Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the GNT. Switch to the GNT to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 พงศาวดาร 4:1-6:11

ข้าวของเครื่องใช้สำหรับวิหาร

(1 พกษ. 7:23-51)

ซาโลมอนสร้างแท่นบูชาจากทองสัมฤทธิ์ขึ้นแท่นหนึ่งยาวยี่สิบศอก[a] กว้างยี่สิบศอก และสูงสิบศอก เขาได้สร้างขันทะเล[b] ขึ้นจากเหล็กหล่อ มีรูปร่างเป็นวงกลมวัดจากขอบด้านหนึ่งไปถึงขอบอีกด้านหนึ่งได้สิบศอก มีความสูงห้าศอก วัดเส้นรอบวงได้สามสิบศอก[c] ที่ใต้ขอบของขันทะเลนั้น เขาได้หล่อรูปน้ำเต้าอยู่สองแถวล้อมรอบขันทะเลนั้น หล่อเป็นเนื้อเดียวกับขันทะเล ขันทะเลวางอยู่บนรูปปั้นวัวตัวผู้สิบสองตัว วัวสามตัวหันหน้าไปทางทิศเหนือ สามตัวหันไปทางทิศตะวันตก สามตัวหันไปทางทิศใต้และอีกสามตัวหันไปทางทิศตะวันออก ขันทะเลวางอยู่บนรูปปั้นวัวเหล่านี้ และส่วนหางของพวกมันหันเข้าด้านใน ขันทะเลมีความหนาหนึ่งฝ่ามือ[d] ที่ขอบของมันมีลักษณะเหมือนขอบถ้วย คือคล้ายกับดอกลิลลี่ที่บานออก มันสามารถเก็บน้ำได้หกหมื่นหกพันลิตร[e]

แล้วซาโลมอนก็ได้ทำอ่างขึ้นสิบใบไว้สำหรับชำระล้างและเอาอ่างห้าใบไปไว้ทางทิศใต้ อีกห้าใบไปไว้ทางทิศเหนือ เพื่อไว้สำหรับชำระล้างสิ่งที่จะนำมาเป็นเครื่องเผาบูชา แต่ขันทะเลจะใช้สำหรับให้พวกนักบวชชำระล้างเท่านั้น

เขาสร้างโคมไฟยืนจากทองคำไว้สิบอัน สร้างตามแบบที่ได้กำหนดไว้สำหรับพวกมัน และวางโคมไฟยืนพวกนี้ไว้ในวิหาร วางไว้ทางทิศใต้ห้าอัน และไว้ทางทิศเหนือห้าอัน เขาทำโต๊ะขึ้นสิบตัวและนำไปวางไว้ในวิหาร ทางทิศใต้ห้าตัว และทิศเหนือห้าตัว เขายังทำชามทองคำสำหรับประพรมไว้หนึ่งร้อยใบด้วย เขาสร้างลาน[f]ของพวกนักบวช และลานขนาดใหญ่กับประตูลานอีกหลายประตู และได้บุทองสัมฤทธิ์ทับประตูเหล่านั้นไว้ 10 ซาโลมอนวางขันทะเลที่มุมทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของวิหาร

11 หุรามยังได้ทำหม้ออีกหลายใบ รวมทั้งทัพพีและชามประพรม แล้วหุรามก็ได้ทำงานทุกอย่างภายในวิหารของพระเจ้าที่กษัตริย์ได้สั่งเขาไว้จนเสร็จสิ้นลง นั่นก็คือ

12 เสาสองต้น

หัวเสาสองอันที่มีรูปร่างเหมือนอ่างเพื่อวางไว้บนยอดเสา

ตาข่ายสองชุดที่ใช้สำหรับประดับบนหัวเสารูปอ่างที่อยู่บนยอดเสาสองต้นนั้น

13 ทับทิมสี่ร้อยลูกสำหรับตาข่ายสองชุด (ตาข่ายแต่ละชุดมีทับทิมอยู่สองร้อยลูกไว้สำหรับประดับหัวเสารูปชามที่อยู่บนเสาทั้งสองต้น)

14 แท่นหลายแท่นพร้อมกับอ่างน้ำวางอยู่บนนั้น

15 ขันทะเลและรูปปั้นวัวตัวผู้สิบสองตัวที่แบกขันทะเลอยู่

16 หม้อ ทัพพี ส้อมและเครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ของทั้งหมดที่หุรามได้ทำขึ้นให้กับกษัตริย์ซาโลมอน เพื่อใช้ในวิหารของพระยาห์เวห์นี้ทำจากทองสัมฤทธิ์ขัดมัน 17 กษัตริย์ได้ให้หล่อของเหล่านี้ขึ้นจากแม่พิมพ์ดินเหนียวที่นำมาจากหุบเขาจอร์แดนที่อยู่ระหว่างเมืองสุคคทกับเมืองเศเรดาห์ 18 เครื่องใช้ทุกอย่างที่ซาโลมอนให้ทำขึ้นนี้ใช้ทองสัมฤทธิ์มากมายจนบอกน้ำหนักไม่ได้

19 ซาโลมอนยังทำของที่ใช้ในวิหารของพระเจ้าด้วย คือแท่นบูชาทองคำ พวกโต๊ะสำหรับวางขนมปังไว้ตรงหน้าพระเจ้า 20 โคมไฟยืนที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ที่สร้างตามแบบที่ได้กำหนดไว้ พร้อมกับตะเกียงของพวกมัน เพื่อใช้จุดไฟไว้ด้านหน้าของห้องศักดิ์สิทธิ์[g] ที่อยู่ด้านใน 21 ดอกไม้ทองคำ ตะเกียงและคีม[h] (พวกมันทำจากทองคำบริสุทธิ์ที่สุด) 22 กรรไกรตัดไส้ตะเกียงที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ ชามประพรม ชามกับกระถางไฟ และประตูทองคำหลายบานของวิหารคือประตูด้านในที่จะเข้าไปสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดและประตูของห้องโถงใหญ่

เมื่อซาโลมอนทำงานสำหรับวิหาร ของพระยาห์เวห์เสร็จหมดแล้ว เขาก็นำเอาสิ่งของต่างๆที่ดาวิดผู้เป็นพ่อของเขาได้อุทิศไว้ เช่น เงิน ทองคำและเครื่องใช้ทั้งหมด เข้ามาวางไว้ในคลังสมบัติของวิหารของพระเจ้า

การแห่หีบศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่วิหาร

(1 พกษ. 8:1-11)

แล้วซาโลมอนเรียกพวกผู้อาวุโสของอิสราเอล พวกหัวหน้าทั้งหมดของเผ่าต่างๆและพวกผู้นำครอบครัวทั้งหลายของชาวอิสราเอล ให้มาชุมนุมกันที่เมืองเยรูซาเล็ม เพื่อที่จะนำหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์มาจากเมืองศิโยนหรือเมืองของดาวิด และชาวอิสราเอลทั้งหมดก็ได้มารวมตัวกันต่อหน้ากษัตริย์ในช่วงเทศกาลของเดือนที่เจ็ด[i]

เมื่อพวกผู้อาวุโสทั้งหมดของชาวอิสราเอลมาถึง ชาวเลวีก็ได้ยกหีบขึ้น และพวกเขา[j]ได้ยกหีบ และเต็นท์นัดพบ รวมทั้งพวกข้าวของเครื่องใช้ศักดิ์สิทธิ์ภายในเต็นท์ไปด้วย พวกนักบวชที่เป็นชาวเลวีเป็นผู้ถือของเหล่านั้น และกษัตริย์ซาโลมอนกับชาวอิสราเอลทั้งหมดที่รวมตัวกันอยู่กับเขาก็ไปอยู่ต่อหน้าหีบ ถวายเครื่องบูชาเป็นแกะและวัวมากมายจนนับไม่ถ้วน ไม่สามารถจดบันทึกลงได้ แล้วพวกนักบวชก็นำหีบข้อตกลงของพระยาห์เวห์เข้าไปวางไว้ในที่ของมัน ที่อยู่ในห้องศักดิ์สิทธิ์ ด้านในสุดของวิหารซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดและวางหีบนั้นไว้ใต้ปีกของทูตสวรรค์ทั้งสององค์นั้น ทูตสวรรค์ที่มีปีกทั้งสององค์นั้นกางปีกออกเหนือที่วางหีบนั้น ปีกนั้นก็ปกคลุมอยู่เหนือหีบและคานหามของมัน คานเหล่านี้ยาวมาก จนปลายของคานที่ยื่นออกมาจากหีบนั้น สามารถมองเห็นได้จากหน้าห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนั้น แต่ถ้าอยู่นอกห้องศักดิ์สิทธิ์ก็มองไม่เห็น และคานเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ที่นั่นจนทุกวันนี้ 10 ในหีบนั้นไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากแผ่นหินสองแผ่น[k] ที่โมเสสได้ใส่เอาไว้ ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขาอยู่ที่ภูเขาโฮเรบ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระยาห์เวห์ได้ทำข้อตกลงกับชนชาติอิสราเอล หลังจากที่พวกเขาได้ออกมาจากแผ่นดินอียิปต์แล้ว

11 แล้วพวกนักบวชก็ออกมาจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์[l] นักบวชทั้งหมดที่อยู่ในที่นั้นได้ทำตัวเองให้บริสุทธิ์แล้ว ไม่ว่าจะอยู่กลุ่มเวรไหนก็ตาม 12 ชาวเลวีทั้งหมดที่เป็นนักดนตรี เช่น อาสาฟ เฮมานและเยดูธูนรวมทั้งพวกลูกชายและญาติๆของเขา ได้ยืนอยู่ทางด้านตะวันออกของแท่นบูชาพวกเขาแต่งตัวด้วยผ้าลินินอย่างดี และเล่นฉาบ พิณใหญ่และพิณเล็กโดยมีพวกนักบวชหนึ่งร้อยยี่สิบคนเป่าแตรคลอไปด้วยกัน 13 บรรดาคนเป่าแตรและนักร้องต่างทำหน้าที่เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อที่จะสรรเสริญและขอบคุณพระยาห์เวห์ พวกเขาได้ประสานเสียงสรรเสริญพระยาห์เวห์ และร้องเพลง[m] คลอไปกับเสียงของแตร ฉาบ และเครื่องดนตรีทั้งหมด พวกเขาร้องว่า

“สรรเสริญพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงดี
    ความรักมั่นคงของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป”

แล้ววิหารของพระยาห์เวห์ก็เต็มไปด้วยเมฆ 14 หมอกควันเหล่านั้นทำให้พวกนักบวชไม่สามารถทำพิธีรับใช้ของพวกเขาต่อไปได้ เพราะรัศมีของพระยาห์เวห์ได้เข้ามาอยู่ในวิหารของพระเจ้าแล้ว

แล้วซาโลมอนพูดว่า “พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าพระองค์จะอาศัยอยู่ในเมฆสีดำ ข้าพเจ้าได้สร้างวิหารอันสง่างามไว้ให้กับพระองค์เพื่อเป็นสถานที่สำหรับพระองค์ได้ใช้อาศัยอยู่ตลอดไป”

คำพูดของซาโลมอน

(1 พกษ. 8:14-21)

แล้วกษัตริย์ก็หันไปหาคนอิสราเอลทั้งหมด ที่ยืนชุมนุมกันอยู่ที่นั่น และขอให้พระเจ้าอวยพรพวกเขา พระองค์พูดว่า

“ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล มือของพระองค์นั้นได้ทำให้สิ่งที่พระองค์เคยสัญญาไว้ด้วยปากของพระองค์กับดาวิดพ่อของข้าพเจ้านั้น เป็นความจริงขึ้นมา เพราะพระองค์ได้พูดว่า ‘ตั้งแต่วันที่เรานำประชาชนของเราออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เรายังไม่เคยเลือกเมืองหนึ่งเมืองใดจากเผ่าต่างๆของอิสราเอล เพื่อที่จะใช้สร้างวิหารเป็นเกียรติให้กับชื่อของเราเลย และเราก็ยังไม่เคยเลือกใครสักคนให้เป็นผู้นำเหนือประชาชนชาวอิสราเอลของเรา แต่ตอนนี้ เราได้เลือกเมืองเยรูซาเล็มเพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่อของเรา และเรายังได้เลือกดาวิดให้มาปกครองอิสราเอลชนชาติของเรา’

ดาวิดพ่อของเราเคยคิดอยู่ในใจว่า เขาจะสร้างวิหาร ขึ้นหลังหนึ่ง เพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่อของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล แต่พระยาห์เวห์พูดกับดาวิดพ่อของเราว่า ‘ที่เจ้าคิดอยู่ในใจว่าจะสร้างวิหารขึ้นหลังหนึ่งเพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่อของเรานั้น นับเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าจะไม่ได้เป็นคนที่สร้างวิหารนั้น แต่ลูกชายของเจ้าที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้าจะเป็นผู้สร้างวิหารนั้นเพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่อของเรา’ 10 พระยาห์เวห์ได้รักษาสัญญาที่พระองค์ได้ให้ไว้ เราได้สืบทอดบัลลังก์ต่อจากดาวิดพ่อของเรา และตอนนี้เราก็นั่งอยู่บนบัลลังก์เหนือชนชาติอิสราเอล เหมือนกับที่พระยาห์เวห์ได้ให้สัญญาไว้ และเราก็ได้สร้างวิหารหลังนั้นขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่อของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลแล้ว 11 และในนั้น เราก็ได้วางหีบ[n] ใบนั้นไว้ เป็นหีบที่ใส่ข้อตกลงของพระยาห์เวห์ ที่ได้ทำไว้กับประชาชนชาวอิสราเอล”

โรม 7:1-13

ตัวอย่างจากการแต่งงาน

พี่น้องครับ พวกคุณไม่รู้หรือว่ากฎนั้นมีอำนาจเหนือมนุษย์เฉพาะตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น (คุณก็คุ้นเคยกับกฎดีอยู่แล้ว) ยกตัวอย่างเช่น ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วจะต้องผูกมัดอยู่กับสามีตามกฎเมื่อสามีของเธอยังมีชีวิตอยู่ แต่ถ้าสามีของเธอตายไป เธอก็หลุดพ้นจากกฎการแต่งงานนั้น แต่ถ้าสามีเธอยังมีชีวิตอยู่ แล้วเธอไปเป็นเมียชายอื่น ก็ถือว่าเธอคบชู้ แต่ถ้าสามีเธอตายแล้ว เธอก็เป็นอิสระจากกฎการแต่งงานนั้น และถ้าเธอไปเป็นเมียชายอื่น ก็ไม่ถือว่าเธอคบชู้

พี่น้องก็เหมือนกัน เป็นเพราะความตายของพระคริสต์ คุณเองถึงตายไปแล้วด้วยและเป็นอิสระจากกฎนั้นแล้ว เพื่อคุณจะได้เป็นของพระคริสต์ผู้ที่ฟื้นขึ้นจากความตาย และเพื่อที่เราจะได้เกิดผลสำหรับพระเจ้า แต่ก่อนตอนที่เราใช้ชีวิตตามสันดานนั้น กฎก็กระตุ้นให้เกิดกิเลสตัณหาขึ้นมา แล้วกิเลสตัณหานี้ก็มาควบคุมอวัยวะในตัวเรา เราจึงไปทำสิ่งที่นำไปสู่ความตาย แต่เดี๋ยวนี้เราตายแล้วและหลุดพ้นจากกฎที่เคยขังเราไว้ ตอนนี้เราได้มารับใช้พระเจ้าผู้เป็นเจ้านายของเรา ด้วยชีวิตใหม่ที่พระวิญญาณนำ ไม่ใช่ชีวิตเก่าที่นำโดยกฎที่เขียนขึ้น

สิ่งที่กฎทำไม่ได้

แล้วจะว่ายังไงดี กฎนั้นบาปหรือ ไม่มีทาง อันที่จริงถ้าไม่มีกฎ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าบาปคืออะไร เพราะถ้าไม่มีกฎเขียนไว้ว่า “อย่าโลภ”[a] ผมไม่มีทางรู้ว่าความโลภเป็นอย่างไร แต่บาปได้ฉวยโอกาสเอากฎนั้นมาทำให้ผมเกิดความโลภทุกชนิด ถ้าไม่มีกฎ บาปก็หมดฤทธิ์เดชไปแล้ว ครั้งหนึ่งผมเคยมีชีวิตอยู่โดยไม่มีกฎ แต่พอมีกฎขึ้นมาบาปก็ฟื้นคืนชีพ 10 แต่ผมกลับต้องตาย ปรากฏว่ากฎอันนี้เองที่เคยมีไว้เพื่อนำชีวิตมาให้ กลับมาทำให้ผมต้องตาย 11 เพราะบาปได้ฉวยโอกาสใช้กฎนั้นมาล่อลวงผมและฆ่าผม 12 ดังนั้นสรุปได้ว่ากฎนั้นศักดิ์สิทธิ์ และบัญญัตินั้นก็ศักดิ์สิทธิ์ ยุติธรรมและดีด้วย 13 เอ้า แสดงว่าสิ่งที่ดีๆนำความตายมาให้ผมอย่างนั้นหรือ ไม่มีทาง แต่เป็นบาปต่างหาก บาปได้ใช้สิ่งที่ดีๆนี้มาฆ่าผม ผมจะได้รู้ธาตุแท้ของบาปว่าเป็นอย่างไร และบัญญัติจะทำให้เรารู้ว่าบาปนั้นมันชั่วร้ายขนาดไหน

สดุดี 17

ผู้บริสุทธิ์อธิษฐานขอความเป็นธรรม

คำอธิษฐานของดาวิด

ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดฟังคำร้องขอของข้าพเจ้าสำหรับความยุติธรรม
    โปรดฟังเสียงเรียกให้ช่วยของข้าพเจ้า
    โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้าที่ออกมาจากริมฝีปากที่ไม่หลอกลวง
ขอให้ประกาศว่าข้าพเจ้าเป็นฝ่ายถูก
    ขอให้ดวงตาของพระองค์มองเห็นว่าอะไรถูกต้องในเรื่องนี้

พระองค์เป็นผู้ตรวจสอบจิตใจของข้าพเจ้า พระองค์ตรวจดูข้าพเจ้าในตอนกลางคืน
    พระองค์ได้ทดสอบข้าพเจ้าแต่ไม่พบความผิดใดๆ
    ข้าพเจ้าตั้งใจที่จะไม่ทำบาปด้วยปาก
ไม่ว่าคนอื่นจะทำอะไรก็ช่าง
    ข้าพเจ้าเชื่อฟังคำสั่งของพระองค์และหลีกเลี่ยงทางของคนโหดเหี้ยม
เท้าของข้าพเจ้ายึดติดอยู่บนทางของพระองค์
    ย่างเท้าของข้าพเจ้าไม่ได้หลุดไปจากทางของพระองค์

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ เพราะพระองค์จะตอบข้าพเจ้า
    โปรดเอียงหูของพระองค์มาหาข้าพเจ้าเพื่อฟังเสียงอธิษฐานของข้าพเจ้า
โปรดแสดงความรักมั่นคงอันอัศจรรย์ของพระองค์ให้ข้าพเจ้าเห็นด้วยเถิด
    เพราะพระองค์เป็นผู้ใช้ฤทธิ์อำนาจของพระองค์ช่วยคนเหล่านั้นที่มาลี้ภัยในพระองค์จากคนที่โจมตีพวกเขา

โปรดคุ้มครองข้าพเจ้าเหมือนกับข้าพเจ้าเป็นดังแก้วตาของพระองค์
    โปรดซ่อนตัวข้าพเจ้าไว้ เหมือนแม่นกที่ซ่อนลูกน้อยไว้ใต้ร่มเงาปีกของมัน ด้วยเถิด
โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคนชั่วที่พยายามทำลายข้าพเจ้า
    จากศัตรูที่รายล้อมคอยเข่นฆ่าข้าพเจ้าอยู่
10 คนพวกนี้ไม่มีความสงสาร
    ปากของพวกเขาพูดโอ้อวดในสิ่งที่เขาทำ
11 คนชั่วพวกนั้นไล่ล่าข้าพเจ้า ตอนนี้เขาได้รายล้อมข้าพเจ้าอยู่
    และพร้อมที่จะเหวี่ยงข้าพเจ้าลงกับพื้น
12 ศัตรูของข้าพเจ้าเป็นเหมือนสิงโตที่พร้อมจะฉีกเนื้อเหยื่อออกเป็นชิ้นๆ
    เป็นเหมือนสิงห์หนุ่มที่หมอบซุ่มโจมตีอยู่

13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ลุกขึ้นเถิด ปะทะกับเขา โค่นพวกเขาลง
    ใช้ดาบของพระองค์ช่วยเหลือข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคนชั่วเหล่านั้นด้วยเถิด
14 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ใช้มือของพระองค์ฆ่าพวกเขา ฆ่าพวกเขาไปเสียจากโลกนี้
    ขจัดพวกเขาออกไปจากท่ามกลางคนที่มีชีวิตอยู่
แต่ส่วนคนเหล่านั้นที่มีค่าสำหรับพระองค์ โปรดให้อาหารกับพวกเขากินอย่างเหลือเฟือ
    เพื่อว่าแม้แต่ลูกๆของพวกเขาก็จะมีอาหารกินอย่างอิ่มหนำ
    และจะมีเหลือเพียงพอไว้เลี้ยงหลานเหลนของเขา

15 ข้าพเจ้าเป็นฝ่ายถูก และข้าพเจ้าจะเห็นใบหน้าของพระองค์
    เมื่อข้าพเจ้าตื่นขึ้น ข้าพเจ้าจะเห็นพระองค์ และอิ่มเอมใจยิ่งนัก

สุภาษิต 19:22-23

22 ความโลภเป็นเรื่องน่าอับอาย[a]
    เป็นคนจนดีกว่าเป็นคนโกหก
23 ความยำเกรงพระยาห์เวห์นำไปสู่ชีวิต
    ทำให้ผู้นั้นได้พักผ่อนอย่างเป็นสุข ไม่มีภัยอันตรายมากล้ำกรายได้

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International