Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the GW. Switch to the GW to read along with the audio.

Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
2 พงศ์กษัตริย์ 1-2

องค์พระผู้เป็นเจ้า

หลังจากที่อาหับสิ้นพระชนม์ ชนชาติโมอับกบฏต่ออิสราเอล ฝ่ายอาหัสยาห์ทรงพลัดตกจากเฉลียงชั้นบนของพระราชวังที่สะมาเรียพระอาการสาหัส พระองค์จึงทรงใช้ผู้สื่อสารไปกล่าวกับพวกเขาว่า “จงไปปรึกษาบาอัลเซบูบเทพเจ้าแห่งเอโครนว่าอาการบาดเจ็บของเราจะหายหรือไม่”

แต่ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเอลียาห์ชาวทิชบีว่า “จงไปพบผู้สื่อสารของกษัตริย์สะมาเรียนั้นและถามพวกเขาว่า ‘ในอิสราเอลไม่มีพระเจ้าหรือ ทำไมพวกเจ้าจึงต้องไปปรึกษาบาอัลเซบูบเทพเจ้าแห่งเอโครน?’ เพราะเหตุนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสว่า ‘เจ้าจะไม่ได้ลุกจากเตียงที่นอนอยู่ เจ้าจะต้องตายแน่!’ ” แล้วเอลียาห์ก็ไป

เมื่อผู้สื่อสารของกษัตริย์กลับไปเข้าเฝ้า กษัตริย์ตรัสถามว่า “พวกเจ้ากลับมาทำไม?”

พวกเขาทูลว่า “มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกข้าพระบาท แล้วบอกให้กลับมาทูลฝ่าพระบาทว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ในอิสราเอลไม่มีพระเจ้าหรือ ทำไมเจ้าจึงต้องส่งคนไปปรึกษาบาอัลเซบูบเทพเจ้าแห่งเอโครน? เพราะเหตุนี้เจ้าจะไม่ได้ลุกจากเตียง แต่จะต้องตายแน่นอน!’ ”

กษัตริย์ตรัสถามว่า “ชายคนที่มาพบและบอกเรื่องนี้แก่พวกเจ้าหน้าตาท่าทางเป็นอย่างไร?”

พวกเขาทูลว่า “เขาสวมเสื้อคลุมขนสัตว์และใช้สายหนังคาดเอว”

กษัตริย์ตรัสว่า “เขาคือเอลียาห์ชาวทิชบี”

แล้วพระองค์ทรงใช้นายทหารคนหนึ่งพร้อมด้วยทหารห้าสิบนายไปหาเอลียาห์ นายทหารขึ้นไปพบเอลียาห์ซึ่งนั่งอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง และกล่าวกับเขาว่า “คนของพระเจ้า กษัตริย์ตรัสว่า ‘จงลงมาเถิด!’ ”

10 เอลียาห์ตอบนายทหารผู้นั้นว่า “หากเราเป็นคนของพระเจ้า ขอให้ไฟตกลงมาจากสวรรค์เผาผลาญเจ้าและทหารทั้งห้าสิบนายของเจ้า!” ไฟก็ตกลงมาเผาผลาญนายทหารและคนของเขาวอดวาย

11 กษัตริย์จึงส่งนายทหารอีกคนพร้อมด้วยทหารห้าสิบนายมา นายทหารกล่าวกับเอลียาห์ว่า “คนของพระเจ้า กษัตริย์ตรัสว่า ‘จงลงมาทันที!’ ”

12 เอลียาห์ตอบว่า “หากเราเป็นคนของพระเจ้า ขอให้ไฟตกลงมาจากสวรรค์เผาผลาญเจ้าและทหารห้าสิบนายของเจ้า!” แล้วไฟจากพระเจ้าก็ลงมาจากสวรรค์เผานายทหารและทหารทั้งห้าสิบนายวอดวาย

13 กษัตริย์จึงส่งนายทหารกับทหารอีกห้าสิบนายมาเป็นครั้งที่สาม คราวนี้นายทหารคุกเข่าลงอ้อนวอนต่อหน้าเอลียาห์ว่า “ข้าแต่คนของพระเจ้า โปรดไว้ชีวิตข้าพเจ้าและคนทั้งห้าสิบคนซึ่งเป็นผู้รับใช้ของท่าน! 14 ไฟจากสวรรค์ได้ลงมาเผาผลาญนายทหารสองคนก่อนหน้านี้กับพวก แต่บัดนี้ขอให้ไว้ชีวิตข้าพเจ้าเถิด!”

15 ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเอลียาห์ว่า “อย่ากลัวเลย ไปกับเขาเถิด” เอลียาห์จึงลงไปกับเขา แล้วไปเข้าเฝ้ากษัตริย์

16 เอลียาห์ทูลกษัตริย์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า เป็นเพราะในอิสราเอลไม่มีพระเจ้าให้ปรึกษาใช่ไหม เจ้าจึงต้องส่งคนไปถามบาอัลเซบูบเทพเจ้าแห่งเอโครน? เนื่องจากเจ้าทำเช่นนี้ เจ้าจะไม่ได้ลุกจากเตียง แต่เจ้าจะต้องตายแน่นอน!” 17 ดังนั้นอาหัสยาห์จึงสิ้นพระชนม์ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้ผ่านทางเอลียาห์

เนื่องจากอาหัสยาห์ไม่มีโอรส โยรัม[a]จึงขึ้นครองราชย์แทน ตรงกับปีที่สองแห่งรัชกาลกษัตริย์เยโฮรัมโอรสเยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์

18 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลอาหัสยาห์ และพระราชกิจที่ทรงทำมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?

พระเจ้าทรงรับเอลียาห์ขึ้นสวรรค์

เมื่อใกล้เวลาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงรับเอลียาห์ขึ้นสวรรค์ด้วยพายุหมุน เอลียาห์กับเอลีชาเดินทางออกจากกิลกาล เอลียาห์กล่าวกับเอลีชาว่า “เจ้าจงพักที่นี่เถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาให้เราไปยังเบธเอล”

แต่เอลีชาตอบว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่และท่านมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ข้าพเจ้าก็จะไม่ไปจากท่านฉันนั้น” คนทั้งสองจึงเดินทางไปยังเบธเอลด้วยกัน

บรรดาผู้เผยพระวจนะที่เบธเอลออกมาพบเอลีชาและถามว่า “ท่านรู้หรือไม่ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังจะรับอาจารย์ของท่านไปในวันนี้?”

เอลีชาตอบว่า “เรารู้แล้ว อย่าพูดเรื่องนี้เลย”

แล้วเอลียาห์กล่าวกับเอลีชาว่า “เอลีชาเอ๋ย จงพักอยู่ที่นี่ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้เราไปยังเมืองเยรีโค”

เอลีชาตอบว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่และท่านมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่ไปจากท่านฉันนั้น” คนทั้งสองจึงเดินทางต่อไปยังเมืองเยรีโค

บรรดาผู้เผยพระวจนะที่เมืองเยรีโคมาหาเอลีชา และถามเขาว่า “ท่านรู้หรือไม่ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังจะรับอาจารย์ของท่านไปในวันนี้?”

เอลีชาตอบว่า “เรารู้แล้ว อย่าพูดเรื่องนี้เลย”

เอลียาห์จึงกล่าวกับเอลีชาว่า “จงพักอยู่ที่นี่ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้เราไปยังแม่น้ำจอร์แดน”

เอลีชาตอบว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่และท่านมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่ไปจากท่านฉันนั้น” คนทั้งสองจึงเดินทางต่อไปด้วยกัน

เอลียาห์กับเอลีชามาหยุดอยู่ริมแม่น้ำจอร์แดน ขณะที่ผู้เผยพระวจนะห้าสิบคนยืนดูอยู่ห่างๆ แล้วเอลียาห์ถอดเสื้อคลุมออก ม้วนและฟาดลงที่แม่น้ำ น้ำก็แยกออก คนทั้งสองจึงเดินข้ามไปบนพื้นแห้ง

เมื่อข้ามมาแล้ว เอลียาห์กล่าวกับเอลีชาว่า “บอกมาเถิด เราจะทำอะไรให้เจ้าได้บ้างก่อนที่เราจะถูกรับไป?”

เอลีชาตอบว่า “โปรดให้ข้าพเจ้าได้รับมรดกในฤทธิ์อำนาจของท่านเป็นสองเท่า”

10 เอลียาห์กล่าวว่า “เจ้าขอสิ่งที่ยากนัก แต่หากเจ้าเห็นเราถูกรับขึ้นไป เจ้าก็จะได้รับตามที่ขอ หากไม่เห็น เจ้าก็จะไม่ได้”

