Bible in 90 Days
พระคุณอันสูงส่ง
1 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
จงสรรเสริญพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
บรรดาผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า จงสรรเสริญเถิด
2 ท่านที่ยืนอยู่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า
ในลานพระตำหนักของพระเจ้าของเรา
3 จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระผู้เป็นเจ้าประเสริฐ
จงร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์ เพราะเป็นที่น่าเบิกบานใจ
4 เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้เลือกยาโคบไว้สำหรับพระองค์เอง
เลือกอิสราเอลไว้เป็นสมบัติอันมีค่าของพระองค์
5 เพราะข้าพเจ้าทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าใหญ่ยิ่งนัก
และพระผู้เป็นเจ้าของเรายิ่งใหญ่เหนือเทพเจ้าทั้งปวง
6 พระผู้เป็นเจ้ากระทำตามความประสงค์ของพระองค์
ทั้งเบื้องสวรรค์และแหล่งหล้า
ทั้งในทะเลและห้วงน้ำลึกทั้งปวง
7 พระองค์เป็นผู้ทำให้เมฆลอยขึ้นจากทุกมุมโลก
เป็นผู้ให้กำเนิดฟ้าแลบกับสายฝน
และลมพัดออกจากแหล่งเก็บลมของพระองค์
8 พระองค์เป็นผู้ฆ่าบุตรหัวปีในอียิปต์
ไม่เลือกว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์เลี้ยง
9 พระองค์บันดาลปรากฏการณ์และสิ่งมหัศจรรย์ในท่ามกลางประเทศอียิปต์
เป็นการต่อต้านฟาโรห์และหมู่บริวาร
10 พระองค์เป็นผู้ฆ่าประชาชาติมากหลาย
และสังหารหมู่กษัตริย์ใจฉกาจ
11 สิโหนกษัตริย์ของชาวอาโมร์
โอกกษัตริย์แห่งแคว้นบาชาน
และอาณาจักรทั้งหมดของคานาอัน[a]
12 พระองค์มอบผืนแผ่นดินของคนเหล่านั้นให้เป็นมรดก
เป็นมรดกแก่คนของพระองค์คืออิสราเอล
13 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระนามของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะเป็นที่ระลึกถึงทุกชั่วอายุคนจนชั่วลูกชั่วหลาน
14 เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะพิสูจน์ว่าชนชาติของพระองค์ไม่ผิด
และเมตตาบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์
15 รูปเคารพของบรรดาประชาชาติเป็นเงินและทองคำ
เป็นสิ่งที่ทำด้วยมือมนุษย์
16 รูปเหล่านั้นมีปาก แต่พูดไม่ได้
มีตา แต่มองไม่เห็น
17 มีหู แต่ไม่สามารถได้ยิน
และไม่มีลมหายใจในปาก
18 พวกที่ปั้นรูปเคารพขึ้นก็ย่อมเป็นเหมือนกับรูปเคารพ
ผู้ใดวางใจในรูปเคารพก็เป็นดั่งรูปนั้น
19 พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
พงศ์พันธุ์ของอาโรนเอ๋ย จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
20 พงศ์พันธุ์ของเลวีเอ๋ย จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
ท่านที่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
21 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าจากศิโยน
พระองค์พำนักอยู่ที่เยรูซาเล็ม
สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด
ความรักอันมั่นคงดำรงอยู่ตลอดกาล
1 จงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ประเสริฐ
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
2 จงขอบคุณพระเจ้า ผู้อยู่เหนือบรรดาเทพเจ้า
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
3 จงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ผู้อยู่เหนือบรรดาเจ้า
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
4 แด่พระองค์ผู้กระทำสิ่งมหัศจรรย์เพียงลำพัง
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
5 แด่พระองค์ผู้สร้างฟ้าสวรรค์ด้วยการหยั่งรู้
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
6 แด่พระองค์ผู้แผ่แผ่นดินโลกไว้บนน้ำ
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
7 แด่พระองค์ผู้สร้างดวงสว่างดวงใหญ่ๆ
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
8 ให้ดวงอาทิตย์ดูแลในยามทิวา
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
9 ให้ดวงจันทร์และดวงดาวทั้งหลายทำงานควบคุมยามราตรี
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
10 แด่พระองค์ผู้ฆ่าบุตรหัวปีของอียิปต์
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
11 และนำชาวอิสราเอลออกไปจากฝูงชนชาวอียิปต์
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
12 ด้วยอานุภาพและพลานุภาพ
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
13 แด่พระองค์ผู้แหวกทะเลแดงออก
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
14 และปล่อยให้ชาวอิสราเอลผ่านไปทางนั้น
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
15 แต่โยนฟาโรห์กับกองทัพลงในทะเลแดง
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
16 แด่พระองค์ผู้พาชนชาติของพระองค์ผ่านพ้นถิ่นทุรกันดาร
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
17 แด่พระองค์ผู้ฆ่าบรรดามหากษัตริย์
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
18 และสังหารบรรดากษัตริย์ใจฉกาจ
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
19 อันได้แก่สิโหนกษัตริย์ของชาวอาโมร์
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
20 และโอกกษัตริย์แห่งแคว้นบาชาน
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล[b]
21 และให้ผืนแผ่นดินของกษัตริย์เหล่านั้นเป็นมรดก
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
22 ให้มรดกแก่อิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
23 พระองค์ระลึกถึงพวกเราในยามตกอับ
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
24 และช่วยพวกเราให้รอดพ้นจากพวกศัตรู
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
25 พระองค์ให้สิ่งมีชีวิตทั้งปวงมีอาหาร
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
26 จงขอบคุณพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์เถิด
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
ชาวอิสราเอลคร่ำครวญคราวอพยพ
1 ณ ริมฝั่งแม่น้ำของบาบิโลน พวกเรานั่งร้องไห้
