Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the NIV. Switch to the NIV to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 พงศาวดาร 21-23

กษัตริย์เยโฮรัมปกครองยูดาห์

(2 พกษ. 8:16-19)

21 แล้วเยโฮชาฟัทก็ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาและศพของเขาถูกฝังอยู่ในเมืองของดาวิด และเยโฮรัมลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา พวกพี่น้องของเยโฮรัมที่เป็นลูกชายของเยโฮชาฟัทคือ อาซาริยาห์ เยฮีเอล เศคาริยาห์ อาซาริยาห์ มีคาเอลและเชฟาทิยาห์ ทั้งหมดนี้คือลูกชายของกษัตริย์เยโฮชาฟัทแห่งอิสราเอล[a] พ่อของพวกเขาได้มอบของขวัญเป็นเงินและทองคำ รวมทั้งข้าวของที่มีค่ามากมาย และเมืองที่เป็นป้อมปราการทั้งหลายในยูดาห์ให้กับพวกเขา แต่เยโฮชาฟัทได้มอบอาณาจักรนี้ให้กับเยโฮรัมเพราะเขาเป็นลูกชายคนแรก

เมื่อเยโฮรัมขึ้นครองบัลลังก์อย่างมั่นคงในอาณาจักรของพ่อเขา เขาใช้ดาบฆ่าพี่น้องทั้งหมดของเขา รวมทั้งผู้นำบางคนของอิสราเอลด้วย ตอนที่เยโฮรัมขึ้นเป็นกษัตริย์นั้น เขามีอายุสามสิบสองปี เขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มแปดปี เขาเจริญรอยตามพวกกษัตริย์แห่งอิสราเอล เขาใช้ชีวิตแบบเดียวกับครอบครัวของอาหับ เพราะเขาไปแต่งงานกับลูกสาวของอาหับ และเขาได้ทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ อย่างไรก็ตาม พระยาห์เวห์ไม่ได้ทำลายครอบครัวของดาวิด เพราะพระองค์เคยทำสัญญาไว้กับดาวิดว่า พระองค์จะเก็บรักษาตะเกียงดวงหนึ่งไว้สำหรับเขาและลูกหลานของเขาตลอดไป[b]

เอโดมกบฏ

(2 พกษ. 8:20-22)

ในยุคของเยโฮรัม เอโดมได้กบฏต่อการครอบครองของชาวยูดาห์และตั้งกษัตริย์ของพวกเขาขึ้นมาเอง ดังนั้นเยโฮรัมจึงไปที่เอโดมพร้อมกับพวกผู้บังคับบัญชาและรถรบทั้งหมดของเขา ชาวเอโดมได้ล้อมเยโฮรัมกับพวกผู้บังคับบัญชารถรบของเขาไว้ แต่เยโฮรัมตีฝ่าวงล้อมออกมาได้ในตอนกลางคืน 10 พวกเอโดมก็ยังคงกบฏต่อการครอบครองของยูดาห์จนถึงทุกวันนี้ ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น พวกลิบนาห์ก็ได้กบฏต่อการครอบครองของเยโฮรัมเหมือนกัน เพราะเขาได้ละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขา

จดหมายของเอลียาห์

11 เยโฮรัมยังได้สร้างสถานที่นมัสการหลายแห่งไว้ตามเนินเขาของยูดาห์ และเป็นต้นเหตุให้ประชาชนของเมืองเยรูซาเล็มไม่สัตย์ซื่อต่อพระยาห์เวห์ เขานำชาวยูดาห์ให้หลงผิดไป

12 เยโฮรัมได้รับจดหมายจากเอลียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า ที่เขียนว่า

“นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของท่านพูด ‘เยโฮรัม เจ้าไม่ได้เดินตามทางของเยโฮชาฟัทพ่อของเจ้า หรือตามทางของกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ 13 แต่เจ้ากลับไปเดินตามทางของพวกกษัตริย์แห่งอิสราเอล และทำให้ชาวยูดาห์และประชาชนของเมืองเยรูซาเล็มไม่สัตย์ซื่อ เหมือนกับที่ครอบครัวของอาหับเคยทำให้อิสราเอลไม่สัตย์ซื่อ เจ้ายังฆ่าพวกพี่น้องของเจ้าเองคือสมาชิกในครอบครัวของพ่อเจ้าซึ่งเป็นคนที่ดีกว่าเจ้า 14 ดังนั้นพระยาห์เวห์จะนำภัยพิบัติอย่างใหญ่หลวงมาสู่ประชาชนของเจ้า พวกลูกชายและพวกเมียของเจ้า รวมทั้งทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเจ้า 15 ตัวเจ้าเองก็จะเจ็บป่วยอย่างแสนสาหัสด้วยโรคลำไส้ จนลำไส้ทะลักออกมา และอยู่อย่างนั้นวันแล้ววันเล่าเพราะโรคนั้น’”

16 พระยาห์เวห์ยุให้ชาวฟีลิสเตียกับชาวอาหรับที่อาศัยอยู่ใกล้กับพวกชาวคูชนั้นตั้งตัวเป็นศัตรูกับเยโฮรัม 17 พวกเขาเข้าโจมตียูดาห์ ได้บุกเข้าไปขนเอาทรัพย์สินที่อยู่ในวังของกษัตริย์ออกมาจนหมด รวมทั้งพวกลูกชายและเมียทั้งหลายของเขาด้วย เหลือไว้เพียงอาหัสยาห์[c] ลูกชายคนสุดท้องของเขา

เยโฮรัมเป็นโรคและตายไป

(2 พกษ. 8:23-24)

18 หลังจากเหตุการณ์นั้นเป็นต้นมา พระยาห์เวห์ทำให้เยโฮรัมต้องทนทุกข์ทรมานด้วยโรคลำไส้ที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ 19 อีกสองปีต่อมาลำไส้ของเขาได้ทะลักออกมาเพราะโรคที่เขาเป็นอยู่ แล้วเขาก็ได้ตายอย่างเจ็บปวดทรมาน ประชาชนของเขาไม่ได้ก่อกองไฟให้เกียรติกับเขาเหมือนกับที่เคยทำให้กับบรรพบุรุษของเขา 20 เยโฮรัมมีอายุสามสิบสองปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาได้ครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มแปดปี เขาจากไปโดยไม่มีใครรู้สึกเสียใจเลย ศพของเขาถูกฝังอยู่ในเมืองของดาวิดแต่ไม่ได้อยู่ในหลุมฝังศพของพวกกษัตริย์

กษัตริย์อาหัสยาห์ปกครองยูดาห์

(2 พกษ. 8:25-29; 9:14-16, 27-29)

22 ประชาชนในเมืองเยรูซาเล็มยกอาหัสยาห์[d]ลูกชายคนเล็กของเยโฮรัมขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากเยโฮรัม เพราะคนเหล่านั้นกับคนอาหรับที่มาบุกรุกค่าย ได้ฆ่าลูกชายคนอื่นๆของเยโฮรัมไปหมดแล้ว ดังนั้นอาหัสยาห์ลูกชายของกษัตริย์เยโฮรัมแห่งยูดาห์จึงได้เริ่มปกครองในยูดาห์ อาหัสยาห์มีอายุยี่สิบสองปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์[e] และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเป็นเวลาหนึ่งปี แม่ของเขามีชื่อว่าอาธาลิยาห์เป็นหลานสาวของอมรี อาหัสยาห์เองก็เดินตามรอยของครอบครัวของอาหับ เพราะแม่ของเขาหนุนให้เขาทำในสิ่งที่ชั่ว อาหัสยาห์ทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ เหมือนกับที่ครอบครัวของอาหับเคยทำ เพราะหลังจากที่พ่อของอาหัสยาห์ตาย ครอบครัวของอาหับก็เป็นผู้แนะนำเขาให้ทำในสิ่งที่ชั่วร้าย อาหัสยาห์ได้ทำตามคำแนะนำของครอบครัวอาหับ เขาไปกับโยรัมลูกชายของกษัตริย์อาหับแห่งอิสราเอล เพื่อทำสงครามกับกษัตริย์ฮาซาเอลแห่งอารัม ที่ราโมท-กิเลอาด พวกชาวอารัมทำร้ายโยรัมจนได้รับบาดเจ็บ โยรัมจึงกลับไปยิสราเอลเพื่อรักษาบาดแผลของเขา ที่เกิดจากการต่อสู้กับกษัตริย์ฮาซาเอลแห่งอารัมที่เมืองราโมท-กิเลอาด

แล้วอาหัสยาห์ลูกชายของกษัตริย์เยโฮรัมแห่งยูดาห์ก็ลงไปที่ยิสเรเอลเพื่อเยี่ยมเยียนโยรัมลูกชายของอาหับ เพราะโยรัมบาดเจ็บอยู่

จากการที่อาหัสยาห์ไปเยี่ยมเยียนโยรัม พระเจ้าก็ได้นำความหายนะมาสู่อาหัสยาห์ เมื่ออาหัสยาห์มาถึง เขาออกไปกับโยรัมเพื่อไปสู้รบกับเยฮูลูกชายของนิมชี พระยาห์เวห์ได้แต่งตั้งเยฮูขึ้นมา เพื่อให้ทำลายครอบครัวของอาหับ ในขณะที่เยฮูกำลังลงมือฆ่าครอบครัวของอาหับ เขาก็พบพวกผู้นำของยูดาห์และพวกญาติๆของอาหัสยาห์ที่เข้าร่วมกับอาหัสยาห์ เยฮูได้ฆ่าคนเหล่านั้นเสีย แล้วเขาได้เข้าไปค้นหาตัวอาหัสยาห์ คนของเยฮูจับตัวอาหัสยาห์ไว้ได้ในขณะที่เขากำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในสะมาเรีย อาหัสยาห์ถูกนำตัวมาพบกับเยฮู และพวกเขาก็ฆ่าอาหัสยาห์ แต่เขาฝังศพให้กับอาหัสยาห์ เพราะพวกเขาพูดกันว่า “เขาเป็นลูกหลานของเยโฮชาฟัทผู้ที่แสวงหาพระยาห์เวห์ด้วยสิ้นสุดใจของเขา” แล้วไม่มีใครในครอบครัวของอาหัสยาห์ที่จะมีอำนาจเพียงพอที่จะรักษาอาณาจักรยูดาห์ไว้ได้อีก

ราชินีอาธาลิยาห์

(2 พกษ. 11:1-3)

10 เมื่อนางอาธาลิยาห์ที่เป็นแม่ของอาหัสยาห์เห็นว่าลูกชายของนางตายแล้ว นางจึงฆ่าลูกๆของกษัตริย์ทั้งหมดในยูดาห์ 11 แต่เยโฮชาเบอาทลูกสาวของกษัตริย์เยโฮรัมแอบอุ้มโยอาชลูกชายของอาหัสยาห์ออกไปจากเจ้าชายทั้งหลายที่กำลังจะถูกฆ่า และนางได้ซ่อนตัวโยอาชกับพี่เลี้ยงของเขาไว้ในห้องนอนห้องหนึ่ง เยโฮชาเบอาทเป็นลูกสาวของกษัตริย์เยโฮรัม และเป็นเมียของนักบวชเยโฮยาดา และนางก็ยังเป็นน้องสาวของอาหัสยาห์ นางซ่อนเด็กคนนั้นไว้จากนางอาธาลิยาห์ นางอาธาลิยาห์จึงไม่สามารถฆ่าโยอาชได้ 12 โยอาชยังคงซ่อนตัวอยู่กับพวกเขาในวิหารของพระเจ้าเป็นเวลาหกปี ในขณะที่นางอาธาลิยาห์ปกครองแผ่นดินอยู่

นักบวชเยโฮยาดากับกษัตริย์โยอาช

(2 พกษ. 11:4-21)

23 ในปีที่เจ็ด นักบวชเยโฮยาดาได้แสดงความแข็งแกร่งของเขา เขาทำข้อตกลงกับพวกนายร้อยทั้งหลาย คือ อาซาริยาห์ลูกชายของเยโรฮัม อิชมาเอลลูกชายของเยโฮฮานัน อาซาริยาห์ลูกชายของโอเบด มาอาเสอาห์ลูกชายของอาดายาห์ และเอลีชาฟัทลูกชายของศิครี พวกเขาไปทั่วทั้งยูดาห์ และไปรวบรวมชาวเลวีและพวกผู้นำครอบครัวชาวอิสราเอลมาจากทุกเมือง เมื่อพวกเขามาถึงเมืองเยรูซาเล็ม คนที่มาชุมนุมทั้งหมดได้ให้คำมั่นสัญญากับกษัตริย์ที่วิหารของพระเจ้า

เยโฮยาดาพูดกับพวกเขาว่า “ลูกชายของกษัตริย์จะต้องครองบัลลังก์เหมือนที่พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้เกี่ยวกับพวกลูกหลานของดาวิด ต่อไปนี้คือสิ่งที่พวกท่านจะต้องทำ หนึ่งในสามของพวกท่านที่เป็นนักบวชและชาวเลวีที่กำลังอยู่เวรในวันหยุดทางศาสนาจะต้องเฝ้าดูแลอยู่ที่ประตูทั้งหลาย อีกหนึ่งในสามของพวกท่านให้เฝ้าอยู่ที่วังกษัตริย์ และอีกหนึ่งในสามที่เหลือให้เฝ้าอยู่ตรงประตูฐานราก และคนอื่นๆที่เหลือจะต้องอยู่ที่ลานของวิหารของพระยาห์เวห์ ห้ามใครเข้าในวิหารของพระยาห์เวห์ ยกเว้นพวกนักบวชและชาวเลวีที่อยู่เวร พวกเขาได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ เพราะว่าพวกเขาบริสุทธิ์ แต่คนอื่นๆต้องคอยเฝ้าตามจุดที่พระยาห์เวห์ได้มอบหมายให้พวกเขาอยู่ พวกชาวเลวีต้องอยู่ใกล้ๆกษัตริย์ ทุกคนจะต้องมีอาวุธอยู่ในมือ ใครก็ตามที่บุกรุกเข้าไปในวิหารจะต้องถูกฆ่า อยู่ให้ใกล้กับกษัตริย์ไว้ ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็ตาม”

พวกชาวเลวีและคนของยูดาห์ทั้งหมดทำตามคำสั่งของนักบวชเยโฮยาดา แต่ละคนพาคนของเขามา คือทั้งพวกที่อยู่เวรในวันหยุดทางศาสนา และพวกที่กำลังจะออกเวร เพราะนักบวชเยโฮยาดาไม่ปล่อยให้ใครว่างเลย แล้วเขาก็มอบหอกกับโล่ใหญ่และโล่เล็กที่เคยเป็นของกษัตริย์ดาวิด ที่เก็บอยู่ในวิหารของพระเจ้าให้กับพวกนายร้อย 10 เขาได้วางกำลังคนทั้งหมดประจำที่ แต่ละคนถืออาวุธพร้อมมือ เฝ้าอยู่รอบๆตัวกษัตริย์ ใกล้กับแท่นบูชาและวิหาร ตั้งแต่ทิศใต้จดทิศเหนือของวิหาร 11 เยโฮยาดากับพวกลูกชายของเขานำตัวโยอาชลูกชายของกษัตริย์ออกมา และสวมมงกุฎไว้บนหัวของโยอาช พวกเขามอบสำเนาข้อตกลง[f] ให้กับกษัตริย์ และประกาศให้โยอาชเป็นกษัตริย์ พวกเขาเจิมแต่งตั้งโยอาชและตะโกนออกมาว่า “ขอให้กษัตริย์จงเจริญ”

12 เมื่อนางอาธาลิยาห์ได้ยินเสียงอึกทึกของประชาชนที่กำลังวิ่งและโห่ร้องให้กับกษัตริย์ นางออกไปหาพวกเขาที่วิหารของพระยาห์เวห์ 13 นางมองออกไปและเห็นกษัตริย์องค์นั้นยืนอยู่ข้างเสาของเขาที่ทางเข้า มีพวกเจ้าหน้าที่และคนเป่าแตรอยู่ข้างๆกษัตริย์ และประชาชนทั้งหมดบนแผ่นดินนั้นก็กำลังสนุกสนานรื่นเริงและเป่าแตรกัน พวกนักร้องกับนักดนตรีก็กำลังร้องนำบทสรรเสริญ นางอาธาลิยาห์จึงฉีกเสื้อของนางออก[g] และตะโกนว่า “พวกทรยศ พวกทรยศ”

14 นักบวชเยโฮยาดาได้ส่งพวกนายร้อยที่ดูแลกองทัพ เขาพูดกับพวกนั้นว่า “นำตัวนางออกไปจากท่ามกลางกองทัพและฆ่าทุกคนที่ติดตามนาง” เพราะนักบวชพูดว่า “อย่าฆ่านางในวิหารของพระยาห์เวห์” 15 ดังนั้น พวกเขาจึงจับตัวนางไว้ได้ ตอนที่นางวิ่งไปถึงทางเข้าของประตูม้า ในเขตวัง พวกเขาจับนางและฆ่านางที่นั่น

16 แล้วเยโฮยาดาก็ได้ทำสัญญาว่า เขาและประชาชนทั้งหมดรวมทั้งกษัตริย์จะเป็นประชาชนของพระยาห์เวห์ 17 ประชาชนทั้งหมดไปที่วิหารของพระบาอัลและรื้อมันทิ้ง พวกเขาทุบพวกแท่นบูชา และรูปเคารพทั้งหลาย และฆ่ามัทธานที่เป็นนักบวชของพระบาอัลที่หน้าแท่นบูชาเหล่านั้น

18 แล้วเยโฮยาดาก็ได้ตั้งให้นักบวชชาวเลวีดูแลวิหารของพระยาห์เวห์ ตามที่ดาวิดเคยมอบหมายงานนี้ให้กับพวกเขาทำ พวกนี้จะต้องถวายเครื่องเผาบูชาทั้งตัว ให้กับพระยาห์เวห์ ตามกฎของโมเสส ด้วยใจชื่นบานและร้องเพลงตามที่ดาวิดได้สั่งไว้ 19 เยโฮยาดายังจัดเวรยามไว้เฝ้าประตูต่างๆของวิหารของพระยาห์เวห์ เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่ไม่บริสุทธิ์เข้ามาในวิหาร

20 เยโฮยาดาพาพวกนายร้อย พวกขุนนาง พวกผู้ปกครองประชาชนและประชาชนของดินแดนนี้ทั้งหมดรวมทั้งกษัตริย์ลงมาจากวิหารของพระยาห์เวห์ พวกเขาเข้าไปในวังผ่านทางประตูด้านบนและให้กษัตริย์นั่งบนบัลลังก์ 21 และประชาชนทั้งหมดของแผ่นดินต่างก็รื่นเริงยินดีกัน เมืองทั้งเมืองก็สงบสุขเพราะนางอาธาลิยาห์ถูกฆ่าตายด้วยดาบแล้ว

โรม 11:13-36

13 ผมกำลังพูดกับพวกคุณคนที่ไม่ใช่ยิว เพราะพระเจ้าได้ตั้งให้ผมเป็นศิษย์เอกสำหรับคนที่ไม่ใช่ยิว ผมตั้งใจที่จะให้งานรับใช้ของผมนี้โด่งดังไปทั่ว 14 เพื่อทำให้พี่น้องยิวของผมอิจฉา เผื่อจะช่วยให้พวกเขาบางคนรอดได้ 15 เพราะถ้าโลกนี้ได้กลับมาคืนดีกับพระเจ้า เมื่อพระองค์ทอดทิ้งพวกยิว แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพระเจ้ายอมรับพวกยิว ก็จะเกิดการฟื้นขึ้นจากความตายนะสิ 16 ถ้าแป้งส่วนที่แบ่งออกมาถวายเป็นส่วนแรกนั้นเป็นของพระองค์ ส่วนที่เหลือทั้งก้อนก็ต้องเป็นของพระองค์ด้วย และถ้ารากของต้นไม้เป็นของพระองค์ กิ่งก้านของมันก็ต้องเป็นของพระองค์ด้วย 17 แต่ถ้ากิ่งบางกิ่งถูกหักทิ้งไป แล้วเอาคุณที่เป็นกิ่งมะกอกป่ามาต่อเข้าไปแทน คุณก็จะเป็นส่วนหนึ่งของต้นมะกอกต้นนั้น และได้รับการหล่อเลี้ยงจากรากของมัน 18 คุณไม่ควรจะคุยโวข่มกิ่งที่ถูกหักทิ้งไป แต่ถ้าคุณคุยโว ก็ให้จำไว้ว่า คุณไม่ได้เป็นคนหล่อเลี้ยงราก รากต่างหากที่หล่อเลี้ยงคุณ

19 คุณอาจจะพูดว่า “กิ่งพวกนั้นถูกหักทิ้งไป ก็เพื่อจะได้เอาผมต่อเข้าไปแทน” 20 ถูกแล้ว ที่พวกเขาถูกหักทิ้งไปเพราะพวกเขาไม่ไว้วางใจ แต่คุณยังอยู่ได้เพราะคุณไว้วางใจ เพราะฉะนั้นอย่าเหลิง แต่ให้ระวังตัวให้ดี 21 เพราะถ้าพระเจ้าไม่ได้เว้นโทษกิ่งเดิมของต้น พระองค์ก็จะไม่เว้นโทษคุณเหมือนกัน 22 ดูสิ พระเจ้านั้นทั้งเมตตาและเด็ดขาด พระองค์เด็ดขาดกับคนที่หลงผิด แต่มีเมตตากับคุณ ถ้าคุณยังคงอยู่ในความเมตตาของพระองค์ ไม่อย่างนั้น คุณก็จะถูกตัดทิ้งไปจากต้นเหมือนกัน 23 แต่ถ้าพวกนั้นกลับมาไว้วางใจพระเจ้าใหม่ พวกเขาก็จะถูกต่อเข้าไปกับต้นเดิมอีกครั้งหนึ่ง เพราะพระเจ้าสามารถต่อพวกเขาเข้าไปใหม่ได้ 24 แม้แต่คุณที่เป็นกิ่งของต้นมะกอกป่า ยังตัดเอามาต่อเข้ากับต้นมะกอกบ้านได้เลย ทั้งๆที่ขัดกับธรรมชาติ ถ้าจะเอากิ่งเดิมของมะกอกบ้านที่ถูกตัดทิ้งไปนั้นมาต่อเข้ากับต้นเดิมของมัน จะยิ่งง่ายกว่านั้นมากขนาดไหน

25 พี่น้องครับ ผมอยากให้พวกคุณเข้าใจเรื่องลึกลับนี้ เพื่อคุณจะได้ไม่หลงตัวเอง เรื่องลับนี้คือมีชาวอิสราเอลส่วนหนึ่งที่มีจิตใจดื้อด้านจะยังคงดื้อด้านต่อไป จนกว่าจำนวนคนที่ไม่ใช่ยิวทั้งหมดได้เข้ามาในครอบครัวของพระเจ้า 26 ทางนี้แหละเป็นทางที่ชาวอิสราเอลทั้งหมดจะได้รับความรอด เหมือนกับที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า

“พระผู้ช่วยให้รอดจะมาจากศิโยน
    พระองค์จะกำจัดสิ่งชั่วร้ายทั้งหลาย
    ให้ออกไปจากครอบครัวของยาโคบ
27 และเราก็จะทำสัญญานี้กับพวกเขา
    เมื่อเราเอาบาปของพวกเขาทิ้งไป”[a]

28 พวกยิวได้กลายเป็นศัตรูของพระเจ้า เพราะไม่ยอมรับข่าวดีนี้ มันจึงกลายเป็นผลดีกับพวกคุณ แต่พวกยิวก็ยังเป็นพวกที่พระเจ้าเลือกและพระองค์ก็ยังรักพวกยิว เนื่องจากคำสัญญาที่พระเจ้าให้ไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา 29 เพราะพระเจ้าไม่เคยเอาพรสวรรค์ที่พระองค์ให้ไปแล้วกลับคืน และไม่เคยเรียกใคร แล้วเปลี่ยนใจ 30 ครั้งหนึ่งพวกคุณเคยไม่เชื่อฟังพระเจ้าเหมือนกัน แต่เดี๋ยวนี้พวกคุณก็ได้รับความเมตตากรุณาจากพระเจ้าแล้ว เพราะพวกยิวไม่ยอมเชื่อฟัง 31 เหมือนกับตอนนี้ที่พวกยิวไม่ยอมเชื่อฟังพระเจ้า ก็เพื่อพวกเขาจะได้รับความเมตตาจากพระเจ้าเหมือนกับที่พวกคุณได้รับ 32 ที่ผมพูดอย่างนี้ก็เพราะพระเจ้าได้ขังทุกคนทั้งคนยิวและคนที่ไม่ใช่ยิวไว้ในชีวิตที่ไม่เชื่อฟังพระองค์ เพื่อพระองค์จะได้แสดงความเมตตากับพวกเขาทุกคนเหมือนกันหมด

สรรเสริญพระเจ้า

33 โอ้โห ความมั่งคั่ง สติปัญญา และความรู้ของพระเจ้านั้นล้ำลึกเหลือเกิน ใครเล่าจะหยั่งรู้การตัดสินใจของพระองค์ได้ ใครจะเข้าใจการกระทำของพระองค์ได้ 34 เหมือนกับที่พระคัมภีร์บอกไว้ว่า

“ใครจะรู้ว่าองค์เจ้าชีวิตคิดอะไรอยู่
    ใครจะเป็นที่ปรึกษาของพระองค์ได้”[b]

35 “ใครเคยให้ของกับพระองค์ก่อน
    พระองค์ถึงต้องตอบแทนเขากลับ”[c]

36 เพราะทุกๆอย่างมาจากพระองค์ มาทางพระองค์ และอยู่เพื่อพระองค์ ขอให้พระเจ้าได้รับเกียรติตลอดไป อาเมน

สดุดี 22:1-18

คำอธิษฐานของคนที่ทนทุกข์ทรมาน

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องตามทำนองกวางในยามรุ่งเช้า[a] เพลงสดุดีของดาวิด

พระเจ้าของข้าพเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ทำไมพระองค์ถึงได้ละทิ้งข้าพเจ้าเสีย
    ทำไมพระองค์ถึงได้อยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้าเสียเหลือเกิน
    ทำไมไม่ช่วยข้าพเจ้าให้รอด ทำไมไม่ได้ยินเสียงร้องขอให้ช่วยของข้าพเจ้า
พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าร้องเรียกพระองค์ตลอดทั้งวัน แต่พระองค์ก็ไม่ตอบข้าพเจ้า
    และข้าพเจ้าก็ยังร้องเรียกต่อไปตลอดทั้งคืน ข้าพเจ้าก็ไม่ได้รับการบรรเทาทุกข์

แต่อย่างไรก็ตาม พระองค์ก็ยังเป็นองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์
    พระองค์นั่งอยู่บนบัลลังก์ของพระองค์ และชาวอิสราเอลสรรเสริญพระองค์
บรรพบุรุษของเราไว้วางใจในพระองค์
    และพระองค์ช่วยกู้พวกเขา
พวกเขาตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ และได้รับการช่วยเหลือจากพระองค์
    พวกเขาวางใจในพระองค์ พวกเขาจึงไม่ผิดหวัง

ข้าพเจ้ามันก็แค่ตัวหนอน ไม่ใช่คน
    ข้าพเจ้ามันก็แค่ตัวอะไร ที่ผู้คนพูดดูถูก มันก็แค่ตัวอะไร ที่ผู้คนพูดดูหมิ่น
ทุกคนที่เห็นข้าพเจ้า ต่างก็เย้ยหยันข้าพเจ้า
    พวกเขาพากันทำหน้าและส่ายหัวใส่ข้าพเจ้า
แล้วพูดว่า
“เขาวางใจในพระยาห์เวห์ไม่ใช่หรือ ให้พระยาห์เวห์ช่วยให้เขารอดสิ
    ถ้าพระยาห์เวห์ชื่นชอบเขา ก็ให้พระยาห์เวห์ปลดปล่อยเขาสิ”

พระเจ้าของข้าพเจ้า ความจริงแล้ว พระองค์คือผู้ที่ดึงข้าพเจ้าออกมาจากครรภ์
    พระองค์ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกปลอดภัยในอ้อมอกของแม่
10 ตอนที่ข้าพเจ้าเกิดมา ข้าพเจ้าก็ถูกวางไว้ในอ้อมแขนของพระองค์แล้ว
    พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้าตั้งแต่ข้าพเจ้าคลอดออกมาจากท้องแม่แล้ว
11 ดังนั้น โปรดอย่าได้อยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้า
    เพราะความทุกข์ยากอยู่ใกล้ตัวข้าพเจ้า และก็ไม่มีใครช่วยด้วย

12 มีวัวตัวผู้จำนวนมากที่ล้อมรอบข้าพเจ้าอยู่
    วัวตัวผู้ที่ดุร้ายของบาชานกำลังรายล้อมข้าพเจ้าอยู่
13 พวกมันอ้าปากกว้างใส่ข้าพเจ้า
    เหมือนกับสิงโตที่กำลังร้องคำรามฉีกกินเหยื่อของมัน

14 กำลังของข้าพเจ้าถูกเทออกเหมือนน้ำ
    กระดูกของข้าพเจ้าหลุดออกจากข้อ
จิตใจของข้าพเจ้าได้หลอมละลาย
    เหมือนขี้ผึ้งภายในตัวข้าพเจ้า
15 พละกำลังของข้าพเจ้าเหือดแห้งไปเหมือนหม้อดินแตก
    ลิ้นของข้าพเจ้าจุกอยู่ที่เพดานปาก
    ข้าแต่พระเจ้า พระองค์วางข้าพเจ้าไว้ในฝุ่นของหลุมศพ

16 พวกหมาได้รายล้อมข้าพเจ้าไว้
    กลุ่มคนชั่วร้ายได้รุมล้อมข้าพเจ้าไว้
พวกมันได้แทงมือแทงเท้าของข้าพเจ้า[b]
17 ข้าพเจ้าผ่ายผอมจนนับกระดูกของข้าพเจ้าได้หมด
    พวกเขาจ้องมองข้าพเจ้าตาเขม็ง
18 พวกเขาก็เอาพวกเสื้อผ้าของข้าพเจ้ามาแบ่งปันกัน
    พวกเขาเอาชุดของข้าพเจ้ามาจับสลากว่าใครจะได้

สุภาษิต 20:7

คนที่ทำตามใจพระเจ้าดำเนินชีวิตอย่างสัตย์ซื่อ
    ลูกที่เกิดตามมา จะได้หน้า

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International