11 ขณะที่คนทั้งสองเดินสนทนากันไป ทันใดนั้นเองมีราชรถเพลิงเทียมด้วยม้าเพลิงปรากฏขึ้น และแยกคนทั้งสองจากกัน เอลียาห์ก็ถูกพายุหมุนหอบขึ้นสู่สวรรค์ 12 เอลีชาเห็นดังนั้น จึงร้องตะโกนว่า “ท่านบิดา! ท่านบิดาของข้าพเจ้า! ผู้เป็นราชรถและพลม้าแห่งอิสราเอล” แล้วเอลีชาก็ไม่เห็นเอลียาห์อีก เขาจึงฉีกเสื้อผ้าของตนขาด

13 จากนั้นเขาจึงหยิบเสื้อคลุมของเอลียาห์ที่ตกอยู่ขึ้นมา และกลับไปยืนที่ริมฝังแม่น้ำจอร์แดน 14 แล้วเอาเสื้อคลุมนั้นฟาดน้ำและร้องว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของเอลียาห์อยู่ที่ไหน?” น้ำก็แยกออก เอลีชาจึงเดินข้ามไป

15 บรรดาผู้เผยพระวจนะจากเมืองเยรีโคซึ่งเฝ้าดูอยู่ก็กล่าวว่า “ฤทธิ์อำนาจของเอลียาห์มาอยู่กับเอลีชาแล้ว” พวกเขาพากันมากราบคำนับเอลีชาและกล่าวว่า 16 “ท่านขอรับ พวกข้าพเจ้ามีคนหนุ่มฉกรรจ์ห้าสิบคน ให้พวกเขาออกไปค้นหาอาจารย์ของท่านเถิด บางทีพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าอาจจะรับอาจารย์ของท่านขึ้นไป และปล่อยไว้บนภูเขาหรือหุบเขาแห่งใดแห่งหนึ่ง”

เอลีชาตอบว่า “ไม่ต้องส่งพวกเขาไป”

17 แต่พวกเขารบเร้าจนเอลีชาขัดไม่ได้ เขาจึงกล่าวว่า “จะไปก็ไป” จากนั้นคนห้าสิบคนก็ออกไปตามหาตลอดสามวัน แต่ไม่พบเอลียาห์ 18 ส่วนเอลีชายังคงอยู่ที่เมืองเยรีโค เมื่อพวกเขากลับมาถึง เอลีชาจึงกล่าวกับพวกเขาว่า “เราบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ต้องไป?”

น้ำกลับคืนสู่สภาพดี

19 ชาวเมืองนั้นมาแจ้งเอลีชาว่า “ท่านก็เห็นแล้วว่าเมืองนี้ตั้งอยู่ในทำเลดี แต่น้ำนั้นใช้ไม่ได้และแผ่นดินก็ไม่เกิดผล”

20 เอลีชากล่าวว่า “จงเอาชามใหม่ใส่เกลือมาให้เรา” พวกเขาก็นำมาให้เอลีชา

21 เอลีชาจึงเดินออกไปที่บ่อน้ำเมืองนั้น เทเกลือลงไปและประกาศว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราได้ทำให้น้ำแห่งนี้มีสภาพดีแล้ว ตั้งแต่นี้ไปมันจะไม่เป็นเหตุให้ตายหรือทำให้แผ่นดินไม่เกิดผลอีก’ ” 22 น้ำก็คงสภาพดีเช่นนั้นตลอดมาจนทุกวันนี้ ตามที่เอลีชาได้กล่าวไว้

ล้อเลียนเอลีชา

23 จากที่นั่นเอลีชาเดินทางไปยังเบธเอล ระหว่างทางมีเด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งออกมาจากเมืองนั้น มาถากถางล้อเลียนเขาว่า “ออกไปให้พ้น เจ้าคนหัวล้าน! ออกไปให้พ้น เจ้าคนหัวล้าน!” 24 เอลีชาจึงหันกลับมามอง และสาปแช่งพวกเขาในพระนามของพระยาห์เวห์ แล้วมีแม่หมีสองตัวออกจากป่ามาฆ่าพวกเขาตายไป 42 คน 25 จากนั้นเอลีชาไปยังภูเขาคารเมล และจากที่นั่นกลับมายังสะมาเรีย

กิจการของอัครทูต 13:42-14:7

42 ขณะเปาโลกับบารนาบัสออกจากธรรมศาลาคนทั้งหลายก็เชื้อเชิญเขาให้กล่าวเรื่องเหล่านี้ต่อไปในวันสะบาโตหน้า 43 เมื่อเลิกประชุมแล้วชาวยิวและคนเข้าจารีตยิวซึ่งเคร่งศาสนาหลายคนก็ติดตามเปาโลกับบารนาบัสไป คนทั้งสองพูดคุยและกำชับพวกเขาให้อยู่ในพระคุณของพระเจ้าต่อไป

