The Daily Audio Bible
Today's audio is from the CSB. Switch to the CSB to read along with the audio.
22 พระองค์มอบอาณาจักรต่างๆและชนชาติต่างๆให้กับพวกเขา
พระองค์ได้ให้แผ่นดินเหล่านี้กลายเป็นแนวชายแดนให้กับพวกเขา
พวกเขาได้ยึดครองแผ่นดินของกษัตริย์สิโหนแห่งเมืองเฮชโบน
และแผ่นดินของกษัตริย์โอกแห่งแคว้นบาชาน
23 พระองค์ทำให้พวกเขามีลูกหลานมากมายมหาศาลเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า
พระองค์นำพวกเขามายังแผ่นดินที่พระองค์บอกบรรพบุรุษของพวกเขาให้เข้าไปยึดครอง
24 ดังนั้น พวกลูกหลานของพวกเขาจึงเข้าไปยึดครองแผ่นดินนั้น
และพระองค์ได้ปราบพวกชาวคานาอันที่อาศัยอยู่เดิมให้พ่ายแพ้ไป
และให้พวกชาวคานาอันตกอยู่ในกำมือของบรรพบุรุษของพวกเรา รวมถึงพวกกษัตริย์ และประชาชนของแผ่นดินนั้น
พวกบรรพบุรุษของพวกเราสามารถจัดการกับพวกเขาได้ตามใจชอบ
25 พวกเขายึดเมืองที่มีป้อมปราการและแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์
พวกเขายึดบ้านต่างๆที่เต็มไปด้วยของดีๆที่มีทั้งบ่อน้ำที่ขุดไว้แล้ว ไร่องุ่น ต้นมะกอกและต้นผลไม้มากมาย
พวกเขากินกันจนอิ่มแปล้และอ้วนท้วน
และพวกเขาต่างก็มีความสุขในความดีงามอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
26 แต่พวกเขากลับไม่เชื่อฟัง และกบฏต่อพระองค์ และโยนบัญญัติของพระองค์ทิ้งไป
นอกจากนั้นพวกเขายังฆ่าพวกผู้พูดแทนพระองค์ที่ได้ตักเตือนพวกเขาให้กลับมาหาพระองค์
พวกเขาได้ดูหมิ่นพระองค์อย่างใหญ่หลวง
27 ดังนั้นพระองค์จึงมอบพวกเขาให้ตกไปอยู่ในกำมือพวกศัตรู
และศัตรูพวกนั้น ได้ข่มเหงพวกเขาอย่างทารุณโหดร้าย
ในยามที่พวกเขาทุกข์ยาก พวกเขาต่างร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
และพระองค์ได้ยินเสียงพวกเขาจากสวรรค์
พระองค์ก็ส่งผู้กู้ชาติมาช่วยพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกศัตรู
เพราะพระองค์เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา
28 แต่ทันทีที่พวกเขาได้รับการปลดปล่อยจากพวกศัตรู
พวกเขาก็ได้ทำในสิ่งที่พระองค์ถือว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายอีก
ดังนั้นพระองค์จึงปล่อยให้พวกเขาตกไปอยู่ในกำมือของพวกศัตรูอีก
แล้วพวกศัตรูเหล่านั้นก็ได้ปกครองเหนือพวกเขา
แต่แล้วเมื่อพวกเขาร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
พระองค์ก็ได้ยินพวกเขาจากสวรรค์
แล้วช่วยกู้พวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
เพราะพระองค์เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา
29 พระองค์เตือนพวกเขาเพื่อให้พวกเขากลับมาหาคำสอนของพระองค์
แต่พวกเขากลับเย่อหยิ่งจองหองและไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งต่างๆของพระองค์
พวกเขาทำบาปต่อกฎของพระองค์ซึ่งเป็นกฎที่นำชีวิตมาให้กับคนที่รักษากฎเหล่านั้น
พวกเขายักไหล่อย่างดื้อรั้นและหัวแข็งดื้อดึง และไม่ยอมฟัง
30 พระองค์อดทนกับพวกเขาอยู่หลายปี
และพระองค์ได้เตือนพวกเขาด้วยพระวิญญาณผ่านทางพวกผู้พูดแทนพระองค์
แต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมฟัง
จนในที่สุดพระองค์ได้มอบพวกเขาให้กับพวกชนชาติต่างๆ
31 แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม พระองค์ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา
พระองค์ไม่ได้ทำลายพวกเขาอย่างสิ้นซาก
และไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา
เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าผู้ทรงพระคุณและความเมตตากรุณา
32 ข้าแต่พระเจ้าของพวกเรา พระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ผู้มีฤทธิ์อำนาจและน่าเกรงขาม
พระองค์รักษาคำมั่นสัญญาด้วยความรักอันสัตย์ซื่อ
ขอพระองค์อย่าได้ถือว่าความทุกข์ยากทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับพวกเราตั้งแต่สมัยของกษัตริย์อัสซีเรียจนถึงตอนนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยเลย
คือ ความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นกับพวกกษัตริย์ของเรา กับพวกผู้นำเรา กับเหล่านักบวชของเรา กับคนเหล่านั้นที่พูดแทนพระองค์ให้กับเรา กับพวกบรรพบุรุษของเรา และกับประชาชนทุกคนของพระองค์
33 ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรานั้น พระองค์ทำอย่างยุติธรรมแล้ว
พระองค์ทำในสิ่งที่ซื่อสัตย์ ในขณะที่พวกเราทำแต่ความผิด
34 พวกกษัตริย์ พวกผู้นำ พวกนักบวช และพวกบรรพบุรุษของเรา ไม่ได้รักษากฎบัญญัติของพระองค์
พวกเขาไม่ใส่ใจกับคำสั่งต่างๆและคำตักเตือนที่พระองค์ให้กับพวกเขา
35 แม้แต่ตอนที่พวกเขาอยู่ในอาณาจักรของพวกเขาเอง และมีความสุขกับความเจริญรุ่งเรืองอันยิ่งใหญ่ และแผ่นดินอันกว้างใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ที่พระองค์มอบให้กับพวกเขา
พวกเขาก็ไม่ได้รับใช้พระองค์และไม่ได้หันไปจากการกระทำอันชั่วร้ายของพวกเขา
36 ดูสิ วันนี้พวกเราได้ตกเป็นทาส
พระองค์ได้ยกแผ่นดินนี้ให้กับบรรพบุรุษของพวกเรา
เพื่อพวกเขาจะได้กินผลไม้และสิ่งดีๆจากแผ่นดินนี้
แต่พวกเรากลับตกเป็นทาสอยู่ในแผ่นดินนี้
37 แล้วผลผลิตมากมายของแผ่นดินนี้
ตอนนี้ได้ตกไปเป็นของพวกกษัตริย์ที่พระองค์ได้ตั้งไว้เหนือเราเนื่องจากบาปที่เราทำ
พวกเขาใช้อำนาจเหนือเราและฝูงสัตว์ของเราตามความพอใจของพวกเขา
ในขณะที่เราต้องทนทุกข์อย่างใหญ่หลวง
38 แต่ถึงแม้ว่าเราจะเจอกับเรื่องทั้งหมดนี้ เราก็กำลังทำสัญญาอันมั่นคงกับพระองค์
และบันทึกไว้แล้วให้พวกผู้นำ พวกชาวเลวีและพวกนักบวชของเราลงชื่อและประทับตรา[a] ของพวกเขาไว้”
10 ในสัญญาซึ่งประทับตราไว้ มีชื่อ เนหะมียาห์เจ้าเมืองที่เป็นลูกชายของฮาคาลิยาห์ พร้อมด้วยเศเดคียาห์ 2 เสไรอาห์ อาซาริยาห์ เยเรมียาห์ 3 ปาชเฮอร์ อามาริยาห์ มัลคิยาห์ 4 ฮัทธัช เชบานิยาห์ มัลลูค 5 ฮาริม เมเรโมท โอบาดีห์ 6 ดาเนียล กินเนโธน บารุค 7 เมชุลลาม อาบียาห์ มิยามิน 8 มาอาซิยาห์ บิลกัย เชไมอาห์ ทั้งหมดนี้เป็นรายชื่อของพวกนักบวช ที่มีอยู่ในสัญญา
9 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อของชาวเลวี ที่มีชื่ออยู่ในสัญญา คือ เยชูอาลูกชายของอาซันยาห์ บินนุย ผู้สืบเชื้อสายจาก เฮนาดัด ขัดมีเอล 10 และเพื่อนร่วมงานของพวกเขา คือ เชบานิยาห์ โฮดียาห์ เคลิทา เปไลยาห์ ฮานัน 11 มีคา เรโหบ ฮาชาบิยาห์ 12 ศักเกอร์ เชเรบิยาห์ เชบานิยาห์ 13 โฮดียาห์ บานี เบนินู 14 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อของพวกผู้นำประชาชน ที่มีชื่ออยู่ในสัญญา คือ ปาโรส ปาหัทโมอับ เอลาม ศัทธู บานี 15 บุนนี อัสกาด เบบัย 16 อาโดนียาห์ บิกวัย อาดีน 17 อาเทอร์ เฮเซคียาห์ อัสซูร์ 18 โฮดียาห์ ฮาชูม เบไซ 19 ฮาริฟ อานาโธท เนบัย 20 มักปีอาช เมชุลลาม เฮซีร์ 21 เมเชซาเบล ศาโดก ยาดดูวา 22 เปลาทิยาห์ ฮานัน อานายาห์ 23 โฮเชยา ฮานันยาห์ หัสชูบ 24 ฮัลโลเหช ปิลหา โชเบก 25 เรฮูม ฮาชับนาห์ มาอาเสอาห์ 26 อาหิอาห์ ฮานัน อานัน 27 มัลลูค ฮาริม บาอานาห์
28 ส่วนประชาชนที่เหลือ รวมทั้งพวกนักบวช พวกชาวเลวี พวกคนเฝ้าประตู เหล่านักร้อง พวกคนรับใช้ประจำวิหาร รวมทั้งพวกภรรยาและลูกชายลูกสาวของพวกเขา คือทุกคนที่โตพอที่จะรู้เรื่อง ได้แยกตัวออกจากชนต่างชาติที่อยู่ตามดินแดนรอบข้าง เพื่อมาติดสนิทกับกฎของพระเจ้า 29 พวกเขาต่างสาบานร่วมกันกับญาติพี่น้องและพวกผู้นำของพวกเขา และพวกเขายอมถูกสาปแช่งถ้าไม่ทำตามคำสาบาน พวกเขาสาบานว่าจะทำตามกฎบัญญัติของพระเจ้า ที่ผ่านมาทางโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ และจะทำตามคำสั่งต่างๆของพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตของพวกเรา และทำตามกฎ และบัญญัติของพระองค์
30 เราสัญญาว่าจะไม่ยกลูกสาวของพวกเราให้ไปเป็นเมียคนต่างชาติในแผ่นดินนี้ และเราจะไม่ยอมรับลูกสาวของพวกเขามาเป็นเมียของลูกชายของพวกเราด้วย
31 ถ้าชนต่างชาติในแผ่นดินนี้ นำสินค้าหรือเมล็ดข้าวมาขายในวันหยุดทางศาสนา เราจะไม่ซื้อจากพวกเขาในวันหยุดทางศาสนาหรือในวันศักดิ์สิทธิ์ใดๆก็ตาม เราจะไม่เก็บเกี่ยวผลผลิตในปีที่เจ็ด[b] และจะยกเลิกหนี้สินทุกอย่างในปีนั้น
32 ในทุกๆปี เรายินดีที่จะให้เงินหนึ่งส่วนสามเชเขล[c] สำหรับการรับใช้ในวิหารของพระเจ้าของเรา 33 เพื่อจ่ายสำหรับสิ่งต่างๆเหล่านี้ คือค่าขนมปังที่วางบนโต๊ะ ค่าเครื่องบูชาประจำวันจากเมล็ดพืช ค่าเครื่องเผาบูชาประจำวัน ค่าเครื่องถวายบูชาในวันหยุดทางศาสนา ในเทศกาลวันพระจันทร์ใหม่[d] และในเทศกาลต่างๆที่กำหนดขึ้น และจ่ายสำหรับการถวายเครื่องบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ การถวายเครื่องบูชาชำระล้าง เพื่อชำระสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แทนประชาชนอิสราเอล และจ่ายสำหรับงานทุกอย่างในวิหารของพระเจ้าของเรา
34 พวกเรา ซึ่งหมายถึงพวกนักบวช พวกชาวเลวี และประชาชนทั้งหลาย ได้ทำการจับสลาก[e] เพื่อดูว่าครอบครัวไหนบ้างจะต้องหาไม้ฟืนมาสำหรับเทศกาลไหนในแต่ละปี และนำไม้ฟืนนั้นเข้ามาในวิหารของพระเจ้าของเรา เพื่อเอามาเผาเครื่องบูชาบนแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา ตามที่ได้เขียนไว้ในกฎบัญญัติ
35 เราถือว่าเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องเอาผลผลิตแรกของแผ่นดิน และผลผลิตแรกจากต้นผลไม้ทุกชนิด มายังวิหารของพระเจ้าเป็นประจำทุกปี
36 ตามที่ได้เขียนไว้ในกฎบัญญัติ เราถือว่าเป็นหน้าที่ของเราที่จะเอาบุตรชายคนแรก และสัตว์เลี้ยงตัวแรกจากฝูงของเรา รวมทั้งลูกของแพะแกะตัวแรก มายังวิหารของพระเจ้าของเรา เพื่อมอบให้พวกนักบวช ที่รับใช้อยู่ในวิหารของพระเจ้าของเรา
37 นอกจากนั้น เราจะนำแป้งสาลีนิ่มที่นวดแล้วส่วนแรก ผลไม้จากทุกต้น เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมันของพวกเรา มาให้พวกนักบวชเพื่อเอาไปเก็บไว้ในห้องเก็บของในวิหารของพระเจ้าของเรา เราจะนำผลผลิตหนึ่งในสิบส่วนมาให้พวกชาวเลวี พวกชาวเลวีเป็นผู้เก็บรวบรวมหนึ่งในสิบส่วน จากทุกหมู่บ้านที่ทำสวนทำไร่ 38 และนักบวชที่เป็นลูกหลานของอาโรนจะต้องอยู่กับพวกชาวเลวี ในขณะที่พวกเขาเก็บรวบรวมหนึ่งในสิบส่วนของผลผลิต และพวกชาวเลวีจะนำส่วนที่เก็บได้เหล่านั้น มาไว้ยังพวกห้องเก็บของในวิหารของพระเจ้า 39 เพราะ ประชาชนชาวอิสราเอล และพวกชาวเลวี จะต้องนำของที่ถวายนี้ คือ เมล็ดข้าว เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมันมาไว้ยังพวกห้องเก็บของ และเป็นสถานที่เก็บเครื่องมือเครื่องใช้ของวิหาร และเป็นที่อยู่ของพวกนักบวชที่อยู่เวร รวมทั้งพวกคนเฝ้าประตู และพวกนักร้อง
“พวกเราจะไม่ละเลยวิหารของพระเจ้าของเรา”
19 ถึงแม้ผมจะเป็นอิสระไม่ได้เป็นทาสใครเลย แต่ผมก็ยอมทำตัวเป็นทาสของทุกคน เพื่อจะได้ชนะใจคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 20 เวลาอยู่กับคนยิว ผมก็ทำตัวเหมือนคนยิวเพื่อจะชนะใจคนยิว เวลาอยู่กับคนที่อยู่ภายใต้กฎปฏิบัติ ผมก็ยอมทำตัวเหมือนคนที่อยู่ใต้กฎปฏิบัตินั้นเพื่อจะชนะใจคนที่อยู่ใต้กฎปฏิบัตินั้น (ถึงแม้ตัวผมเองไม่ได้อยู่ภายใต้กฎปฏิบัติก็ตาม) 21 เวลาอยู่กับคนที่ไม่ใช่ยิวที่ไม่มีกฎปฏิบัติ ผมก็ทำตัวเหมือนคนที่ไม่มีกฎปฏิบัติ เพื่อผมจะได้ชนะใจคนที่ไม่มีกฎปฏิบัติ (ทั้งๆที่ผมมีกฎปฏิบัติของพระเจ้า และอยู่ภายใต้กฎของพระคริสต์) 22 เวลาอยู่กับคนที่ขาดความรู้ ผมก็ยอมเป็นคนที่ขาดความรู้เพื่อจะได้ชนะใจคนที่ขาดความรู้นั้น ผมยอมเป็นทุกอย่างกับทุกคนและทำทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้เพื่อจะช่วยให้คนรอดบ้าง 23 ผมยอมทำทุกอย่างเพราะเห็นแก่ข่าวดีนี้ เพื่อผมจะได้รับพระพรร่วมกับคนอื่นในข่าวดีนี้ด้วย
24 พวกคุณไม่รู้หรือว่า ทุกคนวิ่งในการแข่งขัน แต่มีแค่คนเดียวที่ได้รางวัล ดังนั้นให้วิ่งเพื่อชนะให้ได้ 25 ทุกคนที่แข่งขันกันต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดทุกด้าน เขาทำเพื่อจะได้รับมงกุฎใบไม้ที่เน่าเปื่อยได้ แต่เราทำเพื่อที่จะได้รับมงกุฎที่ไม่มีวันเน่าเปื่อย 26 นี่เป็นวิธีที่ผมวิ่งคือวิ่งอย่างคนที่มีเป้าหมาย และนี่เป็นวิธีที่ผมชกคือไม่ใช่เหมือนคนที่ชกแต่ลม 27 แต่ผมฝึกฝนร่างกายอย่างหนักจนควบคุมมันได้ เพื่อเมื่อผมประกาศข่าวดีให้กับคนอื่นแล้ว ตัวผมเองจะไม่ถูกพระเจ้าปฏิเสธ
บทเรียนจากคนของพระเจ้าในอดีต
10 พี่น้องครับ ผมอยากให้พวกคุณรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบรรพบุรุษของเรา พวกเขาอยู่ใต้เมฆและได้ผ่านทะเลไปทุกคน 2 พวกเขาทุกคนก็เข้าพิธีจุ่มน้ำในเมฆ และในทะเลเพื่อจะได้กลายเป็นผู้ติดตามโมเสส 3 แล้วเขาได้กินอาหารทิพย์อย่างเดียวกัน 4 ดื่มน้ำทิพย์เหมือนกัน ที่ไหลออกมาจากศิลาศักดิ์สิทธิ์นั้นที่ร่วมเดินทางมากับพวกเขา ศิลานั้นคือพระคริสต์นั่นเอง 5 แต่พระเจ้าไม่พอใจพวกเขาส่วนใหญ่ ที่เรารู้ก็เพราะมีคนตายเกลื่อนกลาดในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น
6 เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างไม่ให้เราเกิดความอยากในสิ่งชั่วๆนั้น เหมือนกับความอยากของคนพวกนั้น 7 เราต้องไม่บูชารูปเคารพเหมือนกับที่พวกเขาบางคนทำ พระคัมภีร์บอกไว้ว่า “ผู้คนนั่งลงกินดื่ม และลุกขึ้นมาเต้นรำมั่วสุมทางเพศ”[a] 8 เราต้องไม่ทำผิดทางเพศเหมือนกับที่บางคนในพวกเขาทำ จนมีคนต้องล้มตายลงถึงสองหมื่นสามพันคนในวันเดียว 9 เราต้องไม่ลองดีกับพระคริสต์เหมือนกับที่พวกเขาบางคนทำ จนถูกงูกัดตาย 10 เราต้องไม่บ่นเหมือนกับที่บางคนในพวกเขาบ่น จนพระเจ้าต้องส่งทูตมาฆ่าพวกเขา
11 สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับพวกเขาเพื่อเอาไว้เป็นตัวอย่าง และมันถูกเขียนขึ้นมาเพื่อเตือนสติเราที่อยู่ในช่วงรอยต่อของยุคเก่าและยุคใหม่ 12 ดังนั้นคนที่คิดว่าตัวเองยืนมั่นคงอยู่แล้วก็ระวังตัวให้ดี จะได้ไม่ล้มลง 13 การทดลองที่พวกคุณมีนั้นก็ไม่ได้แตกต่างไปจากที่คนอื่นมีหรอกครับ แต่พระเจ้านั้นซื่อสัตย์ พระองค์จะไม่ปล่อยให้คุณถูกทดลองจนทนไม่ไหว แต่พระองค์จะมีทางออกให้ เพื่อคุณจะทนได้
มาลองชิมความดีของพระยาห์เวห์ดู
[a] บทเพลงสดุดีของดาวิด ในขณะที่พระองค์แกล้งทำเป็นบ้า เพื่อให้อาบีเมเลคเห็น จนไล่พระองค์ออกไป และกษัตริย์ดาวิดก็ออกไป
1 [b] ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระยาห์เวห์เสมอ
คำสรรเสริญพระองค์จะติดอยู่ที่ริมฝีปากของข้าพเจ้าเสมอ
2 จิตวิญญาณของข้าพเจ้าโอ้อวดเกี่ยวกับพระยาห์เวห์
ขอให้ พวกคนที่ทุกข์ยากได้ยินคำสรรเสริญของข้าพเจ้าและชื่นชมยินดี
3 ขอให้พวกเรามาร่วมกันถวายเกียรติให้กับพระยาห์เวห์
ขอให้พวกเรามาเชิดชูพระนามของพระองค์ด้วยกันเถิด
4 ข้าพเจ้าแสวงหาพระยาห์เวห์เพื่อขอความช่วยเหลือและพระองค์ก็ตอบข้าพเจ้า
พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากทุกสิ่งที่ข้าพเจ้ากลัวนั้น
5 คนที่แสวงหาพระองค์เพื่อขอความช่วยเหลือจะมีหน้าตาเบ่งบาน
พวกเขาจึงไม่อับอายขายหน้าเพราะว่าพระองค์ตอบพวกเขา
6 ข้าพเจ้าเองผู้ทุกข์ยากคนนี้ร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์และพระองค์ก็ได้ยิน
และช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากความทุกข์ยากทุกเรื่อง
7 ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์สร้างค่ายล้อมรอบพวกที่ยำเกรงพระองค์
และคอยช่วยเหลือพวกเขาให้รอด
8 ลองชิมพระยาห์เวห์ดูสิ แล้วจะเห็นว่าพระองค์นั้นดีแท้
คนที่ลี้ภัยในพระองค์ก็มีเกียรติจริงๆ
9 พวกเจ้า ผู้ที่เป็นของพระองค์โดยเฉพาะ ให้ยำเกรงพระยาห์เวห์เถิด
เพราะผู้ที่ยำเกรงพระองค์ไม่ขาดอะไรเลย
10 แม้แต่พวกสิงห์หนุ่มที่แข็งแรงเหล่านั้นก็ยังขาดแคลนและหิวโหยได้
แต่คนเหล่านั้นที่ขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์จะไม่ขาดของดีอะไรเลย
13 คนที่ปิดหูไม่ฟังคนจนที่ร้องขอความช่วยเหลือ
ตัวคนนั้นเองจะร้องและจะไม่มีใครฟัง
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International