The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NLT. Switch to the NLT to read along with the audio.
กษัตริย์อาซาริยาห์แห่งยูดาห์(A)
15 อาซาริยาห์โอรสกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ขึ้นครองราชย์ตรงกับปีที่ยี่สิบเจ็ดของรัชกาลกษัตริย์เยโรโบอัมแห่งอิสราเอล 2 เมื่อพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ทรงมีพระชนมายุสิบหกพรรษา ทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 52 ปี ราชมารดาคือเยโคลียาห์จากเยรูซาเล็ม 3 พระองค์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับอามาซิยาห์ราชบิดา 4 แต่สถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายยังไม่ได้ถูกทำลายไป ประชากรยังคงถวายเครื่องบูชาและเผาเครื่องหอมที่นั่น
5 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้กษัตริย์อาซาริยาห์เป็นโรคเรื้อน[a]จนสิ้นพระชนม์ อาซาริยาห์จึงแยกประทับอยู่ในพระตำหนักต่างหาก[b] โยธามราชโอรสของพระองค์ทรงดูแลพระราชวังและปกครองประชาชนในแผ่นดินนั้น
6 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของอาซาริยาห์และพระราชกิจทั้งปวงมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ? 7 อาซาริยาห์ทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ใกล้ๆ กับพวกเขาในเมืองดาวิด แล้วโยธามโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน
กษัตริย์เศคาริยาห์แห่งอิสราเอล
8 เศคาริยาห์โอรสเยโรโบอัมขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลตรงกับปีที่สามสิบแปดของรัชกาลกษัตริย์อาซาริยาห์แห่งยูดาห์ พระองค์ทรงครองราชย์อยู่ในสะมาเรียหกเดือน 9 พระองค์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับบรรพบุรุษ ไม่ได้ทรงหันจากบาปของเยโรโบอัมบุตรเนบัทซึ่งชักนำอิสราเอลให้ทำตาม
10 ชัลลูมบุตรยาเบชคิดร้ายและปลงพระชนม์เศคาริยาห์ต่อหน้าประชาชน[c] แล้วขึ้นครองราชย์แทน 11 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลเศคาริยาห์บันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอล 12 จึงเป็นจริงตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเยฮูว่า “วงศ์วานของเจ้าสี่ชั่วอายุคนจะได้ครองบัลลังก์อิสราเอล”[d]
กษัตริย์ชัลลูมแห่งอิสราเอล
13 ชัลลูมบุตรยาเบชขึ้นครองราชย์ตรงกับปีที่สามสิบเก้าของรัชกาลกษัตริย์อุสซียาห์แห่งยูดาห์ และทรงครองราชย์อยู่ในสะมาเรียหนึ่งเดือน 14 จากนั้นเมนาเฮมบุตรกาดีจากเมืองทีรซาห์ขึ้นมายังสะมาเรีย ปลงพระชนม์ชัลลูมแล้วขึ้นครองราชย์แทน
15 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลชัลลูมและการชิงราชบัลลังก์บันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอล
16 ครั้งนั้นเมนาเฮมยกทัพจากเมืองทีรซาห์เข้าโจมตีเมืองทิฟสาห์และทุกคนในเมืองและละแวกนั้น เนื่องจากชาวเมืองนั้นไม่ยอมเปิดประตูรับ เขาปล้นเมืองทิฟสาห์และผ่าท้องหญิงมีครรภ์ทั้งหมด