44 ในวันสะบาโตต่อมาคนเกือบทั้งเมืองมาชุมนุมกันเพื่อฟังพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า 45 เมื่อพวกยิวเห็นผู้คนมากมายก็อิจฉาริษยายิ่งนักจึงพูดให้ร้ายต่อต้านสิ่งที่เปาโลกำลังกล่าว

46 แล้วเปาโลกับบารนาบัสจึงโต้ตอบพวกเขาด้วยใจกล้าว่า “เราต้องประกาศพระวจนะของพระเจ้าแก่พวกท่านก่อน ในเมื่อท่านปฏิเสธและไม่เห็นว่าตัวเองคู่ควรกับชีวิตนิรันดร์บัดนี้เราก็จะหันไปหาพวกต่างชาติ 47 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาเราไว้ว่า

“ ‘เราได้ทำให้เจ้าเป็นแสงสว่างสำหรับชนต่างชาติ
เพื่อเจ้าจะนำความรอดไปจนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก’[a]

48 ฝ่ายคนต่างชาติเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ดีใจและยกย่องพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า และบรรดาผู้ที่ถูกกำหนดไว้ให้มีชีวิตนิรันดร์ก็เชื่อ 49 พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าแพร่ไปทั่วภูมิภาคนั้น 50 แต่พวกยิวยุยงสตรีสูงศักดิ์ผู้ยำเกรงพระเจ้าและเหล่าบุรุษที่เป็นผู้นำในเมืองนั้น พวกเขาปลุกปั่นให้คนเหล่านี้ข่มเหงเปาโลกับบารนาบัสและขับไล่คนทั้งสองออกจากภูมิภาคนั้น 51 ดังนั้นทั้งสองจึงสะบัดฝุ่นจากเท้าเป็นการประท้วงพวกเขาแล้วไปยังเมืองอิโคนียูม 52 และเหล่าสาวกก็เปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดีและพระวิญญาณบริสุทธิ์

ในเมืองอิโคนียูม

14 ที่เมืองอิโคนียูมเปาโลกับบารนาบัสเข้าไปในธรรมศาลาของพวกยิวตามปกติ พวกเขาประกาศอย่างเกิดผลจนมีชาวยิวและชาวต่างชาติมากมายมาเชื่อ แต่พวกยิวที่ไม่ยอมเชื่อก็ปลุกปั่นคนต่างชาติและทำให้พวกเขามีใจคิดร้ายต่อพวกพี่น้อง ฝ่ายเปาโลกับบารนาบัสใช้เวลาอยู่ที่นั่นนานพอสมควร พวกเขาประกาศด้วยใจกล้าเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงยืนยันเรื่องราวแห่งพระคุณของพระองค์โดยให้เขาทั้งสองทำหมายสำคัญและปาฏิหาริย์ต่างๆ ชาวเมืองนั้นแยกเป็นสองฝ่าย พวกหนึ่งอยู่ฝ่ายพวกยิว อีกพวกอยู่ฝ่ายอัครทูต คนต่างชาติกับพวกยิวและหัวหน้าของพวกเขาคบคิดกันจะทำร้ายและเอาหินขว้างเปาโลกับบารนาบัส แต่เขาทั้งสองล่วงรู้แผนการนี้จึงหนีไปยังแคว้นลิคาโอเนีย ที่เมืองลิสตรา เมืองเดอร์บีกับแถบใกล้เคียงโดยรอบ และได้ประกาศข่าวประเสริฐที่นั่นต่อไป

สดุดี 139

(ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของดาวิด)

139 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้ทรงตรวจตราจิตใจของข้าพระองค์
และพระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์
พระองค์ทรงทราบเมื่อข้าพระองค์นั่งลงและลุกขึ้น
พระองค์ทรงประจักษ์ความคิดของข้าพระองค์แต่ไกล
พระองค์ทรงหยั่งรู้วิถีทางและการหยุดพักของข้าพระองค์
พระองค์ทรงคุ้นเคยกับทางทั้งสิ้นของข้าพระองค์
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ก่อนที่ข้าพระองค์จะเอ่ยปาก
พระองค์ก็ทรงทราบความทั้งสิ้นแล้ว
พระองค์ทรงโอบล้อมข้าพระองค์ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
พระองค์ทรงวางพระหัตถ์เหนือข้าพระองค์
ความรู้เช่นนี้อัศจรรย์ยิ่งนักสำหรับข้าพระองค์
สูงเกินกว่าข้าพระองค์จะเข้าใจ

ข้าพระองค์จะไปที่ไหนให้พ้นจากพระวิญญาณของพระองค์ได้?
ข้าพระองค์จะหนีไปที่ไหนให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์?
หากข้าพระองค์ขึ้นไปยังสวรรค์ พระองค์ประทับอยู่ที่นั่น
หากข้าพระองค์นอนลงในแดนมรณา พระองค์ก็ประทับที่นั่น
หากข้าพระองค์บินไปด้วยปีกแห่งรุ่งอรุณ
หากข้าพระองค์ไปอยู่ที่มหาสมุทรสุดไกลโพ้น
10 แม้แต่ที่นั่น พระหัตถ์ของพระองค์ก็จะทรงนำข้าพระองค์
พระหัตถ์ขวาของพระองค์ก็จะยึดข้าพระองค์ไว้มั่น
11 หากข้าพระองค์กล่าวว่า “แน่นอน ความมืดจะบังเราไว้
และความสว่างจะกลายเป็นค่ำคืนรอบตัวเรา”
12 สำหรับพระองค์ แม้ความมืดก็ไม่มืด
กลางคืนก็สว่างดั่งกลางวัน
เพราะสำหรับพระองค์ ความมืดก็เป็นดั่งความสว่าง

13 เพราะพระองค์ทรงสร้างส่วนลึกล้ำภายในตัวข้าพระองค์
พระองค์ทรงถักทอข้าพระองค์ขึ้นในครรภ์มารดา
14 ข้าพระองค์สรรเสริญพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสร้างข้าพระองค์อย่างมหัศจรรย์และน่าครั่นคร้าม
ฝีพระหัตถ์ของพระองค์อัศจรรย์
ข้าพระองค์ทราบดี
15 โครงร่างของข้าพระองค์ไม่ได้ซ่อนเร้นจากพระองค์
เมื่อข้าพระองค์ถูกสร้างขึ้นในที่ลี้ลับ
เมื่อข้าพระองค์ถูกถักทอขึ้นในห้วงลึกแห่งแผ่นดินโลก
16 พระเนตรของพระองค์ทรงเห็นข้าพระองค์ตั้งแต่ข้าพระองค์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง
ทุกวันคืนที่กำหนดไว้สำหรับข้าพระองค์
ทรงบันทึกไว้ในสมุดของพระองค์
ก่อนที่วันเหล่านั้นจะมาถึง
17 ข้าแต่พระเจ้า! พระดำริของพระองค์สำหรับข้าพระองค์นั้นเลิศล้ำ![a]
รวมกันแล้วก็ยิ่งใหญ่นัก!
18 หากจะนับ
ก็มากยิ่งกว่าเม็ดทราย
เมื่อข้าพระองค์ตื่นขึ้น ข้าพระองค์ยังคงอยู่กับพระองค์

19 ข้าแต่พระเจ้า! ขอทรงประหารคนชั่วเถิด
เจ้าคนกระหายเลือด จงไปให้พ้น!
20 พวกเขากล่าวถึงพระองค์ด้วยเจตนาชั่ว
ศัตรูของพระองค์ใช้พระนามของพระองค์ในทางมิชอบ
21 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ไม่ได้เกลียดชังผู้ที่เกลียดชังพระองค์หรือ?
ข้าพระองค์ไม่ได้สะอิดสะเอียนผู้ที่บังอาจลุกขึ้นต่อสู้พระองค์หรือ?
22 สำหรับพวกเขา ข้าพระองค์มีแต่ความเกลียดชัง
และนับเขาเป็นศัตรูของข้าพระองค์
23 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงตรวจตราดูเถิด และทรงทราบจิตใจของข้าพระองค์
ขอทรงตรวจสอบและประจักษ์แจ้งความคิดกระวนกระวายของข้าพระองค์
24 โปรดดูว่ามีสิ่งใดบ้างในตัวของข้าพระองค์ซึ่งไม่เป็นที่พอพระทัย
และขอทรงนำข้าพระองค์ไปตามวิถีนิรันดร์

สุภาษิต 17:19-21

19 ผู้ที่รักการทะเลาะวิวาทก็รักบาป
ผู้ที่หยิ่งยโสก็หาความย่อยยับใส่ตัว

20 คนที่มีจิตใจคดโกงย่อมไม่เจริญ
คนที่ลิ้นตลบตะแลงจะตกที่นั่งลำบาก

21 น่าเศร้าที่มีลูกเป็นคนโฉดเขลา
พ่อของคนโง่ไร้สำนึกไม่มีความสุข

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.