Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the GNT. Switch to the GNT to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 พงศาวดาร 17-18

กษัตริย์เยโฮชาฟัทปกครองยูดาห์

17 เยโฮชาฟัทลูกชายของอาสาขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากอาสา เยโฮชาฟัทได้ทำให้ยูดาห์แข็งแกร่ง เพื่อต่อสู้กับชนชาติอิสราเอล เขาจัดวางกองทัพไว้ประจำการตามเมืองต่างๆที่เป็นป้อมปราการของยูดาห์ และวางกองกำลังไว้ในยูดาห์และในเมืองอีกหลายๆเมืองของเอฟราอิมที่อาสาผู้เป็นพ่อของเขายึดมาได้

พระยาห์เวห์สถิตอยู่กับเยโฮชาฟัท เพราะเขาได้ทำตามสิ่งดีๆที่พ่อของเขาทำในช่วงแรกๆ เขาไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากพวกพระบาอัล แต่ไปหาพระเจ้าของบรรพบุรุษของเขา และทำตามคำสั่งทุกข้อของพระองค์ แทนที่จะทำตามสิ่งที่อิสราเอลทำกันอยู่ ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงทำให้อาณาจักรในมือของเขามั่นคง และชาวยูดาห์ทั้งหมดได้นำของขวัญมากมายมาให้กับเยโฮชาฟัท และเขามีทรัพย์สมบัติมากมายและมีชื่อเสียงมาก จิตใจของเขาชื่นชมยินดีในวิถีทางของพระยาห์เวห์ นอกจากนั้นเขายังรื้อสถานนมัสการทั้งหลายและพวกเสาของพระอาเชราห์ออกจากยูดาห์ด้วย

ในปีที่สาม[a] ที่เขาเป็นกษัตริย์ เยโฮชาฟัทส่งพวกเจ้าหน้าที่ของเขาคือ เบนฮาอิล โอบาดียาห์ เศคาริยาห์ เนธันเอลและมีคายาห์ให้ไปสอนคนในเมืองต่างๆของยูดาห์ พวกเขาพาชาวเลวีบางคนไปด้วย คือ เชไมอาห์ เนธานิยาห์ เศบาดิยาห์ อาสาเฮล เชมิราโมท เยโฮนาธัน อาโดนียาห์ โทบียาห์ และโทอาโดนิยาห์ และพวกนักบวชคือ เอลีชามาและเยโฮรัม พวกเขาสั่งสอนคนไปทั่วทั้งยูดาห์ โดยได้นำหนังสือกฎของพระยาห์เวห์ติดตัวไปด้วย พวกเขาเดินทางไปรอบๆทั่วทุกเมืองของยูดาห์และสั่งสอนประชาชนไปด้วย

10 พระยาห์เวห์ทำให้อาณาจักรทั้งหลายที่อยู่ล้อมรอบยูดาห์ยำเกรงพระองค์ เพื่อพวกเขาจะได้ไม่มาทำสงครามกับเยโฮชาฟัท 11 ชาวฟีลิสเตียบางพวกได้นำของขวัญมากมายและเงินมาให้กับเยโฮชาฟัท และพวกอาหรับนำแกะตัวผู้เจ็ดพันเจ็ดร้อยตัว และแพะเจ็ดพันเจ็ดร้อยตัวมาให้กับเขา

12 เยโฮชาฟัทมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ เขาได้สร้างพวกป้อมและพวกเมืองสำหรับเก็บเสบียงในยูดาห์ 13 มีเสบียงเก็บอยู่มากมายตามหัวเมืองต่างๆของยูดาห์ เขายังมีพวกทหารที่เก่งกล้าอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มด้วย 14 พวกทหารเหล่านี้ได้รับการลงทะเบียนไว้ตามตระกูลของพวกเขา

จากชาวยูดาห์ พวกแม่ทัพกองพัน มี

อัดนาห์เป็นแม่ทัพ มีนักรบอยู่สามแสนคน

15 ถัดไปคือแม่ทัพเยโฮฮานัน มีนักรบอยู่สองแสนแปดหมื่นคน

16 ต่อจากนั้นคือ อามัสยาห์ลูกชายของศิครี เขาสมัครเข้ามารับใช้พระยาห์เวห์เอง เขามีนักรบอยู่สองแสนคน

17 จากชาวเบนยามิน

มี เอลียาดาซึ่งเป็นทหารกล้า มีนักรบสองแสนคน มีธนูและโล่เป็นอาวุธ

18 ถัดไปคือเยโฮซาบาด กับคนหนึ่งแสนแปดหมื่นคนที่มีอาวุธพร้อมรบ

19 คนเหล่านี้คือทหารที่รับใช้กษัตริย์ และกษัตริย์ก็ยังมีพวกทหารที่กษัตริย์ส่งไปอยู่ประจำการตามหัวเมืองต่างๆที่มีป้อมปราการทั่วแผ่นดินยูดาห์

มีคายาห์เตือนกษัตริย์อาหับ

(1 พกษ. 22:1-28)

18 ในเวลานั้น เยโฮชาฟัทมีทรัพย์สมบัติมากมายและมีชื่อเสียงมาก และเขาเป็นพันธมิตรกับกษัตริย์อาหับด้วยการแต่งงาน[b]กับราชวงศ์นั้น อีกหลายปีต่อมา เขาลงไปเยี่ยมเยียนกษัตริย์อาหับในเมืองสะมาเรีย อาหับได้ฆ่า[c] แกะและวัวหลายตัวเพื่อเลี้ยงดูเขาและคนที่มากับเขา และได้ยุยงเขาให้โจมตีราโมทกิเลอาด กษัตริย์อาหับแห่งอิสราเอลถามกษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์ว่า “ท่านจะไปสู้รบกับราโมทกิเลอาดด้วยกันกับเราไหม” เยโฮชาฟัทตอบว่า “เรากับท่านก็เป็นเหมือนคนๆเดียวกัน ทหารของเราก็เป็นเหมือนกับทหารของท่าน พวกเราจะเข้าร่วมสงครามกับท่านด้วย” แต่เยโฮชาฟัทยังพูดกับกษัตริย์แห่งอิสราเอลว่า “แต่ก่อนอื่น ให้เราไปขอคำปรึกษาจากพระยาห์เวห์ก่อน”

ดังนั้น กษัตริย์แห่งอิสราเอลจึงพาพวกผู้พูดแทนพระเจ้ามาสี่ร้อยคนและถามพวกเขาว่า “พวกเราควรจะไปทำสงครามกับราโมท-กิเลอาดหรือไม่ หรือว่าให้รอไว้ก่อน” พวกเขาตอบว่า “ไปเถิด เพราะพระเจ้าจะมอบมันให้อยู่ในกำมือของท่าน”

แต่เยโฮชาฟัทถามว่า “ยังมีคนอื่นที่เป็นผู้พูดแทนพระยาห์เวห์อยู่ที่นี่หรือเปล่า ที่เราจะสอบถามเขาได้”

กษัตริย์อาหับแห่งอิสราเอลตอบเยโฮชาฟัทไปว่า “ยังมีอยู่อีกคนหนึ่ง ชื่อ มีคายาห์ เขาเป็นลูกชายของอิมลาห์ เราจะถามพระยาห์เวห์ผ่านทางเขาได้ แต่เราเกลียดเขา เพราะเมื่อเขาพูดแทนพระเจ้า เขาไม่เคยพูดอะไรดีๆเกี่ยวกับเราเลย มีแต่เรื่องร้ายๆ”

เยโฮชาฟัทตอบว่า “กษัตริย์ไม่ควรพูดอย่างนั้น”

ดังนั้น กษัตริย์แห่งอิสราเอลจึงเรียกเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของเขามาและสั่งว่า “เร็วเข้า ไปนำตัว มีคายาห์ลูกชายของอิมลาห์มา”

กษัตริย์ของอิสราเอลและกษัตริย์เยโฮชาฟัทของยูดาห์ใส่ชุดกษัตริย์เต็มยศ นั่งอยู่บนบัลลังก์ของพวกเขาที่ลานนวดข้าวตรงทางเข้าประตูเมืองสะมาเรีย โดยมีเหล่าผู้พูดแทนพระเจ้าอยู่ต่อหน้าพวกเขา ที่กำลังอ้างว่าพูดแทนพระเจ้าอยู่ 10 ตอนนั้น เศเดคียาห์ลูกชายของเคนาอะนาห์ได้ทำเขาสัตว์เหล็กขึ้นและมาประกาศว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด ‘พวกท่านจะได้ใช้ของเหล่านี้ทิ่มแทงพวกอารัมจนกระทั่งพวกนั้นถูกทำลายไป’”

11 พวกผู้พูดแทนพระเจ้าที่เหลือทั้งหมดต่างทำนายเหมือนกันหมด พวกเขาพูดว่า “บุกไปโจมตีราโมท-กิเลอาดเลย แล้วท่านจะได้รับชัยชนะ เพราะพระยาห์เวห์จะให้มันตกอยู่ในกำมือของกษัตริย์”

12 ผู้ส่งข่าวที่ไปเรียกมีคายาห์ พูดกับเขาว่า “ดูเถิด พวกผู้พูดแทนพระเจ้าต่างทำนายถึงความสำเร็จของกษัตริย์เหมือนกันหมด ขอให้ท่านพูดเหมือนกับพวกเขาและให้พูดแต่สิ่งที่ดีด้วยเถิด”

13 แต่มีคายาห์กลับพูดว่า “พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า พระเจ้าของผมพูดอะไร ผมก็จะพูดอย่างนั้น”

14 เมื่อเขามาถึง กษัตริย์อาหับถามเขาว่า “มีคายาห์ พวกเราควรจะออกไปสู้รบกับราโมท-กิเลอาด หรือจะหยุดอยู่ก่อนดี” เขาตอบกษัตริย์ไปว่า “บุกไปเถิดและท่านจะได้รับชัยชนะ เพราะพวกนั้นจะตกอยู่ในกำมือของท่าน”

15 กษัตริย์อาหับพูดกับเขาว่า “เราให้เจ้าสาบานไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ว่าให้เจ้าพูดแต่ความจริงกับเรา ในนามของพระยาห์เวห์”

16 แล้วมีคายาห์ก็ตอบไปว่า “เราได้เห็นชนชาติอิสราเอลทั้งหมดต้องกระจัดกระจายไปตามแถบเนินเขา เหมือนกับแกะที่ไม่มีคนเลี้ยง และพระยาห์เวห์ได้พูดว่า ‘คนเหล่านี้ไม่มีเจ้านาย ให้พวกเขาทุกคนกลับบ้านไปอย่างสันติเถิด’”

17 กษัตริย์อาหับแห่งอิสราเอลจึงพูดกับเยโฮชาฟัทว่า “เห็นไหม เราบอกท่านแล้ว ว่าเขาไม่เคยพูดสิ่งดีๆเกี่ยวกับเราเลย มีแต่เรื่องร้ายๆ”

18 มีคายาห์พูดอีกว่า “ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ให้ดี เราเห็นพระยาห์เวห์นั่งอยู่บนบัลลังก์ของพระองค์ พร้อมกับกองทัพสวรรค์ทั้งหมดยืนอยู่ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของพระองค์ 19 และพระยาห์เวห์พูดว่า ‘ใครจะเป็นผู้ล่อลวงกษัตริย์อาหับแห่งอิสราเอลให้ไปบุกราโมท-กิเลอาดและไปตายอยู่ที่นั่น’ ทูตสวรรค์ผู้หนึ่งแนะนำวิธีหนึ่ง และอีกผู้หนึ่งก็แนะนำอีกวิธีหนึ่ง 20 ในที่สุด วิญญาณท่านหนึ่งก็ก้าวออกมายืนอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์และพูดว่า ‘ข้าพเจ้าจะไปล่อลวงเขาเอง’ พระยาห์เวห์จึงถามเขาว่า ‘เจ้าจะใช้วิธีอะไรหรือ’ 21 วิญญาณท่านนั้นตอบไปว่า ‘ข้าพเจ้าจะไปเป็นวิญญาณที่โกหกอยู่ที่ปากของพวกผู้พูดแทนพระเจ้าของเขาทุกคน’ พระยาห์เวห์จึงพูดว่า ‘เจ้าจะล่อลวงเขาได้สำเร็จแน่ ไปลงมือเถิด’

22 ดังนั้น ในเวลานี้ พระยาห์เวห์ได้วางวิญญาณโกหกไว้ที่ปากของพวกผู้พูดแทนพระเจ้าเหล่านั้นของท่าน พระยาห์เวห์ได้ออกคำสั่งให้ความหายนะมาสู่ท่านแล้ว”

23 แล้วเศเดคียาห์ลูกชายของเคนาอะนาห์ก็ขึ้นไปตบหน้าของมีคายาห์ เขาถามว่า “ถ้าอย่างนั้น พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ไปทางไหน เมื่อพระองค์ออกจากเราเพื่อที่จะไปพูดกับเจ้า” 24 มีคายาห์ตอบว่า “ท่านจะรู้เองในวันที่ท่านไปหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องด้านในสุด”

25 กษัตริย์อาหับของอิสราเอลสั่งไปว่า “จับตัวมีคายาห์ส่งกลับไปให้กับอาโมนเจ้าเมืองและโยอาชลูกชายของเรา 26 และบอกกับพวกเขาว่า ‘กษัตริย์สั่งว่า ให้เอาตัวเจ้าหมอนี่ไปขังไว้ในคุก อย่าให้อะไรกับมัน นอกจากขนมปังและน้ำ จนกว่าเราจะกลับมาอย่างปลอดภัย’”

27 มีคายาห์ประกาศไปว่า “ประชาชนทั้งหลาย ฟังให้ดี ถ้าอาหับกลับมาอย่างปลอดภัย ก็แสดงว่าพระยาห์เวห์ไม่ได้พูดผ่านเรา”

อาหับถูกฆ่าตายที่ราโมทกิเลอาด

(1 พกษ. 22:29-40)

28 กษัตริย์อาหับของอิสราเอลและกษัตริย์เยโฮชาฟัทของยูดาห์จึงยกขึ้นไปสู้รบกับชาวอารัมที่เมืองราโมท-กิเลอาด 29 กษัตริย์อาหับของอิสราเอลพูดกับกษัตริย์เยโฮชาฟัทว่า “เราจะปลอมตัวเข้าไปรบ แต่ท่านสวมเสื้อกษัตริย์ของท่าน” กษัตริย์อาหับของอิสราเอลจึงได้ปลอมตัวเป็นทหารธรรมดาและพวกเขาเข้าไปสู้รบ

30 ในขณะนั้น กษัตริย์ของชาวอารัมสั่งพวกผู้บัญชาการกองทัพรถรบของเขาว่า “อย่าได้ไล่ตามใครไป ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ยกเว้นกษัตริย์ของอิสราเอลเท่านั้น” 31 เมื่อพวกผู้บัญชาการกองทัพรถรบเห็นเยโฮชาฟัท พวกเขาพูดว่า “เขาต้องเป็นกษัตริย์ของอิสราเอลแน่ๆ” พวกเขาจึงได้หันไปสู้กับเยโฮชาฟัท แต่เมื่อเยโฮชาฟัทร้องออกมา และพระยาห์เวห์ได้ช่วยเขา พระองค์ดึงพวกนั้นไปจากเขา 32 เพราะเมื่อพวกผู้บัญชาการกองทัพรถรบรู้ว่าเขาไม่ใช่กษัตริย์ของอิสราเอล จึงหยุดไล่ตามเขาไป 33 แต่มีคนหนึ่งโก่งคันธนูของเขายิงออกไปแบบสุ่มๆไปถูกกษัตริย์ของอิสราเอลเข้าตรงช่องว่างของเสื้อเกราะ กษัตริย์บอกกับคนขับรถรบของเขาว่า “กลับรถไปและพาเราออกจากสนามรบ เราได้รับบาดเจ็บ” 34 การรบครั้งนี้ยาวนานตลอดทั้งวันและดุเดือดมาก และกษัตริย์อาหับของอิสราเอลยันตัวเองไว้กับรถรบของเขา เผชิญหน้ากับพวกอารัม จนกระทั่งถึงเย็น เมื่อดวงอาทิตย์ตกดินเขาก็ตาย

โรม 9:25-10:13

25 พระองค์ได้พูดถึงคนที่ไม่ใช่ยิวนี้ในหนังสือโฮเชยาว่า

“คนพวกนั้นที่แต่ก่อนไม่ใช่คนของเรา
    เราก็จะเรียกว่าเป็นคนของเรา
และหญิงคนนั้นที่แต่ก่อนเราไม่ได้รัก
    เราก็จะเรียกว่าเป็นที่รักของเรา”[a]

26 “ถึงแม้ว่าครั้งหนึ่งพระองค์เคยพูดว่า เจ้าไม่ใช่คนของเรา
    แต่เดี๋ยวนี้ เขาจะได้ชื่อว่าเป็นลูกๆของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่”[b]

27 แต่อิสยาห์ได้ร้องเกี่ยวกับคนอิสราเอลออกมาว่า

“ถึงแม้ลูกๆของชนชาติอิสราเอล
จะมีจำนวนมากเหมือนกับเม็ดทรายในทะเล
    แต่จะมีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะรอด
28 องค์เจ้าชีวิตจะทำให้สิ่งที่พระองค์พูดสำเร็จครบถ้วนอย่างรวดเร็วในโลกนี้”[c]

29 และตามที่อิสยาห์ได้ทำนายไว้ว่า

“ถ้าองค์เจ้าชีวิตผู้ทรงฤทธิ์ ไม่เหลือผู้สืบเชื้อสายให้กับเรา
    เราก็คงจะถูกทำลายจนสิ้นซากไปแล้ว
    เหมือนกับเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์”[d][e]

30 ถ้าอย่างนั้น จะว่ายังไงดี คนที่ไม่ใช่ยิวไม่ได้สนใจว่าพระองค์จะยอมรับเขาหรือไม่ แต่พระเจ้ากลับยอมรับเขา และที่พระองค์ยอมรับเขาก็เพราะเขาไว้วางใจ 31 แต่คนอิสราเอลแสวงหากฎที่กำหนดว่าพระเจ้าต้องการอะไรจากคนของพระองค์ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้บรรลุถึงกฎนั้น 32 ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ เพราะเขาแสวงหากฎนั้นเหมือนกับมันขึ้นอยู่กับการกระทำ แทนที่จะพึ่งความไว้วางใจ เขาก็เลยสะดุดหินล้ม 33 เหมือนกับที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า

“ดูสิ เราได้วางก้อนหินก้อนหนึ่งไว้ที่ศิโยนที่จะทำให้คนสะดุด
    เป็นศิลาที่จะทำให้คนล้มลง
แต่คนที่ไว้วางใจในหินก้อนนั้น[f] จะไม่มีวันอับอาย”[g]

10 พี่น้องครับ สิ่งที่ผมต้องการมาก และสิ่งที่ผมอธิษฐานต่อพระเจ้าสำหรับคนยิวก็คือ ขอให้พวกเขาได้รับความรอด ผมเป็นพยานว่าพวกเขามีใจให้พระเจ้าแต่เขาขาดความรู้ พวกเขาไม่รู้จักความซื่อสัตย์สุจริตของพระเจ้า เขาพยายามที่จะยึดฐานะที่เป็นคนของพระเจ้าไว้ เขาจึงไม่ยอมรับแผนงานอันซื่อสัตย์สุจริตของพระองค์ พระคริสต์เป็นเป้าหมายของกฎ เพื่อที่พระเจ้าจะได้ยอมรับทุกคนที่ไว้วางใจพระคริสต์

โมเสสได้เขียนถึงคนที่คิดว่าพระเจ้าจะยอมรับเขาเพราะเขาทำตามกฎที่จะทำให้คนสะดุดว่า “คนที่ทำอย่างนี้ จะต้องใช้ชีวิตตามกฎนั้นทุกอย่าง”[h] ส่วนคนที่พระเจ้ายอมรับเพราะเขาไว้วางใจพระเจ้า โมเสสพูดว่า “ไม่ต้องคิดในใจว่า แล้วใครจะเป็นคนขึ้นไปบนสวรรค์” (หมายถึงขึ้นไปเชิญพระคริสต์ลงมาบนโลกเพื่อช่วยเรา) “หรือใครจะเป็นคนลงไปในหลุมที่ลึกมาก” (หมายถึงลงไปเชิญพระคริสต์ขึ้นมาจากความตาย) เพราะพระคัมภีร์พูดไว้ว่า “ถ้อยคำนั้นอยู่ใกล้กับคุณแล้ว มันอยู่ในปากและอยู่ในใจของคุณ”[i] นี่แหละคือเรื่องที่เราประกาศ ถ้าคุณยอมรับด้วยปากว่า “พระเยซูเป็นองค์เจ้าชีวิต” และเชื่อในใจว่าพระเจ้าทำให้พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตาย คุณก็จะรอด 10 เพราะพระเจ้ายอมรับคนที่ไว้วางใจ และคนที่ยอมรับด้วยปากว่าเชื่อก็จะรอด 11 เพราะพระคัมภีร์บอกว่า “ทุกคนที่ไว้วางใจพระองค์จะไม่มีวันอับอาย”[j] 12 ที่พระคัมภีร์บอกว่าทุกคน แสดงว่าคนยิวกับคนที่ไม่ใช่ยิวไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย เพราะองค์เจ้าชีวิตองค์เดียวกันนี้เป็นองค์เจ้าชีวิตของทุกคน และพระองค์ก็เต็มไปด้วยความเมตตากับทุกคนที่ร้องเรียกให้พระองค์ช่วย 13 เพราะ “ทุกคนที่ร้องเรียกให้องค์เจ้าชีวิตช่วย ก็จะรอด”[k]

สดุดี 20

อธิษฐานขอชัยชนะให้กับกษัตริย์

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด

เมื่อท่านตกอยู่ในความทุกข์ยาก ขอให้พระยาห์เวห์ตอบคำร้องขอของท่าน
    ขอให้พระเจ้าแห่งยาโคบปกป้องคุ้มครองท่าน
ขอให้พระองค์ส่งความช่วยเหลือมาให้กับท่านจากวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
    ขอพระองค์สนับสนุนค้ำจุนท่านจากภูเขาศิโยน
ขอให้พระองค์ระลึกถึงเครื่องถวายทั้งสิ้นของท่าน
    ขอให้พระองค์ยอมรับเครื่องเผาบูชาของท่าน เซลาห์

ขอให้พระองค์ให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ใจท่านอยากได้
    ขอให้พระองค์ทำให้แผนการของท่านประสบผลสำเร็จ
แล้วเราจะร่วมฉลองยินดีกับชัยชนะของท่าน
    สรรเสริญชื่อของพระเจ้าของเรา
และขอให้พระยาห์เวห์ให้ทุกสิ่งที่ท่านร้องขอด้วยเถิด

ตอนนี้ ข้าพเจ้าแน่ใจแล้วว่า พระยาห์เวห์จะนำชัยชนะมาสู่กษัตริย์ที่พระองค์เลือก
    พระองค์จะตอบกษัตริย์องค์นั้นจากสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
    พระองค์จะนำชัยชนะอันยิ่งใหญ่มาสู่เขาด้วยมือขวาของพระองค์
บางคนโอ้อวดรถรบของพวกเขา บางคนโอ้อวดม้าของเขา
    แต่พวกเราโอ้อวดพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา
คนพวกนั้นจะล้มลงและพ่ายแพ้
    แต่พวกเราจะลุกขึ้นและยืนหยัดมั่นคง

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยให้ชัยชนะกับกษัตริย์ด้วยเถิด
    และช่วยตอบพวกเราด้วย เมื่อเราร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์

สุภาษิต 20:2-3

ความเกรี้ยวโกรธของกษัตริย์เหมือนเสียงคำรามของสิงโต
    ใครไปทำให้พระองค์โกรธจะต้องตาย
คนที่หลีกเลี่ยงการทะเลาะกันนั้นน่านับถือ
    แต่คนโง่ชอบโต้เถียงกัน

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International