กษัตริย์เมนาเฮมแห่งอิสราเอล
17 เมนาเฮมบุตรกาดีขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอล ตรงกับปีที่สามสิบเก้าของรัชกาลกษัตริย์อาซาริยาห์แห่งยูดาห์ พระองค์ทรงครองราชย์อยู่ในสะมาเรียสิบปี 18 เมนาเฮมทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ไม่ได้เลิกทำบาปของเยโรโบอัมบุตรเนบัทซึ่งชักนำอิสราเอลให้ทำตามตลอดรัชกาลของพระองค์
19 ต่อมากษัตริย์ปูล[e] แห่งอัสซีเรียเข้ารุกราน เมนาเฮมถวายบรรณาการเป็นเงินหนักประมาณ 34 ตัน[f] เพื่อขอการสนับสนุนให้ตนได้ครอบครองอาณาจักรอย่างมั่นคง 20 เมนาเฮมทรงรีดเงินจำนวนนี้จากอิสราเอล คนรวยทุกคนต้องจ่ายเงินหนัก 50 เชเขล[g]เพื่อจ่ายให้กษัตริย์อัสซีเรีย ดังนั้นกษัตริย์อัสซีเรียจึงถอนทัพกลับไป
21 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลเมนาเฮม พระราชกิจทั้งปวงบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ? 22 เมนาเฮมทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและเปคาหิยาห์โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน
กษัตริย์เปคาหิยาห์แห่งอิสราเอล
23 เปคาหิยาห์โอรสของเมนาเฮมขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลในสะมาเรียตรงกับปีที่ห้าสิบของรัชกาลกษัตริย์อาซาริยาห์แห่งยูดาห์ พระองค์ทรงครองราชย์อยู่สองปี 24 เปคาหิยาห์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ไม่ได้ทรงเลิกทำบาปของเยโรโบอัมบุตรเนบัทซึ่งชักนำอิสราเอลให้ทำตาม 25 แล้วผู้บัญชาการเปคาห์บุตรเรมาลิยาห์ได้สมคบกับชาวกิเลอาดห้าสิบคน ปลงพระชนม์เปคาหิยาห์ รวมทั้งสังหารอารโกบและอารีเอห์ด้วย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ป้อมชั้นในของพระราชวังที่สะมาเรีย และเปคาห์ขึ้นครองราชย์แทน
26 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลเปคาหิยาห์และพระราชกิจทั้งปวงบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอล
กษัตริย์เปคาห์แห่งอิสราเอล
27 เปคาห์บุตรเรมาลิยาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลในสะมาเรียตรงกับปีที่ห้าสิบสองของรัชกาลกษัตริย์อาซาริยาห์แห่งยูดาห์ พระองค์ทรงครองราชย์อยู่ยี่สิบปี 28 เปคาห์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ไม่ได้ทรงเลิกทำบาปของเยโรโบอัมบุตรเนบัทซึ่งชักนำอิสราเอลให้ทำตาม
29 ในรัชกาลกษัตริย์เปคาห์แห่งอิสราเอล กษัตริย์ทิกลัทปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรียมายึดเมืองอิโยน อาเบล เบธมาอาคาห์ ยาโนอาห์ เคเดช และฮาโซร์ ทรงยึดกิเลอาด กาลิลี ดินแดนนัฟทาลีทั้งหมด และจับเชลยไปยังอัสซีเรีย 30 แล้วโฮเชยาบุตรเอลาห์ก็กบฏและปลงพระชนม์กษัตริย์เปคาห์บุตรเรมาลิยาห์ และขึ้นครองราชย์แทนตรงกับปีที่ยี่สิบของรัชกาลโยธามโอรสของอุสซียาห์
31 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของเปคาห์บันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?
กษัตริย์โยธามแห่งยูดาห์(B)
32 โยธามโอรสกษัตริย์อุสซียาห์แห่งยูดาห์ขึ้นครองราชย์ตรงกับปีที่สองของรัชกาลกษัตริย์เปคาห์บุตรเรมาลิยาห์แห่งอิสราเอล 33 ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุ 25 พรรษาและทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสิบหกปี ราชมารดาคือเยรูชาธิดาของศาโดก 34 โยธามทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับอุสซียาห์ราชบิดา 35 แต่สถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายยังไม่ถูกทำลาย ประชากรยังคงถวายเครื่องบูชาและเผาเครื่องหอมที่นั่น โยธามทรงบูรณะประตูบนของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า
36 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลโยธามและพระราชกิจทั้งปวงบันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ? 37 (ในสมัยนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้กษัตริย์เรซีนแห่งอารัมและกษัตริย์เปคาห์บุตรเรมาลิยาห์มาโจมตียูดาห์) 38 โยธามทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ร่วมกันในเมืองดาวิด ซึ่งเป็นเมืองของบรรพบุรุษ จากนั้นอาหัสโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน
กษัตริย์อาหัสแห่งยูดาห์(C)
16 อาหัสโอรสกษัตริย์โยธามแห่งยูดาห์ขึ้นครองราชย์ตรงกับปีที่สิบเจ็ดของรัชกาลกษัตริย์เปคาห์บุตรเรมาลิยาห์ 2 ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุยี่สิบพรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสิบหกปี อาหัสไม่ได้ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์เหมือนที่ดาวิดผู้เป็นบรรพบุรุษเคยทำ 3 แต่ทรงทำตามอย่างกษัตริย์ทั้งหลายของอิสราเอล ถึงกับนำโอรสของพระองค์มาเผาบูชายัญ[h]ตามแบบอย่างอันน่าชิงชังของชนชาติต่างๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขับไล่ออกไปให้พ้นหน้าชาวอิสราเอล 4 อาหัสถวายเครื่องบูชาและเผาเครื่องหอมตามสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย บนเนินเขาต่างๆ และใต้ต้นไม้ใหญ่ทุกต้น
5 ต่อมากษัตริย์เรซีนแห่งอารัมและกษัตริย์เปคาห์บุตรเรมาลิยาห์แห่งอิสราเอลกรีธาทัพมารบกับอาหัสและล้อมกรุงเยรูซาเล็ม แต่พิชิตไม่ได้ 6 ครั้งนั้นกษัตริย์เรซีนแห่งอารัมทรงยึดเอลัทคืนให้อารัม โดยขับไล่ชาวยูดาห์ออกไป แล้วชาวเอโดมจึงเข้าไปอาศัยอยู่ที่เอลัทตราบจนทุกวันนี้
7 อาหัสทรงส่งทูตไปแจ้งกษัตริย์ทิกลัทปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรียว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของท่านและผู้สวามิภักดิ์ต่อท่าน ขอโปรดมาช่วยรบกับทัพอารัมและอิสราเอลซึ่งยกมาโจมตีข้าพเจ้าด้วยเถิด” 8 อาหัสได้นำทองคำและเงินที่มีในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและคลังหลวงส่งไปบรรณาการแด่กษัตริย์อัสซีเรีย 9 กษัตริย์อัสซีเรียจึงโจมตีและยึดเมืองดามัสกัส ประหารเรซีน แล้วกวาดต้อนชาวเมืองไปเป็นเชลยที่เมืองคีร์
