The Daily Audio Bible
Today's audio is from the CSB. Switch to the CSB to read along with the audio.
คำอธิษฐานของเนหะมียาห์
1 นี่คือคำพูดของเนหะมียาห์ ลูกชายของฮาคาลิยาห์
ในเดือนคิสเลฟ ปีที่ยี่สิบ[a] แห่งรัชกาลของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส[b] ขณะที่ผมอยู่ในเขตวังเมืองสุสา[c] 2 ฮานานีพี่น้องของผมคนหนึ่ง กับชายบางคนจากยูดาห์ได้เข้ามาพบผม ผมได้ถามพวกเขาถึงพวกยิวที่เหลืออยู่ที่หนีรอดมา ไม่ตกเป็นเชลย และได้ถามเกี่ยวกับเมืองเยรูซาเล็ม
3 พวกเขาบอกผมว่า “คนเหล่านั้นที่อยู่ในยูดาห์ ที่หนีรอดมา ไม่ตกเป็นเชลยนั้นกำลังลำบากและอับอายมาก เพราะกำแพงเมืองเยรูซาเล็มได้พังลง และประตูเมืองต่างๆก็ถูกเผา”
4 เมื่อผมได้ฟังอย่างนั้น ก็ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ และไว้ทุกข์อยู่หลายวัน ผมได้อดอาหารพร้อมกับอธิษฐานต่อหน้าพระเจ้าแห่งสวรรค์ 5 ผมพูดว่า
“ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งสวรรค์ พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม พระองค์ผู้รักษาคำมั่นสัญญาอย่างสัตย์ซื่อกับคนเหล่านั้นที่รักพระองค์ และเชื่อฟังคำสั่งต่างๆของพระองค์
6 ขอให้หูของพระองค์รับฟังและตาเปิดออก เพื่อฟังคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ ตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังอธิษฐานต่อหน้าพระองค์ทั้งวันทั้งคืน สำหรับคนอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์ และข้าพเจ้ากำลังสารภาพความบาปทั้งหลายของคนอิสราเอล ที่พวกเราได้ทำต่อพระองค์ แม้แต่ข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้าก็บาปด้วย 7 พวกเราชาวอิสราเอลได้ทำตัวชั่วช้ามากต่อพระองค์ และพวกเราก็ไม่เชื่อฟังพวกคำสั่ง บัญญัติ และกฎทั้งหลายที่พระองค์ให้ไว้กับโมเสส ผู้รับใช้ของพระองค์
8 ขอพระองค์ระลึกถึงคำพูดที่พระองค์ให้ไว้กับโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ คือตอนที่พระองค์พูดว่า ‘ถ้าพวกเจ้าไม่ซื่อสัตย์ต่อเรา เราจะทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายไปอยู่ตามชนชาติต่างๆ 9 แต่ถ้าพวกเจ้าหันกลับมาหาเรา และทำตามคำสั่งต่างๆของเราอย่างเคร่งครัด เมื่อนั้นถึงแม้พวกเจ้าที่ถูกจับไปเป็นเชลยจะกระจัดกระจายไปอยู่ถึงสุดขอบฟ้า เราก็จะรวบรวมพวกเจ้ากลับมาจากที่นั่น เราจะนำพวกเจ้ามาอยู่ในสถานที่ที่เราได้เลือกไว้ให้เป็นที่สถิตชื่อของเรา’
10 คนอิสราเอลเหล่านี้เป็นผู้รับใช้และเป็นคนของพระองค์ ที่พระองค์ได้ช่วยให้พ้นจากการเป็นทาสด้วยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ และมืออันแข็งแกร่งของพระองค์ 11 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า ขอให้หูของพระองค์รับฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ และรับฟังคำอธิษฐานของผู้รับใช้ทั้งหมดของพระองค์ ผู้ที่มีความสุขในการให้เกียรติกับพระองค์ ขอพระองค์มอบความสำเร็จให้กับข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของพระองค์ในวันนี้ด้วยเถิด และทำให้กษัตริย์องค์นี้ชอบข้าพเจ้าด้วยเถิด”
ในตอนนั้น ผมมีตำแหน่งเป็นคนชิมเหล้าองุ่น[d] ของกษัตริย์
กษัตริย์ส่งเนหะมียาห์ไปเยรูซาเล็ม
2 ในเดือนนิสาน ของปีที่ยี่สิบ[e] ในสมัยรัชกาลของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส ในช่วงทานอาหารเย็น ผมได้หยิบเหล้าองุ่นและยื่นให้กับกษัตริย์ ก่อนหน้านี้ เมื่อผมอยู่ต่อหน้ากษัตริย์ผมไม่เคยโศกเศร้าเลย 2 กษัตริย์จึงพูดกับผมว่า “ทำไมใบหน้าของเจ้าจึงเศร้าหมองนัก เจ้าคงไม่ได้ป่วยหรอกนะ นี่คงเป็นเพราะเจ้ากลุ้มใจแน่ๆ”
แล้วผมก็รู้สึกกลัวมาก 3 ผมพูดกับกษัตริย์ว่า “ขอให้กษัตริย์มีอายุยืนยาวตลอดไป จะไม่ให้ข้าพเจ้าเศร้าโศกได้ยังไงครับท่าน ในเมื่อเมืองซึ่งเป็นที่ฝังศพของบรรพบุรุษของข้าพเจ้า ถูกทิ้งเป็นซากปรักหักพังอยู่ และประตูเมืองต่างๆของมันก็ถูกไฟเผาจนวอดวาย”
4 แล้วกษัตริย์ก็พูดกับผมว่า “แล้วเจ้าต้องการอะไร”
ผมจึงอธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ 5 แล้วตอบกษัตริย์ว่า “ถ้าพระองค์เต็มใจและพอใจในตัวข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของพระองค์ ช่วยส่งข้าพเจ้าไปยูดาห์ เมืองที่ฝังศพบรรพบุรุษของข้าพเจ้าด้วยเถิด เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไปสร้างมันขึ้นมาใหม่”
6 แล้วกษัตริย์ ซึ่งมีพระราชินีนั่งอยู่ข้างๆได้ถามผมว่า “เจ้าจะไปนานแค่ไหน และจะกลับมาเมื่อไหร่”
หลังจากผมบอกพระองค์ว่าจะไปนานแค่ไหน พระองค์ก็เต็มใจที่จะส่งผมไป 7 แล้วผมจึงพูดกับกษัตริย์ว่า “ถ้าเป็นที่พอใจของพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดมอบพวกจดหมายให้ข้าพเจ้า โดยจ่าหน้าถึงพวกผู้ว่าที่อยู่ในมณฑลฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส เพื่อพวกเขาจะได้ยอมให้ข้าพเจ้าเดินทางไปถึงยูดาห์อย่างปลอดภัย 8 และขอให้พระองค์มอบจดหมายฉบับหนึ่งให้ข้าพเจ้า โดยจ่าหน้าถึงอาสาฟ ผู้ดูแลป่าไม้ของพระองค์ เพื่อเขาจะได้มอบไม้ให้ข้าพเจ้า สำหรับสร้างไม้คานประตูป้อมที่ติดกับวิหาร สำหรับสร้างกำแพงเมือง และสำหรับสร้างบ้านที่ข้าพเจ้าจะอยู่”
กษัตริย์ได้ให้ผมตามที่ผมขอ เพราะมือของพระเจ้าคอยช่วยเหลือผม
9 ดังนั้น ผมจึงไปหาพวกผู้ว่าของเมืองต่างๆที่อยู่ในมณฑลฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส และมอบจดหมายทั้งหลายของกษัตริย์ให้พวกเขา กษัตริย์ยังส่งพวกนายทัพนายกองและพวกทหารม้ามากับผมด้วย 10 เมื่อสันบาลลัทชาวโฮโรนาอิม และโทบีอาห์เจ้าหน้าที่ชาวอัมโมน ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาไม่พอใจมากที่มีคนมาช่วยประชาชนอิสราเอล
เนหะมียาห์ ตรวจกำแพงเมือง
11 ดังนั้น ผมได้มาที่เมืองเยรูซาเล็มและอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามวัน 12 แล้วในตอนกลางคืน ผมได้ลุกขึ้นและออกไปพร้อมกับชายไม่กี่คน ผมไม่ได้บอกใครถึงเรื่องที่พระเจ้าได้ใส่ไว้ในใจของผม ที่จะทำให้กับเมืองเยรูซาเล็ม ผมไม่ได้เอาสัตว์อะไรไปด้วยเลย นอกจากตัวที่ผมขี่อยู่ 13 ในคืนนั้น ผมได้ออกไป ผ่านทางประตูหุบเขา ผ่านบ่อมังกร ไปไกลถึงประตูกองขยะ ผมตรวจดูพวกกำแพงเมืองของเยรูซาเล็มที่หักพัง และพวกประตูเมืองที่ถูกไฟเผาทำลาย 14 แล้วผมไปยังประตูน้ำพุและสระน้ำของกษัตริย์ แต่ไม่มีทางพอที่จะให้สัตว์ที่ผมขี่ผ่านไปได้ 15 ดังนั้นผมจึงขึ้นไปทางหุบเขาในตอนกลางคืน และผมได้ตรวจดูกำแพงเมือง แล้วกลับมาเข้าทางประตูหุบเขา กลับมายังที่เดิม 16 พวกเจ้าหน้าที่ไม่รู้ว่าผมไปไหน หรือไปทำอะไรมา เพราะผมยังไม่ได้บอกพวกชาวยิว พวกนักบวช พวกผู้นำ พวกเจ้าหน้าที่ หรือคนอื่นๆที่จะเป็นคนทำงาน
17 แต่ในที่สุดผมก็พูดกับพวกเขาว่า “ท่านก็เห็นแล้วถึงความยากลำบากที่เรามีอยู่นี้ ที่เมืองเยรูซาเล็มตกอยู่ในสภาพซากปรักหักพัง และพวกประตูเมืองถูกเผาไป มาเถอะ มาช่วยกันสร้างกำแพงเมืองเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ เพื่อเราจะได้ไม่ต้องอับอายขายหน้าอีกต่อไป”
18 ผมบอกพวกเขาว่า มือของพระเจ้าของผมได้คอยช่วยเหลือผมอย่างไร และบอกสิ่งที่กษัตริย์ได้พูดกับผม แล้วพวกเขาจึงพูดว่า “ให้เราลุกขึ้นมาสร้างกำแพงกันเถอะ” แล้วพวกเขาก็เตรียมตัวลงมือทำงานที่ดีนี้ 19 เมื่อสันบาลลัทชาวโฮโรนาอิม และโทบีอาห์เจ้าหน้าที่ชาวอัมโมน และเกเชมชาวอาหรับได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาต่างหัวเราะเยาะและดูถูกเหยียดหยามพวกเรา พวกเขาพูดว่า “พวกแกกำลังทำอะไรกันนี่ พวกแกกำลังกบฏต่อกษัตริย์หรือยังไง”
20 ผมตอบพวกเขาว่า “พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์จะทำให้เราสำเร็จ พวกเรา ผู้รับใช้ของพระองค์ จะลุกขึ้นมาสร้างมันขึ้นมาใหม่ แต่พวกเจ้าไม่มีที่ดินสักแปลงในนี้ ไม่มีอำนาจทางกฎหมายในเมืองนี้ และบรรพบุรุษของเจ้าก็ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเมืองเยรูซาเล็มนี้”
สร้างกำแพงเมืองเยรูซาเล็มขึ้นใหม่
3 เอลียาชีบ หัวหน้านักบวชสูงสุด พร้อมทั้งพวกเพื่อนๆนักบวชของท่าน ได้ลงมือก่อสร้างประตูแกะขึ้นมาใหม่ พวกเขาอุทิศมันให้กับพระเจ้า และพวกเขาได้ติดตั้งบานประตู พวกเขาสร้างกำแพงไปไกลถึงหอคอยร้อยพล และไปไกลจนถึงหอคอยฮานันเอล แล้วพวกเขาได้อุทิศมันให้กับพระเจ้า
2 พวกคนเยริโคก็ลงมือสร้างกำแพงด้วย พวกเขาอยู่ถัดจากเอลียาชีบออกไป ส่วนศักเกอร์ลูกชายของอิมรี ก็มาสร้างด้วยและอยู่ถัดจากพวกคนเยริโคออกไป
3 พวกลูกชายของหัสเสนาอาห์ ได้สร้างประตูปลา พวกเขาวางวงกบประตู ติดตั้งบานประตู ติดลูกสลักและดาลประตู
4 ถัดจากพวกนี้ไป เมเรโมท ลูกชายของอุรียาห์ ที่เป็นลูกชายของฮักโขส มาช่วยซ่อมแซมกำแพงช่วงถัดไป
ถัดจากพวกนี้ไป เมชุลลาม ลูกชายเบเรคิยาห์ ที่เป็นลูกชายของเมเชซาเบล มาช่วยซ่อมแซมกำแพงช่วงถัดไป
และศาโดก ลูกชายของบาอานา มาช่วยซ่อมแซมกำแพงช่วงถัดไป
5 ต่อจากพวกเขาไป ก็มีพวกผู้ชายชาวเทโคอา มาช่วยซ่อมแซมกำแพงช่วงถัดไป แต่พวกผู้นำของพวกเขาไม่ยอมลงมือทำงานให้กับเจ้านายของพวกเขา
6 โยยาดา ลูกชายของปาเสอาห์ และเมชุลลาม ลูกชายของเบโสไดอาห์ มาซ่อมแซมประตูเมืองเก่า[f] พวกเขาวางวงกบประตู ติดตั้งบานประตู ติดลูกสลักและดาลประตู 7 ถัดจากพวกเขาไป มีเมลาติยาห์ ซึ่งเป็นชาวกิบโอน และยาโดนซึ่งเป็นชาวเมโรโนท มาช่วยซ่อมแซมด้วย พร้อมกับพวกผู้ชายชาวเมืองกิเบโอน และชาวเมืองมิสปาห์ มิสปาห์เป็นสำนักงานใหญ่ของผู้ว่ามณฑลฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส 8 ถัดจากเมลาติยาห์ มีอุสซีเอลช่างทอง ที่เป็นลูกชายของฮารฮายาห์ มาช่วยซ่อมแซมด้วย และถัดจากเขาไปก็มีฮานันยาห์ ซึ่งเป็นคนทำน้ำหอม มาช่วยซ่อมแซมด้วย พวกเขาตัดส่วนหนึ่งของเยรูซาเล็มเก่าออกไป และซ่อมแซมไปจนถึงกำแพงกว้าง
9 ถัดจากพวกเขามีเรไฟยาห์ ลูกชายของเฮอร์ ซึ่งเป็นผู้ครอบครองครึ่งหนึ่งของเขตของเมืองเยรูซาเล็ม ได้มาช่วยซ่อมแซมกำแพงด้วย
10 ถัดจากพวกเขามี เยดายาห์ ลูกชายของฮารุมัฟ ได้มาช่วยซ่อมแซมส่วนที่อยู่ตรงข้ามบ้านตัวเอง และถัดจากเขามี ฮัทธัช ลูกชายของฮาชับเนยาห์ ได้มาช่วยซ่อมแซมด้วย
11 มัลคิยาห์ ลูกชายของฮาริม และหัสชูบลูกชายของปาหัทโมอับ ซ่อมแซมอีกส่วนหนึ่งรวมทั้งหอคอยเตาอบ
12 ถัดจากมัลคิยาห์ มี ชัลลูมลูกชายของฮัลโลเหช ผู้ครอบครองครึ่งหนึ่งของเขตเมืองเยรูซาเล็ม ได้มาช่วยซ่อมแซมพร้อมกับพวกลูกสาวของเขา
13 ฮานูน และประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองศาโนอาห์ ได้มาช่วยซ่อมแซมประตูหุบเขา พวกเขาทำวงกบขึ้นใหม่ และติดตั้งบานประตู ติดลูกสลักและดาลประตู พวกเขาซ่อมกำแพงไปจนถึงประตูกองขยะ รวมเป็นความยาวหนึ่งพันศอก
14 มัลคิยาห์ ลูกชายของเรคาบ ซึ่งปกครองเขตเบธฮัคเคเรม เป็นผู้ซ่อมประตูกองขยะ รวมทั้งทำวงกบและติดตั้งบานประตู ลูกสลักประตู และดาลประตู
ตอบคำถามเรื่องชีวิตคู่
7 ตอนนี้ผมขอพูดถึงเรื่องที่พวกคุณเขียนมาหาผมว่า “ดีแล้วที่ผู้ชายจะไม่นอนกับภรรยา” 2 แต่ เพราะมีความผิดบาปทางเพศเกิดขึ้นมากมาย ผู้ชายแต่ละคนจึงควรจะมีเพศสัมพันธ์กับภรรยา และผู้หญิงแต่ละคนก็ควรจะมีเพศสัมพันธ์กับสามี 3 สามีควรจะให้ความสุขทางเพศกับภรรยาตามหน้าที่ ส่วนภรรยาควรจะให้ความสุขทางเพศกับสามีตามหน้าที่เหมือนกัน 4 ร่างกายของภรรยาไม่เป็นของเธออีกต่อไป แต่กลายเป็นของสามี ส่วนร่างกายของสามีก็ไม่เป็นของเขาอีกต่อไป แต่กลายเป็นของภรรยา 5 อย่าปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์กันเลย นอกจากทั้งสองคนจะตกลงกันเป็นการชั่วคราว เพื่อคุณจะได้ทุ่มเทตัวเองในการอธิษฐาน หลังจากนั้นก็ค่อยกลับมาอยู่ร่วมกันอีก เพื่อซาตานจะได้ไม่มาล่อลวงคุณให้ไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นเพราะขาดการบังคับตน 6 เรื่องที่อยู่ห่างกันชั่วคราวนี้ผมไม่ได้สั่งให้ทำนะครับ แต่ถ้าคุณอยากทำก็ตามใจ 7 ความจริงแล้วผมอยากให้ทุกคนเป็นโสดเหมือนผม แต่อย่างว่าแหละครับ พระเจ้าก็ให้พรสวรรค์แต่ละคนมาไม่เหมือนกัน คนนี้ได้อย่างนี้ คนโน้นก็ได้อีกอย่างหนึ่ง
8 ตอนนี้ขอพูดกับคนโสดและแม่ม่ายว่า ถ้าพวกเขาจะอยู่เป็นโสดเหมือนกับผม ก็จะดีกว่านะ 9 แต่ถ้าเห็นว่าควบคุมตัวเองไม่ได้ ก็ให้แต่งงานเสียเถอะ เพราะทำอย่างนี้ ย่อมดีกว่าถูกเผาจนเร่าร้อนไปด้วยราคะตัณหา
10 ตอนนี้ผมขอสั่งคนที่แต่งงานแล้วว่า (ไม่ใช่ผมสั่งหรอกแต่เป็นองค์เจ้าชีวิตต่างหาก) ภรรยาต้องไม่หย่าจากสามี 11 (แต่ถ้าเธอหย่า เธอก็ต้องอยู่เป็นโสด หรือไม่ก็ให้กลับไปคืนดีกับสามีของเธอ) และสามีก็จะต้องไม่หย่าภรรยาเหมือนกัน
12 ตอนนี้ขอพูดถึงคนที่เหลือว่า (ตรงนี้ผมพูดเองนะครับ ไม่ใช่องค์เจ้าชีวิตพูด) ถ้าพี่น้องคนไหนมีภรรยาที่ไม่ได้ไว้วางใจในพระคริสต์ และเธอตกลงใจที่จะอยู่กับเขา เขาก็ต้องไม่หย่ากับเธอ 13 ถ้าหญิงคนไหนมีสามีที่ไม่ได้ไว้วางใจในพระคริสต์ และเขาตกลงใจที่จะอยู่กับเธอ เธอก็ต้องไม่หย่ากับเขา 14 เพราะสามีที่ไม่ได้ไว้วางใจในพระคริสต์ก็บริสุทธิ์แล้ว เพราะภรรยาของเขาที่ไว้วางใจ ส่วนภรรยาที่ไม่ได้ไว้วางใจในพระคริสต์ก็บริสุทธิ์แล้ว เพราะสามีของเธอที่ไว้วางใจ ไม่อย่างนั้นลูกๆของพวกคุณจะสกปรกต่อหน้าพระเจ้า แต่ความจริงตอนนี้ลูกๆของพวกคุณก็เป็นของพระเจ้าแล้ว
15 แต่ถ้าคนที่ไม่ได้ไว้วางใจในพระคริสต์อยากจะหย่า ก็ให้เขาหย่าไป พี่น้องที่ไว้วางใจในพระคริสต์คนนั้นก็เป็นอิสระแล้ว เพราะพระเจ้าเรียกให้พวกเรามาอยู่กันอย่างสงบสุข 16 คนที่เป็นภรรยาก็ไม่ต้องไปรั้งเขาไว้หรอก คุณแน่ใจหรือว่าคุณจะช่วยสามีที่ไม่ไว้วางใจในพระคริสต์ให้รอดได้ คนที่เป็นสามีก็เหมือนกัน คุณแน่ใจหรือว่าคุณจะช่วยภรรยาที่ไม่ไว้วางใจในพระคริสต์ให้รอดได้
ใช้ชีวิตตามที่พระเจ้าได้เรียกคุณ
17 แต่อย่างไรก็ตาม องค์เจ้าชีวิตได้กำหนดให้คุณอยู่ในสภาพไหนก็ให้อยู่ในสภาพนั้นตามที่พระเจ้าได้เรียกมา นี่แหละเป็นกฎที่ผมสั่งไว้ในทุกๆหมู่ประชุม 18 ตอนที่พระเจ้าเรียกนั้น ถ้ามีใครทำพิธีขลิบมาแล้ว ก็อย่าไปเปลี่ยนสภาพให้กลับมาเหมือนเดิมเลย หรือถ้ามีใครที่ยังไม่ได้ทำพิธีขลิบ ก็อย่าไปทำ 19 เพราะจะทำหรือไม่ทำพิธีขลิบก็ไม่ได้สำคัญอะไร สิ่งที่สำคัญคือการทำตามคำสั่งของพระเจ้า 20 ใครอยู่ในสภาพไหนตอนที่พระเจ้าเรียก ก็ให้อยู่ในสภาพนั้น 21 ถ้าเป็นทาสอยู่ก็ไม่ต้องกลุ้มใจ แต่ถ้ามีโอกาสเป็นอิสระก็ให้ฉวยเอาไว้ 22 ตอนที่องค์เจ้าชีวิตเรียกนั้น คนที่เป็นทาสก็กลายเป็นคนอิสระขององค์เจ้าชีวิต ส่วนคนที่เป็นอิสระก็กลายเป็นทาสของพระคริสต์ 23 พระเจ้าซื้อพวกคุณมาในราคาแพง ดังนั้นก็อย่าเป็นทาสของมนุษย์คนไหนเลย 24 พี่น้องครับ พระเจ้าเรียกให้คุณมาอยู่ในสภาพไหน พวกคุณแต่ละคนก็ควรจะอยู่ในสภาพนั้นต่อหน้าพระเจ้า
19 แต่พระองค์ได้ตุนสิ่งดีๆไว้มากมายสำหรับคนที่ยำเกรงพระองค์
พระองค์ทำหลายสิ่งหลายอย่างต่อหน้าต่อตามนุษย์ทั้งหลาย
เพื่อช่วยคนเหล่านั้นที่มาลี้ภัยในพระองค์
20 พระองค์ซ่อนคนดีๆพวกนี้ไว้กับพระองค์
เพื่อให้พ้นจากคนเหล่านั้นที่ปองร้ายพวกเขา
พระองค์ซ่อนพวกเขาไว้ในที่กำบังของพระองค์
เพื่อให้รอดพ้นจากลิ้นที่ใส่ร้ายพวกเขา
21 สรรเสริญพระยาห์เวห์
เพราะพระองค์แสดงความรักมั่นคงที่แสนอัศจรรย์
ที่ปกป้องข้าพเจ้าเมื่อข้าพเจ้าถูกโจมตี[a]
22 ข้าพเจ้ากลัว ข้าพเจ้าเลยพูดว่า
“ข้าพเจ้าถูกตัดออกไปจากสายตาของพระองค์”[b]
แต่พระองค์ได้ยินคำร้องขอให้ช่วยของข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าร้องเรียกพระองค์
23 ท่านทั้งหลายที่จงรักภักดีต่อพระองค์ ให้รักพระยาห์เวห์เถิด
พระยาห์เวห์คุ้มครองคนทั้งหลายที่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์
พระองค์จะตอบแทนคนที่เย่อหยิ่งจองหองอย่างทบดอกทบต้น
24 ดังนั้น ท่านทั้งหลายที่ฝากความหวังไว้กับพระยาห์เวห์
ให้เข้มแข็งและกล้าหาญไว้เถิด
4 ตาที่หยิ่งยโสและจิตใจที่หยิ่งผยองเป็นบาป
มันเป็นเหมือนตะเกียงส่องให้เห็นว่าคนนั้นชั่ว
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International