The Daily Audio Bible
Today's audio is from the GNT. Switch to the GNT to read along with the audio.
11 เมื่อเรโหโบอัมมาถึงเมืองเยรูซาเล็ม เขาได้รวบรวมครอบครัวของยูดาห์และเบนยามิน ได้นักรบมาหนึ่งแสนแปดหมื่นคน เพื่อมาทำสงครามกับชาวอิสราเอล เพื่อแย่งชิงอาณาจักรคืนมาให้กับตัวเอง 2 แต่แล้วคำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงเชไมอาห์ที่เป็นคนของพระเจ้าว่า 3 “ไปพูดกับเรโหโบอัมลูกชายของกษัตริย์ซาโลมอนแห่งยูดาห์และกับชาวอิสราเอลทั้งหมดในยูดาห์และในเบนยามินว่า 4 พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้ ‘อย่าขึ้นไปต่อสู้กับพี่น้องอิสราเอลของพวกเจ้าเลย ขอให้พวกเจ้าทุกคนกลับไปบ้านเถิด เพราะเราเองเป็นผู้ที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น’” ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ และหันหลังกลับจากการเดินทัพไปต่อสู้กับเยโรโบอัม
เรโหโบอัมทำให้ยูดาห์แข็งแกร่ง
5 เรโหโบอัมอาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มและสร้างเมืองต่างๆขึ้นในยูดาห์เพื่อใช้ป้องกันการโจมตี มีเมืองต่อไปนี้คือ 6 เมืองเบธเลเฮม เมืองเอตาม เมืองเทโคอา 7 เมืองเบธซูร์ เมืองโสโค เมืองอดุลลัม 8 เมืองกัท เมืองมาเรชาห์ เมืองศีฟ 9 เมืองอาโดราอิม เมืองลาคีช เมืองอาเซคาห์ 10 เมืองโศราห์ เมืองอัยยาโลน และเมืองเฮโบรน เมืองเหล่านี้เป็นเมืองป้อมปราการในเขตยูดาห์และเขตเบนยามิน 11 เรโหโบอัมทำให้ป้อมปราการต่างๆแข็งแกร่งและให้พวกแม่ทัพอยู่ประจำตามเมืองเหล่านั้น พร้อมกับสะสมเสบียงอาหาร น้ำมันมะกอกและเหล้าองุ่นไว้ที่นั่น 12 เขาเอาโล่และหอกมาเก็บไว้ในเมืองเหล่านั้นทั้งหมด และทำให้เมืองเหล่านั้นแข็งแกร่ง ดังนั้น ยูดาห์และเบนยามินอยู่ในการครอบครองของเขา
13 พวกนักบวชและชาวเลวีมาจากทั่วทั้งอิสราเอล ได้มาอยู่ฝ่ายเดียวกับเรโหโบอัม 14 ชาวเลวีได้ละทิ้งดินแดนแห่งทุ่งหญ้าและที่ดินของพวกเขา และเดินทางมาที่ยูดาห์และเยรูซาเล็ม เพราะเยโรโบอัมกับพวกลูกชายของเขาไม่ยอมให้พวกนี้รับใช้ในฐานะนักบวชของพระยาห์เวห์ 15 และเยโรโบอัมกับพวกลูกชายของเขาก็ได้แต่งตั้งเหล่านักบวชของพวกเขาขึ้นมาเอง เพื่อให้รับใช้อยู่ตามสถานที่สูง กับรับใช้พวกรูปปั้นแพะและรูปปั้นลูกวัวที่พวกเขาได้สร้างขึ้นมา 16 คนอื่นๆที่มาจากเผ่าต่างๆของอิสราเอล ที่ยังตั้งใจแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลนั้น ก็ได้ติดตามชาวเลวีเหล่านั้นมาถึงเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อที่จะถวายเครื่องสัตวบูชาให้แก่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา 17 พวกเขาทำให้อาณาจักรของยูดาห์แข็งแกร่งขึ้น และสนับสนุนเรโหโบอัมลูกชายของซาโลมอนอยู่เป็นเวลาสามปี ในช่วงเวลานี้พวกเขาใช้ชีวิตตามอย่างของดาวิดและซาโลมอน
ครอบครัวของเรโหโบอัม
18 เรโหโบอัมแต่งงานกับมาหะลัท นางเป็นลูกสาวของเยรีโมทกับนางอาบีฮาอิล เยรีโมทเป็นลูกชายของดาวิด อาบีฮาอิลเป็นลูกสาวของเอลีอับผู้เป็นลูกชายของเจสซี 19 มาหะลัทคลอดลูกชายให้เรโหโบอัม ชื่อ เยอูช เชมาริยาห์และศาฮัม 20 แล้วเรโหโบอัมแต่งงานกับมาอาคาห์หลานสาว[a]ของอับซาโลม มาอาคาร์คลอดลูกชายให้เรโหโบอัม ชื่อว่า อาบียาห์ อัททัย ศีศาและเชโลมิท 21 เรโหโบอัมรักมาอาคาห์ลูกสาวของอับซาโลมมากกว่าเมียและเมียน้อย[b] คนไหนๆของเขา เขามีเมียทั้งหมดสิบแปดคนและมีเมียน้อยหกสิบคน มีลูกชายยี่สิบแปดคนและมีลูกสาวหกสิบคน
22 เรโหโบอัมแต่งตั้งอาบียาห์ลูกชายของนางมาอาคาห์ขึ้นเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ในหมู่พี่น้องทั้งหลายของเขา เพื่อที่จะให้อาบียาห์เป็นกษัตริย์ 23 เรโหโบอัมมีวิธีการที่ชาญฉลาด เขาแยกพวกลูกชายทั้งหลายของเขาให้ไปอยู่กระจัดกระจายตามเขตต่างๆของยูดาห์และเบนยามิน รวมทั้งตามเมืองที่เป็นป้อมปราการทั้งหลายด้วย เขาได้จัดส่งเสบียงอาหารให้กับลูกๆของเขาอย่างอุดมสมบูรณ์พร้อมทั้งหาเมียให้กับพวกเขาด้วย
กษัตริย์ชิชักโจมตีเยรูซาเล็ม
(1 พกษ. 14:21-31)
12 ภายหลังจากที่อาณาจักรของเรโหโบอัมตั้งมั่นคง และเขาแข็งแกร่งขึ้น ทั้งตัวเขาและชนชาติอิสราเอล[c] ทั้งหมดก็ละทิ้งกฎของพระยาห์เวห์ 2 เพราะพวกเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์ ดังนั้นในปีที่ห้าที่เรโหโบอัมเป็นกษัตริย์ กษัตริย์ชิชักแห่งอียิปต์ได้ขึ้นมาโจมตีเมืองเยรูซาเล็ม 3 กษัตริย์ชิชักนำรถรบหนึ่งหมื่นสองพันคัน ทหารม้าหกหมื่นคนและกองทัพชาวลิเบีย ชาวสุคีอิมและชาวคูชอีกนับจำนวนไม่ถ้วน มาด้วยจากอียิปต์ 4 เขาเข้ายึดเมืองต่างๆที่เป็นป้อมปราการของยูดาห์และบุกเข้ามาจนถึงเมืองเยรูซาเล็ม
5 แล้วเชไมอาห์ผู้พูดแทนพระเจ้ามาพบเรโหโบอัมกับพวกผู้นำของชาวยูดาห์ ซึ่งมาชุมนุมกันอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม เพราะกลัวกษัตริย์ชิชัก เชไมอาห์พูดกับพวกเขาว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด ‘พวกเจ้าได้ทิ้งเรา ดังนั้นเราก็ได้ทิ้งพวกเจ้าให้ตกอยู่ในกำมือของชิชัก’”
6 พวกผู้นำของชาวอิสราเอลและกษัตริย์ต่างถ่อมตัวลงและพูดว่า “พระยาห์เวห์ทำถูกต้องแล้ว”
7 เมื่อพระยาห์เวห์เห็นว่าพวกเขาต่างถ่อมตัวลง คำพูดต่อไปนี้ของพระยาห์เวห์จึงมาถึงเชไมอาห์ว่า “พวกเขาได้ถ่อมตัวลง ดังนั้นเราจะไม่ทำลายพวกเขา แต่จะช่วยกู้พวกเขาในเร็วๆนี้ เราจะไม่เทความโกรธของเราลงบนเยรูซาเล็มผ่านทางกษัตริย์ชิชัก 8 แต่พวกเขาจะต้องตกเป็นเชลยของชิชัก เพื่อพวกเขาจะได้รู้ซะบ้างว่า การรับใช้เรากับการรับใช้พวกกษัตริย์ของแผ่นดินอื่นๆมันแตกต่างกันแค่ไหน”
9 เมื่อกษัตริย์ชิชักแห่งอียิปต์บุกเข้าเมืองเยรูซาเล็ม เขาได้ขนเอาทรัพย์สมบัติในวิหารของพระยาห์เวห์ และทรัพย์สมบัติในวังของกษัตริย์ไป เขาเอาทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งพวกโล่ทองคำที่ซาโลมอนได้สร้างไว้ 10 ดังนั้นกษัตริย์เรโหโบอัมจึงได้สร้างพวกโล่ทองสัมฤทธิ์ขึ้นมาแทน และให้พวกทหารยามที่เฝ้ารักษาประตูวังเฝ้าดูแล 11 เมื่อไหร่ก็ตามที่กษัตริย์ไปที่วิหารของพระยาห์เวห์ พวกทหารยามก็จะถือโล่เหล่านี้ตามกษัตริย์ไปด้วย หลังจากนั้นพวกเขาก็จะนำพวกมันไปเก็บรักษาไว้ในห้องยาม
12 ความโกรธของพระยาห์เวห์ได้หันไปจากกษัตริย์เรโหโบอัมเพราะเขาถ่อมตัวลง พวกยูดาห์ก็เลยไม่ถูกทำลายทั้งหมด ยูดาห์ก็ยังมีส่วนดีอยู่บ้าง
13 กษัตริย์เรโหโบอัมทำให้ตัวเองมั่นคงขึ้นในเมืองเยรูซาเล็ม และยังคงเป็นกษัตริย์ต่อไป เขามีอายุสี่สิบเอ็ดปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่สิบเจ็ดปีในเมืองเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นเมืองที่พระยาห์เวห์ได้เลือกออกมาจากเผ่าทั้งหมดของชนชาติอิสราเอล เพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่อของพระองค์ แม่ของเรโหโบอัมชื่อว่านาอามาห์เป็นชาวอัมโมน 14 เรโหโบอัมได้ทำความชั่ว เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะแสวงหาพระยาห์เวห์
15 ส่วนเหตุการณ์อื่นๆในยุคของเรโหโบอัม ตั้งแต่แรกจนจบ ได้ถูกจดไว้ในบันทึกของเชไมอาห์ ผู้พูดแทนพระเจ้า
และในหนังสือบันทึกเชื้อพระวงศ์ที่อิดโดผู้ที่เห็นนิมิตได้จดไว้ เรโหโบอัมกับเยโรโบอัมยังคงทำสงครามกันตลอดเวลา 16 เรโหโบอัมตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา และศพของเขาถูกฝังอยู่ในเมืองของดาวิด และอาบียาห์ลูกชายของเขาขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา
กษัตริย์อาบียาห์ปกครองยูดาห์
(1 พกษ. 15:1-8)
13 อาบียาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ ซึ่งตรงกับปีที่สิบแปดที่เยโรโบอัมเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล[d] 2 อาบียาห์ครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มสามปี แม่ของเขาชื่อว่ามีคายาห์ นางเป็นลูกสาวของอุรีเอลจากเมืองกิเบอาห์ ได้เกิดสงครามระหว่างอาบียาห์และเยโรโบอัมขึ้น 3 อาบียาห์ออกไปรบ พร้อมกองทัพทหารที่เก่งกล้าสี่แสนคน และเยโรโบอัมได้ตั้งทัพสู้กับเขา ด้วยกองทัพทหารที่เก่งกล้าแปดแสนคน
4 อาบียาห์ยืนอยู่บนภูเขาเศมาราอิมในแถบเนินเขาเอฟราอิม และพูดว่า “เยโรโบอัมและชนชาติอิสราเอลทั้งหลาย ฟังเราให้ดี 5 พวกเจ้าไม่รู้หรือว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าของชนชาติอิสราเอล ได้ให้ตำแหน่งกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอลแก่ดาวิด และลูกหลานของเขาตลอดไปแล้วด้วยคำสัญญาแห่งเกลือ[e] 6 แต่เยโรโบอัมลูกชายเนบัทซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของซาโลมอนลูกชายของดาวิด ได้แข็งข้อกับเจ้านายของเขา 7 พวกต่ำต้อยที่ไร้ค่าบางคนก็ได้ไปรวมตัวกับเขาและต่อต้านเรโหโบอัมลูกชายซาโลมอนตั้งแต่เขายังเป็นหนุ่มยังไม่ประสีประสาและไม่เข้มแข็งพอที่จะต้านทานพวกเขาได้
8 และตอนนี้ พวกเจ้ายังวางแผนที่จะต่อต้านอาณาจักรของพระยาห์เวห์ ที่อยู่ในมือของลูกหลานของดาวิดอีก จริงอยู่ที่พวกเจ้ามีกองทัพขนาดใหญ่ แถมยังมีพวกลูกวัวทองคำเหล่านั้นที่เยโรโบอัมได้สร้างให้เป็นพวกพระให้กับพวกเจ้า 9 แต่พวกนักบวชของพระยาห์เวห์ พวกเจ้าได้ขับไล่ออกไป คือพวกลูกหลานของอาโรนและชาวเลวี และได้ไปแต่งตั้งพวกนักบวชให้กับตัวเอง เหมือนกับพวกชนชาติในแผ่นดินอื่นๆทำกัน ใครมีวัวหนุ่มตัวหนึ่ง กับแพะตัวผู้เจ็ดตัว ก็สามารถมาอุทิศตัวเป็นนักบวชให้กับพระพวกนี้ที่ไม่ใช่พระจริงได้แล้ว
10 ส่วนพวกเรา พระยาห์เวห์คือพระเจ้าของพวกเรา และพวกเราไม่ได้ละทิ้งพระองค์ และพวกนักบวชที่รับใช้พระยาห์เวห์เป็นลูกหลานของอาโรนและชาวเลวีที่ช่วยเหลือพวกเขา 11 ทุกเช้าเย็น พวกเขาถวายเครื่องเผาบูชา และเครื่องหอมบูชาให้แก่พระยาห์เวห์ พวกเขาจัดวางขนมปังบนโต๊ะที่ศักดิ์สิทธิ์ตามพิธีกรรมและจุดตะเกียงบนโคมไฟยืนทองคำทุกๆเย็น พวกเรารักษาข้อบังคับของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา แต่พวกเจ้าได้ทอดทิ้งพระองค์ 12 พระเจ้าอยู่ฝ่ายพวกเรา และพระองค์เป็นผู้นำของพวกเรา พวกนักบวชของพระองค์ จะเป่าแตรของพวกเขา ส่งเสียงเข้าประจัญบาน ชายอิสราเอลเอ๋ย อย่าได้ต่อสู้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเจ้าเลย เพราะพวกเจ้าจะทำไม่สำเร็จหรอก”
13 แล้วเยโรโบอัมได้ส่งกองทัพ อ้อมไปล้อมทางด้านหลัง เพื่อว่าในขณะที่เขายังอยู่ทางด้านหน้าของยูดาห์ พวกที่อยู่ทางด้านหลังจะได้ดักซุ่มโจมตีอีกทางหนึ่ง 14 ชาวยูดาห์หันไปและเห็นว่าพวกเขาถูกโจมตีทั้งจากทางด้านหน้าและด้านหลัง[f] พวกเขาจึงร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ พวกนักบวชได้เป่าแตรของพวกเขาขึ้น 15 และพวกคนของยูดาห์ก็พากันโห่ร้องเข้าประจัญบาน เมื่อพวกเขาโห่ร้อง พระเจ้าก็โจมตีกองทัพของเยโรโบอัมและชาวอิสราเอลทั้งหมดแตกพ่ายไปต่อหน้าอาบียาห์และชาวยูดาห์ 16 พวกชาวอิสราเอลต่างหลบหนีชาวยูดาห์ และพระเจ้าได้ส่งพวกเขาให้ตกไปอยู่ในกำมือของชาวยูดาห์ 17 อาบียาห์และคนของเขาทั้งหมดสร้างความสูญเสียอย่างหนักให้กับชาวอิสราเอล มีทหารอิสราเอลที่เก่งกล้าต้องตกเป็นเชลยห้าแสนคน 18 คนของอิสราเอลพ่ายแพ้ในการรบครั้งนี้ และคนของยูดาห์ได้รับชัยชนะเป็นเพราะพวกเขาไว้วางใจในพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา
19 อาบียาห์ไล่ติดตามเยโรโบอัมไปและเข้ายึดเมืองต่างๆของเบธเอล เมืองเยชานาห์และเมืองเอโฟรนกับหมู่บ้านโดยรอบของมัน
20 เยโรโบอัมไม่ได้อำนาจของเขากลับคืนมาอีกเลยในสมัยของอาบียาห์ และพระยาห์เวห์ก็ฆ่าเขาตาย 21 แต่อาบียาห์กลับเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ เขาแต่งงานมีเมียสิบสี่คนและมีลูกชายยี่สิบสองคน มีลูกสาวสิบหกคน 22 ส่วนเหตุการณ์อื่นๆในสมัยของอาบียาห์ กับสิ่งที่เขาได้ทำและได้พูดไป ได้ถูกจดบันทึกไว้แล้วในหนังสือเรื่องเล่าของอิดโดผู้พูดแทนพระเจ้า
26 ในทำนองเดียวกันพระวิญญาณก็มาช่วยเราในความอ่อนแอของเราด้วย เราไม่รู้ว่าเราควรจะขออะไรเวลาที่เราอธิษฐาน แต่พระวิญญาณเองได้ขอต่อพระเจ้าแทนเราด้วยเสียงร้องคร่ำครวญที่ไม่เป็นคำ 27 แต่พระเจ้าผู้หยั่งรู้จิตใจรู้ว่าอะไรอยู่ในจิตใจของพระวิญญาณ เพราะพระวิญญาณได้ร้องขอให้กับคนที่เป็นของพระเจ้า ตามที่พระเจ้าชอบใจ
28 เรารู้ว่าพระเจ้าทำให้ทุกอย่างเกิดผลดีสำหรับคนที่รักพระองค์ พวกเขาเป็นคนที่พระเจ้าเรียกตามแผนงานของพระองค์ 29 พระเจ้าได้เลือกและแยกคนพวกนี้ไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ให้เป็นเหมือนกับพระบุตรของพระองค์ เพื่อว่าพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตรคนแรกในหมู่พี่น้องมากมาย 30 ดังนั้นคนพวกนี้ที่พระองค์ได้แยกไว้แล้ว พระองค์ก็ได้เรียกมา และเมื่อเรียกมาแล้ว พระองค์ก็ยอมรับเขา และเมื่อยอมรับแล้ว พระองค์ก็ให้พวกเขามีศักดิ์ศรีด้วย
ความรักของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์
31 เราจะว่าอย่างไรดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าพระเจ้าอยู่ฝ่ายเรา ใครจะต่อต้านเราได้ 32 พระองค์ไม่หวงแม้แต่พระบุตรของพระองค์เอง แต่กลับมอบพระบุตรนั้นให้มาตายเพื่อเราทุกคน ถ้าอย่างนั้นพระองค์จะไม่ยิ่งให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับเราพร้อมกับพระบุตรด้วยหรือ 33 ใครจะฟ้องคนพวกนี้ที่พระเจ้าเลือกมา พระเจ้าเองหรือ เป็นไปไม่ได้ เพราะพระองค์เองเป็นผู้ที่ยอมรับพวกนี้ 34 ใครจะกล่าวโทษเขา พระเยซูหรือ เป็นไปไม่ได้ เพราะพระเยซูคริสต์เป็นผู้ที่ตายและฟื้นขึ้นมาใหม่ และตอนนี้พระองค์ก็นั่งอยู่ทางขวามือของพระเจ้าวิงวอนพระเจ้าแทนเรา 35 ใครจะแยกเราออกจากความรักที่พระคริสต์มีต่อเราได้ ไม่มีเลย แม้แต่ความทุกข์ยากหรือความลำบาก หรือการถูกกดขี่ข่มเหง หรือความอดอยากหิวโหย หรือการเปลือยกาย หรืออันตรายต่างๆ หรือแม้แต่การถูกฆ่าฟัน ก็ไม่มีทางแยกเราออกจากความรักที่พระคริสต์มีต่อเราได้ 36 เหมือนกับที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า
“เพื่อพระองค์ เราเสี่ยงกับการถูกฆ่าวันยังค่ำ
คนทำกับเราเหมือนแกะที่จะเอาไปฆ่า”[a]
37 แต่ในทุกสิ่งทุกอย่างนี้ เราก็ได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ผ่านทางพระองค์ผู้ได้แสดงความรักกับเรา 38 เพราะผมมั่นใจว่า ไม่ว่าจะเป็นความตายหรือชีวิต ทูตสวรรค์หรือเทพเจ้า สิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันหรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พวกวิญญาณที่มีฤทธิ์อำนาจ 39 สิ่งที่อยู่เหนือเรา หรือสิ่งที่อยู่ต่ำกว่าเรา หรืออะไรก็ตามที่ถูกสร้างขึ้นมา พวกมันก็ไม่มีทางแยกเราออกจากความรักของพระเจ้าที่เราเห็นในพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา
37 ข้าพเจ้าได้ไล่ตามจับศัตรูจนทัน
และไม่ได้หันกลับจนได้ทำลายพวกมันจนหมดสิ้น
38 ข้าพเจ้าบดขยี้พวกเขาจนพวกเขาไม่มีวันลุกขึ้นมาได้อีก
พวกเขาล้มลงอยู่แทบเท้าของข้าพเจ้า
39 พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าแข็งแกร่งพร้อมออกรบ
พระองค์ทำให้คนเหล่านั้นที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับข้าพเจ้าต้องยอมหมอบลงต่อข้าพเจ้า
40 พระองค์ทำให้ศัตรูของข้าพเจ้าหันหลังหนีไป
ข้าพเจ้าก็โค่นคนพวกนั้นที่เกลียดชังข้าพเจ้าลง
41 พวกเขาร้องให้ช่วย แต่ไม่มีใครช่วย
พวกเขาร้องต่อพระยาห์เวห์ แต่พระองค์ไม่ตอบพวกเขา
42 ข้าพเจ้าบดขยี้พวกเขาแหลกละเอียดเหมือนฝุ่นที่ถูกลมพัดปลิวไป
ข้าพเจ้าเหยียบย่ำพวกเขาเหมือนโคลนตามท้องถนน
43 พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากกองทัพศัตรูที่เข้ามาโจมตี
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าเป็นหัวหน้าของชนชาติต่างๆเหล่านั้น
แม้แต่คนที่ข้าพเจ้าไม่รู้จัก ก็รับใช้ข้าพเจ้า
44 ทันทีที่พวกเขาได้ยินเรื่องของข้าพเจ้า พวกเขาต่างยอมสยบต่อข้าพเจ้า
คนต่างชาติหมอบลงต่อหน้าข้าพเจ้า
45 คนต่างชาติพวกนั้นขวัญหนีดีฝ่อ
พากันออกมาจากที่ซ่อนตัวสั่นงันงกด้วยความกลัว
46 ใช่แล้ว พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่ ให้สรรเสริญพระเจ้าผู้เป็นหินกำบังของข้าพเจ้า
ให้ยกย่องพระเจ้าผู้ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดพ้น
47 พระองค์ เป็นพระเจ้าผู้ลงโทษศัตรูของข้าพเจ้า
และทำให้ชนชาติต่างๆยอมสยบอยู่ใต้ข้าพเจ้า
48 พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากศัตรูของข้าพเจ้า
ใช่แล้ว พระองค์ยกข้าพเจ้าขึ้นเหนือคนเหล่านั้นที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับข้าพเจ้า
พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดจากศัตรูที่โหดร้าย
49 ดังนั้น ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญชื่อของพระองค์
50 พระองค์ให้ชัยชนะอันยิ่งใหญ่กับกษัตริย์ของพระองค์
พระองค์ให้ความรักอันมั่นคงกับกษัตริย์ที่พระองค์ได้เลือกไว้[a]
ซึ่งก็คือดาวิดและลูกหลานของเขาตลอดไป
27 ลูกเอ๋ย ถ้าอยากจะทิ้งทางแห่งปัญญาไป
ก็หยุดฟังคำตักเตือนสิ
28 พยานที่ไร้ค่าก็เยาะเย้ยความยุติธรรม
ปากของคนชั่วก็เอร็ดอร่อยกับความชั่ว
29 การลงโทษก็เตรียมไว้สำหรับคนหยิ่งจองหอง
การโบยตีก็เตรียมไว้สำหรับหลังของคนโง่
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International