Bible in 90 Days
22 อย่าพูดว่า “เราจะสนองตอบให้กับความเลว”
จงรอพระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะช่วยเจ้าเอง
23 ตุ้มน้ำหนักที่ขาดความเที่ยงตรงเป็นที่น่ารังเกียจต่อพระผู้เป็นเจ้า
ตาชั่งที่ไม่เที่ยงก็ไม่ดีเช่นกัน
24 พระผู้เป็นเจ้ากำหนดทางชีวิตให้มนุษย์เดิน
ดังนั้นใครจะหยั่งรู้วิถีชีวิตของตนเองได้
25 ถ้ามนุษย์เพิ่งมาตรึกตรองถึงคำสัญญาหลังจากที่เขาได้ให้กับพระองค์ไปแล้ว
ก็นับว่าเขาสร้างปัญหาให้กับตนเอง
26 กษัตริย์ที่กอปรด้วยสติปัญญาจะฝัดร่อนบรรดาคนชั่วร้ายออกไปเสีย
และหมุนล้อนวดข้าวทับพวกเขา
27 วิญญาณของมนุษย์เป็นเสมือนตะเกียงของพระผู้เป็นเจ้า
ซึ่งค้นหาส่วนลึกที่สุดทุกส่วน
28 ความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริงช่วยปกป้องกษัตริย์
และความชอบธรรมช่วยให้บัลลังก์นั้นมั่นคง
29 ราศีของผู้เยาว์คือพละกำลังของเขา
และความงามของผู้ชราคือผมหงอก
30 รอยบาดแผลและรอยไม้เรียวชำระความชั่วออก
การเฆี่ยนตีช่วยล้างส่วนลึกที่สุดให้สะอาด
21 หัวใจของกษัตริย์คือธารน้ำที่อยู่ในอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า
พระองค์บังคับทิศทางหัวใจของกษัตริย์ตามความประสงค์ของพระองค์
2 วิถีทางของคนมักจะถูกต้องในสายตาของตนเอง
แต่พระผู้เป็นเจ้าหยั่งดูที่ใจของเขา
3 การกระทำอันชอบธรรมและยุติธรรม
เป็นที่ยอมรับของพระผู้เป็นเจ้ามากกว่าเครื่องบูชา
4 สายตาที่หยิ่งจองหองกับใจที่หยิ่งยโส
และตะเกียงของบรรดาผู้ชั่วร้ายล้วนเป็นบาปทั้งสิ้น
5 แผนการของคนขยันมีแต่จะนำมาซึ่งผลประโยชน์
แต่ทุกคนที่หุนหันพลันแล่นมีแต่จะยากจนลง
6 ความมั่งคั่งที่ได้มาจากลิ้นที่หลอกลวง
เป็นเสมือนไอน้ำที่จางหายไป และเหมือนบ่วงแร้วแห่งความตาย
7 ความรุนแรงของคนชั่วร้ายจะกวาดล้างพวกเขาเอง
ด้วยว่า เขาไม่ยอมทำสิ่งที่ถูกต้อง
8 หนทางของคนทำผิดช่างคดเคี้ยว
แต่การกระทำของผู้บริสุทธิ์นั้นเที่ยงตรง
9 อาศัยอยู่ที่มุมหนึ่งบนดาดฟ้า
ก็ยังดีกว่าอยู่ในบ้านร่วมกับภรรยาช่างทะเลาะเบาะแว้ง
10 เจตนาของคนชั่วร้ายมุ่งมั่นในความเลวร้าย
เพื่อนบ้านจะหาความเมตตาจากเขาไม่ได้เลย
11 คนเขลาเรียนรู้ได้ก็ต่อเมื่อเห็นคนเย้ยหยันถูกลงโทษ
คนที่มีสติปัญญาจะเรียนรู้เมื่อเขาได้รับการสั่งสอน
12 องค์ผู้มีความชอบธรรมสนใจในครัวเรือนของคนชั่ว
และพระองค์จะเหวี่ยงเขาสู่ความพินาศ
13 ถ้าผู้ใดไม่ยอมรับฟังผู้ยากไร้เมื่อเขาร้องขอความช่วยเหลือ
ตัวเขาเองก็เช่นกัน ดังนั้นเมื่อร้องขอ แล้วจะไม่ได้รับคำตอบ
14 ของกำนัลที่แอบให้สามารถสลายความโกรธให้หายไป
และสินบนที่แอบรับไว้ช่วยบรรเทาความฉุนเฉียว
15 ความเที่ยงธรรมนำความยินดีมาสู่ผู้มีความชอบธรรม
แต่นำความกลัวมาสู่ผู้กระทำความชั่ว
16 มนุษย์ผู้ใดที่หันเหไปจากหนทางแห่งการหยั่งรู้
ก็จะพักอยู่ร่วมกับหมู่คนตาย
17 คนรักความสนุกสนานจะเป็นคนยากไร้
คนรักเหล้าองุ่นและน้ำมันหอมจะไม่เป็นคนมั่งมี
18 คนชั่วร้ายเป็นค่าไถ่สำหรับผู้มีความชอบธรรม
และคนใจหินเป็นค่าไถ่สำหรับผู้มีความเที่ยงธรรม
19 อาศัยอยู่ในดินแดนอันแร้นแค้น
ก็ยังดีกว่าอยู่กับหญิงช่างทะเลาะและอารมณ์ร้าย
20 ทรัพย์สิ่งของและน้ำมันอันมีค่าคงอยู่ในบ้านของคนมีสติปัญญา
แต่คนโง่ผลาญทุกสิ่งจนหมดสิ้น
21 ผู้มุ่งมั่นในความชอบธรรมและความรัก
จะพบกับชีวิต ความชอบธรรม และเกียรติยศ
22 ผู้มีสติปัญญาขึ้นไปโจมตีเมืองที่มั่นคงแข็งแรง
และทำลายป้อมซึ่งข้าศึกมั่นใจให้ราบคาบได้
23 ผู้ระวังปากและลิ้น
เป็นผู้รักษาตัวให้พ้นจากปัญหาได้
24 คนหยิ่งยโสและผยองมีสมญาว่า “ผู้เย้ยหยัน”
เขาประพฤติตัวอย่างหยิ่งยโสและปราศจากความเกรงขาม
25 ความอยากได้ของคนเกียจคร้านเป็นฝ่ายฆ่าตัวเขาเอง
เพราะว่ามือของเขาไม่ยอมขยับทำงาน
26 เขาอยากได้มากขึ้นตลอดวันเวลา
ส่วนผู้มีความชอบธรรมมักให้และไม่ขยักเก็บไว้
27 เครื่องสักการะของคนชั่วร้ายเป็นที่น่ารังเกียจ
และจะยิ่งกว่านั้นสักเพียงไรเมื่อเขาให้ด้วยแรงจูงใจอันต่ำช้า
28 พยานเท็จจะพินาศ
แต่ผู้ฟังที่ดีจะเป็นฝ่ายให้คำพยานจนถึงความสำเร็จ
29 คนชั่วแสดงท่าขึงขังให้เห็น
แต่ผู้มีความชอบธรรมไตร่ตรองวิถีทางของเขา
30 ไม่มีสติปัญญา การหยั่งรู้ หรือแผนการใดๆ
ที่สามารถต่อต้านพระผู้เป็นเจ้าได้สำเร็จ
31 ม้าจะถูกเตรียมไว้พร้อมแล้วสำหรับรบในการสงคราม
แต่ชัยชนะนั้นขึ้นอยู่กับพระผู้เป็นเจ้า
22 ชื่อเสียงดีเป็นสิ่งที่พึงปรารถนามากกว่าความมั่งคั่งอันมหาศาล
การเป็นที่เคารพนับถือก็ดีกว่าเงินและทอง
2 คนมั่งมีและคนยากไร้มีสิ่งที่เหมือนกันคือ
พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้สร้างเขาทั้งสอง
3 คนฉลาดรอบคอบเห็นภัยอันตรายก็จะหลบซ่อนตัว
แต่คนเขลาก้าวต่อไปแล้วเผชิญกับความทุกข์
4 การถ่อมตัวและความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
จะนำมาซึ่งความมั่งมี เกียรติยศ และชีวิต
5 หนามและกับดักอยู่ในทางของคนใจคด
คนที่รักษาจิตวิญญาณของเขาก็จะอยู่ไกลจากสิ่งเหล่านั้น
6 จงฝึกฝนลูกให้ไปในทางซึ่งเขาควรเดินไป
เมื่อเขาเติบโตขึ้นแล้ว เขาจะไม่หันเหไปจากทางนั้น
7 คนมั่งมีใช้อำนาจเหนือคนยากไร้
และผู้ยืมเป็นทาสของผู้ให้ยืม
8 คนที่หว่านความไม่เป็นธรรมจะเก็บเกี่ยวความวิบัติ
และอำนาจอันบ้าคลั่งของเขาจะหมดสิ้นไป
9 คนใจกว้างจะได้รับพระพร
เพราะว่าเขาแบ่งปันอาหารให้กับคนยากไร้