10 กษัตริย์อาหัสเสด็จไปที่เมืองดามัสกัสเพื่อเข้าเฝ้ากษัตริย์ทิกลัทปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรีย พระองค์ทรงเห็นแท่นบูชาที่เมืองดามัสกัส จึงส่งแบบร่างและรายละเอียดในการสร้างแท่นบูชามาให้ปุโรหิตอุรียาห์ 11 ดังนั้นปุโรหิตอุรียาห์จึงสร้างแท่นบูชาขึ้นมาอีกแท่นหนึ่งตามแบบที่กษัตริย์อาหัสส่งมาจากเมืองดามัสกัสทุกประการ และสร้างเสร็จก่อนที่กษัตริย์อาหัสจะเสด็จกลับมา 12 เมื่อกษัตริย์เสด็จกลับมาจากเมืองดามัสกัสและเห็นแท่น ก็ถวายเครื่องบูชาบนแท่นนั้น 13 ทรงถวายเครื่องเผาบูชา ธัญบูชา เครื่องดื่มบูชา และประพรมเลือดจากเครื่องสันติบูชาบนแท่นนั้น 14 ส่วนแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ซึ่งอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าแท่นเดิมนั้น พระองค์ทรงย้ายจากด้านหน้าของพระวิหาร คือระหว่างแท่นบูชาใหม่กับพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ไปตั้งไว้ด้านทิศเหนือของแท่นบูชาใหม่
15 กษัตริย์อาหัสทรงบัญชาปุโรหิตอุรียาห์ว่า “จงใช้แท่นบูชาใหม่นี้สำหรับถวายเครื่องเผาบูชายามเช้า ธัญบูชายามเย็น เครื่องเผาบูชากับธัญบูชาของกษัตริย์ และเครื่องเผาบูชากับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาของประชากร และประพรมเลือดจากเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาต่างๆ ที่แท่นใหม่นี้ด้วย ส่วนแท่นทองสัมฤทธิ์นั้น เราจะใช้สำหรับขอคำแนะนำ” 16 ปุโรหิตอุรียาห์ก็ทำตามพระบัญชาของกษัตริย์อาหัส
17 กษัตริย์อาหัสทรงรื้อแผงด้านข้างของแท่นเคลื่อนที่ทองสัมฤทธิ์ และย้ายขันบรรจุน้ำที่วางบนแท่นออกไป พระองค์ทรงย้ายขันสาครจากหลังของวัวทองสัมฤทธิ์ไปตั้งไว้บนฐานหิน 18 และเพื่อเอาใจกษัตริย์อัสซีเรีย อาหัสทรงย้ายศาลาสะบาโตไปจากพระวิหาร แล้วปิดทางพระราชดำเนินส่วนพระองค์ด้านนอกที่มายังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า
19 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของอาหัสมีบันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ? 20 อาหัสทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ร่วมกันในเมืองดาวิด แล้วเฮเซคียาห์โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน
13 ชาวยิวบางคนไปตามที่ต่างๆ แล้วขับไล่วิญญาณชั่วโดยพยายามออกพระนามขององค์พระเยซูเจ้าเหนือคนที่ถูกผีสิง พวกเขาจะสั่งว่า “ในพระนามพระเยซูซึ่งเปาโลประกาศ เราสั่งเจ้าให้ออกมา” 14 บุตรชายเจ็ดคนของเสวาหัวหน้าปุโรหิตชาวยิวก็ทำเช่นนี้ 15 วันหนึ่งวิญญาณชั่วตอบพวกเขาว่า “พระเยซูน่ะข้ารู้จักและข้าก็เคยได้ยินเรื่องเปาโลแต่พวกเจ้าเป็นใครกัน?” 16 แล้วคนที่มีวิญญาณชั่วสิงก็กระโจนเข้าใส่และเอาชนะพวกเขาทั้งหมด คนนั้นทุบตีพวกเขาจนต้องเผ่นหนีจากบ้านทั้งๆ ที่เปลือยกายและเลือดไหล
17 เมื่อเรื่องนี้ไปถึงหูชาวยิวและชาวกรีกในเมืองเอเฟซัสพวกเขาทั้งปวงพากันเกรงกลัวจับใจและพระนามขององค์พระเยซูเจ้าก็เป็นที่ยกย่องอย่างสูง 18 บัดนี้หลายคนที่เชื่อมาสารภาพการกระทำที่ชั่วร้ายอย่างเปิดเผย 19 คนที่ใช้เวทมนตร์คาถานำม้วนตำราของตนมาเผาทิ้งต่อหน้าสาธารณชน ตำราเหล่านั้นรวมแล้วคิดเป็นเงินถึง 50,000 แดรกมา[a] 20 โดยเหตุนี้พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงแพร่ออกไปอย่างกว้างไกลและเกิดผลมากยิ่งขึ้น
