Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the GW. Switch to the GW to read along with the audio.

Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
1 พงศ์กษัตริย์ 18

เอลียาห์กับโอบาดีห์

18 หลังจากนั้นเป็นเวลานาน พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเอลียาห์ในปีที่สามว่า “จงไปแสดงตัวต่ออาหับ เราจะให้ฝนตกลงมา” เอลียาห์จึงไปแสดงตัวต่ออาหับ

ในเวลานั้นการกันดารอาหารในสะมาเรียรุนแรงมาก อาหับรับสั่งให้เรียกโอบาดีห์เจ้ากรมวังมาหา (โอบาดีห์เป็นผู้เชื่อที่เข้มแข็งในองค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อครั้งพระนางเยเซเบลเข่นฆ่าผู้เผยพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า โอบาดีห์ช่วยเหลือผู้เผยพระวจนะหนึ่งร้อยคนให้ไปหลบซ่อนตัวอยู่ในถ้ำสองแห่ง แห่งละห้าสิบคนและจัดส่งอาหารกับน้ำให้) อาหับตรัสกับโอบาดีห์ว่า “จงไปยังตาน้ำหุบเขาทุกแห่งทั่วดินแดน เราอาจจะพบหญ้าพอประทังชีวิตม้าและล่อ จะได้ไม่ต้องฆ่าสัตว์ของเรา” ทั้งสองจึงแบ่งกันออกไปสำรวจดู อาหับเสด็จไปทางหนึ่ง โอบาดีห์ไปอีกทางหนึ่ง

ขณะเดินไปตามทาง เอลียาห์ก็มาพบเขา โอบาดีห์จำเอลียาห์ได้ จึงหมอบคำนับลงกับพื้นและกล่าวว่า “นี่เป็นท่านเอลียาห์นายของข้าพเจ้าจริงๆ หรือ?”

เอลียาห์ตอบว่า “ถูกแล้ว ไปทูลกษัตริย์เถิดว่า ‘เอลียาห์อยู่ที่นี่’”

โอบาดีห์ถามว่า “ข้าพเจ้าทำอะไรผิดหรือ ท่านจึงจะส่งข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านไปให้อาหับประหาร? 10 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ก็ไม่มีชาติใดหรืออาณาจักรใดที่นายของข้าพเจ้าไม่ได้ส่งคนไปค้นหาตัวท่านฉันนั้น และทุกครั้งที่มีชาติใดหรืออาณาจักรใดบอกว่าท่านไม่ได้อยู่ที่นั่น กษัตริย์ก็จะให้พวกเขาสาบานว่าไม่พบท่าน 11 มาตอนนี้ท่านบอกให้ข้าพเจ้าไปทูลเจ้านายว่า ‘เอลียาห์อยู่ที่นี่’ 12 แต่เมื่อข้าพเจ้าไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมารับตัวท่านไปไหน หากข้าพเจ้าไปทูลแล้วอาหับเสด็จมาไม่พบท่าน ก็จะทรงประหารข้าพเจ้า ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านได้ปรนนิบัตินมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้ามาตั้งแต่ยังหนุ่มๆ 13 ท่านไม่เคยได้ยินหรือว่า เมื่อครั้งพระนางเยเซเบลเข่นฆ่าผู้เผยพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น ข้าพเจ้าได้ซ่อนตัวผู้เผยพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าร้อยคนในถ้ำสองแห่ง แห่งละห้าสิบคน และจัดส่งอาหารกับน้ำให้ 14 มาตอนนี้ท่านบอกให้ไปทูลว่า ‘เอลียาห์อยู่ที่นี่’ กษัตริย์จะประหารชีวิตข้าพเจ้าแน่!”

15 เอลียาห์กล่าวว่า “พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ที่เรารับใช้ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด เราก็จะแสดงตัวต่ออาหับในวันนี้อย่างแน่นอนฉันนั้น”

เอลียาห์บนภูเขาคารเมล

16 โอบาดีห์จึงไปเข้าเฝ้าอาหับและกราบทูลพระองค์ อาหับก็เสด็จออกมาพบเอลียาห์ 17 เมื่ออาหับเห็นเอลียาห์ก็ตรัสว่า “นี่หรือเจ้าคนที่นำความเดือดร้อนมาสู่อิสราเอล?”

18 เอลียาห์ตอบว่า “ไม่ใช่ข้าพเจ้า ท่านกับวงศ์วานของบิดาของท่านต่างหากที่นำความเดือดร้อนมาสู่อิสราเอล ท่านได้ละทิ้งพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า ไปติดตามพระบาอัล 19 บัดนี้จงรวมประชากรจากทั่วอิสราเอลมาพบข้าพเจ้าบนภูเขาคารเมล พร้อมทั้งผู้ทำนายของพระบาอัล 450 คน และผู้ทำนายของเจ้าแม่อาเชราห์ 400 คน ซึ่งร่วมโต๊ะเสวยของพระนางเยเซเบล”

20 อาหับจึงส่งข่าวไปทั่วทั้งอิสราเอล และเรียกบรรดาผู้ทำนายมาชุมนุมบนภูเขาคารเมล 21 เอลียาห์มาอยู่ต่อหน้าประชาชนและกล่าวว่า “พวกท่านจะเหยียบเรือสองแคมไปนานสักเท่าใด? หากพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า จงติดตามพระองค์ แต่หากบาอัลเป็นพระเจ้า ก็ไปติดตามเขาเถิด”

แต่ประชาชนไม่พูดอะไร

22 เอลียาห์จึงกล่าวว่า “เราเป็นผู้เผยพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ แต่ฝ่ายบาอัลมีผู้ทำนายถึง 450 คน 23 จงนำวัวหนุ่มมาสองตัว ให้ผู้ทำนายของพระบาอัลเลือกไปตัวหนึ่ง สับเป็นท่อนๆ วางบนฟืนที่แท่นบูชา แต่ไม่ต้องจุดไฟ แล้วเราจะเตรียมวัวอีกตัว นำมาวางบนฟืนโดยไม่จุดไฟเช่นกัน 24 จากนั้นพวกเจ้าจงร้องออกนามพระของพวกเจ้า ส่วนเราจะร้องออกนามพระยาห์เวห์ พระเจ้าองค์ที่ตอบโดยส่งไฟมานั่นแหละคือพระเจ้าที่แท้จริง”

และคนทั้งปวงก็กล่าวว่า “สิ่งที่ท่านพูดนั้นดีแล้ว”

25 เอลียาห์กล่าวกับผู้ทำนายของพระบาอัลว่า “พวกเจ้าลงมือก่อนสิเพราะมีกันหลายคน จงเลือกวัวไปตัวหนึ่ง จัดเตรียมแล้วร้องเรียกพระของเจ้า แต่อย่าจุดไฟ” 26 พวกเขาจึงรับวัวไปจัดเตรียม

แล้วพวกเขาร้องเรียกพระบาอัลตั้งแต่เช้าจนเที่ยง ร้องตะโกนว่า “ข้าแต่พระบาอัล โปรดตอบเถิด!” แต่ไม่มีใครตอบอะไรเลย พวกเขาก็ร่ายรำไปรอบๆ แท่นที่สร้างขึ้น

27 ตอนเที่ยงเอลียาห์ก็เริ่มถากถางพวกเขาว่า “ตะโกนดังขึ้นอีกหน่อย! ก็บาอัลเป็นพระเจ้านี่! บางทีอาจจะกำลังเข้าสมาธิ หรือเข้าห้องน้ำอยู่ หรือกำลังเดินทาง ไม่ก็หลับไป ต้องช่วยกันปลุกให้ตื่น” 28 ฉะนั้นพวกเขายิ่งร้องตะโกนดังขึ้น เอาดาบและหอกมาเชือดเนื้อตัวเองตามพิธีจนเลือดไหล 29 เที่ยงวันผ่านไป พวกเขาส่งเสียงตลอดบ่ายจนถึงเวลาถวายเครื่องบูชาในตอนเย็น แต่ไม่มีเสียงตอบรับ ไม่มีคำตอบอะไรเลย ไม่มีใครสนใจ

30 เอลียาห์จึงกล่าวแก่เหล่าประชากรว่า “มาที่นี่เถิด” พวกเขาก็มา เอลียาห์ซ่อมแท่นบูชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งอยู่ในสภาพหักพัง 31 เอลียาห์นำหินมาสิบสองก้อน แต่ละก้อนแทนแต่ละเผ่าซึ่งสืบเชื้อสายมาจากยาโคบ ผู้ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “อิสราเอลจะเป็นนามของเจ้า” 32 เขาใช้หินสร้างแท่นบูชาในพระนามพระยาห์เวห์และขุดร่องรอบแท่นพอที่จะใส่เมล็ดพืชได้ประมาณ 15 ลิตร[a] 33 เขาเรียงฟืนบนแท่น และสับวัวหนุ่มตัวนั้นเป็นท่อนๆ วางบนฟืน แล้วสั่งว่า “จงตักน้ำให้เต็มสี่ถัง เทลงบนเครื่องบูชากับฟืน”

34 เขากล่าวว่า “จงทำอีกครั้ง” พวกเขาก็ปฏิบัติตาม

แล้วเขาสั่งว่า “ทำเป็นครั้งที่สาม” พวกเขาก็ทำตามเป็นครั้งที่สาม 35 น้ำนั้นไหลรอบแท่นเต็มร่องที่ขุดไว้

36 พอถึงเวลาถวายเครื่องบูชา ผู้เผยพระวจนะเอลียาห์เดินมาข้างหน้าและอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอล ขอให้เป็นที่ทราบทั่วกันในวันนี้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอล และข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ และกระทำทั้งหมดนี้ตามพระบัญชาของพระองค์ 37 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงตอบข้าพระองค์ โปรดตอบเถิดเพื่อประชากรเหล่านี้จะได้รู้ว่าพระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าและพระองค์ทรงนำจิตใจของพวกเขากลับมาหาพระองค์”

38 ทันใดนั้นเองไฟขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็ตกลงมา และเผาเครื่องบูชา ฟืน หิน และพื้นดินตรงนั้น และแม้แต่น้ำในร่องรอบแท่นก็แห้งไปหมด

39 เมื่อประชากรเห็นดังนั้น ก็ซบหน้าลงร้องว่า “พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า! พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า!”

40 แล้วเอลียาห์ก็สั่งพวกเขาว่า “จงจับกุมตัวผู้ทำนายของบาอัลไว้ อย่าให้หนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว” แล้วพวกเขาก็เข้าจับกุม เอลียาห์นำตัวบรรดาผู้ทำนายไปประหารที่หุบเขาคีโชน

41 จากนั้นเอลียาห์ทูลอาหับว่า “เชิญไปรับประทานและดื่มเถิด เพราะมีเสียงฝนห่าใหญ่” 42 อาหับจึงเสด็จไปเสวยและดื่ม แต่เอลียาห์ปีนขึ้นบนยอดเขาคารเมล แล้วเขาโน้มตัวลงถึงพื้นดิน และซบหน้าลงระหว่างเข่า

43 เขาสั่งคนรับใช้ว่า “จงไปและมองไปทางทะเล”

เขาก็ไปและกลับมาบอกเอลียาห์ว่า “ข้าพเจ้าไม่เห็นอะไรเลย”

เอลียาห์สั่งให้เขากลับไปดูจนครบเจ็ดครั้ง

44 ในครั้งที่เจ็ด คนใช้นั้นรายงานว่า “มีเมฆเล็กๆ ขนาดราวฝ่ามือเคลื่อนขึ้นมาจากทะเล”

เอลียาห์จึงกล่าวว่า “จงไปบอกอาหับว่า ‘จงเตรียมราชรถแล้วลงจากภูเขา ไม่อย่างนั้นจะติดฝนแล้วไปไม่ได้’ ”

45 ไม่ช้าท้องฟ้าก็มืดทะมึนด้วยเมฆ ลมกล้าพาพายุฝนโหมกระหน่ำ อาหับรีบเสด็จไปยังยิสเรเอล 46 ฤทธิ์อำนาจขององค์พระผู้เป็นเจ้าลงมาเหนือเอลียาห์ เขาก็คาดเอวทับเสื้อคลุมให้กระชับ แล้ววิ่งนำหน้าอาหับมาตลอดทางจนถึงเมืองยิสเรเอล

กิจการของอัครทูต 11

เปโตรชี้แจงการกระทำของเขา

11 เหล่าอัครทูตและพวกพี่น้องทั่วแคว้นยูเดียได้ยินว่าคนต่างชาติก็ได้รับพระวจนะของพระเจ้าด้วย ดังนั้นเมื่อเปโตรกลับมาที่กรุงเยรูซาเล็มพวกผู้เชื่อซึ่งเข้าสุหนัตแล้วจึงวิพากษ์วิจารณ์เขา และกล่าวว่า “ท่านเข้าไปในบ้านของผู้ที่ไม่ได้เข้าสุหนัตและรับประทานอาหารกับเขา”

เปโตรจึงชี้แจงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟังตามลำดับว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่เมืองยัฟฟา ขณะกำลังอธิษฐานและตกอยู่ในภวังค์ข้าพเจ้าก็ได้รับนิมิต เห็นสิ่งหนึ่งเหมือนผ้าผืนใหญ่ทั้งสี่มุมหย่อนจากฟ้าสวรรค์ลงมายังที่ซึ่งข้าพเจ้าอยู่ ข้าพเจ้ามองเข้าไปเห็นสัตว์สี่เท้าของแผ่นดินโลก สัตว์ป่า สัตว์เลื้อยคลาน และนกในอากาศ แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงหนึ่งบอกข้าพเจ้าว่า ‘เปโตรเอ๋ย จงลุกขึ้นฆ่ากินเถิด’

“ข้าพเจ้าตอบว่า ‘ไม่ได้พระเจ้าข้า! ไม่เคยมีสิ่งเป็นมลทินหรือไม่สะอาดเข้าปากของข้าพระองค์เลย’

“เสียงนั้นพูดจากฟ้าสวรรค์เป็นครั้งที่สองว่า ‘อย่าเรียกสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงชำระให้สะอาดแล้วว่าเป็นมลทิน’ 10 เป็นเช่นนี้ถึงสามครั้ง แล้วทั้งหมดนั้นก็ถูกรับขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์อีก

11 “ทันใดนั้นเองชายสามคนจากเมืองซีซารียาที่เขาส่งมาหาข้าพเจ้าก็มาหยุดอยู่ที่บ้านซึ่งข้าพเจ้าพักอยู่ 12 พระวิญญาณทรงสั่งให้ข้าพเจ้าไปกับพวกเขาโดยไม่ต้องลังเล พี่น้องหกคนนี้ก็ไปด้วยและเราเข้าไปในบ้านของชายผู้นั้น 13 เขาเล่าให้เราฟังว่าได้เห็นทูตสวรรค์มาปรากฏในบ้านของเขาและกล่าวว่า ‘จงส่งคนไปเมืองยัฟฟา แล้วรับตัวซีโมนที่เรียกกันว่าเปโตรมาเถิด 14 เขาจะแจ้งเรื่องราวแก่เจ้าแล้วเจ้ากับทั้งครัวเรือนของเจ้าจะได้รับความรอดผ่านเรื่องราวนั้น’

15 “พอข้าพเจ้าเริ่มพูดพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เสด็จลงมาเหนือพวกเขาเหมือนที่ได้เสด็จมาเหนือเราทั้งหลายในตอนแรก 16 แล้วข้าพเจ้าจึงนึกขึ้นได้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ว่า ‘ยอห์นให้บัพติศมาด้วย[a]น้ำ แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับบัพติศมาด้วย[b]พระวิญญาณบริสุทธิ์’ 17 ดังนั้นถ้าพระเจ้าทรงให้ของประทานอย่างเดียวกันแก่พวกเขาเหมือนที่ทรงให้แก่พวกเราผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้า แล้วข้าพเจ้าเป็นใครกันเล่าที่คิดว่าจะขัดขวางพระเจ้าได้?”

18 เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนี้ก็ไม่มีข้อคัดค้านใดอีกและพากันสรรเสริญพระเจ้าว่า “ถ้าอย่างนั้น แม้คนต่างชาติพระเจ้าก็ทรงโปรดให้กลับใจใหม่เข้าสู่ชีวิตด้วย”

คริสตจักรในอันทิโอก

19 ฝ่ายบรรดาผู้ที่กระจัดกระจายไปเนื่องจากการข่มเหงอันเกี่ยวโยงกับสเทเฟน ก็เดินทางไปไกลถึงเมืองฟีนิเซีย เกาะไซปรัสและเมืองอันทิโอก และเล่าเรื่องราวนั้นแก่พวกยิวเท่านั้น 20 แต่ก็มีบางคนในพวกเขาที่มาจากเกาะไซปรัสและจากเมืองไซรีนได้ไปที่เมืองอันทิโอกและเล่าข่าวประเสริฐเรื่ององค์พระเยซูเจ้าแก่ชาวกรีกด้วย 21 พระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่กับเขาเหล่านั้น ผู้คนมากมายเชื่อและกลับใจมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า

22 ข่าวนี้มาถึงคริสตจักรที่กรุงเยรูซาเล็มพวกเขาจึงส่งบารนาบัสไปยังเมืองอันทิโอก 23 เมื่อบารนาบัสมาถึงและได้เห็นพยานหลักฐานที่แสดงถึงพระคุณของพระเจ้าก็ชื่นชมยินดีและให้กำลังใจพวกเขาทุกคนให้สัตย์ซื่อมั่นคงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดใจ 24 บารนาบัสเป็นคนดี เต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และความเชื่อ คนจำนวนมากก็มาเชื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า

25 แล้วบารนาบัสจึงไปตามหาเซาโลที่เมืองทาร์ซัส 26 เมื่อพบแล้วก็พาเขามาเมืองอันทิโอก บารนาบัสกับเซาโลร่วมประชุมกับคริสตจักรและสั่งสอนคนเป็นอันมากตลอดหนึ่งปีเต็ม และที่เมืองอันทิโอกนั้นเองพวกสาวกได้ชื่อว่าคริสเตียนเป็นครั้งแรก

27 ครั้งนั้นมีผู้เผยพระวจนะบางคนจากกรุงเยรูซาเล็มมาที่อันทิโอก 28 พวกเขาคนหนึ่งชื่ออากาบัสยืนขึ้นพยากรณ์โดยพระวิญญาณว่าจะเกิดการกันดารอาหารอย่างรุนแรงทั่วจักรวรรดิโรมัน (เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในสมัยของคลาวดิอัส) 29 เหล่าสาวกจึงตัดสินใจว่าจะร่วมกันช่วยเหลือพวกพี่น้องที่อยู่ในแคว้นยูเดียตามกำลังของแต่ละคน 30 พวกเขาทำตามนั้นโดยฝากความช่วยเหลือของพวกเขาให้บารนาบัสกับเซาโลนำมาให้เหล่าผู้ปกครองคริสตจักร

สดุดี 135

(สดด.115:4-11)

135 จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า[a]

จงสรรเสริญพระนามของพระยาห์เวห์
จงสรรเสริญพระองค์เถิด ท่านทั้งหลายผู้เป็นผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ท่านผู้ปรนนิบัติรับใช้ในพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ในลานพระนิเวศของพระเจ้าของเรา

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแสนดี
จงร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์เพราะเป็นเรื่องน่ายินดี
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกยาโคบให้เป็นของพระองค์เอง
ทรงเลือกอิสราเอลไว้เป็นกรรมสิทธิ์ล้ำค่าของพระองค์

ข้าพเจ้ารู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยิ่งใหญ่
รู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงยิ่งใหญ่กว่าพระอื่นใดทั้งปวง
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำสิ่งใดๆ ตามชอบพระทัยพระองค์
ในฟ้าสวรรค์และบนแผ่นดินโลก
ในห้วงสมุทรและที่ลึกทั้งหลาย
พระองค์ทรงกระทำให้เมฆลอยขึ้นจากสุดโลก
พระองค์ทรงส่งฟ้าแลบมากับฝน
และทรงนำสายลมออกมาจากคลังของพระองค์

พระองค์ทรงประหารลูกหัวปีของอียิปต์
ลูกหัวปีทั้งของคนและของสัตว์
อียิปต์เอ๋ย พระองค์ทรงส่งหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่างๆ มาท่ามกลางพวกเจ้า
มาต่อสู้ฟาโรห์กับบรรดาผู้รับใช้ทั้งสิ้นของเขา
10 พระองค์ทรงห้ำหั่นชนชาติต่างๆ
ทรงประหารกษัตริย์ผู้เกรียงไกร
11 คือกษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์
กษัตริย์โอกแห่งบาชาน
และกษัตริย์ทั้งหมดในคานาอัน
12 และพระองค์ทรงยกดินแดนของพวกเขาให้เป็นกรรมสิทธิ์
ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของอิสราเอลประชากรของพระองค์

13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระนามของพระองค์ดำรงนิรันดร์
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเกียรติของพระองค์เลื่องลือตลอดทุกชั่วอายุ
14 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงให้ความเป็นธรรมแก่ประชากรของพระองค์
และทรงเอ็นดูสงสารผู้รับใช้ของพระองค์

15 รูปเคารพของชนชาติต่างๆ ทำจากเงินและทอง
ทำด้วยน้ำมือมนุษย์
16 มีปากแต่พูดไม่ได้
มีตาแต่มองไม่เห็น
17 มีหูแต่ไม่ได้ยิน
ไม่มีแม้แต่ลมหายใจในปาก
18 ผู้ที่สร้างพวกมันก็จะเป็นเหมือนพวกมัน
และผู้ที่วางใจในพวกมันก็จะเป็นเหมือนกัน

19 วงศ์วานของอิสราเอลเอ๋ย จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
วงศ์วานของอาโรนเอ๋ย จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
20 วงศ์วานของเลวีเอ๋ย จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
ท่านทั้งหลายผู้ยำเกรงพระองค์ จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
21 จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าจากศิโยน
จงสรรเสริญพระองค์ผู้ประทับอยู่ในเยรูซาเล็ม

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

สุภาษิต 17:12-13

12 ให้ไปพบแม่หมีที่ถูกขโมยลูกไป
ยังดีกว่าไปพบคนโง่ในความโง่ของเขา

13 หากผู้ใดตอบแทนความดีด้วยความชั่ว
ความชั่วจะไม่พรากจากบ้านของเขา

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.