Bible in 90 Days
คำอธิษฐานขอให้คุ้มครองและชี้ทาง
ของดาวิด
1 โอ พระผู้เป็นเจ้า จิตวิญญาณข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระองค์
2 ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์ โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า
อย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าได้รับความอับอาย
หรือปล่อยให้ศัตรูมีชัยเหนือข้าพเจ้า
3 อย่าปล่อยให้คนที่เฝ้ารอคอยพระองค์ได้รับความอับอาย
แต่คนที่จะได้รับความอับอายคือ คนที่ทรยศโดยไร้สาเหตุ
4 พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้ล่วงรู้แนวทางของพระองค์
ขอสอนวิถีทางของพระองค์แก่ข้าพเจ้า
5 โปรดนำข้าพเจ้าเพื่อให้ทราบถึงความจริงของพระองค์ และสอนข้าพเจ้า
เพราะพระองค์คือพระเจ้าแห่งความรอดพ้นของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้ามีความหวังในพระองค์ตลอดวันเวลา
6 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดระลึกถึงความเมตตาและความรักอันมั่นคงของพระองค์
อันมีมาเนิ่นนานแล้วด้วยเถิด
7 ขอพระองค์อย่าจดจำบาปที่ข้าพเจ้ากระทำครั้งยังหนุ่ม
หรือสิ่งที่ข้าพเจ้าล่วงละเมิด
ขอพระองค์ระลึกถึงข้าพเจ้าตามความรักอันมั่นคงของพระองค์เถิด
โอ พระผู้เป็นเจ้า เพราะว่าพระองค์เป็นผู้ประเสริฐ
8 พระผู้เป็นเจ้าประเสริฐและมีความชอบธรรม
ฉะนั้นพระองค์สั่งสอนคนบาปให้ดำเนินตามวิถีทาง
9 พระองค์นำคนถ่อมตัวไปในทางอันถูกต้อง
และสั่งสอนวิถีทางของพระองค์ให้แก่พวกเขา
10 บรรดาผู้ปฏิบัติตามพันธสัญญาและคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้า
จะได้สัมผัสกับความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริง
11 โอ พระผู้เป็นเจ้า แม้ความชั่วของข้าพเจ้าจะใหญ่หลวงนัก
ขอได้โปรดให้อภัยเพื่อพระนามของพระองค์
12 ผู้เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าคือใคร
ก็คือคนที่พระองค์จะสอนวิถีทางซึ่งเขาควรจะเลือกไว้
13 เขาจะใช้ชีวิตอย่างอุดมสมบูรณ์
และบรรดาผู้สืบตระกูลของเขาจะได้รับผืนแผ่นดินเป็นมรดก
14 พระผู้เป็นเจ้าให้คำปรึกษาเป็นการส่วนตัวกับคนที่เกรงกลัวพระองค์
และทำให้เขารู้แจ้งถึงพันธสัญญาของพระองค์
15 ข้าพเจ้าทอดสายตาไปทางพระผู้เป็นเจ้าเสมอ
เพราะพระองค์จะช่วยให้เท้าของข้าพเจ้าหลุดออกจากตาข่าย
16 โปรดมองดูข้าพเจ้าและกรุณาต่อข้าพเจ้าด้วยเถิด
เพราะว่าข้าพเจ้ารู้สึกเดียวดายและเป็นทุกข์
17 ช่วยบรรเทาความทุกข์ในจิตใจข้าพเจ้า
และให้ข้าพเจ้าหลุดพ้นจากความเจ็บปวดรวดร้าว
18 โปรดมองดูความทุกข์ทรมานตลอดจนความทุกข์ยากของข้าพเจ้า
และยกโทษบาปทั้งหมดที่ข้าพเจ้ากระทำไว้
19 ดูเถิดว่าศัตรูข้าพเจ้ามีมากเพียงไร
และพวกเขาเกลียดชังข้าพเจ้าเข้ากระดูกดำ
20 ได้โปรดปกป้องชีวิตข้าพเจ้า และให้ข้าพเจ้ารอดพ้น
อย่าให้ข้าพเจ้าต้องอับอาย
เพราะพระองค์เป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า
21 ขอให้สัจจะและความชอบธรรมปกป้องข้าพเจ้า
ด้วยว่าข้าพเจ้ารอคอยพระองค์
22 โอ พระเจ้า โปรดไถ่อิสราเอล
จากความทุกข์ยากทั้งปวงเถิด
ประกาศถึงความชอบธรรม และวิงวอนขอความยุติธรรม
ของดาวิด
1 โปรดพิสูจน์ว่าข้าพเจ้าไม่ผิด โอ พระผู้เป็นเจ้า
ด้วยว่าข้าพเจ้ายึดเอาสัจจะเป็นทางดำเนินชีวิต
และข้าพเจ้าไม่ลังเลที่จะวางใจในพระผู้เป็นเจ้า
2 โอ พระผู้เป็นเจ้า ตรวจสอบข้าพเจ้า และพิสูจน์ใจข้าพเจ้าเถิด
ทดสอบจิตใจและความคิดของข้าพเจ้า
3 ด้วยว่าข้าพเจ้าเห็นความรักอันมั่นคงของพระองค์
และดำเนินชีวิตในความจริงของพระองค์
4 ข้าพเจ้าไม่นั่งมั่วสุมกับคนประพฤติชั่ว
และไม่คบหาสมาคมกับคนหน้าไหว้หลังหลอก
5 ข้าพเจ้าเกลียดพวกทำความชั่ว
และจะไม่นั่งรวมอยู่กับคนเลว
6 ข้าพเจ้าล้างมือแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจ
และจะไปที่แท่นบูชาของพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า
7 เพื่อจะส่งเสียงร้องขอบคุณ
และบอกเล่าถึงสิ่งมหัศจรรย์ทั้งสิ้นที่พระองค์กระทำ
8 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ารักพระตำหนักของพระองค์
และสถานที่ที่พระบารมีของพระองค์ปรากฏอยู่
9 อย่ากำจัดชีวิตข้าพเจ้าไปพร้อมกับพวกคนบาป
หรือกำจัดชีวิตข้าพเจ้าไปพร้อมกับคนกระหายเลือด
10 มือของเขากระทำการอันชั่วร้าย
และมือขวารับสินบนเสมอไป
11 แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าเป็นคนที่ยึดเอาสัจจะเป็นทางดำเนินชีวิต
โปรดไถ่ข้าพเจ้าและเมตตาข้าพเจ้าด้วยเถิด
12 เท้าของข้าพเจ้ายืนอยู่บนที่ราบ
ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าในที่ประชุมใหญ่
ไว้วางใจและมั่นใจในพระผู้เป็นเจ้า
ของดาวิด
1 พระผู้เป็นเจ้าเป็นแสงสว่างและความรอดพ้นของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะกลัวใครเล่า
พระผู้เป็นเจ้าเป็นที่หลบภัยของชีวิตข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะหวั่นกลัวผู้ใด
2 เวลาคนชั่วต่อต้านเพื่อทำร้าย
ดั่งจะกลืนกินข้าพเจ้า
เวลาฝ่ายตรงข้ามและศัตรูโจมตีข้าพเจ้า
พวกเขาจะพลาดและล้มลง
3 แม้จะมีกองทัพตีวงล้อมข้าพเจ้า
ใจข้าพเจ้าก็ไม่หวาดหวั่น
แม้จะมีใครก่อศึกรุกรานข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าก็ยังจะมีความมั่นใจ
4 มีสิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าวอนขอจาก
พระผู้เป็นเจ้าผู้ซึ่งข้าพเจ้าแสวงหา
คือขอให้ได้อยู่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า
ชั่วชีวิตของข้าพเจ้า
เพื่อทอดสายตาดูความงามสง่าของพระผู้เป็นเจ้า
และใคร่ครวญอยู่ในพระวิหารของพระองค์
5 เพราะพระองค์จะซ่อนข้าพเจ้าไว้
ในที่กำบังของพระองค์ในยามคับขัน
พระองค์จะช่วยข้าพเจ้าให้ปลอดภัยอยู่ในกระโจมของพระองค์[a]
และยกข้าพเจ้าไว้บนศิลาสูง
6 มาบัดนี้ศีรษะข้าพเจ้าจะถูกยก
ให้สูงเหนือศัตรูรอบข้าง
และข้าพเจ้าจะมอบเครื่องสักการะโดยส่งเสียงร้องแสดงความยินดีในกระโจมของพระองค์
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงและบรรเลงเพลงแด่พระผู้เป็นเจ้า
7 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดฟังในยามข้าพเจ้าตะโกนร้อง
โปรดเมตตาข้าพเจ้า และตอบข้าพเจ้า
8 ใจข้าพเจ้าบอกว่า “มาเถิด มาแสวงหาพระองค์เถิด”
โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์
9 โปรดอย่าซ่อนหน้าของพระองค์ไปเสียจากข้าพเจ้าเลย
ขออย่าผลักไสผู้รับใช้ของพระองค์ในเวลาที่พระองค์กริ้ว
พระองค์เป็นผู้ช่วยเหลือข้าพเจ้า
อย่าขับไล่ข้าพเจ้า อย่าทอดทิ้งข้าพเจ้า
โอ พระเจ้าแห่งความรอดพ้นของข้าพเจ้า
10 ถึงแม้ว่าบิดามารดาทอดทิ้งข้าพเจ้าไป
พระผู้เป็นเจ้าก็จะรับข้าพเจ้าไว้
11 โอ พระผู้เป็นเจ้า สอนข้าพเจ้าให้รู้วิถีทางของพระองค์เถิด
และนำข้าพเจ้าไปบนทางเรียบ เหตุเพราะศัตรู
12 อย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าตกเป็นเหยื่อของฝ่ายตรงข้าม
ด้วยว่า พวกพยานเท็จได้ลุกขึ้นต่อต้านข้าพเจ้า
และทุกลมหายใจของเขาคือความโหดร้าย
13 ข้าพเจ้าเชื่อว่าจะเห็นความกรุณาของพระผู้เป็นเจ้า
ในดินแดนของคนเป็น
14 จงรอคอยพระผู้เป็นเจ้า
จงเข้มแข็งและมีใจกล้าหาญ
จงรอคอยพระผู้เป็นเจ้า
ร้องขอความช่วยเหลือและขอบคุณพระองค์
ของดาวิด
1 โอ พระผู้เป็นเจ้า ศิลาของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์
อย่าปฏิเสธที่จะฟังข้าพเจ้า
เพราะหากว่าพระองค์เฉยเมยต่อข้าพเจ้าแล้ว
ข้าพเจ้าก็จะเป็นเหมือนคนที่ลงไปสู่หลุมลึกแห่งแดนคนตาย
2 โปรดฟังเสียงอ้อนวอนของข้าพเจ้า
ในยามร้องขอความช่วยเหลือ
ขณะที่ข้าพเจ้ายกมือขึ้น
สู่สถานที่บริสุทธิ์ของพระองค์
3 อย่าลากตัวข้าพเจ้าไปพร้อมกับพวกคนเลว
และหมู่คนชั่ว
ซึ่งได้แก่คนที่กล่าวถึงสันติภาพกับเพื่อนบ้านของตน
ทั้งๆ ที่จิตใจเลวทราม
4 ให้เขาได้รับผลตามสิ่งที่เขาปฏิบัติ
และการกระทำอันชั่วช้าของเขา
ให้เขาได้รับผลจากสิ่งที่มือของเขากระทำ
ให้เขาได้รับคืนตามสิ่งที่เขาได้กระทำ
5 เพราะพวกเขาไม่ได้ใส่ใจการงานของพระผู้เป็นเจ้า
หรืองานจากฝีมือของพระองค์
พระองค์จะทำให้พวกเขาล้มลง
และไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก
6 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระองค์ได้ยินเสียงอ้อนวอนของข้าพเจ้า
7 พระผู้เป็นเจ้าเป็นพลังและเป็นโล่ของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์เป็นที่สุด
ดังนั้นเมื่อข้าพเจ้าได้รับความช่วยเหลือ ใจข้าพเจ้าจะยินดียิ่ง
และข้าพเจ้าขอขอบคุณพระองค์ด้วยบทเพลงของข้าพเจ้า
8 พระผู้เป็นเจ้าเป็นพลังแก่คนของพระองค์
และเป็นที่พึ่งพิงแห่งความรอดพ้นสำหรับผู้ได้รับการเจิมของพระองค์
9 โอ โปรดช่วยชนชาติของพระองค์ให้รอดพ้น และอวยพรผู้สืบมรดกของพระองค์
โปรดเป็นผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ และทะนุถนอมพวกเขาไปชั่วนิรันดร์กาล
เสียงของพระเจ้าในลมพายุ
เพลงสดุดีของดาวิด
1 โอ บรรดาบุตรของพระเจ้า จงป่าวร้องให้พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงป่าวร้องว่า พระผู้เป็นเจ้าเพียบพร้อมด้วยพระบารมีและพลานุภาพ
2 จงป่าวร้องว่า พระนามของพระผู้เป็นเจ้าใหญ่ยิ่งนัก
กราบนมัสการพระผู้เป็นเจ้าในความบริสุทธิ์ของพระองค์
3 เสียงพระผู้เป็นเจ้าก้องอยู่เหนือน้ำในทะเล
พระเจ้าแห่งพระบารมีเปล่งเสียงเป็นฟ้าร้อง
เสียงพระผู้เป็นเจ้าก้องอยู่เหนือน้ำในมหาสมุทร
4 เสียงพระผู้เป็นเจ้ากอปรด้วยฤทธานุภาพ
เสียงพระผู้เป็นเจ้ากอปรด้วยความยิ่งใหญ่
5 เสียงพระผู้เป็นเจ้าสามารถหักต้นซีดาร์
พระผู้เป็นเจ้าโค่นต้นซีดาร์แห่งเลบานอนลง[b]
6 พระองค์ทำให้ภูเขาเลบานอนลิงโลดราวกับลูกโคตัวผู้
และภูเขาสีรีออนกระโดดดั่งกระทิงหนุ่ม[c]
7 เสียงพระผู้เป็นเจ้าดังกระหึ่มออกไปดั่งเปลวไฟลุก
8 เสียงพระผู้เป็นเจ้าทำให้ถิ่นทุรกันดารสะเทือนเลื่อนลั่น
พระผู้เป็นเจ้าทำให้ถิ่นทุรกันดารคาเดชสั่นไหว
9 เสียงพระผู้เป็นเจ้าทำให้ต้นโอ๊กหมุนคว้าง
และทำให้ป่าไม้โล่งเตียน
และทุกคนร้องตะโกนในพระวิหารว่า “สรรเสริญพระเจ้า”
10 พระผู้เป็นเจ้าสถิตบนบัลลังก์เมื่อน้ำท่วม
พระผู้เป็นเจ้าสถิตบนบัลลังก์ฐานะกษัตริย์ตลอดกาล
11 พระผู้เป็นเจ้ามอบพละกำลังแก่คนของพระองค์
พระผู้เป็นเจ้ามอบสันติสุขเป็นพระพรแก่คนของพระองค์
ขอบคุณและสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
เพลงสดุดีของดาวิด เพลงเนื่องในโอกาสอุทิศพระวิหาร
1 ข้าพเจ้าจะยกย่องพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า
ด้วยว่า พระองค์ได้ฉุดข้าพเจ้าขึ้นมา
และไม่ได้ปล่อยให้ข้าพเจ้าเป็นที่สะใจของพวกศัตรู
2 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือ
และพระองค์ก็ได้บำบัดรักษาข้าพเจ้าให้หาย
3 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้นำชีวิตข้าพเจ้าให้พ้นจากแดนคนตาย
และให้ข้าพเจ้ามีชีวิตขึ้นใหม่จากหลุมลึกแห่งแดนคนตาย
4 ร้องเพลงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด ผู้บริสุทธิ์ของพระองค์เอ๋ย
และขอบคุณพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์
5 เพราะความกริ้วของพระองค์เป็นไปเพียงขณะเดียว
แต่ความโปรดปรานย่อมเป็นไปชั่วชีวิต
การร่ำไห้อาจยาวนานถึงหนึ่งคืน
แต่ความยินดีย่อมเกิดขึ้นในยามเช้า
6 และสำหรับข้าพเจ้า ในยามปลอดภัยข้าพเจ้าพูดได้ว่า
“ข้าพเจ้าจะไม่มีวันหวั่นไหว”
7 เนื่องจากพระองค์โปรดปราน โอ พระผู้เป็นเจ้า
พระองค์ได้ทำให้ข้าพเจ้าเป็นดั่งภูเขาแข็งแกร่ง
หากพระองค์ซ่อนหน้าไปเสีย
ข้าพเจ้าก็หวั่นกลัว
8 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าร้องขอต่อพระองค์
และข้าพเจ้าวิงวอนขอต่อพระผู้เป็นเจ้า
9 หากว่าข้าพเจ้าลงไปสู่หลุมแห่งแดนคนตาย
ความตายของข้าพเจ้าทำให้เกิดประโยชน์อะไรได้
ผงธุลีจะสรรเสริญพระองค์หรือ
มันจะป่าวประกาศความสัตย์จริงของพระองค์หรือ
10 โปรดฟังเถิด พระผู้เป็นเจ้า และเมตตาข้าพเจ้า
โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดเป็นผู้ช่วยเหลือข้าพเจ้าเถิด
11 พระองค์เปลี่ยนความเศร้าโศกของข้าพเจ้าให้เป็นการเริงรื่น
พระองค์ปลดผ้ากระสอบของข้าพเจ้าออก
แล้วสวมความยินดีให้
12 เพื่อว่าจิตวิญญาณข้าพเจ้าจะได้สรรเสริญพระองค์ และไม่เงียบงัน
โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์ชั่วกาลนาน
วอนขอและวางใจในพระเจ้า
ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด
1 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ามีพระองค์เป็นที่พึ่งพิง
อย่าให้ข้าพเจ้าต้องอับอายเลย
พระองค์เป็นผู้มีความชอบธรรม
โปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นภัยเถิด
2 เงี่ยหูฟังข้าพเจ้า
ช่วยข้าพเจ้าให้ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด
โปรดเป็นศิลาที่พึ่งพิงแก่ข้าพเจ้า
เป็นป้อมปราการอันแข็งแกร่งเพื่อช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น
3 เพราะพระองค์เป็นศิลาและป้อมปราการของข้าพเจ้าอย่างแท้จริง
เพื่อพระนามของพระองค์ โปรดนำทางและชี้แนะข้าพเจ้า
4 ให้ข้าพเจ้าหลุดออกจากตาข่ายพรางที่มีไว้ดักข้าพเจ้า
เพราะพระองค์เป็นที่พึ่งพิงของข้าพเจ้า
5 ข้าพเจ้าขอฝากวิญญาณของข้าพเจ้าไว้ในมือของพระองค์ด้วย[d]
พระองค์ได้ไถ่ข้าพเจ้า โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้สัตย์จริง
6 ข้าพเจ้าเกลียดผู้ที่ฝักใฝ่ในรูปปั้นไร้ค่า
และข้าพเจ้าวางใจในพระผู้เป็นเจ้า
7 ข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีและดีใจในความรักอันมั่นคงของพระองค์
เพราะพระองค์เห็นความทุกข์ทรมานของข้าพเจ้า
และพระองค์ทราบถึงความทุกข์ยากในชีวิตของข้าพเจ้า
8 พระองค์ไม่ปล่อยให้ข้าพเจ้าตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู
และช่วยให้เท้าของข้าพเจ้าพ้นจากบ่วงอันตราย
9 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดเมตตาข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้ามีความทุกข์
ความระทมใจทำให้ดวงตาข้าพเจ้าช้ำชอก
จิตวิญญาณและร่างกายข้าพเจ้าก็เช่นกัน
10 ด้วยว่าชีวิตข้าพเจ้าเต็มด้วยความเศร้า
และวิตกกังวลอยู่นานหลายปี
พละกำลังของข้าพเจ้าอ่อนล้าเพราะบาปของข้าพเจ้า
และกระดูกก็กร่อนลง
11 ข้าพเจ้าเป็นที่ดูหมิ่นของศัตรูทั้งปวง
เป็นที่หวาดกลัวในหมู่เพื่อนบ้านข้าพเจ้า
บรรดาคนที่รู้จักก็หวาดกลัวในตัวข้าพเจ้า
ใครๆ ที่เห็นข้าพเจ้าตามถนนหนทางก็พากันวิ่งหนี
12 พวกเขาลืมข้าพเจ้าเหมือนกับว่าข้าพเจ้าได้ตายจากไปเสียแล้ว
ข้าพเจ้าได้กลายเป็นเสมือนภาชนะที่แตกหักแล้ว
13 ด้วยว่าข้าพเจ้าได้ยินหลายคนกระซิบว่าร้าย
มีสิ่งน่ากลัวรอบข้าง
ในขณะที่พวกเขาคบคิดกันต่อต้านข้าพเจ้า
ขณะที่เขาวางแผนเพื่อเอาชีวิตข้าพเจ้าไป
14 แต่ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าพูดได้ว่า “พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า”
15 ชีวิตข้าพเจ้าอยู่ในมือของพระองค์
โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากมือของศัตรูและผู้กดขี่ข่มเหง
16 โปรดหันมา ให้แสงอันรุ่งโรจน์ของพระองค์อยู่เหนือผู้รับใช้ของพระองค์
พระองค์ผู้มีความรักอันมั่นคง โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นด้วยเถิด
17 โอ พระผู้เป็นเจ้า อย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าต้องอับอาย
เพราะว่าข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์
ปล่อยให้คนชั่วอับอาย
ให้พวกเขาถูกเหวี่ยงลงในแดนคนตายอันเงียบสงัด
18 ปิดปากคนพูดเท็จที่หยิ่งยโส
ซึ่งสบประมาทด้วยถ้อยคำ
ดูหมิ่นผู้มีความชอบธรรม
19 พระองค์เตรียมความกรุณา
ที่มีอยู่มากมายไว้สำหรับคนที่เกรงกลัวพระองค์
และประทานแก่คนที่มีพระองค์เป็นที่พึ่ง
ต่อหน้าบรรดาบุตรของมนุษย์
20 ในที่ซึ่งมีพระองค์อยู่ด้วย พวกเขาย่อมปลอดภัย
จากกลอุบายของมนุษย์
พระองค์ช่วยพวกเขาให้ปลอดภัยในพลับพลาของพระองค์
ให้พ้นจากลิ้นอันธพาล
21 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
ด้วยว่า พระองค์ได้แสดงความรักอันมั่นคงต่อข้าพเจ้าอย่างวิเศษยิ่ง
เวลาข้าพเจ้าอยู่ในเมืองที่ถูกล้อมไว้
22 เมื่อข้าพเจ้าตกใจ ก็ได้พลั้งปากออกไปว่า
“ข้าพเจ้าไม่อยู่ในสายตาของพระองค์”
ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังได้ยินเสียงร้องขอความเมตตา
ในเวลาที่ข้าพเจ้าร้องเรียกให้พระองค์ช่วยเหลือ
23 บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระองค์เอ๋ย จงรักพระผู้เป็นเจ้า
พระผู้เป็นเจ้าปกปักรักษาผู้มีความภักดี
ส่วนคนหยิ่งยโส พระองค์จะสนองตอบตามที่เขาควรได้รับ
24 พวกท่านทุกคนที่รอคอยพระผู้เป็นเจ้า
จงเข้มแข็งและมีใจกล้าหาญเถิด
การสารภาพและการยกโทษ
เพลงสดุดีแห่งความฉลาดรอบรู้ของดาวิด
1 คนที่พระเจ้าได้ยกโทษให้เนื่องจากการล่วงละเมิด
และได้รับการลบล้างบาปแล้ว ก็เป็นสุข
2 คนไม่มีจิตวิญญาณอันลวงหลอก
และคนที่พระผู้เป็นเจ้าไม่ถือโทษ ก็เป็นสุข[e]
3 ครั้งที่ข้าพเจ้าไม่สารภาพบาป
กระดูกข้าพเจ้าก็ผุกร่อน
เพราะการคร่ำครวญยาวนานตลอดวันคืน
4 ด้วยว่า ทุกเช้าค่ำพระองค์ทำโทษข้าพเจ้า
กำลังของข้าพเจ้าแห้งเหือดราวกับความแล้งของฤดูร้อน เซล่าห์
5 ข้าพเจ้าจึงสารภาพบาปกับพระองค์
และไม่ได้ปกปิดความชั่วของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้ากล่าวออกไปว่า “ข้าพเจ้าขอสารภาพการล่วงละเมิดต่อพระผู้เป็นเจ้า”
และพระองค์ได้ยกโทษความผิดบาปแก่ข้าพเจ้า เซล่าห์
6 ฉะนั้น ให้ผู้ภักดีทุกคนอธิษฐานต่อพระองค์เถิด
เมื่อมีความทุกข์ยากลำบากเกิดขึ้น
หรือมีภัยอันตรายบังเกิดขึ้น
สิ่งเหล่านั้นไม่อาจแตะต้องตัวเขาได้
7 พระองค์เป็นที่หลบภัยของข้าพเจ้า
พระองค์ปกป้องข้าพเจ้าจากความทุกข์ยาก
พระองค์โอบอุ้มข้าพเจ้าไว้ด้วยเสียงร้องแห่งความมีชัย เซล่าห์
8 เราจะแนะแนวและสั่งสอนเจ้าถึงวิถีทางที่ควรจะเดินไป
เราจะแนะนำและชี้ทางให้แก่เจ้า
9 อย่าเป็นเหมือนม้าหรือล่อที่โง่เง่า
ไม่ยอมอยู่ใต้คำสั่ง
จึงต้องถูกบังคับด้วยเหล็กและบังเหียน
10 คนชั่วมีความทุกข์ยากมากมาย
แต่คนที่ไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้ามีความรักอันมั่นคงอยู่ล้อมรอบ
11 พวกท่านผู้มีความชอบธรรมจงยินดีในพระผู้เป็นเจ้า จงชื่นชมยินดี
พวกท่านผู้มีความชอบธรรมอยู่ในจิตใจ จงเปล่งเสียงร้องด้วยความสุขใจเถิด
ร้องเพลงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
1 พวกท่านผู้มีความชอบธรรม จงเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีในพระผู้เป็นเจ้า
สมควรแล้วที่ผู้มีความชอบธรรมจะสรรเสริญพระองค์
2 จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าด้วยพิณเล็ก
บรรเลงเพลงถวายแด่พระองค์ด้วยพิณสิบสาย
3 ร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระองค์
เล่นดนตรีด้วยความชำนาญและเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดี
4 ด้วยว่า คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้ามีความชอบธรรม
และสิ่งทั้งปวงที่พระองค์กระทำเป็นไปตามความสัตย์จริงของพระองค์
5 พระองค์รักความชอบธรรมและความเป็นธรรม
ในโลกนี้เราจะพบความรักอันมั่นคงของพระผู้เป็นเจ้ามากมาย
6 ด้วยคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าฟ้าสวรรค์ได้ถูกสร้างขึ้น
และหมู่ดาวทั้งหลายมีขึ้นได้ก็ด้วยคำพูดจากปากของพระองค์
7 พระองค์กักน้ำทะเลไว้ดั่งอยู่ในอ่างเก็บน้ำ
พระองค์กักน้ำจากทะเลลึกเอาไว้ในเขื่อน
8 ให้ทั้งโลกเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
ให้หมู่ชนผู้อาศัยบนโลกตกตะลึงในพระองค์
9 ด้วยว่าเมื่อใดพระองค์กล่าว สิ่งนั้นก็เกิดขึ้น
เมื่อพระองค์บัญชา สิ่งนั้นก็ถูกสร้างขึ้น
10 พระผู้เป็นเจ้าไม่ปล่อยให้บรรดาประชาชาติประสบความสำเร็จตามที่พวกเขาตัดสินใจ
พระองค์ทำให้บรรดาชนชาติรู้สึกกระวนกระวายกับแผนที่ตนวางไว้
11 แผนของพระผู้เป็นเจ้ายืนยงตลอดกาล
ใจพระองค์คิดแน่วแน่ทุกกาลสมัย
12 ประชาชาติเป็นสุขได้เมื่อมีพระเจ้าเป็นพระผู้เป็นเจ้า
และเมื่อพระองค์ได้เลือกชนชาติให้เป็นผู้สืบมรดกของพระองค์
13 พระผู้เป็นเจ้ามองลงมาจากสวรรค์
พระองค์จะเห็นบรรดาบุตรของมนุษย์ทั้งปวง
14 พระองค์มองจากบัลลังก์
พระองค์มองตรงมายังทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลก
15 พระองค์ให้แต่ละคนมีความนึกคิด
และพระองค์สังเกตเห็นทุกสิ่งที่เขากระทำ
16 กองทัพใหญ่ไม่สามารถช่วยกษัตริย์ให้มีชีวิตรอดพ้น
พละกำลังมหาศาลไม่อาจช่วยนักรบให้รอดพ้นได้
17 ความคาดหวังที่จะได้ชัยชนะด้วยม้าศึกเป็นความหวังอันไร้ประโยชน์
และพละกำลังมหาศาลของมันก็ไม่อาจช่วยให้รอดพ้นได้
18 ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้าเฝ้าดูบรรดาผู้เกรงกลัวในพระองค์
และเหล่าผู้หวังในความรักอันมั่นคงของพระองค์
19 เพื่อช่วยจิตวิญญาณของพวกเขาให้พ้นจากภัยที่ถึงแก่ชีวิต
อีกทั้งให้เขามีชีวิตคงอยู่ได้ในยามอดอยาก
20 จิตวิญญาณของเรารอคอยพระผู้เป็นเจ้า
พระองค์เป็นผู้ช่วยและเป็นดั่งโล่ของเรา
21 ใจของเรายินดีในพระองค์
เพราะเราวางใจในพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์
22 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดให้พวกเราได้รับความรักอันมั่นคงของพระองค์
ดั่งที่เรามีความหวังในพระองค์เถิด
คำสรรเสริญเมื่อพ้นจากภัยอันตราย
ของดาวิด ในครั้งที่ท่านแสร้งเสียสติต่อหน้าอาบีเมเลคเพื่อจะได้ถูกขับไล่ และดาวิดก็จากไป[f]
1 ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าอยู่เป็นนิตย์
คำสรรเสริญจะติดอยู่ที่ปากข้าพเจ้าเรื่อยไป
2 ชีวิตข้าพเจ้าโอ้อวดเรื่องของพระผู้เป็นเจ้า
ให้ผู้มีความทุกข์ทรมานรับฟังและดีใจเถิด
3 มาสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้ากับข้าพเจ้าเถิด
และเรามายกย่องพระนามของพระองค์ด้วยกันเถิด
4 ข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ก็ตอบข้าพเจ้า
และช่วยให้พ้นจากความกลัวทั้งปวง
5 จงวางใจในพระองค์และชื่นชมยินดี
เพื่อว่าใบหน้าของท่านจะไม่มีวันต้องอับอาย
6 คนทุกข์ยากคนนี้ส่งเสียงร้อง และพระผู้เป็นเจ้าได้ยิน
และช่วยเขาให้พ้นจากความยากลำบากทั้งปวง
7 ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าคอยปกป้องบรรดาผู้เกรงกลัวพระองค์
และช่วยให้พ้นภัย
8 จงลิ้มรสและจะได้รู้เองว่าพระผู้เป็นเจ้าประเสริฐยิ่ง
คนที่พึ่งพิงในพระองค์จะเป็นสุข
9 บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
ด้วยว่าคนที่เกรงกลัวพระองค์จะไม่ต้องการสิ่งอื่นใดอีก
10 สิงโตหนุ่มต้องทนทุกข์จากความอยากและความหิว
แต่คนที่แสวงหาพระผู้เป็นเจ้าจะไม่อัตคัดสิ่งดี
11 มาเถิดลูกๆ จงฟัง
เราจะสอนเจ้าให้รู้จักความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
12 มีใครบ้างที่ยินดีกับชีวิต
และใคร่จะพบกับสิ่งดีงามในชีวิตอันยาวนาน
13 จงบังคับลิ้นไม่ให้กล่าวคำชั่วช้า
และไม่ให้ปากของเจ้ากล่าวสิ่งลวงหลอก
14 จงหลีกเลี่ยงการทำความชั่วเพื่อทำความดี
จงใฝ่หาสันติสุขและมุ่งมั่นเพื่อจะได้มาซึ่งสันติสุขนั้น
15 ตาของพระผู้เป็นเจ้าเฝ้ามองคนที่มีความชอบธรรม
และพระองค์ฟังเสียงร้องของเขา
16 พระผู้เป็นเจ้าขัดขวางบรรดาผู้กระทำความชั่ว
และลบความทรงจำที่เกี่ยวกับพวกเขาไปเสียจากโลก
17 เวลาผู้มีความชอบธรรมร้องขอความช่วยเหลือ
พระผู้เป็นเจ้าย่อมสดับและช่วยพวกเราให้พ้นจากความยากลำบากทั้งปวง
18 พระผู้เป็นเจ้าอยู่ใกล้ชิดกับคนชอกช้ำใจ
และช่วยคนสิ้นหวังให้พ้นทุกข์
19 ผู้มีความชอบธรรมพบทุกข์ทรมานหลายประการ
แต่พระผู้เป็นเจ้าช่วยเขาให้พ้นจากสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด
20 พระองค์ปกป้องกระดูกทุกชิ้น
โดยกระดูกจะไม่หักสักชิ้นเดียว
21 ความทุกข์ทำให้ชีวิตคนชั่วดับลง
และพวกที่เกลียดชังผู้มีความชอบธรรมจะถูกกล่าวโทษ
22 พระผู้เป็นเจ้าไถ่ชีวิตบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์
คนใดที่พึ่งพิงในพระองค์จะไม่ถูกกล่าวโทษ
อธิษฐานขอความช่วยเหลือ
ของดาวิด
1 โอ พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์ราวีคนที่ราวีข้าพเจ้า
ต่อสู้กับคนที่ต่อสู้ข้าพเจ้าเถิด
2 โปรดถือโล่และดั้ง
แล้วลุกขึ้นช่วยข้าพเจ้า
3 โปรดยกหอกและหลาว
ต่อต้านพวกที่ตามล่าข้าพเจ้า
โปรดให้คำมั่นกับจิตวิญญาณของข้าพเจ้าดังนี้ว่า
“เราคือความรอดพ้นของเจ้า”
4 ขอให้พวกที่ตามล่าชีวิตข้าพเจ้า
ต้องอับอายและไร้เกียรติ
ให้พวกที่วางแผนหวังให้ข้าพเจ้าพินาศ
ต้องหันหลังกลับและสับสน
5 ให้พวกเขาเป็นเหมือนแกลบที่ถูกลมพัดปลิวไป
พร้อมกับมีทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าไล่พวกเขาไปให้พ้น
6 ให้พวกเขาอยู่ในทางอันมืดมนและลื่น
พร้อมกับมีทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าตามล่าไป
7 ด้วยว่า พวกเขาซ่อนร่างแหไว้เตรียมจับข้าพเจ้าโดยไม่มีเหตุผล
พวกเขาขุดหลุมพรางเพื่อจะเอาชีวิตข้าพเจ้าอย่างไร้สาเหตุ
8 ให้พวกเขาประสบความพินาศโดยไม่ทันตั้งตัว
และให้พวกเขาตกในร่างแหที่ซ่อนไว้เอง
และจมลงในความพินาศ
9 แล้วจิตวิญญาณข้าพเจ้าจะยินดีในพระผู้เป็นเจ้า
และร่าเริงใจที่พระองค์ช่วยให้รอดพ้น
10 ทั่วทั้งกายใจข้าพเจ้าจะพูดว่า
“โอ พระผู้เป็นเจ้า มีใครบ้างที่เป็นเหมือนพระองค์
พระองค์ช่วยคนอ่อนแอให้พ้นจากคนที่แข็งแรงกว่า
ช่วยคนอ่อนแอและคนยากไร้ให้พ้นจากคนที่เอาเปรียบ”
11 คนชั่วเป็นพยานต่อต้านข้าพเจ้า
และกล่าวหาสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่รู้เรื่องด้วยเลย
12 พวกเขากระทำสิ่งเลวร้ายตอบสนองความดี
และจิตวิญญาณของข้าพเจ้าสิ้นหวัง
13 แต่ยามที่พวกเขาป่วย ข้าพเจ้าสวมผ้ากระสอบ
ข้าพเจ้าทนทุกข์เองด้วยการอดอาหาร
ข้าพเจ้าก้มคอลงจรดอกเพื่ออธิษฐาน
14 ราวกับว่าข้าพเจ้าระทมใจ
ถึงเพื่อนหรือพี่น้องของข้าพเจ้าเอง
เหมือนคนเศร้าโศกถึงมารดา
ข้าพเจ้าซบหน้าลงกับพื้นอย่างเศร้าสลด
15 แต่เวลาข้าพเจ้าทุกข์ร้อน พวกเขารวมหัวกันด้วยความยินดี
รวมหัวกันต่อต้านข้าพเจ้า
ส่วนคนที่ข้าพเจ้าไม่รู้จัก
พากันล้อเลียนข้าพเจ้าอย่างไม่หยุดยั้ง
16 พวกเขาล้อเลียนอย่างไร้คุณธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แล้วยังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ข้าพเจ้าด้วยความจงเกลียดจงชัง
17 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะมองดูข้าพเจ้าต่อไปนานเพียงไร
โปรดช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้พ้นจากการจู่โจมของพวกเขา
ช่วยชีวิตอันมีค่าของข้าพเจ้าจากพวกสิงโต
18 ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์ในที่ประชุมใหญ่
ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก
19 อย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าเป็นที่สะใจ
ของพวกศัตรูผู้ไร้ความเป็นธรรม
หรือพวกที่เกลียดชังข้าพเจ้า
อย่างไร้สาเหตุยิ้มเยาะข้าพเจ้าได้[g]
20 เพราะพวกเขาไม่พูดเรื่องที่ทำให้เกิดความสงบสุข
แต่เป็นเรื่องต่อต้านคนที่อยู่อย่างสงบสุขในแผ่นดิน
พวกเขาปั้นเรื่องเพื่อหลอกลวงคน
21 และเขาเปิดปากกว้างโจมตีข้าพเจ้า โดยพูดว่า
“นั่นแน่ะ นั่นแน่ะ พวกเราเห็นกับตา”
22 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์เห็นแล้ว และอย่าเงียบเฉยอยู่เลย
โอ พระผู้เป็นเจ้า อย่าอยู่ห่างข้าพเจ้า
23 โปรดตื่นขึ้น และลุกขึ้นปกป้องข้าพเจ้าเถิด
เพื่อเห็นแก่ข้าพเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า และพระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า
24 พระองค์มีความชอบธรรม โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า
โปรดพิสูจน์ให้เห็นเถิดว่า ข้าพเจ้าไม่ใช่ฝ่ายผิด
และอย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าเป็นที่สะใจของพวกศัตรู
25 อย่าให้พวกเขาพูดเอาเองว่า “ดูสิ เราได้สมใจแล้ว”
อย่าให้พวกเขาพูดได้ว่า “พวกเรากลืนเขาได้แล้ว”
26 ให้พวกที่สะใจในความวอดวายของข้าพเจ้า
อับอายและงงงันเสียให้หมด
ให้พวกที่อ้างว่าดีเลิศเกินข้าพเจ้า
สวมใส่ความอับอายและความอัปยศ
27 ให้บรรดาผู้ที่ชื่นชอบในความถูกต้องของข้าพเจ้า
ร้องตะโกนด้วยความยินดีและร่าเริงใจ
และกล่าวย้ำว่า “พระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่นัก
พระองค์ชื่นชอบในความสำเร็จของผู้รับใช้ของพระองค์”
28 แล้วลิ้นข้าพเจ้าจะบอกเล่าถึงความชอบธรรมของพระองค์
กล่าวสรรเสริญพระองค์ตลอดวันเวลา
ความชั่วของมนุษย์กับความดีของพระเจ้า
ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิดผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า
1 ความประพฤติที่ฝ่าฝืนพูดอยู่ที่ก้นบึ้งของจิตใจคนชั่ว
เขาไม่เคยคิดที่จะเกรงกลัวพระเจ้าเลย[h]
2 เพราะเขากระหยิ่มใจในสายตาของตนว่า
จะไม่มีใครพบหรือเกลียดชังความประพฤติอันชั่วช้าของเขาได้
3 คำพูดจากปากของเขาชั่วโฉดและลวงหลอก
เขาไม่ประพฤติตัวอย่างคนมีปัญญา และไม่ทำความดีอีกต่อไป
4 ขณะที่นอนอยู่บนเตียงเขาก็วางแผนร้าย
มุ่งกระทำแต่สิ่งไม่ดี
และไม่เคยปฏิเสธความชั่วร้าย
5 โอ พระผู้เป็นเจ้า ความรักอันมั่นคงของพระองค์ไปถึงแดนสวรรค์
และความสัตย์จริงของพระองค์มีไปถึงหมู่เมฆ
6 ความชอบธรรมของพระองค์เป็นเสมือนภูผาสูงตระหง่าน
คำตัดสินของพระองค์เป็นเสมือนห้วงน้ำลึกในมหาสมุทร
โอ พระผู้เป็นเจ้า ทั้งมนุษย์และสัตว์อยู่ในความดูแลของพระองค์
7 โอ พระเจ้า ความรักอันมั่นคงของพระองค์ช่างล้ำค่าเสียนี่กระไร
บรรดาบุตรของมนุษย์พึ่งพิงอยู่ภายใต้ร่มเงาปีกของพระองค์
8 พวกเขาอิ่มเอิบในความอุดมสมบูรณ์ของพระตำหนักของพระองค์
และพระองค์ให้เขาดื่มกินจากแม่น้ำแห่งความสำราญของพระองค์
9 เพราะว่าน้ำพุแห่งชีวิตสถิตกับพระองค์
เรามองเห็นแสงสว่างได้เนื่องจากแสงสว่างของพระองค์
10 ขอพระองค์ให้ความรักอันมั่นคงแก่ผู้ที่รู้จักพระองค์เสมอไป
และให้ความชอบธรรมของพระองค์แก่ผู้มีใจเที่ยงธรรม
11 อย่าปล่อยให้เท้าของคนเย่อหยิ่งเหยียบย่ำข้าพเจ้า
หรือมือของคนชั่วช้าสามานย์กวัดไกวไล่ข้าพเจ้าไปเสีย
12 คนชั่วนอนล้มลงอยู่ที่นั่น
เขาถูกผลักล้มจนลุกไม่ขึ้น
ความสำเร็จอันไม่ยั่งยืนของคนชั่ว และความสำเร็จอันแท้จริงของคนดี
ของดาวิด
1 อย่าว้าวุ่นใจเพราะคนชั่ว
หรืออิจฉาคนที่ทำสิ่งเลวร้าย
2 ด้วยว่าอีกไม่นานพวกเขาจะแห้งโรยราไปดังเช่นต้นหญ้า
และเหี่ยวเฉาลงอย่างพืชใบเขียว
3 จงไว้ใจพระผู้เป็นเจ้า และประพฤติแต่สิ่งดีงาม
เพื่อท่านจะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดิน และยินดีในความปลอดภัย
4 จงสุขใจในพระผู้เป็นเจ้า
และพระองค์จะให้ท่านดั่งใจต้องการ
5 จงมอบวิถีชีวิตของท่านไว้กับพระผู้เป็นเจ้า
จงไว้ใจพระองค์ และพระองค์จะดำเนินการ
6 พระองค์จะทำให้ความชอบธรรมของท่านเป็นที่ประจักษ์ดั่งแสงอรุณ
และสิทธิของท่านปรากฏชัดดั่งแสงยามเที่ยงวัน
7 จงนิ่งเงียบเมื่ออยู่ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า
และรอคอยด้วยความอดทน
อย่าว้าวุ่นใจเมื่อคนอื่นประสบความสำเร็จตามวิถีทางของเขา
เมื่อเขาทำตามเล่ห์กลของเขา
8 จงละเว้นจากความโกรธ และหนีห่างจากความฉุนเฉียว
อย่าว้าวุ่นใจ เพราะมันจะนำไปสู่ความเลวร้ายเท่านั้น
9 ด้วยว่าหมู่คนชั่วจะพินาศ
ส่วนบรรดาผู้รอคอยพระผู้เป็นเจ้าจะได้รับผืนแผ่นดินเป็นมรดก
10 อีกเพียงชั่วครู่จะไม่มีคนชั่วอีกต่อไป
แม้ท่านจะมองหาจนทั่วในที่ของเขาก็จะไม่พบ
11 แต่สำหรับผู้มีใจอ่อนน้อมจะได้รับผืนแผ่นดินเป็นมรดกจากพระเจ้า[i]
และเขาจะสุขใจในความสงบอันเต็มเปี่ยม
12 คนชั่ววางแผนต่อต้านผู้มีความชอบธรรม
และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกลียดชัง
13 แต่พระผู้เป็นเจ้าหัวเราะเยาะคนชั่ว
เพราะพระองค์ทราบว่าเวลาของพวกเขากำลังจะมาถึง
14 คนชั่วชักดาบออกมา และน้าวคันธนู
เพื่อทำลายคนอ่อนกำลังและยากไร้
เพื่อฆ่าบรรดาผู้ดำเนินชีวิตในความเป็นธรรม
15 ดาบของพวกเขาจะย้อนเข้าทิ่มแทงจิตใจของตนเอง
และคันธนูของพวกเขาจะถูกหัก
16 การมีแต่เพียงเล็กน้อยของผู้มีความชอบธรรม
ดีกว่าการมีอย่างล้นเหลือของคนชั่วหลายๆ คน
17 ด้วยว่าอำนาจของคนชั่วจะถูกทำลาย
แต่พระผู้เป็นเจ้าคุ้มครองบรรดาผู้มีความชอบธรรม
18 พระผู้เป็นเจ้าเอาใจใส่ผู้ที่ไร้ข้อตำหนิ
และมรดกของพวกเขาจะยั่งยืนไปตลอดกาล
19 ในยามคับขัน พวกเขาจะไม่เดือดร้อน
ในยามอดอยาก พวกเขาจะกลับมีอย่างอุดมสมบูรณ์
20 แต่พวกคนชั่วจะถึงแก่ความตาย
ศัตรูของพระผู้เป็นเจ้าเป็นเหมือนความงามของทุ่งหญ้าคือ
จะเลือนหายไปในพริบตา เลือนหายไปอย่างควันไฟ
21 คนชั่วขอยืมและไม่ใช้คืน
แต่ผู้มีความชอบธรรมเป็นคนใจกว้างและเป็นฝ่ายให้เสมอไป
22 คนที่ได้รับพระพรจากพระผู้เป็นเจ้าจะได้รับผืนแผ่นดินเป็นมรดก
แต่พวกที่พระองค์สาปแช่งจะพินาศ
23 ถ้าพระผู้เป็นเจ้าพอใจในวิถีทางของผู้ใด
พระองค์ก็ทำให้เท้าของเขาก้าวไปด้วยความมั่นคง
24 ถึงแม้จะพลาดบ้าง แต่ก็จะไม่ล้มลง
เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าจับมือเขาไว้
25 ข้าพเจ้าเคยเป็นหนุ่ม และมาบัดนี้ชราแล้ว
ข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นผู้มีความชอบธรรมถูกทอดทิ้ง
หรือลูกๆ ของเขาต้องขอข้าวกิน
26 เขาเป็นคนโอบอ้อมอารีเสมอ อีกทั้งให้คนอื่นยืมด้วย
และลูกๆ ของเขาจะเป็นพระพร
27 จงหันหนีจากความชั่วเพื่อทำความดี
แล้วท่านจะอาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินตลอดกาล
28 ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้ารักความเป็นธรรม
และจะไม่ทอดทิ้งบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระองค์
คือพวกเขาจะได้รับความคุ้มครองตลอดกาล
ส่วนลูกๆ ของคนชั่วร้ายจะพินาศ
29 ผู้มีความชอบธรรมจะได้รับผืนแผ่นดินเป็นมรดก
และอาศัยอยู่ที่นั่นไปตลอดกาล
30 ปากของผู้มีความชอบธรรมกล่าวถ้อยคำที่แสดงถึงสติปัญญา
และลิ้นของเขาร้อยเรียงด้วยความเป็นธรรม
31 กฎบัญญัติของพระเจ้าของเขาอยู่ในจิตใจ
และเท้าก้าวไปโดยไม่เพลี่ยงพล้ำ
32 คนชั่วจับจ้องผู้มีความชอบธรรม
โดยหมายจะเอาชีวิต
33 พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทอดทิ้งเขาให้ตกอยู่ในอุ้งมือของศัตรู
หรือปล่อยให้ถูกลงโทษเมื่อขึ้นศาล
34 จงรอคอยพระผู้เป็นเจ้า และเดินตามวิถีทางของพระองค์
และพระองค์จะให้เกียรติท่านโดยให้รับผืนแผ่นดินเป็นมรดก
ท่านจะได้เห็นความพินาศของคนชั่ว
35 ข้าพเจ้าเคยเห็นคนชั่วช้าสามานย์
ยืนสูงเด่นเป็นสง่าดั่งต้นซีดาร์แห่งเลบานอน
36 แต่ก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ค้ำฟ้าได้
แม้ข้าพเจ้าจะมองหาเขา แต่ก็ไม่พบ
37 จงสังเกตดูคนที่ไร้ข้อตำหนิ และจับตาดูผู้มีความชอบธรรม
เพราะคนใฝ่สันติจะมีวงศ์วานสืบตระกูลต่อไป
38 ส่วนคนล่วงละเมิดทุกคนจะถูกกำจัดสิ้น
อนาคตของคนชั่วจะพินาศ
39 ความรอดพ้นของผู้มีความชอบธรรมมาจากพระผู้เป็นเจ้า
พระองค์เป็นที่หลบภัยในยามทุกข์ยาก
40 พระผู้เป็นเจ้าช่วยและให้พวกเขาพ้นภัย
พระองค์ให้เขาพ้นภัยจากคนชั่วร้าย และช่วยพวกเขาให้รอดพ้น
เพราะเขามีพระองค์เป็นที่พักพิง
คำอธิษฐานของชายผู้ตกในความทุกข์ทรมาน
เพลงสดุดีของดาวิด ขอความกรุณา
1 โอ พระผู้เป็นเจ้าโปรดอย่าดุว่าข้าพเจ้าขณะที่พระองค์เกรี้ยวโกรธ
และขออย่าให้ข้าพเจ้าต้องเรียนรู้จากการลงโทษของพระองค์
2 เพราะว่าลูกศรของพระองค์ปักถูกตัว
และมือของพระองค์ฟาดที่ตัวข้าพเจ้า
3 เพราะความขัดเคืองของพระองค์ ร่างกายข้าพเจ้าจึงไม่สมบูรณ์
เพราะบาปของข้าพเจ้า กระดูกจึงไม่แข็งแรง
4 ความรู้สึกผิดท่วมท้นข้าพเจ้า
ประหนึ่งภาระหนักเกินกว่าจะทนได้
5 เป็นเพราะความโง่เขลาของข้าพเจ้า
บาดแผลจึงเน่า และส่งกลิ่นเหม็น
6 ข้าพเจ้าทิ้งตัวลงราบกับพื้น
และไม่ว่าข้าพเจ้าจะย่างก้าวไปที่ใด
ก็มีแต่ความเศร้าหมองตลอดวันเวลา
7 ด้วยว่าบั้นเอวข้าพเจ้าปวดแสบปวดร้อน
และเนื้อหนังข้าพเจ้าไม่อยู่ในสภาพปกติ
8 ข้าพเจ้าหมดเรี่ยวแรงและสิ้นหวังเป็นที่สุด
ข้าพเจ้าคร่ำครวญด้วยความร้าวรานใจ
9 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทราบทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการ
เสียงถอนหายใจของข้าพเจ้าไม่อาจซ่อนเร้นจากพระองค์ได้
10 ใจข้าพเจ้าสั่นระริก ข้าพเจ้าอ่อนกำลังลงมาก
และประกายตาของข้าพเจ้าก็สูญหายไปด้วย
11 บรรดาเพื่อนและมิตรสหายหลีกลี้ข้าพเจ้าไปเพราะภัยพิบัติ
พวกเพื่อนบ้านก็เลี่ยงหนีจากข้าพเจ้า
12 พวกที่ตามล่าชีวิตข้าพเจ้าวางกับดัก
ส่วนพวกที่ต้องการทำให้ข้าพเจ้าเจ็บปวดก็ขู่ว่าจะทำให้ข้าพเจ้าวอดวาย
พวกเขาวางแผนต่อต้านข้าพเจ้าตลอดวันเวลา
13 แต่ข้าพเจ้าเป็นเหมือนคนหูหนวก
ข้าพเจ้าไม่ได้ยิน เป็นอย่างคนใบ้ที่ไม่เปิดปาก
14 ข้าพเจ้าเป็นเช่นคนที่ไม่ได้ยิน
และมีปากที่ไร้การตอบโต้
15 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ารอคอยพระองค์
พระองค์จะตอบ โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า
16 เพราะข้าพเจ้ากล่าวไว้ว่า “อย่าปล่อยให้พวกเขาสมน้ำหน้าข้าพเจ้าด้วยใจยินดี
พวกเขาหยามน้ำหน้าข้าพเจ้าเวลาเท้าข้าพเจ้าเพลี่ยงพล้ำ”
17 ด้วยว่า ข้าพเจ้ากำลังจะล้มลง
และข้าพเจ้าเผชิญความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา
18 ข้าพเจ้าสารภาพความชั่วของตัวเอง
และเป็นทุกข์เรื่องบาปของข้าพเจ้า
19 พวกที่เป็นศัตรูข้าพเจ้าโดยไร้สาเหตุมีกำลังมาก
และคนที่เกลียดชังข้าพเจ้าอย่างผิดๆ ก็มีจำนวนมาก
20 บรรดาผู้ตอบสนองความดีของข้าพเจ้าด้วยความชั่ว
เป็นศัตรูข้าพเจ้า
เพราะข้าพเจ้าพยายามทำความดี
21 โอ พระผู้เป็นเจ้า อย่าทอดทิ้งข้าพเจ้าไป พระเจ้าของข้าพเจ้า
อย่าอยู่ห่างไปจากข้าพเจ้าเลย
22 โปรดช่วยข้าพเจ้าโดยเร็ว
โอ พระผู้เป็นเจ้า ผู้ช่วยให้รอดพ้นของข้าพเจ้า
การสารภาพของชายผู้ได้รับทุกข์ทรมาน
ถึงหัวหน้าวงดนตรี ถึงเยดูธูน เพลงสดุดีของดาวิด
1 ข้าพเจ้ากล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะเฝ้าระวังวิถีทางของข้าพเจ้า
และไม่ทำบาปด้วยลิ้นของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะครอบปากด้วยตะกร้อ
ตราบที่คนชั่วอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า”
2 ข้าพเจ้านิ่งเงียบ ข้าพเจ้าไม่ปริปาก
แม้แต่ในเรื่องดีใดๆ
และความทุกข์ก็ยิ่งทวีขึ้น
3 ใจข้าพเจ้าร้อนรุ่มในทรวงอก
ยิ่งข้าพเจ้ากังวล ข้าพเจ้ายิ่งรู้สึกแย่ลง
ครั้นแล้วลิ้นของข้าพเจ้าขยับและพูดว่า
4 “พระผู้เป็นเจ้า ให้ข้าพเจ้าล่วงรู้ถึงบั้นปลายชีวิตเถิด
และมีชีวิตอยู่นานเพียงไร
ให้ข้าพเจ้าทราบว่าชีวิตข้าพเจ้าผ่านไปรวดเร็วเพียงไร
5 ดูเถิด พระองค์ให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่เพียงระยะสั้นๆ
และในสายตาของพระองค์ ช่วงชีวิตข้าพเจ้าเป็นเพียงชั่วครู่ชั่วยาม
แน่ละ ชีวิตของมนุษย์ทุกคนยืนยาวเพียงแค่ลมหายใจเท่านั้น เซล่าห์
6 แน่นอนทีเดียว คนที่ไปโน่นมานี่เป็นเช่นเดียวกับเงา
เขาดิ้นรนโดยเปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน
คนสะสมความมั่งมีไว้ แต่ไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้ที่กอบโกยในภายหลัง
7 โอ พระผู้เป็นเจ้า มาบัดนี้ ข้าพเจ้าหวังอะไรเล่า
ความหวังของข้าพเจ้ามีในพระองค์
8 โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากบาปทั้งปวงของข้าพเจ้า
อย่าให้ข้าพเจ้าเป็นที่ดูหมิ่นของคนโง่เขลา
9 ข้าพเจ้านิ่งเงียบ ข้าพเจ้าไม่ปริปากพูด
เพราะพระองค์ทำให้เป็นเช่นนี้
10 ให้ข้าพเจ้าได้หลุดพ้นจากภัยพิบัติที่มาจากพระองค์เถิด
ข้าพเจ้าหมดกำลังเพราะพลังแรงจากมือของพระองค์
11 พระองค์ทำโทษมนุษย์เพราะบาปของเขาเป็นการตักเตือน
พระองค์เผาผลาญสิ่งที่เขารักหวงแหนประหนึ่งแมลงกัดกิน
แน่ละ ชีวิตของมนุษย์ทุกคนเป็นเพียงแค่ลมหายใจเท่านั้น เซล่าห์
12 โอ พระผู้เป็นเจ้า ฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้าเถิด
เงี่ยหูฟังเสียงร้องของข้าพเจ้า
และอย่าเมินเฉยกับน้ำตาของข้าพเจ้า
ด้วยว่าข้าพเจ้าเป็นผู้มาเยี่ยมเพียงชั่วครู่ชั่วยาม
ผู้อาศัยชั่วคราวเหมือนบรรพบุรุษทั้งปวงของข้าพเจ้า
13 อย่าเอาเรื่องกับข้าพเจ้าเลย ข้าพเจ้าจะได้ทราบว่าความสุขคืออะไร
ก่อนข้าพเจ้าจะจากไปและหามีชีวิตอีกไม่”
เพลงสรรเสริญ
ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด
1 ข้าพเจ้ารอคอยพระผู้เป็นเจ้าด้วยความอดทน
พระองค์เงี่ยหูฟังข้าพเจ้าและสดับเสียงร้องของข้าพเจ้า
2 พระองค์ฉุดข้าพเจ้าขึ้นจากหลุมแห่งความพินาศ ออกจากตม
และให้ข้าพเจ้ายืนบนหินที่มีความปลอดภัย
3 พระองค์มอบเพลงใหม่ให้ข้าพเจ้าร้อง
เป็นเพลงแห่งการสรรเสริญแด่พระเจ้าของเรา
ผู้คนจำนวนมากจะเห็นและเกิดความกลัว
และจะให้ความไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้า
4 คนที่ไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้า ก็เป็นสุข
เขาไม่หันเข้าหาคนหยิ่งยโสและ
พวกที่หลงผิดไปกับความจอมปลอม
5 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า
พระองค์ได้กระทำสิ่งมหัศจรรย์และเตรียมการให้พวกเราหลายประการ
ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมพระองค์ได้
ข้าพเจ้าจะป่าวประกาศถึงสิ่งมหัศจรรย์
แต่ก็มีมากเกินกว่าจะประกาศได้ครบถ้วน
6 พระองค์ไม่ต้องการเครื่องสักการะและของถวาย
แต่พระองค์ได้ทำให้ข้าพเจ้าได้ยินด้วยหู
พระองค์ไม่ได้เรียกร้องต้องการสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป
7 ครั้นแล้วข้าพเจ้ากล่าวว่า “ข้าพเจ้าอยู่ ณ ที่นี้
มีบันทึกไว้เกี่ยวกับข้าพเจ้าในหนังสือม้วน
8 โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายินดีกระทำตามความประสงค์ของพระองค์
กฎบัญญัติของพระองค์อยู่ภายในใจของข้าพเจ้า”[j]
9 ข้าพเจ้าได้บอกเล่าเรื่องความชอบธรรมอันน่ายินดี
ในที่ประชุมใหญ่
โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ย่อมทราบว่า
ข้าพเจ้าไม่ได้หุบริมฝีปากไว้เลย
10 ข้าพเจ้าไม่ได้ซ่อนเร้นความชอบธรรมของพระองค์ไว้ในใจ
ข้าพเจ้าพูดถึงความสัตย์จริงและความรอดพ้นที่มาจากพระองค์
ข้าพเจ้าพูดถึงความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริงของพระองค์
ในที่ประชุมใหญ่
11 โอ พระผู้เป็นเจ้า อย่าเหนี่ยวรั้งความเมตตาของพระองค์ที่จะให้แก่ข้าพเจ้าเลย
ให้ความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริงของพระองค์ปกป้องข้าพเจ้าตลอดไปเถิด
12 เพราะความทุกข์มากมายล้อมรอบข้าพเจ้า
บาปของข้าพเจ้าท่วมถึงหัว จนข้าพเจ้ามองไม่เห็นอะไร
จำนวนของมันมีมากเกินกว่าเส้นผมบนหัวข้าพเจ้าเสียอีก
ข้าพเจ้าระทดท้อเป็นที่สุด
13 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น
โอ พระผู้เป็นเจ้า รีบมาช่วยข้าพเจ้าเถิด
14 ให้พวกที่ตามล่าชีวิตข้าพเจ้า
ทั้งอับอายและสับสน
ให้ทุกคนที่ต้องการให้ข้าพเจ้าพินาศ
กลับหลังหันไปอย่างไร้เกียรติเถิด
15 ขอให้พวกที่พูดเยาะเย้ยข้าพเจ้า
ต้องตกตะลึงในความอับอายของตน
16 ขอให้ทุกคนที่แสวงหาพระองค์
ยินดีและเบิกบานใจในพระองค์
ขอให้บรรดาผู้รักความรอดพ้นที่มาจากพระองค์พูดเสมอว่า
“พระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่นัก”
17 แต่ข้าพเจ้าขัดสนและยากไร้
ขอให้พระผู้เป็นเจ้าคิดถึงข้าพเจ้า
พระองค์เป็นผู้ช่วยเหลือและผู้ช่วยให้รอดพ้นของข้าพเจ้า
โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า อย่ารอช้าเลย
แน่ใจในความช่วยเหลือของพระเจ้า
ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด
1 ผู้ใดเห็นแก่คนสิ้นไร้ไม้ตอก ก็เป็นสุข
พระผู้เป็นเจ้าช่วยเขาให้รอดพ้นในยามลำบาก
2 พระผู้เป็นเจ้าปกป้องและช่วยให้เขามีชีวิตอยู่
พระองค์จะให้เขามีความสุขในแผ่นดิน
และจะไม่ปล่อยให้เขาตกอยู่ใต้อำนาจของศัตรู
3 พระผู้เป็นเจ้าช่วยเหลือเขาในยามล้มหมอนนอนเสื่อ
และพระองค์รักษาเขาให้หายจากโรคภัยทั้งปวง
4 ข้าพเจ้าพูดว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า เมตตาข้าพเจ้าเถิด
รักษาข้าพเจ้าให้หาย เพราะข้าพเจ้าได้กระทำบาปต่อพระองค์”
5 พวกศัตรูของข้าพเจ้าพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับข้าพเจ้าว่า
“เมื่อไหร่เขาจึงจะตายและชื่อจะสาบสูญไปด้วย”
6 ถ้ามีใครสักคนมาหาข้าพเจ้า
เขาจะเอ่ยปากพูดด้วยความไม่จริงใจ ในขณะเดียวกันกับที่เขาพยายามให้ร้ายป้ายสี
ครั้นแล้วเขาก็ออกไปป่าวประกาศจนทั่ว
7 คนทั้งปวงที่เกลียดชังข้าพเจ้าพากันซุบซิบเกี่ยวกับข้าพเจ้า
พวกเขาพากันจินตนาการเรื่องร้ายๆ ที่จะเกิดกับข้าพเจ้า
8 เขาพูดว่า “มีโรคร้ายแรงถึงชีวิตเกาะติดอยู่กับตัวเขา
เขาจะลุกขึ้นจากที่เขานอนอยู่ไม่ได้อีกเลย”
9 แม้แต่เพื่อนสนิท
ที่ข้าพเจ้าเคยไว้ใจ
คนที่รับประทานอาหารของข้าพเจ้า
ได้ยกส้นเท้าต่อต้านข้าพเจ้า[k]
10 โอ พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์เมตตาข้าพเจ้าเถิด
โปรดให้ข้าพเจ้าทุเลาขึ้น และข้าพเจ้าจะทำการตอบโต้พวกเขา
11 จากการกระทำเช่นนี้ข้าพเจ้าทราบว่าพระองค์พอใจในตัวข้าพเจ้า
เพราะศัตรูข้าพเจ้าไม่อาจมีชัยเหนือข้าพเจ้า
12 พระองค์เป็นหลักค้ำจุนข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้ามีสัจจะ
และให้ข้าพเจ้าอยู่ ณ เบื้องหน้าพระองค์ไปตลอดกาล
13 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล
จากนิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล
อาเมน และอาเมน
ภาค 2
บทที่ 42-72
อธิษฐานต่อพระเจ้าจากห้วงลึกแห่งจิตวิญญาณ
ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีแห่งความฉลาดรอบรู้ของตระกูลโคราห์
1 กวางกระเสือกกระสนหาธารน้ำไหลฉันใด
โอ พระเจ้า จิตวิญญาณข้าพเจ้าก็กระเสือกกระสนหาพระองค์ฉันนั้น
2 จิตวิญญาณข้าพเจ้ากระหายหาพระเจ้า
หาพระเจ้าผู้ดำรงอยู่
เมื่อใดข้าพเจ้าจึงจะได้เห็นใบหน้าของพระเจ้า
3 ข้าพเจ้ากินน้ำตาต่างข้าว
ทั้งวันและคืน
ในขณะเดียวกันมีคนพูดกับข้าพเจ้าตลอดวันเวลาว่า
“พระเจ้าของท่านอยู่ที่ไหน”
4 ขณะที่หัวใจข้าพเจ้ากำลังแตกสลาย
มีสิ่งที่ข้าพเจ้าจำได้คือ
ข้าพเจ้าเคยนำขบวนฝูงชน
ไปยังพระตำหนักของพระเจ้า
พร้อมด้วยเสียงโห่ร้องและเพลง เป็นการแสดงความขอบคุณ
ท่ามกลางหมู่ชนในงานฉลองเทศกาล
5 โอ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย ทำไมจึงเศร้าสลดหดหู่เช่นนี้
และทำไมใจจึงว้าวุ่นนัก
ตั้งความหวังในพระเจ้าเถิด
เพราะข้าพเจ้ายังจะสรรเสริญพระองค์อีก
โอ ผู้ช่วยเหลือของข้าพเจ้า 6 และพระเจ้าของข้าพเจ้า
จิตวิญญาณข้าพเจ้าเศร้าสลดหดหู่อยู่ภายใน
ฉะนั้นข้าพเจ้าระลึกถึงพระองค์
จากดินแดนแห่งแม่น้ำจอร์แดนและแห่งเทือกเขาเฮอร์โมน
จากภูเขามิซาร์
7 ห้วงน้ำลึกร้องเรียกหากันและกัน
เสียงกึกก้องจากน้ำตกของพระองค์
คลื่นทั้งลูกเล็กและลูกใหญ่
ซัดผ่านท่วมตัวข้าพเจ้า
8 พระผู้เป็นเจ้าบัญชาให้ความรักอันมั่นคงของพระองค์ในยามกลางวัน
และเพลงของพระองค์อยู่กับข้าพเจ้าในยามค่ำ
คำอธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งชีวิตของข้าพเจ้า
9 ข้าพเจ้าพูดกับพระเจ้า ศิลาของข้าพเจ้าว่า
“ทำไมพระองค์จึงลืมข้าพเจ้าเสียแล้ว
ทำไมข้าพเจ้าต้องเดินไปด้วยความเศร้าโศก
เพราะศัตรูบีบบังคับข้าพเจ้าเล่า”
10 พวกศัตรูถากถางข้าพเจ้า
ประหนึ่งเป็นแผลร้ายในกระดูกข้าพเจ้า
พวกเขาพูดกับข้าพเจ้าตลอดวันเวลาว่า
“พระเจ้าของท่านอยู่ที่ไหน”
11 โอ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย ทำไมจึงเศร้าสลดหดหู่เช่นนี้
และทำไมใจจึงว้าวุ่นนัก
จงตั้งความหวังในพระเจ้าเถิด
เพราะข้าพเจ้ายังจะสรรเสริญพระองค์อีก
โอ ผู้ช่วยเหลือของข้าพเจ้า และพระเจ้าของข้าพเจ้า
ความหวังในพระเจ้ายามลำบาก
1 โอ พระเจ้า โปรดพิสูจน์ให้เห็นเถิดว่าข้าพเจ้าไม่ใช่ฝ่ายผิด
และปกป้องข้าพเจ้าจากพวกที่ไร้คุณธรรม
หลอกลวง และไร้ความชอบธรรม
ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นเถิด
2 เพราะพระองค์เป็นพระเจ้า เป็นที่หลบภัยของข้าพเจ้า
ทำไมพระองค์จึงทอดทิ้งข้าพเจ้าไป
ทำไมข้าพเจ้าต้องเดินไปด้วยความเศร้าโศก
เพราะถูกศัตรูบีบบังคับเล่า
3 โปรดมอบแสงสว่างและความจริงของพระองค์
เพื่อนำทางข้าพเจ้า
เพื่อนำข้าพเจ้าไปยังภูเขาอันบริสุทธิ์ของพระองค์
และยังกระโจมที่พำนักของพระองค์
4 แล้วข้าพเจ้าจะไปยังแท่นบูชาของพระเจ้า
เพื่อหาพระเจ้าแห่งความชื่นชมยินดีของข้าพเจ้า
และข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณ
โอ พระเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า
5 โอ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย ทำไมจึงเศร้าสลดหดหู่เช่นนี้
และทำไมใจจึงว้าวุ่นนัก
จงตั้งความหวังในพระเจ้าเถิด
เพราะข้าพเจ้ายังจะสรรเสริญพระองค์อีก
โอ ผู้ช่วยเหลือของข้าพเจ้า และพระเจ้าของข้าพเจ้า
วิงวอนต่อพระเจ้าเพื่อให้พ้นจากความทุกข์ยาก
ถึงหัวหน้าวงดนตรี ของตระกูลโคราห์ เพลงสดุดีแห่งความฉลาดรอบรู้
1 โอ พระเจ้า พวกเราได้ยินด้วยหูของเรา
บรรพบุรุษของเราได้บอกพวกเราถึงสิ่งต่างๆ
ที่พระองค์ได้สำแดงในสมัยของพวกเขา
ซึ่งผ่านพ้นมานานแล้ว
2 พระองค์ขับไล่บรรดาประชาชาติออกไปด้วยมือของพระองค์เอง
และให้บรรพบุรุษของพวกเราตั้งรกราก
พระองค์ให้ชนชาติเหล่านั้นได้รับทุกข์ทรมาน
และให้พวกบรรพบุรุษบังเกิดผลดียิ่ง
3 คนของพระองค์ยึดแผ่นดินไว้ได้ มิใช่ด้วยดาบของตนเอง
ชัยชนะก็มิใช่ด้วยแขนของตนเอง
แต่เป็นมือขวาและแขนของพระองค์
และเป็นเพราะพระองค์อยู่กับพวกเขา
เพราะพระองค์พึงพอใจในตัวเขา
4 พระองค์เป็นกษัตริย์และพระเจ้าของข้าพเจ้า
พระองค์ออกคำสั่งให้ยาโคบได้ชัยชนะ
5 พวกเราทำให้ศัตรูพ่ายแพ้ได้ก็เพราะพระองค์
พวกเราทำให้ข้าศึกทลายราบเป็นหน้ากลองได้โดยพระนามของพระองค์
6 ด้วยว่า ข้าพเจ้าไม่อาจวางใจในคันธนู
และดาบไม่สามารถช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นได้
7 แต่พระองค์ช่วยพวกเราให้รอดจากศัตรู
และทำให้พวกที่เกลียดชังเราอับอาย
8 พวกเราโอ้อวดถึงพระเจ้าตลอดวันเวลา
และเราสรรเสริญพระนามของพระองค์ไปตลอดกาล เซล่าห์
9 ถึงกระนั้นพระองค์ก็ได้ทอดทิ้งพวกเรา และให้เราต้องอับอาย
พระองค์ไม่ได้ออกไปกับกองทัพของเรา
10 พระองค์ทำให้พวกเราวิ่งหนีศัตรู
และพวกข้าศึกริบของไป
11 พระองค์ทำให้พวกเราเป็นดั่งแกะสำหรับใช้เป็นอาหาร
และทำให้พวกเรากระจัดพลัดพรายไปในท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
12 พระองค์ได้ขายชนชาติของพระองค์ในราคาเพียงน้อยนิด
โดยไม่เรียกร้องราคาสูงๆ
13 พระองค์ทำให้พวกเราถูกเหยียดหยามในหมู่เพื่อนบ้านเรา
พวกเขาล้อเลียนและหัวเราะเยาะรายรอบข้างเรา
14 พระองค์ทำให้พวกเราเป็นที่ขบขันในบรรดาประชาชาติ
เป็นที่ดูแคลนในบรรดาชนชาติ
15 ข้าพเจ้าเผชิญความอัปยศตลอดวันเวลา
และข้าพเจ้าอับอายเป็นที่สุด
16 เป็นเพราะคำพูดจากผู้ถากถางและดูถูก
เป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามและพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น
17 สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับเรา
แต่พวกเรายังไม่ลืมพระองค์
และเราไม่ได้กระทำผิดต่อพันธสัญญาของพระองค์
18 เราไม่ได้เอาใจออกห่างไป
และเท้าของเราไม่ได้ก้าวออกนอกวิถีทางของพระองค์
19 ถึงกระนั้นพระองค์ยังทำให้พวกเราแตกสลายอยู่ในที่ของหมาใน
และปล่อยให้ตกอยู่ในความมืดมิด
20 ถ้าหากว่าพวกเราลืมพระนามของพระเจ้าของเรา
หรือยกมือขึ้นเคารพเทพเจ้าต่างชาติ
21 แล้วพระเจ้าจะไม่ค้นพบหรือ
พระองค์หยั่งรู้ความลึกลับในจิตใจ
22 พวกเราเผชิญความตายเพื่อพระองค์ตลอดวันเวลา
พวกเราถูกนับว่าเป็นดั่งแกะสำหรับการประหาร[l]
23 ตื่นขึ้นเถิด โอ พระผู้เป็นเจ้า ไยพระองค์จึงนอนหลับ
ตื่นขึ้นเถิด อย่าทอดทิ้งพวกเราไปชั่วนิรันดร์กาล
24 ทำไมพระองค์จึงซ่อนหน้า
ทำไมพระองค์ลืมความทุกข์ทรมาน และการถูกบีบบังคับของพวกเรา
25 ด้วยว่า เราจมลงอยู่กับธุลีดิน
กายของเราติดอยู่กับพื้นดิน
26 โปรดลุกขึ้นเถิด มาช่วยพวกเรา
และไถ่เราเนื่องจากความรักอันมั่นคงของพระองค์
เพลงประกอบในพิธีสมรสของกษัตริย์
ถึงหัวหน้าวงดนตรี ตามทำนองพลับพลึง ของตระกูลโคราห์ เพลงสดุดีแห่งความฉลาดรอบรู้ เพลงรัก
1 ใจของข้าพเจ้าเปี่ยมด้วยคำอันไพเราะ
ข้าพเจ้าแต่งเพลงถวายแด่กษัตริย์
ลิ้นข้าพเจ้าเป็นเสมือนปากกาของนักประพันธ์ผู้เชี่ยวชาญ
2 ท่านรูปงามที่สุดในบรรดาบุตรของมนุษย์
สิ่งที่ท่านพูดมีแต่พระคุณ
ฉะนั้นพระเจ้าอวยพรท่านตลอดกาล
3 สะพายดาบไว้ที่เอว โอ ท่านผู้มีอานุภาพ
ทรงเครื่องด้วยความเรืองรองและความยิ่งใหญ่ของท่าน
4 ท่านขี่ม้ารุดไปด้วยความมีชัยในความยิ่งใหญ่ของท่าน
เพื่อปกป้องความจริง ความอ่อนโยนและความชอบธรรม
ให้มือขวาของท่านแสดงการกระทำอันวิเศษสุด
5 ให้ลูกธนูคมกริบของท่านปักลงที่หัวใจพวกศัตรูของกษัตริย์
ให้เหล่าชนชาติล้มลงใต้เท้าของท่าน
6 ข้าแต่พระเจ้า บัลลังก์ของท่านจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์กาล
และความชอบธรรมจะเป็นดุจคทาแห่งอาณาจักรของท่าน
7 ท่านรักความชอบธรรมและเกลียดความชั่วร้าย
ฉะนั้นพระเจ้า พระเจ้าของท่านได้ให้ท่านอยู่เหนือมิตรสหาย
โดยเจิมท่านด้วยน้ำมันแห่งความยินดี[m]
8 เสื้อคลุมของท่านมีกลิ่นน้ำมันหอมจากมดยอบ กฤษณาและการบูร
เครื่องสายจากวังที่ประดับด้วยงาช้างทำให้ท่านยินดี
9 บรรดาธิดาของกษัตริย์ทั้งปวงอยู่ในบรรดาสตรีผู้มีเกียรติ
ทางขวามือของท่านคือราชินีประดับด้วยทองคำแห่งโอฟีร์
10 จงฟังเถิด บุตรสาว จงเงี่ยหูให้ดี
จงลืมชนชาติและพวกพ้องของเจ้า
11 และกษัตริย์จะปรารถนาความงามของเจ้า
ในเมื่อท่านเป็นนายของเจ้า จงก้มตัวลง
12 บุตรสาวแห่งเมืองไทระจะมอบของกำนัลแก่เจ้า
คนมั่งมีจะพยายามแสวงหาความดีความชอบจากเจ้า
13 เจ้าหญิงผู้กอปรด้วยเกียรติทุกประการอยู่ที่ห้องของเธอ
เสื้อผ้าของเธอทอด้วยทองคำ
14 เธอสวมเสื้อคลุมหลากสีขณะถูกนำตัวเข้าหากษัตริย์
ติดตามด้วยบรรดาพรหมจาริณี
เป็นเพื่อนตามหลังเธอมา
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation