่พระยาห์เวห์ได้พูดกับเขาให้อาโรนฟัง รวมถึงเรื่องที่พระองค์ส่งเขาไป และการอัศจรรย์ทั้งหมดที่พระองค์สั่งให้เขาทำ
29 โมเสสและอาโรนจึงไป และได้รวบรวมพวกผู้อาวุโสของอิสราเอลมา 30 อาโรนได้พูดทุกคำที่พระยาห์เวห์ได้บอกกับโมเสส และโมเสสก็ได้ทำสิ่งอัศจรรย์ต่างๆต่อหน้าต่อตาประชาชนชาวอิสราเอล 31 ประชาชนก็เชื่อ เมื่อพวกเขาได้ยินว่าพระยาห์เวห์ได้มาเยี่ยมเยียนชาวอิสราเอล และเมื่อพวกเขาได้เห็นกับตา พวกเขาต่างก้มลงกราบนมัสการ
โมเสสและอาโรนเข้าพบฟาโรห์
5 ต่อมาภายหลัง โมเสสและอาโรนได้เข้าพบฟาโรห์และพูดว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลพูดว่า ‘ปล่อยประชาชนของเราไป เพื่อพวกเขาจะได้จัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกันเพื่อให้เกียรติกับเราในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น’”
2 แต่ฟาโรห์พูดว่า “ยาห์เวห์เป็นใคร ทำไมเราจะต้องเชื่อฟังเขา และปล่อยชาวอิสราเอลไปด้วย เราไม่รู้จักยาห์เวห์และเราก็จะไม่ปล่อยชาวอิสราเอลด้วย”
3 พวกเขาบอกว่า “พระเจ้าของชาวฮีบรู[s] ได้มาพบกับพวกเรา ขอได้โปรดให้พวกเราเดินทางเข้าไปที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางสามวัน เพื่อพวกเราจะได้ไปฆ่าสัตว์บูชาให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา เพื่อว่าพระองค์จะได้ไม่ฆ่าพวกเรา ด้วยภัยพิบัติหรือด้วยดาบ”
4 แต่กษัตริย์ของอียิปต์พูดกับพวกเขาว่า “โมเสส และอาโรน ทำไมพวกเจ้าถึงได้มาทำให้คนงานวอกแวกไม่ยอมทำงาน พวกเจ้ากลับไปทำงานซะ” 5 ฟาโรห์พูดว่า “ดูพวกนี้สิ มีจำนวนมากมายมหาศาล พวกเจ้าทำให้พวกมันหยุดงาน”
ฟาโรห์ลงโทษประชาชน
6 ในวันนั้นเอง ฟาโรห์ได้สั่งพวกนายงานและพวกหัวหน้าคนงาน[t] ว่า 7 “ต่อไปนี้ พวกเจ้าไม่ต้องหาฟางที่ใช้ทำอิฐ ให้กับพวกทาสอีกแล้ว ให้พวกมันไปหากันเอาเอง 8 แต่พวกเจ้าต้องให้พวกมันทำอิฐให้ได้เท่าเดิม ห้ามลดจำนวนลง เพราะพวกมันขี้เกียจ นั่นเป็นเหตุที่พวกมันพากันมาร้องขอว่า ‘ขอให้พวกเราไปฆ่าสัตว์ถวายให้กับพระเจ้าของพวกเราด้วยเถิด’ 9 ให้พวกมันทำงานหนักขึ้น เพื่อจะได้ยุ่งจนไม่มีเวลาที่จะไปฟังเรื่องเหลวไหล[u]พวกนั้น”
10 พวกนายงานและพวกหัวหน้าคนงาน ออกไปบอกกับชาวอิสราเอลว่า “ฟาโรห์สั่งว่า ‘เราจะไม่ให้ฟางกับพวกเจ้าอีกแล้ว 11 พวกเจ้าจะต้องไปหาฟางกันเอาเอง ไปหาที่ไหนก็ได้ที่พวกเจ้าจะหามาได้ แต่จำนวนอิฐที่พวกเจ้าทำ ต้องไม่ลดลง’”
12 ประชาชนจึงกระจัดกระจายกันออกไปทั่วอียิปต์ เพื่อเก็บรวบรวมฟางมา 13 พวกนายงานกดดันชาวฮีบรู โดยพูดว่า “ในแต่ละวัน พวกแกจะต้องทำอิฐให้ได้เท่าเดิม เหมือนกับเมื่อก่อนตอนที่พวกแกยังมีฟางอยู่” 14 พวกหัวหน้าคนงานชาวอิสราเอล ที่ผู้มอบหมายงานของฟาโรห์ได้แต่งตั้งให้ดูแลรับผิดชอบงานที่คนอิสราเอลทำ ต่างถูกเฆี่ยนตี และถูกถามว่า “ทำไมพวกเจ้าถึงทำอิฐไม่เสร็จตามจำนวนที่เคยทำได้เมื่อก่อนนี้”
15 พวกหัวหน้าคนงานชาวอิสราเอลไปพบฟาโรห์และบ่นว่า “ทำไมท่านถึงทำกับพวกคนรับใช้ของท่านอย่างนี้ 16 ท่านไม่ได้ให้ฟางกับพวกคนรับใช้ของท่าน แต่พวกนายงานกลับสั่งให้พวกเราทำอิฐให้ได้เท่าเดิม พวกคนรับใช้ของท่านก็ถูกเฆี่ยนตี และท่านก็ทำผิดต่อประชาชนของท่าน”
17 ฟาโรห์ตอบว่า “พวกเจ้าขี้เกียจมาก เพราะพวกเจ้าขี้เกียจนั่นเอง ถึงได้มาขอว่า ‘ได้โปรดให้พวกเราไปฆ่าสัตว์ถวายให้กับพระยาห์เวห์ด้วยเถิด’ 18 ไป กลับไปทำงานเดี๋ยวนี้ จะไม่มีฟางให้กับพวกเจ้า แต่พวกเจ้ายังต้องทำอิฐให้ได้เท่าเดิม”
19 พวกหัวหน้าคนงานรู้ว่าพวกเขามีปัญหาแน่ เมื่อได้ยินฟาโรห์พูดว่า “พวกเจ้าจะต้องไม่ลดจำนวนอิฐที่จะต้องทำในแต่ละวัน”
20 เมื่อพวกหัวหน้าคนงานจากฟาโรห์ออกมา ก็มาเจอโมเสสและอาโรนที่คอยพบพวกเขาอยู่ 21 พวกหัวหน้าคนงานพูดกับสองคนนั้นว่า “ขอให้พระยาห์เวห์เห็นพวกท่านและลงโทษพวกท่าน เป็นเพราะพวกท่านแท้ๆที่ทำให้ฟาโรห์กับข้าราชการของเขาเหม็นขี้หน้าพวกเรา และท่านได้เอาดาบใส่ไว้ในมือของพวกเขา เพื่อจะได้ฆ่าพวกเราด้วย”
โมเสสบ่นกับพระยาห์เวห์
22 โมเสสหันไปหาพระยาห์เวห์และพูดว่า “พระยาห์เวห์ ทำไมพระองค์ถึงนำความหายนะมาสู่ประชาชนพวกนี้ พระองค์ส่งข้าพเจ้ามาทำไม 23 ตั้งแต่ข้าพเจ้ามาพบฟาโรห์และพูดในนามของพระองค์ มันกลับเลวร้ายยิ่งกว่าเดิมสำหรับคนพวกนี้ และพระองค์ก็ไม่ได้ช่วยพวกเขาเลยสักนิดเดียว”
6 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ต่อไปนี้ เจ้าจะได้เห็นว่าเราจะทำอะไรกับฟาโรห์ เราจะบีบบังคับให้เขาส่งคนพวกนี้ออกจากอียิปต์ เราก็จะบีบบังคับให้เขาขับไล่คนพวกนี้ออกจากแผ่นดินของเขา”
2 พระเจ้าพูดกับโมเสส และบอกกับโมเสสว่า “เราคือยาห์เวห์ 3 เราเคยปรากฏตัวกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบในชื่อของพระเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุด[v] เราไม่ได้ให้พวกเขารู้จักเราในชื่อของยาห์เวห์ 4 เราได้สัญญากับพวกเขาด้วยว่า เราจะยกแผ่นดินคานาอันให้กับพวกเขา แผ่นดินที่พวกเขาเคยอาศัยอยู่ในฐานะคนต่างด้าว 5 เราก็ยังได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญของลูกหลานของอิสราเอล ที่ถูกชาวอียิปต์บีบบังคับให้ทำงานหนัก และเราก็จำคำสัญญาของเราได้ 6 ดังนั้นให้ไปบอกกับลูกหลานของอิสราเอลว่า ‘เราคือยาห์เวห์ และเราจะช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากภาระหนักของชาวอียิปต์ เราจะช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากการเป็นทาสของพวกเขา เราจะไถ่พวกเจ้าด้วยแขนที่ยื่นออกมาช่วย เราจะไถ่พวกเจ้าด้วยการลงโทษอันยิ่งใหญ่ 7 เราจะรับพวกเจ้าเป็นประชาชนของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเจ้า ผู้ที่ช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากภาระหนักของชาวอียิปต์ 8 เราจะพาพวกเจ้าไปยังดินแดนที่เราได้สัญญาไว้ว่าจะให้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ เพราะเราคือยาห์เวห์ เราจะยกแผ่นดินนั้นให้พวกเจ้าเป็นเจ้าของ’”
9 แล้วโมเสสก็พูดอย่างนั้นกับลูกหลานของอิสราเอล แต่พวกเขาไม่ยอมฟัง เพราะพวกเขาหมดอาลัยตายอยาก และการเป็นทาสของพวกเขาก็หนักอึ้ง 10 พระยาห์เวห์จึงพูดกับโมเสสว่า 11 “ไปบอกกับฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์ให้ปล่อยลูกหลานของอิสราเอลไปจากแผ่นดินของเขา”
12 แต่โมเสสพูดต่อหน้าพระยาห์เวห์ว่า “ดูสิขนาดคนอิสราเอลยังไม่ยอมฟังข้าพเจ้าเลย แล้วฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์จะฟังข้าพเจ้าหรือ เพราะข้าพเจ้าพูดไม่เก่ง”
13 แต่พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและอาโรน และสั่งให้เขาทั้งสองไปหาลูกหลานของอิสราเอลและฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์ เพื่อที่จะพาลูกหลานของอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์
ครอบครัวชาวอิสราเอล
14 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อของผู้นำแต่ละครอบครัวของอิสราเอล
ลูกชายคนโตของอิสราเอลคือรูเบน รูเบนมีลูกสี่คนคือ ฮาโนค ปัลลู เฮสโรน และคารมี พวกเขาทั้งหมดอยู่ในครอบครัวของรูเบน
15 ลูกชายของสิเมโอนคือ เยมูเอล ยามีน โอหาด ยาคีน โศหาร์ รวมทั้งชาอูลที่เกิดจากหญิงชาวคานาอัน พวกเขาทั้งหมดอยู่ในครอบครัวของสิเมโอน
16 เลวีมีชีวิตอยู่หนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดปี ลูกของเลวีคือ เกอร์โชน โคฮาท และเมรารี
17 ลูกชายของเกอร์โชนคือ ลิบนีและชิเมอีพร้อมกับครอบครัวของพวกเขา
18 โคฮาทมีชีวิตอยู่หนึ่งร้อยสามสิบสามปี ลูกชายโคฮาทคือ อัมราม อิสฮาร์ เฮโบรน และอุสซีเอล
19 ลูกชายของเมรารีคือ มาห์ลีและมูชี พวกเขาทั้งหมดอยู่ในครอบครัวของชาวเลวี เรียงตามลำดับรุ่นของเขา
20 อัมรามมีชีวิตอยู่หนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดปี อัมรามเอานางโยเคเบดซึ่งเป็นน้องสาวพ่อมาเป็นเมีย และนางคลอดลูกชายให้กับเขา คืออาโรนกับโมเสส
21 ลูกชายของอิสฮาร์คือ โคราห์ เนเฟก และศิครี
22 ลูกชายของอุสซีเอลคือ มิชาเอล เอลซาฟาน และสิธรี
23 อาโรนได้นางเอลีเชบามาเป็นเมีย เอลีเชบาเป็นลูกสาวของอัมมีนาดับ และเป็นพี่น้องกับนาโชน นางได้คลอด นาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์ และอิธามาร์
24 ลูกชายของโคราห์คือ อัสสีร์ เอลคานาห์ และอาบียาสาฟ พวกเขาทั้งหมดอยู่ในครอบครัวของชาวโคราห์
25 เอเลอาซาร์ลูกชายอาโรน เอาลูกสาวคนหนึ่งของปูทิเอลมาเป็นเมีย นางได้คลอดฟีเนหัส พวกเขาเหล่านี้เป็นต้นตระกูลในแต่ละครอบครัวของชาวเลวี
26 อาโรนและโมเสสนี่แหละ คือสองคนที่พระยาห์เวห์พูดด้วยว่า “ให้พาลูกหลานของอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ไปเป็นกลุ่มๆ”[w] 27 ทั้งสองคนนี้คือคนที่พูดกับฟาโรห์กษัตริย์ของอียิปต์ เพื่อนำลูกหลานของอิสราเอลออกจากอียิปต์ มันก็คือโมเสสกับอาโรนนี่แหละ
พระยาห์เวห์กำชับโมเสสและอาโรน
28 เมื่อพระยาห์เวห์พูดกับโมเสสในแผ่นดินอียิปต์ 29 พระองค์พูดกับโมเสสว่า “เราคือยาห์เวห์ ให้บอกกับฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์ตามที่เราได้บอกกับเจ้าทุกอย่าง”
30 โมเสสได้พูดกับพระยาห์เวห์ว่า “ดูสิ ข้าพเจ้าพูดไม่เก่ง แล้วฟาโรห์จะมาฟังคนอย่างข้าพเจ้าทำไม”
7 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “เห็นไหมว่า เราได้ตั้งให้เจ้าเป็นเหมือนพระเจ้าสำหรับฟาโรห์ และอาโรนพี่ชายของเจ้าก็จะเป็นเหมือนผู้พูดแทนพระเจ้าให้กับเจ้า 2 เจ้าจะพูดทุกอย่างที่เราได้สั่งเจ้า อาโรนพี่ชายเจ้าก็จะพูดกับฟาโรห์ แล้วฟาโรห์ก็จะปล่อยลูกหลานของอิสราเอลจากแผ่นดินของเขา 3 แต่เราจะทำให้จิตใจของฟาโรห์แข็งกระด้าง และเราจะเพิ่มสิ่งบอกเหตุต่างๆและสิ่งอัศจรรย์ให้มากขึ้นในแผ่นดินอียิปต์ 4 แต่ฟาโรห์จะไม่ยอมฟังพวกเจ้า ดังนั้นเราจะวางมือของเราต่อต้านอียิปต์ เราจะพากองทัพของเรา และคนของเรา คือลูกหลานชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ ด้วยการลงโทษอันยิ่งใหญ่ต่างๆ 5 แล้วชาวอียิปต์จะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์ เมื่อเรายื่นมือของเราออกมาต่อต้านอียิปต์ และพาลูกหลานของอิสราเอลออกมาจากท่ามกลางพวกเขา”
6 โมเสสและอาโรนได้ทำตามทุกอย่างที่พระยาห์เวห์สั่งพวกเขา 7 ตอนที่พวกเขาพูดกับฟาโรห์นั้น โมเสสมีอายุแปดสิบปี อาโรนมีอายุแปดสิบสามปี
ไม้เท้าของโมเสสกลายเป็นงู
8 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและอาโรนว่า 9 “เมื่อฟาโรห์พูดกับพวกเจ้าว่า ‘แสดงสิ่งมหัศจรรย์ให้ดูสิ’ ก็ให้เจ้าบอกกับอาโรนว่า ‘เอาไม้เท้าของท่านโยนลงบนพื้นต่อหน้าฟาโรห์ แล้วมันจะกลายเป็นงู’”
10 โมเสสและอาโรนจึงไปหาฟาโรห์ และทำตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งพวกเขาไว้ อาโรนโยนไม้เท้าของเขาลงต่อหน้าฟาโรห์และพวกข้าราชการชั้นสูงของเขา มันก็กลายเป็นงู
11 แต่ฟาโรห์ได้เรียกเหล่าผู้รู้ พวกพ่อมด และพวกพระที่มีเวทมนตร์คาถาของอียิปต์ ให้ใช้เวทมนตร์ของพวกเขา ทำอย่างเดียวกับที่อาโรนทำ 12 พวกเขาแต่ละคนก็โยนไม้เท้าของพวกเขาลง แล้วไม้เท้าของพวกเขาก็กลายเป็นงู แต่ไม้เท้าของอาโรนกลืนไม้เท้าของพวกเขาทั้งหมด 13 แต่จิตใจของฟาโรห์ก็ยังคงแข็งกระด้าง และไม่ยอมฟังโมเสสและอาโรน เหมือนกับที่พระยาห์เวห์พูดไว้
น้ำกลายเป็นเลือด
14 พระยาห์เวห์บอกกับโมเสสว่า “จิตใจของฟาโรห์นั้นแข็งกระด้าง เขาไม่ยอมปล่อยประชาชนอิสราเอล 15 พรุ่งนี้เช้าให้ไปหาฟาโรห์ ตอนที่เขาลงไปที่แม่น้ำ ให้ยืนคอยพบเขาที่ริมฝั่งแม่น้ำ แล้วให้ถือไม้เท้าที่เปลี่ยนเป็นงูไปด้วย 16 ให้เจ้าพูดกับเขาว่า ‘พระยาห์เวห์ พระเจ้าของชาวฮีบรูได้ส่งข้าพเจ้ามาพบท่าน และให้บอกว่า ปล่อยประชาชนของเรา เพื่อพวกเขาจะได้มาฆ่าสัตว์เพื่อถวายให้กับเราในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง แต่จนถึงเดี๋ยวนี้แล้ว เจ้าก็ยังไม่ยอมเชื่อฟัง’ 17 พระยาห์เวห์จึงพูดว่า ‘เราจะทำสิ่งนี้ เจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ เราจะตีน้ำในแม่น้ำไนล์ด้วยไม้เท้าที่อยู่ในมือเรา และมันจะกลายเป็นเลือด 18 ปลาที่อยู่ในแม่น้ำไนล์จะตายหมด แม่น้ำไนล์จะเน่าเหม็นจนชาวอียิปต์ไม่สามารถดื่มน้ำจากแม่น้ำได้’”
19 พระยาห์เวห์บอกกับโมเสสว่า “บอกกับอาโรนว่า ‘ให้ถือไม้เท้าของท่านและยื่นมือออกไปเหนือน้ำทุกแห่งของอียิปต์ ทั้งแม่น้ำ ลำธาร สระน้ำ ที่กักเก็บน้ำทุกแห่งของพวกเขา เพื่อแหล่งน้ำทั้งหมดนั้นจะได้กลายเป็นเลือด จะมีแต่เลือดเต็มไปหมดทั่วแผ่นดินอียิปต์ ทั้งน้ำที่คั่งค้างอยู่ตามต้นไม้และซอกหินก็จะกลายเป็นเลือดด้วย’”
20 โมเสสและอาโรนจึงทำตามที่พระยาห์เวห์สั่งพวกเขาไว้
อาโรนยกไม้เท้าของเขาฟาดน้ำในแม่น้ำไนล์ ต่อหน้าต่อตาของฟาโรห์และข้าราชการของเขา และน้ำในแม่น้ำไนล์ทั้งหมดก็กลายเป็นเลือด 21 ปลาในแม่น้ำไนล์ก็ตาย และแม่น้ำไนล์ได้เน่าเหม็น ชาวอียิปต์ไม่สามารถดื่มน้ำจากแม่น้ำได้ มีแต่เลือดเต็มไปหมดทั่วแผ่นดินอียิปต์
22 แต่พวกพระที่มีเวทมนตร์คาถาของอียิปต์ ก็ใช้เวทมนตร์ทำในสิ่งเดียวกับที่อาโรนทำ ฟาโรห์ยังคงใจแข็งกระด้าง เขาจึงไม่ยอมฟังพวกเขาเหมือนกับที่พระยาห์เวห์ได้บอกไว้ 23 ฟาโรห์กลับไปบ้านของเขาและไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย
24 ชาวอียิปต์ทั้งหมดจึงต้องขุดหลุมรอบๆแม่น้ำไนล์ เพื่อจะได้มีน้ำไว้ดื่ม เพราะพวกเขาไม่สามารถดื่มน้ำจากแม่น้ำไนล์ได้
ความวุ่นวายจากฝูงกบ
25 เจ็ดวันผ่านไป หลังจากที่พระยาห์เวห์ได้ฟาดน้ำในแม่น้ำไนล์
8 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ไปหาฟาโรห์และบอกกับเขาว่า ‘พระยาห์เวห์พูดอย่างนี้ว่า ปล่อยคนของเรา เพื่อพวกเขาจะได้ไปรับใช้เรา 2 แต่ถ้าเจ้าไม่ยอมปล่อยพวกเขา เราจะส่งฝูงกบมาสร้างความพินาศให้ทั่วทั้งแผ่นดินของเจ้า 3 แม่น้ำไนล์จะเต็มไปด้วยฝูงกบ พวกมันจะกระโดดเข้ามาในบ้านของเจ้า ในห้องนอนและบนเตียงของเจ้า พวกมันจะเข้าไปในบ้านของพวกข้าราชการของเจ้า เกาะตามตัวประชาชนของเจ้า เข้าไปในพวกเตาอบของเจ้า ในภาชนะต่างๆของเจ้า 4 ฝูงกบจะขึ้นมาเกาะอยู่ตามตัวของเจ้า ประชาชนของเจ้าและพวกข้าราชการของเจ้า’”
5 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้บอกอาโรนว่า ‘ให้ยื่นมือที่ถือไม้เท้าของเจ้าออกไปเหนือแม่น้ำ ลำธาร และสระน้ำ และฝูงกบจะกระโดดออกมาทั่วแผ่นดินอียิปต์’”
6 แล้วอาโรนก็ยื่นมือของเขาออกเหนือน้ำของอียิปต์ ฝูงกบก็โผล่ขึ้นมาปกคลุมทั่วอียิปต์
7 พวกนักมายากลใช้เวทมนตร์ของพวกเขา ทำในสิ่งเดียวกันกับที่อาโรนทำ พวกเขาทำให้ฝูงกบโผล่ขึ้นมาปกคลุมแผ่นดินอียิปต์เหมือนกัน
8 ฟาโรห์จึงเรียกโมเสสและอาโรนมาพูดว่า “ให้อธิษฐานถึงพระยาห์เวห์เพื่อพระองค์จะได้เอาฝูงกบพวกนี้ออกไปจากเราและประชาชนของเรา แล้วเราจะปล่อยประชาชนชาวอิสราเอล เพื่อพวกเขาจะได้ไปฆ่าสัตว์ถวายให้กับพระยาห์เวห์”
9 โมเสสพูดกับฟาโรห์ว่า “ให้ท่านเป็นคนบอก ว่าจะให้ข้าพเจ้าอธิษฐานเมื่อไหร่สำหรับท่าน พวกข้าราชการและประชาชนของท่าน เพื่อที่จะขับไล่ฝูงกบพวกนี้ออกไปจากท่าน และบ้านของท่าน เพื่อว่าพวกมันจะเหลืออยู่แต่ในแม่น้ำไนล์เท่านั้น”
10 ฟาโรห์บอกว่า “พรุ่งนี้”
โมเสสพูดว่า “มันจะเป็นอย่างที่ท่านพูด เพื่อท่านจะได้รู้ว่า ไม่มีใครเหมือนพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราอีกแล้ว 11 ฝูงกบจะไปจากท่าน พวกบ้านของท่าน พวกข้าราชการของท่านและประชาชนของท่าน แต่จะเหลืออยู่แค่ในแม่น้ำไนล์เท่านั้น”
12 โมเสสและอาโรนจึงลาฟาโรห์ไป โมเสสอ้อนวอนต่อพระยาห์เวห์เรื่องฝูงกบเหล่านั้น ที่พระองค์ได้ทำขึ้นมาต่อต้านฟาโรห์ 13 พระยาห์เวห์ได้ทำตามที่โมเสสร้องขอ แล้วฝูงกบก็ตายกันเกลื่อนกลาดตามบ้าน ตามลานบ้าน และตามท้องทุ่ง 14 พวกเขาเอาซากพวกมันมากองทับถมกันสูงพะเนินเหม็นไปทั่วแผ่นดิน 15 เมื่อฟาโรห์เห็นว่าความเดือดร้อนบรรเทาลงแล้ว ฟาโรห์ก็เปลี่ยนใจ กลับมีใจแข็งกระด้างขึ้นอีก และไม่ยอมฟังโมเสสและอาโรนเหมือนกับที่พระยาห์เวห์บอกไว้
ความวุ่นวายจากตัวริ้น
16 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้บอกกับอาโรนว่า ‘ให้ยื่นไม้เท้าของเจ้าและตีฝุ่นบนพื้นดิน ฝุ่นเหล่านั้นจะกลายเป็นตัวริ้นอยู่ทั่วแผ่นดินอียิปต์’”
17 พวกเขาทั้งสองคนก็ทำตามนั้น อาโรนยื่นมือที่ถือไม้เท้าตีฝุ่นบนพื้นดิน ฝุ่นเหล่านั้นได้กลายเป็นตัวริ้น ตอมประชาชนและพวกสัตว์ ฝุ่นทั้งหมดได้กลายเป็นตัวริ้นกระจายไปทั่วแผ่นดินอียิปต์
18 พวกพระที่มีเวทมนตร์คาถา พยายามใช้เวทมนตร์ของพวกเขาเพื่อทำให้ฝุ่นกลายเป็นตัวริ้น แต่พวกเขาไม่สามารถทำได้ มีริ้นอยู่ตามตัวประชาชนและพวกสัตว์ 19 พวกพระที่มีเวทมนตร์คาถาบอกกับฟาโรห์ว่า “นี่คือนิ้วมือของพระเจ้า” แต่จิตใจของฟาโรห์แข็งกระด้างมากขึ้น และไม่ยอมฟังพวกเขาเหมือนกับที่พระยาห์เวห์บอกไว้
ฝูงแมลงวันที่มารังควาน
20 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “วันพรุ่งนี้ให้ไปหาฟาโรห์แต่เช้าตรู่ ตอนที่เขาเดินลงไปที่แม่น้ำ และให้บอกกับเขาว่า พระยาห์เวห์พูดอย่างนี้ว่า ‘ปล่อยประชาชนของเราเพื่อพวกเขาจะได้ไปรับใช้เรา 21 เพราะถ้าเจ้าไม่ยอมปล่อยประชาชนของเรา เราจะส่งฝูงแมลงวันมาต่อต้านเจ้า พวกข้าราชการของเจ้า ประชาชนของเจ้า และบ้านของเจ้า บ้านเรือนของชาวอียิปต์จะเต็มไปด้วยฝูงแมลงวัน รวมไปถึงแผ่นดินที่พวกเขาอาศัยอยู่ด้วย 22 แต่ในวันนั้น เราจะแยกแผ่นดินโกเชน ที่ประชาชนของเราอาศัยอยู่ออกมา เพื่อว่าจะได้ไม่มีฝูงแมลงวันที่นั่น เพื่อเจ้าจะได้รู้ว่า เรายาห์เวห์ อยู่ท่ามกลางแผ่นดินนี้ 23 เราจะทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างประชาชนของเรากับประชาชนของเจ้า เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นพรุ่งนี้’”
24 พระยาห์เวห์ได้ทำตามนั้น ฝูงแมลงวันมากมายได้เข้ามาในบ้านของฟาโรห์ พวกบ้านข้าราชการของเขา และทั่วทั้งแผ่นดินอียิปต์ ฝูงแมลงวันได้ทำลายล้างแผ่นดินอียิปต์ 25 ฟาโรห์จึงเรียกโมเสสและอาโรนมาพบ และพูดว่า “ไปฆ่าสัตว์ถวายให้กับพระเจ้าของเจ้าในแผ่นดินนี้เถิด”
26 โมเสสพูดว่า “มันไม่ถูกต้องที่จะทำอย่างนั้น เพราะสิ่งที่พวกเราจะทำในการฆ่าสัตว์ถวายให้กับพระเจ้าของพวกเรานั้น เป็นสิ่งที่ชาวอียิปต์ขยะแขยง ถ้าพวกเราฆ่าสัตว์เพื่อเอามาถวาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวอียิปต์ขยะแขยง แล้วพวกเขามาเห็นเข้า พวกเขาจะไม่เอาหินขว้างพวกเราหรือ 27 พวกเราต้องเดินทางเป็นเวลาสามวัน เข้าไปในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง แล้วถึงค่อยฆ่าสัตว์ถวายให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา ตามที่พระองค์บอกพวกเราไว้”
28 ฟาโรห์บอกว่า “เราจะปล่อยพวกเจ้าไป และพวกเจ้าก็ไปฆ่าสัตว์ถวายให้กับยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้าในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งได้ แต่พวกเจ้าจะต้องไม่ไปไกลนัก อธิษฐานให้กับเราด้วย”
29 โมเสสพูดว่า “ทันทีที่ข้าพเจ้าลาท่านไป ข้าพเจ้าจะอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ และในวันพรุ่งนี้ ฝูงแมลงวันก็จะไปจากฟาโรห์ ข้าราชการของท่าน และประชาชนของท่าน ขอแต่อย่าให้ฟาโรห์หลอกลวงอีกเท่านั้น โดยไม่ยอมปล่อยประชาชนไปฆ่าสัตว์ถวายให้กับพระยาห์เวห์”
30 แล้วโมเสสก็จากฟาโรห์ไปและอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ 31 พระยาห์เวห์ได้ทำตามที่โมเสสขอ พระองค์ได้เอาฝูงแมลงวันออกไปจากฟาโรห์ พวกข้าราชการของเขาและประชาชนของเขา ไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว 32 แต่ฟาโรห์ก็ใจแข็งกระด้างขึ้นมาอีก และไม่ยอมปล่อยประชาชนชาวอิสราเอลไป
พระเจ้าให้เกิดโรคระบาดกับสัตว์
9 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ไปหาฟาโรห์และบอกกับเขาว่ายาห์เวห์พระเจ้าของชาวฮีบรู พูดอย่างนี้ว่า ‘ปล่อยประชาชนของเรา เพื่อพวกเขาจะได้มารับใช้เรา’ 2 เพราะถ้าเจ้ายังไม่ยอมปล่อยพวกเขา และยังคงกักตัวพวกเขาไว้ 3 มือของพระยาห์เวห์จะทำให้ฝูงสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในท้องทุ่งของเจ้า เกิดโรคระบาดอย่างร้ายแรง ทั้งฝูงม้า ฝูงลา ฝูงอูฐ ฝูงวัวควาย และฝูงแพะแกะ 4 แต่พระยาห์เวห์จะแยกระหว่างฝูงสัตว์ของคนอิสราเอลกับฝูงสัตว์ของคนอียิปต์ ฝูงสัตว์ของลูกหลานอิสราเอลจะไม่ตายแม้แต่ตัวเดียว 5 พระยาห์เวห์ได้กำหนดเวลาไว้ว่าพรุ่งนี้พระยาห์เวห์จะลงมือทำสิ่งนี้ในแผ่นดินนี้”
6 วันต่อมา พระยาห์เวห์ได้ทำสิ่งที่ได้พูดไว้ ฝูงสัตว์ทั้งหมดของคนอียิปต์ล้มตาย แต่ฝูงสัตว์ของคนอิสราเอลไม่ตายแม้แต่ตัวเดียว 7 ฟาโรห์ส่งคนออกไปดูและพบว่าฝูงสัตว์ของคนอิสราเอลไม่ตายแม้แต่ตัวเดียว แต่จิตใจของฟาโรห์ยังแข็งกระด้าง และเขาก็ไม่ยอมปล่อยชาวอิสราเอลไป
โรคฝีพุพอง
8 พระยาห์เวห์บอกโมเสสและอาโรนว่า ให้เอาเขม่าจากเตาหลอมมาหนึ่งกำมือ และโยนขึ้นไปบนท้องฟ้า ต่อหน้าฟาโรห์ 9 มันจะกลายเป็นฝุ่นฟุ้งตลบไปทั่วแผ่นดินอียิปต์ มันจะทำให้เกิดฝีพุพองบนผิวหนังคนและสัตว์ไปทั่วแผ่นดินอียิปต์
10 พวกเขาจึงไปหยิบเขม่าจากเตาหลอม และไปยืนต่อหน้าฟาโรห์ โมเสสโยนเขม่านั้นขึ้นไปบนท้องฟ้า มันกลายเป็นฝีพุพองไปทั่วตัวคนและสัตว์ทั้งหลาย 11 แม้แต่พวกพระที่มีเวทมนตร์คาถา ก็ไม่สามารถที่จะยืนอยู่ต่อหน้าโมเสสได้ เพราะเกิดฝีพุพองตามตัวพวกเขาและคนอียิปต์ทุกคน 12 แต่พระยาห์เวห์ยังคงทำให้ฟาโรห์ใจแข็งกระด้าง และฟาโรห์ก็ไม่ยอมฟังพวกเขา เหมือนกับที่พระยาห์เวห์บอกไว้
ฝนลูกเห็บ
13 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “เช้าตรู่วันพรุ่งนี้ ให้ไปยืนอยู่ต่อหน้าฟาโรห์ และบอกกับเขาว่า ยาห์เวห์พระเจ้าของชาวฮีบรู พูดอย่างนี้ว่า ‘ปล่อยประชาชนของเรา เพื่อพวกเขาจะได้มารับใช้เรา 14 เพราะในครั้งนี้เราจะให้ภัยพิบัติต่างๆเกิดขึ้นกับเจ้า พวกข้าราชการของเจ้าและประชาชนของเจ้า เพื่อเจ้าจะได้รู้ว่าไม่มีใครเหมือนเราอีกแล้วบนโลกนี้ 15 เพราะความจริงแล้ว เราสามารถที่จะยื่นมือของเราออกมาจัดการให้เจ้าและประชาชนของเจ้าเป็นโรคระบาดได้ เพื่อเจ้าจะได้ถูกทำลายไปจากโลกนี้ 16 แต่เรายังปล่อยให้เจ้าอยู่ต่อไป เพื่อเราจะได้แสดงความแข็งแกร่งของเราให้เจ้าเห็น และจะได้ป่าวประกาศชื่อของเราไปทั่วโลก 17 ถ้าเจ้ายังถือดีที่จะไม่ยอมปล่อยประชาชนของเรา 18 พรุ่งนี้ เวลานี้ เราจะทำให้เกิดลูกเห็บขนาดใหญ่ตกลงมา จะเป็นฝนลูกเห็บชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอียิปต์ ตั้งแต่ก่อตั้งอียิปต์มาจนถึงเดี๋ยวนี้ 19 ตอนนี้ ให้เอาฝูงสัตว์ของเจ้าและทุกอย่างที่เจ้ามีในท้องทุ่งเข้ามาใต้ที่กำบัง คนหรือสัตว์ที่อยู่ในท้องทุ่งที่ไม่เข้ามาหลบข้างในจะตายกันหมด เมื่อลูกเห็บตกลงมา’”
20 พวกข้าราชการของฟาโรห์ ที่เชื่อคำพูดของพระยาห์เวห์ ต่างรีบพาพวกคนรับใช้และฝูงสัตว์ของเขา เข้ามาข้างใน 21 แต่พวกที่ไม่ใส่ใจกับคำพูดของพระยาห์เวห์ ยังคงปล่อยให้พวกคนรับใช้และฝูงสัตว์ของเขาอยู่ในท้องทุ่ง
22 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้ยื่นแขนของเจ้าออกไปในท้องฟ้าเพื่อลูกเห็บจะได้ตกลงมาในแผ่นดินอียิปต์ จะได้ตกลงมาบนคนอียิปต์ ฝูงสัตว์และพืชทั้งหมดในท้องทุ่งของแผ่นดินอียิปต์”
23 โมเสสจึงยื่นไม้เท้าของเขาออกไปในท้องฟ้า พระยาห์เวห์ทำให้เกิดฟ้าร้อง ลูกเห็บตก พร้อมกับสายฟ้าแลบ พระยาห์เวห์ทำให้ลูกเห็บ ตกแบบห่าฝนลงบนแผ่นดินอียิปต์ 24 มีทั้งลูกเห็บตกพร้อมกับสายฟ้าแลบตลอดเวลา มันรุนแรงมากแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในแผ่นดินอียิปต์ ตั้งแต่มีชาติอียิปต์มา 25 ลูกเห็บได้ทำลายแผ่นดินอียิปต์ไปทั่ว ทุกอย่างที่อยู่ในท้องทุ่ง ตั้งแต่คนไปจนถึงสัตว์ ลูกเห็บได้ทำลายพืชผลและต้นไม้ทุกต้นในท้องทุ่ง 26 ยกเว้นในโกเชน ที่ลูกหลานของคนอิสราเอลอยู่ ไม่มีลูกเห็บตกเลย
27 ฟาโรห์เรียกตัวโมเสสและอาโรนมาพบและพูดกับพวกเขาว่า “เราได้ทำบาปไปแล้วครั้งนี้ พระยาห์เวห์คือฝ่ายถูก เราและประชาชนของเราเป็นฝ่ายผิด 28 อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ ขอให้หยุดฟ้าร้องกับลูกเห็บได้แล้ว พอแล้ว เรายอมปล่อยพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องอยู่อีกต่อไปแล้ว”
29 โมเสสกล่าวว่า “เมื่อข้าพเจ้าออกจากเมืองนี้ ข้าพเจ้าจึงจะกางแขนออกต่อหน้าพระยาห์เวห์ ฟ้าจะหยุดร้องและจะไม่มีลูกเห็บอีกต่อไป แล้วท่านจะได้รู้ว่า โลกนี้เป็นของพระยาห์เวห์ 30 แต่ข้าพเจ้ารู้ว่าทั้งท่านและข้าราชการของท่านยังคงไม่ได้เกรงกลัวพระเจ้ายาห์เวห์หรอก”
31 ต้นป่านและข้าวบาร์เลย์ถูกทำลายเสียหาย เพราะต้นป่านยังเป็นต้นอ่อนอยู่ และต้นข้าวบาร์เลย์กำลังออกรวง 32 แต่ข้าวสาลีและข้าวสแปลต์ไม่ได้ถูกทำลายเพราะงอกช้า
33 เมื่อโมเสสจากฟาโรห์และออกจากเมืองนั้น เขากางแขนออกต่อพระยาห์เวห์ ทันใดนั้นฟ้าหยุดร้อง ลูกเห็บหยุดตก และฝนก็ไม่ได้ตกลงสู่พื้นดินอีก
34 แต่เมื่อฟาโรห์เห็นฝน ลูกเห็บ และฟ้าร้องหยุดหมดแล้ว เขาก็บาปอีก ใจแข็งกระด้างอีก ทั้งเขาและข้าราชการของเขา 35 ในที่สุดหัวใจของฟาโรห์ได้แข็งกระด้าง และไม่ยอมปล่อยลูกหลานอิสราเอลไป เหมือนกับที่พระยาห์เวห์ได้บอกโมเสสไว้
ฝูงตั๊กแตน
10 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ไปหาฟาโรห์ เพราะเราได้ทำให้เขาและพวกข้าราชการของเขามีจิตใจแข็งกระด้าง เพื่อเราจะได้แสดงสิ่งอัศจรรย์พวกนี้ท่ามกลางพวกเขา 2 เจ้าจะได้เล่าให้ลูกหลานของเจ้าฟังว่า เราได้ทำอะไรไว้กับชาวอียิปต์บ้าง และเล่าถึงสิ่งอัศจรรย์ต่างๆที่เราได้ทำท่ามกลางพวกเขา เพื่อพวกเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”
3 โมเสสกับอาโรนจึงไปพบฟาโรห์ และพูดกับพระองค์ว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของชาวฮีบรูพูดไว้อย่างนี้ว่า ‘เจ้าจะไม่ยอมถ่อมตัวลงต่อหน้าเราไปอีกนานแค่ไหน ปล่อยคนของเราไปเพื่อเขาจะได้มารับใช้เรา 4 ถ้าเจ้ายังไม่ยอมปล่อยคนของเรา เราจะส่งฝูงตั๊กแตนมาในประเทศของเจ้าพรุ่งนี้ 5 พวกมันจะปกคลุมไปทั่วพื้นดิน จนไม่มีใครสามารถมองเห็นพื้นดินได้ พวกตั๊กแตนจะกินทุกสิ่งทุกอย่างที่ยังหลงเหลือให้กับพวกเจ้าหลังจากลูกเห็บตก มันจะกินต้นไม้ทุกต้นของพวกเจ้าที่กำลังเติบโตอยู่ในท้องทุ่ง 6 บ้านเรือนของเจ้า ของพวกข้าราชการของเจ้า และของชาวอียิปต์ จะมีตั๊กแตนเต็มไปหมด พวกพ่อและพวกปู่ของพวกเจ้า จะยังไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย ตั้งแต่มีชีวิตอยู่บนแผ่นดินนี้มาจนถึงเดี๋ยวนี้’” แล้วโมเสสได้หันออกมาจากฟาโรห์
7 พวกข้าราชการของฟาโรห์พูดกับฟาโรห์ว่า “ชายคนนี้จะเป็นกับดักสำหรับเราไปอีกนานแค่ไหน ขอให้ท่านปล่อยพวกเขาไปเถอะ เพื่อพวกเขาจะได้ไปรับใช้ยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา นี่ท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าอียิปต์กำลังถูกทำลาย”
8 โมเสสและอาโรนจึงถูกนำตัวกลับมา ฟาโรห์พูดกับพวกเขาว่า “ไปรับใช้ยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าซะ แต่บอกมาก่อนว่ามีใครไปบ้าง”
9 โมเสสตอบว่า “ไปกันหมดเลย ทั้งคนหนุ่มสาวและคนแก่ ทั้งลูกชาย ลูกสาว พร้อมทั้งฝูงแกะและฝูงวัวของเรา เพราะเราจะไปร่วมเฉลิมฉลองงานเทศกาลของพระยาห์เวห์”
10 ฟาโรห์พูดกับพวกเขาว่า “ถ้าเราปล่อยแกและพวกลูกๆของแก ก็ขอให้พระยาห์เวห์อยู่กับพวกแกจริงๆเถอะ หน้าพวกแกมันส่อแววชั่วร้ายออกมาชัดๆ 11 ไม่ได้หรอก มีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่ไปรับใช้พระยาห์เวห์ได้ เพราะนั่นคือสิ่งที่แกขอตั้งแต่แรก” แล้วฟาโรห์ก็ได้ไล่โมเสสและอาโรนออกไป
12 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “กางแขนของเจ้าออกเหนือแผ่นดินอียิปต์เพื่อเรียกฝูงตั๊กแตน เพื่อพวกมันจะได้มาอยู่ทั่วแผ่นดินอียิปต์ และกินพืชผลทั้งหมดบนแผ่นดินที่หลงเหลือจากลูกเห็บตก”
13 โมเสสจึงยื่นไม้เท้าของเขาออกเหนือแผ่นดินอียิปต์ พระยาห์เวห์ทำให้ลมตะวันออกพัดเข้ามาในแผ่นดินอียิปต์ตลอดวันตลอดคืน และในเวลาเช้าลมตะวันออกก็ได้พัดเอาฝูงตั๊กแตนมาด้วย 14 ฝูงตั๊กแตนต่างแห่กันเข้าสู่แผ่นดินอียิปต์และเกาะอยู่บนพื้นดินทั่วเขตแดนอียิปต์ มันรุนแรงมาก ไม่เคยมีตั๊กแตนมากมายขนาดนี้มาก่อน และหลังจากนี้ก็จะไม่มีมากเท่านี้อีกแล้ว 15 มันปกคลุมไปทั่วพื้นแผ่นดิน พื้นดินดูดำทะมึนไปหมด พวกมันกัดกินพืชผักบนดิน และผลไม้บนต้น ที่หลงเหลือจากลูกเห็บตก จนไม่เหลือสีเขียวของต้นไม้หรือพืชผักหลงเหลือทั่วแผ่นดินอียิปต์อีกเลย
16 ฟาโรห์รีบเรียกตัวโมเสสและอาโรนเข้าพบและพูดว่า “เราได้ทำบาปต่อยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้าและต่อพวกเจ้า 17 ได้โปรดยกโทษให้เราอีกสักครั้ง และช่วยอธิษฐานต่อยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เพื่อพระองค์จะได้ขจัดความตายนี้จากเรา”
18 โมเสสจากฟาโรห์มา และอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ 19 พระยาห์เวห์ได้ส่งลมตะวันตกพัดผ่านเข้ามาอย่างแรง หอบมันไปตกในทะเลต้นกก ไม่มีตั๊กแตนแม้แต่ตัวเดียวหลงเหลืออยู่ในแผ่นดินอียิปต์ 20 แต่พระยาห์เวห์ได้ทำให้จิตใจของฟาโรห์แข็งกระด้าง เพื่อว่าเขาจะได้ไม่ยอมปล่อยลูกหลานชาวอิสราเอล
ความมืดมิด
21 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ชูมือเจ้าขึ้นบนท้องฟ้า เพื่อให้เกิดความมืดมิดทั่วแผ่นดินอียิปต์ จะเป็นความมืดที่ทุกคนสัมผัสได้”
22 โมเสสจึงชูมือขึ้นบนท้องฟ้า ทันใดนั้น ความมืดมิดก็ปกคลุมทั่วแผ่นดินอียิปต์เป็นเวลาสามวัน 23 พวกเขาไม่สามารถมองเห็นซึ่งกันและกันได้ พวกเขาจึงไม่ได้ลุกขึ้นจากที่ของพวกเขา เป็นเวลาถึงสามวัน แต่ลูกหลานของอิสราเอลทั้งหมด กลับมีแสงสว่างในย่านที่พวกเขาอยู่กัน
24 ฟาโรห์เรียกตัวโมเสสเข้าพบและพูดว่า “ไปรับใช้ยาห์เวห์ซะ ลูกหลานของพวกเจ้าไปได้ แต่ต้องทิ้งฝูงแกะและฝูงวัวของพวกเจ้าไว้”
25 แต่โมเสสพูดว่า “ท่านต้องให้เครื่องบูชา และพวกเครื่องเผาบูชากับเราเพื่อเราจะได้เอาไปฆ่าถวายให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา 26 ฝูงสัตว์เลี้ยงจะต้องไปกับพวกเราด้วย จะต้องไม่หลงเหลือไว้แม้แต่ตัวเดียว[x] เพราะเราจะเอาบางตัวไปฆ่าถวายให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา และเราก็ยังไม่รู้ว่าจะใช้ตัวไหนบูชา จนกว่าเราจะไปถึงที่นั่น”
27 แต่พระยาห์เวห์ทำให้จิตใจของฟาโรห์แข็งกระด้าง ทำให้เขาไม่ยอมปล่อยชาวอิสราเอล 28 ฟาโรห์พูดกับโมเสสว่า “ไปให้พ้นจากเรา ระวังตัวให้ดี อย่าได้มาเจอหน้าเราอีก เพราะถ้าแกเจอหน้าเราเมื่อไหร่ แกจะต้องตายเมื่อนั้น”
29 โมเสสพูดว่า “ขอให้เป็นไปตามที่ท่านพูด ข้าพเจ้าจะไม่มาเจอหน้าท่านอีกแล้ว”
ลูกหัวปีตาย
11 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “เราจะทำให้เกิดภัยพิบัติอีกอย่างหนึ่งกับฟาโรห์และแผ่นดินอียิปต์ หลังจากนั้นเขาจะปล่อยพวกเจ้าไปจากที่นี่ เมื่อเขาปล่อยพวกเจ้า เขาจะไล่พวกเจ้าออกจากที่นี่ 2 ให้บอกกับประชาชน ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ให้ไปขอพวกเครื่องเงินเครื่องทองจากเพื่อนบ้าน” 3 พระยาห์เวห์ทำให้คนอิสราเอลเป็นที่ชื่นชอบของคนอียิปต์ ในสายตาของพวกข้าราชการฟาโรห์และของประชาชน โมเสสเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่มากในแผ่นดินอียิปต์
4 โมเสสพูดว่า “พระยาห์เวห์พูดอย่างนี้ว่า ‘ประมาณเที่ยงคืน เราจะผ่านไปท่ามกลางอียิปต์ 5 และลูกชายหัวปีของทุกคนในแผ่นดินอียิปต์จะต้องตาย ตั้งแต่ลูกชายหัวปีของฟาโรห์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ไปจนถึงลูกชายหัวปีของทาสหญิงที่ทำงานโม่แป้ง รวมถึงลูกตัวผู้ตัวแรกของสัตว์ด้วย 6 จะมีแต่เสียงร้องไห้คร่ำครวญอย่างใหญ่หลวงในอียิปต์ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและต่อไปในอนาคตก็จะไม่มีอีกเลย 7 แต่ส่วนคนอิสราเอล จะไม่มีแม้แต่หมาสักตัวเดียวที่จะกล้าขู่คำรามใส่พวกเขาหรือฝูงสัตว์ของเขา’ เพื่อท่านจะได้รู้ว่า พระยาห์เวห์ได้แยกแยะระหว่างชาวอียิปต์กับชาวอิสราเอล 8 ข้าราชการชั้นสูงทั้งหมดของท่าน จะลงมาหาเรา และจะก้มกราบเรา พร้อมกับพูดว่า ‘ออกไปเถอะ ทั้งท่านและคนที่ติดตามท่าน’ และหลังจากนั้นเราก็จะไป” แล้วโมเสสก็เดินจากฟาโรห์ไปด้วยความโกรธ
9 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ฟาโรห์จะไม่ยอมฟังพวกเจ้าอีก เพื่อเราจะได้ทำการอัศจรรย์ในแผ่นดินอียิปต์เพิ่มขึ้นไปอีก” 10 โมเสสและอาโรนทำสิ่งอัศจรรย์เหล่านี้ต่อหน้าฟาโรห์ แต่พระยาห์เวห์ทำให้จิตใจของฟาโรห์แข็งกระด้าง เพื่อที่ว่า เขาจะได้ไม่ยอมปล่อยลูกหลานของอิสราเอลไปจากแผ่นดินของเขา
วันปลดปล่อย
12 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและอาโรนในแผ่นดินอียิปต์ว่า 2 “เดือนนี้[y] จะเป็นเดือนแรกสำหรับพวกเจ้า และจะเป็นเดือนแรกของปีสำหรับพวกเจ้าด้วย 3 ให้บอกกับที่ชุมนุมของอิสราเอลทุกคนว่า ‘ในวันที่สิบของเดือนนี้ ให้ผู้ชายแต่ละคนเอาลูกแกะมาหนึ่งตัวสำหรับครอบครัวของเขา คือลูกแกะหนึ่งตัวสำหรับทั้งครัวเรือน 4 ถ้าครอบครัวไหนเล็กเกินไปที่จะกินแกะหมดทั้งตัว ก็ให้เขาและเพื่อนบ้านแบ่งลูกแกะตัวนั้นกัน แบ่งตามจำนวนคนที่อยู่ในครอบครัวของเขา จะต้องมีแกะเพียงพอให้แต่ละคนกินกัน 5 ลูกแกะของพวกเจ้าจะต้องสมบูรณ์แข็งแรง เป็นตัวผู้อายุหนึ่งปี พวกเจ้าอาจใช้ลูกแกะหรือลูกแพะก็ได้ 6 แต่พวกเจ้าต้องดูแลมันจนถึงวันที่สิบสี่ของเดือนนี้ แล้วในตอนเย็นของวันนั้น ชาวอิสราเอลทั้งหมดที่มาชุมนุมกัน ก็จะพากันฆ่าพวกมัน 7 พวกเขาจะต้องเอาเลือดของมันมาทาที่ขอบประตูบ้านที่พวกเขากินกันนั้น ให้เขาทาทั้งด้านบน และขอบประตูทั้งสองด้าน
8 พวกเขาจะกินเนื้อของมันในคืนนั้น เนื้อนั้นจะต้องเอาไปย่างไฟ กินกับขนมปังที่ไม่ใส่เชื้อฟูพร้อมกับผักขม 9 ห้ามกินเนื้อที่ยังดิบอยู่ และห้ามเอาไปต้มน้ำด้วย แต่ให้เอาไปย่างไฟ ทั้งส่วนหัว ส่วนขาและเครื่องใน 10 ต้องกินให้หมด อย่าให้เหลือถึงวันรุ่งขึ้น แต่ถ้าเหลือก็ให้เอาไปเผาให้หมดก่อนเช้า
11 เวลาที่พวกเจ้ากินมันนั้น พวกเจ้าจะต้องเตรียมพร้อม คาดเอวให้กระชับ สวมรองเท้าและถือไม้เท้าไว้ในมือ พวกเจ้าต้องกินอย่างเร่งรีบ เพราะมันคือวันปลดปล่อย[z] ของพระยาห์เวห์
12 ในคืนนี้ เราจะผ่านเข้าไปในแผ่นดินอียิปต์ เราจะฆ่าลูกชายหัวปี[aa] ทั้งหมดในแผ่นดินอียิปต์ ไม่ว่าจะเป็นลูกคนหรือลูกสัตว์ เราจะตัดสินลงโทษพระทั้งหมดของอียิปต์ เพราะเราคือยาห์เวห์ 13 เลือดที่ทาไว้ที่ขอบประตูบ้านที่พวกเจ้าอยู่นั้น จะเป็นสัญลักษณ์ว่าเป็นบ้านของพวกเจ้า เมื่อเราเห็นเลือดนั้นเราจะข้ามพวกเจ้าไป[ab] และจะไม่มีภัยพิบัติใดๆเกิดขึ้นกับพวกเจ้า เมื่อเราทำลายแผ่นดินอียิปต์
14 พวกเจ้าจะต้องจดจำคืนนี้ไว้ให้ดี พวกเจ้าจะต้องเฉลิมฉลองมันเป็นเทศกาลหนึ่งให้กับพระยาห์เวห์ และพวกเจ้าจะต้องเฉลิมฉลองมันตลอดชั่วลูกชั่วหลานของเจ้า เป็นประเพณีที่ยึดถือตลอดไป 15 พวกเจ้าจะต้องกินขนมปังที่ไม่ใส่เชื้อฟู เป็นเวลาเจ็ดวัน แต่ในวันแรก พวกเจ้าจะต้องเอาเชื้อฟูออกไปจากบ้านให้หมด เพราะใครก็ตามที่กินเชื้อฟูเข้าไป คนๆนั้นจะต้องถูกตัดออกจากคนอิสราเอล ตั้งแต่วันแรกไปจนถึงวันที่เจ็ด 16 ในวันแรกและวันที่เจ็ด พวกเจ้าจะจัดการชุมนุมอันศักดิ์สิทธิ์ จะต้องไม่มีใครทำงานในวันนั้น ยกเว้นการจัดเตรียมอาหารให้คนกิน 17 พวกเจ้าจะต้องรักษาเทศกาลการกินขนมปังไม่ใส่เชื้อฟูนี้ไว้ เพราะในวันนี้เองที่เราได้นำกองทัพของพวกเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ พวกเจ้าจะต้องรักษาวันนี้ให้กับลูกหลานของเจ้าจนเป็นประเพณีที่สืบทอดกันตลอดไป 18 ในตอนเย็นของวันที่สิบสี่ของเดือนแรก พวกเจ้าจะกินขนมปังไม่ใส่เชื้อฟู ไปจนถึงตอนเย็นของวันที่ยี่สิบเอ็ดในเดือนเดียวกัน 19 ตลอดเจ็ดวันนี้ พวกเจ้าจะต้องไม่เก็บเชื้อฟูไว้ในบ้านของพวกเจ้า เพราะทุกคนที่ไปกินของที่ใส่เชื้อฟู ไม่ว่าจะเป็นคนต่างถิ่นที่มาอาศัยอยู่กับเจ้า หรือเจ้าของถิ่นเองก็ตามจะต้องถูกตัดออกจากชุมนุมชาวอิสราเอล 20 พวกเจ้าจะต้องไม่กินเชื้อฟูเลย พวกเจ้าต้องกินขนมปังที่ไม่ใส่เชื้อฟูในทุกหนทุกแห่งที่พวกเจ้าไปอยู่’”
21 โมเสสเรียกพวกผู้อาวุโสชาวอิสราเอลทั้งหมดมาพบ และพูดว่า “ให้พวกท่านไปทำตามนี้ คือให้ไปเลือกลูกแกะมาหนึ่งตัวสำหรับครอบครัวของพวกท่าน และฆ่ามันเป็นลูกแกะสำหรับวันปลดปล่อย 22 เอากิ่งหุสบ[ac] มาจุ่มเลือดของมันที่อยู่ในอ่าง และเอาเลือดนั้นไปทาตรงขอบประตู ทั้งด้านบนและด้านข้างทั้งสอง และห้ามไม่ให้ใครออกจากบ้านจนกว่าจะเช้า 23 เมื่อพระยาห์เวห์ผ่านมาเพื่อทำลายอียิปต์ และเห็นเลือดที่อยู่บนขอบประตู ทั้งด้านบนและด้านข้างทั้งสอง พระยาห์เวห์จะได้ผ่านประตูนั้นไป และจะไม่ให้ผู้ทำลายเข้าไปในบ้านเพื่อฆ่าพวกท่าน 24 พวกท่านต้องรักษาคำสั่งนี้ให้เป็นประเพณีสำหรับตัวท่านและลูกหลานของท่านตลอดกาล 25 เมื่อพวกท่านมาถึงแผ่นดินที่พระยาห์เวห์จะให้กับพวกท่านตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้แล้วนั้น ก็ให้พวกท่านยังคงรักษาพิธีนี้ต่อไป 26 เมื่อลูกหลานของท่านถามว่า ‘พิธีนี้มีความหมายอะไร’ 27 ก็ให้พวกท่านตอบว่า ‘มันคือการบูชาลูกแกะในวันปลดปล่อยให้กับพระยาห์เวห์ พระองค์ได้ผ่านพ้นบ้านของชาวอิสราเอลไป ตอนที่พระองค์ทำลายอียิปต์ แต่พระองค์ทำให้พวกเราที่อยู่ในบ้านปลอดภัย’” แล้วประชาชนต่างก้มกราบลง นมัสการพระองค์
28 ชาวอิสราเอลทั้งหมดแยกย้ายกันไปทำตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสกับอาโรนไว้ พวกเขาได้ไปลงมือทำตามนั้น
29 ในตอนเที่ยงคืน พระยาห์เวห์เริ่มฆ่าลูกหัวปีทั้งหมดในแผ่นดินอียิปต์ ตั้งแต่ลูกชายหัวปีของฟาโรห์ผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์ ไปจนถึงลูกชายหัวปีของคนที่ถูกขังคุกอยู่ รวมทั้งลูกหัวปีตัวผู้ของสัตว์ทุกตัว 30 ฟาโรห์กับพวกข้าราชการทั้งหมด รวมทั้งคนอียิปต์ทุกคน ต่างตื่นขึ้นมาในคืนนั้น และก็มีเสียงร้องไห้อย่างหนักไปทั่วอียิปต์ เพราะไม่มีบ้านไหนที่ไม่มีคนตาย
ชาวอิสราเอลออกจากอียิปต์
31 ฟาโรห์ได้เรียกตัวโมเสสและอาโรนเข้าพบกลางดึกคืนนั้น และพูดว่า “ลุกขึ้น ไปให้พ้นจากประชาชนของเรา ทั้งพวกเจ้าและลูกหลานของอิสราเอล ไปรับใช้พระยาห์เวห์ ตามที่พวกเจ้าได้พูดไว้ 32 เอาแกะ และฝูงสัตว์ทั้งหลายของพวกเจ้าไปด้วย ไปซะ และอวยพรให้กับเราด้วย” 33 ชาวอียิปต์ต่างเร่งให้คนอิสราเอลรีบๆออกไปจากแผ่นดินนี้ เพราะพวกเขาพูดว่า “พวกเรากำลังจะตาย”
34 ชาวอิสราเอลได้เอาแป้งดิบที่ยังไม่ได้ใส่เชื้อฟูพร้อมกับอ่างขยำแป้ง ห่อผ้าใส่บ่าแบกไป 35 พวกอิสราเอลทำตามที่โมเสสบอก พวกเขาไปขอเครื่องเงินและเครื่องทองและเสื้อผ้าจากคนอียิปต์ 36 พระยาห์เวห์ทำให้พวกคนอียิปต์มีเมตตาต่อคนอิสราเอล คนอิสราเอลขออะไร คนอียิปต์ก็ให้หมด อย่างนี้คนอิสราเอลได้ปล้นเอาความร่ำรวยของคนอียิปต์ไป
37 ชาวอิสราเอลเดินทางจากเมืองราเมเสสไปถึงเมืองสุคคท มีผู้ชายที่เดินเท้าอยู่ประมาณหกแสนคน ไม่นับเด็กๆ 38 และยังมีคนชาติอื่นๆอีกกลุ่มใหญ่ ที่ร่วมเดินทางมากับพวกเขาด้วย ทั้งยังมีฝูงวัว ฝูงแกะและฝูงสัตว์เลี้ยงอีกจำนวนมหาศาล 39 พวกเขาเอาแป้งดิบที่ติดตัวมา เอามาปิ้งเป็นขนมปังที่ไม่มีเชื้อฟู เพราะแป้งดิบนั้นไม่ได้ใส่เชื้อฟู เพราะพวกเขาถูกไล่ออกจากอียิปต์ เลยไม่มีเวลาที่จะเอ้อระเหย หรือแม้แต่จัดเตรียมอาหารสำหรับพวกเขาเอง
40 ชาวอิสราเอลได้อาศัยอยู่ในอียิปต์[ad] เป็นเวลาทั้งสิ้นสี่ร้อยสามสิบปี 41 หลังจากสี่ร้อยสามสิบปีในวันนั้นเอง กองทัพของพระยาห์เวห์ ก็ได้ออกจากแผ่นดินอียิปต์ 42 มันเป็นคืนที่พระยาห์เวห์เฝ้าดู เพื่อนำพวกอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ในคืนเดียวกันนี้เอง เป็นคืนที่พระยาห์เวห์เฝ้าดูชาวอิสราเอลทั้งหมด รวมถึงลูกหลานของเขา 43 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและอาโรนว่า “นี่คือกฎสำหรับวันปลดปล่อย ห้ามให้ชาวต่างชาติร่วมกินด้วย 44 ส่วนทาสที่ซื้อมาด้วยเงิน หลังจากที่เจ้าขลิบให้กับเขาแล้ว เขาก็ร่วมกินด้วยได้ 45 ห้ามให้คนที่มาอยู่ชั่วคราวหรือคนรับใช้ที่จ้างมา ร่วมกินด้วย 46 เจ้าควรกินมันอยู่แต่ในบ้านหลังเดียว ห้ามเอาเนื้อของมันออกไปนอกบ้าน และพวกเจ้าต้องไม่หักกระดูกของมันด้วย 47 ที่ชุมนุมของชาวอิสราเอลทั้งหมดจะต้องรักษากฎนี้ไว้ 48 ถ้าคนต่างชาติที่อยู่กับเจ้า อยากจะมีส่วนร่วมในพิธีปลดปล่อยของพระยาห์เวห์ด้วย ผู้ชายทั้งหมดที่อยู่กับเขา จะต้องถูกขลิบเสียก่อน แล้วเขาถึงจะเข้ามามีส่วนร่วมในพิธีได้ เขาจะเป็นเหมือนคนในชาติอิสราเอลนั้นแล้ว แต่คนที่ไม่ได้ถูกขลิบจะร่วมกินด้วยไม่ได้ 49 กฎข้อนี้จะใช้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนท้องถิ่น หรือคนต่างชาติที่อยู่ท่ามกลางพวกเจ้า”
50 ชาวอิสราเอลทุกคนก็ได้ทำตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งกับโมเสสและอาโรนไว้ทุกอย่าง พวกเขาได้ลงมือทำตามนั้น 51 ในวันนั้นเอง พระยาห์เวห์ได้นำลูกหลานของอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์เป็นขบวน[ae]
13 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 2 “ให้เอาลูกหัวปีที่แม่คลอดออกมาเป็นท้องแรก ไม่ว่าจะเป็นลูกชายหัวปีของหญิงชาวอิสราเอล หรือลูกหัวปีตัวผู้ของสัตว์ก็ตาม อุทิศไว้ให้กับเรา เพราะมันเป็นของเรา”
3 โมเสสพูดกับประชาชนว่า “ให้จำวันนี้ไว้ เมื่อพวกท่านออกมาจากการเป็นทาสในอียิปต์ เพราะด้วยมืออันทรงฤทธิ์ของพระยาห์เวห์ พระองค์ได้นำพวกท่านออกมาจากที่นั่น พวกท่านต้องไม่กินขนมปังที่ใส่เชื้อฟู 4 วันนี้ ในเดือนอาบีบ[af] พวกท่านกำลังเดินทางออกไป 5 เมื่อพระยาห์เวห์พาท่านไปถึงแผ่นดินของชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุส เป็นแผ่นดินที่พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้กับพวกบรรพบุรุษของท่าน ที่จะยกให้กับท่าน เป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์[ag] อย่าได้ลืมที่จะทำพิธีนี้ในเดือนนี้
6 ท่านต้องกินขนมปังที่ไม่ใส่เชื้อฟู เป็นเวลาเจ็ดวัน และในวันที่เจ็ด จะมีการจัดงานเทศกาลให้กับพระยาห์เวห์ 7 ห้ามกินขนมปังที่ใส่เชื้อฟูในเจ็ดวันนั้น และจะต้องไม่มีอาหารที่ใส่เชื้อฟูในบ้านของท่าน หรือทั่วเขตแดนของท่าน 8 ในวันนั้น ให้พวกท่านอธิบายให้กับลูกๆฟังว่า ‘ที่มีงานเลี้ยงนี้ก็เพราะสิ่งที่พระยาห์เวห์ทำให้กับเราตอนที่เราออกมาจากอียิปต์’
9 งานเลี้ยงนี้จะเป็นเหมือนเครื่องหมายที่ผูกอยู่ที่มือ และเป็นสิ่งเตือนใจอยู่ระหว่างตา[ah] เพื่อว่ากฎของพระยาห์เวห์จะได้อยู่ที่ริมฝีปากของท่าน เพราะพระองค์ได้พาท่านออกมาจากอียิปต์ด้วยมืออันทรงฤทธิ์ 10 ดังนั้น พวกท่านควรจะทำตามประเพณีนี้ ทุกๆปีตามวันที่ได้กำหนดไว้แล้ว
11 และเมื่อพระยาห์เวห์ได้พาท่านเข้าไปในแผ่นดินของชาวคานาอัน ตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับท่านและบรรพบุรุษของท่าน และยกมันให้กับท่าน 12 ท่านจะต้องยกเด็กชายทุกคนที่เกิดมาเป็นลูกหัวปีให้กับพระยาห์เวห์ และลูกสัตว์ตัวผู้ทุกตัวที่เกิดมาเป็นลูกหัวปี จะเป็นของพระยาห์เวห์ 13 ถ้าท่านต้องการซื้อลูกลาตัวผู้ที่เกิดมาเป็นลูกหัวปีคืนจากพระยาห์เวห์ ท่านก็เอาลูกแกะมาแลกได้ แต่ถ้าท่านไม่ต้องการที่จะซื้อลูกลาตัวนั้นคืน ก็ให้ท่านหักคอมัน เอาไปเป็นเครื่องบูชา ส่วนเด็กผู้ชายทุกคนที่เกิดมาเป็นลูกชายหัวปี[ai] ท่านจะต้องซื้อคืนมาจากพระยาห์เวห์
14 ในอนาคต เมื่อลูกชายของท่านถามว่า ‘สิ่งที่พ่อทำนี้ มันมีความหมายว่าอะไรครับ’ ก็ให้ท่านตอบกับลูกว่า ‘พระยาห์เวห์ได้นำพวกเราออกมาจากการเป็นทาสในอียิปต์ ด้วยมืออันทรงฤทธิ์ของพระองค์ 15 แต่เมื่อฟาโรห์ดื้อดึง ไม่ยอมปล่อยพวกเรา พระยาห์เวห์จึงได้ฆ่าลูกหัวปีทั้งหมดในแผ่นดินอียิปต์ ไม่ว่าจะเป็นลูกหัวปีของคนหรือของสัตว์ นั่นเป็นเหตุที่พ่อถึงได้ถวาย ลูกสัตว์ตัวผู้ทุกตัว ที่เกิดออกมาเป็นท้องแรก ให้กับพระยาห์เวห์ และพ่อได้ซื้อลูกชายหัวปีของพ่อคืนจากพระยาห์เวห์’ 16 มันจะเป็นเหมือนเครื่องหมายที่ผูกอยู่ที่มือ และสายคาดที่อยู่เหนือตาของลูก เพราะพระยาห์เวห์ได้พาพวกเราออกจากอียิปต์ด้วยมืออันทรงฤทธิ์ของพระองค์”
การเดินทางออกจากอียิปต์
17 เมื่อฟาโรห์ปล่อยตัวประชาชนชาวอิสราเอล พระเจ้าไม่ได้นำพวกเขาผ่านทางดินแดนของชาวฟีลิสเตีย ถึงแม้จะใกล้กว่า เพราะพระเจ้าคิดว่า “ถ้าพวกนี้ไปเจอสงครามเข้า พวกเขาจะเปลี่ยนใจกลับไปอียิปต์อีก” 18 พระเจ้าพาประชาชนไปทางที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง มุ่งหน้าไปยังทะเลแดง[aj] ประชาชนชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ แต่งตัวพร้อมสู้รบ
โยเซฟกลับบ้าน
19 โมเสสเอากระดูกของโยเซฟไปด้วย เพราะก่อนตาย โยเซฟได้ให้พวกลูกชายของอิสราเอลสาบาน โยเซฟพูดว่า “พระเจ้าจะมาเยี่ยมพวกเจ้าแน่นอนและพวกเจ้าจะต้องเอากระดูกของเราไปจากที่นี่พร้อมกับพวกเจ้าด้วย”
พระเจ้านำประชาชนของพระองค์
20 พวกชาวอิสราเอลได้ออกจากเมืองสุคคท และไปตั้งค่ายอยู่ที่ตำบลเอธาม ตรงเขตแดนติดกับที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง 21 ในตอนกลางวัน พระยาห์เวห์นำหน้าพวกเขาด้วยเสาเมฆ เพื่อนำทางพวกเขา ส่วนในตอนกลางคืน พระองค์ใช้เสาเพลิง เพื่อให้แสงสว่างกับพวกเขา เพื่อพวกเขาจะเดินทางได้ทั้งกลางวันและกลางคืน 22 เสาเมฆไม่เคยหายไปเลยในตอนกลางวัน และเสาเพลิงก็ไม่เคยหายไปเลยในตอนกลางคืน มันอยู่ต่อหน้าพวกเขาตลอด
14 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 2 “ให้บอกกับชาวอิสราเอลว่า ให้หันกลับไปตั้งค่ายอยู่หน้าเมืองปิหะหิโรท ใกล้กับเมืองบาอัลเซโฟน ตรงนี้อยู่ระหว่างเมืองมิกดลกับทะเลแดง 3 ฟาโรห์จะพูดเกี่ยวกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า ‘พวกนั้นกำลังหลงทางในแผ่นดิน และหาทางออกไม่เจอในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น’ 4 เราจะทำให้จิตใจของฟาโรห์แข็งกระด้าง และเขาจะไล่ตามพวกนั้น เราจะทำให้ฟาโรห์และกองทัพของเขาพ่ายแพ้ และเราจะได้รับการสรรเสริญเหนือฟาโรห์และกองทัพของเขา แล้วประชาชนชาวอียิปต์จะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์” ชาวอิสราเอลทำตามที่พระองค์สั่ง
ฟาโรห์ไล่ตามชาวอิสราเอล
5 เมื่อมีคนมาบอกกษัตริย์อียิปต์ว่า ชาวอิสราเอลหนีไปแล้ว ฟาโรห์และพวกข้าราชการของเขาก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาเกี่ยวกับคนอิสราเอลนั้น และพูดว่า “นี่เราทำอะไรลงไป เราปล่อยคนอิสราเอลไปจากการเป็นทาสของเราได้ยังไง”
6 ฟาโรห์จึงเตรียมรถรบของเขาและพากองทัพไปกับเขาด้วย 7 ฟาโรห์ได้เอารถรบที่คัดมาเป็นพิเศษหกร้อยคัน รวมทั้งรถรบอื่นๆทั้งหมดในอียิปต์ โดยมีทหารประจำการอยู่บนรถรบทุกคัน 8 พระยาห์เวห์ได้ทำให้จิตใจของฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์แข็งกระด้าง เพื่อฟาโรห์จะได้ไล่ตามชาวอิสราเอลไป ชาวอิสราเอลเดินทางออกจากอียิปต์โดยชูมือขึ้นอย่างมีชัย
9 ชาวอียิปต์ไล่ตามชาวอิสราเอลมา และตามมาทันตรงที่พวกเขาตั้งค่ายอยู่ข้างๆทะเลแดง รถม้าของฟาโรห์ทั้งหมด พร้อมคนขับ และกองทัพของเขา ก็ไล่ตามชาวอิสราเอลมาทันกันที่เมืองปิหะหิโรท ที่อยู่ตรงหน้าเมืองบาอัลเซโฟน
10 ขณะที่ฟาโรห์บุกใกล้เข้ามา พวกชาวอิสราเอลเงยหน้าขึ้น มองเห็นว่ามีชาวอียิปต์กำลังไล่ตามพวกเขามา พวกเขากลัวมาก จึงร้องขอความช่วยเหลือต่อพระยาห์เวห์ 11 พวกเขาพูดกับโมเสสว่า “ที่อียิปต์ไม่มีที่ที่จะฝังศพแล้วหรือยังไง เจ้าถึงได้พาให้พวกเรามาตายในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนี้ ดูสิว่าเจ้าได้ทำอะไรลงไป ที่เอาเราออกมาจากอียิปต์ 12 เราบอกเจ้าแล้ว ไม่ใช่หรือว่า ‘อย่ามายุ่งกับเรา ปล่อยให้เรารับใช้ชาวอียิปต์’ เพราะให้เรารับใช้อยู่ในอียิปต์ ก็ยังดีกว่ามาตายในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนี้”
13 โมเสสพูดกับประชาชนว่า “ไม่ต้องกลัว ให้ยืนดู พระยาห์เวห์จะช่วยเหลือพวกท่านในวันนี้ ส่วนชาวอียิปต์ที่ท่านเห็นในวันนี้ ท่านก็จะไม่ได้เห็นพวกเขาอีกตลอดกาล 14 พระยาห์เวห์จะต่อสู้ให้กับพวกท่านเอง ขอให้พวกท่านอยู่เฉยๆ”
15 พระยาห์เวห์บอกกับโมเสสว่า “เจ้าจะมามัวร้องขอความช่วยเหลือกับเราทำไม ไปบอกกับชาวอิสราเอลให้เดินทางต่อไป 16 ตอนนี้ให้เจ้าชูไม้เท้าขึ้น และยื่นมือออกไปเหนือทะเล[ak] และแยกน้ำทะเลออก เพื่อลูกหลานชาวอิสราเอลจะได้เดินลงไปในทะเลบนพื้นแห้ง 17 เราจะทำให้จิตใจของชาวอียิปต์แข็งกระด้าง เพื่อพวกเขาจะได้ไล่ล่าพวกเจ้า เราจะได้รับการสรรเสริญเหนือฟาโรห์ และเหนือกองทัพทั้งหมดของเขา เหนือรถรบของเขาและเหนือกองทหารม้าของเขา 18 แล้วชาวอียิปต์จะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์ เมื่อเราได้รับการสรรเสริญ เหนือฟาโรห์ เหนือพวกรถรบของเขา และเหนือกองทหารม้าของเขา”
พระยาห์เวห์เอาชนะกองทัพอียิปต์
19 แล้วทูตสวรรค์ของพระเจ้า ผู้ที่อยู่หน้าค่ายของอิสราเอล ก็ได้เคลื่อนไปอยู่ด้านหลังของพวกเขา เสาเมฆได้เคลื่อนจากด้านหน้าไปอยู่ด้านหลังพวกเขา 20 เสาเมฆนั้นได้มาคั่นกลางระหว่างค่ายของอียิปต์กับค่ายของอิสราเอล เสาเมฆนั้นให้แสงสว่างกับคนอิสราเอล แต่ทำให้มืดสำหรับคนอียิปต์[al] ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้เข้าใกล้กันเลยตลอดคืนนั้น 21 โมเสสได้ยื่นมือเขาออกไปเหนือทะเล แล้วพระยาห์เวห์ได้ทำให้น้ำทะเลไหลกลับ ด้วยลมที่พัดอย่างแรงมาจากทางทิศตะวันออก พัดอยู่ตลอดทั้งคืน จนทำให้ทะเลเกิดเป็นพื้นดินแห้งขึ้น พระองค์ได้แยกน้ำออกจากกัน 22 แล้วประชาชนชาวอิสราเอลก็เดินผ่ากลางทะเลไปบนพื้นดินแห้ง น้ำเป็นกำแพงขึ้นมาทั้งด้านซ้ายและด้านขวา 23 แต่กองทัพอียิปต์ไล่ตามมา ม้าทุกตัวของฟาโรห์ และพวกรถรบและทหารม้าของเขาไล่ตามชาวอิสราเอลลงไปกลางทะเล 24 ในตอนเช้า พระยาห์เวห์ที่อยู่ในเสาเพลิงและเสาเมฆ มองเห็นค่ายของชาวอียิปต์ พระองค์ทำให้ค่ายอียิปต์ปั่นป่วนไปหมด
25 พระองค์ทำให้ล้อรถรบของฟาโรห์ฝืด จนต้องขับด้วยความยากลำบาก ชาวอียิปต์พูดว่า “พวกเราหนีไปจากคนอิสราเอลกันเถอะ เพราะพระยาห์เวห์กำลังสู้รบให้กับพวกเขาต่อต้านพวกอียิปต์”
26 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ยื่นมือของเจ้าออกไปเหนือทะเล เพื่อน้ำจะได้ไหลกลับมาท่วมชาวอียิปต์ รวมทั้งพวกรถรบและทหารม้าของพวกเขา”
27 โมเสสจึงยื่นมือของเขาออกไปเหนือทะเล และในตอนเช้า น้ำได้ไหลกลับคืนมาตามทางของมัน ชาวอียิปต์ต่างพากันหนีกระแสน้ำ พระยาห์เวห์ได้กวาดชาวอียิปต์ลงสู่ทะเล 28 น้ำได้ไหลกลับคืนมาท่วมพวกรถรบ และทหารม้าในกองทัพของฟาโรห์ ที่ไล่ตามพวกเขาลงไปในทะเล ไม่มีใครรอดชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว
29 แต่ประชาชนชาวอิสราเอลกลับเดินบนพื้นดินแห้งกลางทะเล น้ำตั้งขึ้นเป็นกำแพงทั้งซ้ายขวาให้กับพวกเขา 30 ในวันนั้นเอง พระยาห์เวห์ได้ช่วยชาวอิสราเอลให้พ้นจากอำนาจของชาวอียิปต์ ชาวอิสราเอลเห็นศพของชาวอียิปต์ตายเกลื่อนกลาดไปหมดบนฝั่งทะเล 31 ชาวอิสราเอลได้เห็นพระยาห์เวห์ใช้มือที่เต็มไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ต่อต้านชาวอียิปต์ พวกเขาจึงเกรงกลัวพระยาห์เวห์ และไว้วางใจในพระองค์ และในโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ด้วย
บทเพลงของโมเสส
15 แล้วโมเสสและประชาชนชาวอิสราเอล ต่างก็ร้องเพลงนี้ให้กับพระยาห์เวห์ว่า
“ข้าพเจ้าจะร้องเพลงให้กับพระยาห์เวห์
เพราะพระองค์เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องสูงส่ง
พระองค์เหวี่ยงม้าและทหารม้าลงสู่ทะเล
2 พระยาห์เวห์เป็นพลังและเสียงเพลงของข้าพเจ้า
พระองค์เป็นความรอดของข้าพเจ้า
พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์
พระองค์เป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะยกย่องพระองค์
3 พระยาห์เวห์เป็นนักรบ
ชื่อของพระองค์คือยาห์เวห์
4 พระองค์ได้กวาดพวกรถรบของฟาโรห์และกองทัพของเขาลงสู่ทะเลแดง[am]
ทหารม้าที่ดีที่สุดของเขาได้จมลงในทะเลแดง
5 น้ำได้ท่วมพวกเขา
พวกเขาจมดิ่งลึกลงไปในทะเลเหมือนกับก้อนหิน
6 ข้าแต่พระยาห์เวห์ มือขวาของพระองค์ มีพลังยิ่งใหญ่นัก
ข้าแต่พระยาห์เวห์ มือขวาของพระองค์ ทำให้ศัตรูแตกเป็นเสี่ยงๆ
7 ด้วยพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระองค์โยนพวกที่ลุกฮือขึ้นลงกับพื้นดิน
พระองค์ส่งความเกรียวโกรธของพระองค์ลงมาเผาไหม้พวกนั้นเหมือนแกลบ
8 น้ำได้กองสูงขึ้นด้วยลมที่ออกจากจมูกของพระองค์
น้ำที่ไหลก็ได้ท่วมสูงขึ้นเป็นกอง
ส่วนลึกได้แข็งตัวขึ้นกลางทะเล
9 ศัตรูพูดว่า ‘เราจะไล่ล่า เราจะจู่โจม
เราจะแบ่งของที่ริบมาได้ พวกเขาจะระงับความหิวกระหายของเรา
เราจะชักดาบออกมา มือของเราจะทำลายพวกมัน’
10 พระองค์ระบายลมหายใจออกมา น้ำได้ท่วมพวกเขา
พวกเขาก็จมลงเหมือนตะกั่วในกระแสน้ำที่รุนแรง
11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ จะมีพระไหนเหมือนกับพระองค์เล่า
จะมีพระองค์ไหนเหมือนกับพระองค์
จะมีใครเหมือนกับพระองค์ ผู้เต็มไปด้วยสง่าราศีและความศักดิ์สิทธิ์
พระองค์น่าเกรงขาม เหมาะที่จะร้องสรรเสริญยิ่งนัก
เต็มไปด้วยพลังอำนาจ พระองค์ได้ทำสิ่งอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้
12 พระองค์ยื่นมือขวาของพระองค์ออกมา
แผ่นดินก็กลืนพวกเขาเข้าไป
13 พระองค์ได้นำประชาชนเหล่านี้ด้วยความรักของพระองค์ เป็นประชาชนที่พระองค์ได้ซื้อคืนมา
พระองค์ได้นำพวกเขาไปยังที่อาศัยอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
14 ชนชาติทั้งหลายได้ยินเรื่องนี้แล้ว พวกเขาพากันกลัวจนชักดิ้นชักงอ
ชาวฟีลิสเตียก็พากันกลัวจนชักดิ้นชักงอ
15 บัดนี้ พวกหัวหน้าของเมืองเอโดมพากันหวาดกลัว
พวกผู้นำของเมืองโมอับพากันตัวสั่นด้วยความกลัว
ชาวคานาอันทั้งหมดถูกหลอมละลายไปด้วยความกลัว
16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ความหวาดหวั่นและความกลัวได้ตกลงบนพวกเขา
เมื่อพวกเขาได้เห็นมืออันเต็มไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
พวกเขาเป็นใบ้ไปเหมือนก้อนหิน
จนกระทั่งประชาชนของพระองค์ จนกระทั่งประชาชนของพระองค์ที่พระองค์ไถ่มา เดินผ่านพ้นไป
17 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์จะนำพาพวกเขามาปลูกไว้บนภูเขาอันเป็นทรัพย์สินของพระองค์
เป็นสถานที่ที่พระองค์เตรียมไว้ให้เป็นที่อยู่ของพระองค์เอง
ข้าแต่พระยาห์เวห์ เป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่มือของพระองค์เองได้สร้างขึ้น
18 พระยาห์เวห์จะครอบครองตลอดชั่วนิจนิรันดร์”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International