10 ถ้าไล่คนช่างเย้ยหยันออกไป การแก่งแย่งชิงดีกันก็จะออกตามไปด้วย
แล้วการทะเลาะวิวาทกับการเหยียดหยามก็จะจบสิ้น
11 คนที่รักใจบริสุทธิ์
และมีวาจาอันกอปรด้วยความกรุณาจะได้กษัตริย์มาเป็นสหาย
12 ดวงตาของพระผู้เป็นเจ้าเฝ้าดูผู้มีสติปัญญา
แต่พระองค์จะกำจัดคำพูดของคนทรยศ
13 คนเกียจคร้านพูดว่า “มีสิงโตอยู่ข้างนอก
เราจะถูกฆ่าตายกลางถนนโน่น”
14 ปากของหญิงที่ล่วงประเวณีเป็นดั่งหลุมลึก
และคนที่พระผู้เป็นเจ้ากริ้วจะเป็นคนที่ตกลงไปในหลุมนั้น
15 ความโง่ผนึกแน่นอยู่กับใจของเด็ก
แต่การใช้ไม้เรียวเป็นการฝึกวินัย และจะขับความโง่ให้ออกไปไกลจากตัวเขา
16 คนที่กดขี่ข่มเหงผู้ยากไร้เพื่อเพิ่มพูนความร่ำรวยให้แก่ตนเอง
และคนที่ปรนเปรอแก่คนมั่งมี จะได้รับความขัดสนเป็นผลตอบแทน
ฟังคำของผู้มีสติปัญญา
17 จงเงี่ยหูของเจ้าและฟังคำของผู้มีสติปัญญา
จงนำพาจิตใจของเจ้าไปสู่ความรู้ของเรา
18 เพราะจะเป็นที่น่ายินดี ถ้าเจ้าเก็บรักษามันไว้ในตัวของเจ้า
เพื่อให้พร้อมอยู่ที่ริมฝีปากของเจ้า
19 เพื่อว่าเจ้าจะได้ไว้วางใจพระผู้เป็นเจ้า
เราได้ให้เจ้ารู้ในวันนี้แล้ว ใช่แล้ว ให้เจ้านั่นแหละ
20 เราได้เขียนเรื่องคำตักเตือนและความรู้ไว้ให้เจ้า
ถึงสามสิบประการแล้วมิใช่หรือ
21 เพื่อให้เจ้ารู้คำพูดที่เป็นสัจจะและเชื่อถือได้
เพื่อเจ้าจะได้มีคำตอบอันกอปรด้วยสัจจะกลับมายังผู้ที่ส่งเจ้าไป
22 อย่าเอาเปรียบคนจนเพราะความจนของเขา
และอย่าเหยียบย่ำคนขัดสนที่ประตูเมือง
23 ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นธุระดำเนินเรื่องให้เขา
โดยจะยึดแม้ชีวิตของคนที่กระทำสิ่งร้ายต่อคนเหล่านี้
24 อย่าเป็นเพื่อนกับคนอารมณ์ร้าย
และอย่าสมาคมกับคนขี้โกรธ
25 มิฉะนั้นเจ้าจะไปเลียนแบบเขา
และเจ้าเองจะตกอยู่ในบ่วงแร้ว
26 อย่าเป็นคนที่ให้คำมั่นสัญญา
หรือรับประกันหนี้ให้ใคร
27 ถ้าเจ้าไม่มีอะไรจ่ายเป็นค่าชดใช้
ทำไมเขาจึงจะยึดเตียงนอนของเจ้าไป
28 อย่าขยับเขยื้อนหลักเขตโบราณ
ที่เหล่าบรรพบุรุษของเจ้าปักไว้
29 เจ้าเห็นคนที่ชำนาญในการงานของเขาไหม
เขาจะรับใช้บรรดากษัตริย์
และจะไม่รับใช้คนสามัญ
23 เวลาเจ้านั่งรับประทานร่วมกับผู้คนระดับปกครอง
ก็จงระวังให้ดีว่ามีอะไรตั้งไว้ที่ตรงหน้าเจ้า
2 และหากว่าเจ้าหิวกระหายนัก
ก็จงใช้มีดจ่อคอของเจ้าไว้
3 อย่ากระหายสิ่งที่เจ้าเห็นว่าเอร็ดอร่อย
เพราะมันเป็นอาหารที่ล่อลวง
4 อย่าหักโหมเกินกำลังเพียงเพื่อเสาะหาความมั่งมี
จงใช้สติปัญญาเหนี่ยวรั้งตนไว้
5 เพียงเหลือบตาดูความมั่งมีขณะหนึ่ง มันก็หายไป
ด้วยว่าปีกของมันจะงอกขึ้นได้แน่
และโผขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างนกอินทรี
6 อย่าไปรับประทานอาหารของคนตระหนี่
และอย่ากระหายของเอร็ดอร่อยของเขา
7 ด้วยว่า เขาเป็นคนประเภทที่คิดถึงราคาเสมอ
เขาจะพูดว่า “รับประทานและดื่มเถิด”
แต่ใจของเขาไม่ได้คิดเช่นนั้น
8 เจ้าจะอาเจียนสิ่งที่เจ้าได้กลืนลงไปแล้ว
และเจ้าจะเสียดายคำชมของเจ้า
9 อย่าสนทนากับคนโง่
เพราะว่าเขาจะดูหมิ่นสติปัญญาที่แสดงออกมาจากคำพูดของเจ้า
10 อย่าขยับเขยื้อนหลักเขตโบราณ
และอย่าล่วงล้ำเขตที่ดินของเด็กกำพร้า
11 เพราะว่าองค์ผู้คุ้มกันของพวกเขาเข้มแข็ง
พระองค์จะเป็นธุระจัดการด้วยการต่อต้านเจ้า
12 จงเปิดใจให้กับคำสั่งสอน
และเปิดหูของเจ้าให้กับคำพูดแห่งความรู้
13 อย่ารั้งการฝึกวินัยให้เด็ก
ถึงเจ้าจะเฆี่ยนเขาด้วยไม้เรียว เขาก็จะไม่ตาย
14 ถ้าเจ้าเฆี่ยนเขาด้วยไม้เรียว
เจ้าก็จะช่วยเขาให้รอดจากแดนคนตาย
15 ลูกเอ๋ย ถ้าใจของเจ้าเปี่ยมด้วยสติปัญญา
ใจของเราก็จะยินดีด้วย
16 เราจะชื่นชมยินดีจากก้นบึ้งของใจเรา
เมื่อริมฝีปากของเจ้าพูดสิ่งอันควร
17 อย่าปล่อยให้ใจของเจ้าอิจฉาคนบาป
แต่จงให้ความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าอยู่ในใจเสมอไป
18 อนาคตนั้นมีอย่างแน่นอน
และความหวังของเจ้าจะไม่สูญสลายไป
19 ลูกเอ๋ย จงฟังเถิด เจ้าจะได้มีสติปัญญา
และจงนำพาใจของเจ้าไปตามทางนั้น
20 อย่าคลุกคลีกับพวกที่ดื่มเหล้าองุ่นมากเกินไป
หรือพวกตะกละกินเนื้อ
21 คนขี้เมาและคนตะกละจะตกอยู่ในความยากจน
และคนขี้เกียจหลังยาวจะต้องเอาเศษผ้าขี้ริ้วพันกาย
22 จงฟังบิดาผู้ให้กำเนิดแก่เจ้า
และอย่าดูหมิ่นมารดาเมื่อท่านชราลง
23 จงซื้อความจริงไว้และอย่าขายไปเสีย
จงรับเอาสติปัญญา การสั่งสอน และความเข้าใจ
24 บิดาของผู้มีความชอบธรรมจะยินดีเป็นอย่างมาก
คนที่มีบุตรอันกอปรด้วยสติปัญญาจะชื่นชมยินดีในตัวเขา
25 จงทำให้บิดาและมารดาของเจ้าชื่นชม
จงทำให้ผู้ให้กำเนิดของเจ้ามีใจยินดี
26 ลูกเอ๋ย จงมอบใจของเจ้าให้เราเถิด
และให้ตาของเจ้าสังเกตวิถีทางของเรา
27 ด้วยว่าหญิงแพศยาเป็นเสมือนหลุมลึก
หญิงโสเภณีเป็นเสมือนบ่อแคบ
28 หล่อนนอนซุ่มรออย่างโจร
และทำให้จำนวนชายที่นอกใจภรรยามีเพิ่มมากขึ้น
29 ใครทุกข์ ใครเศร้า
ใครทะเลาะวิวาทกัน ใครมีความลำบาก
ใครได้รับบาดเจ็บโดยไม่มีสาเหตุ
ใครตาแดง
30 ก็คือพวกที่ไม่ยอมเลิกดื่มเหล้าองุ่น
พวกที่ไปลองเหล้าองุ่นผสม
31 อย่ามองเหล้าองุ่นตอนที่สีของมันแดง
ตอนที่มันพ่นฟองพร่างพรายอยู่ในแก้ว
และไหลลื่นลงคออย่างง่ายดาย
32 สุดท้าย มันก็จะฉกเจ้าดั่งงู
และเป็นพิษดั่งพิษของงู
33 นัยน์ตาของเจ้าจะเห็นสิ่งที่แปลกประหลาด
และเกิดความคิดอันสับสน
34 เจ้าจะเป็นเหมือนคนที่นอนลอยอยู่กลางทะเล
เหมือนคนที่นอนอยู่บนยอดเสากระโดงเรือ
35 เจ้าจะพูดว่า “พวกเขาชกต่อยตัวข้า แต่ข้าไม่เจ็บตัว
เขาตีข้า แต่ข้าไม่รู้สึก
เมื่อไหร่ข้าจึงจะตื่นขึ้น
แล้วจะได้ไปดื่มอีกอึกหนึ่ง”
24 อย่าอิจฉาคนเลว
และอย่าปรารถนาจะอยู่กับพวกเขา
2 เพราะจิตใจของเขาคิดแผนการสู่ความหายนะ
และปากก็พูดถึงเรื่องที่จะทำให้เดือดร้อน
3 บ้านถูกสร้างขึ้นด้วยสติปัญญา
และก่อตั้งได้อย่างมั่นคงด้วยความเข้าใจ
4 ห้องทุกห้องบรรจุเต็มด้วยสมบัติอันมีค่า
และสวยงามได้ก็ด้วยความรู้
5 คนมีสติปัญญามีพลังมากกว่าคนแข็งแรง
และคนมีความรู้ก็เกินหน้ากว่าคนมีพละกำลัง
6 เจ้าสู้สงครามได้ก็ด้วยคำแนะนำอันชาญฉลาด
และจะมีชัยชนะได้ก็ด้วยผู้ปรึกษามากหลาย
7 สติปัญญามีค่าสูงเกินไปสำหรับคนโง่
และที่ประตูเมืองเขาก็ไม่อาจเปิดปากพูด
8 คนวางแผนชั่วร้ายจะได้ชื่อว่าเป็น
ผู้กระทำความเดือดร้อน
9 บาปเป็นแผนการของคนโง่
และคนช่างเย้ยหยันเป็นที่น่ารังเกียจต่อมนุษย์
10 ถ้าเจ้าเป็นลมล้มไปในยามคับขัน
ก็นับว่าเจ้าเป็นคนแรงน้อย
11 จงช่วยชีวิตคนที่กำลังถูกพาตัวไปฆ่า
และคนที่กำลังซัดเซไปยังที่ประหาร
12 ถ้าเจ้าอ้างว่า “เราไม่รู้เรื่องนี้เลย”
แล้วพระองค์ดูที่ใจของเจ้าจะไม่เข้าใจหรือ
พระองค์ผู้ดูแลจิตวิญญาณของเจ้าจะไม่รู้หรือ
พระองค์จะไม่สนองตอบทุกคนตามแต่การกระทำของเขาหรือ
13 ลูกเอ๋ย กินน้ำผึ้งเถิด เพราะว่าเป็นสิ่งดี
และน้ำผึ้งที่หยดจากรวงมีรสหวาน
14 จงรู้ด้วยว่าสติปัญญาก็เป็นเช่นนั้นต่อจิตวิญญาณของเจ้า
ถ้าเจ้าพบ เจ้าก็จะมีอนาคต
และความหวังของเจ้าจะไม่ถูกตัดขาดไป
15 อย่าทำตัวเหมือนโจรที่ดักซุ่มเพื่อกระทำการต่อต้านบ้านของคนมีความชอบธรรม
อย่าทำลายที่อยู่อาศัยของเขา
16 ด้วยว่า คนมีความชอบธรรมล้มเจ็ดครั้ง แล้วก็ลุกขึ้นอีก
ส่วนคนชั่วจะล้มลงในความหายนะ
17 อย่ายินดีเวลาศัตรูของเจ้าล้มลง
และอย่าสะใจเวลาที่เขาพลาด
18 โดยเกรงว่าพระผู้เป็นเจ้าจะเห็นและไม่พอใจ
และพระองค์ก็จะเลิกโกรธกริ้วเขา
19 อย่าวุ่นวายใจเพราะคนทำความชั่ว
หรืออิจฉาคนเลว
20 ด้วยว่าคนชั่วไม่มีอนาคต
ตะเกียงของคนเลวจะถูกดับ
21 ลูกเอ๋ย จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าและกษัตริย์
และจงเชื่อฟังทั้งสอง
22 เพราะว่าความหายนะจากพระผู้เป็นเจ้าและกษัตริย์จะเกิดขึ้นโดยฉับพลัน
แล้วใครจะรู้ถึงขนาดของความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากทั้งสอง
ผู้มีสติปัญญาสั่งสอนเพิ่มขึ้น
23 สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้มาจากผู้มีสติปัญญาเช่นกัน
การตัดสินอย่างลำเอียงเป็นสิ่งไม่ดี
24 คนที่พูดกับคนชั่วว่า “เจ้าไม่มีความผิด”
บรรดาชนชาติก็จะสาปแช่ง และบรรดาประชาชาติจะกล่าวโทษเขา
25 แต่คนที่ห้ามคนชั่วไว้จะมีความยินดี
และพระพรอันประเสริฐจะเป็นของเขา
26 ใครก็ตามที่ตอบตามความเป็นจริง
เป็นเสมือนจูบที่ริมฝีปาก
27 จงเตรียมงานข้างนอกของเจ้าให้เสร็จ
ให้ทุกสิ่งในไร่นาพร้อมสำหรับเจ้า
และหลังจากนั้นจึงสร้างบ้านของเจ้า
28 อย่าเป็นพยานเท็จต่อต้านเพื่อนบ้านของเจ้าโดยไม่มีสาเหตุ
และอย่าหลอกลวงด้วยริมฝีปากของเจ้า
29 อย่าพูดว่า “เราจะกระทำต่อเขาให้เท่ากับที่เขากระทำต่อเรา
เราจะสนองตอบคนนั้นตามที่เขาได้กระทำไป”
30 เราผ่านไร่นาของคนเกียจคร้าน
ผ่านสวนองุ่นของคนไร้สามัญสำนึก
31 และดูเถิด มีหนามเต็มไปหมด
พื้นดินปกคลุมไปด้วยไม้หนาม
และกำแพงหินก็ถูกพังทลายลง
32 เราเห็นแล้วก็พิจารณา
เรามองดูแล้วก็ได้รับบทเรียน
33 นอนสักนิด หลับสักหน่อย
วางมือพักสักประเดี๋ยว
34 แล้วความจนก็จะมาถึงตัวเจ้าประหนึ่งโจรมา
และเจ้าจะขาดแคลนประหนึ่งคนถือโล่
สุภาษิตของซาโลมอนเพิ่มเติม
25 สุภาษิตต่อจากนี้เป็นของซาโลมอน ซึ่งคนของเฮเซคียาห์[a]กษัตริย์ของแคว้นยูดาห์ได้คัดลอกไว้
2 ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าอยู่ที่การปกปิดสิ่งต่างๆ ให้เร้นลับ
แต่ความยิ่งใหญ่ของบรรดากษัตริย์ก็คือการที่ท่านแสวงหาคำตอบในสิ่งต่างๆ
3 ความสูงของฟ้าสวรรค์ และความลึกของแผ่นดินโลกเป็นเช่นไร
จิตใจของกษัตริย์ก็สุดจะหยั่งถึงเช่นนั้น
4 เมื่อขจัดขี้แร่ออกจากเงินแล้ว
ช่างเงินก็จะมีวัสดุสำหรับทำภาชนะ
5 จงกำจัดคนชั่วร้ายไปให้พ้นจากกษัตริย์
แล้วบัลลังก์ของท่านจะถูกสถาปนาอยู่ในความชอบธรรม
6 อย่ายกย่องตนเองเวลาอยู่ต่อหน้ากษัตริย์
และอย่าเข้าไปยืนอยู่ในที่ของผู้สูงส่ง
7 ให้มีคนบอกเจ้าว่า “เลื่อนขึ้นมาอยู่ที่นี่”
ก็ยังจะดีกว่าถูกไล่ไปอยู่ที่ต่ำลงต่อหน้าผู้สูงศักดิ์
เท่าที่เจ้าก็เห็นด้วยตาของเจ้าเองแล้ว
8 จงอย่ารีบร้อนขึ้นศาลกับผู้ใด
หากว่าเพื่อนบ้านของเจ้าทำให้เจ้าต้องอับอาย
แล้วเจ้าจะทำอย่างไรเล่า
9 ถ้าเจ้ากับเพื่อนบ้านมีเรื่องถกเถียงกัน ก็ให้ตกลงกันเอง
แต่อย่าเปิดโปงความลับของกันและกัน
10 เจ้าต้องอับอายหากมีคนได้ยินเข้า
ต่อไปเจ้าก็จะเสียชื่อเสียง
11 ถ้อยคำที่พูดถูกกาลเทศะ
ก็เป็นเสมือนลูกแอปเปิ้ลทองบนแท่นเงิน
12 ผู้มีสติปัญญากล่าวคำตักเตือนแก่ผู้ตั้งใจฟัง
มีค่าประดุจตุ้มหูหรือเครื่องประดับทองคำ
13 ความเย็นของหิมะในฤดูเก็บเกี่ยวเป็นเช่นไร
ผู้ถือสารที่ภักดีก็เป็นเช่นนั้นสำหรับคนที่ส่งให้เขาไป
คือสร้างความชื่นใจให้กับนายของเขา
14 เมฆและลมที่ปราศจากฝนเป็นเช่นไร
คนโอ้อวดว่าจะให้ของกำนัลแต่ก็ไม่ให้ ก็เป็นเช่นนั้น
15 หากมีความอดทน เจ้าก็อาจจะสามารถชักจูงผู้อยู่ในระดับปกครองได้ด้วย
และลิ้นที่แม้จะอ่อนแต่ก็สามารถหักกระดูกได้
16 ถ้าเจ้าพบน้ำผึ้ง ก็กินแค่พอประมาณ
หากว่ามากเกินไป เจ้าก็จะอาเจียน
17 อย่าย่างเท้าเข้าไปในบ้านของเพื่อนบ้านบ่อยนัก
เพราะว่าเขาจะเบื่อหน้าและพาลเกลียดเจ้าเสีย
18 คนที่ให้การเท็จต่อต้านเพื่อนบ้านของตน
เป็นเสมือนกระบอง ดาบ หรือไม่ก็ธนูอันแหลมคม
19 การไว้วางใจผู้ที่ไร้ความภักดีในยามลำบาก
เป็นเสมือนฟันผุ หรือไม่ก็เท้าที่ไถลลื่น
20 ใครก็ตามร้องเพลงให้คนกลุ้มใจฟัง
ก็เป็นเสมือนคนที่ปลดเสื้อผ้าออกในยามอากาศหนาว
หรือราดน้ำส้มสายชูบนบาดแผล
21 ถ้าศัตรูของเจ้าหิว ก็จงให้อาหารเขากิน
ถ้าเขากระหายจงให้น้ำเขาดื่ม
22 เพราะการกระทำเช่นนี้เท่ากับเป็นการสุมถ่านที่ลุกโพลงทั้งกองบนศีรษะของเขา[b]
แล้วพระผู้เป็นเจ้าจะให้รางวัลแก่เจ้า
23 ลมเหนือนำฝนมาเช่นไร
ลิ้นเปิดโปงความลับก็พาให้คนโกรธเช่นนั้น
24 อาศัยอยู่ที่มุมหนึ่งบนดาดฟ้า
ก็ยังดีกว่าอยู่ในบ้านร่วมกับภรรยาช่างทะเลาะเบาะแว้ง
25 ข่าวดีจากแดนไกล
เป็นเสมือนน้ำเย็นที่ให้แก่จิตวิญญาณที่กระหาย
26 ผู้มีความชอบธรรมที่ยอมจำนนต่อคนชั่วร้าย
เป็นเสมือนน้ำพุโคลนหรือไม่ก็บ่อน้ำเสีย
27 กินน้ำผึ้งมากไม่ดี
การแสวงหาคำชมก็เป็นเช่นเดียวกัน
28 คนที่ไม่รู้จักควบคุมตนเอง
เป็นเสมือนกำแพงเมืองที่ถูกโค่นทำลาย
26 หิมะในฤดูร้อนและฝนในฤดูเก็บเกี่ยวไม่เหมาะกันเช่นไร
คนโง่ก็ไม่เหมาะสมกับเกียรติเช่นนั้น
2 นกกระจอกกระพือปีกบิน และนกนางแอ่นโผผินบินร่อนไปเช่นไร
การสาปแช่งโดยไม่มีสาเหตุ ก็จะว่อนหายไปเช่นนั้น
3 แส้สำหรับม้า บังเหียนสำหรับลา
และไม้เรียวสำหรับหลังของคนโง่
4 อย่าตอบคนโง่ตามความโง่ของเขา
มิฉะนั้นเจ้าจะเป็นเหมือนกับเขา
5 ถ้าตอบคนโง่ตามความโง่ของเขา
เขาก็จะคิดว่าตนฉลาดนัก
6 คนที่ใช้คนโง่เป็นผู้ส่งข่าวสาร
ก็นับว่า ตัดเท้าทั้งสองของตนและรับเอาความวินาศเข้าใส่ตัว
7 ขาของคนพิการห้อยร่องแร่งใช้การไม่ได้เช่นไร
สุภาษิตที่อยู่ในปากของคนโง่ก็เช่นนั้น
8 การให้เกียรติแก่คนโง่นั้นไร้ประโยชน์
พอๆ กับการผูกก้อนหินติดไว้กับสลิง[c]
9 หนามตำมือของคนเมาเหล้าเช่นไร
สุภาษิตในปากของคนโง่ก็เป็นเช่นนั้น
10 การว่าจ้างคนโง่หรือคนที่บังเอิญเดินผ่านมา
ก็เปรียบได้กับนักธนูที่ยิงลูกธนูสุ่มสี่สุ่มห้าโดนผู้คนไปทั่ว
11 สุนัขที่กลับไปกินสิ่งที่มันสำรอกออกเช่นไร[d]
คนโง่ที่ทำสิ่งโง่ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็เช่นนั้น
12 เจ้าเห็นคนที่คิดว่าเขาฉลาดในสายตาของตนเองไหม
คนโง่ก็ยังมีความหวังมากกว่าเขาเสียอีก
13 คนเกียจคร้านพูดว่า “มีสิงโตอยู่ที่ถนน
สิงโตอยู่ที่ลานชุมนุม”
14 ประตูติดกับบานพับซึ่งตีกลับไปกลับมาเป็นเช่นไร
คนเกียจคร้านที่อยู่กับเตียงนอนก็เป็นเช่นนั้น
15 คนขี้เกียจแช่มือไว้ในจานของตน
เขาขี้เกียจเหลือเกิน แม้แต่จะยกมือป้อนตัวเองยังไม่ยอมทำ
16 ในสายตาของคนเกียจคร้านจะเห็นว่าตนมีความฉลาดมากเกินกว่า
ความฉลาดของคนเจ็ดคนที่สามารถโต้ตอบอย่างเฉลียวฉลาดได้
17 ผู้ใดยุ่งกับการทะเลาะวิวาทที่ไม่เกี่ยวกับตน
ผู้นั้นเปรียบเสมือนคนดึงหูสุนัขที่เดินผ่านมา
18 คนไม่มีสติยั้งคิดที่ยิงลูกธนูเพลิง
หรือลูกธนูมีพิษที่ทำให้ถึงแก่ชีวิต เปรียบได้กับ
19 คนหลอกลวงเพื่อนบ้าน
และพูดว่า “เราเพียงล้อเล่นเท่านั้น”
20 หากว่าไม่มีฟืน ไฟก็ดับ
และที่ใดไม่มีคนซุบซิบ การทะเลาะวิวาทก็ยุติลง
21 ถ่านคุเป็นเพลิง และฟืนลุกเป็นไฟได้อย่างไร
คนช่างต่อล้อต่อเถียง ก็ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทได้อย่างนั้น
22 คำพูดของคนซุบซิบนินทาเป็นเช่นอาหารโอชา
และไหลลงสู่ส่วนลึกสุดของร่างกาย
23 น้ำยาเคลือบเครื่องดินเผาเป็นเช่นไร
ริมฝีปากรื่นหูแต่ใจชั่วร้ายก็เป็นเช่นนั้น
24 ผู้ที่มีใจเกลียดชังใช้คำพูดปิดบังความรู้สึกของตน
แต่ใจของเขาสะสมความหลอกลวง
25 แม้การพูดของเขาจะแสดงความกรุณาก็อย่าเชื่อ
เพราะใจของเขามีแต่สิ่งที่น่ารังเกียจทั้งเจ็ดสิ่ง
26 ความเกลียดชังของเขาอาจจะถูกปิดบังด้วยความหลอกลวง
แต่ความเลวร้ายของเขาจะถูกเปิดโปงให้เป็นที่รู้โดยทั่วหน้ากัน
27 ถ้าใครขุดหลุมพราง คนนั้นก็จะตกลงไปเอง
ถ้าใครกลิ้งก้อนหิน มันก็จะกลิ้งกลับไปทับเขาเองเช่นกัน
28 ลิ้นที่โป้ปดเกลียดชังผู้ที่มันทำร้าย
และปากที่ยกยอปอปั้นทำให้พินาศได้
27 อย่าโอ้อวดถึงเรื่องของวันพรุ่งนี้
เพราะเจ้าไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
2 ปล่อยให้ผู้อื่นเป็นผู้เยินยอเจ้าเถิด อย่าให้มาจากปากของเจ้าเอง
แต่ให้มาจากคนที่เจ้าไม่รู้จัก แทนที่จะมาจากริมฝีปากของเจ้าเอง
3 ก้อนหินหนัก ทรายก็มีน้ำหนัก
แต่การก่อกวนของคนโง่หนักเสียยิ่งกว่าสองสิ่งนี้
4 ความโกรธนั้นโหดเหี้ยม ความฉุนเฉียวก็เหลือทน
แต่ใครจะต้านฤทธิ์ของความริษยาได้
5 การว่ากล่าวตักเตือนที่ทำอย่างเปิดเผยนั้น
ดีกว่าความรักที่ถูกซ่อนเอาไว้
6 บาดแผลจากเพื่อนยังพอไว้ใจได้
แต่จูบของศัตรูนั้นหลอกลวง
7 คนที่อิ่มหนำแล้วแม้น้ำผึ้งเขาก็ยังรังเกียจ
แต่สำหรับคนหิวโหยแม้สิ่งที่มีรสขมก็ยังรู้สึกว่ามีรสหวาน
8 คนที่พลัดพรากจากบ้านเกิดของตน
เป็นเสมือนนกที่พลัดพรากจากรังของมัน
9 น้ำมันและน้ำหอมนำความชื่นใจมาให้
และคำแนะนำที่ดีจากเพื่อนก็ทำให้ใจยินดี
10 อย่าละทิ้งเพื่อนของเจ้าหรือเพื่อนของพ่อเจ้า
และอย่าไปหาพี่น้องของเจ้าในยามที่เจ้าทุกข์ยาก
เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เจ้า
ดีกว่าพี่น้องที่อยู่ห่างไกล
11 ลูกเอ๋ย จงเป็นคนมีสติปัญญาและทำให้เราชื่นใจเถิด
เราจะได้มีคำตอบให้กับคนที่ติเตียนเรา
12 คนฉลาดรอบคอบเห็นภัยอันตรายก็จะหลบซ่อนตัว
แต่คนเขลาก้าวต่อไปแล้วเผชิญกับความทุกข์
13 จงยึดเสื้อผ้าของคนที่ไว้ใจคนแปลกหน้าเอาไว้เถิด
และจงทำสัญญาเป็นหลักประกันถ้าเขาไว้ใจคนที่เขาไม่รู้จัก
14 ถ้าใครอวยพรเพื่อนของตนด้วยเสียงอันดังในเวลาเช้าตรู่
ก็ถือว่าเป็นการสาปแช่ง
15 ฝนตกพรำๆ ตลอดทั้งวัน
เป็นเสมือนภรรยาช่างทะเลาะเบาะแว้ง
16 จะยับยั้งหล่อนไว้ก็เหมือนยับยั้งลมไม่ให้พัด
หรือเหมือนกำน้ำมันไว้ในมือขวา
17 เอาเหล็กลับเหล็กยังทำได้
ชายคนหนึ่งก็จะขัดเกลาชายอีกคนได้ด้วยเช่นกัน
18 ผู้ใดดูแลต้นมะเดื่อ ผู้นั้นจะได้กินผลของมัน
และผู้ที่เฝ้าดูนายของตนจะได้รับเกียรติ
19 เงาในน้ำสะท้อนให้เห็นใบหน้าเช่นไร
ใจมนุษย์ก็สะท้อนถึงตัวตนของเขาเช่นนั้น
20 แดนคนตายและความวิบัติไม่มีวันพึงพอใจ
และสายตามนุษย์ก็ไม่มีความพึงพอใจเช่นกัน
21 เบ้าหลอมมีไว้สำหรับเงิน และเตาหลอมสำหรับทองคำ
ส่วนมนุษย์ถูกวัดได้จากคำยกย่องที่เขาได้รับ
22 แม้เจ้าจะเอาเมล็ดพืช
โขลกปนกับคนโง่ในครกแล้ว
ความโง่ของเขาก็ไม่อาจหลุดจากตัวเขาได้
23 จงแน่ใจว่าเจ้ารู้ทุกข์สุขของฝูงแกะของเจ้า
จงเอาใจใส่ฝูงสัตว์ของเจ้าให้ดี
24 ด้วยว่า ความมั่งมีไม่ยั่งยืนตลอดไป
และมงกุฎไม่คงอยู่อย่างปลอดภัยในทุกชั่วอายุคน
25 เวลาถางหญ้าแล้ว ใบอ่อนก็งอกใหม่
และหญ้าบนภูเขาก็ถูกเก็บเกี่ยว
26 ลูกแกะจะมีขนให้เจ้าใช้ทอเสื้อ
และแพะจะให้รายได้เพื่อซื้อทุ่งนา
27 เจ้าจะมีนมแพะอย่างบริบูรณ์ไว้เป็นอาหารของเจ้าและครอบครัว
และยังมีพอเลี้ยงดูบรรดาสาวใช้ของเจ้าอีกด้วย
28 คนชั่วร้ายหลบหนีแม้จะไม่มีคนตามล่า
ส่วนผู้มีความชอบธรรมมีความกล้าประดุจสิงโต
2 ประเทศชาติที่มีการกบฏมักจะมีผู้นำมากหลาย
แต่ความมั่นคงจะยืนหยัดอยู่ได้หากมีผู้นำที่มีความรู้และการหยั่งรู้
3 คนยากไร้ที่บีบคั้นคนจนด้วยกัน
เปรียบเสมือนฝนไหลหลากที่มาทำลายพืชผลทั้งหมด
4 พวกฝ่าฝืนกฎบัญญัติจะยกย่องคนชั่วร้าย
แต่บรรดาผู้ถือตามกฎบัญญัติต่อต้านพวกเขา
5 พวกคนเลวไม่เข้าใจถึงความยุติธรรม
แต่บรรดาผู้แสวงหาพระผู้เป็นเจ้าเข้าใจดี
6 คนยากไร้ที่ดำเนินชีวิตด้วยสัจจะ
ดีกว่าคนมั่งมีที่ใช้ชีวิตอย่างคดโกง
7 ผู้ปฏิบัติตามกฎบัญญัติเป็นบุตรที่มีการหยั่งรู้
แต่เพื่อนตะกละนำความอับอายมาสู่บิดาของเขา
8 คนที่หาความมั่งมีให้แก่ตนเองมากขึ้นโดยคิดดอกเบี้ยและโก่งราคา
เป็นผู้เก็บสะสมไว้ให้แก่คนที่มีเมตตาต่อผู้ยากไร้
9 คนที่ทำเป็นหูทวนลม ไม่ฟังกฎบัญญัติ
แม้คำอธิษฐานของเขา ก็เป็นที่น่ารังเกียจ
10 ผู้ใดนำพาผู้มีความชอบธรรมให้หลงไปในทางที่ชั่ว
ผู้นั้นจะตกในกับดักของตนเอง
แต่คนที่มีสัจจะ จะได้รับสิ่งดี
11 คนมั่งมีเห็นว่าตนมีสติปัญญาในสายตาของเขาเอง
แต่ผู้ยากไร้ที่มีความหยั่งรู้สามารถเห็นแก่นแท้ของคนมั่งมี
12 เมื่อผู้มีความชอบธรรมประสบชัยชนะ ทุกคนก็มีความยินดี
แต่เมื่อคนชั่วร้ายมีอำนาจขึ้นมา ผู้คนก็พากันหลบซ่อนตัว
13 คนที่ปกปิดความผิดของตนจะไม่มีความสำเร็จในชีวิต
แต่ใครก็ตามสารภาพและล้มเลิกเสีย ก็จะได้รับความเมตตา
14 ผู้ที่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าเสมอไปย่อมเป็นสุข
แต่คนจิตใจแข็งกระด้างจะตกอยู่ในความลำบาก
15 คนชั่วร้ายที่ปกครองบรรดาผู้ยากไร้
เปรียบได้กับสิงโตขู่คำราม หรือหมีกระโจนเข้าหา
16 ผู้อยู่ในระดับปกครองซึ่งขาดการหยั่งรู้คือผู้กดขี่ที่มีใจโหดเหี้ยม
แต่คนที่เกลียดการกอบโกยที่ไม่เป็นธรรมจะมีชีวิตยืนยาว
17 คนที่มีชนักติดหลังเนื่องจากความผิดฐานฆาตกรรม
จะพเนจรไปจนวันตาย
อย่าให้ใครค้ำจุนเขาเลย
18 ผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างมีสัจจะได้รับความปลอดภัย
แต่คนที่ไปในทางคดจะล้มลงทันทีทันใด
19 ผู้ที่ออกแรงรดน้ำพรวนดินของตนจะมีอาหารอุดมสมบูรณ์
แต่ผู้ที่มุ่งหาสิ่งที่ไร้ประโยชน์จะมีความยากจนข้นแค้น
20 ผู้ที่มีความสัตย์ซื่อจะมีพระพรเป็นล้นพ้น
แต่คนที่ตะเกียกตะกายหาความมั่งมีนั้น ใช่ว่าจะไม่ได้รับโทษ
21 การแสดงความลำเอียงเป็นสิ่งไม่ดี
แต่เพื่อขนมปังเพียงชิ้นเดียว คนก็ยังจะประพฤติผิดได้
22 คนตระหนี่ตะเกียกตะกายหาความมั่งมี
และไม่รู้ว่าตนจะตกอยู่ในความขัดสน
23 คนที่ตักเตือนว่ากล่าวผู้อื่นจะเป็นที่ชื่นชอบในบั้นปลาย
มากกว่าคนที่ใช้ลิ้นยกยอปอปั้น
24 คนที่ปอกลอกบิดามารดาของเขาเอง
แล้วพูดว่า “ไม่ใช่เรื่องผิด”
คนนั้นเป็นเพื่อนของผู้ทำลาย
25 คนโลภก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท
ส่วนผู้ที่ไว้วางใจพระผู้เป็นเจ้าจะมีอย่างอุดมสมบูรณ์
26 คนที่ไว้วางใจตนเองเป็นคนโง่
ส่วนผู้ที่ใช้สติปัญญาจะพ้นภัย
27 ผู้ที่แบ่งปันให้คนยากไร้จะไม่มีวันขัดสน
ส่วนคนที่ปิดหูปิดตาต่อพวกเขาจะถูกสาปแช่งมากมาย
28 เมื่อคนชั่วร้ายมีอำนาจขึ้นมา ผู้คนก็พากันหลบซ่อนตัว
แต่เมื่อเขาตายจากไป ผู้มีความชอบธรรมก็เพิ่มมากขึ้น
29 คนที่ถูกตักเตือนหลายครั้ง แล้วยังหัวรั้น
จะถูกทำลายในพริบตาเดียวโดยไม่อาจแก้ไขได้
2 เมื่อจำนวนผู้มีความชอบธรรมทวีขึ้น ผู้คนก็ยินดี
แต่เมื่อคนชั่วร้ายขึ้นมาปกครอง ผู้คนก็โอดครวญ
3 ผู้รักสติปัญญาย่อมทำให้บิดามีความยินดี
แต่คนที่คบหากับบรรดาหญิงโสเภณีเสียทรัพย์ไปเปล่าๆ
4 กษัตริย์ให้ความมั่นคงกับแผ่นดินได้หากมีความยุติธรรม
แต่ถ้ารับสินบนก็จะทำให้เกิดความเสียหาย
5 ผู้ใดก็ตามที่ปากหวานต่อเพื่อนบ้านของตน
เท่ากับผู้นั้นโยนตาข่ายใส่เท้าตนเอง
6 คนชั่วติดกับดักด้วยบาปของเขาเอง
แต่ผู้มีความชอบธรรมร้องเพลงและมีความยินดี
7 ผู้มีความชอบธรรมรู้จักสิทธิของผู้ยากไร้
ส่วนคนชั่วร้ายไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้
8 คนเยาะเย้ยก่อให้เกิดโกลาหลในเมืองได้
ส่วนผู้มีสติปัญญาช่วยให้ความโกรธบรรเทาลง
9 เวลาผู้มีสติปัญญามีเรื่องโต้เถียงกับคนโง่
คนโง่จะมีแต่เดือดพล่านหรือไม่ก็เยาะเย้ย และหามีความสงบไม่
10 พวกคนกระหายเลือดเกลียดชังผู้ถือสัจจะ
และคนชั่วร้ายก็ตามล่าชีวิตของเขา
11 คนโง่แสดงความฉุนเฉียวเสมอ
แต่ผู้มีสติปัญญาจะระงับไว้ได้
12 ถ้าผู้อยู่ในระดับปกครองสนใจฟังความเท็จ
บริวารของเขาทุกคนก็จะเป็นคนชั่วร้าย
13 ผู้ยากไร้กับผู้บีบบังคับมีสิ่งที่เหมือนๆ กันคือ
คนทั้งสองพวกได้รับชีวิตก็เพราะพระผู้เป็นเจ้าประทานให้
14 หากว่ากษัตริย์ตัดสินผู้ยากไร้ด้วยความยุติธรรม
บัลลังก์ของท่านจะมั่นคงไปตลอดกาล
15 ไม้เรียวและคำตักเตือนทำให้คนมีสติปัญญา
ส่วนเด็กที่ถูกปล่อยปละละเลยนำความอับอายสู่มารดาของตน
16 เมื่อใดคนชั่วร้ายเพิ่มมากขึ้น การกระทำผิดก็เพิ่มตาม
แต่ผู้มีความชอบธรรมจะเห็นวันที่คนเหล่านั้นล้มลง
17 จงฝึกลูกของเจ้าให้มีวินัย แล้วเขาจะไม่ทำให้เจ้าต้องกังวล
และจะทำให้จิตวิญญาณของเจ้าชื่นบาน
18 ถ้าปราศจากการเผยคำกล่าวของพระเจ้า ประชาชนก็ปฏิบัติตามใจชอบ
แต่ผู้ปฏิบัติตามกฎบัญญัติก็เป็นสุข
19 ด้วยคำพูดเพียงอย่างเดียว ไม่อาจทำให้ผู้รับใช้มีวินัยได้
เพราะถึงแม้เขาจะเข้าใจแต่ก็จะไม่ปฏิบัติตาม
20 เจ้าเห็นคนปากไวไหม
ความหวังสำหรับคนโง่ยังมีมากกว่าเขาเสียอีก
21 ผู้ใดเลี้ยงคนรับใช้ที่ยังอยู่ในวัยเด็กโดยปรนเปรอจนเกินขนาด
ในที่สุดก็จะนำความลำบากมาสู่ตนเอง
22 คนช่างโกรธก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท
และคนอารมณ์ร้อนจะตกอยู่ในห้วงบาป
23 ความเย่อหยิ่งทำให้คนตกต่ำลง
ส่วนคนถ่อมตัวในฝ่ายวิญญาณจะได้รับเกียรติ
24 คนทำงานร่วมกับโจรเกลียดชังตนเอง
เขาได้ยินคำสาปแช่ง แต่ก็ไม่ปริปากพูด
25 การกลัวมนุษย์เป็นเสมือนบ่วงแร้ว
ส่วนคนที่ไว้วางใจพระผู้เป็นเจ้าได้รับความปลอดภัย
26 มีหลายคนที่พยายามทำให้ผู้อยู่ในระดับปกครองพึงพอใจ
แต่สิ่งที่มนุษย์ได้รับจากพระผู้เป็นเจ้า คือความยุติธรรม
27 คนไม่มีความยุติธรรมเป็นที่น่ารังเกียจต่อผู้มีความชอบธรรม
คนดำเนินชีวิตในทางที่ถูกต้องก็เป็นที่น่ารังเกียจต่อคนชั่ว
คำพูดของอากูร์
30 คำพูดของอากูร์บุตรชายของยาเคห์เป็นคำพยากรณ์
ชายผู้นี้ประกาศแก่อิธีเอล
แก่อิธีเอลและอูคาลว่า
2 ข้าพเจ้าโง่เกินกว่าที่จะเป็นมนุษย์
และข้าพเจ้าไม่มีความเข้าใจของมนุษย์
3 ข้าพเจ้ายังไม่ได้เรียนรู้เรื่องสติปัญญา
และไม่มีความรู้เรื่ององค์ผู้บริสุทธิ์
4 ใครได้ขึ้นไปบนสวรรค์แล้วลงมา
แล้วใครกอบลมอยู่ในกำมือ
ใครห่อน้ำไว้ในเสื้อคลุม
ใครสร้างโลกทั่วแหล่งหล้าขึ้นมา
พระองค์มีพระนามว่าอะไร และบุตรของพระองค์มีนามว่าอะไร
เจ้าต้องรู้แน่
5 คำพูดทุกคำของพระเจ้าบริสุทธิ์
พระองค์เป็นดั่งโล่ให้แก่บรรดาผู้ที่เข้าหาพระองค์เป็นที่พึ่ง
6 อย่าเพิ่มเติมข้อความใดๆ ให้กับคำพูดของพระองค์
เพราะเกรงว่าพระองค์จะทักท้วงและเจ้าจะถูกเรียกว่าเป็นคนโกหก
7 มีสองสิ่งที่ข้าพเจ้าขอร้องพระองค์
ขออย่าปฏิเสธก่อนข้าพเจ้าจะตาย
8 ขอให้การหลอกลวงและคำพูดเท็จไกลจากตัวข้าพเจ้า
อย่าให้ข้าพเจ้าตกในความยากไร้หรือความมั่งมี
และขอเลี้ยงดูข้าพเจ้าด้วยอาหารเท่าที่จำเป็นสำหรับข้าพเจ้า
9 เพราะข้าพเจ้าเกรงว่าเมื่ออิ่มหนำ แล้วจะปฏิเสธพระองค์
แล้วจะพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้าคือใคร”
หรือเกรงว่าเมื่อยากไร้แล้วจะไปลักขโมย
ซึ่งจะทำให้พระนามของพระเจ้าของข้าพเจ้าเป็นมลทิน
10 อย่าว่าร้ายคนรับใช้ให้นายของเขาฟัง
เกรงว่าคนรับใช้จะสาปแช่งเจ้า และเจ้าจะต้องชดใช้
11 คนบางคนสาปแช่งบิดา
และไม่อวยพรมารดาของตนเอง
12 คนบางคนบริสุทธิ์ในสายตาของตนเอง
ทั้งๆ ที่ความโสโครกยังไม่ได้ถูกชำระเลย
13 คนบางคนมีนัยน์ตาหยิ่งผยองจริงหนอ
เปลือกตาของเขาเปิดกว้างอะไรเช่นนั้น
14 คนบางคนมีฟันประดุจดาบ
และขากรรไกรประดุจมีด
เพื่อกลืนกินผู้ขัดสนให้พ้นจากโลก
และผู้ยากไร้ให้พ้นจากมนุษยชาติ
15 ปลิงมีลูกตัวเมียสองตัวที่ร้องขึ้นว่า
“ให้เราเถิด ให้เราเถิด”
มีสามสิ่งที่ไม่เคยพอใจในสิ่งใด
สี่สิ่งที่ไม่เคยพูดว่า “พอแล้ว”
16 แดนคนตาย ท้องที่เป็นหมัน
แผ่นดินที่ไม่เคยอิ่มน้ำ
และไฟที่ไม่เคยพูดว่า “พอแล้ว”
17 ตาที่ล้อเลียนบิดา
และไม่เคารพมารดา
จะถูกควักออกโดยพวกอีกาในหุบเขา
และจะถูกพวกนกแร้งจิกกิน
18 มีสามสิ่งที่วิเศษเกินสำหรับข้าพเจ้า
สี่สิ่งที่ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ
19 ลีลาที่นกอินทรีบินในอากาศ
ลีลาที่งูเลื้อยบนก้อนหิน
ลีลาเรือที่ล่องอยู่ท่ามกลางทะเล
และลีลาของชายกับหญิงสาว
20 วิถีของหญิงที่ประพฤติผิดประเวณี
จะเป็นเช่นนี้คือ กินและเช็ดปาก
แล้วก็พูดว่า “ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”
21 แผ่นดินสะท้านไหวด้วยเหตุสามสิ่ง
และมิอาจทนได้ต่อสี่สิ่ง
22 เมื่อทาสรับใช้ขึ้นมาเป็นกษัตริย์
และเมื่อคนโง่มีอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์
23 เมื่อหญิงที่หาความรักจากใครไม่ได้ กลับหาสามีได้
และเมื่อสาวใช้ขึ้นมาแทนตำแหน่งนายสาวของตน
24 สี่สิ่งในโลกที่แม้มีขนาดกระจ้อยร่อย
แต่ก็เฉลียวฉลาดยิ่งนัก
25 มดเป็นประชากรที่ไม่แข็งแรง
ถึงกระนั้นก็ยังจัดเตรียมอาหารในฤดูร้อน
26 ตัวแบดเจอร์เป็นประชากรที่ไม่มีกำลัง
แต่ก็ยังทำที่อยู่ของมันในซอกหิน
27 แม้ฝูงตั๊กแตนไม่มีกษัตริย์
ทุกๆ ตัวก็ยังเดินต่อเป็นขบวนกันตามตำแหน่ง
28 จิ้งจกเป็นสิ่งที่เจ้าจับมันไว้ในมือได้
ถึงกระนั้นมันเป็นสัตว์ที่เข้าไปอยู่ในวังของกษัตริย์ได้ด้วย
29 มีสามสิ่งที่เดินอย่างองอาจ
สี่สิ่งที่ก้าวไปอย่างสง่าผ่าเผย
30 สิงโตซึ่งมีกำลังมหาศาลที่สุดในหมู่สัตว์ป่า
มันไม่เคยเหลียวหลังกลับให้ใคร
31 ไก่ผู้ชูคอ แพะหนุ่มก็เช่นกัน
และกษัตริย์ที่มีกลุ่มทหารอยู่ด้วย
32 ถ้าเจ้าประพฤติอย่างโง่ๆ โดยการยกยอตัวเอง
หรือถ้าวางแผนการอันชั่วร้าย
จงใช้มือปิดปากของเจ้าไว้
33 เมื่อสกัดนมสด สิ่งที่ได้คือเนย
เมื่อบีบจมูก สิ่งที่ได้คือเลือด
และเมื่อเค้นความโกรธ ผลที่ได้คือการทะเลาะวิวาท
คำพูดของกษัตริย์เลมูเอล
31 คำพูดของกษัตริย์เลมูเอล เป็นคำพยากรณ์ที่มารดาของท่านสอนไว้คือ
2 “รู้ไหม ลูกแม่เอ๋ย รู้ไหม ลูกที่เกิดจากท้องของเรา
รู้ไหม ลูกที่เกิดจากคำสัญญา
3 อย่ามอบกำลังของเจ้าให้แก่เหล่าสตรี
อย่ามอบวิถีทางของเจ้าแก่พวกทำลายบรรดากษัตริย์
4 เหล้าองุ่นไม่ใช่เครื่องดื่มสำหรับกษัตริย์ โอ เลมูเอลเอ๋ย
บรรดากษัตริย์ไม่ควรดื่มเหล้าองุ่น
และไม่เหมาะสมที่ผู้นำจะดื่มสุรา
5 เพราะเกรงว่าเมื่อดื่มแล้วจะลืมว่าได้สั่งอะไรออกไปบ้าง
และละเมิดสิทธิของบรรดาผู้มีความทุกข์
6 จงให้สุราแก่คนที่กำลังจะตาย
และเหล้าองุ่นแก่พวกที่มีจิตใจบอบช้ำ
7 ให้พวกเขาดื่มเพื่อลืมความทุกข์ยาก
และจำความทุกข์ไม่ได้อีกเลย
8 จงเปิดปากของเจ้าเพื่อปกป้องคนที่พูดปกป้องตัวเองไม่ได้
เพื่อสิทธิของทุกคนที่ถูกทอดทิ้ง
9 จงเปิดปากของเจ้า จงตัดสินความด้วยความชอบธรรม
จงรักษาสิทธิของคนมีความทุกข์และคนยากไร้ให้คงอยู่”
ภรรยาผู้แข็งขัน
10 ใครจะหาภรรยาผู้ประเสริฐได้
เธอมีค่าเกินกว่าเพชรพลอย
11 สามีไว้ใจในตัวเธอเป็นที่สุด
และเขาจะไม่ขาดประโยชน์เลย
12 เธอปฏิบัติต่อเขาด้วยความดี
ไม่มีภัยตลอดชั่วชีวิต
13 เธอเสาะหาขนแกะและป่าน
แล้วลงมือทำงานด้วยความยินดี
14 เธอเปรียบได้กับเรือสินค้า
นำของกินมาจากแดนไกล
15 เธอตื่นนอนตั้งแต่ฟ้ายังมืด
และจัดหาอาหารให้ครอบครัว
อีกทั้งหางานให้พวกสาวใช้ทำ
16 เธอเสาะหาที่ดินได้ก็ซื้อไว้
เธอปลูกสวนองุ่นได้ก็จากน้ำพักน้ำแรงของตนเอง
17 เธอรวบรวมพลังให้พร้อม
และแขนก็แข็งแรง
18 เธอเข้าใจว่าการค้าของเธอได้ผลกำไรดี
ตะเกียงของเธอไม่ดับในยามค่ำคืน
19 เธอปั่นด้ายและทอผ้า
ด้วยมือของเธอเอง
20 เธอเผื่อแผ่แก่คนขัดสน
และหยิบยื่นให้แก่ผู้ยากไร้
21 เธอไม่ต้องห่วงคนในเรือนยามมีหิมะลง
เพราะทุกคนนุ่งห่มด้วยด้ายทอขนแกะสีแดงสด
22 เธอทำปลอกสำหรับฟูกของเธอเอง
เครื่องนุ่งห่มทำด้วยผ้าป่านเนื้อดีสีม่วง
23 สามีของเธอซึ่งเป็นที่รู้จักดีที่ประตูเมือง
เขานั่งร่วมกับบรรดาผู้อยู่ในระดับปกครองของแผ่นดิน
24 เธอตัดเย็บเสื้อผ้าป่านไว้สำหรับขาย
และจำหน่ายผ้าสไบแก่พวกพ่อค้า
25 พละกำลังและความนับหน้าถือตาเป็นอาภรณ์ของเธอ
และเธอยิ้มรับวันข้างหน้า
26 เธอเปิดปากอันพรั่งพร้อมด้วยสติปัญญา
และคำสั่งสอนเรื่องความกรุณาอยู่ที่ลิ้นของเธอ
27 เธอดูแลครัวเรือนของตนเป็นอย่างดี
และไม่ใช้ชีวิตอย่างคนเกียจคร้าน
28 ลูกๆ ของเธอลุกขึ้นยืนและเรียกเธอว่า ผู้ได้รับพระพร
สามีของเธอก็เช่นกัน เขายกย่องเธอว่า
29 “ลูกสาวเป็นจำนวนมากได้ปฏิบัติตนอย่างประเสริฐ
แต่เธอทำได้เลิศยิ่งกว่าพวกเขาทั้งหมด”
30 เสน่ห์เป็นสิ่งลวงหลอก และความงามก็ไม่ยั่งยืน
แต่ผู้หญิงที่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าจะได้รับการยกย่อง
31 ขอให้เธอได้รับผลจากน้ำพักน้ำแรงของเธอ
และให้ผลงานของเธอเป็นที่ยกย่อง ณ ประตูเมืองเถิด
ทุกสิ่งไร้ค่า
1 ถ้อยคำของปัญญาจารย์บุตรของกษัตริย์ดาวิดแห่งเยรูซาเล็ม คือ
2 ปัญญาจารย์กล่าวว่า ไร้ค่าที่สุด
ไร้ค่าที่สุด ทุกสิ่งไร้ค่าทั้งสิ้น
3 มนุษย์ได้รับประโยชน์อะไรจากการลงแรง
ตรากตรำกับงานทุกอย่างที่เขาทำในโลกนี้
4 แต่ละยุคล่วงไป ยุคแล้วยุคเล่า
แต่โลกคงอยู่ตลอดไป
5 ดวงอาทิตย์ขึ้นและดวงอาทิตย์ตก
และรีบไปยังที่ๆ มันขึ้นมา
6 ลมพัดไปทางทิศใต้
และหมุนวนไปทางทิศเหนือ
ลมพัดวนไปเวียนมา
และวนกลับมาอีก
7 ลำธารทุกสายไหลลงสู่ทะเล
แต่ทะเลก็ไม่เคยเต็ม
น้ำตกลงสู่จุดกำเนิดของลำธาร
แล้วก็ไหลออกไปจากที่นั่นอีก
8 ทุกสิ่งดูน่าอ่อนล้ายิ่งนัก
จนมนุษย์ไม่อาจพรรณนาได้
ที่นัยน์ตาของเราเห็นนั้นยังไม่พอ
และที่ได้ยินนั้นก็ยังไม่เต็มอิ่ม
9 อะไรที่เคยเป็นก็จะเป็นอีก
และสิ่งที่กระทำกันมาแล้ว ก็จะกระทำกันอีก
คือไม่มีอะไรแปลกใหม่ในโลกนี้
10 มีสิ่งใดบ้างที่คนจะอ้างได้ว่า
“ดูสิ นี่เป็นสิ่งแปลกใหม่”
เพราะมันมีอยู่นานแล้ว
ตั้งแต่ยุคก่อนหน้าเราเสียอีก
11 ไม่มีใครระลึกถึงคนที่มีชีวิตในอดีต
และแม้แต่บรรดาคนรุ่นต่อไป
ก็จะไม่เป็นที่ระลึกถึงในบรรดา
ผู้ที่มาภายหลังอีกเช่นกัน
ความไร้ค่าของสติปัญญา
12 ข้าพเจ้าปัญญาจารย์ผู้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอลในเยรูซาเล็ม 13 และข้าพเจ้าตั้งใจใช้สติปัญญาในการเสาะหาและค้นคว้าทุกสิ่งที่เป็นไปในโลกนี้ ซึ่งนับว่าเป็นภาระหนักที่พระเจ้าได้มอบให้แก่บรรดาบุตรของมนุษย์ 14 ข้าพเจ้าได้เห็นทุกสิ่งที่เป็นไปในโลก ดูเถิด สิ่งทั้งปวงล้วนไร้ค่าและเป็นการไล่คว้าลม
15 อะไรที่งอก็จะทำให้ตรงไม่ได้
และอะไรที่ขาดหายไปก็จะนับไม่ได้
16 ข้าพเจ้าคิดในใจว่า “เรามีสติปัญญามาก คือมากเกินกว่าทุกคนที่เคยปกครองเยรูซาเล็มในอดีต และใจของเราก็คุ้นเคยกับสติปัญญาและความรู้เป็นอย่างดี” 17 และข้าพเจ้าพยายามคิดเรื่องการเข้าใจสติปัญญา การเข้าใจความขาดสติยั้งคิดและความโง่เขลา แต่แล้วข้าพเจ้าก็ทราบว่า นั่นเป็นเพียงการไล่คว้าลมเช่นกัน
18 เพราะว่ายิ่งมีสติปัญญามาก ก็ยิ่งจะกังวลมาก
และยิ่งมีความรู้มาก ก็ยิ่งจะเศร้าใจมาก
ความไร้ค่าของการหาความสุขใส่ตัว
2 ข้าพเจ้าคิดในใจว่า “เอาล่ะ เราจะทดลองเจ้าด้วยความสนุกสนาน เพื่อดูว่าสิ่งไหนเป็นสิ่งดีบ้าง” แต่ก็พิสูจน์เห็นแล้วว่า มันไร้ค่าเช่นกัน 2 ข้าพเจ้าเห็นว่า การหัวเราะเป็นเรื่องโง่เขลา และความสนุกสนานเล่า มันสร้างความสำเร็จอย่างใดบ้าง 3 ข้าพเจ้าพยายามหาความสำราญใจให้แก่ตนเองด้วยเหล้าองุ่น และฉวยเอาความโง่เขลา ถึงกระนั้นสติปัญญาก็ยังเป็นฝ่ายนำในความคิดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าใคร่จะดูว่า เวลาอันสั้นในช่วงชีวิตมนุษย์นั้น มีอะไรดีๆ ที่พวกเขาจะกระทำในโลกได้บ้าง 4 ข้าพเจ้ากระทำหลายสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ข้าพเจ้าสร้างบ้านหลายหลัง และปลูกสวนองุ่นเอง 5 ข้าพเจ้าปลูกสวนพืชและไร่ผลไม้นานาชนิด 6 ข้าพเจ้าขุดบ่อไว้ใช้รดน้ำต้นไม้ที่กำลังงอกงามในสวน 7 ข้าพเจ้าซื้อทาสทั้งชายและหญิง และทาสที่เกิดในบ้านของข้าพเจ้าเพิ่มจำนวนขึ้นอีกด้วย ข้าพเจ้าเป็นเจ้าของฝูงโคและแพะแกะมากมาย มากกว่าทุกคนที่อยู่ก่อนหน้าข้าพเจ้าในเยรูซาเล็ม 8 ข้าพเจ้าสะสมเงินและทองคำจำนวนมหาศาล และสมบัติจากบรรดากษัตริย์และอาณาจักรไว้ด้วย ข้าพเจ้ามีนักร้องชายและหญิง และภรรยาน้อยหลายคน ซึ่งเป็นสิ่งที่บรรดาผู้ชายนิยมชมชอบ
9 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงยิ่งใหญ่และเหนือกว่าทุกคนที่อยู่ก่อนหน้าข้าพเจ้าในเยรูซาเล็ม และสติปัญญาของข้าพเจ้าก็อยู่กับข้าพเจ้าด้วย 10 ไม่มีสิ่งใดที่ข้าพเจ้าอยากได้ แล้วจะไม่ได้ ข้าพเจ้าไม่ได้ละเว้นจากสิ่งที่ให้ความสุขใจ ดังนั้นข้าพเจ้ายินดีกับการงานทุกอย่างที่ทำ และนี่คือรางวัลของข้าพเจ้าซึ่งได้มาจากการทำงานทั้งสิ้น 11 ฉะนั้นข้าพเจ้านึกถึงทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าปฏิบัติด้วยมือข้าพเจ้า และการงานที่ข้าพเจ้าลงแรงตรากตรำ ดูเถิด ทุกสิ่งช่างไร้ค่า และเป็นการไล่คว้าลม และไม่มีสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ในโลกนี้
ความไร้ค่าของการใช้ชีวิตอย่างฉลาด
12 ข้าพเจ้าจึงนึกถึงเรื่องสติปัญญา ความขาดสติยั้งคิด และความโง่เขลา คนที่มาภายหลังกษัตริย์ในอดีตจะทำอะไรอีกได้ นอกจากจะทำสิ่งที่ท่านได้ปฏิบัติกันมาแล้ว 13 ข้าพเจ้าจึงเห็นว่าสติปัญญาดีกว่าความโง่เขลา เช่นเดียวกับความสว่างที่ดีกว่าความมืด 14 ผู้มีสติปัญญาสามารถรู้เห็นวิถีทางของตน แต่คนโง่เขลาเดินในความมืด และข้าพเจ้าทราบว่าทุกคนต้องเผชิญสิ่งที่เหมือนๆ กัน 15 ข้าพเจ้าจึงคิดในใจว่า “อะไรที่เกิดกับคนโง่เขลาก็จะเกิดกับเราด้วย แล้วเราจะมีสติปัญญาเช่นนี้ไปทำไม” ข้าพเจ้าจึงคิดในใจว่า “นั่นก็ไร้ค่าเช่นกัน” 16 เพราะไม่ว่าจะเป็นคนเรืองปัญญา หรือเป็นคนโง่เขลาก็ตาม ไม่มีใครระลึกถึงพวกเขาได้นาน ข้าพเจ้าเห็นว่าทุกคนจะถูกลืมในบั้นปลาย คนเรืองปัญญาและคนโง่เขลาก็ต้องตายเหมือนกัน 17 ข้าพเจ้าจึงเกลียดชีวิต เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกทำให้ข้าพเจ้าเศร้าใจ เพราะทุกสิ่งไร้ค่า และเป็นการไล่คว้าลม
ความไร้ค่าของการลงแรงตรากตรำ
18 ข้าพเจ้าเกลียดงานตรากตรำทั้งสิ้นที่ข้าพเจ้าได้กระทำในโลกนี้ เมื่อเห็นว่าข้าพเจ้าต้องทิ้งทุกสิ่งไว้ให้แก่คนที่จะมาภายหลังข้าพเจ้า 19 และใครจะทราบได้ว่า เขาจะเป็นคนมีสติปัญญาหรือเป็นคนโง่เขลา แต่เขาก็ยังจะเป็นเจ้าของทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าลงแรงตรากตรำและใช้สติปัญญาของข้าพเจ้าในโลกนี้ นี่ก็ไร้ค่าเช่นกัน 20 ข้าพเจ้าจึงสิ้นหวังในงานตรากตรำทั้งสิ้นที่ข้าพเจ้าลงแรงไปแล้วในโลกนี้ 21 เพราะว่าคนที่ได้ลงแรงตรากตรำด้วยสติปัญญา ความรู้ และความชำนาญ ต้องทิ้งทุกสิ่งไว้ให้แก่คนที่ไม่ได้ลงแรงตรากตรำได้ใช้อย่างมีความสุข นี่ก็ไร้ค่าและไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง 22 คนที่ลงแรงตรากตรำคร่ำเคร่งกับงานทุกชนิดได้รับผลอะไรจากสิ่งที่เขากระทำในโลกนี้บ้าง 23 เพราะตลอดชีวิตของเขาเต็มด้วยความเจ็บปวด และการงานของเขาสร้างความกังวล แม้แต่ยามค่ำคืน จิตใจของเขาก็ยังไม่หยุดพัก นี่ก็ไร้ค่าเช่นกัน
24 ไม่มีอะไรดีสำหรับมนุษย์มากไปกว่าการดื่ม กิน และมีความสุขกับการงานของเขา และข้าพเจ้าเห็นว่า สิ่งนี้มาจากอานุภาพของพระเจ้าด้วย 25 ไม่มีใครสามารถรับประทานหรือหาความสุขจากชีวิตได้ นอกจากว่าพระเจ้าจะช่วยเขา 26 เพราะว่าพระเจ้าได้มอบสติปัญญา ความรู้ และความยินดีให้แก่คนที่ทำให้พระเจ้าพอใจ แต่พระองค์ทำให้คนบาปทำงาน รวบรวมผล และเก็บสะสม ก็เพียงเพื่อให้แก่คนที่ทำให้พระเจ้าพอใจ นี่ก็ไร้ค่าเช่นกัน และเป็นการไล่คว้าลม
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation