The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NLT. Switch to the NLT to read along with the audio.
อัสซีเรียบุกยูดาห์
(2 พศด. 32:1-19; อสย. 36:1-22)
13 ในปีที่สิบสี่ ที่เฮเซคียาห์เป็นกษัตริย์ของยูดาห์ กษัตริย์เซนนาเคอริบ[a] ของอัสซีเรียได้เข้าโจมตีเมืองทั้งหมดที่มีป้อมปราการของยูดาห์และสามารถยึดเมืองเหล่านั้นไว้ได้ 14 กษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์จึงได้ส่งข้อความมาถึงกษัตริย์อัสซีเรียที่ลาคีชว่า “เราผิดไปแล้ว ช่วยถอยทัพออกไป และเราจะชดใช้ทุกอย่างตามที่ท่านต้องการ”
กษัตริย์อัสซีเรียได้เรียกร้องเอาเงินประมาณสิบตัน[b] และทองคำประมาณหนึ่งตัน[c] จากกษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์ 15 เฮเซคียาห์จึงเอาเงินที่มีอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์และในคลังสมบัติของวังกษัตริย์ไปมอบให้เขา 16 ในครั้งนี้ กษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์ต้องลอกเอาแถบทองคำที่เขาเคยให้ติดไว้ตามประตูและเสาประตูในวิหารของพระยาห์เวห์ออกมามอบให้กับกษัตริย์อัสซีเรียไปด้วย
17 กษัตริย์อัสซีเรียส่งแม่ทัพสูงสุดของเขา เจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าและแม่ทัพพร้อมกับกองทัพขนาดใหญ่หนึ่งกองเดินทางจากลาคีชไปหากษัตริย์เฮเซคียาห์ที่เยรูซาเล็ม พวกเขามาถึงเยรูซาเล็มและได้มาหยุดอยู่ที่รางส่งน้ำของสระด้านบน ตรงถนนที่มุ่งไปยังทุ่งของคนซักผ้า 18 พวกเขาได้เรียกหากษัตริย์ แต่เอลียาคิมผู้ดูแลวัง ที่เป็นลูกชายของฮิลคียาห์ เชบนาที่เป็นเลขาและโยอาห์ผู้จดบันทึกที่เป็นลูกชายของอาสาฟ ได้ออกมาพบพวกเขา
19 แม่ทัพพูดกับพวกเขาว่า “ไปบอกเฮเซคียาห์ว่า พระมหากษัตริย์ คือกษัตริย์อัสซีเรีย พูดอย่างนี้ว่า
‘ทำไมท่านถึงได้มีความเชื่อมั่นขนาดนี้ 20 ข้อตกลงกับพันธมิตรที่ท่านหวังพึ่งนั้นมันก็แค่เพียงคำพูด ท่านคิดว่ามันจะใช้แทนกลยุทธ์และกำลังทหารในสงครามได้หรือ เดี๋ยวนี้ท่านไปพึ่งใครหรือ ท่านถึงกล้ามากบฏกับเรา 21 ดูดีๆนะว่าตอนนี้ท่านกำลังพึ่งอียิปต์ ซึ่งเป็นเหมือนไม้เท้าอ้อที่เดาะแล้ว ถ้าใครไปค้ำยันมัน มันก็จะแตกและเสียบมือของคนนั้น ฟาโรห์กษัตริย์ของอียิปต์ ก็จะเป็นอย่างนั้นกับคนที่มาพึ่งพิงเขา 22 แต่ถ้าท่านจะบอกเราว่า “เราเชื่อพึ่งในพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา” อ้าว เฮเซคียาห์ได้รื้อพวกสถานที่นมัสการและแท่นบูชาของพระนั้นทิ้งไปแล้วไม่ใช่หรือ และสั่งคนยูดาห์และคนในเยรูซาเล็มว่า “พวกเจ้าต้องนมัสการที่แท่นบูชานี้ที่อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเท่านั้น”
23 ตอนนี้ มาทำข้อตกลงกับกษัตริย์ของอัสซีเรีย เจ้านายของข้าดีกว่า ข้าจะให้ม้ากับเจ้าสองพันตัว ถ้าเจ้ามีปัญญาหาคนมาขี่พวกมันได้ 24 ในเมื่อเจ้าและอียิปต์อ่อนแอซะขนาดนี้ ท่านยังจะปฏิเสธอำนาจของข้าราชการตัวเล็กๆของเจ้านายข้า แล้วไปหวังพึ่งรถรบและทหารม้าของอียิปต์อีกหรือ
25 และตอนนี้ เจ้าคิดว่าที่ข้าขึ้นมาโจมตีสถานที่นี้เพื่อทำลายมัน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพระยาห์เวห์อย่างนั้นหรือ เป็นพระยาห์เวห์เองที่พูดกับข้าว่า “ขึ้นไปโจมตีแผ่นดินนี้และทำลายมันซะ”’”
26 แล้วเอลียาคิมลูกชายของฮิลคียาห์ เชบนา และโยอาห์ ตอบกับแม่ทัพไปว่า “ช่วยพูดกับพวกเราผู้รับใช้ของท่านเป็นภาษาอารเมคด้วยเถิด เพราะพวกเราเข้าใจภาษานั้น อย่าพูดกับพวกเราเป็นภาษาฮีบรูเลย เพราะไม่อยากให้พวกนั้นที่อยู่บนกำแพงได้ยิน”
27 แต่แม่ทัพนั้นตอบพวกเขาว่า “เจ้าคิดว่า เจ้านายข้าส่งข้ามาเพื่อพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้านายเจ้ากับเจ้าเท่านั้นหรือยังไง เขาส่งให้ข้ามาพูดกับไอ้คนพวกนั้นที่นั่งอยู่บนกำแพงด้วย ไอ้พวกนั้นก็จะต้องกินขี้และเยี่ยวของตัวเอง[d]เหมือนกับพวกเจ้านั่นแหละ”
28 แล้วแม่ทัพก็ยืนขึ้นและร้องตะโกนเสียงดังเป็นภาษาฮีบรูว่า
“นี่เป็นคำพูดของพระมหากษัตริย์ คือกษัตริย์อัสซีเรีย 29 พระองค์พูดว่าอย่างนี้ ‘อย่าให้เฮเซคียาห์หลอกลวงเจ้า เพราะเขาไม่สามารถช่วยกู้พวกเจ้าให้พ้นไปจากมือของเราได้หรอก 30 และอย่าให้เฮเซคียาห์ทำให้พวกเจ้าคิดจะพึ่งพระยาห์เวห์’ เมื่อเขาพูดว่า ‘พระยาห์เวห์จะช่วยกู้พวกเราอย่างแน่นอน พระยาห์เวห์จะไม่ยอมให้เมืองนี้ตกไปอยู่ในกำมือของกษัตริย์อัสซีเรียเป็นอันขาด’
31 อย่าไปฟังเฮเซคียาห์ เพราะกษัตริย์อัสซีเรียพูดไว้ว่าอย่างนี้ ‘มาทำสัญญาสงบศึกกับข้าและออกมาจำนนต่อข้า แล้วพวกเจ้าแต่ละคนก็จะได้กินจากต้นองุ่นและต้นมะเดื่อของตัวเอง และดื่มจากบ่อเก็บน้ำของตน 32 จนกว่าเราจะมาและพาพวกเจ้าไปยังแผ่นดินที่เหมือนกับแผ่นดินของเจ้านี้ เป็นแผ่นดินที่มีข้าวและเหล้าองุ่นใหม่ มีขนมปังและสวนองุ่น เป็นแผ่นดินที่มีต้นมะกอกและน้ำเชื่อมผลไม้ แล้วพวกเจ้าจะอาศัยอยู่ที่นั่นและไม่ต้องตาย และอย่าไปฟังเฮเซคียาห์ เมื่อเขาพยายามทำให้พวกเจ้าหลงผิดไป โดยพูดว่า “พระยาห์เวห์จะช่วยกู้พวกเรา” 33 เราขอถามเจ้าว่า “มีพระของชาติไหนบ้างที่เคยช่วยแผ่นดินของพวกเขาให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรีย”’”
34 พวกพระของเมืองฮามัท[e]กับเมืองอารปัด ไปไหนแล้ว พระของเมืองเสฟารวาอิม เฮนา และอิฟวาห์ไปไหนแล้ว พวกพระของสะมาเรียสามารถช่วยกู้สะมาเรียจากเงื้อมมือของข้าได้หรือ 35 ในพวกพระทั้งหมดของประเทศเหล่านี้ มีพระองค์ไหนบ้างได้ช่วยประเทศของพวกเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของข้า แล้วเจ้ายังคิดว่าพระยาห์เวห์จะสามารถช่วยเยรูซาเล็มให้พ้นจากเงื้อมมือข้าได้หรือ
36 แต่ประชาชนยังคงเงียบและไม่ได้ตอบเขาสักคำ เพราะกษัตริย์สั่งพวกเขาไว้ว่า “อย่าไปตอบมัน”
37 แล้วเอลียาคิมผู้ดูแลวังลูกชายของฮิลคียาห์ เชบนาที่เป็นเลขา รวมทั้งโยอาห์ผู้จดบันทึกลูกชายของอาสาฟ ก็ไปพบเฮเซคียาห์พร้อมกับเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งที่พวกเขาฉีกด้วยความโศกเศร้า และได้รายงานกษัตริย์ถึงสิ่งที่แม่ทัพนั้นพูด
พระยาห์เวห์กู้ยูดาห์จากเซนนาเคอริบ
(2 พศด. 32:20-23; อสย. 37:1-7)
19 เมื่อกษัตริย์เฮเซคียาห์[f] ได้ยินอย่างนั้น พระองค์ก็ฉีกเสื้อผ้าด้วยความโศกเศร้า แล้วเอาผ้ากระสอบมาสวมแทน และพระองค์ก็เข้าไปในวิหารของพระยาห์เวห์ 2 พระองค์ได้ให้เอลียาคิมผู้ดูแลวัง เชบนาเลขานุการของพระองค์ และพวกนักบวชอาวุโส สวมผ้ากระสอบไปหาผู้พูดแทนพระเจ้าชื่ออิสยาห์ ลูกชายของอามอส
3 พวกเขาพูดกับอิสยาห์ว่า “กษัตริย์เฮเซคียาห์ พูดอย่างนี้ว่า ‘นี่เป็นเวลาแห่งความเดือดร้อน การลงโทษ และความอับอาย พวกเราเป็นเหมือนผู้หญิงพร้อมคลอดแล้ว แต่ไม่มีแรงเบ่งลูกออกมา 4 ไม่แน่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ยินคำพูดทั้งหมดของแม่ทัพนั้นแล้ว กษัตริย์อัสซีเรียเจ้านายของเขาได้ส่งเขามาเพื่อเยาะเย้ยพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ ไม่แน่นะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอาจจะลงโทษเขาเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ได้ อย่างนั้นช่วยอธิษฐานสำหรับคนของเราที่ยังเหลือรอดอยู่’”
5 เมื่อพวกข้าราชการของกษัตริย์เฮเซคียาห์มาหาอิสยาห์ 6 อิสยาห์บอกกับพวกเขาว่า “ให้บอกกับเจ้านายของพวกท่านว่า ‘พระยาห์เวห์ได้พูดไว้ว่า “ไม่ต้องกลัวคำพูดต่างๆที่เจ้าได้ยินมา คือคำพูดที่พวกคนรับใช้ของกษัตริย์อัสซีเรียได้ลบหลู่เรานั้น 7 ตัวเราเองจะใส่วิญญาณแห่งความกังวลเข้าในกษัตริย์อัสซีเรีย เพื่อว่าเมื่อเขาได้ยินข่าวลือ เขาจะได้รีบกลับไปยังแผ่นดินของเขา แล้วเราจะทำให้เขาล้มตายลงด้วยดาบในแผ่นดินของเขาเอง”’”
กองทัพอัสซีเรียถอยทัพจากเยรูซาเล็ม
(อสย. 37:8-13)
8 กษัตริย์ของอัสซีเรียได้ออกจากเมืองลาคีชไปยังเมืองลิบนาห์ เมื่อแม่ทัพของเขาได้ยินอย่างนั้น เขาก็ตามไปเมืองลิบนาห์ และพบว่ากษัตริย์อัสซีเรียกำลังสู้รบอยู่กับเมืองนั้น 9 และเมื่อกษัตริย์อัสซีเรียได้ยินเรื่องของกษัตริย์ทีระหะคาร์แห่งเอธิโอเปีย[g] ว่า “ดูสิ กษัตริย์ทีระหะคาร์ได้ยกทัพมาทำสงครามกับท่าน”
พระองค์ก็ส่งพวกผู้ถือสารไปหากษัตริย์เฮเซคียาห์อีกครั้งหนึ่ง และสั่งพวกเขาว่า 10 “ให้ไปบอกกับกษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์ด้วยว่า อย่าให้พระเจ้าที่เจ้าไว้วางใจนั้น หลอกลวงพวกเจ้า เมื่อพระองค์พูดว่า
‘เยรูซาเล็มจะไม่มีวันตกไปอยู่ในเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรีย’[h] 11 ดูสิ เจ้าก็ได้ยินถึงสิ่งที่พวกกษัตริย์ของอัสซีเรียได้ทำกับแผ่นดินทั้งหมดเหล่านั้นแล้ว พวกเขาได้ทำลายพวกมันจนราบคาบ แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีรอดพ้นหรือ 12 มีพวกพระของชนชาติไหนบ้าง ที่ช่วยพวกเขาให้รอด ตอนที่ถูกบรรพบุรุษของข้าทำลาย พวกเขาได้ทำลายเมืองโกซาน ฮาราน เรเซฟ และประชาชนของเอเดน[i] ที่อาศัยอยู่ในเทลอัสสาร์ 13 แล้วกษัตริย์ของฮามัท กษัตริย์ของอารปัด กษัตริย์ของเมืองเสฟารวาอิม กษัตริย์ของเฮนา หรือกษัตริย์ของอิฟวาห์ หายหัวไปไหนกันหมดแล้ว”
14 เฮเซคียาห์รับจดหมายจากพวกผู้ถือสารและอ่านมัน แล้วเขาก็ขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์ แล้วเขาก็คลี่จดหมายฉบับนั้นออกต่อหน้าพระยาห์เวห์ 15 แล้วเขาก็อธิษฐานต่อหน้าพระยาห์เวห์ แล้วพูดว่า
“ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ผู้นั่งประทับบนบัลลังก์เหนือพวกทูตสวรรค์เครูบ มีแต่พระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นพระเจ้าของอาณาจักรทั้งหมดในโลก พระองค์เป็นผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก 16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยเงี่ยหูของพระองค์ฟังด้วยเถิด ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยเปิดตาของพระองค์ดูด้วยเถิด ช่วยฟังคำพูดของเซนนาเคอริบที่เขาได้ส่งมา เพื่อเยาะเย้ยพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ด้วยเถิด
17 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ก็จริงอยู่ที่พวกกษัตริย์อัสซีเรียได้ทำลายชนชาติพวกนั้น รวมทั้งดินแดนของพวกเขาด้วย 18 และได้โยนพวกพระของพวกนั้นลงในไฟ แต่พระพวกนั้นไม่ได้เป็นพระเจ้าจริง แต่เป็นฝีมือมนุษย์ที่ทำขึ้นมาจากไม้และหิน พวกมันก็เลยถูกทำลายไป 19 ดังนั้น ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา ข้าพเจ้าอ้อนวอนพระองค์ว่า ตอนนี้ช่วยกู้พวกเราให้พ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรียด้วยเถิด เพื่ออาณาจักรทั้งหมดในโลกนี้จะได้รู้ว่า พระองค์พระยาห์เวห์คือพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”
20 จากนั้นอิสยาห์ลูกชายของอามอส ได้ส่งคนไปบอกเฮเซคียาห์ว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลพูด คือ เราได้ยินเรื่องที่เจ้าได้อธิษฐานถึงเราเกี่ยวกับเซนนาเคอริบกษัตริย์ของอัสซีเรีย
21 ดังนั้น ให้รู้ว่านี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับเขาว่า
‘เซนนาเคอริบเอ๋ย
ศิโยนสาวพรหมจรรย์ได้ดูถูกเจ้า เธอหัวเราะเยาะเจ้า
นางสาวเยรูซาเล็ม
ส่ายหัวเยาะเจ้าในขณะที่เจ้าวิ่งหนี
22 เจ้าดูถูกใคร หรือพูดหมิ่นประมาทใครอยู่ รู้รึเปล่า
เจ้าขึ้นเสียงใส่ใครอยู่ รู้รึเปล่า
เจ้าเหยียดตาใส่ใครอยู่ รู้รึเปล่า
เจ้าได้ทำใส่เราผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล
23 เจ้าได้เย้ยพระยาห์เวห์ ผ่านทางพวกผู้ส่งข่าวที่เจ้าส่งมา
เจ้าพูดว่า “ข้าได้ปีนขึ้นไปด้วยรถรบมากมายของข้า
ถึงยอดเขา
ยอดที่สูงที่สุดในเลบานอน
ข้าได้โค่นพวกต้นสนซีดาร์ที่สูงที่สุดของมัน
และต้นสนที่ดีที่สุดของมัน
ข้าได้เข้าไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดของประเทศนั้น
ข้าไปถึงป่าไม้ที่ทึบที่สุดของมัน
24 ข้าได้ขุดบ่อน้ำไปทั่วในต่างแดน
และดื่มจากบ่อน้ำพวกนั้น
ข้าได้เหยียบย่ำน้ำในลำธารทั้งหลายของอียิปต์
จนมันเหือดแห้งไป”
25 กษัตริย์ของอัสซีเรีย เจ้าไม่เคยได้ยินหรือ
เรื่องที่เราได้กำหนดไว้นานมาแล้ว
เรื่องที่เราได้วางแผนตั้งแต่สมัยโบราณ
แล้วตอนนี้เรากำลังทำให้มันเกิดขึ้น
คือเราได้ให้เจ้าทำให้ป้อมปราการของเมืองต่างๆ
กลายเป็นกองซากปรักหักพัง
26 ในขณะที่พลเมืองที่ขาดกำลังของเมืองเหล่านั้น
กำลังตกใจกลัวและอับอาย
พวกเขาเป็นเหมือนพืชที่ท้องทุ่ง
เป็นเหมือนหญ้าอ่อน
เป็นเหมือนหญ้าที่ขึ้นบนดาดฟ้า
และถูกเผาแห้งไปด้วยลมตะวันออก[j]
27 แต่เราก็รู้แม้กระทั่งเวลาที่เจ้ายืนขึ้นหรือนั่งลง
เวลาที่เจ้าออกไปหรือเข้ามา
และเราก็รู้ตอนที่เจ้าเกรี้ยวกราดใส่เรา
28 เพราะเจ้าเกรี้ยวกราดใส่เรา
เราได้ยินคำพูดที่หยิ่งยโสของเจ้า
อย่างนั้น เราจะเอาขอเกี่ยวจมูกของเจ้า
เอาบังเหียนของเราใส่ปากเจ้า
และเราจะนำเจ้ากลับไปตามทางที่เจ้ามา’”
29 เฮเซคียาห์ นี่จะเป็นเรื่องที่พิสูจน์ว่าสิ่งที่เราพูดนี้จะเกิดขึ้นจริง คือในปีแรกนี้เจ้าจะปลูกอะไรไม่ได้เลย ให้เจ้ากินข้าวที่งอกขึ้นมาเองก่อน ในปีที่สอง ให้เจ้ากินสิ่งที่เกิดขึ้นเองอีก ในปีที่สาม ให้เจ้าหว่านข้าว และเก็บเกี่ยวมัน และให้เจ้าปลูกสวนองุ่นและกินผลของมัน 30 คนในครอบครัวยูดาห์ที่ยังหลงเหลืออยู่ จะเป็นเหมือนต้นไม้หยั่งรากลงข้างล่างและผลิผลขึ้นข้างบน 31 แล้วคนที่ยังเหลืออยู่ก็จะแผ่ขยายออกไปจากเยรูซาเล็ม คนที่ยังรอดชีวิตบางคน ก็จะออกมาจากภูเขาศิโยน ความรักอันแรงกล้าของพระยาห์เวห์จะทำอย่างนี้
32 แล้วนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับกษัตริย์อัสซีเรีย
“เขาจะไม่ได้เข้ามาในเมืองเยรูซาเล็ม
เขาจะไม่ได้ยิงธนูใส่เมืองนี้หรอก
เขาจะไม่ได้ถือโล่มาเผชิญหน้ากับเมืองนี้
เขาจะไม่ได้สร้างเนินดินบุกขึ้นกำแพง
33 เขาจะต้องกลับไปทางเดิมที่เขามา
เขาจะไม่ได้เข้าเมืองหรอก
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
34 เพราะเราจะป้องกันเมืองนี้ เพื่อให้มันรอด
เราจะทำสิ่งนี้เพื่อเห็นแก่หน้าเรา
และเพื่อเห็นแก่สัญญาที่เราได้ให้ไว้กับดาวิดผู้รับใช้เรา”
35 แล้วในคืนนั้น ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ก็ออกไป และฆ่าทหารในค่ายของอัสซีเรียไปหนึ่งแสนแปดหมื่นห้าพันคน เมื่อคนตื่นขึ้นในตอนเช้า ก็เห็นศพเกลื่อนกลาดไปหมด 36 ดังนั้นเซนนาเคอริบ กษัตริย์ของอัสซีเรียก็กลับบ้าน และไปอาศัยอยู่ที่เมืองนีนะเวห์
37 วันหนึ่ง ในขณะที่ท่านกำลังนมัสการอยู่ในวัดของนิสรคพระของท่านอยู่นั้น ลูกชายของท่านคืออัดรัมเมเลค และชาเรเซอร์ ก็ได้ฆ่าท่านด้วยดาบ และพวกเขาก็หนีไปที่แผ่นดินอารารัต แล้วลูกของท่านคือ เอสารฮัดโดน ก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ของอัสซีเรียแทนท่าน
เปาโลไปเมืองเยรูซาเล็ม
21 หลังจากแยกกันแล้ว พวกเราแล่นเรือตรงไปที่เกาะโคส และมาถึงเกาะโรดส์ในวันรุ่งขึ้น จากที่นั่นเราแล่นเรือต่อไปถึงเมืองปาทารา 2 และพบเรือลำหนึ่งที่จะไปเมืองฟีนีเซีย พวกเราจึงขึ้นเรือลำนั้นแล่นต่อไป 3 เรามองเห็นเกาะไซปรัส และแล่นผ่านทางขวาของเกาะไปแคว้นซีเรีย เรือไปจอดที่เมืองไทระเพื่อถ่ายสินค้าขึ้นท่า 4 พวกเราพบพวกศิษย์ของพระเยซูที่นั่นด้วย จึงพักอยู่กับพวกเขาเจ็ดวัน พระวิญญาณบริสุทธิ์ดลใจพวกเขาให้บอกกับเปาโลว่าอย่าไปเมืองเยรูซาเล็ม 5 เมื่อถึงเวลาที่พวกเราจะต้องเดินทางต่อแล้ว พวกเขาทั้งหมดพร้อมทั้งลูกเมีย ออกมาส่งพวกเราที่นอกเมือง เมื่อมาถึงชายหาดพวกเราคุกเข่าลงอธิษฐาน 6 แล้วร่ำลากัน จากนั้นพวกเราก็ลงเรือ ส่วนพวกเขากลับบ้านไป
7 พวกเราแล่นจากเมืองไทระมาจอดที่เมืองทอเลเมอิส เราได้ไปเยี่ยมเยียนพี่น้องที่นั่น และพักอยู่กับพวกเขาหนึ่งวัน 8 วันต่อมาเราเดินทางต่อจนมาถึงเมืองซีซารียา และแวะไปที่บ้านของฟีลิปและพักอยู่กับเขา เขาเป็นคนประกาศข่าวดีของพระเจ้าและเป็นหนึ่งในเจ็ดคน (ที่ถูกเลือกให้มาช่วยแจกอาหารในเมืองเยรูซาเล็ม)[a] 9 ฟีลิปมีลูกสาวสี่คนที่ยังเป็นโสดอยู่ และเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าด้วย 10 หลังจากที่พักอยู่ที่นั่นหลายวันก็มีผู้พูดแทนพระเจ้า ชื่ออากาบัส มาจากแคว้นยูเดีย 11 เขาเข้ามาหาพวกเรา และเอาเข็มขัดของเปาโลมามัดมือมัดเท้าของเขาเอง แล้วพูดว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์บอกว่า ‘ชาวยิวในเยรูซาเล็มจะมัดคนที่เป็นเจ้าของเข็มขัดนี้แบบนี้แหละ แล้วจะส่งชายคนนี้ให้กับคนที่ไม่ใช่ยิว’” 12 เมื่อได้ยินอย่างนั้น พวกเรากับคนที่อยู่ที่นั่นต่างอ้อนวอนเปาโลไม่ให้ขึ้นไปที่เมืองเยรูซาเล็ม 13 แต่เปาโลตอบว่า “ร้องไห้ทำไม มันทำให้ผมเศร้าใจรู้หรือเปล่า ผมพร้อมที่จะถูกมัด และยังพร้อมที่จะตายในเมืองเยรูซาเล็มเพื่อพระเยซูเจ้าด้วย”
14 เมื่ออ้อนวอนเปาโลไม่สำเร็จ พวกเราจึงหยุดและพูดว่า “ขอให้เป็นไปตามความต้องการขององค์เจ้าชีวิตก็แล้วกัน” 15 หลังจากนั้นพวกเราก็เตรียมตัว แล้วเดินทางขึ้นไปเมืองเยรูซาเล็ม 16 ศิษย์ของพระเยซูบางคนจากเมืองซีซารียาไปกับพวกเราด้วย พวกเขาพาเราไปที่บ้านของมนาสัน คนที่เราจะไปพักอยู่ด้วย เขาเป็นชาวเกาะไซปรัส และเป็นศิษย์รุ่นแรกๆด้วย
เปาโลไปเยี่ยมยากอบ
17 เมื่อมาถึงเมืองเยรูซาเล็ม พี่น้องต้อนรับพวกเราอย่างอบอุ่น
เฉลิมฉลองชัยชนะที่มาจากพระยาห์เวห์
1 สรรเสริญพระยาห์เวห์ ร้องเพลงบทใหม่ให้กับพระยาห์เวห์เถิด
ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ในที่ชุมนุมของคนเหล่านั้นที่สัตย์ซื่อต่อพระองค์
2 ชาวอิสราเอลเอ๋ย ให้เฉลิมฉลองผู้สร้างของเจ้าเถิด
พลเมืองของศิโยนเอ๋ย ให้ชื่นชมยินดีในกษัตริย์ของเจ้าเถิด
3 ให้พวกเขาสรรเสริญพระองค์ด้วยการเต้นรำ
ร้องเพลงให้กับพระองค์ด้วยกลองรำมะนาและพิณ
4 พระยาห์เวห์ชื่นชมคนของพระองค์
พระองค์ให้เกียรติกับคนต่ำต้อยของพระองค์โดยให้พวกเขามีชัยเหนือศัตรู
5 ให้คนเหล่านั้นที่สัตย์ซื่อต่อพระองค์ดีใจในเกียรตินี้
ให้พวกเขาร้องเพลงด้วยความยินดีแม้แต่ตอนที่นอนอยู่บนเตียง
6 ขอให้เสียงสรรเสริญพระเจ้าอยู่ในลำคอของเขา
และให้ดาบสองคมอยู่ในมือของเขา
7 พร้อมที่จะแก้แค้นต่อชนชาติอื่นๆ
และลงโทษพวกคนต่างชาติ
8 ให้พวกเขาจับกษัตริย์ของคนเหล่านั้นล่ามโซ่
และจับคนสำคัญของคนเหล่านั้นใส่ขื่อเหล็ก
9 ให้พวกเขาลงโทษคนเหล่านั้นตามคำตัดสินที่พระเจ้าได้ให้ไว้
เรื่องนี้นำเกียรติยศมาให้กับคนเหล่านั้นที่สัตย์ซื่อต่อพระองค์
สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
8 คำซุบซิบนินทาเป็นเหมือนอาหารอร่อย
ที่ตกลงไปในร่างกายส่วนที่ลึกที่สุดของผู้ฟัง
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International