ในยามที่เรานึกถึงศิโยน
2 พวกเราแขวนพิณเล็กของเรา
บนต้นหลิวที่ขึ้นในเขตแดนนั้น
3 เพราะที่นั่นคือที่ซึ่งผู้จับกุมตัวเราสั่งให้เราร้องเพลง
เพื่อพวกเขาจะได้ล้อเลียนเราอย่างสนุกสนาน
“ร้องเพลงให้พวกเราฟังหน่อย เพลงของศิโยนน่ะ”
4 เราจะร้องเพลงของพระผู้เป็นเจ้า
บนแผ่นดินของคนต่างแดนได้อย่างไร
5 โอ เยรูซาเล็มเอ๋ย ถ้าข้าพเจ้าลืมเจ้า
ก็ขอให้มือขวาของข้าพเจ้าหงิกง่อยไปเสีย
6 ให้ลิ้นของข้าพเจ้าติดอยู่กับเพดานปาก
ถ้าข้าพเจ้าจำเจ้าไม่ได้
ถ้าข้าพเจ้าไม่นับว่าเยรูซาเล็มสูงส่ง
เหนือความสุขของข้าพเจ้า
7 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดระลึกว่าชาวเอโดมทำอะไรไปบ้าง
ระลึกถึงวันที่เยรูซาเล็มย่อยยับ
ระลึกถึงพวกที่พูดว่า “เอาให้ย่อยยับลงไป
เอาให้ย่อยยับลงไปจนถึงรากถึงโคน”[c]
8 ธิดาแห่งบาบิโลนเอ๋ย เจ้าถูกกำหนดให้ถึงซึ่งความพินาศ
ผู้เป็นสุขคือผู้สนองตอบเจ้า
อย่างที่เจ้าได้กระทำต่อพวกเรา
9 ผู้เป็นสุขคือผู้เอาตัวเด็กน้อยของพวกเจ้าไป
และฟาดร่างของพวกเขากระแทกหิน
ขอบคุณพระเจ้า เพราะพระองค์สถิตกับข้าพเจ้า
ของดาวิด
1 ข้าพเจ้าขอขอบคุณพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ต่อหน้าบรรดาเทพเจ้า
2 ข้าพเจ้าขอก้มกราบลง ณ พระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์
ข้าพเจ้าขอขอบคุณพระนามของพระองค์
ในความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริงของพระองค์
เพราะพระองค์ได้ทำให้พระนามและคำกล่าวของพระองค์
เหนือสิ่งทั้งปวง
3 ในวันที่ข้าพเจ้าร้องเรียก พระองค์ตอบข้าพเจ้า
ทำให้ข้าพเจ้ากล้าหาญและมีพละกำลังยิ่งขึ้น
4 โอ พระผู้เป็นเจ้า ให้บรรดากษัตริย์ของแผ่นดินโลกขอบคุณพระองค์
เพราะท่านเหล่านั้นล้วนได้ยินคำกล่าวจากปากของพระองค์
5 และให้พวกท่านร้องเพลงถึงวิถีทางของพระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าใหญ่ยิ่งนัก
6 แม้ว่าพระผู้เป็นเจ้าสูงส่งมากเพียงไหน พระองค์ก็ยังใส่ใจคนต่ำต้อย
ส่วนคนยโสพระองค์ก็สังเกตเห็นได้แต่ไกล
7 แม้ในยามที่ข้าพเจ้าเดินอยู่ในท่ามกลางความยากลำบาก
พระองค์ก็ช่วยชีวิตข้าพเจ้าไว้
คราวศัตรูโกรธ พระองค์ก็ยื่นมือออกมา
มือขวาของพระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น
8 พระผู้เป็นเจ้าจะกระทำตามความประสงค์ของพระองค์เพื่อข้าพเจ้า
โอ พระผู้เป็นเจ้า ความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
โปรดอย่าทอดทิ้งคนที่พระองค์สร้างขึ้นด้วยมือของพระองค์เอง
พระเจ้าทราบความเป็นมาทุกอย่างของข้าพเจ้า
ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด
1 พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ตรวจสอบข้าพเจ้า
และพระองค์ก็รู้จักข้าพเจ้า
2 ไม่ว่าเวลาข้าพเจ้านั่งหรือยืน พระองค์ก็ทราบ
แม้พระองค์จะอยู่ห่างไกลเพียงไร พระองค์ก็ยังหยั่งรู้ความคิดของข้าพเจ้าได้
3 พระองค์ทราบทุกเรื่องว่า ข้าพเจ้าอยู่ที่ใดหรือกำลังกระทำสิ่งใดอยู่
พระองค์คุ้นเคยกับการกระทำทุกอย่างของข้าพเจ้า
4 แม้ก่อนที่ข้าพเจ้าจะพูด
โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทราบทุกสิ่ง
5 พระองค์อยู่รอบข้างข้าพเจ้าทั้งข้างหลังและข้างหน้า
พระองค์ปกป้องข้าพเจ้า
6 การที่พระองค์ทราบดังนี้ ก็ถือได้ว่าวิเศษนักสำหรับข้าพเจ้า
คือสูงเกินกว่าที่ข้าพเจ้าจะเข้าใจได้
7 ข้าพเจ้าจะไปทางไหนจึงจะเลี่ยงหลบพระวิญญาณของพระองค์ได้
ข้าพเจ้าจะเลี่ยงไปทางไหนจึงจะพ้นหน้าพระองค์ได้
8 หากว่าข้าพเจ้าขึ้นไปยังสวรรค์ พระองค์ก็จะอยู่ที่นั่น
หากว่าข้าพเจ้าลงไปนอนในแดนคนตาย ดูเถิด พระองค์ก็อยู่ที่นั่นด้วย
9 ถ้าข้าพเจ้าต้องสวมปีกของรุ่งอรุณ
และไปอาศัยอยู่ที่ไกลโพ้นสุดขอบทะเล
10 มือของพระองค์ก็ยังจะอยู่ที่นั่นด้วยเพื่อนำทางให้แก่ข้าพเจ้า
มือขวาของพระองค์จะช่วยข้าพเจ้าไว้
11 ถ้าข้าพเจ้าขอให้ความมืดซ่อนข้าพเจ้าไว้
หรือให้ความสว่างรอบตัวข้าพเจ้ากลายเป็นกลางคืน
12 แม้แต่ความมืดก็ไม่มืดทึบเกินไปสำหรับพระองค์
และกลางคืนก็สว่างเทียบเท่ากับกลางวัน
เพราะความมืดยังสว่างสำหรับพระองค์
13 เพราะพระองค์เป็นผู้สร้างอวัยวะภายในของข้าพเจ้า
พระองค์ประสานข้าพเจ้าไว้อย่างสนิทแนบในครรภ์มารดาของข้าพเจ้า
14 ข้าพเจ้าขอบคุณพระองค์ เพราะข้าพเจ้าถูกสร้างขึ้นมาอย่างน่าครั่นคร้ามและมหัศจรรย์
สิ่งที่พระองค์กระทำมหัศจรรย์ยิ่งนัก
พระองค์รู้จักข้าพเจ้าอย่างลึกซึ้ง
15 โครงกระดูกของข้าพเจ้าไม่อาจซ่อนเร้นไปจากสายตาของพระองค์ได้
คือแม้ว่าเวลาที่ข้าพเจ้าถูกสร้างในที่กำบัง
ถูกสานขึ้นอย่างละเอียดอ่อนในที่ลึกของแผ่นดินโลก
16 พระองค์มองเห็นข้าพเจ้าตั้งแต่แรกเริ่มที่ข้าพเจ้าอยู่ในครรภ์มารดา
โมงยามล้วนถูกจัดเตรียมไว้สำหรับข้าพเจ้าแล้ว และยังถูกระบุไว้ในหนังสือของพระองค์
ก่อนที่เหตุการณ์ในแต่ละวันจะปรากฏขึ้น
17 โอ พระเจ้า ความนึกคิดของพระองค์ช่างมากมายสุดที่จะคณนา
และช่างมีค่าอะไรเช่นนี้สำหรับข้าพเจ้า
18 ถ้าหากข้าพเจ้าคิดจะนับแล้วละก็ยังมีจำนวนมากกว่าเม็ดทรายเสียอีก
เมื่อข้าพเจ้าตื่นขึ้น ข้าพเจ้าก็ยังจะคำนึงถึงพระองค์อยู่อีก
19 โอ พระเจ้า ข้าพเจ้าอยากให้พระองค์ฆ่าคนชั่วร้ายเสีย
และพวกคนกระหายเลือดจะได้ไม่มายุ่งเกี่ยวกับข้าพเจ้าอีก
20 พวกคนที่พูดถึงพระองค์ด้วยความมุ่งร้าย
พวกที่ยกตนขึ้นคัดค้านพระองค์เพื่อความชั่ว
21 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่เกลียดพวกที่เกลียดชังพระองค์หรือ
ข้าพเจ้าจะไม่ขยะแขยงพวกที่ค้านพระองค์หรือ
22 ข้าพเจ้าเกลียดพวกเขาอย่างบอกไม่ถูก
และถือเอาพวกเขาเป็นศัตรูของข้าพเจ้า
23 โอ พระเจ้า พิจารณาดูข้าพเจ้าเถิด และทราบถึงจิตใจของข้าพเจ้า
ทดสอบข้าพเจ้าดู และก็หยั่งถึงความคิดของข้าพเจ้า
24 ดูว่ามีสิ่งใดบ้างที่เลวร้ายในตัวข้าพเจ้า
และโปรดนำข้าพเจ้าไปสู่ทางอันเป็นนิรันดร์
อธิษฐานให้ได้รับความยุติธรรม
ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด
1 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากคนชั่วเถิด
ให้ข้าพเจ้ารอดจากพวกที่ใช้กำลังทำร้าย
2 ซึ่งมีใจคิดกระทำการอันชั่วร้าย
และก่อให้เกิดการสู้รบเสมอไป
3 ลิ้นของพวกเขาคมดั่งลิ้นงู
และพิษงูเห่าอยู่ใต้ริมฝีปากของเขา[d] เซล่าห์
4 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดคุ้มครองข้าพเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือของคนชั่ว
ให้ข้าพเจ้ารอดจากคนที่ใช้กำลังทำร้าย
จากพวกที่วางแผนเพื่อทำให้ข้าพเจ้าล้มลุกคลุกคลาน
5 พวกคนยโสได้ซ่อนร่างแหดักข้าพเจ้าไว้
และกางตาข่ายพรางเป็นสายรัด
เขาวางกับดักไว้ที่ข้างทางเพื่อดักข้าพเจ้า เซล่าห์
6 ข้าพเจ้าพูดกับพระผู้เป็นเจ้าว่า “พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า”
โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดฟังเสียงวอนขอของข้าพเจ้าเถิด
7 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ช่วยให้รอดพ้นของข้าพเจ้า ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพ
พระองค์คุ้มกันศีรษะของข้าพเจ้าดั่งโล่ในยามสงคราม
8 โอ พระผู้เป็นเจ้า อย่ามอบสิ่งที่คนชั่วต้องการเลย
อย่าให้แผนการชั่วของเขาสำเร็จ เซล่าห์
9 พวกที่อยู่รอบข้างข้าพเจ้าชูคอขึ้น
ขอให้ริมฝีปากที่ช่างหาเรื่องได้ผลย้อนกลับเข้าตัวเขาเอง
10 ขอให้ถ่านที่ลุกโชนสุมบนตัวพวกเขา
ให้เขาถูกเหวี่ยงลงในกองเพลิง
และลุกขึ้นออกมาไม่ได้เลย
11 ขอให้คนช่างกล่าวร้ายอย่าได้ประสบความเจริญในแผ่นดิน
ให้ความชั่วตามล่าคนที่ใช้กำลังทำร้ายจนเงยหัวไม่ขึ้น
12 ข้าพเจ้าทราบว่า พระผู้เป็นเจ้าปกป้องการกระทำอันถูกต้องของคนจน
และให้ความเป็นธรรมแก่บรรดาผู้ยากไร้
13 แน่นอนทีเดียว ผู้มีความชอบธรรมจะขอบคุณพระนามของพระองค์
และจะดำรงอยู่ ณ เบื้องหน้าพระองค์
คำอธิษฐานให้ได้รับการคุ้มครอง
เพลงสดุดีของดาวิด
1 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์ รีบมาช่วยข้าพเจ้าเถิด
เงี่ยหูฟังเสียงข้าพเจ้าเวลาข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์
2 ให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้าเป็นดั่งเครื่องหอม ณ เบื้องหน้าพระองค์
และการยกมือขึ้นของข้าพเจ้าเป็นดั่งเครื่องสักการะในยามเย็น
3 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รู้จักระวังคำ
ที่จะหลุดออกจากริมฝีปากของข้าพเจ้า
4 อย่าให้จิตใจของข้าพเจ้าโน้มไปในทางเลวร้าย
ไปง่วนอยู่กับการกระทำชั่ว
หรือเข้าไปพัวพันกับคนที่ทำความชั่วช้า
และรับประทานของเอร็ดอร่อยของเขา
5 ให้คนดีลงโทษหรือห้ามปรามข้าพเจ้าด้วยความกรุณา
เพราะนับว่าเป็นดั่งน้ำมันบนศีรษะ ศีรษะของข้าพเจ้ารับด้วยความยินดี
แต่ข้าพเจ้ายังอธิษฐานต่อต้านการกระทำของคนชั่ว
6 เมื่อบรรดาผู้พิพากษาของพวกเขาถูกเหวี่ยงกระทบหิน
คนทั้งหลายจะทราบว่าคำพูดของข้าพเจ้าเป็นจริง
7 พื้นดินถูกไถและกลบฉันใด
กระดูกของพวกเขาก็กระจัดกระจายไปยังปากทางของแดนคนตายฉันนั้น
8 โอ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ แต่ดวงตาของข้าพเจ้าจับจ้องอยู่ที่พระองค์
ข้าพเจ้าแสวงหาที่พึ่งพิง อย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าต้องเสียเลือดเนื้อเลย
9 โปรดคุ้มครองข้าพเจ้าให้พ้นจากร่างแหที่วางดักข้าพเจ้าไว้
และจากกับดักของพวกคนทำความชั่วด้วย
10 ขอปล่อยให้คนชั่วตกลงในตาข่ายของเขาเอง
ในขณะเดียวกัน ให้ข้าพเจ้าหนีรอดปลอดภัย
ร้องขอความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้า
เพลงสดุดีแห่งความฉลาดรอบรู้ของดาวิด ยามที่ท่านอยู่ในถ้ำ[e] คำอธิษฐาน
1 ข้าพเจ้าร้องด้วยเสียงอันดังต่อพระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าใช้เสียงของข้าพเจ้าขอความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้า
2 ข้าพเจ้าหลั่งคำรำพันของข้าพเจ้าออกมาต่อหน้าพระองค์
และบอกถึงความทุกข์ของข้าพเจ้าต่อหน้าพระองค์
3 เวลาจิตวิญญาณข้าพเจ้าอ่อนล้า
พระองค์เป็นผู้ที่ทราบทางของข้าพเจ้า
พวกเขาซ่อนบ่วงแร้วดักข้าพเจ้า
ในเส้นทางที่ข้าพเจ้าเดินไป
4 ข้าพเจ้าเหลือบมองทางขวา
แต่ไม่มีใครสังเกตดูข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าไม่มีที่พึ่งพิงเหลืออยู่อีกแล้ว
ไม่มีใครสนใจข้าพเจ้า
5 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าร้องขอให้พระองค์ช่วย
ข้าพเจ้าพูดว่า “พระองค์เป็นที่พึ่งพิงของข้าพเจ้า
เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของข้าพเจ้าในดินแดนของคนเป็น”
6 โปรดฟังเสียงร้องของข้าพเจ้า
เพราะข้าพเจ้าหมดกำลังใจแล้ว
ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากพวกที่ตามล่าข้าพเจ้าเถิด
เพราะพวกเขาแข็งแรงเกินกว่าข้าพเจ้า
7 โปรดพาข้าพเจ้าออกจากคุกใต้ดิน
เพื่อข้าพเจ้าจะได้ขอบคุณพระนามของพระองค์
บรรดาผู้ชอบธรรมจะอยู่โดยรอบข้าพเจ้า
เพราะความกรุณาของพระองค์ที่มีต่อข้าพเจ้า
คำอธิษฐานขอความช่วยเหลือ
เพลงสดุดีของดาวิด
1 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
เงี่ยหูฟังคำร้องขอความเมตตาของข้าพเจ้าเถิด
โปรดตอบข้าพเจ้าตามความสัตย์จริงและความชอบธรรมของพระองค์
2 และอย่าพิพากษาผู้รับใช้ของพระองค์เลย
เพราะไม่มีผู้มีชีวิตคนใดที่นับว่ามีความชอบธรรม ณ เบื้องหน้าพระองค์
3 ด้วยว่า ศัตรูได้ตามล่าข้าพเจ้า
เขาเหยียบย่ำชีวิตข้าพเจ้าให้จมธรณี
และทำให้ข้าพเจ้านั่งในที่มืดเหมือนพวกที่ได้ตายไปนานแสนนานแล้ว
4 ดังนั้นจิตวิญญาณของข้าพเจ้าอ่อนล้า
ภายในจิตใจข้าพเจ้าหวั่นกลัว
5 ข้าพเจ้าจำวันเก่าๆ ได้
ข้าพเจ้าใคร่ครวญถึงงานทุกชิ้นของพระองค์
ข้าพเจ้าตริตรองถึงการงานของพระองค์
6 ข้าพเจ้ายกมือขึ้นไปยังพระองค์
จิตวิญญาณกระหายหาพระองค์อย่างแผ่นดินที่แห้งแล้ง เซล่าห์
7 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดตอบข้าพเจ้าโดยเร็ว
วิญญาณข้าพเจ้าอ่อนล้า
อย่าซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้าเลย
เกรงว่าข้าพเจ้าจะเป็นเหมือนพวกที่ลงไปยังหลุมลึกแห่งแดนคนตาย
8 ให้ข้าพเจ้าได้ยินถึงความรักอันมั่นคงของพระองค์ในยามเช้าเถิด
เพราะข้าพเจ้าวางใจในพระองค์
โปรดสอนข้าพเจ้าให้ไปในหนทางที่ควรจะไป
เพราะจิตวิญญาณข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระองค์
9 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากพวกศัตรูของข้าพเจ้าเถิด
ข้าพเจ้าเข้าหาพระองค์เพื่อพึ่งพิง
10 โปรดสอนข้าพเจ้าให้กระทำตามความประสงค์ของพระองค์
เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า
ให้พระวิญญาณอันประเสริฐของพระองค์
นำข้าพเจ้าไปบนที่ราบ
11 โอ พระผู้เป็นเจ้า เพื่อพระนามของพระองค์ โปรดช่วยให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่
พาข้าพเจ้าให้พ้นจากความทุกข์ยากตามความชอบธรรมของพระองค์
12 และโปรดกำจัดพวกศัตรูของข้าพเจ้าด้วยความรักอันมั่นคงของพระองค์
และฆ่าเหล่าปรปักษ์ของข้าพเจ้าทั้งหมด
เพราะข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์
คำอธิษฐานอันเปี่ยมด้วยความหวัง
ของดาวิด
1 ให้พระผู้เป็นเจ้า ผู้เป็นศิลาของข้าพเจ้าได้รับพระพรเถิด
พระองค์ฝึกมือข้าพเจ้าไว้เพื่อการสงคราม
และฝึกนิ้วข้าพเจ้าไว้เพื่อการสู้รบ
2 พระองค์เป็นความรักอันมั่นคงและป้อมปราการ
เป็นหลักยึดอันมั่นคงและผู้ช่วยให้พ้นภัย
เป็นโล่ป้องกันภัย และเป็นที่พึ่งพิงของข้าพเจ้า
พระองค์ทำให้ชนชาติของข้าพเจ้าสยบต่อข้าพเจ้า
3 โอ พระผู้เป็นเจ้า มนุษย์คือใครที่พระองค์จะสนใจ
หรือบุตรมนุษย์คือใครที่พระองค์จะต้องนึกถึง
4 มนุษย์เป็นเสมือนแค่ลมหายใจ
วันเวลาของเขาเป็นเสมือนเงาที่ผ่านไป
5 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดเปิดสวรรค์ และเชิญลงมา
โปรดสัมผัสภูเขา และให้มันปล่อยควันออกมา
6 โปรดปลดปล่อยประกายเจิดจ้าของสายฟ้า และทำให้พวกเขากระเจิดกระเจิงไป
ยิงลูกธนูของพระองค์ และพวกเขาก็เตลิดเปิดเปิงไป
7 เอื้อมมือของพระองค์ลงมาจากเบื้องบนเพื่อช่วยชีวิตข้าพเจ้า
ให้ข้าพเจ้าพ้นจากห้วงน้ำลึก
พ้นจากอุ้งมือของชนต่างชาติ
8 ที่มีปากกล่าวเท็จ
และโป้ปดทั้งๆ ที่กำลังยกมือขวาสาบานตน
9 โอ พระเจ้า ข้าพเจ้าจะร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระองค์
ข้าพเจ้าจะดีดพิณสิบสายถวายแด่พระองค์
10 พระองค์ให้บรรดากษัตริย์มีชัยชนะ
และช่วยชีวิตดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์
11 โปรดช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้พ้นจากดาบที่โหดเหี้ยม
และช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากอุ้งมือของชนต่างชาติที่ใช้ปากกล่าวเท็จ
และโป้ปดทั้งๆ ที่กำลังยกมือขวาสาบานตน
12 ขอให้บรรดาบุตรชายวัยหนุ่มของเรา
เป็นดั่งต้นไม้ที่เติบโตเต็มที่
บรรดาบุตรหญิงของเรา
เป็นดั่งเสาหลักในมุมที่ถูกสลัก เพื่อตกแต่งวังให้งดงาม
13 ขอให้ยุ้งฉางของเราเต็มปรี่
มีอาหารทุกชนิดเตรียมไว้อย่างพร้อมพรั่ง
ฝูงแกะของพวกเราตกลูกเป็นพันเป็นหมื่นตัว
ภายในเขตทุ่งของเรา
14 ขอให้โคของเรามีลูกดก
ไม่ตายเสียแต่ครั้งครรภ์ยังอ่อนหรือสูญหายไป
ไม่มีใครร้องไห้เพราะความทุกข์ยากที่ถนนของเรา
15 ชนชาติใดได้รับพระพรเช่นนี้ก็เป็นสุข
ชนชาติใดที่พระเจ้าของเขาคือพระผู้เป็นเจ้า ก็เป็นสุข
พระเจ้าตอบรับทุกคนที่รักและเกรงกลัวพระองค์
เพลงสรรเสริญ ของดาวิด
1 ข้าพเจ้าจะยกย่องพระองค์ กษัตริย์และพระเจ้าของข้าพเจ้า
และนมัสการพระนามของพระองค์ไปชั่วนิรันดร์กาล
2 ข้าพเจ้าจะนมัสการพระองค์ทุกวัน
และสรรเสริญพระนามของพระองค์ไปชั่วนิรันดร์กาล
3 พระผู้เป็นเจ้าใหญ่ยิ่ง สมแล้วกับการสรรเสริญเป็นอย่างยิ่ง
และความยิ่งใหญ่ของพระองค์ก็ไร้ขอบเขต
4 คนของแต่ละยุคจะสรรเสริญการงานของพระองค์ให้ยุคต่อๆ ไปฟัง
และเขาจะประกาศถึงการกระทำอันกอปรด้วยอานุภาพของพระองค์
5 ข้าพเจ้าจะใคร่ครวญถึงพระสง่าราศีอันเรืองรองและงามตระการ
และสิ่งมหัศจรรย์ของพระองค์
6 พวกเขาจะกล่าวขวัญถึงการกระทำอันเต็มด้วยอานุภาพของพระองค์
และข้าพเจ้าจะประกาศความยิ่งใหญ่ของพระองค์
7 พวกเขาจะป่าวประกาศถึงคุณความดีอเนกอนันต์ของพระองค์
และร้องสรรเสริญความชอบธรรมของพระองค์
8 พระผู้เป็นเจ้ามีพระคุณและเมตตา
ไม่โกรธง่าย และบริบูรณ์ด้วยความรักอันมั่นคง
9 พระผู้เป็นเจ้าดีต่อทุกคน
และพระองค์เมตตาสรรพสิ่งที่พระองค์สร้างขึ้น
10 โอ พระผู้เป็นเจ้า งานทุกชิ้นของพระองค์ต่างจะพากันขอบคุณพระองค์
และบรรดาผู้ภักดีของพระองค์ก็จะนมัสการพระองค์
11 พวกเขาจะกล่าวถึงพระสง่าราศีแห่งอาณาจักรของพระองค์
และบอกเล่าถึงอานุภาพของพระองค์
12 เพื่อให้อานุภาพของพระองค์และพระสง่าราศีอันยิ่งยวดของอาณาจักรของพระองค์
เป็นที่ทราบแก่บรรดาบุตรของมนุษย์
13 อาณาจักรของพระองค์เป็นอาณาจักรอันเป็นนิรันดร์
และพระองค์ครองตลอดทุกชั่วอายุคน
พระผู้เป็นเจ้ารักษาคำมั่นสัญญาทั้งปวงของพระองค์
และแสดงพระคุณในทุกสิ่งที่พระองค์ได้กระทำ
14 พระผู้เป็นเจ้าคุ้มครองทุกคนที่กำลังจะล้มลง
และพยุงทุกคนขึ้นจากความสิ้นหวัง
15 นัยน์ตาที่เปี่ยมความหวังของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงจับจ้องอยู่ที่พระองค์
และพระองค์ก็ได้ให้อาหารตามเวลา
16 พระองค์ยื่นมือออก
และพระองค์ได้โปรดให้สิ่งมีชีวิตทั้งปวงได้รับจนเป็นที่พอใจ
17 พระผู้เป็นเจ้ายุติธรรมในทุกสิ่ง
และแสดงความรักอันมั่นคงของพระองค์ในทุกเรื่อง
18 พระผู้เป็นเจ้าจะอยู่ใกล้ๆ ทุกคนที่ร้องเรียกถึงพระองค์
เฉพาะคนที่ร้องเรียกถึงพระองค์อย่างจริงใจ
19 พระองค์ให้แก่ทุกคนที่เกรงกลัวพระองค์ ตามความต้องการของเขา
พระองค์ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ และช่วยพวกเขาให้ปลอดภัย
20 พระผู้เป็นเจ้าคุ้มครองทุกคนที่รักพระองค์
แต่ใครก็ตามที่ชั่วร้าย พระองค์จะทำให้เขาพินาศ
21 ปากของข้าพเจ้ากล่าวสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
และให้ทุกๆ ชีวิตนมัสการพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์ตราบชั่วนิรันดร์กาล
ไว้ใจพระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์
1 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
โอ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด
2 ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าไปชั่วชีวิต
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญถวายแด่พระเจ้าของข้าพเจ้าตราบที่มีชีวิตอยู่
3 อย่าวางใจในบรรดาเจ้าขุนมูลนาย
หรือมนุษย์อื่นซึ่งไม่สามารถช่วยให้รอดพ้นได้
4 เมื่อเขาหมดลมหายใจ เขาก็กลับคืนสู่ดิน
แผนการต่างๆ ที่วางไว้ก็เป็นอันจบสิ้นในวันนั้นเอง
5 คนที่พระเจ้าของยาโคบช่วยเหลือไว้
คนที่มีความหวังในพระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นพระเจ้าของเขา ก็เป็นสุข
6 พระองค์ได้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
ทะเลและทุกสิ่งที่มีอยู่ในที่เหล่านั้น[f]
พระองค์รักษาสัญญาเสมอ
7 พระองค์คุ้มครองผู้ถูกบีบบังคับ
และให้อาหารแก่ผู้หิวโหย
พระผู้เป็นเจ้าปล่อยพวกถูกคุมขังให้เป็นอิสระ
8 พระผู้เป็นเจ้าทำให้คนตาบอดมองเห็น
พระผู้เป็นเจ้าพยุงพวกเขาขึ้นมาจากความสิ้นหวัง
พระผู้เป็นเจ้ารักผู้มีความชอบธรรม
9 พระผู้เป็นเจ้าคุ้มครองคนต่างด้าว
พระองค์บรรเทาทุกข์ของหญิงม่ายและเด็กกำพร้า
แต่พระองค์ทำลายหนทางของคนชั่วร้าย
10 พระผู้เป็นเจ้าครองบัลลังก์อยู่ตลอดกาล
โอ ศิโยนเอ๋ย พระเจ้าของเจ้าครองอยู่ทุกชั่วอายุคน
จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
ทุกสิ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของพระเจ้า
1 จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
เพราะเป็นสิ่งดีที่จะได้ร้องเพลงถวายแด่พระเจ้าของเรา
เพราะเพลงสรรเสริญนั้นทำให้เบิกบานใจและยังเหมาะสมอีกด้วย
2 พระผู้เป็นเจ้าสร้างเยรูซาเล็มขึ้นใหม่
พระองค์รวบรวมชาวอิสราเอลที่ถูกขับไล่
3 พระองค์เป็นผู้รักษาคนชอกช้ำใจ
และพันบาดแผลให้เขา
4 พระองค์กำหนดจำนวนดวงดาว
และตั้งชื่อให้ดาวทุกดวง
5 พระผู้เป็นเจ้าของเราใหญ่ยิ่งและมีอานุภาพเป็นที่สุด
ความเข้าใจของพระองค์ไม่มีขอบเขตจำกัด
6 พระผู้เป็นเจ้าปลดเปลื้องความทุกข์ของคนที่ถูกบีบบังคับ
พระองค์ทำให้คนชั่วร้ายสยบจนจมดิน
7 จงร้องเพลงถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าด้วยการขอบคุณพระองค์
จงบรรเลงเพลงแด่พระเจ้าด้วยพิณเล็ก
8 พระองค์คลุมฟ้าสวรรค์ด้วยก้อนเมฆ
พระองค์เตรียมฝนไว้ให้แผ่นดินโลก
และทำให้ต้นหญ้าเติบโตบนภูเขา
9 พระองค์ให้อาหารแก่สัตว์
และพวกลูกกาที่ขับขาน
10 ความชื่นชมยินดีของพระองค์ไม่ได้อยู่ที่พละกำลังของม้า
และความพอใจของพระองค์ไม่ได้อยู่ที่แข้งขาของมนุษย์
11 แต่ความเปรมปรีดิ์ของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ที่ผู้เกรงกลัวพระองค์
และบรรดาผู้หวังใจในความรักอันมั่นคงของพระองค์
12 เยรูซาเล็มเอ๋ย จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด
โอ ศิโยนเอ๋ย สรรเสริญพระเจ้าของเจ้าเถิด
13 เพราะพระองค์ทำให้ดาลประตูของเจ้าแข็งแรง
พระองค์ให้พรแก่คนของเจ้า
14 พระองค์สร้างสันติสุขให้เกิดในเขตแดนของเจ้า
พระองค์ให้เจ้ากินข้าวสาลีชั้นเยี่ยมจนอิ่มหนำ
15 พระองค์มีคำบัญชาไปยังแผ่นดินโลก
คำกล่าวของพระองค์ไปถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว
16 พระองค์โปรยหิมะที่ปุยราวกับขนแกะ
พระองค์โปรยน้ำค้างแข็งราวกับขี้เถ้า
17 พระองค์ปาลูกเห็บออกไปราวกับก้อนกรวด
ใครจะทนความหนาวเย็นที่มาจากพระองค์ได้
18 พระองค์ออกคำสั่งของพระองค์ไป แล้วน้ำแข็งก็ละลาย
พระองค์ผ่อนลมหายใจออก น้ำก็จะไหลไป
19 พระองค์ประกาศคำกล่าวของพระองค์แก่ยาโคบ
กฎเกณฑ์และคำบัญชาของพระองค์แก่อิสราเอล
20 พระองค์ไม่ได้กระทำอย่างนี้กับประชาชาติทั้งปวง
พวกเขาไม่ทราบคำบัญชาของพระองค์
จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
บอกทุกสิ่งในจักรวาลให้สรรเสริญพระเจ้า
1 จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าจากฟ้าสวรรค์
สรรเสริญพระองค์ ณ เบื้องบน
2 ทูตสวรรค์ทั้งปวงของพระองค์ จงสรรเสริญพระองค์
ชาวสวรรค์ทั้งปวงของพระองค์ สรรเสริญพระองค์เถิด
3 ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ จงสรรเสริญพระองค์
ดวงดาวทั้งปวงที่เปล่งประกาย จงสรรเสริญพระองค์เถิด
4 ฟ้าสวรรค์ที่อยู่เกินเอื้อม จงสรรเสริญพระองค์
อีกทั้งน้ำที่อยู่เหนือฟ้าสวรรค์ด้วย
5 ให้สิ่งเหล่านั้นสรรเสริญพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
เพราะเมื่อพระองค์บัญชา สิ่งเหล่านั้นก็ถูกสร้างขึ้นมา
6 พระองค์ทำให้สิ่งทั้งหลายอยู่ในที่ที่กำหนดไว้ตราบชั่วนิรันดร์กาล
พระองค์ตั้งกฎเกณฑ์อันเป็นอมตะ
7 จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าจากแผ่นดินโลกเถิด
พวกมังกรทะเลและห้วงน้ำลึกทั้งปวงเอ๋ย
8 ไฟและลูกเห็บ หิมะและกลุ่มควัน
ลมอันแรงกล้าที่เป็นไปตามคำกล่าวของพระองค์
9 ภูเขาและเนินเขาทั้งปวง
ไม้ผลและต้นซีดาร์ทั้งปวง
10 บรรดาสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย
สัตว์เลื้อยคลานและนกที่บินได้
11 บรรดากษัตริย์ของแผ่นดินโลกและชนชาติทั้งปวง
พวกเจ้าขุนมูลนายและบรรดาผู้ปกครองในแผ่นดินโลก
12 บรรดาชายหนุ่มและหญิงสาว
คนชรากับเด็กเล็กทั้งหลาย
13 ให้พวกเขาสรรเสริญพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระนามของพระองค์เท่านั้นที่ควรแก่การเชิดชู
พระบารมีของพระองค์อยู่เหนือแผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์
14 พระองค์ได้เสริมพละกำลังให้แก่ชนชาติของพระองค์
เพื่อบรรดาผู้ภักดีของพระองค์จะได้สรรเสริญพระองค์
ชาวอิสราเอลที่พระองค์รัก
จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
บทเพลงแห่งชัยชนะ
1 จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
ร้องสรรเสริญพระองค์ในที่ประชุมของบรรดาผู้ภักดี
2 ให้อิสราเอลยินดีในผู้สร้างของเขา
ให้บรรดาบุตรของศิโยนรื่นเริงในกษัตริย์ของพวกเขา
3 ให้พวกเขาสรรเสริญพระนามของพระองค์ด้วยการร่ายรำ
บรรเลงเพลงแด่พระองค์ด้วยรำมะนาและพิณเล็ก
4 เพราะพระผู้เป็นเจ้าพอใจในชนชาติของพระองค์
พระองค์เชิดชูคนถ่อมตนด้วยการให้เขารอดพ้น
5 ให้บรรดาผู้ภักดียินดีในเกียรติ
ให้พวกเขาเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีจากที่ที่เขาเอนกายลง
6 ให้เสียงร้องสรรเสริญพระเจ้าอยู่ในลำคอของเขา
และดาบสองคมอยู่ในมือ
7 เพื่อลงโทษบรรดาประชาชาติ
และแก้แค้นบรรดาชนชาติ
8 เพื่อล่ามโซ่บรรดากษัตริย์ของพวกเขา
และตีตรวนเหล็กให้พวกขุนนางของเขา
9 เพื่อลงโทษทัณฑ์ตามคำบัญชา
นั่นคือเกียรติแก่บรรดาผู้ภักดีของพระองค์
จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
1 จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
สรรเสริญพระเจ้าในสถานที่บริสุทธิ์ของพระองค์
สรรเสริญพระองค์ในฟ้าสวรรค์อันกอปรด้วยอานุภาพของพระองค์
2 สรรเสริญพระองค์ในการกระทำอันพร้อมด้วยมหิทธานุภาพของพระองค์
สรรเสริญพระองค์ตามความยิ่งใหญ่อย่างยิ่งของพระองค์
3 สรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงแตรงอน
สรรเสริญพระองค์ด้วยพิณสิบสายและพิณเล็ก
4 สรรเสริญพระองค์ด้วยรำมะนาใบเล็กและการร่ายรำ
สรรเสริญพระองค์ด้วยเครื่องสายและปี่
5 สรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงฉาบ
สรรเสริญพระองค์ด้วยการตีฉาบเสียงดังสนั่น
6 ให้ทุกสิ่งที่หายใจสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
จุดเริ่มต้นของความรู้
1 สุภาษิตของซาโลมอน[g] บุตรของกษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอล
2 เพื่อเรียนรู้เรื่องสติปัญญาและระเบียบวินัย
เพื่อจะได้หยั่งรู้ในคำสั่งสอนอันเปี่ยมด้วยสติปัญญา
3 เพื่อรับเอาระเบียบวินัยด้วยความเข้าใจ
ความชอบธรรม ความเที่ยงธรรม และความยุติธรรม
4 เพื่อมอบความฉลาดรอบคอบแก่คนเขลา
ให้ความรู้และปฏิภาณแก่ผู้เยาว์
5 ผู้มีสติปัญญาย่อมจะฟังและเรียนรู้มากขึ้น
และผู้ที่หยั่งรู้จะต้องหาคำปรึกษาที่ดี
6 เพื่อเข้าใจสุภาษิต คำอุปมา
ถ้อยคำของผู้มีสติปัญญา อีกทั้งไขข้อปริศนาของเขาได้
7 ความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าคือจุดเริ่มต้นของความรู้
คนโง่ดูหมิ่นสติปัญญาและระเบียบวินัย
ฟังคำสั่งสอนของบิดามารดา
8 ลูกเอ๋ย จงฟังคำสั่งสอนของบิดาของเจ้าเถิด
และอย่าละเลยคำสอนของมารดาของเจ้า
9 เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นดั่งพวงมาลัยอันงามสง่าบนศีรษะของเจ้า
และเป็นเสมือนสร้อยที่คล้องคอเจ้า
10 ลูกเอ๋ย ถ้าพวกคนบาปมาล่อใจเจ้า
ก็อย่าหลงตามเขาไป
11 ถ้าพวกเขาพูดว่า “มากับพวกเรา มาดักซุ่มเพื่อรอทำร้ายคนให้เลือดตก
เรามาดักโจมตีคนไร้ความผิดกันเถอะ
12 เรามากลืนกินพวกเขาทั้งเป็นดั่งหลุมลึกแห่งแดนคนตายกัน
และจัดการเสียให้ราบคาบเหมือนกับพวกที่ลงไปในหลุมฝังศพ
13 พวกเราจะพบของมีค่านานาชนิด
และจะนำของที่ปล้นได้มาเก็บไว้ในบ้านของเราให้เต็ม
14 มาเสี่ยงทายกับพวกเราเถิด
เราทุกคนจะได้ใช้จ่ายจากกระเป๋าเดียวกัน”
15 ลูกเอ๋ย อย่าเดินไปทางเดียวกับพวกเขา
จงยั้งเท้าของเจ้าให้ห่างจากทางของเขา
16 เพราะว่าเท้าของพวกเขาวิ่งไปในทางที่ชั่ว
และรีบเร่งเพื่อทำร้ายให้เลือดตก
17 ไร้ประโยชน์ที่จะเหวี่ยงตาข่าย
ให้นกเห็น
18 แต่คนพวกนี้ดักซุ่มเพื่อรอทำร้ายให้เลือดตัวเองตก
เขาก็ทำร้ายชีวิตของตนเองด้วย
19 นั่นแหละคือจุดจบของทุกคนที่กอบโกยหาผลประโยชน์อย่างไม่เป็นธรรม
ซึ่งจะคร่าชีวิตของพวกเขาไปด้วย
คำเตือนเรื่องการปฏิเสธสติปัญญา
20 สติปัญญาร้องเสียงดังอยู่ข้างนอก
เธอป่าวร้องอยู่ที่ลานชุมนุม
21 เธอกำลังเปล่งเสียงที่หัวถนนซึ่งมีเสียงอึกทึกครึกโครม
และที่ทางเข้าประตูเมืองเธอก็ร้องด้วยว่า
22 “เจ้าคนเขลาเอ๋ย เจ้าจะรักความเซ่อไปนานแค่ไหน
คนช่างเย้ยหยันจะชื่นชอบการเย้ยหยันไปอีกนานแค่ไหน
และคนโง่จะเกลียดชังความรู้ไปนานเพียงไร
23 จงใส่ใจในคำเตือนของเรา
ดูเถิด เราจะหลั่งวิญญาณของเราสู่เจ้าทั้งหลาย
เราจะทำให้เจ้ารู้คำกล่าวของเรา
24 เป็นเพราะเราได้เรียกเจ้า แต่เจ้ากลับปฏิเสธ
เรายื่นมือของเราออกมาให้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดสนใจ
25 พวกเจ้าเพิกเฉยกับคำแนะนำของเรา
และไม่ต้องการคำเตือนของเรา
26 แม้แต่เราก็จะยังหัวเราะเยาะความวิบัติของเจ้า
เราจะล้อเลียนเมื่อภัยพิบัติมาถึงตัวเจ้า
27 เมื่อภัยพิบัติกระหน่ำสู่เจ้าดั่งพายุ
และความวิบัติถาโถมเข้าหาเจ้าดั่งพายุหมุน
เมื่อความยากลำบากและความทุกข์มาถึงตัวเจ้า
28 ถึงแม้พวกเขาจะเรียกหาเรา เราก็จะไม่ตอบ
ถึงเขาจะเพียรค้นหา ก็จะไม่พบเรา
29 ก็เพราะว่าพวกเขาเกลียดความรู้
และไม่ได้เลือกความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
30 พวกเขาไม่ยอมรับคำแนะนำของเรา
และปฏิเสธคำเตือนของเรา
31 ฉะนั้น พวกเขาจะกินผลจากการเลือกของเขาเอง
และจะอิ่มจากผลของแผนการที่ตนได้วางไว้
32 ด้วยว่าคนเขลาถูกฆ่าตายเพราะไม่ยอมฟัง
และการไม่เดือดเนื้อร้อนใจของคนโง่จะทำลายเขาเอง
33 แต่สำหรับผู้ที่ฟังเราก็จะอยู่อย่างปลอดภัย
และไม่ต้องสะทกสะท้านต่อความเลวร้าย”
สติปัญญาจะปกป้องเจ้า
2 ลูกเอ๋ย ถ้าเจ้ารับคำพูดของเรา
และถนอมคำบัญญัติของเราไว้กับตัวเจ้าเป็นอย่างดี
2 เจ้าก็จงตั้งใจเงี่ยหูรับเอาสติปัญญา
น้อมใจของเจ้าเพื่อรับการหยั่งรู้
3 ใช่แล้ว ถ้าเจ้าร้องขอการหยั่งรู้
และเปล่งเสียงของเจ้าขึ้นเพื่อจะได้รับความเข้าใจ
4 ถ้าเจ้าแสวงหาสติปัญญาดั่งที่เจ้าแสวงหาเงิน
ดั่งที่เจ้าขุดค้นหาสมบัติที่ซ่อนไว้
5 แล้วเจ้าก็จะเข้าใจความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
และจะพบความรู้ของพระเจ้า
6 ด้วยว่าพระผู้เป็นเจ้าให้สติปัญญา
ความรู้และความเข้าใจมาจากปากของพระองค์
7 พระองค์สะสมสติปัญญาอันบริบูรณ์ไว้สำหรับบรรดาผู้มีความชอบธรรม
พระองค์เป็นดั่งโล่สำหรับผู้ถือสัจจะ
8 พระองค์ปกป้องหนทางแห่งความเที่ยงธรรม
และคุ้มกันทางของบรรดาผู้ภักดีของพระองค์
9 แล้วเจ้าจะได้เข้าใจความชอบธรรม ความเที่ยงธรรม
และความยุติธรรม คือทุกวิถีทางที่ดี
10 ด้วยว่าสติปัญญาจะอยู่ในใจเจ้า
และความรู้จะเป็นสิ่งน่าชื่นชมของจิตวิญญาณของเจ้า
11 ปฏิภาณจะคุ้มกันเจ้า
และการหยั่งรู้จะปกป้องเจ้า
12 สติปัญญาจะให้เจ้าหลุดพ้นจากหนทางอันชั่วร้าย
จากคนที่พูดจาบิดเบือน
13 จากคนที่ผละไปจากหนทางแห่งความชอบธรรม
เพื่อมุ่งไปในหนทางแห่งความมืด
14 จากผู้ที่ยินดีกับการกระทำอันเลวร้าย
และชื่นชมกับความจอมปลอมของความชั่ว
15 ซึ่งหนทางของเขาก็เคี้ยวคด
เขาเป็นคนยอกย้อนไปตามวิถีทางของเขา
16 สติปัญญาจะให้เจ้าหลุดพ้นจากหญิงที่ล่วงประเวณี
จากหญิงโสเภณีที่มีคำพูดอันระรื่นหู
17 ซึ่งได้ทอดทิ้งคู่ชีวิตจากวัยแรกรุ่นของนาง
และลืมคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้กับพระเจ้าของนาง
18 ด้วยว่าบ้านเรือนของนางจมลงสู่ความตาย
และวิถีทางของนางก็นำไปสู่โลกแห่งคนตาย
19 ไม่มีใครที่ไปหานางแล้วจะกลับออกมาได้อีก
ทั้งไม่อาจไปถึงทางแห่งชีวิตได้
20 ฉะนั้น เจ้าจะเดินไปบนหนทางของคนดี
ใช้ทางของผู้มีความชอบธรรม
21 ด้วยว่า ผู้มีความชอบธรรมจะใช้ชีวิตอยู่ในแผ่นดิน
และผู้ถือสัจจะจะอยู่ ณ ที่นั้น
22 แต่คนชั่วจะถูกกำจัดออกจากแผ่นดิน
และคนใจหินก็จะถูกถอนเสียจากที่นั่น
ไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้า
3 ลูกเอ๋ย อย่าลืมคำสั่งสอนของเรา
และให้ใจของเจ้ารักษาคำบัญญัติของเรา
2 ด้วยว่าระยะเวลาของวันและปีในชีวิต
และสันติสุขจะเพิ่มพูนแก่เจ้า
3 อย่าให้ความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริงผละจากเจ้าไป
แต่จงคล้องไว้กับคอของเจ้า
และจารึกมันไว้ในหัวใจของเจ้า
4 แล้วเจ้าจะเป็นที่พอใจและได้รับการยกย่อง
ในสายตาของพระเจ้าและมนุษย์
5 จงไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจ
และอย่าพึ่งการหยั่งรู้ของตนเอง
6 จงระลึกถึงพระองค์ในทุกเรื่อง
และพระองค์จะทำทางของเจ้าให้ตรง
7 อย่าหลงไปว่าตนเองฉลาด
จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า และหลีกเลี่ยงการทำความชั่ว
8 เพื่อให้ความสมบูรณ์แก่ร่างกายของเจ้า
และความสดชื่นแก่กระดูกของเจ้า
9 จงถวายเกียรติแด่พระผู้เป็นเจ้าด้วยทรัพย์สมบัติที่เจ้ามี
และด้วยผลแรกของผลผลิตของเจ้า
10 แล้วฉางของเจ้าจะเต็มแน่น
และถังเหล้าองุ่นของเจ้าจะเปี่ยมล้นด้วยเหล้าองุ่นใหม่
11 ลูกเอ๋ย อย่าดูหมิ่นวินัยของพระผู้เป็นเจ้า
และอย่าท้อถอยเพราะการว่ากล่าวตักเตือนของพระองค์
12 เพราะพระผู้เป็นเจ้าฝึกคนที่พระองค์รักให้มีวินัย
เหมือนบิดาที่ชื่นชมในตัวลูกของเขา[h]
คนที่พบสติปัญญาเป็นผู้มีความสุข
13 คนที่พบสติปัญญา และได้รับการหยั่งรู้
ก็เป็นคนมีความสุข
14 เพราะผลประโยชน์ที่ได้ดีกว่าผลประโยชน์ที่ได้จากเงิน
และผลที่ได้รับดีกว่าทองเนื้อแท้
15 สติปัญญามีคุณค่ามากกว่าเพชรนิลจินดา
และไม่มีสิ่งอันน่าพึงปรารถนาใดๆ จะเปรียบเทียบกับเธอได้
16 ชีวิตที่ยั่งยืนอยู่ในมือขวาของเธอ
ความมั่งมีและเกียรติอยู่ในมือซ้าย
17 หนทางของสติปัญญาเป็นหนทางที่สดใส
และทุกทางของเธอมีสันติสุข
18 สติปัญญาคือต้นไม้แห่งชีวิตสำหรับผู้ที่ยึดไว้เป็นหลัก
และผู้ที่ยึดเธอไว้ให้มั่นจะเป็นผู้มีความสุข
19 พระผู้เป็นเจ้าได้วางฐานรากของแผ่นดินโลกด้วยสติปัญญา
พระองค์สร้างฟ้าสวรรค์ด้วยการหยั่งรู้
20 ด้วยความรู้ของพระองค์น้ำส่วนลึกใต้โลกเปิดออก
และท้องฟ้าโปรยหยาดน้ำค้าง
21 ลูกเอ๋ย อย่าให้สิ่งเหล่านี้ห่างไปจากสายตาของเจ้า
จงเก็บรักษาสติปัญญาอันบริบูรณ์และปฏิภาณไว้
22 ทั้งสองสิ่งนี้จะเป็นชีวิตแก่จิตวิญญาณของเจ้า
และเป็นเช่นอาภรณ์ประดับคอ
23 แล้วเจ้าจะเดินไปตามทางของเจ้าได้อย่างปลอดภัย
และเท้าของเจ้าจะไม่สะดุด
24 เวลาเจ้าเอนกายลง เจ้าจะไม่มีความกลัว
เวลานอนลง เจ้าก็จะหลับสบาย
25 อย่าตระหนกกับสิ่งน่ากลัวที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
หรือภัยดั่งพายุที่เกิดกับคนชั่ว
26 ด้วยว่าพระผู้เป็นเจ้าคือความเชื่อมั่นในใจของเจ้า
และพระองค์จะคุ้มกันเท้าของเจ้าไม่ให้ติดกับดัก
27 อย่าเหนี่ยวรั้งสิ่งดีไว้จากบรรดาผู้สมควรได้รับ
เมื่ออำนาจอยู่ในมือของเจ้าเอง
28 อย่าบอกเพื่อนบ้านของเจ้าว่า
“ไปก่อนเถิด แล้วค่อยกลับมาใหม่พรุ่งนี้เราถึงจะให้เจ้า”
ในเมื่อเจ้าก็มีของนั้นติดตัวอยู่
29 อย่าเป็นผู้ก่อเหตุร้ายให้เกิดกับเพื่อนบ้านของเจ้า
ทั้งๆ ที่เขาอาศัยอยู่ใกล้เจ้าด้วยความไว้วางใจ
30 อย่าก่อเรื่องกับใครโดยไม่มีสาเหตุ
ในเมื่อเขาไม่เคยทำร้ายเจ้าเลย
31 อย่าอิจฉาคนโหดร้าย
และอย่าเลือกทางของเขาเลย
32 เพราะคนคดโกงเป็นที่น่ารังเกียจต่อพระผู้เป็นเจ้า
แต่พระองค์ให้คำปรึกษาเป็นส่วนตัวกับผู้มีความชอบธรรม
33 พระผู้เป็นเจ้าสาปแช่งบ้านของคนชั่วร้าย
และให้พรแก่ที่อาศัยของผู้มีความชอบธรรม
34 พระองค์เย้ยหยันคนที่เย้ยหยัน
แต่แสดงพระคุณแก่คนที่ถ่อมตน[i]
35 ผู้ที่มีสติปัญญาจะได้รับเกียรติ
แต่คนโง่ส่อให้เห็นความอัปยศ
คำสั่งสอนของบิดา
4 ลูกๆ ของเราเอ๋ย จงฟังคำสั่งสอนของบิดา
และจงเอาใจใส่เพื่อให้ได้ความเข้าใจ
2 ด้วยว่า เราสั่งสอนเจ้าเป็นอย่างดี
ฉะนั้นอย่าละทิ้งกฎบัญญัติของเรา
3 เมื่อครั้งที่เราเป็นลูกอยู่กับบิดาของเรา
ทั้งยังอ่อนวัย และเป็นเพียงลูกคนเดียวของมารดาของเรา
4 บิดาสอนและบอกเราว่า
“จงให้ใจของเจ้ารับคำของเรา
จงรักษาคำบัญญัติของเรา และเจ้าจะมีชีวิต
5 จงรับเอาสติปัญญาไว้ จงรับเอาความเข้าใจไว้
อย่าลืมหรือหันเหไปจากคำพูดที่ออกจากปากของเรา
6 อย่าทอดทิ้งสติปัญญา และเธอจะปกป้องเจ้า
จงรักสติปัญญา และเธอจะคุ้มครองเจ้า
7 การเริ่มต้นของสติปัญญาคือ เจ้าต้องรับเอาสติปัญญาไว้
และเหนือสิ่งอื่นใด เจ้าจะต้องรับเอาความเข้าใจ
8 จงเห็นคุณค่าของสติปัญญา และเธอจะเชิดชูเจ้า
สติปัญญาจะให้เกียรติเจ้าหากว่าเจ้าโอบรับเธอไว้
9 สติปัญญาจะสวมมาลัยอันสง่างามบนศีรษะของเจ้า
และจะให้มงกุฎแห่งความงามแก่เจ้า”
10 ลูกเอ๋ย จงฟังและรับคำพูดของเราไว้
และชีวิตของเจ้าจะยืนยาว
11 เราได้แนะให้เจ้าไปในทางแห่งสติปัญญา
เราได้นำเจ้าไปในวิถีทางอันชอบธรรม
12 เวลาเจ้าเดิน ทุกก้าวที่เจ้าไปจะไม่ถูกขวางกั้น
ถ้าเจ้าวิ่ง เจ้าก็จะไม่สะดุด
13 จงยึดคำสั่งสอนไว้ อย่าปล่อยให้สูญไป
จงปกป้องไว้ เพราะคำสั่งสอนเป็นดั่งชีวิตของเจ้า
14 อย่าไปตามหนทางของคนชั่วร้าย
และอย่าถลำเข้าไปในทางของคนเลว
15 จงหลีกเลี่ยงเสีย อย่าเหยียบย่างไปในทางของพวกเขา
จงหันหลังให้ และไปตามทางของเจ้า
16 ด้วยว่า พวกเขานอนไม่หลับจนกว่าจะได้กระทำความชั่วช้า
และจะกินไม่ได้นอนไม่หลับหากว่าไม่ทำให้ใครสักคนพลาดพลั้ง
17 ด้วยว่า พวกเขากินขนมปังแห่งความชั่วร้าย
และดื่มเหล้าองุ่นแห่งความรุนแรง
18 แต่หนทางของผู้มีความชอบธรรมเป็นดั่งแสงแห่งรุ่งอรุณ
ซึ่งส่องสว่างยิ่งๆ ขึ้นกระทั่งยามสาย
19 ทางของคนชั่วร้ายมืดมิดนัก
เขาไม่รู้ว่าสะดุดอะไรบ้าง
20 ลูกเอ๋ย จงใส่ใจในคำพูดของเรา
เงี่ยหูของเจ้าฟังสิ่งที่เราพูด
21 อย่าให้พ้นไปจากสายตาของเจ้า
จงเก็บรักษาให้อยู่กลางใจของเจ้า
22 ด้วยว่าคำพูดของเราเป็นดั่งชีวิตสำหรับบรรดาผู้ที่หาพบ
และเป็นดั่งความสมบูรณ์แก่ร่างกายของเขาทุกคน
23 จงปกป้องใจของเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด
เพราะสิ่งที่ออกมาจากใจคือน้ำพุแห่งชีวิต
24 จงกำจัดคำหลอกลวงไปจากปากของเจ้า
และให้คำพูดเลวๆ อยู่ห่างจากริมฝีปากของเจ้า
25 จงให้ตาของเจ้ามองตรงไปข้างหน้า
และให้ดวงตาของเจ้าจับอยู่เบื้องหน้า
26 ทำทางเดินให้เรียบเพื่อเท้าของเจ้า[j]
และเจ้าจะถูกนำไปยังทางที่ถูกต้อง
27 อย่าหันซ้ายหรือขวา
แต่จงเบี่ยงเท้าของเจ้าไปเสียจากความชั่ว
หลีกให้พ้นจากหญิงล่วงประเวณี
5 ลูกเอ๋ย จงใส่ใจในสติปัญญาของเรา
จงเงี่ยหูของเจ้าเพื่อฟังการหยั่งรู้ของเรา
2 เพื่อเจ้าจะได้รักษาปฏิภาณไว้
และริมฝีปากของเจ้าจะได้เก็บรักษาความรู้
3 ด้วยว่าน้ำผึ้งหยดจากริมฝีปากของหญิงที่ล่วงประเวณี
และวาจาของนางก็ไหลลื่นยิ่งกว่าน้ำมัน
4 แต่ผลสุดท้าย นางก็ขมเยี่ยงพันธุ์ไม้ขม
คมปานดาบสองคม
5 เท้าของนางย่างลงสู่ความตาย
นางก้าวดิ่งลงไปยังแดนคนตาย
6 นางไม่นึกถึงทางแห่งชีวิต
นางไม่รู้ดอกว่าวิถีทางของนางนั้นไม่มั่นคงเลย
7 มาบัดนี้ ลูกๆ เอ๋ย เจ้าจงฟังเรา
และอย่าหันเหไปจากคำพูดที่ออกจากปากของเรา
8 จงอยู่เสียให้ห่างจากนาง
และอย่าเข้าไปใกล้ประตูบ้านของนาง
9 เพราะเกรงว่าเจ้าจะเสียพลังวัยหนุ่มของเจ้าแก่ผู้อื่น
และเสียจำนวนปีของเจ้าแก่คนโหดร้าย
10 เกรงว่าบรรดาคนแปลกหน้าจะชิงความมั่งมีของเจ้าไป
และแรงงานที่เจ้าตรากตรำมา ก็เป็นของคนบ้านอื่น
11 และเจ้าจะต้องคร่ำครวญในบั้นปลายชีวิตของเจ้า
เวลาที่ร่างกายของเจ้าถูกกลืนกิน
12 และเจ้าจะพูดว่า “ข้าเคยเกลียดระเบียบวินัยมามากแค่ไหน
และใจของข้าไม่ยอมรับคำเตือน
13 ข้าไม่ฟังเสียงของเหล่าครูอาจารย์
อีกทั้งไม่ได้เงี่ยหูฟังผู้สอนของข้า
14 ข้าเกือบจะถูกทำลายเป็นผุยผง
ในท่ามกลางที่ประชุม”
15 จงดื่มน้ำจากโถของเจ้าเอง
และน้ำจืดจากบ่อของเจ้าเอง
16 สมควรหรือที่บ่อน้ำพุของเจ้าจะกระเซ็นออกไปภายนอก
และน้ำจากลำธารไหลสู่ถนน
17 ให้นางเป็นของเจ้า ของเจ้าเท่านั้น
อย่าให้นางเป็นของคนแปลกหน้าด้วย
18 จงให้น้ำพุของเจ้าได้รับพระพร
และจงชื่นชมยินดีในภรรยาที่เจ้ามีตั้งแต่ยังหนุ่ม
19 ดังเช่นกวางตัวเมียอันเป็นที่รักและสง่างาม
จงให้อกของเธอทำให้เจ้าพอใจตลอดเวลา
เจ้าจงดื่มด่ำอยู่กับความรักของนาง
20 ลูกเอ๋ย ทำไมเจ้าจึงจะดื่มด่ำกับหญิงที่ล่วงประเวณี
และโอบกอดอกของหญิงโสเภณีเล่า
21 เพราะวิถีทางของผู้ชายอยู่ในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า
และพระองค์ตรวจสอบทุกวิถีทางของเขา
22 คนชั่วร้ายจะถูกจับได้ก็ด้วยบาปของเขาเอง
และจะถูกดักจับด้วยตาข่ายบาปของตน
23 เขาจะตายเพราะขาดระเบียบวินัย
และเพราะความโง่เง่าที่สุดของเขาจึงถูกนำไปในทางที่ผิด
บทเรียนสำหรับชีวิตประจำวัน
6 ลูกเอ๋ย ถ้าเจ้าค้ำประกันเพื่อนบ้านของเจ้า
ให้คำมั่นสัญญากับคนแปลกหน้า
2 ถ้าเจ้าติดกับดักเพราะสิ่งที่เจ้าพูดจากริมฝีปาก
ติดบ่วงแร้วเพราะคำพูดจากปากเจ้า
3 ลูกเอ๋ย จงปฏิบัติตามนี้เถิด และพาตัวเองไปให้รอด
ในเมื่อเจ้าย่างเข้ามาอยู่ในเงื้อมมือของเพื่อนบ้านเจ้า
จงไปและถ่อมตัวลงเพื่อขอความกรุณาจากเขา
4 อย่าปล่อยให้ตาของเจ้าหลับใหล
หรือเปลือกตาปิดแม้แต่งีบเดียว
5 ช่วยตัวเจ้าเองให้รอดดั่งละองละมั่งที่รอดจากเงื้อมมือของนายพราน
และเป็นดั่งนกที่รอดจากมือของนักล่านก
6 จงไปหามดเถิด คนเกียจคร้านเอ๋ย
จงสังเกตดูวิถีทางของมด
เจ้าจะได้เป็นคนมีสติปัญญา
7 มดไม่มีหัวหน้า
ผู้ดูแล หรือผู้ปกครอง
8 มันสะสมอาหารในฤดูร้อน
และรวบรวมเสบียงกรังในฤดูเก็บเกี่ยว
9 เจ้าคนเกียจคร้านเอ๋ย เจ้าจะนอนนานแค่ไหน
เมื่อใดเจ้าจึงจะตื่นจากการหลับใหล
10 นอนสักนิด หลับสักหน่อย
วางมือพักสักประเดี๋ยว
11 แล้วความจนก็จะมาถึงตัวเจ้าประหนึ่งโจรมา
และเจ้าจะขาดแคลนประหนึ่งคนถืออาวุธมาปล้น
12 คนไร้ค่าและคนชั่วเป็นคนที่
ย่างก้าวไปกับการพูดเท็จ
13 ตาของเขาขยิบ เท้าก็ขยับ
และนิ้วก็ชี้กำกับ
14 เขาวางแผนอันเลวร้ายด้วยใจที่บิดเบือน
ก่อกวนให้เกิดการวิวาทร่ำไป
15 ฉะนั้น เขาจึงพบภัยพิบัติอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เขาจะถูกทำลายในพริบตาเดียวอย่างไม่มีทางแก้ไขได้
16 มีหกสิ่งซึ่งพระผู้เป็นเจ้าเกลียดชัง
เจ็ดสิ่งซึ่งเป็นที่น่ารังเกียจต่อพระองค์
17 สายตาหยิ่งจองหอง ลิ้นโป้ปด
และมือประหัตประหารผู้บริสุทธิ์
18 ใจที่วางแผนอันเลวร้าย
เท้าที่วิ่งตะบึงหาความชั่ว
19 พยานเท็จที่เปล่งคำมุสา
และผู้ก่อเหตุวิวาทในหมู่พี่น้อง
20 ลูกเอ๋ย จงรักษาคำบัญญัติของบิดาของเจ้า
และอย่าละเลยคำสอนของมารดาของเจ้า
21 จงผนึกมันไว้กับใจของเจ้าเสมอไป
และจงผูกติดไว้ที่คอของเจ้า
22 เวลาเจ้าเดินไป มันจะเป็นผู้นำทางเจ้า
เวลาเจ้านอน มันจะเฝ้าดูแลเจ้า
และเวลาเจ้าตื่นขึ้น มันจะพูดกับเจ้า
23 ด้วยว่า คำบัญญัติเป็นดั่งตะเกียง
และการสอนเป็นดั่งแสงสว่าง
และการว่ากล่าวตักเตือนเพื่อให้มีวินัย
เป็นวิถีทางแห่งชีวิต
24 เพื่อให้เจ้าพ้นจากหญิงที่ไร้ศีลธรรม
จากเล่ห์ลิ้นอันระรื่นของหญิงโสเภณี
25 อย่าให้กิเลสเกิดในใจของเจ้าเพราะความงามของนาง
อย่าให้นางจับเจ้าได้ด้วยเปลือกตาของนาง
26 ด้วยว่าหญิงแพศยาทำให้เจ้าถูกลดค่าลงเท่ากับขนมปังก้อนหนึ่ง
และหญิงที่ล่วงประเวณีตามล่าชีวิตของเจ้า
27 ชายใดจะสุมไฟในหัวอกของตน
แล้วเสื้อจะไม่ไหม้
28 หรือชายใดจะเดินบนถ่านลุกแดง
แล้วเท้าจะไม่ไหม้พองหรือ
29 คนที่ยุ่งเกี่ยวกับภรรยาของเพื่อนบ้านของเขาก็จะเป็นเช่นนั้น
ไม่มีใครที่แตะต้องตัวนาง แล้วจะไม่ถูกลงโทษ
30 ไม่มีใครดูหมิ่นคนขโมย หากว่าเขา
ขโมยเพราะความอดอยาก
31 แต่ถ้าถูกจับได้ เขาต้องจ่ายกลับคืนเป็นเจ็ดเท่า
เขาต้องยกทรัพย์สมบัติที่บ้านทั้งหมดให้ไป
32 คนที่ล่วงประเวณีกับผู้หญิงก็คือคนสิ้นคิด
คนที่จะทำลายตนเองนั่นแหละจึงกระทำเช่นนั้น
33 เขาจะบาดเจ็บและประสบกับการลบหลู่
และความอับอายจะไม่มีวันลบเลือนหายไป
34 เพราะความหึงหวงทำให้สามีโกรธมหันต์
และจะไม่เหลือความปรานีใดๆ เมื่อถึงวันแก้แค้น
35 เขาจะไม่รับค่าทดแทน
เขาจะปฏิเสธแม้เจ้าจะให้ของกำนัลแก่เขามากมาย
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation