Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the CSB. Switch to the CSB to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
1 พงศาวดาร 5:18-6:81

ทหารส่วนหนึ่งที่ชำนาญศึก

18 ชาวรูเบน ชาวกาดและครึ่งหนึ่งของคนเผ่ามนัสเสห์ที่เป็นนักรบที่กล้าหาญ ผู้ถือโล่และดาบ ผู้ที่สามารถใช้ธนู และชำนาญศึก มีจำนวนทั้งสิ้น สี่หมื่นสี่พันเจ็ดร้อยหกสิบคน พร้อมที่จะเข้ารับใช้ในกองทัพ 19 พวกเขาได้ทำสงครามขับเคี่ยวกับชาวฮาการ์ เยทูร์ นาฟิชและโนดับ 20 พวกเขาได้ร้องขอความช่วยเหลือกับพระเจ้าในสนามรบ พระองค์ก็ได้ตอบคำอธิษฐานของพวกเขา เพราะพวกเขาไว้วางใจในพระองค์ พระองค์ยอมให้พวกเขาชนะชาวฮาการ์และพวกที่อยู่กับคนเหล่านั้นด้วย 21 พวกเขาได้เข้ายึดเอาฝูงสัตว์ของคนเหล่านั้นไว้ (มี อูฐห้าหมื่นตัว แกะสองแสนห้าหมื่นตัว ลาสองพันตัว) และจับหนึ่งหมื่นคนไปเป็นเชลย 22 ชาวฮาการ์มากมายถูกฆ่าตายในการสู้รบเพราะว่าชัยชนะในสงครามนี้มาจากพระเจ้า และคนทั้งสองเผ่าครึ่งนั้นก็ได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินของชาวฮาการ์จนถึงสมัยที่ชาวอิสราเอลถูกจับไปเป็นเชลย

23 คนของเผ่ามนัสเสห์ครึ่งหนึ่งก็ได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินแห่งนั้นด้วย ตั้งแต่บาชานเรื่อยไปจนถึงบาอัลเฮอร์โมน เสนีร์ และภูเขาเฮอร์โมน พวกเขามีจำนวนมากมาย

24 ต่อไปนี้คือหัวหน้าของตระกูลต่างๆของพวกเขา คือ เอเฟอร์ อิชอี เอลีเอล อัสรีเอล เยเรมียาห์ โฮดาวิยาห์และยาดีเอล หัวหน้าตระกูลพวกนี้ แข็งแรง กล้าหาญและมีชื่อเสียง 25 แต่พวกเขาได้ทำบาปต่อพระเจ้าของบรรพบุรุษพวกเขา พวกเขาไปนมัสการพระต่างๆของคนในแผ่นดินนั้น ซึ่งเป็นคนที่พระเจ้าได้ทำลายไปแล้วต่อหน้าพวกเขา

26 พระเจ้าของอิสราเอลจึงได้ปลุกเร้าความโกรธของกษัตริย์ปูลแห่งอัสซีเรีย ซึ่งก็คือกษัตริย์ทิกลัท-ปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรียนั่นเอง และเขาก็ได้มาสู้รบและได้ขับไล่ชาวรูเบน ชาวกาดและครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ออกไปจากแผ่นดิน เขาได้กวาดต้อนคนเหล่านี้ไปที่ฮาลาห์ ฮาโบร์ ฮาราและที่แม่น้ำโกซาน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ชนเผ่าเหล่านี้ยังคงอาศัยอยู่จนถึงทุกวันนี้

เหล่าลูกหลานของเลวี

บรรดาลูกชายของเลวีคือ เกอร์โชน โคฮาทและเมรารี

บรรดาลูกชายของโคฮาทคือ อัมราม อิสฮาร์ เฮโบรนและอุสซีเอล

ลูกๆของอัมรามคือ อาโรน โมเสสและมิเรียม

พวกลูกชายของอาโรนคือ นาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์และอิธามาร์ เอเลอาซาร์เป็นพ่อของฟีเนหัส ฟีเนหัสเป็นพ่อของอาบีชูวา อาบีชูวาเป็นพ่อของบุคคี และบุคคีเป็นพ่อของอุสซี อุสซีเป็นพ่อของเศราหิยาห์ เศราหิยาห์เป็นพ่อของเมราโยท เมราโยทเป็นพ่อของอามาริยาห์ อามาริยาห์เป็นพ่อของอาหิทูบ อาหิทูบเป็นพ่อของศาโดก และศาโดกก็เป็นพ่อของอาหิมาอัส อาหิมาอัสเป็นพ่อของอาซาริยาห์ อาซาริยาห์เป็นพ่อของโยฮานัน 10 โยฮานันเป็นพ่อของอาซาริยาห์ (คนผู้นี้ได้เป็นนักบวชรับใช้อยู่ในวิหารที่ซาโลมอนได้สร้างขึ้นในเมืองเยรูซาเล็ม) 11 อาซาริยาห์เป็นพ่อของอามาริยาห์ อามาริยาห์เป็นพ่อของอาหิทูบ 12 อาหิทูบเป็นพ่อของศาโดก และศาโดกก็เป็นพ่อของชัลลูม 13 ชัลลูมเป็นพ่อของฮิลคียาห์ และฮิลคียาห์เป็นพ่อของอาซาริยาห์ 14 อาซาริยาห์เป็นพ่อของเสไรอาห์ ส่วนเสไรอาห์ก็เป็นพ่อของเยโฮซาดัก

15 เยโฮซาดักถูกจับไปเป็นเชลยเมื่อครั้งที่พระยาห์เวห์ได้ขับไล่ยูดาห์และเมืองเยรูซาเล็ม ด้วยน้ำมือของเนบู-คัดเนสซาร์

ลูกหลานของเลวี

16 บรรดาลูกหลานของเลวี คือ เกอร์โชม โคฮาทและเมรารี

17 ต่อไปนี้คือชื่อของลูกๆเกอร์โชน คือ ลิบนีและชิเมอี

18 บรรดาลูกชายของโคฮาทคือ อัมราม อิสฮาร์ เฮโบรนและอุสซีเอล

19 บรรดาลูกชายของเมรารีคือ มาห์ลีและมูชี

ต่อไปนี้จะเป็นเหล่าตระกูลของชาวเลวีซึ่งเรียงตามลำดับรายชื่อของบรรพบุรุษของพวกเขา

20 ลูกชายของเกอร์โชม คือลิบนี ลูกชายของลิบนีคือยาหาท ลูกชายของยาหาทคือศิมมาห์ 21 ลูกชายของศิมมาห์คือโยอาห์ ลูกชายของโยอาห์คืออิดโด ลูกชายของอิดโดคือ เศราห์ ลูกชายของเศราห์คือเยอาเธรัย

22 ต่อไปนี้คือลูกหลานของโคฮาท ลูกชายของโคฮาทคือ อัมมีนาดับ ลูกชายของอัมมีนาดับคือโคราห์ ลูกชายของโคราห์ คือ อัสสีร์ 23 (ลูกชายของโคราห์ คือเอลคานาห์ เอบียาสาฟและอัสสีร์) 24 ลูกชายของอัสสีร์คือทาหัท ลูกชายของทาหัทคืออุรีเอล ลูกชายของอุรีเอลคืออุสซียาห์ ลูกชายของอุสซียาห์คือชาอูล

25 ลูกชายของเอลคานาห์คือ อามาสัยและอาหิโมท 26 ลูกชายของอาหิโมทคือเอลคานาห์ ลูกชายของเอลคานาห์คือโศฟัย ลูกชายของโศฟัยคือนาหัท 27 ลูกชายของนาหัท คือเอลีอับ ลูกชายของเอลีอับคือเยโรฮัม ลูกชายของเยโรฮัมคือเอลคานาห์ ลูกชายของเอลคานาห์คือซามูเอล 28 ลูกชายของซามูเอลคือ โยเอลซึ่งเป็นลูกชายคนแรก คนที่สองคืออาบียาห์

29 ลูกชายของเมรารีคือ มาห์ลี ลูกชายของมาห์ลีคือลิบนี ลูกชายของลิบนีคือชิเมอี ลูกชายของชิเมอีคืออุสซาห์ 30 ลูกชายของอุสซาห์คือชิเมอา ลูกชายของชิเมอา คือฮักกียาห์ ลูกชายของฮักกียาห์คืออาสายาห์

ดาวิดแต่งตั้งนักร้องของวิหาร

31 ต่อไปนี้คือคนที่ดาวิดได้แต่งตั้งให้ดูแลเรื่องการร้องเพลงในวิหารของพระยาห์เวห์ หลังจากที่หีบศักดิ์สิทธิ์ ได้มาอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มแล้ว 32 และพวกเขาได้รับใช้ด้วยการร้องเพลงอยู่ต่อหน้าเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ หรือที่เรียกว่าเต็นท์นัดพบ พวกเขารับใช้อยู่จนกระทั่งซาโลมอนได้สร้างวิหารของพระยาห์เวห์ขึ้นในเมืองเยรูซาเล็ม และพวกเขาได้ทำงานรับใช้ตามที่ได้รับมอบหมายมา และตามกฏระเบียบทางพิธีกรรม

33 ต่อไปนี้คือผู้ที่ได้รับใช้ในการนมัสการพร้อมกับลูกหลานของพวกเขา

จากตระกูลโคฮาท คือ เฮมานที่เป็นนักร้อง ที่เป็นลูกชายของโยเอลที่เป็นลูกชายของซามูเอล 34 ที่เป็นลูกชายของเอลคานาห์ ที่เป็นลูกชายของเยโรฮัม ที่เป็นลูกชายของเอลีเอล ที่เป็นลูกชายของโทอาห์ 35 ที่เป็นลูกชายของศูฟ ที่เป็นลูกชายของเอลคานาห์ ที่เป็นลูกชายของมาฮาท ที่เป็นลูกชายของอามาสัย 36 ที่เป็นลูกชายของเอลคานาห์ที่เป็นลูกชายของโยเอล ที่เป็นลูกชายของอาซาริยาห์ ที่เป็นลูกชายของเศฟันยาห์ 37 ที่เป็นลูกชายของทาหัท ที่เป็นลูกชายของอัสสีร์ ที่เป็นลูกชายของเอบียาสาฟ ที่เป็นลูกชายของโคราห์ 38 ที่เป็นลูกชายของอิสฮาร์ ที่เป็นลูกชายของโคฮาท ที่เป็นลูกชายของเลวี ที่เป็นลูกชายของอิสราเอล

39 และเพื่อนร่วมงานของเฮมาน ที่ยืนอยู่ทางขวาของเขาคือ อาสาฟ ลูกชายของเบเรคิยาห์ ที่เป็นลูกชายของชิเมอา 40 ที่เป็นลูกชายของมีคาเอล ที่เป็นลูกชายของบาอาเสยาห์ ที่เป็นลูกชายของมัลคิยาห์ 41 ที่เป็นลูกชายของเอทนี ที่เป็นลูกชายของเศราห์ ที่เป็นลูกชายของอาดายาห์ 42 ที่เป็นลูกชายของเอธาน ที่เป็นลูกชายของศิมมาห์ ที่เป็นลูกชายของชิเมอี 43 ที่เป็นลูกชายของยาหาท ที่เป็นลูกชายของเกอร์โชน[a] ที่เป็นลูกชายของเลวี

44 และลูกหลานของเมรารี เพื่อนร่วมงานของพวกเขา ที่ยืนอยู่ซ้ายมือ คือลูกหลานของเมรารี ประกอบด้วยเอธานลูกชายของคีชี ที่เป็นลูกชายของอับดี ที่เป็นลูกชายของมัลลูค 45 ที่เป็นลูกชายของฮาชาบิยาห์ ที่เป็นลูกชายของอามาซิยาห์ ที่เป็นลูกชายของฮิลคียาห์ 46 ที่เป็นลูกชายของอัมซี ที่เป็นลูกชายของบานี ที่เป็นลูกชายของเชเมอร์ 47 ที่เป็นลูกชายของมาห์ลี ที่เป็นลูกชายของมูชี ที่เป็นลูกชายของเมรารี ที่เป็นลูกชายของเลวี

48 บรรดาญาติๆของชาวเลวี ได้อุทิศตัวให้กับงานบริการทุกอย่างในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นบ้านของพระเจ้า 49 แต่อาโรนและบรรดาลูกหลานของเขา ได้ทำหน้าที่เผาสัตว์ทั้งตัวถวายบนแท่นบูชาที่ใช้สำหรับเรื่องนี้ และเผาเครื่องหอมบนแท่นเครื่องหอม รวมทั้งทำงานทุกอย่างภายในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดด้วย และพวกเขาได้กำจัดบาปและความไม่บริสุทธิ์ให้กับชาวอิสราเอล ตามที่โมเสสผู้รับใช้พระเจ้าได้สั่งเอาไว้

พวกลูกหลานของอาโรน

50 ต่อไปนี้คือพวกลูกหลานของอาโรน อาโรนมีลูกชายชื่อเอเลอาซาร์ ที่มีลูกชายชื่อฟีเนหัส ที่มีลูกชายชื่ออาบีชูวา 51 ที่มีลูกชายชื่อบุคคี ที่มีลูกชายชื่ออุสซี ที่มีลูกชายชื่อเศราหิยาห์ 52 ที่มีลูกชายชื่อเมราโยท ที่มีลูกชายชื่ออามาริยาห์ ที่มีลูกชายชื่ออาหิทูบ 53 ที่มีลูกชายชื่อศาโดก ที่มีลูกชายชื่ออาหิมาอัส

ที่พักอาศัยของครอบครัวชาวเลวี

(ยชว. 21:1-42)

54 ต่อไปนี้คือที่พักอาศัยของลูกหลานของอาโรนตามชุมชนของพวกเขา ในเขตแดนของพวกเขา

ตระกูลโคฮาทได้รับส่วนแบ่งส่วนแรกของที่ดินที่ได้มอบให้กับชาวเลวี 55 พวกเขาได้เมืองเฮโบรนที่อยู่ในแผ่นดินของยูดาห์และทุ่งหญ้าโดยรอบ 56 แต่บริเวณท้องทุ่งที่อยู่ไกลออกไปจากเมืองนั้นและพวกหมู่บ้านโดยรอบเป็นของคาเลบลูกชายของเยฟุนเนห์ 57 บรรดาลูกหลานของอาโรนได้รับเมืองสำหรับลี้ภัย[b] หลายเมือง เช่น เมืองเฮโบรน ลิบนาห์และทุ่งหญ้ารอบๆ เมืองยาททีร์ เมืองเอชเทโมอาและทุ่งหญ้ารอบๆ 58 เมืองฮีเลนและทุ่งหญ้ารอบๆ เมืองเดบีร์และทุ่งหญ้ารอบๆ 59 เมืองอาชันและทุ่งหญ้ารอบๆ เมืองยุททาห์และทุ่งหญ้ารอบๆ เมืองเบธเชเมชและทุ่งหญ้ารอบๆ 60 แล้วในเขตแดนของเผ่าเบนยามิน พวกชาวเลวีได้รับเมืองกิเบโอนและทุ่งหญ้ารอบๆ เมืองเกบาและทุ่งหญ้ารอบๆ เมืองอาเลเมทและทุ่งหญ้ารอบๆ เมืองอานาโธทและทุ่งหญ้ารอบๆ

ตระกูลโคฮาทได้เมืองไปทั้งหมดสิบสามเมือง

61 และจากการจับสลาก ลูกหลานที่เหลือของโคฮาทก็ได้รับเมืองอีกสิบเมือง มาจากตระกูลทั้งหลายในเผ่าของเอฟราอิม เผ่าดาน และเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า

62 ส่วนตระกูลต่างๆของเกอร์โชมได้รับเมืองสิบสามเมืองจากชนเผ่าอิสสาคาร์ อาเชอร์ นัฟทาลีและคนเผ่ามนัสเสห์ครึ่งหนึ่งที่อยู่ในบาชาน

63 ส่วนตระกูลต่างๆของเมรารี พวกเขาจับสลากได้รับเมืองสิบสองเมือง จากชนเผ่ารูเบน กาดและเศบูลุน

64 ดังนั้น ชาวอิสราเอลทั้งหลายจึงได้มอบเมืองต่างๆเหล่านั้นพร้อมกับทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์มากมายให้แก่ชาวเลวี 65 พวกชาวเลวี ได้รับเมืองทั้งหมดเหล่านั้นมาจากชนเผ่ายูดาห์ สิเมโอนและเบนยามิน จากการจับสลากแบ่งกัน

66 มีตระกูลบางตระกูลในกลุ่มลูกหลานของโคฮาทที่ได้รับเมืองต่างๆมาเป็นเขตแดนของพวกเขา จากชนเผ่าเอฟราอิม 67 พวกเอฟราอิมได้ให้เมืองสำหรับลี้ภัยหลายเมืองแก่พวกเขา เช่น เมืองเชเคมและทุ่งหญ้าโดยรอบในแถบเนินเขาเอฟราอิม เมืองเกเซอร์และทุ่งหญ้ารอบๆ 68 โยกเมอัมและทุ่งหญ้ารอบๆเมืองเบธโฮโรนและทุ่งหญ้ารอบๆ 69 และจากเผ่าดาน เอลเทเค และทุ่งหญ้ารอบๆและกิบเบโทนและทุ่งหญ้ารอบๆ[c] เมืองอัยยาโลนและทุ่งหญ้ารอบๆเมืองกัทริมโมนและทุ่งหญ้ารอบๆ 70 พวกชาวอิสราเอลยังได้ให้เมืองอาเนอร์และทุ่งหญ้ารอบๆเมืองบิเลอัมและทุ่งหญ้ารอบๆที่เป็นของคนเผ่ามนัสเสห์ครึ่งหนึ่งนั้น ให้กับตระกูลต่างๆที่เป็นลูกหลานของโคฮาทด้วย

ที่พักอาศัยของครอบครัวชาวเลวีอื่นๆ

71 ส่วนลูกหลานของเกอร์โชม ได้รับโกลานที่อยู่ในเมืองบาชานและทุ่งหญ้ารอบๆรวมทั้งอัชทาโรทและทุ่งหญ้ารอบๆมาจากครึ่งหนึ่งของคนเผ่ามนัสเสห์

72 พวกเขาได้รับเคเดชกับทุ่งหญ้ารอบๆดาเบรัทกับทุ่งหญ้ารอบๆ 73 ราโมทกับทุ่งหญ้ารอบๆและอาเนมรวมทั้งทุ่งหญ้ารอบๆจากเผ่าอิสสาคาร์

74-75 พวกเขาได้มาชาลกับทุ่งหญ้ารอบๆอับโดนกับทุ่งหญ้ารอบๆ หุกอกกับทุ่งหญ้ารอบๆและเรโหบกับทุ่งหญ้ารอบๆจากเผ่าอาเชอร์

76 พวกเขาได้รับเคเดชในกาลิลีกับทุ่งหญ้ารอบๆฮัมโมนกับทุ่งหญ้ารอบๆคิริยาธาอิมกับทุ่งหญ้ารอบๆจากเผ่านัฟทาลี

77 ส่วนพวกลูกหลานของเมรารีที่เหลือ ต่างก็ได้เมืองมาจากชนเผ่าเศบูลุนหลายเมือง คือ ริมโมโนกับทุ่งหญ้ารอบๆทาโบร์กับทุ่งหญ้ารอบๆ

78-79 แล้วในที่ดินที่อยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ที่อยู่ตรงข้ามกับเมืองเยริโค พวกเขาได้รับเมืองเบเซอร์ในที่แห้งแล้งและทุ่งหญ้ารอบๆยาซาห์กับทุ่งหญ้ารอบๆ เคเดโมทกับทุ่งหญ้ารอบๆรวมทั้งเมฟาอัทกับทุ่งหญ้ารอบๆจากเผ่ารูเบน

80-81 พวกเขาได้รับเมืองราโมทที่อยู่ในกิเลอาด และทุ่งหญ้ารอบๆมาหะนาอิมกับทุ่งหญ้ารอบๆ เฮชโบนกับทุ่งหญ้ารอบๆและยาเซอร์กับทุ่งหญ้ารอบๆจากชนเผ่ากาด

กิจการ 26

เปาโลอยู่ต่อหน้ากษัตริย์อากริปปา

26 กษัตริย์อากริปปาพูดกับเปาโลว่า “ตอนนี้ เจ้าพูดแก้ต่างให้กับตัวเองได้แล้ว” เปาโลจึงยกมือขึ้น[a] และเริ่มแก้ข้อกล่าวหาว่า “กษัตริย์ อากริปปา ข้าพเจ้าถือว่าเป็นเกียรติจริงๆที่ได้มาแก้ต่างให้กับตัวเองต่อหน้าท่านในวันนี้ ต่อข้อกล่าวหาทั้งหมดของชาวยิว ท่านรู้จักประเพณี และปัญหาข้อโต้แย้งต่างๆของชาวยิวเป็นอย่างดี ขอให้ท่านช่วยอดทนฟังข้าพเจ้าหน่อย

ชาวยิวทุกคนรู้ว่าข้าพเจ้าใช้ชีวิตยังไงตั้งแต่เด็กมาแล้ว ข้าพเจ้าโตมาท่ามกลางชนชาติของข้าพเจ้าในเมืองเยรูซาเล็ม พวกเขารู้จักข้าพเจ้าดี และถ้าพวกเขาอยากทำ พวกเขาสามารถยืนยันกับท่านได้ว่า ข้าพเจ้าเป็นฟารีสี เป็นพวกที่เคร่งศาสนาที่สุดในหมู่คนยิว และที่ข้าพเจ้ายืนถูกสอบสวนอยู่ที่นี่ ก็เพราะความหวังที่ข้าพเจ้ามีในคำสัญญาที่พระเจ้าให้ไว้กับบรรพบุรุษของพวกเรา เป็นคำสัญญาที่พวกเราสิบสองเผ่าหวังที่จะได้รับ จึงได้รับใช้พระเจ้าอย่างขยันขันแข็งทั้งวันทั้งคืน ข้าแต่กษัตริย์ ก็เพราะความหวังอันนี้แหละ ที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องถูกชาวยิวกล่าวหา ทำไมพวกท่านถึงคิดว่ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่พระเจ้าทำให้คนตายฟื้นขึ้นมา

ข้าพเจ้าเคยคิดเหมือนกันว่า จะต้องทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อต่อต้านเยซูชาวนาซาเร็ธ 10 ข้าพเจ้าก็ได้ทำอย่างนั้นในเยรูซาเล็ม และเพราะข้าพเจ้าได้รับอำนาจจากพวกหัวหน้านักบวช ข้าพเจ้าจึงจับคนที่เป็นของพระเจ้าไปขังคุก เมื่อพวกเขาถูกฆ่า ข้าพเจ้าก็เห็นดีเห็นชอบด้วย 11 ข้าพเจ้าเข้าไปจับพวกเขาตามที่ประชุมต่างๆออกมาลงโทษบ่อยๆและบังคับให้พวกเขาพูดสาปแช่ง[b]พระเยซู ข้าพเจ้าโกรธแค้นพวกนี้มาก ถึงกับเดินทางไปข่มเหงพวกนี้ถึงต่างแดน

เปาโลเล่าเรื่องที่ได้เห็นพระเยซู

12 ครั้งหนึ่ง ตอนที่ข้าพเจ้ากำลังเดินทางไปเมืองดามัสกัส โดยได้รับสิทธิอำนาจจากพวกหัวหน้านักบวช 13 ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณเที่ยง ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเดินทางอยู่นั้น ข้าแต่กษัตริย์ ข้าพเจ้าก็เห็นแสงจากท้องฟ้า สว่างจ้ากว่าแสงอาทิตย์เสียอีก แสงนั้นส่องมารอบตัวข้าพเจ้าและคนที่มาด้วยกัน 14 พวกเราทั้งหมดล้มลงกับพื้น และข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงพูดกับข้าพเจ้าเองเป็นภาษาอารเมค[c] ว่า ‘เซาโล เซาโล เจ้าข่มเหงเราทำไม เวลาที่เจ้าต่อสู้กับเรา[d] ตัวเจ้าเองนั่นแหละที่เจ็บ’ 15 ข้าพเจ้าถามว่า ‘ท่านเป็นใคร’

แล้วพระองค์ก็พูดว่า ‘เราคือเยซูผู้ที่เจ้าข่มเหงนั้น 16 แต่ลุกขึ้นยืนเถอะ เรามาปรากฏตัวกับเจ้าเพื่อแต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้รับใช้ เพื่อไปบอกคนอื่นถึงเรื่องที่เจ้าได้เห็นเรา และบอกเรื่องที่เราจะแสดงให้เจ้าดู 17 เราจะช่วยเหลือเจ้าให้รอดพ้นจากคนยิวและคนที่ไม่ใช่ยิวที่เรากำลังจะส่งเจ้าไปหา 18 เพื่อเปิดตาของพวกเขา ให้หันจากความมืดสู่ความสว่าง และหันจากอำนาจของซาตานมาสู่พระเจ้า เพื่อพวกเขาจะได้รับการอภัยต่อบาป และเข้ามีส่วนในคนเหล่านั้นที่เราได้ทำให้เป็นของเรา โดยความไว้วางใจที่พวกเขามีต่อเรา’”

เปาโลพูดถึงงานของเขา

19 “ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา เมื่อเป็นอย่างนี้ ข้าพเจ้าจึงเชื่อฟังนิมิตที่มาจากสวรรค์นั้น 20 ข้าพเจ้าเริ่มสอนผู้คนในเมืองดามัสกัสก่อน จากนั้นก็สั่งสอนผู้คนในเยรูซาเล็ม และตลอดทั่วแคว้นยูเดีย และคนที่ไม่ใช่ยิวด้วย โดยบอกให้พวกเขากลับตัวกลับใจ หันมาหาพระเจ้าและทำการงานต่างๆที่เหมาะกับคนที่กลับตัวกลับใจแล้ว 21 นี่เป็นเหตุที่พวกยิวได้เข้ามาจับกุมตัวข้าพเจ้าในขณะที่อยู่ในวิหาร และพยายามจะฆ่าข้าพเจ้าด้วย 22 แต่พระเจ้าก็ได้ช่วยข้าพเจ้ามาจนถึงทุกวันนี้ จึงทำให้ข้าพเจ้าสามารถมายืนเป็นพยานต่อท่านทั้งหลาย ทั้งผู้น้อยและผู้ใหญ่ในที่นี้ได้ ข้าพเจ้าไม่ได้พูดอะไรเลย นอกจากสิ่งที่ผู้พูดแทนพระเจ้า และโมเสสบอกไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้น 23 นั่นคือกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่จะต้องทนทุกข์ทรมาน และพระองค์จะเป็นคนแรกที่ฟื้นขึ้นจากความตาย และพระองค์จะเป็นผู้นำแสงสว่างมาสู่คนยิวและคนที่ไม่ใช่ยิว”

เปาโลพยายามชักจูงอากริปปา

24 ขณะที่เปาโลกำลังพูดแก้ต่างในเรื่องต่างๆอยู่นั้น เฟสทัสก็ตะเบ็งเสียงขึ้นมาว่า “เปาโล แกเสียสติไปแล้ว แกเรียนจะจนเป็นบ้าไปแล้ว” 25 เปาโลตอบว่า “ท่านเฟสทัส ผมไม่ได้เป็นบ้า สิ่งที่ผมพูดมานี้เป็นความจริงและมีเหตุผล 26 กษัตริย์อากริปปารู้เรื่องพวกนี้ดี และผมก็สามารถพูดได้อย่างเปิดเผยกับท่าน ผมแน่ใจว่าไม่มีเรื่องไหนเล็ดลอดสายตาของท่านไปได้ เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ทำกันอย่างลับๆล่อๆ 27 ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา ท่านเชื่อสิ่งที่ผู้พูดแทนพระเจ้าเขียนหรือเปล่า ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านเชื่อแน่” 28 จากนั้น กษัตริย์อากริปปาก็พูดแทรกเปาโลว่า “เจ้าคิดว่าสามารถชักจูงให้เราเป็นคริสเตียนในเวลาอันสั้นอย่างนี้หรือ”

29 เปาโลตอบว่า “ไม่ว่าจะเป็นเวลาสั้นหรือยาวแค่ไหน ข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระเจ้าขอให้ท่านและทุกคนที่ฟังข้าพเจ้าในวันนี้ เป็นคริสเตียนเหมือนอย่างข้าพเจ้า ยกเว้นแต่โซ่ตรวนนี้เท่านั้น”

30 จากนั้นกษัตริย์อากริปปาก็ลุกขึ้น รวมทั้งเจ้าเมืองเบอร์นิส และคนอื่นๆทั้งหมดที่นั่งอยู่กับพวกเขาด้วย 31 หลังจากที่พวกเขาออกไปจากห้องแล้ว ก็คุยกันว่า “ชายคนนี้ไม่ได้ทำอะไรที่สมควรตาย หรือสมควรถูกขังคุกเลย” 32 กษัตริย์อากริปปาพูดกับเฟสทัสว่า “อันที่จริง ถ้าชายคนนี้ไม่ได้ขอให้ซีซาร์ เป็นผู้สอบสวน ก็ปล่อยตัวไปได้แล้ว”

สดุดี 6

คำอธิษฐานให้ช่วยในยามทุกข์ยาก

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ใช้เครื่องสายประกอบการร้อง ตามทำนองเซมินิท[a] เพลงสรรเสริญของดาวิด

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าลงโทษข้าพเจ้า ตอนที่พระองค์โกรธ
    ขออย่าตีสอนข้าพเจ้า ตอนที่พระองค์โกรธแค้น
ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดเมตตาต่อข้าพเจ้าด้วย เพราะข้าพเจ้าอ่อนแอ
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดรักษาข้าพเจ้าด้วย เพราะกระดูกของข้าพเจ้าสั่นเทิ้ม
ข้าพเจ้าตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัว
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ จะปล่อยให้ข้าพเจ้าเป็นอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอพระองค์หันกลับมาช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยเถิด
    ขอช่วยชีวิตข้าพเจ้าด้วยเถิด เพราะเห็นแก่ความรักมั่นคงของพระองค์
เพราะเมื่อคนตายไป เขาก็จะระลึกถึงพระองค์ไม่ได้อีกแล้ว
    ในแดนคนตาย จะมีใครสรรเสริญพระองค์ได้หรือ

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าร้องคร่ำครวญจนหมดแรง
    ข้าพเจ้าร้องไห้ทั้งคืน จนที่นอนและหมอนชุ่มไปด้วยน้ำตา
ข้าพเจ้าร้องไห้จนตาบวมเพราะความทุกข์โศก
    ตาของข้าพเจ้าอ่อนล้าไปหมด เพราะพวกศัตรูของข้าพเจ้า

พวกเจ้าที่ทำชั่วทั้งหลาย ไปให้ห่างจากข้าพเจ้าซะ
    เพราะพระยาห์เวห์ได้ยินเสียงร่ำไห้ของข้าพเจ้า
พระองค์ได้ยินคำร้องขอให้ช่วยของข้าพเจ้า
    พระองค์จะยอมรับและตอบคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
10 พวกศัตรูของข้าพเจ้าทั้งหมด จะอับอายขายหน้าและสั่นเทิ้มอย่างยิ่ง
    แล้วพวกเขาจะต้องหันหลังวิ่งหนีไปในทันทีด้วยความอับอายขายหน้า

สุภาษิต 18:20-21

20 ผลจากคำพูด เลี้ยงท้องของคนพูดให้อิ่มหนำ
    ผลจากริมฝีปาก ทำให้เขาอิ่มเอม
21 จะตายหรือจะรอดก็อยู่ที่อำนาจลิ้น
    คนที่ชอบพูด ต้องพร้อมที่จะรับผลที่เกิดขึ้น

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International