21 ภายหลังเหตุการณ์เหล่านี้เปาโลตกลงใจว่าจะไปกรุงเยรูซาเล็มโดยผ่านทางแคว้นมาซิโดเนียและอาคายา เขากล่าวว่า “หลังจากได้ไปที่นั่นแล้วเราต้องไปเยี่ยมกรุงโรมด้วย” 22 เปาโลส่งผู้ช่วยของเขาสองคนคือทิโมธีกับเอรัสทัสไปแคว้นมาซิโดเนียขณะที่เขาอยู่ในแคว้นเอเชียต่ออีกหน่อยหนึ่ง
การจลาจลในเมืองเอเฟซัส
23 ครั้งนั้นเกิดเหตุวุ่นวายครั้งใหญ่เกี่ยวกับ “ทางนั้น” 24 ช่างเงินคนหนึ่งชื่อเดเมตริอัสเป็นคนทำรูปจำลองสถานบูชาของเทวีอารเทมิสด้วยเงิน ซึ่งทำรายได้ให้พวกช่างฝีมือไม่น้อย 25 เขาเรียกประชุมช่างเหล่านั้นกับคนงานในธุรกิจที่เกี่ยวข้องมาและกล่าวว่า “ท่านทั้งหลาย ท่านย่อมทราบอยู่ว่าธุรกิจนี้สร้างรายได้ให้เราอย่างมาก 26 ท่านก็ได้เห็นและได้ยินที่เปาโลคนนี้ชักจูงผู้คนมากมายให้หลงทางทั้งในเอเฟซัสนี้กับทั่วแคว้นเอเชียก็ว่าได้ เขาพูดว่ารูปเคารพที่มนุษย์สร้างขึ้นไม่ได้เป็นเทพเจ้าเลย 27 สิ่งนี้เป็นอันตรายเพราะไม่เพียงแต่จะทำให้การค้าของเราเสียชื่อ ยังทำให้ผู้คนเสื่อมศรัทธาในวิหารของเทวีอารเทมิสผู้ยิ่งใหญ่ด้วย และเทวีเองที่ผู้คนกราบไหว้ทั่วแคว้นเอเชียและทั่วโลกจะถูกปล้นความยิ่งใหญ่อันศักดิ์สิทธิ์ของพระนางไป”
28 เมื่อพวกเขาทั้งหลายได้ยินดังนั้นก็โกรธจัดและเริ่มตะโกนว่า “เทวีอารเทมิสของชาวเอเฟซัสนั้นยิ่งใหญ่!” 29 ไม่ช้าทั่วทั้งเมืองก็โกลาหล ผู้คนจับกายอัสกับอาริสทารคัสผู้เป็นเพื่อนร่วมทางของเปาโลจากแคว้นมาซิโดเนียและพากันกรูเข้าไปในที่ซึ่งคนทั้งเมืองใช้ประชุมกัน 30 เปาโลอยากจะแสดงตัวต่อหน้าฝูงชนแต่พวกสาวกไม่ยอม 31 แม้แต่เจ้าหน้าที่บางคนของแคว้นนั้นซึ่งเป็นเพื่อนของเปาโลยังส่งข่าวมาขอร้องไม่ให้เขาเข้าไปในสถานที่นั้น
32 ที่ประชุมวุ่นวายมากบางคนตะโกนว่าอย่างนี้บางคนว่าอย่างนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองไปที่นั่นทำไม 33 พวกยิวผลักอเล็กซานเดอร์ให้ออกไปข้างหน้าและบางคนในฝูงชนก็ตะโกนแนะว่าเขาควรพูดอะไร เขาโบกมือให้เงียบเพื่อจะแก้ต่างต่อหน้าประชาชน 34 แต่เมื่อพวกนั้นเห็นว่าเขาเป็นยิวก็ร้องเป็นเสียงเดียวกันราวสองชั่วโมงว่า “เทวีอารเทมิสของชาวเอเฟซัสนั้นยิ่งใหญ่!”
35 เจ้าหน้าที่ของเมืองนั้นทำให้ฝูงชนเงียบแล้วกล่าวว่า “ชนชาวเอเฟซัส ใครๆ ก็รู้ไม่ใช่หรือว่าเมืองเอเฟซัสคือผู้ดูแลวิหารของเทวีอารเทมิสผู้ยิ่งใหญ่ตลอดจนเทวรูปของพระนางซึ่งตกลงมาจากฟ้าสวรรค์? 36 ฉะนั้นในเมื่อข้อเท็จจริงเหล่านี้ไม่อาจปฏิเสธได้ท่านทั้งหลายก็ควรนิ่งสงบ ไม่ทำอะไรวู่วาม 37 พวกท่านนำตัวคนเหล่านี้มาที่นี่ทั้งๆ ที่พวกเขาก็ไม่ได้ปล้นวิหารต่างๆ หรือลบหลู่เทวีของเรา 38 แล้วถ้าเดเมตริอัสกับพวกพ้องช่างฝีมือมีเรื่องจะร้องทุกข์เกี่ยวกับใครคนใดคนหนึ่งศาลก็เปิดอยู่และผู้ตรวจการก็มี พวกเขาสามารถฟ้องร้องได้ 39 หากท่านมีข้อหาอื่นใดก็ต้องตกลงกันในที่ประชุมตามกฎหมาย 40 เหตุการณ์วันนี้ทำให้เราเสี่ยงต่อการตกเป็นผู้ก่อการจลาจลเพราะเราไม่มีเหตุผลที่จะอธิบายความวุ่นวายครั้งนี้” 41 หลังจากกล่าวเช่นนี้แล้วเขาก็ให้เลิกชุมนุม
147 จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า[a]
เป็นการดีที่จะร้องเพลงสดุดีพระเจ้าของเรา
ช่างน่าชื่นใจและสมควรอย่างยิ่งที่จะสรรเสริญพระองค์!
2 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างเยรูซาเล็มขึ้น
พระองค์ทรงรวบรวมเชลยอิสราเอลกลับคืนมา
3 พระองค์ทรงรักษาผู้ที่ดวงใจแหลกสลาย
และสมานรอยแผลของเขาเหล่านั้น
4 พระองค์ทรงกำหนดจำนวนของดวงดาว
และทรงตั้งชื่อให้ดาวทุกดวง
5 องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรานี้ทรงยิ่งใหญ่นัก และทรงฤทธานุภาพเกรียงไกร
ความเข้าใจของพระองค์ไร้ขีดจำกัด
6 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงค้ำชูผู้ถ่อมใจ
แต่ทรงเหวี่ยงคนชั่วร้ายลงกับดิน
7 จงร้องเพลงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า
บรรเลงพิณถวายแด่พระเจ้าของเรา
8 พระองค์ทรงคลุมฟ้าสวรรค์ด้วยเมฆ
พระองค์ประทานฝนแก่ผืนแผ่นดิน
และทรงทำให้หญ้าบนเนินเขางอกงาม
9 พระองค์ประทานอาหารแก่สัตว์ทั้งปวง
และแก่ลูกกาเมื่อร้องขอ
10 พระองค์ไม่ได้ทรงชื่นชมยินดีในกำลังของม้า
ทั้งไม่ได้ทรงปีติยินดีในกำลังขาของมนุษย์
11 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชื่นชมบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์
ผู้ที่ฝากความหวังไว้ในความรักมั่นคงของพระองค์
12 เยรูซาเล็มเอ๋ย จงเทิดทูนองค์พระผู้เป็นเจ้า
ศิโยนเอ๋ย จงสรรเสริญพระเจ้าของเจ้า
13 เพราะพระองค์ทรงผนึกความแข็งแกร่งแห่งประตูเมืองของเจ้า
และทรงอวยพรประชากรของเจ้าซึ่งอยู่ภายในเจ้า
14 พระองค์ประทานสันติภาพทั่วเขตแดนของเจ้า
และทรงให้เจ้าอิ่มเอมด้วยข้าวสาลีอย่างดีที่สุด
15 พระองค์ทรงส่งพระบัญชามายังโลก
พระวจนะของพระองค์แพร่ไปโดยเร็ว
16 พระองค์ทรงกระจายหิมะลงมาดั่งปุยขนแกะ
และโปรยปรายน้ำค้างแข็งดั่งขี้เถ้า
17 พระองค์ทรงส่งลูกเห็บมาเกรียวกราวดั่งก้อนกรวด
ผู้ใดจะทนต่อพายุอันเหน็บหนาวของพระองค์ได้?
18 เมื่อพระองค์ตรัส ลูกเห็บก็หลอมละลาย
เมื่อพระองค์ทรงกระตุ้นสายลม น้ำก็ไหลไป
19 พระองค์ทรงสำแดงพระวจนะของพระองค์แก่ยาโคบ
สำแดงบทบัญญัติและกฎหมายของพระองค์แก่อิสราเอล
20 พระองค์ไม่ได้ทรงกระทำเช่นนี้ต่อประชาชาติอื่นๆ
พวกเขาไม่รู้บทบัญญัติของพระองค์
จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
4 ถ้อยคำของคนเราเป็นเหมือนน้ำลึก
น้ำพุแห่งปัญญาเป็นสายน้ำเชี่ยวกราก
5 การเข้าข้างคนชั่วเป็นเรื่องไม่ดี
และการไม่ให้ความยุติธรรมแก่ผู้บริสุทธิ์ก็ไม่ดีเช่นกัน
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.