Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
สุภาษิต 7:1-20:21

สติปัญญาช่วยเจ้าให้พ้นจากการล่วงประเวณี

ลูกเอ๋ย จงรักษาคำพูด
    และถนอมคำบัญญัติของเราไว้กับตัวเจ้าเป็นอย่างดี
จงรักษาคำบัญญัติของเรา และเจ้าจะมีชีวิตคงอยู่
    รักษากฎบัญญัติของเราดั่งแก้วตาของเจ้าเอง
จงมัดติดไว้ที่นิ้วมือของเจ้า
    จารึกไว้บนหัวใจของเจ้า
จงพูดกับสติปัญญาว่า “เจ้าเป็นดั่งพี่สาวของเรา”
    และจงเรียกการหยั่งรู้ว่าญาติสนิทของเจ้า
สองสิ่งนี้จะช่วยเจ้าให้พ้นจากหญิงที่ล่วงประเวณี
    จากหญิงโสเภณีที่มีคำพูดอันระรื่นหู

ด้วยว่าที่หน้าต่างบ้านของเรา
    เรามองผ่านบานเกล็ดออกไป
และได้เห็นหมู่คนเขลา
    เราสังเกตเห็นกลุ่มเยาวชนชาย
    โดยเฉพาะหนุ่มไร้สติผู้หนึ่ง
กำลังผ่านไปทางถนนใกล้มุมที่นางอยู่
    แล้วเขาก็ไปตามทางมุ่งสู่บ้านของนาง
ในยามเย็น ยามโพล้เพล้
    ยามค่ำคืน และในยามดึกสงัด
10 ดูเถิด หญิงผู้หนึ่งออกมาพบกับเขา
    นางแต่งกายดั่งหญิงแพศยาที่ใจเต็มด้วยเล่ห์เหลี่ยม
11 ไร้ความอับอาย และดื้อกระด้าง
    เท้าของนางไม่ติดอยู่กับบ้าน
12 ประเดี๋ยวนางก็ไปอยู่ข้างนอก
    ประเดี๋ยวนางก็อยู่ที่ลานชุมนุม
    และนางเฝ้าคอยอยู่ทุกมุม
13 ครั้นแล้ว นางก็คว้าตัวเขามาและจูบเขา
    แล้วพูดกับเขาด้วยสีหน้าที่ปราศจากยางอายว่า
14 “เรามีเครื่องสักการะแห่งสามัคคีธรรม
    วันนี้เราชดใช้ตามคำสาบานแล้ว
15 ฉะนั้น เราจึงได้ออกมาพบกับท่าน
    กระตือรือร้นที่จะหาท่าน
    และเราก็พบท่านแล้ว
16 เราได้ปูที่นอนของเราด้วย
    ผ้าป่านสีจากประเทศอียิปต์
17 เราได้โปรยที่นอนของเราด้วย
    มดยอบ กฤษณา และอบเชย
18 มาเถิด เราไปดื่มด่ำความรักอันเต็มเปี่ยมของเราจนถึงย่ำรุ่งกันเถิด
    เรามาเล้าโลมกันให้สนุกเถิด
19 ด้วยว่าสามีของเราไม่อยู่บ้าน
    และเดินทางออกไปไกลแล้ว
20 เขานำกระเป๋าเงินติดมือไปด้วย
    และจะกลับมาบ้านในวันเดือนหงาย”

21 นางนำให้เขาหลงผิดด้วยคำชักจูงหลายคำของนาง
    นางใช้ริมฝีปากอันระรื่นของนางเล้าโลมเขา
22 เขาเดินตามนางไปทันที
    เสมือนโคที่เดินไปสู่หลักประหาร
หรือกวางเดินเข้าสู่กับดัก
23     จนกระทั่งลูกศรปักทะลุตับของมัน
เสมือนนกที่ถลำเข้าสู่ที่กับดัก
    และเขาก็ไม่รู้เลยว่านี่คือการที่เขาเอาชีวิตเข้าแลก

24 มาบัดนี้ ลูกๆ เอ๋ย จงฟังเรา
    และเอาใจใส่ต่อคำพูดที่ออกจากปากของเรา
25 อย่าให้ใจของเจ้าหันไปสู่ทางของนาง
    หรือหลงไปในวิถีทางของนาง
26 ด้วยว่า มีหลายคนที่นางได้ทำให้เจ็บถึงแก่ความตาย
    นางทำให้พวกเขาล้มลง และคนที่นางฆ่าก็มีจำนวนมาก
27 บ้านของนางเป็นหนทางแห่งแดนคนตาย
    ซึ่งดิ่งลงสู่ห้วงของความตาย

ผู้ที่พบสติปัญญาพบชีวิต

สติปัญญาไม่เรียกหาหรือ
    และการหยั่งรู้ไม่เปล่งเสียงของเธอหรอกหรือ
เธอยืนอยู่บนยอดสูงข้างทาง
    ตรงทางที่บรรจบกัน
และเธอตะโกนอยู่ที่ข้างประตู ทางที่เปิดเข้าสู่ตัวเมือง
    ณ ที่ประตูทางเข้า
“บรรดาผู้ชายเอ๋ย เราเรียกหาเจ้าทุกคน
    และส่งเสียงของเราถึงบรรดามนุษยชาติทั้งปวง
พวกคนเขลาเอ๋ย จงหยั่งรู้ความฉลาดรอบคอบ
    และคนโง่เอ๋ยจงหยั่งรู้จิตใจ
จงฟังเถิด เพราะว่าเราพูดถึงสิ่งประเสริฐ
    ริมฝีปากของเราเปิดเพื่อพูดถึงสิ่งที่ถูกต้อง
ด้วยว่า ปากของเราพูดความจริง
    ปากของเรารังเกียจสิ่งชั่วร้าย
ทุกคำพูดที่ออกจากปากของเราล้วนเป็นความชอบธรรม
    ปราศจากการหลอกลวงและบิดเบือนในคำพูด
เป็นคำพูดที่ตรงสำหรับผู้หยั่งรู้
    และถูกต้องสำหรับบรรดาผู้มีความรู้
10 จงรับคำสั่งสอนของเราแทนการรับเงินเถิด
    และเลือกเอาความรู้มากกว่าทองคำเนื้อดี
11 ด้วยว่าสติปัญญาดีกว่าเพชรนิลจินดา
    และไม่มีสิ่งอันน่าพึงปรารถนาใดๆ จะเปรียบเทียบกับเธอได้

12 เราคือสติปัญญา เราอยู่ในความฉลาดรอบคอบ
    และเราพบกับความรู้และปฏิภาณ
13 ความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าคือการเกลียดชังความชั่วช้า
    เราเกลียดชังความหยิ่งยโส ความหยิ่งผยอง
    การกระทำอันชั่วร้าย และพูดจาบิดเบือน
14 คำแนะนำและสติปัญญาอันบริบูรณ์เป็นของเรา
    เรามีการหยั่งรู้ พละกำลังเป็นของเรา
15 บรรดากษัตริย์พึ่งเราในการครองราชย์
    และผู้อยู่ในระดับปกครองก็ออกกฎด้วยความชอบธรรม
16 บรรดาราชโอรสพึ่งเราในการปกครอง
    และบรรดาผู้มีอำนาจทุกท่านปกครองด้วยความเป็นธรรม
17 เรารักบรรดาผู้ที่รักเรา
    และบรรดาผู้ที่หมั่นเพียรค้นหาเราก็จะพบเรา
18 ความมั่งมีและเกียรติยศอยู่กับเรา
    รวมทั้งความมั่งคั่งและความชอบธรรม
19 ผลของเราดีกว่าทองคำ หรือแม้แต่ทองบริสุทธิ์
    และได้ผลผลิตที่ดีกว่าเงินเนื้อดี
20 เราเดินในทางแห่งความชอบธรรม
    ท่ามกลางเส้นทางแห่งความยุติธรรม
21 เพื่อให้ความมั่งมีแก่คนที่รักเรา
    และเราจะเติมคลังของพวกเขาให้เต็ม

22 พระผู้เป็นเจ้าสร้างเราขึ้นมาตั้งแต่ปฐมกาลแห่งการสร้างสรรค์ของพระองค์
    นับแต่เริ่มแรกงานของพระองค์
23 เราถูกสร้างสรรค์ขึ้นก่อนกาลใดๆ
    จากยุคปฐมกาลและก่อนเริ่มแรกของแผ่นดินโลก
24 เมื่อครั้งที่ยังไม่มีทะเลลึก
    ไม่มีน้ำพุอันเป็นแหล่งน้ำ เราก็ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว
25 ก่อนที่เทือกเขาจะตั้งมั่น
    และก่อนที่จะมีภูเขาลูกน้อยๆ เราก็กำเนิดแล้ว
26 ก่อนที่พระองค์จะสร้างแผ่นดิน
    ทุ่งโล่งและผงธุลีแรกของโลก
27 เมื่อพระองค์สร้างฟ้าสวรรค์ เราก็อยู่ที่นั่น
    เมื่อพระองค์ขีดเส้นโค้งเหนือผิวทะเลลึก
28 เมื่อพระองค์วางก้อนเมฆไว้บนท้องฟ้า
    และทำให้น้ำพุแห่งทะเลลึกมั่นคงขึ้น
29 เมื่อพระองค์จำกัดขอบเขตทะเล
    เพื่อน้ำจะไม่ล่วงล้ำคำสั่งของพระองค์
เมื่อพระองค์ขีดเส้นฐานรากของแผ่นดินโลก
30     และเราอยู่เคียงข้างพระองค์ดั่งนักออกแบบผู้มีฝีมือ
และพระองค์ยินดีในตัวเราทุกวัน
    สุขสำราญ ณ เบื้องหน้าพระองค์ตลอดเวลา
31 สุขสำราญอยู่บนแผ่นดินโลกของพระองค์
    และมีความยินดีในบรรดามนุษยชาติ

32 บัดนี้ ลูกๆ เอ๋ย จงฟังเรา
    บรรดาผู้เดินตามวิถีทางของเราก็เป็นสุข
33 จงฟังคำสั่งสอนและจงมีสติปัญญา
    อย่าละเลยเสีย
34 โอ ความสุขเป็นของคนที่ฟังเรา
    และเฝ้าระวังอยู่ที่ประตูทุกวัน
    รอคอยอยู่ที่ทางเข้าออกของเรา
35 ด้วยว่า คนที่พบเราก็พบชีวิต
    และได้รับความโปรดปรานจากพระผู้เป็นเจ้า
36 แต่คนที่กระทำผิดต่อเราก็ทำร้ายตนเอง
    ทุกคนที่เกลียดชังเราก็รักความตาย”

ความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าคือการเริ่มต้นของสติปัญญา

สติปัญญาได้สร้างบ้านของเธอเองแล้ว
    เธอได้สกัดหลักค้ำทั้งเจ็ดให้ตั้งตระหง่าน
เธอได้เตรียมฉลองโดยฆ่าสัตว์และผสมเหล้าองุ่น
    เธอจัดโต๊ะไว้ด้วย
เธอได้ส่งสาวใช้ออกไป เธอร้องเรียก
    จากยอดสูงสุดในตัวเมืองว่า
    “ให้บรรดาคนเขลาหันมาทางนี้”
เธอพูดกับคนสิ้นคิดว่า
    “มาเถิด มารับประทานอาหารของเรา
    และดื่มเหล้าองุ่นที่เราผสมไว้แล้ว
จงเลิกจากวิถีทางอันเขลา แล้วจงมีชีวิต
    และดำเนินต่อไปในการหยั่งรู้”
ผู้ตักเตือนคนเย้ยหยันจะได้รับการดูถูกกลับมา
    และผู้ห้ามปรามคนชั่วร้ายจะได้รับการสบประมาท
อย่าตักเตือนว่ากล่าวคนเย้ยหยัน เพราะเขาจะเกลียดเจ้า
    จงตักเตือนว่ากล่าวคนที่มีสติปัญญา แล้วเขาจะรักเจ้า
จงให้คำแนะนำแก่ผู้มีสติปัญญา แล้วเขาก็จะเป็นผู้มีสติปัญญายิ่งขึ้น
    จงสอนผู้มีความชอบธรรม แล้วเขาก็จะเพิ่มพูนการเรียนรู้

10 ความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าคือจุดเริ่มต้นของสติปัญญา
    และการเรียนรู้วิถีขององค์ผู้บริสุทธิ์คือการหยั่งรู้
11 ด้วยว่า จำนวนวันของเจ้าจะทวีขึ้นได้ก็เพราะเรา
    และจำนวนปีแห่งชีวิตจะเพิ่มพูนขึ้นแก่เจ้า
12 ถ้าเจ้ามีสติปัญญาดี เจ้าก็มีสติปัญญาเพื่อตัวของเจ้าเอง
    ถ้าเจ้าเย้ยหยัน เจ้าก็จะต้องทนทุกข์เอง

13 หญิงโง่ส่งเสียงดัง
    เสเพลและไม่รู้สึกละอาย
14 นางนั่งอยู่ที่ทางเข้าบ้านของนาง
    บนที่นั่งจากยอดสูงสุดในตัวเมือง
15 นางร้องเรียกบรรดาผู้ที่กำลังผ่านมา
    และกำลังไปตามทางของเขาว่า
16     “ให้พวกคนเขลาหันมาทางนี้”
และนางพูดกับคนสิ้นคิดว่า
17     “น้ำที่ขโมยมาได้นั้นหวาน
    และอาหารที่กินในที่ลับก็อร่อย”
18 แต่เขาไม่รู้ว่าบรรดาคนตายอยู่ที่นั่น
    และผู้ที่เป็นแขกของนางตกอยู่ในแดนคนตาย

สุภาษิตของซาโลมอน

10 สุภาษิตของซาโลมอน

ลูกที่มีสติปัญญาทำให้บิดายินดี
    แต่ลูกที่โง่เง่าทำให้มารดาเป็นทุกข์
สมบัติที่ได้มาจากความชั่วร้ายไม่มีประโยชน์อันใด
    แต่ความชอบธรรมช่วยให้พ้นจากความตาย
พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ปล่อยให้คนมีความชอบธรรมหิวโหย
    แต่ทำให้คนชั่วร้ายผิดหวังเมื่อเกิดความอยาก
มือของคนเกียจคร้านนำมาซึ่งความยากจน
    แต่มือของคนขยันนำความมั่งมีมาสู่ตน
คนที่เก็บสะสมในฤดูร้อนเป็นลูกที่ชาญฉลาด
    แต่คนที่นอนหลับในฤดูเก็บเกี่ยวเป็นลูกที่น่าอับอาย
พระพรเป็นดั่งมงกุฎบนศีรษะของผู้มีความชอบธรรม
    แต่ปากของคนชั่วร้ายปกปิดความโหดร้าย
ผู้มีความชอบธรรมเป็นพระพรซึ่งอยู่ในความทรงจำของเรา
    แต่ชื่อของผู้ชั่วร้ายจะไม่ยั่งยืน
จิตใจของผู้มีสติปัญญายอมรับคำบัญญัติ
    แต่คนโง่ปากพล่อยย่อมประสบกับความพินาศ
คนดำเนินชีวิตด้วยสัจจะย่อมมีชีวิตที่ดำเนินไปด้วยความปลอดภัย
    แต่คนที่คดโกงจะถูกจับได้
10 คนหลิ่วตาก่อปัญหา
    และคนโง่ปากพล่อยย่อมประสบกับความพินาศ
11 ปากของผู้มีความชอบธรรมเป็นเสมือนน้ำพุแห่งชีวิต
    แต่ปากของคนชั่วร้ายปกปิดความโหดร้าย
12 ความเกลียดชังก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท
    แต่ความรักให้อภัยการกระทำผิดทุกอย่าง[a]
13 จะพบสติปัญญาได้ที่ริมฝีปากของผู้หยั่งรู้
    แต่ไม้เรียวมีไว้สำหรับหลังของผู้ขาดความเข้าใจ
14 คนมีสติปัญญาสะสมความรู้ไว้
    แต่ปากของคนโง่นำความเสียหายมาสู่ตนเอง
15 ความมั่งมีของคนรวยเป็นเสมือนเมืองที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่ง
    แต่ความยากไร้เป็นความเสียหายของคนจน
16 ค่าแรงของผู้มีความชอบธรรมคือการได้มาซึ่งชีวิต
    สิ่งที่คนชั่วร้ายได้รับคือการลงโทษ
17 หนทางที่นำไปสู่ชีวิตเป็นของคนที่เอาใจใส่ในคำสั่งสอน
    แต่คนที่ปฏิเสธคำตักเตือนจะหลงผิดไป
18 คนที่ปกปิดความเกลียดชังของตนเป็นคนโกหก
    และคนที่พูดว่าร้ายเป็นคนเบาปัญญา
19 การใช้คำพูดหลายคำย่อมเปิดโอกาสให้ทำผิดได้
    แต่คนที่ยับยั้งปากไว้ได้เป็นคนฉลาดรอบคอบ
20 ลิ้นของผู้มีความชอบธรรมเป็นเสมือนแร่เงินอันบริสุทธิ์
    ใจของคนชั่วร้ายมีค่าเพียงน้อยนิด
21 คำพูดจากปากของผู้มีความชอบธรรมเป็นคำสอนที่ดีสำหรับคนเป็นจำนวนมาก
    แต่คนโง่ตายเพราะไร้ความคิด
22 พระพรของพระผู้เป็นเจ้าทำให้คนมั่งมี
    และพระองค์ไม่เพิ่มเติมความทุกข์ลงไปในความมั่งมีนั้น
23 คนโง่เพลิดเพลินกับการกระทำที่เลวร้าย
    แต่คนหยั่งรู้ชื่นชอบในสติปัญญา
24 สิ่งที่คนชั่วร้ายหวาดกลัวจะมาถึงตัวเขา
    และบรรดาผู้มีความชอบธรรมจะได้รับสิ่งที่เขาพึงปรารถนา
25 เมื่อลมพายุผ่านพ้นไป คนชั่วร้ายจะสูญหายไปหมด
    แต่ผู้มีความชอบธรรมมั่นคงไปชั่วนิรันดร์
26 น้ำส้มสายชูสัมผัสฟัน และควันสัมผัสตาเป็นเช่นไร
    คนเกียจคร้านก็เป็นเช่นนั้นต่อนายของเขา
27 ความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าทำให้มีชีวิตยั่งยืนนาน
    ในขณะที่จำนวนปีของผู้ชั่วร้ายจะสั้นลง
28 ความหวังของบรรดาผู้มีความชอบธรรมก่อให้เกิดความยินดี
    แต่การคาดหมายของคนชั่วร้ายเป็นการสูญเปล่า
29 หนทางของพระผู้เป็นเจ้าเป็นที่พึ่งของผู้มีสัจจะ
    แต่หายนะเป็นของผู้กระทำความชั่ว
30 ผู้มีความชอบธรรมไม่มีวันที่จะหวั่นไหว
    แต่คนชั่วร้ายจะไม่มีหลักแหล่งอยู่บนแผ่นดินโลก
31 ปากของผู้มีความชอบธรรมหลั่งคำพูดซึ่งแสดงถึงสติปัญญา
    แต่ลิ้นที่บิดเบือนจะถูกตัดออก
32 ริมฝีปากของผู้มีความชอบธรรมย่อมรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่เหมาะสม
    แต่ปากของคนชั่วร้ายมีแต่ความบิดเบือน
11 ตาชั่งไม่เที่ยงเป็นที่น่ารังเกียจต่อพระผู้เป็นเจ้า
    แต่การชั่งน้ำหนักที่เที่ยงตรงเป็นที่น่าพอใจต่อพระองค์
เมื่อเกิดการเย่อหยิ่งจองหอง การลบหลู่ก็ตามมา
    แต่สติปัญญาอยู่กับบรรดาผู้ถ่อมตน
สัจจะของผู้มีความชอบธรรมจะนำทางพวกเขา
    แต่การบิดเบือนของผู้ไม่ซื่อตรงจะทำลายเขา
ความมั่งมีไร้ประโยชน์ในวันแห่งการลงโทษ
    แต่ความชอบธรรมช่วยให้พ้นจากความตาย
ความชอบธรรมของผู้ถือสัจจะทำให้หนทางของเขาราบเรียบ
    แต่คนชั่วร้ายจะล้มลง เพราะความชั่วร้ายของเขา
ความชอบธรรมของผู้มีความชอบธรรมช่วยเขาให้รอดพ้น
    แต่ความโลภของผู้ไม่ซื่อตรงทำให้เขาถูกจับได้
เมื่อคนชั่วร้ายตาย ความหวังของเขาก็สิ้นไป
    และความหวังในพละกำลังก็สิ้นไป
ผู้มีความชอบธรรมรอดพ้นจากความทุกข์ยาก
    โดยคนชั่วร้ายจะได้รับทุกข์นั้นแทน
คนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าทำลายคนรอบข้างด้วยปาก
    และบรรดาผู้มีความชอบธรรมย่อมอยู่รอดได้ด้วยความรู้
10 เมื่อเรื่องเป็นไปด้วยดีกับบรรดาผู้มีความชอบธรรม ชาวเมืองก็เปรมปรีดิ์
    และเมื่อพวกคนชั่วร้ายสิ้นไป ก็ย่อมมีการแซ่ซ้องยินดี
11 ชาวเมืองได้รับการยกย่องโดยพรของผู้มีความชอบธรรม
    แต่ก็พังทลายลงด้วยปากของผู้ชั่วร้าย
12 คนที่ดูหมิ่นเพื่อนบ้านของตนเป็นผู้ไร้ความคิดอ่าน
    แต่คนที่มีความหยั่งรู้จะเงียบไว้
13 คนที่เที่ยวนินทาว่าร้าย เป็นผู้เปิดโปงความลับ
    แต่คนที่ไว้ใจได้จะเป็นผู้เก็บความลับ
14 ที่ใดที่ไม่มีการชี้แนะ ประเทศชาติก็ล้มลง
    แต่ในที่ซึ่งมีผู้ปรึกษามาก ก็จะปลอดภัย
15 คนที่ให้หลักประกันแก่คนแปลกหน้าจะได้รับความทุกข์ร้อนอย่างแน่นอน
    แต่คนที่เกลียดการให้หลักประกันก็ปลอดภัย
16 หญิงจิตใจงามย่อมได้รับการยกย่อง
    และคนเหี้ยมโหดได้รับความมั่งมี
17 คนที่มีเมตตาได้ผลประโยชน์จากสิ่งที่ตนทำ
    ส่วนคนโหดร้ายจะได้รับโทษจากสิ่งที่ตนทำ
18 คนชั่วร้ายได้รับค่าจ้างที่ผิดไปจากความจริง
    แต่คนที่หว่านความชอบธรรมได้รับรางวัลอันแท้จริง
19 คนที่มั่นคงในความชอบธรรมจะได้รับชีวิต
    แต่คนที่มุ่งมั่นในความเลวร้ายจะได้รับความตาย
20 คนใจคดเป็นที่น่ารังเกียจต่อพระผู้เป็นเจ้า
    แต่บรรดาผู้ไร้ข้อตำหนิเป็นที่ชื่นชมของพระองค์
21 คนชั่วร้ายจะถูกลงโทษอย่างแน่นอน
    แต่บรรดาผู้สืบเชื้อสายของผู้มีความชอบธรรมจะรอดพ้น
22 ห่วงทองคล้องจมูกหมูเป็นเช่นไร
    หญิงงามที่ไร้ปฏิภาณก็เป็นเช่นนั้น
23 ความปรารถนาของบรรดาผู้มีความชอบธรรมก่อให้เกิดแต่สิ่งดีงาม
    ความคาดหมายที่คนชั่วร้ายได้รับคือการลงโทษ
24 คนแจกจ่ายมากเก็บเกี่ยวได้มากยิ่งขึ้น
    ส่วนคนยับยั้งสิ่งที่ควร จะมีแต่ความขาดแคลน
25 คนใจกว้างมีอย่างอุดมสมบูรณ์
    และคนที่รดน้ำก็จะได้รับน้ำสำหรับตนเอง
26 ผู้คนจะสาปแช่งคนที่กักตุนเมล็ดข้าว
    แต่พระพรจะอยู่กับคนที่จำหน่ายออกไป
27 คนที่ตั้งใจทำความดีย่อมแสวงหาความโปรดปราน
    แต่ความเลวร้ายจะมาถึงคนที่แสวงหาความเลวทราม
28 คนที่วางใจในความมั่งมีจะล้มลง
    แต่คนที่มีความชอบธรรมจะเจริญดั่งใบไม้ที่เขียวชอุ่ม
29 คนที่นำความลำบากสู่ครัวเรือนของตนจะครอบครองได้ก็เพียงลม
    และคนโง่ย่อมตกเป็นทาสของคนมีสติปัญญา
30 ผลที่ผู้มีความชอบธรรมได้รับคือต้นไม้แห่งชีวิต
    แต่การกระทำนอกกฎทำลายชีวิต
31 ถ้าผู้มีความชอบธรรมได้รับผลตอบแทนบนแผ่นดินโลก
    แล้วคนชั่วร้ายกับคนบาปก็จะได้รับอย่างแน่นอนเช่นกัน[b]
12 คนรักวินัยรักความรู้
    แต่คนเกลียดชังการตักเตือนสิโง่เง่า
คนดีได้รับความเห็นชอบจากพระผู้เป็นเจ้า
    ส่วนคนที่วางแผนชั่วจะถูกกล่าวโทษโดยพระองค์
ไม่มีใครได้รับความมั่นคงจากความชั่ว
    แต่รากฐานของคนมีความชอบธรรมจะไม่ถูกถอดถอน
ภรรยาผู้ประเสริฐเป็นเสมือนมงกุฎของสามีตน
    แต่ภรรยาคนใดนำความอับอายมาสู่สามีเป็นเสมือนความผุกร่อนในกระดูกของเขา
ความคิดของผู้มีความชอบธรรมยุติธรรม
    แต่คำแนะนำจากปากของคนชั่วร้ายนั้นหลอกลวง
คำพูดของผู้ชั่วร้ายเป็นเสมือนการดักซุ่มรอทำร้ายให้เลือดตก
    แต่ปากของผู้มีความชอบธรรมจะช่วยให้รอดได้
พวกคนชั่วร้ายถูกกำจัดและจะหมดสิ้นไป
    แต่ครัวเรือนของบรรดาผู้มีความชอบธรรมจะยืนหยัดอยู่ได้
ผู้ที่จะได้รับการสรรเสริญย่อมขึ้นอยู่กับความฉลาดรอบรู้ของเขา
    แต่คนใจคดจะถูกดูหมิ่น
ผู้ที่ได้รับการยกย่องเพียงเล็กน้อยแต่มีบ่าวรับใช้ ก็ยังดีกว่าคนที่
    ทำทีว่าตนสำคัญนัก แต่ไม่มีอะไรจะพอยาไส้
10 ผู้มีความชอบธรรมรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสัตว์เลี้ยงของตน
    แต่ความเมตตาของคนชั่วก็ยังโหดร้ายอยู่ดี
11 ผู้ที่ออกแรงรดน้ำพรวนดินของตนจะมีอาหารอุดมสมบูรณ์
    แต่ผู้ที่มุ่งหาสิ่งที่ไร้ประโยชน์ หามีความคิดอ่านไม่
12 คนชั่วร้ายอยากได้สิ่งที่บรรดาคนเลวปล้นมา
    แต่รากของบรรดาผู้มีความชอบธรรมให้ผลงดงาม
13 คนชั่วร้ายตกในกับดักเพราะปากเสีย
    แต่ผู้มีความชอบธรรมรอดจากความลำบากได้
14 คนจะอิ่มหนำด้วยสิ่งดีๆ ได้ก็จากผลที่มาจากวาจาของเขา
    และงานจากน้ำพักน้ำแรงของเขาจะให้ดอกออกผล

15 หนทางของคนไร้ปัญญาดูเหมือนว่าถูกต้องในสายตาของเขา
    แต่ผู้มีสติปัญญาย่อมฟังคำปรึกษา
16 คนโง่แสดงความไม่พอใจทันทีทันใด
    ขณะคนที่ฉลาดรอบคอบจะไม่แสดงท่าทีอย่างใดเมื่อถูกสบประมาท
17 คนมีสัจจะพูดตามความถูกต้อง
    แต่พยานเท็จกล่าวคำหลอกลวง
18 มีคนปากกล้าลั่นวาจาดั่งดาบทิ่มแทง
    แต่ลิ้นของบรรดาผู้มีสติปัญญานำมาซึ่งการบำบัดรักษา
19 ปากที่พูดความจริงจะยืนหยัดตลอดกาล
    แต่ลิ้นที่พูดโกหกจะทนอยู่ได้เพียงชั่วขณะ
20 ความหลอกลวงอยู่ในจิตใจของบรรดาผู้วางแผนการเลวร้าย
    แต่บรรดาผู้สนับสนุนสันติย่อมมีความร่าเริงใจ
21 ไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นกับผู้มีความชอบธรรม
    แต่บรรดาคนชั่วร้ายมีความทุกข์มากมาย
22 ปากมุสาเป็นที่น่ารังเกียจต่อพระผู้เป็นเจ้า
    แต่บรรดาผู้ที่ลงมือปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์เป็นที่ชื่นชมของพระองค์
23 คนฉลาดรอบคอบไม่อวดความรู้ของตน
    แต่ใจของคนโง่ป่าวประกาศความโง่
24 มือของคนขยันจะเป็นฝ่ายปกครอง
    แต่ความเกียจคร้านจะทำให้เป็นข้ารับใช้
25 ความกังวลในใจของคนทำให้เขารู้สึกหดหู่
    แต่คำพูดที่ดีทำให้เขาสบายใจขึ้นได้
26 ผู้ที่มีความชอบธรรมชี้ทางให้แก่เพื่อนของเขา
    แต่ทางของบรรดาคนชั่วร้ายทำให้คนหลงหาย
27 คนเกียจคร้านจะไม่ล่าสัตว์มาเป็นอาหารของตน
    แต่คนขยันจะได้มาซึ่งสิ่งอันมีค่า
28 ทางแห่งความชอบธรรมคือชีวิต
    และวิถีทางที่ดำเนินไปนั้นไม่พบกับความตาย
13 ลูกที่มีสติปัญญายอมรับคำสั่งสอนของบิดา
    แต่คนที่เย้ยหยันไม่ฟังการห้ามปราม
คนจะรับสิ่งดีๆ ได้ ก็จากผลที่มาจากคำพูดของเขา
    แต่ในจิตใจของบรรดาผู้ไม่ซื่อตรงคือความโหดร้าย
คนที่ระวังปากของตนก็ระวังชีวิตของตน
    คนที่เปิดปากของตนกว้างย่อมนำความเสียหายมาสู่ตนเอง
จิตใจของคนเกียจคร้านมีความอยากได้ แต่ก็จะไม่มีวันได้
    ส่วนจิตใจของคนขยันได้รับตอบสนองอย่างเพียบพร้อมบริบูรณ์
ผู้มีความชอบธรรมเกลียดคำหลอกลวง
    แต่คนชั่วร้ายปฏิบัติอย่างน่าขยะแขยงและน่าอับอาย
ความชอบธรรมจะปกปักรักษาทางของผู้ที่ไร้ข้อตำหนิ
    แต่ความชั่วย่อมนำความสูญเสียมาสู่คนบาป
มีคนทำทีว่าเป็นผู้มั่งมีแต่ก็ไม่มีอะไรเลย
    ส่วนอีกคนทำทีว่าตนยากไร้กลับมีทรัพย์มหาศาล
ความมั่งมีของคนคนหนึ่งจะไถ่ชีวิตของเขาได้
    แต่สำหรับคนยากไร้จะไม่มีใครขู่เข็ญ
ขณะที่แสงสว่างของบรรดาผู้มีความชอบธรรมส่องแสงเจิดจรัส
    ตะเกียงของบรรดาผู้ชั่วร้ายจะดับลง
10 ความหยิ่งยโสมีแต่จะเป็นเหตุให้เกิดการทะเลาะวิวาท
    แต่สติปัญญาอยู่กับบรรดาผู้ที่รับคำปรึกษา
11 ความมั่งมีที่ได้มาโดยฉับพลันจะหมดไปอย่างรวดเร็ว
    แต่คนที่ได้มาจากการสะสมทีละเล็กละน้อยก็จะเพิ่มพูนขึ้น
12 ความหวังที่มีอุปสรรคขวางกั้นทำให้ท้อใจ
    แต่ความต้องการที่ได้ดั่งใจปรารถนาคือต้นไม้แห่งชีวิต
13 คนที่ดูหมิ่นคำแนะนำจะประสบกับความลำบาก
    แต่คนที่เกรงกลัวคำสั่งสอนจะได้รับรางวัล
14 การสั่งสอนอันถูกหลักของผู้มีสติปัญญาคือน้ำพุแห่งชีวิต
    เพื่อให้คนหลีกลี้ไปจากกับดักแห่งความตาย
15 ความเข้าใจดีทำให้เกิดความพอใจ
    แต่วิถีทางของคนชั่วร้ายนำไปสู่ความพินาศ
16 คนฉลาดรอบคอบประพฤติในทางของผู้มีความรู้เสมอ
    แต่คนโง่เผยให้เห็นความโง่ของตน
17 ผู้ส่งข่าวที่ชั่วร้ายก่อให้เกิดความลำบาก
    แต่ผู้ส่งข่าวที่ไว้ใจได้นำมาซึ่งการบำบัดรักษา
18 ความยากไร้และความอับอายเป็นของผู้ละเลยการสั่งสอน
    แต่คนที่เอาใจใส่ต่อคำตักเตือนจะได้รับการยกย่อง
19 สิ่งที่สำเร็จตามความปรารถนาช่างหวานฉ่ำต่อจิตวิญญาณ
    แต่หลีกเลี่ยงการทำความชั่วเป็นสิ่งที่คนโง่ทนไม่ได้
20 คนที่เดินไปกับบรรดาผู้มีสติปัญญาก็จะเป็นผู้มีสติปัญญา
    แต่เพื่อนของบรรดาคนโง่จะต้องทนทุกข์ต่อภัยอันตราย
21 ความชั่วตามล่าบรรดาคนบาป
    แต่ผู้มีความชอบธรรมจะได้รับความมั่งมีเป็นรางวัล
22 คนดีมีมรดกเก็บไว้ได้จนถึงหลานๆ ของตนเอง
    แต่สิ่งที่คนบาปมีก็ถูกสะสมไว้สำหรับผู้มีความชอบธรรม
23 ไร่นาของคนยากไร้อาจจะผลิตพืชผลได้มาก
    แต่กลับถูกทำลายสิ้นเมื่อไม่ได้รับความยุติธรรม
24 คนที่ยั้งไม้เรียวไว้เป็นคนที่เกลียดชังลูกของตน
    แต่คนรักลูกฝึกให้เขามีวินัยแต่เนิ่นๆ
25 ผู้มีความชอบธรรมจะมีมากพอที่จะรับประทานได้จนอิ่มหนำ
    แต่ท้องของคนชั่วร้ายมีแต่ความหิวโหย
14 หญิงที่มีสติปัญญาสร้างบ้านของเธอ
    แต่หญิงไร้ปัญญาพังทลายบ้านลงด้วยมือของเธอเอง
คนที่ดำเนินชีวิตด้วยความชอบธรรมเป็นผู้เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
    แต่คนยอกย้อนในวิถีทางเป็นผู้ดูหมิ่นพระองค์
วาจาของคนโง่ทำให้ไม้เรียวหวดหลังตัวเอง
    แต่ปากของบรรดาผู้มีสติปัญญาช่วยให้เขาปลอดภัย
ที่ใดไม่มีโคกระบือ รางหญ้าก็สะอาดเกลี้ยงเกลา
    แต่กำลังงานจากโคกระบือช่วยให้เกิดผลผลิตที่จะเก็บเกี่ยวได้มาก
พยานที่รักษาความจริงจะไม่พูดปด
    แต่พยานเท็จหายใจออกมาเป็นคำเท็จ
คนเย้ยหยันจะแสวงหาสติปัญญา แต่ก็จะไม่มีวันหาได้พบ
    ส่วนผู้หยั่งรู้จะได้ความรู้มาโดยง่าย
จงไปให้ไกลจากคนโง่
    มิฉะนั้นเจ้าจะไม่มีวันทราบถ้อยคำแห่งความรู้
สติปัญญาของคนฉลาดรอบคอบช่วยเขาให้หยั่งรู้หนทาง
    แต่ความโง่ของคนโง่หลอกลวงตัวเขาเอง
คนไร้ปัญญาหัวเราะเยาะเรื่องของถวายเพื่อไถ่โทษ
    แต่สำหรับบรรดาผู้มีความชอบธรรมกลับยินดี
10 ใจเท่านั้นที่รู้ถึงความขมขื่นของตน
    และจะให้ใครอื่นร่วมยินดีด้วยก็ไม่ได้เช่นกัน
11 บ้านของคนชั่วร้ายจะถูกทำลาย
    แต่กระโจมของผู้มีความชอบธรรมจะเจริญรุ่งเรือง
12 มีหนทางที่ดูเหมือนว่าเป็นทางที่ถูกต้องในสายตาของตนเอง
    แต่จุดจบคือหนทางแห่งความตาย
13 แม้คนที่กำลังหัวเราะอยู่ก็อาจจะมีความเจ็บปวดซ่อนอยู่ในใจ
    และท้ายสุดของความยินดีอาจจะเป็นความโศกเศร้า
14 ผู้ที่หันเหไปจากทางของพระเจ้าจะได้รับคืนตามวิถีทางของเขา
    และคนดีก็จะได้รับผลดีจากการกระทำของเขา
15 คนเขลาเชื่อทุกสิ่ง
    ในขณะที่คนฉลาดรอบคอบจะตรึกตรองก่อนในทุกเรื่อง
16 ผู้มีสติปัญญาระวังระไว และหันไปเสียจากความชั่ว
    แต่คนโง่มักจะเป็นคนหุนหันพลันแล่นและประมาท
17 คนเจ้าโทสะประพฤติอย่างคนไร้ปัญญา
    และคนเจ้าเล่ห์เพทุบายถูกผู้คนเกลียดชัง
18 สิ่งที่คนเขลาครอบครองคือความโง่
    ในขณะที่คนฉลาดรอบคอบจะได้ความรู้เป็นเสมือนมงกุฎ
19 บรรดาคนเลวก้มคารวะต่อบรรดาคนดี
    และพวกคนชั่วร้ายก็คารวะอยู่ที่ประตูของบรรดาผู้มีความชอบธรรม
20 คนยากจนคือผู้ที่แม้แต่เพื่อนบ้านของเขาเองก็รังเกียจ
    ส่วนคนมั่งมีเป็นที่ชื่นชอบของคนทั้งหลาย
21 คนที่ดูหมิ่นเพื่อนบ้านของตนเป็นผู้กระทำบาป
    แต่คนที่มีความกรุณาต่อคนยากไร้ก็เป็นสุข
22 คนที่วางแผนการชั่วร้ายจะไม่หลงผิดหรือ
    แต่ความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริงจะเป็นของคนที่วางแผนการในสิ่งที่ดีงาม
23 การลงแรงตรากตรำทุกชนิดทำให้เกิดผลกำไร
    แต่การใช้เพียงคำพูดนำมาซึ่งความยากไร้
24 มงกุฎของผู้มีสติปัญญาคือความมั่งมีของเขา
    แต่สิ่งที่คนโง่สวมคือความโง่
25 พยานที่รักษาความจริงจะช่วยชีวิต
    แต่คนที่พูดปดเป็นคนหลอกลวง
26 ผู้ที่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าย่อมมีความมั่นคงทางใจอันยอดยิ่ง
    และลูกๆ ของเขาจะมีที่พึ่งพิง
27 ความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าคือน้ำพุแห่งชีวิต
    เพื่อให้คนหลีกลี้ไปจากกับดักแห่งความตาย
28 การมีพลเมืองเป็นจำนวนมากนับว่าเป็นเกียรติของกษัตริย์
    แต่ถ้าไร้ราษฎรเสียแล้วย่อมเป็นความเสียหายของเจ้าชาย
29 คนที่โกรธยากย่อมมีความหยั่งรู้มาก
    แต่คนโกรธง่ายทำให้ความโง่ของตนเด่นชัดขึ้น
30 ใจสงบย่อมเสริมชีวิตให้แก่ร่างกาย
    แต่ใจริษยาย่อมกัดกร่อนกระดูก
31 บรรดาผู้ที่บีบบังคับผู้ยากไร้คือผู้สบประมาทองค์ผู้สร้างพวกเขา
    แต่คนที่มีความกรุณาต่อคนยากไร้คือผู้ให้เกียรติพระองค์
32 คนเลวจะถูกทำลายด้วยความประพฤติชั่วของตน
    แต่ผู้มีความชอบธรรมมีที่พึ่งในความซื่อตรง
33 สติปัญญาฝังอยู่ในใจของผู้มีความหยั่งรู้
    แต่ส่วนลึกของคนโง่หาเป็นเช่นนั้นไม่
34 ความชอบธรรมเชิดชูประชาชาติให้สูงขึ้น
    แต่บาปเป็นที่น่าอัปยศอดสูแก่บรรดาชนชาติ
35 กษัตริย์โปรดปรานข้ารับใช้ที่ประพฤติโดยใช้สติปัญญา
    แต่ความโกรธกริ้วของกษัตริย์จะมีต่อคนที่ประพฤติอย่างน่าอับอาย
15 คำตอบที่สุภาพอ่อนโยนช่วยให้พ้นจากความขุ่นเคือง
    ในขณะที่คำโต้แย้งแข็งกร้าวจะทำให้เกิดความโกรธ
สิ่งที่บรรดาผู้มีสติปัญญาพูดเป็นความรู้
    แต่ปากของคนโง่ส่งให้ความโง่พวยพุ่งออกมา
ตาของพระผู้เป็นเจ้ามองเห็นทุกหนทุกแห่ง
    พระองค์เฝ้าดูทั้งบรรดาคนชั่วและคนดี
ลิ้นที่ทำการบำบัดคือต้นไม้แห่งชีวิต
    แต่ลิ้นที่ลวงหลอกทำให้วิญญาณปวดร้าว
คนโง่ไม่ยอมรับระเบียบวินัยจากบิดา
    แต่ผู้ที่รับคำตักเตือนเป็นคนฉลาดรอบคอบ
ผู้มีความชอบธรรมมีทรัพย์สมบัติมากมายอยู่ในบ้าน
    แต่สิ่งที่คนชั่วร้ายได้รับคือความลำบาก
ปากของผู้มีสติปัญญาป่าวประกาศความรู้
    แต่ใจของคนโง่ไม่เป็นเช่นนั้น
เครื่องสักการะของคนชั่วร้ายเป็นที่น่ารังเกียจต่อพระผู้เป็นเจ้า
    แต่คำอธิษฐานจากบรรดาผู้มีความชอบธรรมเป็นที่โปรดปรานของพระองค์
วิถีทางของคนชั่วเป็นที่น่ารังเกียจต่อพระผู้เป็นเจ้า
    แต่พระองค์รักคนที่มุ่งมั่นในความชอบธรรม
10 โทษมหันต์มีไว้สำหรับคนที่หันเหไปจากวิถีทางที่ถูกต้อง
    คนที่เกลียดชังการตักเตือนจะวอดวาย
11 แดนคนตายและความวิบัติเปิดชัดแจ้ง ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า
    แล้วใจของมนุษย์เล่า จะเปิดชัดยิ่งกว่าเพียงไร
12 คนช่างเย้ยหยันไม่ชอบคนที่ตักเตือนเขา
    เขาจะไม่ไปมาหาสู่กับคนที่มีสติปัญญา
13 ใจที่มีความยินดีส่งผลให้ใบหน้าแจ่มใส
    แต่เมื่อใจมีความเศร้า วิญญาณจะมีแต่ความบอบช้ำ
14 ใจของผู้หยั่งรู้แสวงหาความรู้
    แต่ปากของคนโง่กินได้แต่ความไร้ปัญญา
15 วันเวลาของผู้มีความทุกข์ย่ำแย่อยู่เสมอ
    ในขณะที่ใจร่าเริงก็เสมือนได้อยู่ร่วมในงานเลี้ยงฉลองเรื่อยไป
16 การมีอยู่เพียงน้อยนิดและรู้จักเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้ายังจะดีกว่า
    การมีทรัพย์สมบัติมหาศาลแต่อยู่ในความวุ่นวายสับสน
17 อยู่ในที่มีผักรับประทานและมีความรักอยู่ด้วย
    ยังดีกว่ามีเนื้อนุ่มๆ รับประทานในที่มีความเกลียดชัง
18 คนอารมณ์ร้ายมักก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท
    แต่คนโกรธยากช่วยให้การโต้เถียงผ่อนหนักเป็นเบา
19 ทางของคนเกียจคร้านเหมือนมีรั้วหนามขวางกั้น
    แต่ทางของผู้มีความชอบธรรมกลับราบเรียบ
20 ลูกที่มีสติปัญญาทำให้บิดายินดี
    แต่คนโง่เง่าดูหมิ่นมารดาของเขา
21 คนสิ้นคิดยินดีกับความโง่ของตน
    ส่วนคนที่หยั่งรู้เดินตรงไปข้างหน้า
22 แผนการจะผิดพลาดเมื่อปราศจากคำปรึกษา
    เมื่อได้คำปรึกษามากมายแผนการก็สำเร็จลุล่วง
23 คำตอบที่เหมาะสมนำมาซึ่งความยินดี
    และคำพูดที่เหมาะตามกาลเทศะก็ช่างวิเศษนัก
24 ผู้มีสติปัญญาย่อมมีวิถีทางแห่งชีวิตที่นำไปสู่เบื้องบน
    นำให้เขาพ้นจากแดนคนตายที่เบื้องล่าง
25 พระผู้เป็นเจ้าจะพังบ้านของผู้หยิ่งยโสให้ทลายลง
    แต่พระองค์จะก่อตั้งเขตแดนของหญิงม่ายไว้
26 ความคิดชั่วร้ายเป็นที่น่ารังเกียจต่อพระผู้เป็นเจ้า
    แต่คำพูดที่น่าฟังช่างบริสุทธิ์
27 คนโลภที่ไม่เป็นธรรมนำความยุ่งยากมาสู่ครอบครัวของตน
    แต่คนที่รังเกียจสินบนจะมีชีวิตอยู่รอด
28 ใจของผู้มีความชอบธรรมจะไตร่ตรองก่อนพูด
    แต่ปากของคนชั่วร้ายจะพรั่งพรูเรื่องพล่อยๆ ออกมา
29 พระผู้เป็นเจ้าอยู่ห่างจากคนชั่ว
    แต่จะได้ยินคำอธิษฐานของบรรดาผู้มีความชอบธรรม
30 ดวงตาเปี่ยมประกายส่งผลให้ผู้ที่สังเกตเห็นมีใจยินดี
    ข่าวดีก็ช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพดี
31 คนที่ฟังคำตักเตือนอันก่อให้เกิดชีวิต
    จะอยู่ร่วมกับบรรดาผู้มีสติปัญญา
32 คนที่ละเลยคำสั่งสอนคือผู้ที่ดูหมิ่นตัวเอง
    แต่คนที่ฟังคำตักเตือนจะได้มาซึ่งความเข้าใจ
33 ความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าเป็นรากฐานของสติปัญญา
    และการถ่อมตัวนำมาซึ่งการได้รับเกียรติ
16 เป็นปกติที่มนุษย์จะคิดเตรียมแผนการต่างๆ
    แต่ในที่สุดคำตอบก็มาจากพระผู้เป็นเจ้า
ทุกวิถีทางของคนมักบริสุทธิ์ในสายตาของตนเอง
    แต่พระผู้เป็นเจ้าดูที่จิตวิญญาณ
จงมอบสิ่งที่เจ้ากระทำไว้กับพระผู้เป็นเจ้า
    และแผนการของเจ้าจะสำเร็จ
พระผู้เป็นเจ้าได้สร้างทุกสิ่งขึ้นโดยมีจุดประสงค์
    รวมถึงคนชั่วร้ายสำหรับวันแห่งความพินาศด้วย
ทุกคนที่มีใจหยิ่งยโสเป็นที่น่ารังเกียจต่อพระผู้เป็นเจ้า
    และแน่ใจได้เลยว่า เขาจะไม่อาจหลุดพ้นจากการลงโทษอย่างแน่นอน
เป็นเพราะความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริง บาปจึงได้รับการยกโทษ
    และเป็นเพราะความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า คนจึงหลีกเลี่ยงการทำความชั่ว
เมื่อวิถีทางของผู้ใดเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า
    พระองค์จะทำให้แม้แต่ศัตรูของเขาเองมีสันติกับเขา
การมีอยู่เพียงน้อยนิดแต่มีความชอบธรรมย่อมดีกว่า
    การมีรายได้มากมาย แต่ขาดความเที่ยงธรรม
มนุษย์จะคิดเตรียมแผนการต่างๆ ตามวิถีทางของตน
    แต่พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ชี้ทางให้เขาเดิน
10 คำพูดของกษัตริย์เป็นไปตามอำนาจที่ได้ตัดสินใจไว้
    และสิ่งที่กล่าวก็ไม่ควรผิดไปจากความเป็นธรรม
11 เครื่องวัดน้ำหนักและตราชูที่เที่ยงตรงเป็นของพระผู้เป็นเจ้า
    ตุ้มน้ำหนักที่ใช้ถ่วงเป็นไปตามมาตรฐานของพระองค์
12 การกระทำสิ่งชั่วช้าเป็นที่น่ารังเกียจต่อบรรดากษัตริย์
    เพราะว่าบัลลังก์สร้างขึ้นได้ด้วยความชอบธรรม
13 กษัตริย์โปรดปรานคำพูดที่มีความชอบธรรม
    และรักคนที่พูดในสิ่งที่ถูกต้อง
14 ความโกรธกริ้วของกษัตริย์เป็นดั่งผู้นำสาสน์แห่งความตาย
    แต่ผู้มีสติปัญญาจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้
15 ใบหน้าอิ่มเอิบของกษัตริย์หมายถึงชีวิต
    และความโปรดปรานของกษัตริย์เปรียบเสมือนเมฆฝนในฤดูใบไม้ผลิ
16 การได้มาซึ่งสติปัญญาดีกว่าได้ทองคำ
    และจะเลือกการหยั่งรู้ย่อมดีกว่าเลือกเงินทอง
17 วิถีชีวิตของผู้มีความชอบธรรม คือการหลีกเลี่ยงความเลว
    คนที่ระวังวิถีทางของเขาที่ก้าวไปจะรักษาจิตวิญญาณของเขาได้
18 สิ่งที่ตามความเย่อหยิ่งจองหองมาคือความพินาศ
    และวิญญาณที่ยโสต้องเผชิญกับความล้มเหลว
19 การเจียมตัวฝ่ายวิญญาณและอยู่กับบรรดาคนยากไร้ยังจะดีกว่า
    การรับแบ่งปันจากคนหยิ่งจองหองที่ริบของคนอื่นมา
20 คนที่เอาใจใส่ต่อคำสอนจะประสบกับสิ่งดีงาม
    และคนที่ไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้าจะเป็นสุข
21 ผู้มีสติปัญญาเป็นที่ตั้ง เรียกได้ว่า เป็นผู้หยั่งรู้
    และคำพูดที่ไพเราะโน้มน้าวจิตใจได้มากขึ้น
22 คนที่มีความเข้าใจเปรียบได้กับการมีน้ำพุแห่งชีวิต
    แต่ความโง่จะลงโทษคนโง่เอง
23 ใจของผู้มีสติปัญญาแสดงผ่านทางคำพูด
    และริมฝีปากของเขาโน้มน้าวจิตใจได้มากขึ้น
24 คำพูดที่น่าฟังเป็นเสมือนรวงผึ้ง
    ที่ให้ความหวานต่อจิตวิญญาณและซึมซาบเข้าบำบัดรักษาลึกถึงกระดูก
25 มีหนทางที่ดูเหมือนว่าเป็นทางที่ถูกต้องในสายตาของตนเอง
    แต่จุดจบคือหนทางแห่งความตาย
26 ความอยากอาหารของคนทำงานเป็นตัวกระตุ้นให้เขาต้องปฏิบัติงาน
    เพราะมันทำให้เขาได้บำบัดความหิว
27 คนไร้ค่าจะขุดคุ้ยความเลว
    และคำพูดของเขาเป็นดั่งไฟที่ลุกโพลง
28 ผู้พูดบิดเบือนจะก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท
    และคนนินทาว่าร้ายจะแยกเพื่อนรักให้จากกัน
29 คนที่ก้าวร้าวหลอกล่อเพื่อนบ้านของเขา
    และนำเขาไปในทางที่ไม่ดี
30 คนขยิบตาวางแผนกระทำสิ่งที่บิดเบือน
    คนปิดปากเฉยก่อความชั่วให้เกิดขึ้น
31 ผมหงอกบนศีรษะคือมงกุฎแห่งสง่าราศี
    และพบได้ในทางแห่งความชอบธรรม
32 คนโกรธยากดีกว่าคนมีกำลังมาก
    และคนที่บังคับอารมณ์ได้ก็ดีกว่าคนที่ตีเมืองได้
33 ฉลากที่จับได้ตกอยู่ในมือ
    แต่ทุกสิ่งก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพระผู้เป็นเจ้า
17 เศษขนมปังแห้งกับความสงบเงียบ
    ก็ยังดีกว่าบ้านที่มีงานเลี้ยงมากมายซึ่งมีแต่การทะเลาะวิวาทกัน
ผู้รับใช้ที่ชาญฉลาดจะเป็นผู้ควบคุมลูกเจ้านายที่ประพฤติตัวอย่างน่าอับอาย
    และจะได้รับส่วนแบ่งจากมรดกร่วมกับลูกๆ
เบ้าหลอมมีไว้สำหรับเงิน และเตาหลอมสำหรับทองคำ
    แต่พระผู้เป็นเจ้าทดสอบที่จิตใจ
คนชั่วเอาใจใส่กับคำพูดเลวๆ
    คนพูดปดฟังลิ้นที่นำความพินาศ
คนที่ล้อเลียนผู้ยากไร้ก็ดูหมิ่นองค์ผู้สร้างของเขา
    คนที่ยินดีกับความวิบัติจะถูกลงโทษ
หลานๆ ที่เกิดจากบุตรเป็นดุจมงกุฎของผู้สูงอายุ
    และความภูมิใจของลูกๆ ก็คือบิดาของเขา
คำพูดที่ดีงามไม่เหมาะกับคนโง่
    ปากที่พูดโกหกยิ่งไม่เหมาะสำหรับคนมีเกียรติ
สินบนเป็นดั่งแก้ววิเศษในสายตาของผู้ให้
    ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็สำเร็จ
ผู้ที่ให้อภัยการกระทำผิดเป็นผู้แสวงหาความรัก
    แต่ผู้ที่ย้ำเรื่องเดิมซ้ำซากก็เป็นผู้แยกเพื่อนรักให้จากกัน
10 การตักเตือนว่ากล่าวครั้งเดียวฝังลึกในคนที่มีความหยั่งรู้
    มากกว่าการเฆี่ยนตีคนโง่เขลาหนึ่งร้อยครั้ง
11 คนชั่วร้ายจะแสวงหาแต่ความเลว
    ดังนั้นคนเหี้ยมโหดจะถูกส่งมาเพื่อต่อต้านเขา
12 ให้คนปะทะกับหมีแม่ลูกอ่อนที่ถูกขโมยลูก
    ก็ยังดีกว่าพบคนโง่พร้อมกับความโง่ของเขา
13 ความเลวร้ายจะไม่หายไปจากบ้าน
    ของคนที่ตอบสนองความดีด้วยความชั่ว
14 การเริ่มทะเลาะวิวาทเปรียบเสมือนการปล่อยให้น้ำในเขื่อนไหลทะลักออกมา
    ดังนั้น จงหยุดการโต้แย้งก่อนที่จะเกิดการทะเลาะวิวาท
15 การช่วยคนที่มีความผิดให้พ้นข้อหา และกล่าวโทษผู้มีความชอบธรรม
    สองสิ่งนี้เป็นที่น่ารังเกียจต่อพระผู้เป็นเจ้า
16 คนโง่จะมีเงินไว้ซื้อสติปัญญาเพื่อจุดประสงค์อะไร
    ในเมื่อเขาขาดความคิด
17 เพื่อนมีความรักให้เสมอ
    และพี่น้องเกิดมาเพื่อช่วยกันในยามคับขัน
18 คนที่ขาดความยั้งคิดให้คำสาบาน
    และรับประกันเพื่อนบ้านของเขา
19 คนที่รักการกระทำผิดจะรักการทะเลาะวิวาท
    คนที่สร้างประตูของตนให้สูงขึ้นนับว่าแสวงหาความพินาศ
20 ผู้มีใจลวงหลอกจะไม่มีความสำเร็จในชีวิต
    และลิ้นบิดเบือนก็ตกอยู่ในความวิบัติ
21 บุตรที่โง่เขลาเป็นที่เศร้าใจของบิดา
    และบิดาของคนโง่หามีความยินดีไม่
22 ใจที่เปี่ยมด้วยความยินดีเป็นเสมือนยารักษาที่ดี
    แต่วิญญาณอันบอบช้ำทำให้รู้สึกเหี่ยวแห้งถึงกระดูก
23 คนชั่วร้ายแอบรับสินบน
    เพื่อบิดเบือนวิถีทางแห่งความเที่ยงธรรม
24 สติปัญญาอยู่ไม่ไกลจากสายตาของผู้หยั่งรู้
    แต่ตาของคนโง่อยู่ที่สุดขอบโลก
25 บุตรที่โง่เขลาเป็นความทุกข์โศกของบิดา
    และเป็นความขมขื่นของนางผู้ให้กำเนิดแก่เขา
26 การลงโทษผู้มีความชอบธรรม
    หรือเฆี่ยนตีผู้นำที่มีสัจจะเป็นการกระทำที่ไม่ดี
27 ผู้ที่ยับยั้งคำพูดของตนได้เป็นผู้มีความรู้
    และผู้รู้จักควบคุมตัวเองเป็นผู้หยั่งรู้
28 แม้แต่คนโง่เวลานิ่งเงียบ คนก็ยังคิดว่าเขามีสติปัญญา
    และเวลาเขาปิดปากก็จะดูเหมือนเป็นคนฉลาด
18 ผู้ที่ผละตัวแยกออกไปนับว่าแสวงหาความต้องการของตนเอง
    เขาโต้แย้งสติปัญญาอันเฉียบแหลมทั้งสิ้น
คนโง่ไม่ชื่นชมกับการหยั่งรู้
    แต่เขาอยากออกความเห็นของเขาให้คนอื่นรับรู้เท่านั้น
เวลาใดที่คนชั่วร้ายปรากฏตัว สิ่งที่ตามมาคือการต่อต้าน
    และความอับอายตามมาพร้อมกับการหลู่เกียรติ
คำพูดจากปากคนเป็นเสมือนห้วงน้ำลึก
    น้ำพุแห่งสติปัญญาเป็นเสมือนลำธารที่ไหลหลั่งอย่างไม่ขาดสาย
การเข้าข้างคนชั่วร้าย
    หรือบีบบังคับผู้มีความชอบธรรมในการตัดสินความเป็นการกระทำที่ไม่ดี
ริมฝีปากของคนโง่ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท
    และปากของเขาร่ำร้องให้ถูกเฆี่ยน
ปากของคนโง่เป็นความเสียหายของเขาเอง
    และริมฝีปากของเขาเป็นบ่วงแร้วแก่จิตวิญญาณของเขาเอง
คำพูดของคนซุบซิบนินทาเป็นเช่นอาหารโอชา
    และไหลลงสู่ส่วนลึกสุดของร่างกาย
คนเกียจคร้านเป็นคนประเภทเดียวกันกับคนที่
    ทำลายทรัพย์สิ่งของ
10 พระนามของพระผู้เป็นเจ้าเป็นเสมือนป้อมปราการอันมั่นคง
    ซึ่งผู้มีความชอบธรรมวิ่งเข้าไปหาและปลอดภัย
11 ความมั่งมีของคนรวยเป็นเสมือนเมืองที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่ง
    และเป็นกำแพงสูงในจินตนาการของเขาเอง
12 ความหยิ่งยโสในใจของคนเกิดขึ้นก่อน แล้วความพินาศก็จะตามมา
    แต่การถ่อมตัวทำให้ได้รับเกียรติ
13 ผู้ที่ตอบก่อนฟัง
    แสดงถึงความโง่และความน่าละอายของเขา
14 วิญญาณของคนสามารถทนต่อร่างกายที่เจ็บป่วยได้
    แต่วิญญาณที่แตกร้าวสิ ใครจะทนได้
15 ใจของผู้หยั่งรู้ใคร่จะได้ความรู้
    และหูของผู้มีสติปัญญาย่อมแสวงหาความรู้
16 ของกำนัลของมนุษย์เปิดโอกาส
    และนำให้เขาเข้าถึงผู้ยิ่งใหญ่
17 ดูเหมือนว่า คนแรกที่เบิกคดีก่อนเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง
    จนกระทั่งมีคนอื่นมาสอบปากคำจากเขา
18 การจับฉลากช่วยให้การทะเลาะวิวาทสิ้นสุดลง
    และช่วยตัดสินบรรดาผู้มีอำนาจให้ลงตัว
19 การเจรจากับพี่น้องที่ถูกลบหลู่จะยากยิ่งกว่าการเจรจากับเมืองที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่ง
    และการทะเลาะวิวาทก็เป็นเสมือนปราสาทที่ปิดด้วยดาลประตู
20 ท้องคนจะอิ่มหนำได้ก็เพราะผลที่มาจากปากของเขา
    เขาจะอิ่มหนำจากผลผลิตที่ได้จากปากของเขาเอง
21 ความตายและชีวิตอยู่ในบังคับของลิ้น
    และบรรดาผู้ที่รักลิ้นก็จะอิ่มเอมจากผลของมัน
22 คนที่หาภรรยาได้นับว่าได้สิ่งที่ดี
    และได้รับความโปรดปรานจากพระผู้เป็นเจ้า
23 คนยากไร้ใช้คำวิงวอน
    แต่คนมั่งมีมักตอบด้วยถ้อยคำอันแข็งกร้าว
24 คนที่มีเพื่อนมากอาจจะเสียหายอย่างย่อยยับได้
    แต่มีเพื่อนบางคนที่สู้อยู่เคียงข้างยิ่งกว่าพี่น้อง
19 คนยากไร้ที่ดำเนินชีวิตด้วยสัจจะ
    ดีกว่าคนโง่ที่ชอบบิดเบือนคำพูด
ความปรารถนาอันแรงกล้าที่ปราศจากความรู้เป็นสิ่งไม่ดี
    และคนที่ก้าวไปด้วยความรีบร้อนก็ย่อมผิดพลาดได้
ความโง่ของมนุษย์ทำลายวิถีทางของตนเอง
    และใจของเขาเกรี้ยวกราดต่อพระผู้เป็นเจ้า
ความร่ำรวยทำให้มีเพื่อนฝูงมากขึ้น
    แต่คนยากไร้ถูกเพื่อนทอดทิ้ง
พยานเท็จจะต้องได้รับโทษ
    และคนขี้ปดจะหนีไปไม่พ้น
มีคนมากมายที่ชอบประจบสอพลอผู้มียศศักดิ์
    และทุกคนเป็นเพื่อนของคนที่ให้ของกำนัล
คนยากจนมีพี่น้องที่รังเกียจเขา
    แล้วเพื่อนฝูงจะไม่อยู่ห่างจากเขายิ่งกว่านั้นหรือ
แม้จะพยายามตามไปพูดกับพวกเขา
    แต่ทุกคนต่างก็หายหน้ากันไปหมด
ผู้ที่ได้สติปัญญามา เป็นผู้รักจิตวิญญาณของตน
    ผู้ที่รักษาความหยั่งรู้ไว้จะประสบกับสิ่งดีงาม
พยานเท็จจะต้องได้รับโทษ
    และคนขี้ปดจะพินาศ
10 ความหรูหราไม่เหมาะสมกับคนไร้ปัญญา
    ทาสผู้รับใช้ก็ยิ่งไม่เหมาะสมที่จะปกครองบรรดาเจ้าชาย
11 ความเข้าใจดีของมนุษย์ทำให้เขาโกรธยาก
    เมื่อเขาให้อภัยการกระทำผิด นั่นเป็นความดีเด่นของเขา
12 ความเกรี้ยวกราดของกษัตริย์เป็นเหมือนเสียงคำรามของสิงโต
    แต่ความโปรดปรานของกษัตริย์เป็นเหมือนน้ำค้างบนใบหญ้า
13 ลูกที่โง่เขลาเป็นความพินาศของบิดา
    และภรรยาช่างทะเลาะเบาะแว้งเป็นเสมือนฝนตกพรำๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
14 บ้านและความมั่งมีเป็นมรดกที่ตกทอดจากบิดา
    แต่ภรรยาที่ชาญฉลาดมาจากพระผู้เป็นเจ้า
15 ความเกียจคร้านฝังอยู่ในคนที่หลับสนิท
    และคนเกียจคร้านต้องทนทุกข์จากความหิว
16 ผู้ที่รักษาคำสั่งสอนรักษาจิตวิญญาณของตน
    แต่ผู้ที่ปราศจากความระมัดระวังในวิถีทางของตนจะวอดวาย
17 ผู้ที่มีความกรุณาต่อผู้ยากไร้นับว่าให้พระผู้เป็นเจ้าขอยืม
    และพระองค์จะให้รางวัลเพื่อตอบแทนสิ่งที่เขากระทำ
18 จงสอนให้ลูกของเจ้ามีระเบียบวินัย ขณะที่ยังมีความหวัง
    แต่อย่าถึงกับให้เขาต้องเสียชีวิต
19 คนอารมณ์ร้ายจะต้องได้รับการสนองตอบ
    หากว่าเจ้าช่วยเขาให้รอดตัวจากความผิด เจ้าก็จะต้องช่วยเขาร่ำไป
20 จงฟังคำแนะนำและยอมรับคำสั่งสอน
    และในที่สุดเจ้าจะได้มาซึ่งสติปัญญา
21 คนมักมีแผนการมากมายไว้ในใจ
    แต่แผนจะลุล่วงได้หรือไม่ก็แล้วแต่ความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า
22 สิ่งที่มนุษย์ปรารถนาคือความสัตย์จริง
    และการเป็นคนยากไร้ก็ยังดีกว่าเป็นคนมดเท็จ
23 ความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้านำไปสู่ชีวิต
    เขาจะนอนหลับด้วยความสบายใจ
    ไม่มีภัยใดๆ มารบกวน
24 คนขี้เกียจแช่มือไว้ในจานของตน
    แม้แต่จะยกมือป้อนตัวเองยังไม่ยอมทำ
25 จงเฆี่ยนตีคนช่างเย้ยหยัน เพื่อคนเขลาจะเรียนรู้ให้ฉลาดขึ้นได้
    ตักเตือนว่ากล่าวคนหยั่งรู้ และเขาจะได้มาซึ่งความรู้
26 ผู้แสดงความก้าวร้าวต่อบิดา และขับไล่มารดาของตน
    เป็นลูกที่ก่อให้เกิดความอับอาย และนำมาซึ่งความอัปยศอดสู
27 ลูกเอ๋ย ถ้าเจ้าเลิกฟังคำสั่งสอน
    เจ้าก็จะหลงหายไปจากคำกล่าวอันกอปรด้วยความรู้
28 พยานผู้ไร้ค่าเย้ยหยันความเป็นธรรม
    และปากของบรรดาคนชั่วร้ายรับแต่สิ่งเลวร้าย
29 การกล่าวโทษมีไว้พร้อมแล้วสำหรับบรรดาผู้เย้ยหยัน
    และการเฆี่ยนตีมีไว้สำหรับหลังของคนโง่
20 เหล้าองุ่นก่อให้เกิดการเย้ยหยัน และสุราก่อการวิวาท
    ผู้ใดก็ตามที่ถูกชักนำสู่ทางนั้นเป็นผู้ไร้สติปัญญา
ความโกรธกริ้วของกษัตริย์เป็นเหมือนเสียงคำรามของสิงโต
    ใครก็ตามที่ทำให้กษัตริย์โกรธอาจจะต้องเสียชีวิตของตน
คนที่หลีกเลี่ยงจากการทะเลาะวิวาทเป็นผู้ได้รับเกียรติ
    แต่คนโง่ทุกคนมักทะเลาะวิวาทได้ง่าย
คนเกียจคร้านไม่ไถนาตามฤดูกาล
    เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวก็ไม่มีอะไรให้เก็บเลย
จุดมุ่งหมายในจิตใจมนุษย์เป็นเสมือนห้วงน้ำลึก
    แต่ผู้หยั่งรู้เป็นผู้ที่หยั่งถึงใจนั้นได้
มีหลายคนที่ประกาศตัวว่าเป็นผู้มีความสัตย์จริง
    แต่ใครจะพบคนที่ไว้ใจได้จริง
ผู้มีความชอบธรรมดำเนินชีวิตด้วยสัจจะ
    บรรดาลูกหลานรุ่นต่อๆ ไปก็มีความสุข
เมื่อกษัตริย์อยู่บนบัลลังก์แห่งการตัดสินความ
    คนเลวร้ายก็ไม่สามารถเล็ดลอดไปจากสายตาท่านได้
ใครจะสามารถพูดได้ว่า “เราได้ทำให้ใจของเราสะอาดแล้ว
    เราบริสุทธิ์จากบาป”
10 ทั้งตุ้มน้ำหนักและการชั่งน้ำหนักที่ขาดความเที่ยงตรง
    ล้วนเป็นที่น่าชังสำหรับพระผู้เป็นเจ้า
11 แม้แต่เด็กเราก็ยังรู้จักเขาได้จากการกระทำของเขาว่า
    เขาจะโน้มไปในทางบริสุทธิ์และถูกต้องหรือไม่
12 หูที่ได้ยินและตาที่มองเห็น
    พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้สร้างทั้งสองสิ่งนี้
13 อย่าเอาแต่รักการนอน มิฉะนั้นเจ้าจะตกอยู่ในความยากจน
    จงเปิดตาของเจ้า และเจ้าจะได้มีอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์
14 ผู้ซื้อพูดว่า “ไม่ดี ไม่ดี”
    ครั้นเดินจากไปแล้ว เขาก็โอ้อวดถึงสิ่งที่ซื้อมาได้
15 มีทองคำและพลอยมากมาย
    แต่สมบัติอันมีค่าคือริมฝีปากที่เปี่ยมด้วยความรู้
16 จงยึดเสื้อผ้าของคนที่ไว้ใจคนแปลกหน้าเอาไว้เถิด
    และจงทำสัญญาเป็นหลักประกันถ้าเขาไว้ใจคนที่เขาไม่รู้จัก
17 อาหารที่ได้มาจากการหลอกลวงมีรสหวานสำหรับมนุษย์
    แต่เวลาต่อมาในปากของเขา ก็เต็มด้วยก้อนกรวด
18 จงเตรียมแผนการโดยหาคำปรึกษา
    และสู้รบในสงครามโดยกระทำตามคำแนะนำที่ฉลาด
19 คนที่เที่ยวกล่าวคำว่าร้ายเป็นผู้เปิดโปงความลับ
    ฉะนั้นอย่าคบค้ากับคนพูดพร่ำร่ำไป
20 ถ้าผู้ใดสาปแช่งบิดามารดา
    ตะเกียงของเขาจะดับลงในที่มืดมิด
21 มรดกที่ได้รับมาอย่างง่ายดาย
    ใช่ว่าจะเป็นพระพรในบั้นปลาย

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation