Bible in 90 Days
บิลดัดพูด: โยบควรสารภาพ
8 แล้วบิลดัดชาวชูอัคตอบว่า
2 “ท่านจะพูดเรื่องเหล่านี้นานแค่ไหน
คำพูดจากปากท่านเป็นแค่ลมๆ แล้งๆ
3 พระเจ้าบิดเบือนความยุติธรรมหรือ
องค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพบิดเบือนความถูกต้องหรือ
4 ถ้าลูกหลานของท่านกระทำบาปต่อพระองค์แล้ว
พระองค์ก็ได้ให้พวกเขารับโทษตามที่เขาได้รับไปแล้ว
5 ถ้าท่านจะแสวงหาพระเจ้า
และวิงวอนขอความเมตตาจากองค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพ
6 ถ้าท่านบริสุทธิ์และมีความชอบธรรม
พระองค์จะเฝ้าดูแลท่าน
และให้ครอบครัวของท่านคืนสู่สภาพเดิม
7 แม้ว่าชีวิตเบื้องต้นของท่านจะมีอย่างน้อยนิด
แต่เบื้องปลายท่านจะมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่มาก
8 ถามพวกอาวุโสเถิด
และเสาะดูว่าบรรพบุรุษเรียนรู้อะไรบ้าง
9 เพราะชีวิตพวกเราเพิ่งเริ่มเมื่อวานและไม่รู้อะไร
วันเวลาของเราทั้งหลายเป็นเหมือนเงา
10 พวกเขาจะไม่สอนท่านและบอกท่าน
และพูดสิ่งที่เขาเข้าใจหรือ
11 ต้นกกจะเติบโตในที่ไม่มีหนองน้ำได้หรือ
ต้นอ้อจะงอกขยายในที่ไม่มีน้ำได้หรือ
12 ขณะผลิดอกที่ยังอ่อนอยู่และยังไม่ถูกตัด
ดอกก็เหี่ยวไปก่อนพืชชนิดอื่น
13 ทางของทุกคนที่ลืมพระเจ้าก็เป็นเช่นนั้น
ความหวังของคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าก็จะดับสูญไป
14 ความหวังที่เขามีนั้นเปราะบาง
และความไว้วางใจก็เป็นอย่างใยแมงมุม
15 เขาพิงบ้าน แต่มันทานไม่ไหว
เขาจับคว้ามันไว้ แต่มันก็คุ้มหัวเขาไม่ได้
16 เขาเป็นดั่งพืชเขียวชอุ่มที่แสงตะวันสาดส่อง
และรากก็แผ่ขยายไปทั่วสวน
17 รากชอนไชและพันรอบหิน
เขาหาที่เกาะกับหินให้แน่น
18 ถ้าเขาถูกกำจัดไปจากที่ของเขา
ที่นั้นจะปฏิเสธว่า ไม่มีใครเคยรู้จักเขา
19 ดูเถิด นั่นคือทางสู่ความสำราญของเขา
และผู้อื่นจะงอกโผล่ขึ้นจากดินเพื่อแทนที่เขา
20 ดูเถิด พระเจ้าจะไม่ปฏิเสธคนที่ไร้ข้อตำหนิ
และไม่ช่วยเหลือคนทำความชั่ว
21 พระองค์จะโปรดให้ปากของท่านได้หัวเราะ
และริมฝีปากของท่านได้ตะโกนร้อง
22 บรรดาผู้ที่เกลียดชังท่านจะได้รับความอับอาย
และกระโจมของผู้ชั่วร้ายจะไม่มีอีกต่อไป”
โยบตอบ: ไม่มีผู้ตัดสินความ
9 โยบตอบว่า
2 “เป็นความจริง ฉันรู้ว่าเป็นอย่างนั้น
แต่ใครจะมีความชอบธรรม ณ เบื้องหน้าพระเจ้าได้
3 ถ้าใครต้องการโต้แย้งกับพระองค์
เขาจะมิอาจตอบพระองค์ได้สักครั้งเดียวจากพันครั้ง
4 พระองค์กอปรด้วยพระปัญญาและพลังอันสูงส่ง
ใครบ้างที่คัดค้านพระองค์ได้สำเร็จ
5 พระองค์ผู้เคลื่อนภูเขาโดยไม่มีการบอกล่วงหน้า
และพระองค์ทำให้มันพังทลายลงด้วยความโกรธ
6 ผู้ทำให้โลกสั่นไหวเลื่อนจากที่ของมัน
และฐานรากสั่นคลอน
7 ผู้บัญชาดวงอาทิตย์ มันก็ไม่ส่องแสง
ผู้ผนึกดวงดาวไม่ให้มีประกาย
8 ผู้แผ่ฟ้าสวรรค์ออกแต่พระองค์เดียว
และเดินย่ำคลื่นทะเล
9 ผู้สร้างดาวจระเข้ ดาวไถ
ดาวลูกไก่ และกลุ่มดาวทิศใต้
10 ผู้กระทำสิ่งอันยิ่งใหญ่ซึ่งยากที่จะเข้าใจได้
สิ่งวิเศษซึ่งนับไม่ถ้วน
11 ดูเถิด พระองค์ผ่านฉันไป และฉันก็มองไม่เห็นพระองค์
พระองค์เคลื่อนต่อไป ฉันก็ไม่สังเกตเห็นพระองค์ได้
12 ดูเถิด พระองค์คว้าเอาไป ใครจะห้ามพระองค์ได้
ใครจะกล้าพูดกับพระองค์ได้ว่า ‘พระองค์ทำอะไร’
13 พระเจ้าจะไม่คลายจากความโกรธของพระองค์
บรรดาลูกสมุนของราหับ[a]ทรุดลงที่ใต้เท้าพระองค์
14 แล้วฉันจะให้คำตอบพระองค์
และสรรหาคำมาพูดกับพระองค์ได้อย่างไร
15 แม้ว่าฉันจะเป็นฝ่ายถูก ฉันก็ให้คำตอบพระองค์ไม่ได้
ฉันต้องร้องเรียนขอความเมตตาจากผู้พิพากษาของฉัน
16 ถ้าฉันร้องเรียกพระองค์ และพระองค์ตอบฉัน
ฉันก็จะไม่เชื่อว่า พระองค์ฟังเสียงของฉัน
17 เพราะพระองค์ปราบฉันด้วยลมอันแรงกล้า
และเพิ่มบาดแผลโดยไม่มีสาเหตุ
18 พระองค์จะไม่ปล่อยให้ฉันหายใจ
แต่ทำให้ฉันเต็มด้วยความขมขื่น
19 ถ้าเป็นการประลองกำลังแล้วละก็ ดูเถิด พระองค์มีพลานุภาพยิ่งนัก
ถ้าเป็นเรื่องความยุติธรรม ใครจะท้าทายพระองค์ได้
20 แม้ว่าฉันเป็นฝ่ายถูก ปากของฉันเองก็จะปรักปรำฉัน
แม้ว่าฉันไร้ข้อตำหนิ พระองค์ก็จะพิสูจน์ว่า ฉันผิด
21 ฉันไร้ข้อตำหนิ
ฉันไม่คิดถึงตัวเอง
ฉันเกลียดชีวิตของฉัน
22 ถึงอย่างไรทุกสิ่งก็เหมือนกันทั้งนั้น ฉะนั้น ฉันจึงพูดได้ว่า
พระองค์ทำให้ทั้งคนที่ไร้ข้อตำหนิและคนชั่วพินาศไป
23 เมื่อภัยพิบัติทำให้คนเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิด
พระองค์หัวเราะเยาะกับความหายนะของคนไร้ความผิด
24 ทุกสิ่งในโลกตกอยู่ในมือของคนชั่ว
พระองค์พรางตาบรรดาผู้พิพากษา
ถ้าหากว่าไม่ใช่พระองค์ แล้วจะเป็นผู้ใดเล่า
25 วันเวลาของฉันผ่านไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่านักวิ่ง
มันเผ่นหนีไปโดยไม่มีความสุข
26 มันผ่านไปเหมือนเรือที่ทำจากต้นอ้อ
เหมือนเหยี่ยวที่โฉบตะครุบเหยื่อ
27 ถ้าฉันพูดว่า ‘ฉันจะเลิกบ่น
และจะเลิกทำหน้าเศร้า แล้วก็กลับร่าเริง’
28 ข้าพเจ้าหวั่นกลัวเรื่องความทุกข์ทรมาน
เพราะข้าพเจ้าทราบว่า พระองค์นับว่าข้าพเจ้าไม่ใช่คนไร้ความผิด
29 ในเมื่อข้าพเจ้าถูกกล่าวโทษ
แล้วข้าพเจ้าจะทำไปเพื่ออะไร
30 ถ้าข้าพเจ้าจะชำระล้างตัวด้วยหิมะ[b]
และล้างมือด้วยน้ำด่าง
31 พระองค์ก็ยังจะผลักข้าพเจ้าลงในบ่อโคลน
แม้แต่เสื้อของข้าพเจ้ายังจะเป็นที่ขยะแขยงต่อข้าพเจ้า
32 เพราะพระองค์ไม่ใช่มนุษย์เหมือนที่ฉันเป็น ฉันจะได้ตอบพระองค์ได้ว่า
เราทั้งสองควรไปสู้หน้ากันในศาล
33 ไม่มีผู้ชี้ขาดระหว่างเรา
ซึ่งมีอำนาจตัดสินเราทั้งสองได้
34 ขอพระองค์หยุดลงโทษฉัน
และขออย่าให้ความกลัวพระองค์ทำให้ฉันหวาดหวั่น
35 แล้วฉันก็จะพูดได้โดยไม่ต้องกลัวพระองค์
แต่เท่าที่เป็นอยู่ ฉันทำไม่ได้
โยบพูดต่อไป: วิงวอนต่อพระเจ้า
10 ฉันเกลียดชีวิตของฉัน
ฉันจะพร่ำบ่นโดยไม่ระงับ
ฉันจะพูดด้วยความขมขื่นของจิตวิญญาณของฉัน
2 ฉันจะพูดกับพระเจ้าว่า ‘อย่ากล่าวโทษข้าพเจ้า
ขอโปรดให้ข้าพเจ้าทราบว่า เหตุใดพระองค์จึงมีข้อกล่าวหาข้าพเจ้า
3 พระองค์คิดว่าดีหรือ ที่พระองค์จะกดขี่ข่มเหง
เหยียดหยามสิ่งที่พระองค์สร้างขึ้น
และพอใจในสิ่งที่คนชั่วทำ
4 พระองค์มองที่เพียงภายนอกหรือ
พระองค์เข้าใจอย่างที่มนุษย์เข้าใจหรือ
5 วันเวลาของพระองค์เป็นเหมือนของมนุษย์หรือ
จำนวนปีของพระองค์เป็นเหมือนของมนุษย์หรือ
6 ที่พระองค์ค้นหาความผิดของข้าพเจ้า
และเสาะหาบาปของข้าพเจ้า
7 แม้พระองค์ทราบว่าข้าพเจ้าไม่มีความผิด
และไม่มีใครที่จะช่วยให้พ้นจากมือของพระองค์ได้
8 มือของพระองค์ปั้นและสร้างข้าพเจ้า
แต่มาบัดนี้พระองค์ได้ทำให้ข้าพเจ้าพินาศ
9 ขอพระองค์ระลึกเถิดว่า พระองค์ได้สร้างข้าพเจ้าขึ้นจากดิน
และพระองค์จะให้ข้าพเจ้ากลับไปเป็นผงธุลีอีกหรือ
10 พระองค์เทข้าพเจ้าออกดั่งน้ำนม
และทำข้าพเจ้าให้แข็งตัวดั่งเนยแข็งมิใช่หรือ
11 พระองค์ปกคลุมข้าพเจ้าด้วยผิวหนังและเนื้อหนัง
และสานกระดูกและกล้ามเนื้อเข้าด้วยกัน
12 พระองค์ได้มอบชีวิตและความรักอันมั่นคงแก่ข้าพเจ้า
และการดูแลของพระองค์เก็บรักษาวิญญาณของข้าพเจ้า
13 พระองค์ซ่อนสิ่งต่อไปนี้ไว้ในใจของพระองค์
ซึ่งข้าพเจ้าก็ทราบว่าเป็นจุดประสงค์ของพระองค์
14 ถ้าข้าพเจ้าทำบาป ขอพระองค์เฝ้าดูข้าพเจ้าไว้
และไม่ปล่อยให้ข้าพเจ้าหลุดพ้นจากข้อหาของข้าพเจ้า
15 ถ้าข้าพเจ้ามีความผิด ข้าพเจ้าก็วิบัติ
แต่ถ้าแม้ว่าข้าพเจ้าไม่ผิด ข้าพเจ้าก็ยังเงยหน้าขึ้นไม่ได้
เพราะตัวข้าพเจ้ามีแต่ความอัปยศ
และรู้ตัวดีว่า ข้าพเจ้าจมอยู่ในความทุกข์
16 และถ้าข้าพเจ้ายกศีรษะขึ้นได้ พระองค์ก็จะปราบข้าพเจ้าอย่างสิงห์
และต่อต้านข้าพเจ้าอย่างไม่น่าเชื่อ
17 พระองค์สร้างพวกพยานคนต่อๆ ไปขึ้นมาต่อต้านข้าพเจ้าอีก
และโกรธข้าพเจ้ามากยิ่งขึ้น
พระองค์ส่งกำลังเสริมเข้ามาโจมตีข้าพเจ้า
18 เหตุใดพระองค์จึงนำข้าพเจ้าออกจากครรภ์
ข้าพเจ้าอยากตายก่อนที่ใครจะเห็นข้าพเจ้า
19 ข้าพเจ้าไม่ควรมีชีวิตอยู่ก่อนหน้านี้เลย
และน่าจะถูกอุ้มจากครรภ์ไปยังหลุมศพ’
20 วันเวลาของข้าพเจ้าสั้นมิใช่หรือ
ถ้าเช่นนั้น ขอพระองค์ยุติเถิด ปล่อยข้าพเจ้าตามลำพัง เพื่อข้าพเจ้าจะได้พบกับความรื่นเริงสักนิด
21 ก่อนที่ข้าพเจ้าจะไป ไปแล้วจะไม่กลับมาอีก
ไปยังดินแดนแห่งความมืดและเงาแห่งความตาย
22 ดินแดนแห่งความมืดมิด
ดั่งเงาแห่งความตายและสับสน
ซึ่งเป็นความสว่างของคืนที่มืดสนิท”
โศฟาร์พูด: ท่านควรได้รับแย่ยิ่งกว่านี้
11 โศฟาร์ชาวนาอามาธจึงตอบว่า
2 “คำพูดมากมายเช่นนี้จะไม่ได้รับคำตอบหรือ
คนที่ใช้ฝีปากจะถูกตัดสินว่าไม่ผิดหรือ
3 ท่านคิดว่าการพูดพร่ำของท่านจะทำให้ผู้อื่นตอบกลับไม่ได้หรือ
เมื่อท่านเย้ยหยัน แล้วจะไม่มีใครตำหนิท่านหรือ
4 เพราะท่านพูดว่า ‘การสอนของฉันแท้จริง
และฉันบริสุทธิ์ในสายตาของพระเจ้า’
5 แต่ฉันอยากให้พระเจ้ากล่าว
และตอบท่านด้วยปากของพระองค์ยิ่งนัก
6 และพระองค์จะบอกท่านถึงความลับแห่งสติปัญญา
เพราะสติปัญญานั้นมีหลายแง่มุม
ท่านควรทราบด้วยว่า พระเจ้าลงโทษท่านสถานเบายิ่งกว่าความผิดที่ท่านควรได้รับ
7 ท่านค้นพบสิ่งลึกล้ำของพระเจ้าได้หรือไม่
ท่านค้นพบขีดจำกัดขององค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพได้หรือไม่
8 สิ่งดังกล่าวสูงกว่าความสูงของฟ้าสวรรค์ ท่านจะทำอะไรได้เล่า
สิ่งนั้นลึกกว่าแดนคนตาย ท่านจะทราบอะไรได้เล่า
9 ความยาวของสิ่งนั้นวัดได้ยาวกว่าโลกทั้งใบ
และกว้างกว่าทะเล
10 เมื่อพระองค์มาและจับกุม
และเรียกตัวไปตัดสิน ใครจะขัดขวางพระองค์ได้
11 เพราะพระองค์ทราบว่าใครประพฤติชั่ว
เมื่อพระองค์เห็นความชั่ว พระองค์จะไม่ปล่อยไว้
12 แต่คนเขลาจะมีความเข้าใจ
ก็ต่อเมื่อลาป่าออกลูกเป็นมนุษย์
13 ถ้าตัวท่านเองกลับใจ
ท่านก็จะยื่นมือทั้งสองของท่านออกไปยังพระองค์
14 ถ้าความชั่วอยู่ในการควบคุมของท่าน ก็จงให้มันห่างจากตัวท่านไว้
และอย่าให้ความไม่ยุติธรรมอยู่ในครัวเรือนของท่าน
15 แล้วท่านจะเงยหน้าขึ้นด้วยจิตใต้สำนึกที่ดีแน่นอน
ท่านจะปลอดภัยและจะไม่หวั่นกลัว
16 ท่านจะลืมความทุกข์ของท่าน
ท่านจะนึกถึงว่ามันเป็นเหมือนน้ำที่ไหลผ่านไป
17 และชีวิตของท่านจะสุกสว่างยิ่งกว่าแสงในเวลาเที่ยงวัน
ความมืดของชีวิตจะเป็นเหมือนยามเช้า
18 และท่านจะรู้สึกปลอดภัย เพราะมีความหวัง
ท่านจะแลดูรอบๆ และพักผ่อนด้วยความปลอดภัย
19 ท่านจะเอนกายลง และจะไม่มีใครทำให้ท่านหวาดกลัว
หลายคนจะขอความช่วยเหลือจากท่าน
20 แต่คนชั่วจะสิ้นหนทาง
พวกเขาจะหนีไม่รอด
ความหวังของพวกเขาคือจะได้หายใจเป็นครั้งสุดท้าย”
โยบตอบ: พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้กระทำ
12 ครั้นแล้ว โยบจึงตอบว่า
2 “แน่นอน เป็นพวกท่านเท่านั้นแหละ
ที่ปัญญาจะตายไปพร้อมกับพวกท่าน
3 แต่ฉันก็เข้าใจสิ่งต่างๆ เท่าเทียมกับพวกท่าน
ฉันไม่ด้อยไปกว่าท่าน
ใครบ้างที่ไม่รู้สิ่งเหล่านี้
4 ฉันเป็นที่หัวเราะเยาะของเพื่อนๆ ของฉัน
ฉันเป็นผู้ที่ร่ำร้องต่อพระเจ้า และพระองค์ตอบฉัน
ฉันยุติธรรมและไร้ข้อตำหนิ แต่ก็ยังเป็นที่หัวเราะเยาะ
5 คนที่ไม่มีความลำบากก็ดูหมิ่นคนที่ประสบกับสิ่งร้าย
คือพวกที่พลั้งเผลอสะดุด
6 พวกโจรอยู่ในกระโจมของตนอย่างสันติสุข
พวกที่ทำให้พระเจ้าโกรธอยู่อย่างปลอดภัย
เขาวางใจในกำลังของตนแทนพระเจ้า
7 จงถามสัตว์ทั้งหลาย และมันจะสอนท่าน
ถามนกในอากาศ และมันจะบอกท่าน
8 หรือไม่ก็พืชบนโลก และมันจะสอนท่าน
และปลาในทะเลจะประกาศแก่ท่าน
9 มีอะไรในสิ่งเหล่านี้ที่ไม่รู้ว่า
พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ที่ได้สร้างมันขึ้นมา
10 ชีวิตทุกชีวิตอยู่ในมือของพระองค์
รวมถึงลมหายใจของมนุษย์ทั้งปวงด้วย
11 หูไม่ทดสอบคำพูด
เช่นเดียวกับที่ลิ้นลิ้มรสอาหารหรือ
12 สติปัญญาอยู่กับผู้สูงอายุ
และพวกเขามีความเข้าใจ
13 สติปัญญาและพลังอยู่กับพระเจ้า
พระองค์มีแผนการล่วงหน้าและมีความเข้าใจ
14 ถ้าพระองค์ทำให้สิ่งใดพังทลายลง ไม่มีใครจะสร้างขึ้นใหม่ได้
ถ้าพระองค์กักขังผู้ใด ก็ไม่มีใครจะทำให้เขาเป็นอิสระได้
15 ถ้าพระองค์รั้งฝนไม่ให้ตก พื้นแผ่นดินก็แห้งลง
ถ้าพระองค์ปล่อยน้ำออกมา มันก็ท่วมแผ่นดิน
16 พละกำลังและชัยชนะอยู่กับพระองค์
คนที่ถูกหลอกและคนที่ล่อลวงอยู่ในความควบคุมของพระองค์
17 พระองค์เอาปัญญาไปจากบรรดาผู้ให้คำปรึกษา
และพระองค์ทำให้บรรดาผู้พิพากษากลายเป็นคนโง่เขลาไป
18 พระองค์ให้บรรดากษัตริย์รับบทเรียน
และคาดเอวให้เพื่อเตรียมพวกท่านให้พร้อม
19 พระองค์เอาปัญญาไปจากบรรดาปุโรหิต
และกำจัดผู้มีอำนาจ
20 พระองค์ไม่ปล่อยให้เหล่าคนที่ใครๆ ไว้ใจเปิดปากพูด
และพระองค์เอาความหยั่งรู้ของผู้สูงอายุไป
21 พระองค์ดูหมิ่นบรรดาผู้สูงศักดิ์
และทำให้ผู้มีอำนาจสูญเสียกำลังไป
22 พระองค์เผยให้เห็นแดนคนตายซึ่งอยู่ในความมืด
และนำความมืดมิดออกมาสู่ความสว่าง
23 พระองค์ทำให้บรรดาประชาชาติยิ่งใหญ่ขึ้น และพระองค์ทำลายมัน
พระองค์ขยายบรรดาประชาชาติให้กว้างขวางขึ้น และพระองค์ทำให้พังทลายลง
24 พระองค์เอาความเฉลียวฉลาดไปจากบรรดาผู้นำของประชาชนบนแผ่นดินโลก
และทำให้พวกเขาพเนจรไปในถิ่นทุรกันดาร
25 พวกเขาคลำไปในที่มืดซึ่งปราศจากแสง
และพระองค์ทำให้พวกเขาเดินโซซัดโซเซราวกับคนเมา
โยบพูดต่อไป: ฉันยังมีความหวังในพระเจ้า
13 ดูเถิด ฉันเห็นสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้นด้วยตาของฉัน
หูฉันได้ยินและเข้าใจ
2 อะไรที่ท่านรู้ ฉันก็รู้เช่นกัน
ฉันไม่ด้อยไปกว่าท่าน
3 แต่ฉันจะพูดกับองค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพ
และฉันปรารถนาจะสู้ความของฉันกับพระเจ้า
4 ส่วนพวกท่าน ท่านปกปิดความจริงด้วยความเท็จ
ท่านทุกคนเป็นแพทย์ที่ไร้ประโยชน์
5 หากว่าท่านเงียบกริบก็จะดูเป็นว่า
ท่านมีสติปัญญา
6 จงฟังเหตุผลของฉัน
และฟังคำอ้อนวอนจากปากฉัน
7 ท่านจะพูดเท็จเพื่อพระเจ้า
และพูดลวงหลอกเพื่อพระองค์หรือ
8 ท่านจะแสดงการเข้าข้างพระเจ้าหรือ
ท่านจะสู้ความให้พระเจ้าหรือ
9 เมื่อพระองค์พิจารณาตัวท่าน
แล้วท่านจะมีสิ่งใดดีๆ หรือ
หรือว่าท่านหลอกลวงพระองค์ได้
อย่างที่ท่านหลอกลวงมนุษย์
10 พระองค์จะว่ากล่าวท่านแน่
ถ้าท่านลำเอียงอย่างลับๆ
11 ความยิ่งใหญ่ของพระองค์จะไม่ทำให้ท่านครั่นคร้ามหรือ
และท่านไม่กลัวพระองค์หรือ
12 สิ่งที่ท่านพูดเป็นภาษิตที่ไร้ค่าอย่างเถ้าถ่าน
คำตอบโต้ของท่านก็เปราะอย่างดินเผา
13 ขอท่านเงียบบ้าง แล้วฉันจะพูด
และอะไรจะเกิดขึ้นกับฉันก็ให้เป็นไปตามนั้น
14 ฉันจะเสี่ยงอันตราย
และจะเสี่ยงชีวิตตนเองเพื่ออะไร
15 แม้ว่าพระองค์จะฆ่าฉัน ฉันก็จะหวังในพระองค์
ฉันยังจะโต้ตอบ ณ เบื้องหน้าพระองค์
16 นี่จะเป็นทางแห่งความรอดของฉัน
คนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าไม่อาจมายืน ณ เบื้องหน้าพระองค์ได้
17 จงฟังคำของฉันต่อไป
ให้หูของท่านได้ยินคำอธิบายของฉัน
18 ดูเถิด ฉันได้เตรียมคดีของฉันแล้ว
ฉันรู้ว่าฉันจะเป็นฝ่ายถูก
19 มีใครบ้างที่จะโต้แย้งฉันในเรื่องนี้
ถ้ามีจริง ฉันก็จะเงียบและดับชีพ
20 ข้าพเจ้าขอจากพระองค์เพียงสองสิ่ง
แล้วข้าพเจ้าจะไม่ซ่อนตัวไปจากพระองค์
21 ขอพระองค์หยุดลงโทษข้าพเจ้า
และขออย่าให้ความกลัวพระองค์ทำให้ข้าพเจ้าหวาดหวั่น
22 ขอพระองค์เรียกข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะตอบ
หรือจะให้ข้าพเจ้าพูด และพระองค์ตอบข้าพเจ้า
23 ความชั่วและบาปของข้าพเจ้ามีมากเท่าใด
ขอให้ข้าพเจ้าทราบการล่วงละเมิดและบาปของข้าพเจ้า
24 ทำไมพระองค์จึงซ่อนหน้าของพระองค์
และนับว่าข้าพเจ้าเป็นศัตรูของพระองค์
25 พระองค์จะทำให้ใบไม้ที่ถูกลมพัดตื่นตระหนกหรือ
และจะไล่ตามฟางหญ้าหรือ
26 เพราะพระองค์บันทึกสิ่งไม่ดีเกี่ยวกับข้าพเจ้า
และให้ข้าพเจ้ารับทุกข์จากความชั่วของวัยหนุ่ม
27 พระองค์ใส่เท้าข้าพเจ้าไว้ในขื่อ
และจ้องดูทุกทางที่ข้าพเจ้าไป
พระองค์ขีดเส้นขอบเขตให้ฝ่าเท้าของข้าพเจ้า
28 ข้าพเจ้าเสื่อมโทรมลงดั่งสิ่งที่เน่าเปื่อย
ดั่งเสื้อผ้าที่ถูกแมลงกิน
โยบพูดต่อไป: ความตายมาถึงทุกคน
14 คนที่เกิดจากผู้หญิง
มีอายุไม่นานวันและมีความยุ่งยากมากมาย
2 เขาออกมาดั่งดอกไม้ และเหี่ยวเฉาไป
ชีวิตของเขาเป็นเหมือนเงา และอยู่ได้ไม่นาน
3 และพระองค์สังเกตเห็นคนอย่างนี้หรือ
และจะนำเขาไปตัดสินโทษต่อหน้าพระองค์หรือ
4 ใครจะเอาสิ่งที่สะอาดออกมาจากสิ่งที่ไม่สะอาดได้
ไม่มีใครทำได้
5 ในเมื่อวันเวลาของเขาถูกกำหนดไว้แล้ว
และจำนวนเดือนก็ขึ้นอยู่กับพระองค์
และพระองค์ได้ระบุความจำกัดของเขา ซึ่งเขาจะฝ่าไปไม่ได้
6 ขอพระองค์ละสายตาไปจากเขาและปล่อยเขาตามลำพังเถิด
เพื่อเขาจะได้มีความสุขในชีวิตเหมือนกับคนรับจ้างที่ทำงานให้ครบชั่วโมง
7 เพราะต้นไม้ต้นหนึ่งมีความหวัง
ถ้ามันถูกตัดลง มันก็จะแตกหน่อขึ้นอีก
และรากของมันจะไม่หยุดงอก
8 แม้ว่ารากของมันแก่ลงในพื้นดิน
และตอของมันตายในดิน
9 เมื่อมันได้น้ำ มันก็ยังจะแตกหน่อ
และงอกกิ่งใหม่เหมือนพันธุ์ไม้อ่อน
10 แต่คนจะตายไปและหมดกำลัง
คนหายใจเฮือกสุดท้าย และเขาอยู่ที่ไหนเล่า
11 น้ำจากทะเลสาบเหือดแห้งลง
และก้นแม่น้ำแตกระแหงฉันใด
12 คนนอนลงและลุกขึ้นไม่ได้อีกก็ฉันนั้น
จนกระทั่งท้องฟ้าสูญสิ้นแล้ว เขาก็ยังจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก
และไม่อาจถูกปลุกให้ตื่นจากหลับได้
13 โอ ข้าพเจ้าอยากจะให้พระองค์ซ่อนตัวข้าพเจ้าไว้ในแดนคนตาย
และให้พระองค์แอบข้าพเจ้าไว้จนกว่าพระองค์จะหายโกรธ
และให้พระองค์กำหนดเวลาแก่ข้าพเจ้า
แล้วก็ระลึกถึงข้าพเจ้า
14 ถ้าคนหนึ่งตายไป เขาจะกลับมีชีวิตอีกได้หรือ
ตลอดชีวิตที่ข้าพเจ้าถูกเกณฑ์ให้ทำงานหนัก
ข้าพเจ้าก็จะรอจนกว่าถึงเวลาได้รับการปลดปล่อย
15 พระองค์จะเรียก และข้าพเจ้าจะตอบพระองค์
พระองค์จะยินดีกับสิ่งที่พระองค์สร้างขึ้น
16 แล้วพระองค์จะดูแลข้าพเจ้าทุกฝีก้าว
พระองค์จะไม่คอยสังเกตบาปของข้าพเจ้า
17 การล่วงละเมิดของข้าพเจ้าจะถูกเก็บในถุงที่ปิดสนิท
และพระองค์จะปกปิดความชั่วของข้าพเจ้า
18 แต่ภูเขาจะทลายลงและแตกเป็นเสี่ยงๆ
และผาหินเขยื้อนจากที่ของมัน
19 กระแสน้ำเซาะหินจนสึกกร่อน
และพายุฝนชะดินเช่นไร
พระองค์ก็ทำลายความหวังของมนุษย์เช่นนั้น
20 พระองค์มีชัยเหนือเขาตลอดกาลและเขาก็ตาย
พระองค์เปลี่ยนสีหน้าของเขา และส่งเขาให้จากไป
21 บรรดาบุตรของเขาได้รับเกียรติ เขาก็ไม่ทราบ
พวกเขาถูกหลู่เกียรติ เขาก็ไม่ทราบ
22 เขารับรู้แต่เพียงความเจ็บปวดในร่างกายของเขา
และเขาได้แต่ร้องคร่ำครวญให้แก่ตนเอง”
เอลีฟัสกล่าวหา: โยบไม่เกรงกลัวพระเจ้า
15 แล้วเอลีฟัสชาวเทมานตอบว่า
2 “ควรหรือที่ผู้เรืองปัญญาจะตอบด้วยความรู้ลมๆ แล้งๆ
และไม่มีความหมายใดๆ
3 ควรหรือที่เขาจะโต้เถียงด้วยคำพูดที่ไร้ประโยชน์
หรือด้วยคำพูดที่ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น
4 แต่ท่านถึงกับขาดความยำเกรงพระเจ้า
และขัดขวางการอธิษฐาน ณ เบื้องหน้าพระเจ้า
5 เพราะปากของท่านแสดงให้เห็นความชั่วของท่าน
และท่านเลือกพูดแบบคนลิ้นสองแฉก
6 ปากของท่านเองที่ปรักปรำตัวเอง ไม่ใช่ฉัน
ริมฝีปากของท่านเองที่ปรักปรำท่าน
7 ท่านเป็นมนุษย์คนแรกที่เกิดมา
หรือว่าท่านเกิดก่อนที่เนินเขาถูกสร้างขึ้นมา
8 ท่านได้อยู่ฟังในที่ประชุมของพระเจ้าหรือ
และท่านผู้เดียวเท่านั้นหรือที่มีปัญญา
9 ท่านทราบอะไรที่พวกเราไม่ทราบบ้าง
มีสิ่งใดบ้างที่ท่านเข้าใจดี แต่กลับไม่แจ่มแจ้งสำหรับพวกเรา
10 ในหมู่พวกเรามีทั้งคนผมหงอกและคนสูงอายุ
และแก่กว่าบิดาของท่าน
11 พระเจ้าปลอบประโลมท่านไม่เพียงพอหรือ
และสิ่งที่พวกเราพูดดีๆ กับท่านล่ะ
12 ทำไมท่านจึงควบคุมความรู้สึกในใจของท่านไม่อยู่
และทำไมสายตาของท่านจึงเดือดดาล
13 จิตวิญญาณท่านจึงต่อต้านพระเจ้า
และคำพูดจึงได้หลุดจากปากท่านเช่นนี้
14 มนุษย์เป็นใครจึงจะบริสุทธิ์ได้จริงๆ
ผู้ที่เกิดจากผู้หญิงจะมีความชอบธรรมได้หรือ
15 ดูเถิด พระเจ้าไม่ไว้วางใจทูตสวรรค์ของพระองค์
และแม้แต่ฟ้าสวรรค์ก็ไม่บริสุทธิ์ในสายตาของพระองค์
16 คนที่น่าขยะแขยงและไร้ศีลธรรมจะบริสุทธิ์น้อยยิ่งกว่านั้นเพียงใด
เขาดื่มความชั่วเหมือนดื่มน้ำ
17 ฉันจะอธิบาย ฟังฉันสิ
และฉันจะบอกสิ่งที่ฉันได้เห็นมาแล้ว
18 (คือสิ่งที่บรรดาผู้เรืองปัญญาได้บอกไว้
โดยที่ไม่ปิดบังความรู้ที่ได้มาจากบรรพบุรุษ
19 เป็นผู้ที่ได้รับแผ่นดิน
และไม่มีชาวต่างชาติรวมอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น)
20 คนชั่วอยู่ในความเจ็บปวดตลอดชีวิตของเขา
คนโหดร้ายก็รับทุกข์นานปีเช่นกัน
21 เสียงน่ากลัวก้องอยู่ในหูของเขา
เวลาที่เขามีความสงบสุข โจรก็บุกทำร้ายเขา
22 เขาไม่เชื่อว่า เขาจะกลับออกไปจากความทุกข์ได้
และมีดาบที่รอฟาดฟันเขาอยู่
23 เขาซัดเซพเนจรหาอาหารในต่างแดน พลางกล่าวว่า
‘อยู่ไหนล่ะ’ เขารู้ว่าวันแห่งความทุกข์รอเขาอยู่
24 เขาหวาดหวั่นในความทุกข์และความเจ็บปวดรวดร้าว
สิ่งเหล่านี้โถมใส่เขาดั่งกษัตริย์ที่พร้อมออกศึก
25 เพราะเขายื่นมือคัดค้านพระเจ้า
และทำเป็นเก่งกล้าต่อองค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพ
26 ต่อสู้กับพระองค์อย่างดื้อรั้น
ด้วยโล่กำบังที่แข็งแกร่ง
27 เพราะเขาปกปิดหน้าตนเองด้วยไขมันของเขา
และสะสมไขมันไว้ที่บั้นเอว
28 เขาได้อาศัยอยู่ในเมืองร้าง
ในบ้านที่ไม่ควรมีใครอาศัยอยู่
ซึ่งกำลังจะพังทลายลง
29 เขาจะไม่ร่ำรวย และความมั่งมีของเขาจะไม่มั่นคง
ทรัพย์สินของเขาก็จะไม่ขยายไปทั่วโลก
30 เขาจะหนีความตายไม่พ้น
เขาเป็นดั่งต้นไม้ซึ่งจะมีเปลวไฟไหม้ที่ราก
เขาจะสิ้นชีวิตโดยลมหายใจของพระองค์
31 อย่าให้เขาไว้วางใจในสิ่งไร้ค่าด้วยการหลอกลวงตนเอง
เพราะเขาจะได้รับความไร้ค่าเป็นการตอบแทน
32 เขาจะเหี่ยวเฉาก่อนจะถึงเวลาอันสมควร
และกิ่งก้านจะไม่มีวันเขียวชอุ่ม
33 เขาจะเป็นดั่งเถาองุ่นที่สลัดลูกองุ่นทิ้งตั้งแต่ยังดิบ
และเป็นดั่งต้นมะกอกที่เหวี่ยงดอกให้ร่วงหลุดไป
34 ด้วยว่ากลุ่มชนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าจะขาดผู้สืบเชื้อสาย
ไฟจะเผาผลาญบ้านที่สร้างจากเงินสินบน
35 พวกเขาวางแผนก่อความยุ่งยากและสิ่งที่ตามมาคือทำความชั่ว
และใจที่เต็มด้วยความหลอกลวง”
โยบตอบ: ผู้ปลอบโยนที่กวนใจ
16 โยบจึงตอบว่า
2 “ฉันเคยได้ยินคำพูดแบบนี้มามากแล้ว
พวกท่านทุกคนเป็นผู้ปลอบโยนที่กวนใจ
3 คำพูดลมๆ แล้งๆ จะไม่มีวันสิ้นสุดหรือ
ท่านโกรธอะไรจึงทำให้ท่านต้องตอบโต้ฉัน
4 ถ้าฉันเป็นท่าน ฉันจะพูดเหมือนกับที่ท่านพูดก็ได้
ฉันจะเรียบเรียงคำพูดต่อว่าท่าน
และสั่นหัวเย้ยพวกท่าน
5 ฉันจะให้กำลังใจพวกท่านด้วยปากฉันก็ได้
และจะขยับปากเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของท่านได้
6 ถึงอย่างไร ถ้าฉันพูด ความเจ็บปวดของฉันก็จะไม่หายไป
ถ้าฉันนิ่งเสีย ฉันจะหายเจ็บน้อยลงแค่ไหน
7 แต่บัดนี้พระองค์ทำให้ฉันเหนื่อยล้า
พระองค์ได้ทำลายครอบครัวข้าพเจ้าจนหมดสิ้น
8 พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าห่อเหี่ยวลงซึ่งก็เป็นพยานปรักปรำข้าพเจ้า
ความซูบผอมของข้าพเจ้าฟ้องข้าพเจ้าซึ่งๆ หน้า
9 ฉันเจ็บปวดรวดร้าวก็เพราะความโกรธของพระองค์
พระองค์จงเกลียดจงชังฉัน
เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ฉัน
และจ้องเขม็งดั่งศัตรูคู่อาฆาต
10 พวกเขาเปิดปากกว้างโจมตีฉัน
เขาหัวเราะเยาะและตบหน้าฉัน
เขารวมหัวกันต่อต้านฉัน
11 พระเจ้ายกฉันให้กับคนที่ไม่เชื่อในพระองค์
และให้ฉันอยู่ในมือคนชั่ว
12 ฉันสุขสบายดี แต่พระองค์ทำให้ฉันแตกสลาย
พระองค์คว้าคอฉัน และเหวี่ยงฉันให้ฉีกขาดเป็นชิ้นๆ
พระองค์ตั้งฉันเป็นเป้าของพระองค์
13 นักธนูล้อมตัวฉัน
พระองค์เฉือนไตฉันโดยไร้ความปรานี
และเทน้ำดีของฉันลงบนพื้นดิน
14 พระองค์ทำให้ฉันบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีก
และโจมตีฉันดั่งนักรบ
15 ฉันสวมผ้ากระสอบปกปิดผิวหนัง
และกำลังของฉันก็ถดถอยฟุบอยู่กับดิน
16 ฉันร้องไห้จนหน้าตาแดงก่ำ
ขอบตาก็ดำสนิท
17 แต่ฉันไม่ได้กระทำผิดประการใด
และฉันอธิษฐานด้วยความเคารพ
18 โอ แผ่นดินโลกเอ๋ย อย่าปิดบังเลือดของฉันเลย
ให้ฉันร้องขอความยุติธรรมต่อไปเถิด
19 ดูเถิด แม้บัดนี้ พยานของฉันก็อยู่ในสวรรค์
และผู้ที่เป็นพยานให้ฉันสถิตอยู่ ณ เบื้องบน
20 พวกเพื่อนๆ ของฉันดูหมิ่นฉัน
น้ำตาของฉันไหลพรากต่อพระเจ้า
21 พระองค์เป็นดั่งพยานผู้ร้องขอพระเจ้า
ดั่งบุตรของมนุษย์ที่กระทำเพื่อเพื่อนของเขา
22 อีกเพียงไม่กี่ปี ฉันก็จะไปตามทาง
ซึ่งจะไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว
โยบพูดต่อไป: ความหวังของฉันอยู่ที่ไหน
17 จิตวิญญาณของฉันแตกสลาย
วันเวลาของฉันสั้นลง
หลุมศพกำลังรอฉันอยู่
2 แน่ละ มีคนเย้ยหยันอยู่รอบข้าง
และตาของฉันเพ่งไปที่ความโหดร้ายของพวกเขา
3 โปรดให้คำรับรองแก่ข้าพเจ้า
มีใครที่จะค้ำประกันให้ข้าพเจ้า
4 ในเมื่อพระองค์ปิดใจพวกเขา ทำให้พวกเขาไม่เข้าใจ
ฉะนั้นพระองค์จะไม่ปล่อยให้พวกเขาชนะข้าพเจ้า
5 คนที่ทรยศเพื่อนๆ ของเขาเพื่อชิงทรัพย์สินไป
ลูกๆ ของเขาเป็นฝ่ายที่ต้องรับทุกข์
6 พระเจ้าทำให้ฉันเป็นที่หัวเราะเยาะของคนทั่วไป
และพวกเขาถ่มน้ำลายรดหน้าฉัน
7 ตาของฉันมัวจนแทบมองไม่เห็นเนื่องจากความเศร้าโศก
แขนขาของฉันเป็นเหมือนเงา
8 บรรดาผู้มีความชอบธรรมตกตะลึงในเรื่องนี้
และผู้ไร้ความผิดไม่พอใจคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า
9 ถึงกระนั้นผู้มีความชอบธรรมก็ยังเชื่อในวิถีทางของเขา
และคนมือสะอาดจะมีจิตวิญญาณที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น
10 แต่พวกท่านทุกคน เชิญกลับมาอีก
และฉันก็จะพบว่าไม่มีผู้เรืองปัญญาสักคนในหมู่พวกท่าน
11 วันเวลาของฉันสิ้นสุดลง แผนการของฉันพังพินาศ
ใจของฉันก็แตกสลาย
12 พวกเขาทำกลางคืนให้เป็นกลางวัน
พวกเขาพูดว่า แสงสว่างอยู่ใกล้กับความมืด
13 ถ้าฉันรอคอยให้แดนคนตายเป็นที่อยู่
ถ้าฉันให้ที่นอนของฉันอยู่ในความมืด
14 ถ้าฉันพูดกับหลุมศพว่า ‘เจ้าเป็นพ่อของฉัน’
และพูดกับตัวหนอนว่า ‘แม่ของฉัน’ หรือ ‘พี่สาวของฉัน’
15 แล้วความหวังของฉันอยู่ที่ไหน
ใครจะเห็นความหวังของฉัน
16 ความหวังจะลงไปสู่โลกแห่งแดนคนตายหรือไม่
เราจะลงไปเป็นผงธุลีด้วยกันหรือไม่”
บิลดัดพูด: พระเจ้าลงโทษคนชั่ว
18 ครั้นแล้ว บิลดัดชาวชูอัคตอบว่า
2 “ท่านจะสรรหาคำพูดไปนานแค่ไหน
คิดดูเสียก่อน หลังจากนั้นเราจึงจะพูด
3 ทำไมจึงนับว่าพวกเราเป็นสัตว์
ทำไมพวกเราจึงดูโง่เขลาในสายตาของท่าน
4 ท่านทำลายตัวท่านเองด้วยความโกรธ
เราควรจะละทิ้งแผ่นดินโลกเพื่อท่านหรือ
และผาหินควรจะเขยื้อนจากที่ของมันหรือ
5 ตะเกียงของคนชั่วร้ายจะถูกดับลง
และเปลวไฟของเขาก็ไม่ส่องแสง
6 แสงไฟในกระโจมของเขามืด
และตะเกียงที่อยู่เหนือศีรษะเขาก็ถูกดับ
7 เท้าของเขาที่ก้าวไปอย่างมั่นคงก็อ่อนแอลง
และแผนการของเขาเองทำให้เขาล้มลง
8 เพราะเขาถูกเหวี่ยงลงในตาข่ายด้วยเท้าของเขาเอง
และเขาเดินในร่างแห
9 ส้นเท้าของเขาติดกับดัก
เขาติดบ่วงแร้ว
10 สายรัดซ่อนอยู่ใต้พื้นดินไว้ดักตัวเขา
เป็นกับดักสำหรับเขาที่ข้างทาง
11 สิ่งที่ทำให้เขาตกใจกลัวอยู่รอบข้างเขา
และไล่ล่าเขาอย่างกระชั้นชิด
12 เขาอ่อนกำลังลงเพราะความหิวโหย
และความวิบัติรอให้เขาสะดุดล้ม
13 มันทำให้เขาเป็นโรคผิวหนังขั้นร้ายแรง
โรคร้ายกำลังกัดกินแขนขาของเขา
14 ความตายพรากเขาไปจากกระโจมที่เขาไว้วางใจ
และเขาถูกพาตัวไปหาผู้มีอำนาจเหนือความตาย
15 ผู้อาศัยอยู่ในกระโจมของเขาไม่ใช่คนของเขา
กำมะถันถูกโปรยบนที่อยู่ของเขา
16 รากของเขาแห้งเหี่ยวอยู่เบื้องล่าง
และกิ่งก้านของเขาเหี่ยวเฉาอยู่เบื้องบน
17 แผ่นดินโลกไม่รำลึกถึงเขาอีกต่อไป
และไม่มีใครที่จำเขาได้
18 เขาถูกผลักออกจากแสงสว่างไปสู่ความมืด
และถูกขับไล่ออกไปจากโลก
19 เขาไม่มีบุตรหรือผู้สืบเชื้อสายท่ามกลางชนชาติของเขา
และไม่มีผู้ใดรอดชีวิตออกมาได้จากที่ซึ่งเขาเคยอยู่
20 ชาวตะวันตกก็ตกตะลึงกับวันแห่งความตายของเขา
และชาวตะวันออกก็หวาดหวั่น
21 แน่นอนทีเดียว ที่อยู่อาศัยของคนไร้ความชอบธรรมก็เป็นเช่นนั้น
และนี่เป็นที่ของคนซึ่งไม่รู้จักพระเจ้า”
โยบตอบ: ทำไมจึงดูหมิ่นฉัน
19 โยบจึงตอบว่า
2 “ท่านจะทรมานฉันอีกนานแค่ไหน
และใช้คำพูดเสียดแทงฉันจนเจ็บแสบ
3 ท่านได้ดูหมิ่นฉันจนนับครั้งไม่ถ้วน
ท่านไม่รู้สึกผิดบ้างหรือที่ทำให้ฉันทรมานเช่นนี้
4 และถ้าแม้ว่าฉันทำผิดจริง
ความผิดก็มีผลกระทบต่อฉันคนเดียวเท่านั้น
5 ถ้าท่านยกยอตัวเองว่าดีกว่าฉัน
และความอัปยศของฉันพิสูจน์ว่าฉันผิด
6 จงรู้เถิดว่า พระเจ้าเป็นผู้ทำให้ฉันต้องรับทุกข์
และทำให้ฉันติดในตาข่าย
7 ดูเถิด ฉันร้องขึ้นว่า ‘ฉันถูกโจมตี’ แต่ฉันไม่ได้รับคำตอบ
ฉันร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่ได้รับความยุติธรรม
8 พระองค์ปิดกั้นทางจนฉันผ่านไปไม่ได้
และพระองค์ทำให้ทางของฉันมืดมิด
9 พระองค์พรากเกียรติยศไปจากฉัน
และถอดมงกุฎออกจากศีรษะของฉัน
10 พระองค์ทำให้ฉันทรุดลงทุกด้าน หมดสิ้นทุกอย่าง
และความหวังของฉันก็ถูกถอนขึ้นอย่างรากต้นไม้
11 ความกริ้วของพระองค์พลุ่งขึ้นต่อฉัน
และนับว่าฉันเป็นศัตรูของพระองค์
12 กองทหารของพระองค์รวมพลังเข้าด้วยกัน
ก่อเชิงเทินประชิดตัวฉัน
และตั้งค่ายอยู่รอบกระโจมของฉัน
13 พระองค์ทำให้บรรดาพี่น้องของฉันรังเกียจฉัน
ฉันกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับคนที่รู้จักฉัน
14 ญาติพี่น้องของฉันทอดทิ้งฉัน
บรรดาผู้ที่รู้จักฉันก็ลืมฉันไปแล้ว
15 บรรดาผู้ที่พักอยู่ที่บ้านฉันและหญิงรับใช้ทั้งหลายก็นับว่าฉันเป็นคนแปลกหน้า
ฉันได้กลายเป็นคนต่างชาติในสายตาของพวกเขา
16 ฉันเรียกหาคนรับใช้ของฉัน แต่เขาก็ไม่ตอบ
ฉันต้องเอ่ยปากขอความเมตตาจากเขา
17 ภรรยาของฉันยังเกลียดกลิ่นปากของฉัน
พี่น้องแท้ๆ ของฉันก็ทนฉันไม่ไหว
18 แม้แต่เด็กๆ ก็หัวเราะเยาะฉัน
เวลาฉันลุกขึ้นยืน พวกเขาพูดเหยียดหยามฉัน
19 พวกเพื่อนสนิทชิงชังฉัน
และบรรดาผู้ที่ฉันรักก็หันหลังให้ฉัน
20 ฉันมีแต่หนังหุ้มกระดูก
และฉันแทบจะเอาชีวิตไม่รอด
21 โอ พวกท่านที่เป็นเพื่อนของฉัน โปรดเห็นใจฉันด้วย เห็นใจฉันด้วย
เพราะพระเจ้าได้ลงโทษฉันแล้ว
22 ทำไมท่านจึงตามล่าฉันอย่างที่พระเจ้าทำ
ทำไมท่านจึงไม่พอใจฉัน
23 ฉันอยากให้ใครสักคนเขียนคำพูดของฉันไว้
ฉันอยากให้มีหนังสือม้วนบันทึกคำพูดเก็บไว้
24 ฉันอยากให้มีใครสลักคำพูดของฉันบนหิน
ด้วยปากกาเหล็กและตะกั่วเพื่อให้คงทนไปตลอดกาล
25 เพราะฉันรู้ว่า ผู้ไถ่ของฉันดำรงอยู่
และในที่สุดพระองค์จะแก้คดีในโลกนี้ให้ฉัน
26 หลังจากที่ผิวหนังของฉันเน่าเปื่อยไป
แม้จะไร้ร่างกาย ฉันก็ยังจะเห็นพระเจ้า
27 ฉันจะเห็นพระองค์เอง
ฉันจะเห็นพระองค์ด้วยตาของฉันเอง
ฉันรอด้วยใจจดจ่อ
28 ถ้าท่านพูดว่า ‘เราจะตามล่าเขาอย่างไรดี’
และ ‘ต้นเหตุของเรื่องก็อยู่ที่ตัวของเขาเอง’
29 ท่านจงกลัวดาบเถิด
เพราะความกริ้วของพระเจ้าจะนำดาบมาลงโทษ
แล้วท่านจะรู้ว่ามีการพิพากษาจริง”
โศฟาร์พูด: คนชั่วร้ายจะรับทุกข์
20 โศฟาร์ชาวนาอามาธจึงตอบว่า
2 “เหตุฉะนั้น ฉันตอบตามความคิดของฉัน
เพราะใจร้อน อยากจะรีบบอก
3 ฉันได้ยินท่านพูดดูหมิ่นฉัน
และตามที่ฉันเข้าใจ ฉันจะตอบท่านได้
4 ท่านไม่ทราบเรื่องนี้หรือว่า ในสมัยดึกดำบรรพ์
ตั้งแต่มนุษย์ถูกกำหนดให้มาอยู่บนแผ่นดินโลก
5 คนชั่วร้ายมีความสุขได้เพียงระยะสั้น
และความร่าเริงใจของคนไม่เชื่อในพระเจ้าก็เป็นเพียงชั่วขณะเดียว
6 แม้ว่าเขาจะไปสูงถึงฟ้าสวรรค์
และศีรษะของเขาจะแตะถึงหมู่เมฆ
7 เขาจะตายไปชั่วกาลนานเหมือนฝุ่น
บรรดาผู้ที่เคยเห็นเขาจะถามว่า ‘เขาอยู่ไหน’
8 เขาจะสลายไปเหมือนความฝันที่หาไม่พบอีก
เขาจะหายไปเหมือนภาพนิมิตในยามค่ำ
9 ดวงตาที่เคยเห็นเขา ก็จะไม่เห็นเขาอีก
คนในครัวเรือนของเขาก็จะไม่เห็นเขาอีกเลย
10 ลูกๆ ของเขาจะต้องหาทางคืนให้กับผู้ยากไร้
และเขาจะต้องให้คืนสิ่งที่ยึดมา
11 กระดูกของเขาแข็งแกร่งด้วยวัยหนุ่ม
แต่มันจะตายไปกับเขาในฝุ่น
12 แม้ว่าความชั่วเป็นดั่งความหวานในปากของเขา
แม้เขาจะซ่อนมันไว้ใต้ลิ้น
13 แม้เขาจะอม
และยังเก็บมันไว้ในปากของเขา
14 แต่อาหารก็ยังไหลลงสู่กระเพาะ
มันเป็นพิษงูเห่าที่อยู่ในตัวเขา
15 เขากลืนความมั่งมี และอาเจียนมันขึ้นมาอีก
พระเจ้าขับความมั่งมีออกมาจากท้องของเขา
16 เขาจะดูดพิษงูเห่า
ลิ้นงูจะฆ่าเขา
17 เขาจะไม่ได้มองดูที่ลำธาร
แม่น้ำอันอุดมด้วยน้ำผึ้งและโยเกิร์ต
18 เขาจะต้องคืนผลที่ได้จากแรงงานและจะไม่กลืนมันลงไป
เขาจะไม่ได้รับความเพลิดเพลินจากผลกำไรที่หามาได้
19 เพราะเขาเอาเปรียบและทอดทิ้งคนยากไร้
เขาริบบ้านเรือนที่เขาไม่ได้สร้าง
20 เพราะเขาไม่รู้จักพอ
สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดจะไม่สามารถช่วยชีวิตเขาได้
21 เขาโลภสวาปามจนกระทั่งไม่มีสิ่งใดเหลือ
ฉะนั้นความมั่งมีของเขาจะอยู่ได้ไม่นาน
22 เมื่อความเพียงพอของเขาถึงขีดสุด เขาก็เป็นทุกข์
ความทุกข์แสนสาหัสจะเป็นภัยต่อเขา
23 พระเจ้าจะโกรธเขามาก
และจะกระหน่ำความโกรธลงมาเป็นดั่งอาหารของเขา
เพื่อให้เขารับจนเต็มท้อง
24 เขาจะหนีจากอาวุธเหล็ก
แต่ลูกธนูทองสัมฤทธิ์จะทิ่มทะลุตัวเขา
25 มันถูกกระชากออกมาจากตัวเขา
ปลายที่แวบวาบออกจากถุงน้ำดีของเขา
ทำให้เขาตกใจกลัว
26 ความมืดสนิทถูกเตรียมไว้เป็นสมบัติของเขา
ไฟที่ไม่ถูกพัดให้กระพือจะกลืนกินเขา
สิ่งใดที่เหลือในกระโจมของเขาจะถูกเผาผลาญ
27 ฟ้าสวรรค์จะเผยความชั่วของเขา
และแผ่นดินโลกจะเป็นพยานต่อต้านเขา
28 น้ำจะท่วมและพัดพังบ้านของเขา
มันจะถูกลากออกไปในวันลงโทษของพระเจ้า
29 นี่แหละเป็นส่วนที่คนชั่วได้รับจากพระเจ้า
เป็นมรดกที่พวกเขารับจากพระเจ้า”
โยบตอบ: คนชั่วร้ายรุ่งเรือง
21 โยบจึงตอบว่า
2 “ฟังคำของฉันต่อไปเถิด
เพื่อเป็นการปลอบประโลมฉัน
3 ช่วยทนอีกสักหน่อย ขอให้ฉันได้พูด
หลังจากที่ฉันพูดแล้ว เชิญท่านเย้ยหยันต่อไป
4 ฉันบ่นต่อว่ามนุษย์อย่างนั้นหรือ
ทำไมฉันจึงต้องมาอดทน
5 ดูฉันสิ ท่านแปลกใจไหมล่ะ
และยกมือปิดปากท่านเอง
6 เมื่อฉันนึกถึงว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน
ฉันก็กลัวจนตัวสั่น
7 ทำไมคนชั่วร้ายจึงมีชีวิตอยู่
มีอายุยืนจนแก่เฒ่า และร่ำรวยยิ่งๆ ขึ้น
8 พวกเขามีลูกหลานให้ชื่นชม
และมีชีวิตอยู่ดูผู้สืบเชื้อสายของเขา
9 บ้านเรือนของเขาปลอดภัย ปราศจากความกลัว
และพระเจ้าไม่ลงโทษพวกเขา
10 โคของเขาผสมพันธุ์โดยไม่พลาด
แม่โคมีลูกได้โดยไม่แท้ง
11 พวกเขาให้ลูกๆ ออกไปวิ่งเล่นได้อย่างฝูงแกะ
และลูกๆ ของเขาเต้นรำทำเพลง
12 พวกเขาร้องเพลงประสานกับรำมะนาและพิณเล็ก
และร่าเริงกับเสียงปี่
13 พวกเขาใช้ชีวิตในความเจริญรุ่งเรือง
และพวกเขาลงไปสู่แดนคนตายอย่างสงบ
14 พวกเขาพูดกับพระเจ้าว่า ‘อย่ามายุ่งกับพวกเรา
เราไม่ต้องการรู้จักวิถีทางของพระองค์
15 องค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพเป็นผู้ใดที่เราควรจะรับใช้พระองค์
และถ้าเราอธิษฐานต่อพระองค์ เราจะได้ประโยชน์อะไร’
16 ดูเถิด ความเจริญรุ่งเรืองของพวกเขาไม่ได้อยู่ในมือของเขาหรือ
ฉันอยู่ห่างจากคำแนะนำของคนชั่ว
17 บ่อยแค่ไหนที่ตะเกียงของคนชั่วร้ายถูกดับ
ที่ความวิบัติตกอยู่กับพวกเขา
ที่พระองค์แจกจ่ายความเจ็บปวดเมื่อพระองค์กริ้ว
18 บ่อยแค่ไหนที่พวกเขาเป็นเหมือนฟางที่ลมพัดไป
และเหมือนแกลบที่ถูกลมพายุพัดปลิวไป
19 ท่านพูดว่า ‘พระเจ้าสะสมความชั่วของพวกเขาไว้ให้ลูกๆ ของเขา’
ขอพระองค์สนองตอบพวกเขาเถิด เขาจะได้รู้รส
20 ขอให้นัยน์ตาของพวกเขาเห็นความหายนะของเขาเอง
และให้พวกเขาดื่มการลงโทษขององค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพ
21 พวกเขาจะห่วงใยอะไรในครอบครัวของตน
เมื่อวันเวลาของพวกเขาสิ้นสุดลงแล้ว
22 จะมีใครสอนเรื่องความรู้แก่พระเจ้าบ้าง
เมื่อเห็นแล้วว่าพระองค์ตัดสินบรรดาผู้ที่อยู่สูง
23 คนหนึ่งตายขณะร่างกายยังแข็งแรง
ไร้ความกังวลและความกลัว
24 เขามีกินอย่างอุดมสมบูรณ์
และผิวก็ผุดผ่องดั่งคนวัยหนุ่มสาว
25 ส่วนอีกคนตายในความขมขื่นของจิตวิญญาณ
ไม่เคยได้ลิ้มรสความเจริญรุ่งเรือง
26 พวกเขานอนลงในฝุ่นเหมือนกัน
และตัวหนอนก็กินร่างของเขาทั้งสอง
27 ดูเถิด ฉันรู้ความคิดของพวกท่าน
และมีแผนการจะทำร้ายฉัน
28 เพราะท่านพูดว่า ‘บ้านของผู้บีบบังคับอยู่ที่ไหน
กระโจมซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของคนชั่วอยู่ที่ไหน’
29 ท่านไม่เคยถามพวกคนเดินทาง
และท่านไม่เชื่อเรื่องที่เขาเล่าหรือ
30 ว่าคนชั่วรอดตายในวันแห่งความวิบัติ
ว่าเขาพ้นจากวันแห่งความโกรธเกรี้ยว
31 ใครบ้างประณามคนชั่วซึ่งๆ หน้าเขา
และใครสนองตอบเขาตามที่เขาได้ทำ
32 เมื่อเขาถูกหามไปยังหลุมศพ
ก็มีคนเฝ้าถ้ำเก็บศพของเขา
33 ก้อนดินในหุบเขาก็ยังนิ่มสำหรับเขา
ผู้คนทั้งปวงเดินตามศพเขาไป
และพวกที่เดินนำหน้าไปก็นับไม่ถ้วน
34 แล้วท่านจะปลอบประโลมฉันด้วยคำพูดที่ไร้สาระได้อย่างไร
คำตอบของท่านไม่มีอะไรนอกจากความจอมปลอม”
เอลีฟัสพูด: โยบชั่วร้ายมาก
22 แล้วเอลีฟัสชาวเทมานตอบว่า
2 “คนจะเป็นประโยชน์อะไรสำหรับพระเจ้าได้
จริงทีเดียว คนเฉลียวฉลาดจะเป็นประโยชน์สำหรับตนเอง
3 ถ้าท่านมีความชอบธรรม แล้วองค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพจะชื่นชอบหรือ
ถ้าท่านดำเนินชีวิตโดยไร้ข้อตำหนิ แล้วพระองค์จะได้รับประโยชน์อะไร
4 เป็นเพราะท่านยำเกรงพระองค์ พระองค์จึงตักเตือนว่ากล่าวท่าน
และลงโทษท่านอย่างนั้นหรือ
5 ท่านมีความชั่วร้ายมากมิใช่หรือ
บาปของท่านไม่มีที่สิ้นสุด
6 เพราะท่านได้ยึดของจากพี่น้องของท่านเป็นประกัน
และท่านยึดแม้แต่เสื้อผ้าของเขาไปจนต้องเปลือยกาย
7 ท่านไม่ได้ให้น้ำดื่มแก่คนที่เหนื่อยอ่อน
และท่านกักอาหารจากผู้หิวโหย
8 คนมีอำนาจเป็นเจ้าของที่ดิน
และคนสูงศักดิ์อาศัยอยู่ที่นั่น
9 ท่านได้ให้หญิงม่ายกลับไปมือเปล่า
และท่านกดขี่ข่มเหงพวกเด็กกำพร้า
10 ฉะนั้น ท่านจึงติดบ่วงแร้ว
และความกลัวทำให้ท่านหวาดหวั่นยิ่งนัก
11 ความมืดทำให้ท่านมองไม่เห็น
และน้ำท่วมตัวท่าน
12 พระเจ้าไม่ได้อยู่ ณ ที่สูงในฟ้าสวรรค์หรือ
ดูสิว่าหมู่ดาวอยู่สูงเพียงไร พระองค์มองลงมายังหมู่ดาวที่อยู่สูงสุด
13 แต่ท่านพูดว่า ‘พระเจ้าทราบอะไร
พระองค์จะตัดสินความจากการมองผ่านความมืดมิดได้หรือ
14 ท่านคิดว่า เมฆมืดมิดบังพระองค์จึงทำให้พระองค์มองไม่เห็น
และพระองค์เดินบนวิถีโค้งสุดขอบฟ้า’
15 ท่านจะดำเนินในหนทางเก่า
ที่คนชั่วเดินมาก่อนหรือ
16 พวกเขาถูกคว้าตัวไปก่อนที่จะถึงเวลาอันควร
รากฐานของเขาถูกพัดพาไป
17 พวกเขาพูดกับพระเจ้าว่า ‘อย่ามายุ่งกับพวกเรา’
และ ‘องค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพจะสามารถทำอะไรเราได้’
18 พระองค์ก็ยังโปรดให้ครอบครัวเขาบริบูรณ์ด้วยสิ่งดีๆ
แต่ฉันอยู่ห่างจากคำแนะนำของคนชั่ว
19 คนมีความชอบธรรมยินดีเมื่อเห็นคนชั่วรับโทษ
คนไร้ความผิดหัวเราะเยาะเขา โดยพูดว่า
20 ‘ศัตรูของเราพินาศอย่างแน่นอน
และไฟเผาผลาญทุกสิ่งที่เขามีเหลือ’
21 จงยอมอยู่ในบังคับบัญชาของพระเจ้า
และมีสันติสุข เพื่อท่านจะได้รับความเจริญ
22 จงรับฟังคำสั่งสอนจากปากพระองค์
และสะสมคำพูดของพระองค์ไว้ในใจท่าน
23 ถ้าท่านกลับไปหาองค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพ ท่านจะกลับคืนดีดังเดิม
ถ้าท่านกำจัดความไม่ชอบธรรมไปจากกระโจมของท่าน
24 ถ้าท่านคิดเสียว่า ทองคำเป็นดั่งฝุ่น
และทองคำแห่งโอฟีร์เป็นดั่งก้อนหินที่ธารน้ำ
25 แล้วองค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพก็จะเป็นทองคำ
เป็นเงินบริสุทธิ์ของท่าน
26 แล้วท่านจะสุขใจในองค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพ
และเงยหน้าของท่านขึ้นหาพระเจ้า
27 ท่านจะอธิษฐานต่อพระองค์ และพระองค์จะได้ยินท่าน
และท่านจะรักษาคำสาบาน
28 ท่านตัดสินใจทำอะไร ท่านก็จะประสบความสำเร็จ
และจะมีแสงไฟส่องทางให้ท่านเดิน
29 เมื่อคนถูกเหยียดลง ท่านก็พูดว่า ‘เป็นเพราะความยโส’
แต่พระองค์ช่วยคนถ่อมตนให้รอด
30 พระองค์ช่วยแม้แต่คนที่มีความผิดให้รอดพ้น
และท่านจะได้รับความรอดพ้นตามความสะอาดของมือท่าน”
โยบตอบ: พระเจ้าอยู่ไหน
23 โยบจึงตอบว่า
2 “วันนี้ฉันยังพร่ำบ่นด้วยความขมขื่น
พระองค์ไม่หยุดลงโทษ แม้ฉันจะคร่ำครวญก็ตาม
3 โอ ขอเพียงให้ฉันทราบว่าจะพบพระองค์ได้ที่ไหน
ขอเพียงให้ฉันไปยังที่พระองค์อยู่ให้ได้
4 ฉันจะยื่นคดีต่อพระองค์
และพร้อมที่จะโต้แย้ง
5 ฉันจะเรียนรู้จากคำตอบของพระองค์
และจะเข้าใจสิ่งที่พระองค์จะกล่าว
6 พระองค์จะโต้แย้งกับฉันด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์หรือ
ไม่หรอก พระองค์จะตั้งใจฟังฉัน
7 ณ ที่นั้น ผู้มีความชอบธรรมผู้หนึ่งจะโต้แย้งพระองค์
และผู้ตัดสินจะนับว่าฉันไม่มีความผิดไปตลอดกาล
8 ดูเถิด ฉันก้าวไปข้างหน้า แต่พระองค์ไม่อยู่ที่นั่น
ฉันถอยหลัง แต่ฉันก็ไม่พบพระองค์
9 ฉันมองหาพระองค์ทางซ้ายมือ แต่ไม่เห็นพระองค์
ฉันหันไปทางขวามือ แต่ฉันก็มองไม่เห็นพระองค์
10 แต่พระองค์ทราบทางที่ฉันเลือก
เมื่อพระองค์ทดสอบฉัน ฉันก็จะสุกใสดั่งทองคำ
11 เท้าของฉันตามรอยเท้าของพระองค์อย่างมั่นคง
ฉันได้ดำเนินตามทางของพระองค์และไม่ได้หันเหไป
12 ฉันไม่ได้ละไปจากคำบัญชาของพระองค์
ฉันได้รักษาคำสั่งของพระองค์ มากยิ่งกว่าอาหารประจำวัน
13 แต่พระองค์ไม่เปลี่ยนใจ ใครจะเปลี่ยนพระองค์ได้
พระองค์ประสงค์อย่างไร พระองค์ก็กระทำอย่างนั้น
14 พระองค์กระทำสิ่งที่พระองค์กำหนดให้เกิดขึ้นกับฉัน
และพระองค์มีแผนอีกมากมายสำหรับฉัน
15 ฉะนั้น ฉันหวาดหวั่น ณ เบื้องหน้าพระองค์
เมื่อฉันนึกถึงสิ่งเหล่านี้ ฉันก็เกรงกลัวพระองค์
16 พระเจ้าทำให้ฉันท้อแท้ใจ
องค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพทำให้ฉันหวาดหวั่น
17 ฉันไม่ได้เงียบงันเพราะความมืด
ไม่ใช่เพราะความมืดคลุ้มที่คลุมหน้าฉัน
24 เหตุใดองค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพจึงไม่กำหนดเวลาพิพากษา
และทำไมบรรดาผู้ที่รู้จักพระองค์จึงไม่เห็นพระองค์ลงโทษคนชั่ว
2 บางคนเคลื่อนย้ายหลักเขต
พวกเขาขโมยฝูงแกะไปเลี้ยงเป็นของตน
3 พวกเขาขโมยลาของเด็กกำพร้า
และริบโคของหญิงม่ายเป็นประกัน
4 พวกเขาขับไล่ผู้ยากไร้ออกนอกถนน
ผู้ยากไร้ของแผ่นดินโลกต้องหลบซ่อนตัว
5 ดูเถิด ผู้ยากไร้เป็นดั่งลาป่าในถิ่นทุรกันดาร
พวกเขาออกไปยังที่แล้ง
เพื่อหาอาหารให้ลูกๆ ของพวกเขา
6 พวกเขาเก็บฟางในนาของคนอื่น
และเก็บองุ่นที่ตกหล่นในสวนของคนชั่ว
7 พวกเขานอนเปลือยกายไร้เครื่องนุ่งห่มตลอดทั้งคืน
และไม่มีผ้าคลุมกายกันหนาว
8 พวกเขาเปียกฝนที่ตกในเทือกเขา
และเกาะหินไว้เพราะไร้ที่กำบัง
9 มีบางพวกที่พรากทารกกำพร้าพ่อไปจากอกแม่
และยึดเด็กจากคนยากไร้เอาไว้เป็นตัวประกัน
10 พวกเขาจึงต้องเปลือยกายไร้เครื่องนุ่งห่ม
และหิวโหย ทั้งยังต้องทำงานเก็บเกี่ยวข้าว
11 พวกเขาสกัดน้ำมันจากสวนมะกอกของคนชั่ว
และย่ำในบ่อองุ่นทั้งๆ ที่กระหายยิ่งนัก
12 คนที่กำลังจะตายร้องโอดครวญอยู่ในเมือง
และจิตวิญญาณของคนที่บาดเจ็บร้องขอความช่วยเหลือ
แต่พระเจ้าไม่สนใจผู้ที่กระทำความผิด
13 มีบางพวกที่ชิงชังความสว่าง
เขาไม่คุ้นทาง
และไม่อยู่บนทางสว่างนั้น
14 ฆาตกรลุกขึ้นก่อนฟ้าสาง
เพื่อจะฆ่าผู้ขัดสนและยากไร้
และพอตกค่ำเขาก็เป็นขโมย
15 ตาของผู้ผิดประเวณีรอให้ถึงยามพลบค่ำ
คิดในใจว่า ‘จะไม่มีใครมองเห็นฉัน’
และเขาก็ซ่อนหน้าตนเอง
16 ในยามมืดพวกเขาบุกเข้าบ้าน
เวลากลางวันพวกเขาก็ซ่อนตัว
และไม่รู้จักความสว่าง
17 เพราะความมืดมิดเป็นดั่งเวลาเช้าสำหรับพวกเขาทุกคน
เพราะพวกเขาคุ้นกับความน่าสะพรึงกลัวของความมืดมิด
18 เพราะเขาเลื่อนลอยบนผิวน้ำอย่างรวดเร็ว
ส่วนแบ่งของพวกเขาถูกสาปแช่งในแผ่นดิน
เขาไม่เข้าไปในสวนองุ่นอีกแล้ว
19 การแล้งฝนและความร้อนทำให้หิมะละลายและแห้งเหือดไปฉันใด
แดนคนตายก็กระทำต่อคนที่ทำบาปฉันนั้น
20 ครรภ์ที่เคยอุ้มพวกเขามาก็ยังลืม
เขาถูกหนอนกิน
ไม่มีใครระลึกถึงพวกเขา
และความชั่วถูกหักโค่นลงดั่งต้นไม้
21 พวกเขากระทำผิดต่อหญิงที่เป็นหมันปราศจากลูก
และขาดความกรุณาต่อหญิงม่าย
22 แต่พระเจ้าก็ให้ผู้มีอำนาจมีชีวิตยั่งยืนด้วยอานุภาพของพระองค์
แม้ว่าพวกเขาจะมั่นคง แต่ชีวิตไร้ความแน่นอน
23 พระองค์ให้พวกเขาได้รับความมั่นคงและมั่นใจ
แต่พระองค์ดูวิถีทางของพวกเขา
24 พวกเขาเจริญรุ่งเรืองชั่วระยะหนึ่ง แล้วก็สิ้นสาบสูญไป
พวกเขาเหี่ยวเฉาลงอย่างดอกไม้
พวกเขาถูกเกี่ยวไปอย่างเมล็ดข้าว
25 ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น แล้วใครจะพิสูจน์ได้ว่าฉันพูดไม่จริง
และชี้ให้เห็นว่าคำพูดของฉันไม่เป็นความจริง”
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation