Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the NIV. Switch to the NIV to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 พงศาวดาร 32:1-33:13

กษัตริย์อัสซีเรียบุกยูดาห์

(2 พกษ. 18:13-37; อสย. 36:1-22)

32 หลังจากเหตุการณ์เหล่านั้นและสิ่งทั้งหลายที่เฮเซคียาห์ทำด้วยความซื่อสัตย์แล้ว กษัตริย์เซนนาเคอริบของอัสซีเรียได้ยกทัพมาบุกยูดาห์ เขาล้อมเมืองต่างๆที่เป็นป้อมปราการไว้ โดยคิดที่จะตีเมืองเหล่านั้นมาเป็นของเขา เมื่อเฮเซคียาห์รู้ว่าเซนนาเคอริบบุกเข้ามา กะจะสู้รบกับเมืองเยรูซาเล็ม เฮเซคียาห์ก็ปรึกษากับพวกเจ้าหน้าที่และพวกทหารของเขา เกี่ยวกับการกั้นน้ำไม่ให้ไหลออกจากตาน้ำที่อยู่นอกเมือง แล้วพวกเขาก็ได้ช่วยเหลือเฮเซคียาห์ คนจำนวนมากมาชุมนุมกันและพวกเขาก็ช่วยกันปิดตาน้ำทั้งหมดและปิดลำธารที่ไหลผ่านแผ่นดินแห่งนั้น พวกเขาพูดว่า “เมื่อพวกกษัตริย์ของอัสซีเรียบุกเข้ามา เรื่องอะไรจะให้พวกมันมาเจอกับน้ำมากมาย” แล้วเฮเซคียาห์ก็ทำงานอย่างหนักในการซ่อมแซมส่วนที่แตกร้าวของกำแพงและหอคอย เขาสร้างกำแพงด้านนอกขึ้นอีกชั้นหนึ่ง และได้เสริมที่มั่นบนที่ลาดชันทางด้านตะวันออกของเมืองเยรูซาเล็มเก่าให้แข็งแรงมากขึ้น เขายังทำอาวุธและโล่ขึ้นอีกจำนวนมาก เขาได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ทางทหารขึ้นเหนือประชาชน และเรียกประชุมพวกเขาพร้อมกันที่ลานตรงประตูเมือง และพูดปลุกใจพวกเขาว่า “ให้เข้มแข็งและกล้าหาญไว้ อย่ากลัวหรือท้อแท้ต่อกษัตริย์อัสซีเรีย หรือต่อกองทัพขนาดใหญ่ที่มากับเขาเลย เพราะผู้ที่อยู่ฝ่ายเรานั้นยิ่งใหญ่กว่าผู้ที่อยู่ฝ่ายเขา ผู้ที่อยู่กับเขาเป็นเพียงทหารที่มีเลือดเนื้อ แต่ผู้ที่อยู่กับพวกเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา พระองค์จะช่วยเหลือพวกเรา และจะต่อสู้ให้กับพวกเรา” ดังนั้นกษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์ก็ทำให้ประชาชนมีกำลังใจขึ้น

ต่อมา ขณะที่กษัตริย์เซนนาเคอริบของอัสซีเรียกับกองทัพทั้งหมดของเขากำลังล้อมเมืองลาคีชอยู่ เขาได้ส่งพวกเจ้าหน้าที่มาที่เมืองเยรูซาเล็ม พร้อมกับข้อความสำหรับกษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์และประชาชนทั้งหมดของยูดาห์ที่อยู่ที่นั่นว่า

10 “กษัตริย์เซนนาเคอริบของอัสซีเรียพูดอย่างนี้ว่า พวกเจ้ากำลังพึ่งพิงอะไรหรือ ถึงยังคอยรับการโจมตีของเราอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม 11 เมื่อเฮเซคียาห์พูดว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราจะช่วยเหลือพวกเราให้พ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรีย’ เขากำลังชักจูงให้พวกเจ้าหลงผิดไป และมอบพวกเจ้าให้ไปตายเพราะขาดอาหารและน้ำดื่ม 12 ก็ตัวเฮเซคียาห์เองไม่ใช่หรือ ที่รื้อพวกสถานนมัสการ และแท่นบูชาทั้งหลายของพระองค์นั้นทิ้งไป และได้พูดกับชาวเมืองยูดาห์และเยรูซาเล็มว่า ‘พวกท่านต้องนมัสการและเผาเครื่องหอมบนแท่นบูชานี้เพียงแท่นเดียว’ 13 พวกเจ้าก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าเรากับบรรพบุรุษของเราได้จัดการกับชนชาติทั้งหลายของแผ่นดินอื่นๆยังไงบ้าง พวกพระของชนชาติเหล่านั้น สามารถช่วยแผ่นดินของพวกเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของเราได้หรือ 14 บรรพบุรุษเราได้ทำลายชนชาติเหล่านั้น ไม่มีพระของชนชาติไหนสามารถช่วยเหลือประชาชนของเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของเราได้เลย แล้วพวกเจ้าคิดว่า พระของพวกเจ้าจะช่วยเหลือพวกเจ้า ให้พ้นจากเงื้อมมือเราได้หรือ 15 ตอนนี้ อย่าปล่อยให้เฮเซคียาห์หลอกลวงพวกเจ้า หรือชักนำพวกเจ้าให้หลงผิดไปอย่างนี้ อย่าไปเชื่อเขา เพราะไม่เคยมีพระของชนชาติไหนหรืออาณาจักรไหนที่สามารถช่วยเหลือประชาชนของมัน ให้พ้นจากเงื้อมมือของเรา หรือจากเงื้อมมือของบรรพบุรุษเรา อย่าคิดนะว่าพระของเจ้าจะสามารถช่วยเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือของเราไปได้”

16 พวกเจ้าหน้าที่ของเซนนาเคอริบได้พูดดูถูกต่อพระยาห์เวห์ผู้เป็นพระเจ้า และต่อเฮเซคียาห์ผู้รับใช้ของพระองค์ 17 กษัตริย์อัสซีเรียยังเขียนจดหมายหมิ่นประมาทพระยาห์เวห์พระเจ้าของชนชาติอิสราเอล และพูดต่อต้านพระองค์ว่า “พวกพระของชนชาติอื่นๆในแผ่นดินอื่นๆไม่ได้ช่วยกู้ประชาชนของพวกมัน ให้พ้นจากเงื้อมมือของเรา พระของเฮเซคียาห์ก็จะไม่ช่วยกู้ประชาชนของมันจากเงื้อมมือของเราเหมือนกัน” 18 แล้วพวกเขาก็ได้ตะโกนเสียงดังใส่ประชาชนของเยรูซาเล็มที่อยู่บนกำแพง พวกเขาพูดเป็นภาษาฮีบรู เพื่อคนเยรูซาเล็มจะได้เข้าใจ แล้วตกใจกลัว และหวั่นไหว จะได้ยึดเอาเมืองได้ 19 พวกเขาพูดดูถูกพระเจ้าของเยรูซาเล็ม อย่างกับว่าพระองค์เป็นเหมือนพวกพระของชนชาติอื่นๆในโลกซึ่งมนุษย์เป็นคนสร้างขึ้นกับมือ

พระเจ้าช่วยกู้ยูดาห์

(2 พกษ. 19:1-37; อสย. 37:1-38)

20 กษัตริย์เฮเซคียาห์กับอิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าลูกชายของอามอสอธิษฐานต่อสวรรค์เกี่ยวกับเรื่องนี้ 21 และพระยาห์เวห์ได้ส่งทูตสวรรค์องค์หนึ่ง มาทำลายพวกนักรบ พวกผู้นำและพวกเจ้าหน้าที่ทั้งหมดในค่ายของกษัตริย์อัสซีเรีย ดังนั้นเขาจึงต้องถอยทัพกลับแผ่นดินของเขาด้วยความอับอายขายหน้า และเมื่อเขาเข้าไปในวัดของพระของเขา พวกลูกชายบางคนของเขาก็เอาดาบฆ่าเขา 22 ดังนั้นพระยาห์เวห์ได้ช่วยเฮเซคียาห์และประชาชนชาวเยรูซาเล็ม ให้พ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์เซนนาเคอริบของอัสซีเรีย และจากเงื้อมมือของศัตรูทั้งหลายของเขาด้วย พระองค์ให้เขาพักจากการสู้รบรอบด้าน 23 มีคนหลายคนนำเครื่องบูชามากมายมาที่เมืองเยรูซาเล็มเพื่อถวายให้กับพระยาห์เวห์ และนำของขวัญที่มีค่าหลายอย่างมาให้กับกษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์ ตั้งแต่นั้นมา ชนชาติอื่นๆทั้งหมดก็ให้ความเคารพนับถือกษัตริย์เฮเซคียาห์

เฮเซคียาห์ป่วย

(2 พกษ. 20:1-11; อสย. 38:1-8)

24 ต่อมาเฮเซคียาห์ป่วยและใกล้ตาย เขาได้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ พระองค์ตอบเขาและให้ลางดีกับเขาอย่างหนึ่ง[a] 25 แต่ใจของเฮเซคียาห์เย่อหยิ่ง และไม่ระลึกถึงบุญคุณของพระเจ้าที่มีต่อเขา ดังนั้นความโกรธของพระยาห์เวห์จึงตกมาที่ตัวเขาและที่ชาวยูดาห์กับชาวเยรูซาเล็ม 26 แล้วเฮเซคียาห์ก็ได้สำนึกผิดในความเย่อหยิ่งที่อยู่ในใจเขา ประชาชนในเมืองเยรูซาเล็มก็เหมือนกัน ดังนั้น ความโกรธของพระยาห์เวห์จึงไม่ได้ตกลงมาบนพวกเขาในช่วงที่เฮเซคียาห์ยังมีชีวิตอยู่

เฮเซคียาห์โอ้อวดทรัพย์สมบัติ

(2 พกษ. 20:12-19; อสย. 39:1-8)

27 เฮเซคียาห์มีทรัพย์สินและเกียรติยศมากมาย เขาสร้างคลังเก็บสมบัติของเขาเพื่อใส่เงิน ทองคำและพลอยมีค่าทั้งหลาย รวมทั้งเครื่องเทศ โล่กับของมีค่าทุกอย่าง 28 เขายังสร้างโรงเก็บข้าว เหล้าองุ่นใหม่และน้ำมัน และเขาทำคอกสัตว์ให้กับฝูงวัวนานาชนิด และฝูงแพะแกะ 29 เขาสร้างหมู่บ้านหลายแห่ง และมีฝูงสัตว์เลี้ยงจำนวนมากมายมหาศาล เพราะพระเจ้าทำให้เขาร่ำรวยมาก 30 เฮเซคียาห์เป็นผู้ที่กั้นทางน้ำด้านบนของบ่อน้ำกิโฮน และเปลี่ยนเส้นทางให้น้ำไหลลงไปทางด้านตะวันตกของเมืองของดาวิด เขาประสบความสำเร็จในทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาลงมือทำ

31 ครั้งหนึ่ง พวกผู้นำของบาบิโลนส่งทูตมาถามเขาเกี่ยวกับหมายสำคัญอันมหัศจรรย์ที่ได้เกิดขึ้นบนแผ่นดินแห่งนี้[b] พระเจ้าปล่อยให้เขาทำตามใจตัวเองเพื่อทดสอบเขาและเพื่อที่จะได้รู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในใจของเขา[c]

เฮเซคียาห์ตาย

(2 พกษ. 20:20-21)

32 เหตุการณ์อื่นๆในสมัยของเฮเซคียาห์และความดีที่เขาทำไว้นั้นได้ถูกจดบันทึกไว้ในหนังสือพงศ์กษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอล ในส่วนที่เป็นนิมิตของอิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าที่เป็นลูกชายของอามอส 33 เฮเซคียาห์ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา และศพของเขาถูกฝังอยู่ที่เนินเขาอันเป็นที่ตั้งหลุมฝังศพของลูกหลานของดาวิด ชาวยูดาห์และประชาชนของเยรูซาเล็มทั้งหมดให้เกียรติกับเขาเมื่อเขาตาย และมนัสเสห์ลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา

กษัตริย์มนัสเสห์ปกครองยูดาห์

(2 พกษ. 21:1-18)

33 มนัสเสห์มีอายุสิบสองปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเป็นเวลาห้าสิบห้าปี มนัสเสห์ทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์ เขาทำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนต่างๆเหมือนกับที่ชนชาติที่พระยาห์เวห์ได้ขับไล่ออกไปตอนที่อิสราเอลย้ายเข้ามาในแผ่นดินนี้ได้ทำ มนัสเสห์สร้างสถานนมัสการต่างๆขึ้นมาใหม่ ที่เฮเซคียาห์พ่อของเขาเคยพังทิ้งไปแล้ว เขายังได้ตั้งแท่นบูชาทั้งหลายให้กับพวกพระบาอัล และสร้างพวกเสาของพระอาเชราห์ขึ้น เขากราบไหว้ดวงดาวทั้งหลายบนท้องฟ้าและรับใช้พวกมัน เขาสร้างพวกแท่นบูชาให้กับพวกพระต่างชาติขึ้นในวิหารของพระยาห์เวห์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระยาห์เวห์เคยพูดไว้ว่า “ชื่อของเราจะอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มตลอดไป” มนัสเสห์ยังสร้างแท่นบูชาขึ้นสองแท่นให้กับดวงดาวทั้งหลายตรงลานทั้งสองในวิหารของพระยาห์เวห์ เขาเอาพวกลูกชายของเขามาเผาไฟเป็นเครื่องบูชาในหุบเขาเบนฮินโนม เขาร่ายเวทมนตร์คาถา ดูหมอ และทำไสยศาสตร์ เขาไปปรึกษากับพวกคนทรงเจ้าและพวกหมอผี เขาทำความชั่วมากมายในสายตาของพระยาห์เวห์ ซึ่งยั่วยุให้พระองค์โกรธ เขาให้คนแกะสลักรูปเคารพขึ้นและนำไปวางไว้ในวิหารของพระเจ้า ที่พระเจ้าเคยพูดไว้กับดาวิดและซาโลมอนลูกของดาวิดว่า “ในวิหารแห่งนี้และในเมืองเยรูซาเล็มที่เราได้เลือกออกมาจากเผ่าทั้งหมดของชนชาติอิสราเอล เราจะวางชื่อของเราไว้ที่นี่ตลอดไป ถ้าพวกเขาเพียงแต่ระมัดระวังที่จะทำตามสิ่งที่เราได้สั่งพวกเขาไว้ และรักษากฎ พวกข้อบังคับ และกฎเกณฑ์ต่างๆที่เราให้ไว้ผ่านทางโมเสส เราก็จะไม่ทำให้พวกอิสราเอลต้องเดินเร่ร่อนพเนจรอีกต่อไปจากแผ่นดินที่เราได้กำหนดให้กับบรรพบุรุษของพวกเขา”

แต่มนัสเสห์นำชาวยูดาห์และประชาชนชาวเยรูซาเล็มไปในทางที่ผิด พวกเขาทำในสิ่งที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าพวกชนชาติเหล่านั้นที่พระยาห์เวห์ได้ทำลายลงไปตอนที่ชาวอิสราเอลย้ายเข้ามาในแผ่นดิน

10 พระยาห์เวห์พูดกับมนัสเสห์และประชาชนของเขา แต่พวกเขาไม่สนใจฟัง 11 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงนำพวกแม่ทัพของกองทัพของกษัตริย์อัสซีเรีย มาสู้รบกับพวกเขา และจับตัวมนัสเสห์ไว้เป็นเชลย พวกเขาเอาห่วงใส่จมูกของมนัสเสห์ไว้และล่ามเขาไว้ด้วยโซ่ตรวนทองสัมฤทธิ์ และเอาไปที่บาบิโลน

12 เมื่อมนัสเสห์ตกอยู่ในความทุกข์ยาก เขาก็ร้องขอความเมตตาจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา และได้ถ่อมตัวลงอย่างมากต่อหน้าพระเจ้าของบรรพบุรุษของเขา 13 เมื่อเขาอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ พระองค์ได้เปลี่ยนใจเพราะสงสารเขา แล้วพระองค์ได้ฟังคำร้องขอของเขา พระองค์จึงนำเขากลับเมืองเยรูซาเล็ม และกลับสู่อาณาจักรของเขา แล้วมนัสเสห์ก็ได้รู้ว่า พระยาห์เวห์คือพระเจ้าที่แท้จริง

โรม 15:23-16:9

23 แต่ตอนนี้ ไม่เหลือที่ไหนในแคว้นเหล่านี้ให้ผมไปทำงานอีกแล้ว และผมก็ตั้งใจจะมาหาคุณตั้งหลายปีแล้วด้วย 24 ผมจึงวางแผนที่จะแวะมาเยี่ยมคุณเมื่อผมไปสเปน และอยู่สังสรรค์กับพวกคุณสักพักหนึ่ง แล้วหวังว่าหลังจากนั้น คุณจะช่วยสนับสนุนให้ผมเดินทางต่อไปที่สเปน 25 แต่ตอนนี้ ผมกำลังจะเดินทางไปเมืองเยรูซาเล็มเพื่อช่วยเหลือคนที่เป็นของพระเจ้าที่นั่น 26 เพราะบรรดาหมู่ประชุมของพระเจ้าในแคว้นมาซิโดเนีย และแคว้นอาคายาได้ตัดสินใจเรี่ยไรเงินเพื่อช่วยเหลือคนที่เป็นของพระเจ้าที่ยากจนในเมืองเยรูซาเล็ม 27 ดีแล้วที่พวกเขาตัดสินใจทำอย่างนั้น เพราะพวกเขาเป็นหนี้บุญคุณคนพวกนั้นอยู่ เพราะพี่น้องชาวยิวได้แบ่งปันพระพรฝ่ายพระวิญญาณของพวกเขาให้กับคนที่ไม่ใช่ยิว พี่น้องที่ไม่ใช่ยิวก็ควรจะแบ่งปันพระพรฝ่ายวัตถุให้กับพี่น้องชาวยิวด้วย 28 ทันทีที่ผมทำงานนี้เสร็จ โดยมอบเงินที่เรี่ยไรมานี้ให้กับพวกเขาดูแลเรียบร้อยแล้ว ผมก็จะไปสเปนและแวะเยี่ยมคุณในระหว่างทาง 29 ผมรู้ว่าเมื่อผมมาหาคุณ ผมจะมาแบ่งปันพระพรอันเต็มเปี่ยมของพระคริสต์กับพวกคุณ 30 พี่น้องครับ เป็นเพราะเห็นแก่พระเยซูคริสต์เจ้า และความรักจากพระวิญญาณ ผมถึงขอร้องคุณให้มาร่วมต่อสู้กับผม คืออธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อผม 31 อธิษฐานขอให้พระองค์ช่วยผมให้ปลอดภัยจากพวกที่ไม่เชื่อในแคว้นยูเดีย และอธิษฐานให้คนที่เป็นของพระเจ้าที่เมืองเยรูซาเล็มเต็มใจรับเงินเรี่ยไรที่ผมเอามาให้ 32 เพื่อว่าถ้าเป็นไปตามความต้องการของพระเจ้า ผมจะได้แวะมาหาคุณด้วยความยินดี และผมจะได้พักผ่อนหย่อนใจร่วมกับคุณ

33 ขอให้พระเจ้าผู้เป็นแหล่งของสันติสุข อยู่กับคุณทุกคนเถิด อาเมน

เปาโลมีสิ่งสุดท้ายที่จะบอก

16 ผมขอแนะนำเฟบีน้องสาวของเราให้กับคุณ เธอเป็นผู้รับใช้พิเศษ[a]ของหมู่ประชุมของพระเจ้าในเมืองเคนเครีย ขอให้ต้อนรับเธอให้สมกับที่พวกคุณเป็นคนของพระเจ้าด้วย และขอให้ช่วยเหลือเธอในสิ่งที่เธอต้องการ เพราะเธอได้ช่วยเหลือดูแลคนจำนวนมาก รวมทั้งผมด้วย ฝากความคิดถึงให้ปริศคาและอาควิลลา เพื่อนร่วมงานของผมในพระเยซูคริสต์ สองคนนี้ได้เสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องชีวิตของผม ไม่ใช่ผมเท่านั้นที่สำนึกในบุญคุณของเขาทั้งสอง แต่รวมถึงหมู่ประชุมของพระเจ้าทุกแห่งของคนที่ไม่ใช่ยิวด้วย ฝากความคิดถึงให้กับหมู่ประชุมของพระเจ้าที่ประชุมกันในบ้านของพวกเขา ฝากความคิดถึงให้เอเปเนทัสเพื่อนรักของผมด้วย เขาเป็นคนแรกในแคว้นเอเชียที่ได้มาไว้วางใจในพระคริสต์ ฝากความคิดถึงให้มารีย์ผู้ทำงานหนักเพื่อคุณ ฝากความคิดถึงให้อันโดรนิคัสและยูเนีย เพื่อนยิวที่เคยติดคุกอยู่กับผมและเป็นศิษย์เอกที่มีชื่อเสียงดี และเป็นคนที่ไว้วางใจในพระคริสต์ก่อนผมด้วย ฝากความคิดถึงให้อัมพลีอาทัสเพื่อนรักของผมในองค์เจ้าชีวิต ฝากความคิดถึงให้อูรบานัสเพื่อนร่วมงานของเราในพระคริสต์ และสทาคิสเพื่อนรักของผม

สดุดี 25:16-22

16 ข้าแต่พระเจ้า โปรดหันมามองข้าพเจ้าและเมตตากรุณาข้าพเจ้าด้วยเถิด
    เพราะข้าพเจ้าโดดเดี่ยวและถูกข่มเหง
17 โปรดช่วยให้ข้าพเจ้าหลุดพ้นจากความทุกข์ใจด้วยเถิด
    ช่วยดึงข้าพเจ้าออกไปจากปัญหาต่างๆของข้าพเจ้าด้วยเถิด
18 โปรดมองดูความทุกข์ทรมานและความลำบากที่ข้าพเจ้าเจออยู่นี้
    และโปรดยกโทษให้กับบาปทั้งหมดของข้าพเจ้าด้วยเถิด
19 ดูเถิด ข้าพเจ้ามีศัตรูมากมาย
    พวกเขาเกลียดข้าพเจ้ามากและอยากทำร้ายข้าพเจ้า
20 โปรดรักษาชีวิตของข้าพเจ้าและช่วยกู้ข้าพเจ้าด้วยเถิด
    ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์ โปรดอย่าทำให้ข้าพเจ้าผิดหวัง
21 ขอให้ความบริสุทธิ์และความซื่อตรงของข้าพเจ้า
    คุ้มครองข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าฝากความหวังไว้กับพระองค์

22 ข้าแต่พระเจ้า ช่วยชาวอิสราเอล
    ให้พ้นจากความทุกข์ร้อนทั้งหลายของเขาด้วยเถิด

สุภาษิต 20:16-18

16 หากเขามาค้ำประกันให้กับคนแปลกหน้า
    ให้ยึดเสื้อผ้าของเขาเป็นเครื่องมัดจำ
หากเขาค้ำประกันให้กับคนต่างด้าว
    ก็ให้ยึดเครื่องประกันของเขาไว้
17 ขนมปังที่ฉ้อโกงมา ก็รสหวาน
    แต่ในที่สุดปากจะเต็มไปด้วยกรวดทราย
18 แผนการสำเร็จได้เพราะคำปรึกษา
    ดังนั้น ให้ใช้กลยุทธ์ที่ฉลาดทำสงคราม

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International