Bible in 90 Days
27 แล้วถ้าหลังจากนี้ เจ้ายังไม่ยอมฟังเรา และยังใช้ชีวิตอย่างกับศัตรูกับเรา 28 เราก็จะอยู่กับเจ้าอย่างกับศัตรูที่โกรธแค้น และเราจะลงโทษเจ้าหนักขึ้นเป็นเจ็ดเท่าสำหรับบาปทั้งหลายของเจ้า 29 เจ้าจะหิวจนต้องกินเนื้อลูกชายลูกสาวของเจ้าเอง 30 เราจะทำลายสถานนมัสการทั้งหลายของเจ้า และจะโค่นพวกแท่นบูชาเครื่องหอมของเจ้า และจะเอาศพของเจ้าวางทับพวกรูปเคารพที่ไร้ชีวิตพวกนั้นของเจ้า และเราจะเกลียดชังเจ้า 31 เราจะทำให้เมืองต่างๆของเจ้าเป็นซากปรักหักพัง และจะทำลายสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของเจ้า และเราจะรู้สึกเหม็นต่อเครื่องบูชาต่างๆของเจ้า 32 เราจะทำลายแผ่นดินนี้ จนศัตรูที่จะเข้ามาตั้งถิ่นฐานเห็นแล้วต้องตะลึงงันเพราะมัน 33 เราจะทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายไปในท่ามกลางชนชาติต่างๆและจะชักดาบของเราขึ้นต่อต้านเจ้า แผ่นดินของเจ้าจะรกร้างว่างเปล่า และเมืองต่างๆของเจ้าจะถูกทำลาย
34 ตลอดเวลาที่แผ่นดินว่างเปล่า ตอนที่เจ้าไปอยู่ในแผ่นดินของพวกศัตรูเจ้า แผ่นดินก็จะได้หยุดพัก ชดเชยปีเหล่านั้นที่เจ้าไม่ยอมให้มันหยุดพัก 35 ตลอดเวลาที่มันถูกทอดทิ้งนี้ มันจะได้หยุดพัก อย่างที่มันไม่เคยได้หยุดมาก่อนในปีแห่งการหยุดพัก ตอนที่เจ้าอยู่ในแผ่นดินนี้ 36 ส่วนคนที่รอดชีวิต เราจะทำให้พวกเขามีจิตใจที่ขี้ขลาดตาขาวในดินแดนของศัตรู แค่เสียงลมพัดใบไม้ พวกเขาก็จะวิ่งหนี ราวกับมีใครไล่ล่าด้วยดาบในสงคราม พวกเขาจะล้มลงแม้ไม่มีใครไล่ตามมา 37 พวกเขาจะวิ่งล้มลุกคลุกคลานสะดุดกันเองราวกับจะหลบดาบ แม้ไม่มีใครไล่ตามมาก็ตาม เจ้าจะไม่มีเรี่ยวแรงยืนสู้กับศัตรูของเจ้า 38 พวกเจ้าจะล้มหายตายจากไปในท่ามกลางชนชาติอื่นๆและแผ่นดินของศัตรูพวกเจ้าก็จะกลืนกินพวกเจ้า 39 ส่วนผู้ที่รอดตาย[a]ก็จะทรุดโทรมตาย ไปในดินแดนของศัตรู เพราะความบาปของพวกเขา และเพราะบาปของบรรพบุรุษของพวกเขาด้วย พวกเขาจะทรุดโทรมตายไป[b]เหมือนกับบรรพบุรุษของพวกเขา
ยังคงมีความหวังเสมอ
40 แต่ถ้าหากว่า พวกเขายอมสารภาพบาปของพวกเขา และบาปของบรรพบุรุษของพวกเขา พวกเขายอมรับว่าพวกเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อเรา และได้ใช้ชีวิตอย่างกับเป็นศัตรูกับเรา 41 เราถึงได้อยู่กับพวกเขาอย่างศัตรู และนำพวกเขาไปสู่แผ่นดินของศัตรูพวกเขา และถ้าพวกเขาถ่อมตัวลง และยอมรับการลงโทษสำหรับบาปทั้งหลายของพวกเขา 42 เราก็จะระลึกถึงข้อตกลงที่เราได้ทำไว้กับยาโคบ ระลึกถึงข้อตกลงที่เราได้ทำไว้กับอิสอัค และข้อตกลงที่เราได้ทำไว้กับอับราฮัม แล้วเราก็จะระลึกถึงแผ่นดินนั้น
43 แผ่นดินนั้นจะถูกทอดทิ้งให้รกร้างว่างเปล่าและในเวลาที่พวกนั้นไม่อยู่ มันจะได้พักชดใช้ให้กับปีแห่งการหยุดพัก และพวกที่รอดชีวิตของเจ้าก็จะยอมรับการลงโทษ สำหรับบาปต่างๆของพวกเขา คือที่พวกเขาได้ทอดทิ้งระเบียบต่างๆของเรา และพวกเขาได้เกลียดกฎต่างๆของเรา 44 แต่หลังจากเหตุการณ์นี้แล้ว ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ในดินแดนของศัตรู เราก็จะไม่ทอดทิ้งพวกเขา และจะไม่เกลียดพวกเขา จนถึงกับทำลายพวกเขาอย่างราบคาบและทำลายข้อตกลงระหว่างเรากับพวกเขา เพราะเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า 45 แต่เราจะระลึกถึงข้อตกลงของเราที่เรามีกับบรรพบุรุษของพวกเขา ที่เราได้นำออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ต่อหน้าสายตาของชนชาติอื่นๆเพื่อเราจะได้เป็นพระเจ้าของพวกเขา เราคือยาห์เวห์’”
46 สิ่งเหล่านี้คือกฎ ระเบียบและคำสอนต่างๆที่พระยาห์เวห์ทำขึ้นระหว่างพระองค์กับประชาชนชาวอิสราเอลผ่านทางโมเสส บนภูเขาซีนาย
สิ่งที่บนไว้
27 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 2 “ให้บอกประชาชนชาวอิสราเอลว่า ‘ถ้ามีใครบนไว้ว่าจะถวายสิ่งนั้นสิ่งนี้แทนคนๆหนึ่ง ให้กับพระยาห์เวห์ นักบวชจะต้องตีค่าของคนๆนั้น 3 คือ ผู้ชายอายุยี่สิบปีถึงหกสิบปี จะมีราคาเป็นเงินห้าสิบเชเขล[c] ตามมาตรฐานสากล[d] 4 ถ้าเป็นผู้หญิงอายุยี่สิบปีถึงหกสิบปี จะมีราคาเป็นเงินสามสิบเชเขล 5 ถ้าเป็นคนที่มีอายุห้าปีถึงยี่สิบปี ถ้าเป็นผู้ชายจะมีราคาเป็นเงินยี่สิบเชเขล ถ้าเป็นผู้หญิงจะมีราคาเป็นเงินสิบเชเขล 6 ถ้าเป็นเด็กอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนจนถึงห้าปี เด็กผู้ชายจะมีราคาเป็นเงินห้าเชเขล ส่วนเด็กผู้หญิงจะมีราคาเป็นเงินสามเชเขล 7 คนที่มีอายุมากกว่าหกสิบปีขึ้นไป ถ้าเป็นผู้ชายจะมีราคาเป็นเงินสิบห้าเชเขล ส่วนผู้หญิงมีราคาเป็นเงินสิบเชเขล 8 แต่ถ้าคนที่บนไว้เป็นคนยากจนมากไม่สามารถจ่ายให้ตามราคานั้น คนที่ได้บนไว้ ต้องพาคนที่ได้อุทิศให้กับพระยาห์เวห์แล้วนั้น ไปหานักบวช และนักบวชจะกำหนดราคาให้เขา ตามที่คนที่บนนั้นจะสามารถจ่ายได้
ของขวัญแด่พระยาห์เวห์
9 ถ้ามีใครบนไว้ว่าจะเอาสัตว์มาเป็นของถวายให้กับพระยาห์เวห์ สัตว์ทุกตัวที่เขาเอามาถวายให้พระยาห์เวห์นั้นจะกลายเป็นของพระองค์โดยเฉพาะ 10 เขาต้องไม่เอาสัตว์ตัวอื่นมาแทนสัตว์ตัวนั้น ไม่ว่าจะเอาตัวดีมาแทนตัวเลวหรือเอาตัวเลวมาแทนตัวดี และถ้าเขาเอาสัตว์มาแทน สัตว์ทั้งสองตัวจะกลายเป็นของพระองค์โดยเฉพาะ
11 สัตว์บางชนิดไม่สามารถเอามาถวายให้กับพระยาห์เวห์ได้ เพราะมันไม่บริสุทธิ์ คนๆนั้นก็ต้องเอาสัตว์ตัวนั้นไปหานักบวช 12 นักบวชจะตีราคาของมัน ไม่ว่ามันจะดีหรือเลว ราคาของมันก็จะเป็นไปตามที่นักบวชกำหนดขึ้นมา 13 ถ้าคนๆนั้นต้องการซื้อมันคืน[e] เขาต้องเพิ่มเงินเข้าไปอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์จากราคาเดิม
มูลค่าของบ้าน
14 ถ้าคนหนึ่งอุทิศบ้านของเขาให้เป็นของพระยาห์เวห์ นักบวชต้องตั้งราคา ไม่ว่าบ้านนั้นจะดีหรือไม่ก็ตาม เมื่อนักบวชตั้งราคาแล้วมันจะมีราคาตามนั้น 15 และถ้าคนที่อุทิศบ้านให้เป็นของพระยาห์เวห์ อยากจะซื้อบ้านคืน เขาต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของราคาที่ตั้งไว้ และบ้านก็จะกลับเป็นของเขา
มูลค่าของที่ดิน
16 ถ้าใครที่อุทิศที่ดินส่วนหนึ่งของเขาให้เป็นของพระยาห์เวห์ ราคาของมันจะขึ้นอยู่กับจำนวนเมล็ดพืชที่จะต้องใช้หว่านในที่ดินแปลงนั้น โดยคิดเป็นเงินห้าสิบเชเขล ต่อเมล็ดข้าวบาร์เลย์สามร้อยเจ็ดสิบลิตร 17 ถ้าเขาอุทิศที่ดินนั้นให้กับพระยาห์เวห์ในปีแห่งการปลดปล่อย ราคาของมันจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักบวช 18 แต่ถ้าคนนั้นอุทิศที่ดินให้กับพระยาห์เวห์ หลังจากปีแห่งการปลดปล่อย นักบวชก็จะตั้งราคา ตามจำนวนปีที่เหลืออยู่ ก่อนจะถึงปีแห่งการปลดปล่อยครั้งต่อไป และราคาก็จะลดลงตามจำนวนปีที่เหลือ 19 ถ้าคนที่อุทิศที่ดินนั้นต้องการไถ่ที่ดินคืน เขาต้องเพิ่มเงินอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของราคาที่ตั้งไว้ แล้วที่ดินนั้นก็จะกลับเป็นของเขาอีก 20 ถ้าเขาไม่ไถ่ที่ดินคืน แล้วมีคนอื่นมาซื้อที่ดินนั้นไป เขาจะไถ่ที่ดินนั้นคืนมาอีกไม่ได้แล้ว 21 เมื่อถึงปีแห่งการปลดปล่อย ที่ดินนั้นก็จะเป็นอิสระ จะกลายเป็นของพระยาห์เวห์ และจะตกเป็นที่ดินของพระยาห์เวห์โดยสมบูรณ์ มันจะกลายเป็นสมบัติของนักบวชอย่างถาวร
22 ถ้ามีคนเอาที่ดินมาอุทิศให้กับพระยาห์เวห์ แต่ที่ดินนี้ไม่ได้เป็นทรัพย์สมบัติดั้งเดิม[f]ของครอบครัวเขา แต่เขาซื้อมา 23 นักบวชจะคำนวณราคาของมัน ตามจำนวนปีที่เหลือก่อนจะถึงปีแห่งการปลดปล่อย และชายคนนั้นต้องจ่ายเงินจำนวนนั้นในวันนั้นเลย เงินนั้นจะเป็นเงินที่อุทิศให้กับพระยาห์เวห์ 24 เมื่อถึงปีแห่งการปลดปล่อย ที่ดินนั้นจะกลับไปเป็นของเจ้าของเดิมที่ชายคนนั้นซื้อมา กลับไปยังครอบครัวที่ถือสิทธิในที่ดินนั้นตั้งแต่แรก
25 ราคาที่ตั้งทั้งหมดจะเป็นไปตามมาตรฐานสากล คือหนึ่งเชเขลจะมีน้ำหนักเท่ากับยี่สิบเกราห์[g]
มูลค่าของสัตว์
26 ไม่มีใครที่จะเอาสัตว์หัวปีไม่ว่าจะเป็นวัวหรือแกะ มาอุทิศให้กับพระยาห์เวห์ได้ เพราะสัตว์หัวปีทั้งหมดเป็นของพระยาห์เวห์อยู่แล้ว 27 แต่ถ้าเป็นลูกหัวปีของสัตว์ที่ไม่บริสุทธิ์[h] เขาสามารถไถ่คืนได้ในราคามาตรฐานพร้อมกับเพิ่มเงินอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าเขาไม่ไถ่มันคืน มันจะถูกขายตามราคามาตรฐาน
ของขวัญพิเศษ
28 ของขวัญพิเศษ[i] ใดๆก็ตามที่คนหนึ่งได้มอบไว้ เพื่อทำลายให้กับพระยาห์เวห์ จะเป็นอะไรก็ตามที่เขามีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์หรือที่นาซึ่งเป็นสมบัติของครอบครัว จะเอาไปขายต่อไม่ได้อีกแล้ว จะไถ่คืนก็ไม่ได้ด้วย ของทุกอย่างที่ได้มอบไว้ เพื่อทำลายให้กับพระยาห์เวห์ ก็จะเป็นของพระยาห์เวห์เท่านั้นห้ามแตะต้อง
29 คนที่ถูกมอบไว้เพื่อทำลาย ให้กับพระยาห์เวห์ จะไม่สามารถไถ่คืนได้อีก เขาต้องถูกฆ่าตาย
30 สิบเปอร์เซ็นต์ของแผ่นดินเป็นของพระยาห์เวห์ ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดพืชจากผืนดิน หรือผลไม้จากต้น มันเป็นของพระยาห์เวห์โดยเฉพาะ 31 ถ้าใครอยากซื้อส่วนที่เป็นสิบเปอร์เซ็นต์นี้กลับไป เขาต้องจ่ายเพิ่มอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของมันเข้าไป
32 สัตว์หนึ่งตัวในทุกๆสิบตัวจากฝูงวัวหรือฝูงแกะ ที่ผ่านไม้เท้าของคนเลี้ยงสัตว์ ตอนที่เขานับนั้น จะเป็นของพระยาห์เวห์โดยเฉพาะ 33 เขาต้องไม่ตรวจดูว่ามันดีหรือเลว และต้องไม่เอาตัวอื่นมาแทน ถ้าเขาเอาตัวอื่นมาแทน สัตว์ทั้งสองตัวก็จะเป็นของพระองค์โดยเฉพาะ และไม่สามารถไถ่คืนได้’”
34 นี่คือคำสั่งต่างๆที่พระยาห์เวห์ได้ให้กับโมเสส บนภูเขาซีนาย สำหรับประชาชนชาวอิสราเอล
โมเสสลงทะเบียนชาวอิสราเอล
1 พระยาห์เวห์ได้พูดกับโมเสสในเต็นท์นัดพบที่ที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งซีนาย วันนั้นเป็นวันที่หนึ่งเดือนที่สองของปีที่สอง หลังจากที่ประชาชนชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ พระองค์ได้พูดกับโมเสสว่า 2 “ให้ลงทะเบียนจำนวนชาวอิสราเอลในชุมชนนี้ทั้งหมดตามตระกูลและครอบครัว ให้จดรายชื่อ[j]ของผู้ชายทุกคนเรียงตัว 3 เจ้าและอาโรนต้องขึ้นทะเบียนพวกผู้ชายทั้งหมดในอิสราเอล ที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป ที่สามารถรับใช้อยู่ในกองทัพของอิสราเอล รวบรวมรายชื่อของพวกเขาไว้เป็นกลุ่มเป็นกอง[k] 4 จะมีผู้ชายหนึ่งคนจากแต่ละเผ่ามาช่วยเจ้า ผู้ชายคนนี้จะเป็นผู้นำครอบครัวของเขา 5 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อของผู้ชายพวกนั้นที่จะมาช่วยเจ้า
เอลีซูร์ลูกชายของเชเดเออร์จากเผ่ารูเบน
6 เชลูมิเอลลูกชายของศูริชัดดัยจากเผ่าสิเมโอน
7 นาโชนลูกชายของอัมมีนาดับจากเผ่ายูดาห์
8 เนธันเอลลูกชายของศุอาร์จากเผ่าอิสสาคาร์
9 เอลีอับลูกชายของเฮโลนจากเผ่าเศบูลุน
10 จากลูกหลานของโยเซฟมี
เอลีชามาลูกชายของอัมมีฮูดจากเผ่าเอฟราอิม
กามาลิเอลลูกชายของเปดาซูร์จากเผ่ามนัสเสห์
11 อาบีดันลูกชายของกิเดโอนีจากเผ่าเบนยามิน
12 อาหิเยเซอร์ลูกชายของอัมมีชัดดัยจากเผ่าดาน
13 ปากีเอลลูกชายของโอครานจากเผ่าอาเชอร์
14 เอลียาสาฟลูกชายของเรอูเอล[l] จากเผ่ากาด
15 อาหิราลูกชายของเอนันจากเผ่านัฟทาลี”
16 คนเหล่านี้คือผู้ที่ได้รับเลือกมาจากชุมชน ให้มาเป็นผู้นำของเผ่าต่างๆของบรรพบุรุษพวกเขา พวกเขาเป็นผู้นำของตระกูลต่างๆของอิสราเอล 17 โมเสสและอาโรนจึงเอาคนพวกนี้ที่ได้รับเลือกมา 18 แล้วโมเสสและอาโรนก็เรียกประชุมคนในชุมชนทั้งหมดในวันแรกของเดือนที่สอง และได้จดรายชื่อประชาชนเหล่านั้นไว้ตามตระกูลและครอบครัวของตน และได้จดรายชื่อของผู้ชายเรียงตัว ที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป 19 ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้ โมเสสจึงได้นับประชาชนเหล่านั้นในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งซีนาย
20 พวกเขานับลูกหลานของเผ่ารูเบนซึ่งเป็นลูกหัวปีของอิสราเอล ตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา และจดรายชื่อผู้ชายทุกคนเรียงตัว ที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป ที่สามารถรับใช้ในกองทัพ 21 จำนวนคนที่นับได้จากเผ่ารูเบน มีทั้งหมดสี่หมื่นหกพันห้าร้อยคน
22 พวกเขานับลูกหลานของเผ่าสิเมโอน ตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา และจดรายชื่อผู้ชายทุกคนเรียงตัว ที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปที่สามารถรับใช้ในกองทัพ 23 จำนวนคนที่นับได้จากเผ่าสิเมโอน มีทั้งหมดห้าหมื่นเก้าพันสามร้อยคน
24 พวกเขานับลูกหลานของเผ่ากาด ตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา และจดรายชื่อผู้ชายทุกคนเรียงตัว ที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป ที่สามารถรับใช้ในกองทัพ 25 จำนวนคนที่นับได้จากเผ่ากาด มีทั้งหมดสี่หมื่นห้าพันหกร้อยห้าสิบคน
26 พวกเขานับลูกหลานของเผ่ายูดาห์ ตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา และจดรายชื่อผู้ชายทุกคนเรียงตัว ที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป ที่สามารถรับใช้ในกองทัพ 27 จำนวนคนที่นับได้จากเผ่ายูดาห์ มีทั้งหมดเจ็ดหมื่นสี่พันหกร้อยคน
28 พวกเขานับลูกหลานของเผ่าอิสสาคาร์ ตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา และจดรายชื่อผู้ชายทุกคนเรียงตัว ที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป ที่สามารถรับใช้ในกองทัพ 29 จำนวนคนที่นับได้จากเผ่าอิสสาคาร์ มีทั้งหมดห้าหมื่นสี่พันสี่ร้อยคน
30 พวกเขานับลูกหลานของเผ่าเศบูลุน ตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา และจดรายชื่อผู้ชายทุกคนเรียงตัว ที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป ที่สามารถรับใช้ในกองทัพ 31 จำนวนคนที่นับได้จากเผ่าเศบูลุน มีทั้งหมดห้าหมื่นเจ็ดพันสี่ร้อยคน
32 พวกเขานับลูกหลานของเผ่าเอฟราอิม ลูกชายของโยเซฟ ตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา และจดรายชื่อผู้ชายทุกคนเรียงตัว ที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป ที่สามารถรับใช้ในกองทัพ 33 จำนวนคนที่นับได้จากเผ่าเอฟราอิม มีทั้งหมดสี่หมื่นห้าร้อยคน
34 พวกเขานับลูกหลานของเผ่ามนัสเสห์ ลูกชายอีกคนของโยเซฟ ตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา และจดรายชื่อผู้ชายเรียงตัวทุกคน ที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป ที่สามารถรับใช้ในกองทัพ 35 จำนวนคนที่นับได้จากเผ่ามนัสเสห์ มีทั้งหมดสามหมื่นสองพันสองร้อยคน
36 พวกเขานับลูกหลานของเผ่าเบนยามิน ตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา และจดรายชื่อผู้ชายทุกคนเรียงตัว ที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป ที่สามารถรับใช้ในกองทัพ 37 จำนวนคนที่นับได้จากเผ่าเบนยามิน มีทั้งหมดสามหมื่นห้าพันสี่ร้อยคน
38 พวกเขานับลูกหลานเผ่าดาน ตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา และจดรายชื่อผู้ชายทุกคนเรียงตัว ที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป ที่สามารถรับใช้ในกองทัพ 39 จำนวนคนที่นับได้จากเผ่าดาน มีทั้งหมดหกหมื่นสองพันเจ็ดร้อยคน
40 พวกเขานับลูกหลานของเผ่าอาเชอร์ ตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา และจดรายชื่อผู้ชายทุกคนเรียงตัว ที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป ที่สามารถรับใช้ในกองทัพ 41 จำนวนคนที่นับได้จากเผ่าอาเชอร์ มีทั้งหมดสี่หมื่นหนึ่งพันห้าร้อยคน
42 พวกเขานับลูกหลานของเผ่านัฟทาลี ตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา และจดรายชื่อผู้ชายทุกคนเรียงตัว ที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป ที่สามารถรับใช้ในกองทัพ 43 จำนวนคนที่นับได้จากเผ่านัฟทาลี มีทั้งหมดห้าหมื่นสามพันสี่ร้อยคน
44 โมเสสและอาโรน รวมทั้งผู้นำสิบสองคนจากแต่ละเผ่าของอิสราเอลเป็นผู้นับจำนวนคนเหล่านี้ ผู้นำแต่ละคนก็เป็นตัวแทนของแต่ละครอบครัว 45 พวกเขานับผู้ชายชาวอิสราเอลทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปและสามารถรับใช้ในกองทัพ ตามครอบครัวของตน 46 รวมจำนวนคนที่นับได้ทั้งหมดมีหกแสนสามพันห้าร้อยห้าสิบคน
47 แต่ชาวเผ่าเลวีไม่ได้ถูกนับรวมกับชาวอิสราเอลคนอื่นๆ 48 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 49 “เจ้าต้องไม่นับเผ่าเลวี เจ้าต้องไม่นับพวกเขา รวมกับชาวอิสราเอลคนอื่นๆ 50 แต่เจ้าต้องตั้งให้คนเลวีรับผิดชอบเต็นท์ที่เก็บข้อตกลงและเครื่องใช้ไม้สอย รวมทั้งของทุกอย่างที่เป็นของเต็นท์นั้น พวกเขาต้องแบกเต็นท์ที่เก็บข้อตกลงและเครื่องใช้ในนั้นทั้งหมด และต้องคอยดูแลของเหล่านั้น พวกเขายังต้องตั้งเต็นท์อยู่รอบๆเต็นท์ที่เก็บข้อตกลงด้วย 51 เมื่อมีการย้ายเต็นท์ที่เก็บข้อตกลง พวกเขาจะต้องเป็นผู้รื้อถอนมัน และเมื่อมีการตั้งเต็นท์ ชาวเลวีก็จะเป็นผู้ติดตั้งมัน ถ้าคนอื่นที่ไม่ใช่ชาวเลวีเข้ามาใกล้เต็นท์ที่เก็บข้อตกลง คนๆนั้นต้องถูกฆ่า 52 ประชาชนชาวอิสราเอลจะตั้งค่ายของพวกเขาแยกต่างหากเป็นกลุ่มเป็นกอง แต่ละคนจะอยู่ตามหน่วยของตนเอง[m] 53 แต่ชาวเลวีต้องตั้งเต็นท์อยู่รอบๆเต็นท์ที่เก็บข้อตกลง เพื่อว่าพระเจ้าจะได้ไม่โกรธเคืองชาวอิสราเอลคนอื่น เพราะชาวเลวีจะเป็นยามเฝ้าระวังไม่ให้ชาวอิสราเอลล่วงล้ำเข้าไปในเต็นท์ที่เก็บข้อตกลง”
54 ประชาชนชาวอิสราเอลจึงทำทุกสิ่งตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้
การจัดค่าย
2 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและอาโรนว่า 2 “ประชาชนชาวอิสราเอลควรจัดตั้งค่ายของตนเอง แบ่งเป็นกลุ่มเป็นกอง อยู่ตามหน่วยของครอบครัวของพวกเขาเอง โดยให้ตั้งค่ายอยู่รอบๆห่างจากเต็นท์นัดพบ”
3 ค่ายทางตะวันออกหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์ ให้เป็นที่ตั้งค่ายของเผ่ายูดาห์ โดยจัดตามกลุ่มตามกองของเขา มีนาโชนลูกชายของอัมมีนาดับเป็นหัวหน้าเผ่านี้ 4 กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดเจ็ดหมื่นสี่พันหกร้อยคน
5 ค่ายที่อยู่ถัดจากค่ายของยูดาห์คือค่ายของเผ่าอิสสาคาร์ มีเนธันเอลลูกชายของศุอาร์เป็นหัวหน้าเผ่านี้ 6 กลุ่มของเขานับคนได้ทั้งหมดห้าหมื่นสี่พันสี่ร้อยคน
7 ถัดจากนั้นคือเผ่าเศบูลุน มีเอลีอับลูกชายของเฮโลนเป็นหัวหน้าเผ่า 8 กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดห้าหมื่นเจ็ดพันสี่ร้อยคน
9 นับจำนวนคนที่ขึ้นอยู่กับค่ายของยูดาห์และค่ายที่อยู่รอบๆตามกลุ่มตามกองของแต่ละค่าย มีทั้งหมดหนึ่งแสนแปดหมื่นหกพันสี่ร้อยคน พวกเขาทั้งหมดจะเดินทางออกจากค่ายเป็นขบวนแรก
10 ทางทิศใต้ให้เป็นที่ตั้งค่ายของรูเบนโดยให้จัดตามกลุ่มตามกองของพวกเขา มีเอลีซูร์ลูกชายของเชเดเออร์เป็นหัวหน้าเผ่า 11 กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดสี่หมื่นหกพันห้าร้อยคน
12 ถัดจากค่ายของรูเบนคือเผ่าสิเมโอน มีเชลูมิเอลลูกชายของศูริชัดดัยเป็นหัวหน้าเผ่า 13 กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดห้าหมื่นเก้าพันสามร้อยคน
14 ต่อจากนั้นคือเผ่ากาด มีเอลียาสาฟลูกชายของเรอูเอล[n] เป็นหัวหน้าเผ่า 15 กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดสี่หมื่นห้าพันหกร้อยห้าสิบคน
16 นับจำนวนคนที่ขึ้นกับค่ายของรูเบนและค่ายที่ตั้งอยู่รอบๆตามกลุ่มของแต่ละเผ่า มีทั้งหมดหนึ่งแสนห้าหมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยห้าสิบคน พวกเขาจะออกเดินทางจากค่ายเป็นขบวนที่สอง
17 ต่อไปคือขบวนของชาวเลวี ที่จะออกมาพร้อมกับเต็นท์นัดพบ พวกเขาจะเดินอยู่ตรงกลางของขบวนอื่นๆพวกเขาจะเดินออกมาเป็นขบวน ตามที่เขาได้ตั้งค่ายไว้ ตามจุดต่างๆตามกลุ่มตามกองของตน
18 ค่ายทางทิศตะวันตกจะเป็นค่ายของเผ่าเอฟราอิม โดยจัดตามกลุ่มตามกองของพวกเขา มีเอลีชามาลูกชายของอัมมีฮูดเป็นหัวหน้าเผ่า 19 กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดสี่หมื่นห้าร้อยคน
20 ค่ายที่ถัดจากค่ายเอฟราอิมคือเผ่ามนัสเสห์ มีกามาลิเอลลูกชายของเปดาซูร์เป็นหัวหน้า 21 กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดสามหมื่นสองพันสองร้อยคน
22 ต่อมาคือเผ่าเบนยามิน มีอาบีดันลูกชายของกิเดโอนีเป็นหัวหน้า 23 กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดสามหมื่นห้าพันสี่ร้อยคน
24 นับจำนวนคนที่ขึ้นกับค่ายของเอฟราอิมและค่ายที่ตั้งอยู่รอบๆตามกลุ่มตามกองของแต่ละเผ่า มีทั้งหมดหนึ่งแสนแปดพันหนึ่งร้อยคน พวกเขาจะออกเดินทางเป็นขบวนที่สาม
25 ค่ายทางเหนือจะเป็นค่ายของเผ่าดาน โดยจัดตามกลุ่มตามกองของพวกเขา มีอาหิเยเซอร์ลูกชายของอัมมีชัดดัยเป็นหัวหน้าเผ่า 26 กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดหกหมื่นสองพันเจ็ดร้อยคน
27 ค่ายที่อยู่ถัดจากค่ายของดานคือเผ่าอาเชอร์ มีปากีเอลลูกชายของโอครานเป็นหัวหน้าเผ่า 28 กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดสี่หมื่นหนึ่งพันห้าร้อยคน
29 จากนั้นคือค่ายของเผ่านัฟทาลี มีอาหิราลูกชายของเอนันเป็นหัวหน้าเผ่า 30 กลุ่มนี้มีคนทั้งหมดห้าหมื่นสามพันสี่ร้อยคน
31 นับคนทั้งหมดที่ขึ้นกับค่ายของดาน มีทั้งหมดหนึ่งแสนห้าหมื่นเจ็ดพันหกร้อยคน พวกเขาเหล่านี้จะออกเดินทางเป็นขบวนสุดท้าย ภายในหน่วยของพวกเขา[o]
32 ทั้งหมดนี้คือคนอิสราเอล ที่นับตามครอบครัวของพวกเขา คนอิสราเอลทั้งหมดที่อยู่ในค่าย ที่นับตามกลุ่มตามกองของพวกเขา มีจำนวนทั้งหมดหกแสนสามพันห้าร้อยห้าสิบคน 33 ไม่ได้นับชาวเลวีรวมเข้าไปกับชาวอิสราเอลคนอื่นๆเพราะพระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้อย่างนั้น
34 ชาวอิสราเอลจึงทำทุกอย่างตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้ คือแต่ละกลุ่มก็ตั้งค่ายอยู่ตามกองของพวกเขา และพวกเขาก็ออกเดินทางกันเป็นตระกูลและครอบครัวของพวกเขา
พวกนักบวชที่เป็นลูกชายอาโรน
3 ต่อไปนี้คือประวัติครอบครัวของอาโรนและโมเสส เมื่อพระยาห์เวห์พูดกับโมเสสบนภูเขาซีนาย
2 อาโรนมีลูกชายสี่คนคือ นาดับลูกชายคนโต ต่อจากเขาคืออาบีฮู เอเลอาซาร์และอิธามาร์ 3 ทั้งหมดนั้นคือชื่อของลูกชายอาโรน ที่ได้รับการเจิม ให้เป็นนักบวชแล้ว พวกเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักบวชเพื่อรับใช้พระยาห์เวห์ 4 แต่นาดับและอาบีฮู[p] ตายไปในขณะที่รับใช้พระยาห์เวห์ เพราะพวกเขาใช้ไฟที่พระยาห์เวห์ไม่ให้ใช้ ตอนถวายเครื่องบูชาให้กับพระองค์ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งซีนาย พวกเขาไม่มีลูกชาย ดังนั้นเอเลอาซาร์และอิธามาร์จึงมารับใช้พระยาห์เวห์ในฐานะนักบวช ตอนที่อาโรนพ่อของพวกเขายังมีชีวิตอยู่
ชาวเลวีผู้ช่วยนักบวช
5 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 6 “ให้นำชาวเผ่าเลวีมาและพาพวกเขาไปพบนักบวชอาโรน เพื่อพวกเขาจะได้ช่วยเหลืออาโรน 7 พวกเลวีจะช่วยอาโรนและคนในชุมชน โดยเป็นยามเฝ้าระวังไม่ให้คนในชุมชนล่วงล้ำเข้าไปในเต็นท์นัดพบ และพวกเลวียังทำงานกรรมกร[q] ที่เกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบนั้นด้วย 8 พวกเขาต้องคอยดูแลรักษาเครื่องใช้ทุกอย่างในเต็นท์นัดพบ และทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังไม่ให้ชาวอิสราเอลล่วงล้ำเข้าไปในเต็นท์นัดพบ และพวกเลวียังต้องทำงานกรรมกรที่เกี่ยวข้องกับเต็นท์นั้นด้วย
9 เจ้าต้องมอบชาวเลวีให้กับอาโรนและพวกลูกชายของเขา ชาวเลวีถูกเลือกออกมาจากชาวอิสราเอลทั้งหลาย เพื่อมาช่วยเหลืออาโรน
10 เจ้าต้องแต่งตั้งอาโรนกับลูกชายของเขาให้เป็นนักบวช และให้พวกเขาทำหน้าที่ของนักบวช ส่วนคนอื่นที่ไม่ได้มาจากครอบครัวอาโรน ที่บุกรุกเข้ามาในเต็นท์นัดพบจะต้องถูกฆ่า”
11 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 12 “ฟังให้ดี เราได้เลือกชาวเลวีออกมาจากชาวอิสราเอลทั้งหลาย ดังนั้นชาวเลวีจะเป็นของเรา ชาวอิสราเอลจะได้ไม่ต้องให้ลูกชายหัวปีกับเรา เพราะเราได้เลือกชาวเลวีมาแทนที่พวกเขาแล้ว
13 เพราะลูกหัวปีทั้งหมดเป็นของเรา ไม่ว่าจะเป็นลูกคนหรือลูกสัตว์ก็ตาม ตอนที่เราฆ่าลูกหัวปีของคนอียิปต์ รวมทั้งสัตว์หัวปีของเขานั้น เราได้แยกลูกหัวปีของคนอิสราเอล และสัตว์หัวปีของเขาเอาไว้เอง พวกเขาเป็นของเรา เราคือยาห์เวห์”
14 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งซีนายว่า 15 “ให้ลงทะเบียนชาวเลวีตามครอบครัวและตระกูล เจ้าต้องนับ[r]เด็กผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป” 16 โมเสสจึงนับพวกเขาตามที่พระยาห์เวห์สั่ง
17 ลูกชายของเลวี มีสามคนชื่อเกอร์โชน โคฮาทและเมรารี 18 ลูกชายของเกอร์โชน ชื่อ ลิบนีและชิเมอี
19 ลูกชายโคฮาท ชื่ออัมราม อิสฮาร์ เฮโบรนและอุสซีเอล
20 ลูกชายของเมรารี ชื่อมาห์ลีและมูชี
ทั้งหมดนั้นคือตระกูลของเลวีตามครอบครัวของพวกเขา
21 ตระกูลลิบนีและชิเมอีเป็นของเกอร์โชน นี่คือตระกูลต่างๆของชาวเกอร์โชน 22 เมื่อนับผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป มีทั้งหมดเจ็ดพันห้าร้อยคน 23 ตระกูลต่างๆของชาวเกอร์โชนตั้งค่ายอยู่ทางด้านหลังของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ ทางทิศตะวันตก 24 มีเอลียาสาฟลูกชายของลาเอล เป็นผู้นำของพวกเขา 25 ในเต็นท์นัดพบนั้น ชาวเกอร์โชนมีหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ เต็นท์ด้านนอก หลังคา และ ม่านตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ 26 รวมทั้งต้องเฝ้าดูแลม่านที่ขึงอยู่ในลาน ม่านตรงทางเข้าลานที่อยู่ล้อมรอบเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์และแท่นบูชา พวกเชือกต่างๆ รวมทั้งงานติดตั้งและเคลื่อนย้ายเต็นท์
27 ตระกูลของอัมราม อิสฮาร์ เฮโบรนและอุสซีเอล เป็นของโคฮาท นี่คือตระกูลต่างๆของชาวโคฮาท 28 เมื่อนับผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป มีทั้งหมดแปดพันสามร้อยคน[s] พวกชาวโคฮาทมีหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังของทั้งหมดในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ 29 ตระกูลต่างๆของชาวโคฮาทตั้งค่ายอยู่ทางด้านใต้ของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ 30 มีเอลีซาฟานลูกชายอุสซีเอล เป็นผู้นำพวกเขา 31 พวกเขามีหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังทั้งหีบศักดิ์สิทธิ์ โต๊ะ ตะเกียงที่มีขาตั้ง แท่นบูชาต่างๆ ข้าวของเครื่องใช้ในเต็นท์นั้น ม่าน รวมทั้งงานติดตั้งและเคลื่อนย้ายเต็นท์
32 ผู้นำสูงสุดของชาวเลวีคือเอเลอาซาร์ลูกชายของนักบวชอาโรน เขามีหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังคนพวกนั้นที่ดูแลของศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ
33-34 ตระกูลมาลีและมูชี เป็นของเมรารี นี่คือตระกูลต่างๆของเมรารี เมื่อนับผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป มีทั้งหมดหกพันสองร้อยคน 35 มีศุรีเอลลูกชายของอาบีฮาอิล เป็นผู้นำพวกเขา พวกเขาตั้งค่ายอยู่ทางด้านเหนือของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ 36 พวกเขามีหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังพวกโครงต่างๆของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ พวกกลอน พวกเสาหลัก พวกฐานต่างๆ เครื่องไม้เครื่องมือทุกอย่าง รวมทั้งงานติดตั้งและเคลื่อนย้ายเต็นท์ 37 พวกเขายังต้องดูแลเสาที่อยู่รอบๆลานกับฐานของมัน รวมทั้งหมุดยึดและเชือก
38 โมเสส อาโรนและพวกลูกชายของอาโรน จะตั้งเต็นท์อยู่ทางทิศตะวันออก ซึ่งอยู่ด้านหน้าของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์คือเต็นท์นัดพบ พวกเขามีหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังไม่ให้คนอิสราเอลล่วงล้ำเข้าไปในเขตศักดิ์สิทธิ์ เพราะคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวนักบวชอาโรน ถ้าเข้ามาใกล้ของศักดิ์สิทธิ์ จะต้องถูกฆ่า
39 โมเสสและอาโรนได้นับชาวเลวีทั้งหมด ตามตระกูลต่างๆของพวกเขา ตามที่พระยาห์เวห์สั่ง เมื่อนับผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป รวมได้ทั้งหมดสองหมื่นสองพันคน
เอาชาวเลวีมาแทนที่ลูกชายคนแรก
40 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้นับจำนวนลูกชายหัวปีของชาวอิสราเอลที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป และทำบัญชีรายชื่อของพวกเขาไว้ 41 เราคือยาห์เวห์ ให้เอาชาวเลวีมาให้กับเรา แทนลูกหัวปีทุกคนของชาวอิสราเอล และให้เอาสัตว์ของชาวเลวี มาแทนลูกสัตว์หัวปีทั้งหมดของชาวอิสราเอล”
42 โมเสสจึงนับลูกชายหัวปีทุกคนของชาวอิสราเอล ตามที่พระยาห์เวห์สั่ง 43 จำนวนลูกชายหัวปีที่มีอายุตั้งแต่หนึ่งเดือนขึ้นไป นับตามรายชื่อแล้ว มีทั้งหมดสองหมื่นสองพันสองร้อยเจ็ดสิบสามคน
44 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 45 “ให้เอาชาวเลวี มาแทนที่ลูกชายหัวปีทุกคนของชาวอิสราเอล และให้เอาสัตว์ของชาวเลวี มาแทนที่ลูกสัตว์หัวปีของชาวอิสราเอล ชาวเลวีเป็นของเรา เราคือพระยาห์เวห์ 46 ลูกหัวปีของชาวอิสราเอลมีมากกว่าชาวเลวีอยู่สองร้อยเจ็ดสิบสามคน ส่วนต่างนี้ 47 ให้นำเงินจำนวนห้าสิบเจ็ดกรัม[t] มาเป็นค่าไถ่ของแต่ละคน เจ้าต้องใช้น้ำหนักกลางเป็นเกณฑ์[u] โดยคิดยี่สิบเกราห์[v] เท่ากับสิบเอ็ดกรัม[w] 48 เจ้าต้องนำเงินนี้ไปให้อาโรนและลูกชายของเขาเพื่อเป็นค่าไถ่ตัวลูกชายหัวปีทั้งสองร้อยเจ็ดสิบสามคนที่เกินมานั้น”
49 โมเสสจึงรับเงินค่าไถ่ตัวลูกชายหัวปีของชาวอิสราเอลพวกนี้ที่เป็นส่วนเกิน เพราะมีชาวเลวีไม่พอที่จะมาแทนที่พวกเขา 50 โมเสสเก็บเงินจากลูกชายหัวปีของชาวอิสราเอลมาได้ทั้งหมดเกือบสิบหกกิโลกรัม[x] ตามน้ำหนักกลาง 51 โมเสสให้เงินค่าไถ่นั้นกับอาโรนและลูกชายของอาโรนตามที่พระยาห์เวห์สั่ง
งานของครอบครัวโคฮาท
4 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและอาโรนว่า 2 “ให้ขึ้นทะเบียนจำนวนลูกหลานของโคฮาทที่อยู่กับชาวเลวี ตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา 3 ที่มีอายุตั้งแต่สามสิบถึงห้าสิบปีทุกคนที่สามารถทำงานเกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบ 4 งานของชาวโคฮาทคือขนย้ายพวกของที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในเต็นท์นัดพบ
5 เมื่อคนอิสราเอลจะเดินทางต่อไป อาโรนกับลูกชายของเขาต้องเข้าไปในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ และปลดม่านที่กั้นห้องชั้นในสุด แล้วเอาม่านนั้นมาคลุมหีบที่ใส่ข้อตกลงไว้ 6 หลังจากนั้น พวกเขาต้องคลุมของพวกนี้ด้วยหนังอย่างดี แล้วเอาผ้าหนาๆสีน้ำเงินมาคลุมทับบนหนังอีกชั้นหนึ่ง แล้วเอาคานมาสอดห่วงข้างหีบนั้น
7 จากนั้นพวกเขาต้องเอาผ้าสีน้ำเงินมากางไว้บนโต๊ะศักดิ์สิทธิ์ แล้วเอาพวกจาน ช้อน ชามและไหใส่เครื่องดื่มบูชา มาวางไว้บนโต๊ะนั้น และให้เอาขนมปังมาวางด้วย ขนมปังนี้จะต้องอยู่บนโต๊ะนั้นตลอดเวลา 8 แล้วพวกเขาต้องเอาผ้าสีแดงมาคลุมของพวกนี้อีกที หลังจากนั้นก็ต้องเอาหนังอย่างดีมาคลุมทับอีกชั้นหนึ่ง และสอดคานหามเข้าในห่วงของโต๊ะ
9 พวกเขาต้องเอาผ้าสีน้ำเงินมาคลุมขาตั้งของตะเกียงที่มีขาตั้ง พวกตะเกียง กรรไกรตัดไส้ตะเกียง ถาดต่างๆ รวมทั้งพวกไหทั้งหมดที่ใช้ใส่น้ำมันเอามาใช้กับตะเกียง 10 พวกเขาต้องเอาหนังอย่างดีมาคลุมตะเกียงที่มีขาตั้ง และอุปกรณ์ทั้งหมดของมัน และวางไว้บนคานหาม
11 พวกเขาต้องเอาผ้าสีน้ำเงินมากางบนแท่นบูชาทองคำ แล้วเอาหนังอย่างดีมาคลุมอีกชั้นหนึ่ง แล้วเอาคานสอดเข้ากับห่วงของแท่นบูชา
12 แล้วพวกเขาต้องเอาผ้าสีน้ำเงินมาห่ออุปกรณ์ทั้งหมดที่ใช้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แล้วเอาหนังอย่างดีคลุมทับ แล้วเอาไปวางไว้บนคานหาม
13 จากนั้นพวกเขาต้องเอาขี้เถ้าออกจากแท่นบูชาแล้วเอาผ้าสีม่วงมากางบนแท่นนั้น 14 แล้วพวกเขาต้องรวบรวมเครื่องใช้ทุกอย่างที่ใช้กับแท่นบูชานั้น เช่น พวกถาด ส้อม พลั่วและชามประพรม ให้เอาเครื่องใช้ทุกอย่างนี้มาวางไว้บนแท่นบูชา แล้วเอาหนังอย่างดีมาคลุมไว้อีกชั้นหนึ่ง และเอาคานหามสอดเข้ากับห่วงของแท่นบูชา
15 เมื่ออาโรนและลูกชายจัดการคลุมข้าวของเครื่องใช้ศักดิ์สิทธิ์และภาชนะศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว และค่ายทั้งค่ายก็พร้อมที่จะออกเดินทางแล้ว ชาวโคฮาทก็จะเข้าไปข้างในเพื่อขนย้ายของเหล่านั้น ด้วยวิธีนี้ พวกเขาจะได้ไม่ไปจับถูกของศักดิ์สิทธิ์แล้วตาย ชาวโคฮาทมีหน้าที่ขนย้ายของในเต็นท์นัดพบ
16 เอเลอาซาร์ลูกชายนักบวชอาโรนจะรับผิดชอบเกี่ยวกับน้ำมันสำหรับจุดตะเกียง เครื่องหอม เครื่องบูชาประจำวันจากเมล็ดพืช[y] และน้ำมันสำหรับเจิม เขาจะรับผิดชอบเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ และทุกอย่างในเต็นท์นั้น รวมทั้งของศักดิ์สิทธิ์ต่างๆและพวกภาชนะของมัน”
17 แล้วพระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและอาโรนว่า 18 “อย่าให้พวกตระกูลของชาวโคฮาทต้องถูกทำลายไปจากกลุ่มชาวเลวี 19 เมื่อพวกโคฮาทจะต้องเข้าไปหยิบยกพวกของศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนั้น ให้ทำอย่างนี้กับพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้มีชีวิตอยู่และไม่ตาย คือให้อาโรนและลูกชายเข้าไปกับพวกโคฮาท และคอยบอกให้พวกเขาทำโน่นทำนี่ แบกนั่นแบกนี่ 20 เพื่อว่าชาวโคฮาทจะได้ไม่เข้าไป และมองเห็นพวกของศักดิ์สิทธิ์นั้นเข้า ถึงแม้จะมองแค่แวบเดียวก็ต้องตาย”
งานของครอบครัวเกอร์โชน
21 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 22 “ให้ลงทะเบียนชาวเกอร์โชนด้วย โดยนับตามครอบครัวและตามตระกูลของพวกเขา 23 ให้ลงทะเบียน[z]คนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบถึงห้าสิบปีทุกคน ที่สามารถทำงานเกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบ
24 พวกชาวเกอร์โชนมีหน้าที่รับใช้และแบกหาม 25 พวกเขาจะต้องแบกพวกผ้าม่านของเต็นท์นัดพบและหลังคาของมัน รวมทั้งหลังคาที่ทำจากหนังอย่างดีซึ่งคลุมอยู่บนมัน และม่านที่กั้นทางเข้าเต็นท์นัดพบ 26 พวกเขาจะต้องแบกม่านที่บริเวณลาน ม่านกั้นทางเข้าประตูลานที่อยู่ล้อมรอบเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ และแท่นบูชา พวกเชือกและเครื่องมือต่างๆที่ใช้กับม่านนี้ รวมทั้งสิ่งอื่นๆทั้งหมดที่ทำขึ้นมาใช้กับพวกมัน พวกชาวเกอร์โชนก็จะทำงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ 27 งานทั้งหมดที่ชาวเกอร์โชนทำ และการเคลื่อนย้าย รวมทั้งการบริการ จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของอาโรนและพวกลูกชายของเขา และเจ้าต้องให้พวกเขารับผิดชอบเป็นยามเฝ้าระวังของที่พวกเขาขนย้ายด้วย 28 นี่เป็นงานที่ชาวเกอร์โชนต้องทำที่เกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบและเป็นยามเฝ้าระวัง โดยมีอิธามาร์ลูกชายของนักบวชอาโรนเป็นคนสั่งงาน
งานของครอบครัวเมรารี
29 ให้เจ้าลงทะเบียนชาวเมรารี ตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา 30 ให้เจ้าลงทะเบียนคนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบปีถึงห้าสิบปีทุกคนที่สามารถทำงานรับใช้ในเต็นท์นัดพบได้ 31 นี่เป็นงานที่ชาวเมรารีจะต้องเฝ้าระวัง เมื่อพวกเขาขนย้ายของในเต็นท์นัดพบ คือพวกโครงสร้างของเต็นท์ พวกสลักกลอนประตู พวกเสา และฐานของมัน 32 พวกเขาต้องขนเสารอบๆลาน กับฐานของมัน พวกหมุดยึดและเชือกกับอุปกรณ์ต่างๆของมัน ให้ทำรายชื่อของที่พวกเขาต้องเฝ้าระวังและขนย้าย 33 นั่นเป็นงานของคนในตระกูลเมรารี รวมถึงงานทั้งหมดที่พวกเขาทำเกี่ยวกับเต็นท์นัดพบ โดยมีอิธามาร์ลูกชายนักบวชอาโรนเป็นคนสั่งงาน”
ครอบครัวชาวเลวี
34 โมเสส อาโรนและบรรดาผู้นำชุมชนได้ลงทะเบียนชาวโคฮาทตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา 35 ผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบปีถึงห้าสิบปี ที่สามารถทำงานเกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบ
36 นับจำนวนคนตามตระกูลของเขาได้ทั้งหมดสองพันเจ็ดร้อยห้าสิบคน 37 นี่คือจำนวนคนที่นับได้จากตระกูลโคฮาท ทุกคนทำงานเกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบ โมเสสและอาโรนนับพวกเขาตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้
38 มีการขึ้นทะเบียนชาวเกอร์โชนตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา 39 มีการนับผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบปีถึงห้าสิบปี ที่สามารถทำงานเกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบ 40 นับจำนวนคนตามตระกูลของพวกเขาได้ทั้งหมดสองพันหกร้อยสามสิบคน 41 นี่คือจำนวนคนที่นับได้จากตระกูลเกอร์โชน ที่สามารถทำงานเกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบได้ โมเสสและอาโรนได้นับพวกเขาตามคำสั่งของพระยาห์เวห์
42 มีการขึ้นทะเบียนชาวเมรารีตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา 43 มีการนับผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบปีถึงห้าสิบปี ที่สามารถทำงานเกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบได้ 44 นับจำนวนคนตามตระกูลของพวกเขาได้ทั้งหมดสามพันสองร้อยคน 45 นี่คือจำนวนคนที่นับได้จากตระกูลเมรารี ทุกคนที่สามารถทำงานเกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบได้ โมเสสและอาโรนได้นับพวกเขาตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้
46 โมเสส อาโรนและบรรดาผู้นำของชาวอิสราเอลได้นับชาวเลวีตามตระกูลและครอบครัวของพวกเขา 47 นับผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สามสิบปีถึงห้าสิบปี ที่สามารถทำงานเกี่ยวข้องกับเต็นท์นัดพบ คืองานกรรมกรและงานแบกหาม 48 รวมทั้งหมดมีแปดพันห้าร้อยแปดสิบคน
49 โมเสส อาโรน และพวกผู้นำ ได้นับพวกเขาตามคำสั่งของพระยาห์เวห์ที่สั่งผ่านโมเสสมา แบ่งตามงานและความรับผิดชอบของแต่ละคน บางคนก็ห่อของ บางคนขนย้าย ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้
กฎเกี่ยวกับความสะอาด
5 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 2 “ให้สั่งชาวอิสราเอลว่า พวกเขาจะต้องไล่คนพวกนี้ออกจากค่าย คือคนที่เป็นโรคผิวหนัง คนที่มีน้ำหนองไหล[aa] ออกจากร่างกาย รวมทั้งคนที่กลายเป็นคนไม่บริสุทธิ์เพราะไปแตะต้องศพ 3 เจ้าต้องขับไล่พวกเขาออกไป ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ไล่พวกเขาออกไปนอกค่าย เพื่อพวกเขาจะได้ไม่ทำให้ค่ายสกปรก เพราะเราอยู่ในค่ายนั้น”
4 ชาวอิสราเอลจึงทำตาม ไล่คนพวกนั้นออกไปนอกค่าย ชาวอิสราเอลได้ทำตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้
การชดใช้เมื่อทำผิด
(ลนต. 6:1-7)
5 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 6 “ให้บอกชาวอิสราเอลว่า เมื่อผู้ชายหรือผู้หญิงก็ตาม ไปทำบาปต่อคนอื่น และได้สาบานว่าตัวเองไม่ผิด ทั้งๆที่ผิด อย่างนี้ถือว่าได้ทำผิดต่อพระยาห์เวห์ คนๆนั้นต้องรับผิด 7 เขาจะต้องสารภาพความบาปที่เขาได้ทำไป ต้องชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด และยังต้องเพิ่มอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของค่าเสียหายนั้น ให้กับคนที่เขาไปโกงมา 8 แต่ถ้าคนที่ถูกโกงนั้นตายไปแล้ว และไม่มีญาติสนิทที่จะรับค่าชดใช้นั้น ค่าชดใช้นั้นก็จะเป็นของพระยาห์เวห์ ให้เอาไปให้กับนักบวช นอกจากนั้นแล้ว คนๆนั้นต้องเอาแกะตัวผู้มาตัวหนึ่งสำหรับเป็นเครื่องบูชาชดใช้ นักบวชจะถวายแกะตัวนี้แทนเขาเพื่อกำจัดบาป[ab] ให้กับเขา
9 ถ้าชาวอิสราเอลเอาของขวัญพิเศษมาถวายพระเจ้า นักบวชที่รับของขวัญนั้น ก็เก็บเอาไว้เองได้ มันจะเป็นของนักบวชคนนั้น 10 ของขวัญพิเศษนี้จะให้หรือไม่ให้ก็ได้ แต่ถ้าคนอิสราเอลจะให้ มันก็จะตกเป็นของนักบวช”
สามีที่ขี้ระแวง
11 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 12 “ให้บอกชาวอิสราเอลว่า เมื่อเมียของชายคนหนึ่งไปทำผิดศีลธรรมหรือไม่ซื่อสัตย์ต่อเขา 13 และไปมีเพศสัมพันธ์กับชายคนอื่น แล้วปกปิดไม่ให้สามีรู้ นางเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ถึงแม้นางจะทำตัวเสื่อมเสีย แต่ไม่มีพยานและจับไม่ได้คาหนังคาเขา 14 ถ้าในสถานการณ์อย่างนี้ สามีเกิดหึงหวงนางขึ้นมา และนางได้ทำตัวเสื่อมเสียจริงๆ หรือสามีหึงหวงนาง ทั้งๆที่นางไม่ได้ทำตัวเสื่อมเสีย 15 ก็ให้ผู้ชายคนนี้พาภรรยาของเขาไปหานักบวช และเขาต้องเอาเครื่องบูชาสำหรับภรรยาไปด้วยคือ แป้งบาร์เลย์สองลิตร[ac] เขาต้องไม่เทน้ำมันและเครื่องหอม ลงไปในแป้งนั้น เพราะเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชนี้เกิดมาจากความหึงหวงของสามี เครื่องบูชาจากเมล็ดพืชนี้จะบอกให้รู้ว่านางผิดหรือไม่
16 จากนั้นนักบวชจะนำตัวนางเข้ามาใกล้ๆ มายืนอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ 17 แล้วนักบวชจะเอาน้ำศักดิ์สิทธิ์มาใส่ในไหดินเหนียว และนักบวชจะหยิบเอาฝุ่นจากพื้นของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ใส่ลงไปในน้ำนั้น 18 แล้วนักบวชจะให้หญิงคนนั้นมายืนอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ เขาจะปล่อยผมนางออกและวางเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชไว้บนมือนาง เป็นเครื่องบูชาที่จะบอกให้รู้ว่านางผิดหรือไม่ เครื่องบูชานี้เกิดมาจากความหึงหวงของสามีนาง และนักบวชก็จะถือน้ำที่จะก่อปัญหาที่จะนำคำสาปแช่งมา
19 นักบวชจะให้หญิงคนนั้นสาบานและเขาจะพูดกับนางว่า ‘ถ้าเจ้าไม่เคยนอนกับผู้ชายคนอื่น และไม่เคยผิดศีลธรรมจนทำให้เจ้าเสื่อมเสีย ตอนที่ยังอยู่กินกับสามีของเจ้านั้น น้ำที่จะก่อปัญหาที่จะนำคำสาปแช่งนี้ ก็จะไม่เป็นอันตรายต่อเจ้า 20 แต่ถ้าเจ้าทำผิดศีลธรรม ตอนที่เจ้ายังอยู่กินกับสามี และไปนอนกับผู้ชายอื่นจนทำให้เจ้าเสื่อมเสียแล้วละก็ 21 นักบวชจะต้องทำให้ผู้หญิงนั้นสาบานตามคำแช่งสาปนี้ และพูดกับนางว่า ขอให้พระยาห์เวห์ทำให้ปัญหานั้นเกิดกับเจ้า จนเวลาที่คนของเจ้าจะสาปแช่งใคร ก็จะพูดว่าขอให้เป็นเหมือนเจ้า เพราะพระองค์จะทำให้เจ้าไม่มีลูกและถ้าท้องอยู่ก็จะแท้ง[ad] 22 และขอให้น้ำที่จะก่อปัญหาและนำคำสาปแช่งนี้ ตกลงไปในท้องของเจ้า และทำให้เจ้าแท้งและไม่มีลูก’ แล้วหญิงผู้นั้นต้องพูดว่า ‘ขอให้เป็นอย่างนั้น ขอให้เป็นอย่างนั้น’
23 แล้วนักบวชจะเขียนคำสาปแช่งพวกนี้ลงบนม้วนกระดาษหนัง และนำไปล้างในน้ำที่จะก่อให้เกิดปัญหานั้น 24 แล้วนักบวชจะให้หญิงคนนั้นดื่มน้ำที่จะก่อให้เกิดปัญหาที่จะนำคำสาปแช่งมา น้ำนั้นจะเข้าสู่ตัวนางและก่อให้เกิดความเจ็บปวดยิ่งนัก
25 นักบวชจะเอาเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชจากมือของนาง เครื่องบูชาที่มาจากสามีที่หึงหวงของนาง และยื่นให้พระยาห์เวห์ แล้วนักบวชจะนำมันไปไว้บนแท่นบูชา 26 นักบวชจะหยิบเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชนั้นมาหนึ่งกำมือ เป็นส่วนที่แทนเครื่องบูชาทั้งหมด และเอาไปเผาบนแท่นบูชา หลังจากนั้นก็จะให้หญิงนั้นดื่มน้ำ 27 เมื่อเขาทำให้หญิงคนนั้นดื่มน้ำแล้ว ก็จะรอดู ถ้านางทำตัวเสื่อมเสีย และไม่ซื่อสัตย์ต่อสามีของนาง น้ำที่นำคำสาปแช่งนั้นก็จะเข้าไปในตัวนางและทำให้เกิดความเจ็บปวดยิ่งนัก ทำให้นางไม่สามารถมีลูกได้ และถ้าท้องก็จะแท้ง และหญิงนั้นก็จะกลายเป็นคำสาปแช่งในหมู่คนของนาง 28 ถ้าหญิงคนนั้นไม่ได้ทำตัวเสื่อมเสีย แต่นางบริสุทธิ์ นางก็จะได้รับการตัดสินให้เป็นผู้บริสุทธิ์และสามารถมีลูกได้
29 นั่นคือกฎสำหรับคดีหึงหวง เมื่อผู้หญิงได้ทำผิดศีลธรรม ตอนที่ยังอยู่กินกับสามี และทำตัวเสื่อมเสีย 30 หรือถ้าผู้ชายเกิดหึงหวงเพราะสงสัยว่าเมียจะไม่ซื่อกับเขา เขาต้องนำตัวนางไปยืนต่อหน้าพระยาห์เวห์ และนักบวชจะทำพิธีต่างๆนั้นกับเมียเขาเอง 31 ถ้าผู้ชายเข้าใจผิด เขาจะไม่ถูกลงโทษ แต่ถ้าผู้หญิงผิดจริง นางจะต้องรับโทษ”
พวกนาศีร์
6 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 2 “ให้บอกกับชาวอิสราเอลว่า ถ้าผู้ชายหรือผู้หญิงคนใดได้สาบานตนเป็นพิเศษ เป็นการสาบานเพื่อจะเป็นพวกนาศีร์[ae] คือพวกที่แยกตัวออกมาเพื่อพระยาห์เวห์ 3 คนๆนั้นจะต้องไม่ดื่มเหล้าองุ่นหรือเครื่องดื่มมึนเมาอื่นๆและเขาต้องไม่กินน้ำส้มสายชูที่ทำจากเหล้าองุ่นหรือน้ำส้มสายชูที่ทำจากเครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิด รวมทั้งต้องไม่ดื่มน้ำองุ่น และต้องไม่กินทั้งองุ่นสดและองุ่นแห้ง 4 ตลอดเวลาที่เขาเป็นนาศีร์ เขาต้องไม่กินสิ่งใดก็ตามที่ได้จากต้นองุ่นหรือแม้แต่เมล็ดหรือเปลือกขององุ่น
5 ตลอดช่วงเวลาที่เขาแยกตัวออกมาเพื่อพระยาห์เวห์ เขาต้องไม่โกนผม เขาเป็นของพระยาห์เวห์โดยเฉพาะ เขาต้องไว้ผมยาว ห้ามตัด จนกว่าจะสิ้นสุดช่วงที่เขาเป็นนาศีร์นั้น
6 ตลอดช่วงเวลาที่เขาแยกตัวออกมาเพื่อพระยาห์เวห์ คนๆนั้นต้องไม่เข้าใกล้ศพ 7 ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือพี่น้องชายหญิงของเขา เขาจะต้องไม่แตะต้องศพนั้น เพื่อจะไม่ทำให้ผมของเขาเป็นมลทิน เพราะผมนั้นบ่งบอกให้รู้ว่าเขาได้แยกตัวออกมาให้กับพระเจ้าโดยเฉพาะ 8 ตลอดช่วงเวลาที่คนๆนั้นเป็นนาศีร์ เขาเป็นของพระยาห์เวห์โดยเฉพาะ
9 แต่ถ้าคนที่อยู่ใกล้ๆกับนาศีร์นั้นตายอย่างกระทันหัน ผมของเขาที่ได้อุทิศให้กับพระเจ้านั้นก็จะไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป หลังจากนั้นอีกเจ็ดวัน เขาจะต้องโกนผมทิ้ง ในวันเดียวกับที่เขาจะต้องชำระตัวนั้น 10 ในวันต่อมา เขาจะต้องเอานกเขาสองตัวหรือนกพิราบหนุ่มสองตัวไปให้นักบวชที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ 11 นักบวชจะใช้นกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง และอีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชา โดยวิธีนี้นักบวชจะกำจัดความไม่บริสุทธิ์และความผิดให้กับคนนั้นที่ทำผิดพลาดไปแตะต้องถูกศพ ในวันนั้นนาศีร์คนนั้นต้องอุทิศผมบนหัวของเขาให้กับพระยาห์เวห์ใหม่ 12 เขาจะต้องสาบานที่จะอุทิศตัวเองเพื่อพระยาห์เวห์อีกครั้งหนึ่ง ตลอดเวลาที่เขาเป็นนาศีร์ และเขาจะต้องเอาลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีมาเป็นของถวายชดใช้ ส่วนช่วงก่อนหน้านี้ก็ไม่นับอีกต่อไป เพราะผมบนหัวของเขาที่ได้อุทิศให้พระยาห์เวห์นั้นไม่บริสุทธิ์แล้ว
13 นี่คือกฎสำหรับพวกนาศีร์ เมื่อเขาเป็นนาศีร์ครบตามกำหนดเวลาแล้ว ให้คนนำตัวเขาไปที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ 14 นาศีร์คนนั้นจะต้องเอาเครื่องบูชาต่อไปนี้มาถวายให้พระยาห์เวห์
ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีที่ไม่มีตำหนิใดๆ เพื่อเป็นเครื่องเผาบูชา
ลูกแกะตัวเมียอายุหนึ่งปีที่ไม่มีตำหนิใดๆ เป็นเครื่องบูชาชำระล้าง
แกะผู้หนึ่งตัวที่ไม่มีตำหนิใดๆ เป็นเครื่องสังสรรค์บูชา
15 ขนมปังที่ไม่ใส่เชื้อฟูหนึ่งตะกร้า ขนมปังที่ทำจากแป้งอย่างดีคลุกด้วยน้ำมัน
ขนมปังแผ่นบางๆที่ไม่ใส่เชื้อฟูและทาด้วยน้ำมัน
และเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชา
16 นักบวชต้องยื่นเครื่องบูชาเหล่านี้ต่อหน้าพระยาห์เวห์ และทำเครื่องบูชาชำระล้าง และเครื่องเผาบูชาให้คนๆนั้น 17 นักบวชต้องบูชาแกะตัวนั้นเป็นเครื่องสังสรรค์บูชาให้พระยาห์เวห์พร้อมๆกับขนมปังไม่ใส่เชื้อฟูตะกร้านั้น พร้อมกับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช และเครื่องดื่มบูชา
18 นาศีร์คนนั้นต้องโกนผมของเขาที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบและเอาผมที่เขาได้อุทิศนั้นใส่ลงในกองไฟที่อยู่ใต้เครื่องสังสรรค์บูชา
19 หลังจากนั้นนักบวชจะเอาเนื้อสันขาหน้าของแกะตัวผู้ที่ต้มแล้ว กับขนมปังไม่ใส่เชื้อฟูหนึ่งก้อนจากตะกร้าและขนมปังแผ่นบางๆไม่ใส่เชื้อฟูหนึ่งชิ้นมาวางไว้บนฝ่ามือทั้งสองของนาศีร์คนนั้น หลังจากที่เขาโกนผมที่ได้อุทิศนั้นเสร็จแล้ว 20 แล้วนักบวชจะยื่นของพวกนี้ เป็นเครื่องยื่นบูชาต่อหน้าพระยาห์เวห์ มันจะเป็นของขวัญที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับนักบวช พร้อมกับเนื้อส่วนอกของเครื่องยื่นบูชาและส่วนสะโพกของเครื่องบูชาของขวัญ หลังจากนี้ นาศีร์คนนั้นก็ดื่มเหล้าองุ่นได้
21 นี่เป็นกฎสำหรับคนที่สาบานตัวเป็นนาศีร์ และนั่นก็คือเครื่องบูชาที่เขาจะต้องเอามาถวายให้กับพระยาห์เวห์ สำหรับการอุทิศตัวของเขา ถ้าคนนั้นสามารถให้ได้มากกว่านี้ และเขาสาบานว่าจะให้ ก็ให้เขาทำตามนั้น แต่อย่างน้อยเขาจะต้องให้ตามกฎของการอุทิศตัว”
การอวยพรของนักบวช
22 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 23 “ให้บอกอาโรนกับลูกชายของเขาว่า พวกเจ้าต้องอวยพรชาวอิสราเอลอย่างนี้ ให้พูดกับพวกเขาว่า
24 ‘ขอให้พระยาห์เวห์อวยพรเจ้า
และปกป้องดูแลเจ้า
25 ขอให้ใบหน้าของพระยาห์เวห์ส่องลงบนเจ้า
และเอ็นดูเจ้า
26 ขอให้พระยาห์เวห์มองเจ้าด้วยความเมตตาปรานี
และให้ความสงบสุขกับเจ้า’
27 อย่างนั้นแหละ ทั้งอาโรน ลูกชายของเขา รวมทั้งพวกนักบวช จะใช้ชื่อของเราอวยพรชาวอิสราเอล และเราก็จะอวยพรพวกเขา”
อุทิศเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ให้พระยาห์เวห์
7 ในวันที่โมเสสตั้งเต็นท์ที่เก็บข้อตกลง[af] เสร็จ เขาได้เจิมเต็นท์นั้น และอุทิศให้กับพระยาห์เวห์ เขาเจิมเต็นท์นั้น รวมทั้งเครื่องใช้ทุกอย่างที่อยู่ภายในเต็นท์ เขาเจิมแท่นบูชา และอุปกรณ์ที่ใช้กับแท่นบูชานั้น เมื่อเขาเจิมพวกมันเสร็จแล้ว มันจึงเป็นของศักดิ์สิทธิ์สำหรับพระยาห์เวห์ 2 แล้วพวกผู้นำชาวอิสราเอล ก็เอาเครื่องบูชามาถวายพระยาห์เวห์ พวกนี้เป็นผู้นำครอบครัวและผู้นำตระกูลของเขา เป็นพวกเดียวกับที่นับ[ag]ประชาชน 3 พวกเขาเอาเครื่องบูชามาถวายให้กับพระยาห์เวห์ มีเกวียนที่มีหลังคาหกเล่มและวัวสิบสองตัว ผู้นำสองคนต่อเกวียนหนึ่งเล่ม และผู้นำแต่ละคนเอาวัวมาคนละตัว พวกผู้นำถวายสิ่งต่างๆเหล่านี้ให้กับพระยาห์เวห์ ที่เต็นท์นัดพบ
4 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 5 “ให้รับของขวัญเหล่านี้จากพวกผู้นำนั้น ทั้งเกวียนและวัวตัวผู้พวกนี้ และเอามาใช้ขนของในเต็นท์นัดพบ ให้แบ่งพวกของขวัญนี้กับชาวเลวีตามงานของแต่ละคน”
6 โมเสสได้รับเอาเกวียนและวัวตัวผู้พวกนี้ มาให้กับชาวเลวี 7 เขาให้เกวียนสองเล่มและวัวสี่ตัวกับชาวเกอร์โชน เพราะพวกนี้ต้องใช้มันในการทำงาน 8 เขาให้เกวียนสี่เล่มและวัวแปดตัวกับชาวเมรารี เพราะพวกนี้ต้องใช้มันในการทำงาน ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การดูแลของอิธามาร์ลูกชายนักบวชอาโรน 9 โมเสสไม่ได้ให้เกวียนและวัวกับชาวโคฮาทเลย เพราะงานของพวกนี้คือการขนย้ายพวกของศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะต้องแบกของพวกนั้นไว้บนบ่าของพวกเขาเอง
10 ในวันที่โมเสสเจิมแท่นบูชานั้น พวกผู้นำได้นำเครื่องบูชามาถวาย สำหรับการอุทิศแท่นบูชาให้กับพระยาห์เวห์ พวกเขาเอาเครื่องบูชามาไว้ตรงหน้าแท่นบูชา 11 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ในแต่ละวัน ให้ผู้นำคนหนึ่งนำเครื่องบูชาของเขามาถวายสำหรับการอุทิศแท่นบูชา”
12-83 [ah] ดังนั้นผู้นำแต่ละเผ่า ทั้งสิบสองเผ่า ได้นำของขวัญพวกนี้มาถวายคือ
จานเงินที่มีน้ำหนักหนึ่งกิโลกรัมครึ่ง[ai] ชามเงินสำหรับประพรมขนาดแปดขีด[aj] ตามมาตรฐานการวัดอย่างเป็นทางการ[ak] ทั้งสองอย่างต้องใส่แป้งอย่างดีผสมน้ำมันที่จะใช้เป็นเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชไว้เต็ม ทัพพีทองคำหนึ่งอันหนักหนึ่งร้อยสิบห้ากรัม[al] ใส่เครื่องหอมไว้
วัวตัวผู้หนึ่งตัวจากฝูงสัตว์เลี้ยง แกะหนึ่งตัว ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีหนึ่งตัวเพื่อใช้เป็นเครื่องเผาบูชา แพะตัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง และสำหรับเครื่องสังสรรค์บูชาใช้วัวตัวผู้สองตัว แกะห้าตัว แพะตัวผู้ห้าตัวและลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีห้าตัว
ผู้นำของแต่ละเผ่า ได้นำของขวัญมาถวาย ตามลำดับดังต่อไปนี้คือ
วันแรก นาโชนลูกชายอัมมีนาดับ ผู้นำเผ่ายูดาห์
วันที่สอง เนธันเอลลูกชายศุอาร์ ผู้นำเผ่าอิสสาคาร์
วันที่สาม เอลีอับลูกชายเฮโลน ผู้นำเผ่าเศบูลุน
วันที่สี่ เอลีซูร์ลูกชายเชเดเออร์ ผู้นำเผ่ารูเบน
วันที่ห้า เชลูมิเอลลูกชายศูริชัดดัย ผู้นำเผ่าสิเมโอน
วันที่หก เอลียาสาฟลูกชายเดอูเอล[am] ผู้นำเผ่ากาด
วันที่เจ็ด เอลีชามาลูกชายอัมมีฮูด ผู้นำเผ่าเอฟราอิม
วันที่แปด กามาลิเอลลูกชายเปดาซูร์ ผู้นำเผ่ามนัสเสห์
วันที่เก้า อาบีดันลูกชายกิเดโอนี ผู้นำเผ่าเบนยามิน
วันที่สิบ อาหิเยเซอร์ลูกชายอัมมีชัดดัย ผู้นำเผ่าดาน
วันที่สิบเอ็ด ปากีเอลลูกชายโอคราน ผู้นำเผ่าอาเชอร์
วันที่สิบสอง อาหิราลูกชายเอนัน ผู้นำเผ่านัฟทาลี
84 ในวันที่โมเสสเจิมแท่นบูชานั้น พวกผู้นำชาวอิสราเอลได้นำเครื่องบูชาเหล่านี้มาถวายคือ
จานเงินสิบสองใบ อ่างเงินสิบสองใบ ทัพพีทองคำสิบสองอัน 85 จานเงินแต่ละใบหนักหนึ่งกิโลกรัมครึ่ง อ่างเงินแต่ละใบหนักแปดขีด รวมน้ำหนักของภาชนะที่ทำด้วยเงินทั้งหมดประมาณยี่สิบเจ็ดกิโลกรัมกับหกขีด[an] ตามมาตรฐานการวัดอย่างเป็นทางการ 86 ทัพพีทองคำทั้งสิบสองอันที่ใส่เครื่องหอมอยู่เต็ม แต่ละอันมีน้ำหนักหนึ่งร้อยสิบห้ากรัมตามมาตรฐานการวัดอย่างเป็นทางการ รวมน้ำหนักของทัพพีทองคำทั้งสิบสองอันประมาณหนึ่งกิโลกรัมสี่ขีด[ao]
87 รวมจำนวนสัตว์ที่เอามาเป็นเครื่องเผาบูชา มีวัวหนุ่มสิบสองตัว แกะสิบสองตัว ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีสิบสองตัว เครื่องบูชาจากเมล็ดพืชตามจำนวนที่กำหนด และแพะตัวผู้สิบสองตัวที่จะใช้เป็นเครื่องบูชาชำระล้าง 88 รวมจำนวนสัตว์ที่เอามาเป็นเครื่องสังสรรค์บูชา มีวัวหนุ่มยี่สิบสี่ตัว แกะหกสิบตัว แพะตัวผู้หกสิบตัวและลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งปีหกสิบตัว พวกนี้เป็นเครื่องบูชาที่ใช้สำหรับอุทิศแท่นบูชาให้กับพระยาห์เวห์ หลังจากที่โมเสสเจิมมันแล้ว
89 เมื่อโมเสสต้องการพูดกับพระเจ้า เขาก็จะเข้าไปในเต็นท์นัดพบ เมื่อพระเจ้าพูดกับเขา เขาจะได้ยินเสียงของพระเจ้าดังออกมาจากช่องว่างระหว่างทูตสวรรค์ที่มีปีกสององค์ ที่อยู่บนฝา[ap] ของหีบใส่คำสอนศักดิ์สิทธิ์ที่ความไม่บริสุทธิ์จากบาปจะถูกชำระที่อยู่ข้างใน นี่เป็นวิธีที่พระเจ้าพูดกับโมเสส
ตะเกียงที่มีขาตั้ง
8 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 2 “บอกอาโรนว่า ตอนที่เจ้าจัดวางตะเกียงไว้บนขาตั้งนั้น ให้ตะเกียงทั้งเจ็ดส่องออกไปทางด้านหน้าของตะเกียงที่มีขาตั้ง” 3 อาโรนจึงทำตามนั้น เขาได้จัดวางตะเกียงให้มันส่องออกไปทางด้านหน้าของตะเกียงที่มีขาตั้ง ตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้ 4 วิธีที่เขาทำตะเกียงที่มีขาตั้ง คือทำจากทองคำที่ใช้ค้อนทุบ ตั้งแต่ฐานขึ้นไปจนถึงดอก ทำตามแบบที่พระยาห์เวห์ให้โมเสสดูทุกอย่าง
อุทิศชาวเลวีให้กับงานของพระเจ้า
5 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 6 “แยกพวกเลวีออกจากชาวอิสราเอลและทำให้พวกเลวีบริสุทธิ์ 7 นี่คือวิธีที่เจ้าจะทำให้พวกเขาบริสุทธิ์ คือให้พรมน้ำสำหรับการชำระล้าง[aq] ลงบนพวกเขา ให้พวกเขาโกนผม หนวด เครา และขนออกหมดทั้งตัว ให้พวกเขาซักเสื้อผ้าและอาบน้ำชำระตัวด้วย
8 พวกเขาต้องเอาวัวหนุ่มตัวหนึ่งจากฝูง และเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชที่ทำจากแป้งอย่างดีผสมน้ำมันมาด้วย ส่วนตัวเจ้าต้องนำวัวหนุ่มอีกตัวมาจากฝูงเพื่อเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง 9 จากนั้นเจ้าต้องเอาชาวเลวีมาที่หน้าเต็นท์นัดพบ และเรียกชุมนุมชาวอิสราเอลทั้งหมด 10 เมื่อเจ้าพาชาวเลวีเหล่านั้นมาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์แล้ว ให้ประชาชนชาวอิสราเอลวางมือลงบนชาวเลวี[ar] 11 อาโรนจะถวายชาวเลวีเป็นเครื่องยื่นบูชาให้กับพระยาห์เวห์ จากประชาชนชาวอิสราเอล ด้วยวิธีนี้ชาวเลวีจะได้พร้อมที่จะรับใช้พระยาห์เวห์
12 ชาวเลวีจะวางมือของพวกเขาลงบนหัววัวหนุ่มทั้งสองตัวนั้น วัวตัวหนึ่งจะใช้เป็นเครื่องบูชาชำระล้าง อีกตัวหนึ่งใช้เป็นเครื่องเผาบูชาให้กับพระยาห์เวห์ โดยวิธีนี้เครื่องบูชาพวกนี้จะชำระล้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และกำจัดบาป[as]ให้กับชาวเลวี 13 เจ้าต้องให้ชาวเลวีมายืนอยู่ต่อหน้าอาโรนและลูกชายของเขา และเจ้าต้องถวายชาวเลวีเป็นเครื่องยื่นบูชาต่อพระยาห์เวห์ 14 เจ้าต้องแยกชาวเลวีออกจากชาวอิสราเอลอื่นๆ ชาวเลวีทั้งหมดเป็นของเรา
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International