Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the NLT. Switch to the NLT to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 พงศ์กษัตริย์ 23:31-25:30

เยโฮอาหาสปกครองยูดาห์

(2 พศด. 36:2-4)

31 เยโฮอาหาสมีอายุยี่สิบสามปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองราชย์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเป็นเวลาสามเดือน แม่ของเขามีชื่อว่าฮามุทาล นางเป็นลูกสาวของเยเรมียาห์ที่มาจากลิบนาห์ 32 เยโฮอาหาสได้ทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ เหมือนกับที่บรรพบุรุษของเขาเคยทำ

33 ฟาโรห์เนโคขังเยโฮอาหาสไว้ที่ริบลาห์ซึ่งอยู่ในดินแดนของฮามัท เพื่อไม่ให้เขาได้ครองบัลลังก์อยู่ในเยรูซาเล็ม และฟาโรห์ยังได้บังคับเก็บส่วยจากชาวยูดาห์เป็นเงินหนักประมาณสามตันครึ่ง และทองคำหนักสามสิบสี่กิโลกรัม[a]

34 ฟาโรห์เนโคให้เอลียาคิมลูกชายของกษัตริย์โยสิยาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์แทนที่โยสิยาห์ผู้เป็นพ่อและเปลี่ยนชื่อของเอลียาคิมเป็นเยโฮยาคิม แต่ฟาโรห์ได้พาเยโฮอาหาสไปอยู่ที่อียิปต์ และเยโฮอาหาสก็ตายที่นั่น 35 เยโฮยาคิมมอบเงินและทองคำให้กับฟาโรห์เนโค แต่เขาได้เรียกเก็บภาษีจากประชาชนของแผ่นดิน เพื่อเอาเงินไปมอบให้กับฟาโรห์ตามที่ฟาโรห์สั่งไว้ เขาบีบเอาเงินและทองจากประชาชนทุกคนของแผ่นดินตามสัดส่วนของทรัพย์สมบัติที่พวกเขามี เพื่อเอาไปมอบให้กับฟาโรห์เนโค

เยโฮยาคิมปกครองยูดาห์

(2 พศด. 36:5-8)

36 เยโฮยาคิมมีอายุยี่สิบห้าปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์และเขาครองราชย์อยู่ในเยรูซาเล็มเป็นเวลาสิบเอ็ดปี แม่ของเขามีชื่อว่าเศบิดาห์ นางเป็นลูกสาวของเปดายาห์ที่มาจากรูมาห์ 37 เยโฮยาคิมทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์เหมือนกับที่บรรพบุรุษของเขาทำ

เนบูคัดเนสซาร์มาที่ยูดาห์

24 ในช่วงยุคสมัยของเยโฮยาคิม กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ของบาบิโลนบุกเข้ามาในแผ่นดิน และเยโฮยาคิมก็รับใช้เขาเป็นเวลาสามปี แต่แล้วเยโฮยาคิมเปลี่ยนใจและกบฏต่อเนบูคัดเนสซาร์ พระยาห์เวห์ส่งชาวบาบิโลน ชาวอารัม ชาวโมอับและชาวอัมโมนให้เข้ามาสู้รบกับเยโฮยาคิม พระองค์ส่งพวกเขาให้มาทำลายยูดาห์ตามคำพูดของพระยาห์เวห์ ที่เคยประกาศไว้ ผ่านทางพวกผู้พูดแทนพระเจ้า ที่เป็นผู้รับใช้ของพระองค์

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับยูดาห์ตามคำสั่งของพระยาห์เวห์แน่ ที่พระองค์สั่งให้กำจัดพวกเขาให้พ้นไปจากสายตาของพระองค์ เนื่องจากบาปทั้งหลายของมนัสเสห์และสิ่งต่างๆที่เขาได้ทำไป รวมทั้งการทำให้เลือดของผู้บริสุทธิ์ต้องไหลนองด้วย เพราะมนัสเสห์ได้ทำให้เลือดของผู้บริสุทธิ์ได้ไหลนองไปทั่วเยรูซาเล็ม พระยาห์เวห์ก็เลยไม่ยอมยกโทษให้

ส่วนเหตุการณ์อื่นๆในยุคสมัยของเยโฮยาคิมและทุกสิ่งที่เขาได้ทำไป ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของพวกกษัตริย์แห่งยูดาห์ เยโฮยาคิมตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา และเยโฮยาคีนลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา

กษัตริย์ของประเทศอียิปต์ไม่ได้ยกทัพออกมาจากประเทศของเขาอีก เพราะกษัตริย์ของบาบิโลนเข้ายึดเอาดินแดนที่เคยเป็นของกษัตริย์อียิปต์ ตั้งแต่ลำธารของอียิปต์ไปจนกระทั่งถึงแม่น้ำยูเฟรติส

เนบูคัดเนสซาร์ยึดเยรูซาเล็ม

(2 พศด. 36:9-10)

เยโฮยาคีนมีอายุสิบแปดปี เมื่อเขาเป็นกษัตริย์ และเขาครองราชย์อยู่ในเยรูซาเล็มเป็นเวลาสามเดือน แม่ของเขามีชื่อว่าเนหุชทา นางเป็นลูกสาวของเอลนาธันที่มาจากเยรูซาเล็ม เยโฮยาคีนได้ทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์เหมือนกับที่พ่อของเขาทำ

10 ในเวลานั้น บรรดาข้าราชการของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ของบาบิโลนเคลื่อนทัพเข้ามาใกล้เยรูซาเล็มและได้ปิดล้อมเมืองไว้ 11 ตัวเนบูคัดเนสซาร์เองก็ขึ้นมาถึงเมืองเยรูซาเล็ม ในขณะที่พวกข้าราชการของเขากำลังปิดล้อมเมืองอยู่ 12 กษัตริย์เยโฮยาคีนของยูดาห์ แม่ของเขา เหล่าผู้รับใช้ของเขา เหล่าขุนนางและบรรดาเจ้าหน้าที่ในวังของเขา ต่างก็มอบตัวต่อกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ในปีที่แปด[b] ที่กษัตริย์บาบิโลนครองราชย์ เขาจับตัวเยโฮยาคีนไว้เป็นเชลย

13 เนบูคัดเนสซาร์ขนเอาสมบัติทั้งหมดไปจากวิหารของพระยาห์เวห์ และจากวังของกษัตริย์ และเอาเครื่องใช้ทองคำที่กษัตริย์ซาโลมอนของอิสราเอลได้สร้างไว้ให้กับวิหารของพระยาห์เวห์ ตัดเป็นชิ้นๆ ทั้งหมดนี้ได้เกิดขึ้นตามที่พระยาห์เวห์ได้บอกไว้ล่วงหน้า 14 เนบูคัดเนสซาร์กวาดคนในเยรูซาเล็มไปเป็นเชลยจนหมด ไม่ว่าจะเป็นพวกเจ้าหน้าที่ นักรบ และพวกช่างแกะสลักและพวกช่างฝีมือทั้งหลาย รวมทั้งหมดหนึ่งหมื่นคน เหลือไว้แต่พวกคนที่ยากจนที่สุดของแผ่นดิน 15 เนบูคัดเนสซาร์จับตัวเยโฮยาคีนไปไว้ที่บาบิโลน รวมทั้งแม่ของเขา พวกเมียทั้งหลายของเขา ตลอดจน พวกเจ้าหน้าที่ของเขา และคนระดับผู้นำของแผ่นดิน เขาจับคนพวกนี้จากเยรูซาเล็มไปไว้ที่บาบิโลน 16 กษัตริย์บาบิโลนยังกวาดต้อนพวกนักรบที่แข็งแกร่ง ที่พร้อมสำหรับการศึก ทั้งหมดเจ็ดพันคน และพวกช่างแกะสลักและช่างฝีมือทั้งหลายรวมหนึ่งพันคนไปไว้ที่บาบิโลนด้วย 17 เนบูคัดเนสซาร์ได้ให้มัทธานิยาห์ที่เป็นน้าของเยโฮยาคีนขึ้นเป็นกษัตริย์แทน และเปลี่ยนชื่อเขาเป็นเศเดคียาห์

เศเดคียาห์ปกครองยูดาห์

(2 พศด. 36:11-17; ยรม. 52:1-3)

18 เศเดคียาห์มีอายุยี่สิบเอ็ดปี ตอนที่ขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองราชย์อยู่ในเยรูซาเล็มสิบเอ็ดปี แม่ของเขาชื่อว่าฮามุทาลเป็นลูกสาวของเยเรมียาห์ นางมาจากลิบนาห์ 19 เศเดคียาห์ได้ทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ เหมือนกับที่เยโฮยาคิมเคยทำมาก่อน 20 พระยาห์เวห์โกรธเยรูซาเล็มและยูดาห์มากจนถึงกับขับไล่พวกเขาออกไปให้พ้นหน้าของพระองค์

เยรูซาเล็มแตก

(2 พศด. 36:18-21; ยรม. 52:3-30)

ในเวลานั้น เศเดคียาห์ได้กบฏต่อกษัตริย์บาบิโลน

25 ต่อมาในวันที่สิบ เดือนสิบ ปีที่เก้าที่เศเดคียาห์เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์และกองทัพทั้งหมดของเขาได้ยกมาที่เยรูซาเล็มและล้อมเมืองเอาไว้ และได้สร้างเนินดินสำหรับบุกขึ้นโจมตีไว้รอบกำแพงเมือง

พวกเขาล้อมเมืองเยรูซาเล็มอยู่จนถึงปีที่สิบเอ็ดที่เศเดคียาห์เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ ในวันที่เก้า เดือนสี่ ความอดอยากในเมืองนั้นก็แสนสาหัส ถึงขั้นไม่มีอาหารให้กับประชาชนกินกัน ในที่สุดกองทัพของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็บุกทะลวงกำแพงเข้ามาได้ ในคืนนั้นกษัตริย์เศเดคียาห์และทหารทั้งหมดของเขาก็หนีออกไปทางประตูที่อยู่ระหว่างกำแพงสองชั้น ใกล้ๆสวนของกษัตริย์ ถึงแม้พวกบาบิโลนจะปิดล้อมเมืองอยู่ แต่กษัตริย์เศเดคียาห์พร้อมกับพวกทหารของเขาก็หนีไปตามทางที่มุ่งไปสู่ทะเลทรายอารบา

ทหารบาบิโลนไล่ตามกษัตริย์เศเดคียาห์ไป แล้วก็จับตัวเขาได้ในที่ราบของเมืองเยริโค แล้วทหารของเขาต่างพากันทิ้งเขาหนีกระเจิดกระเจิงไป

พวกทหารบาบิโลนจึงจับกุมตัวกษัตริย์ไว้ และนำตัวไปให้กับกษัตริย์บาบิโลนที่ริบลาห์ แล้วกษัตริย์บาบิโลนก็ตัดสินโทษเขา พวกทหารบาบิโลนได้ฆ่าพวกลูกชายของเศเดคียาห์ต่อหน้าเขา และควักดวงตาทั้งสองข้างของเศเดคียาห์ แล้วเอาโซ่ล่ามเขาไว้ พาไปที่บาบิโลน

ในวันที่เจ็ดเดือนที่ห้า[c] ซึ่งเป็นปีที่สิบเก้าที่เนบูคัดเนสซาร์เป็นกษัตริย์แห่งบาบิโลน เนบูซาระดานหัวหน้าทหารองครักษ์ ที่เป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของกษัตริย์ ได้มาที่เยรูซาเล็ม เขาได้เผาวิหารของพระยาห์เวห์ วังของกษัตริย์ และบ้านเรือนทั้งหมดในเยรูซาเล็ม เขาเผาบ้านที่ใหญ่โตทุกหลังลงหมด

10 แล้วกองทัพทั้งหมดของบาบิโลนที่มากับหัวหน้าองครักษ์ ก็ทลายกำแพงรอบเมืองเยรูซาเล็มลง 11 แล้วเนบูซาระดานก็กวาดต้อนคนที่ยังหลงเหลืออยู่ในเมือง และคนที่เคยทิ้งเมืองไปเข้ากับกษัตริย์บาบิโลน ไปบาบิโลนจนหมด 12 แต่เขาได้ทิ้งคนจนที่สุดไว้ในแผ่นดิน เพื่อดูแลไร่องุ่นและทุ่งนา

13 เสาทองสัมฤทธิ์ที่อยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์ รวมทั้งแท่นบูชาเคลื่อนที่ และขันทะเลทองสัมฤทธิ์ที่อยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์ พวกทหารบาบิโลนก็ทุบเป็นชิ้นๆ แล้วขนเอาทองสัมฤทธิ์กลับไปที่บาบิโลน 14 แล้วพวกบาบิโลนก็ขนเอา พวกหม้อ พลั่ว กรรไกรตัดไส้ตะเกียง ชามสำหรับเครื่องหอม และเครื่องใช้ทองสัมฤทธิ์ที่ใช้ในวิหารไปด้วย

15 รวมทั้งพวกกระถางใส่ขี้เถ้า และพวกชามใส่เลือดของเครื่องสัตวบูชา หัวหน้าองครักษ์เอาทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำจากทองและเงิน เพราะอยากได้ทองและเงินนั้น

16 ส่วนทองสัมฤทธิ์ที่ได้จาก เสาสองต้น ขันทะเล และพวกแท่นบูชาเคลื่อนที่ ที่กษัตริย์ซาโลมอนได้สร้างไว้สำหรับวิหารของพระยาห์เวห์นั้น หนักเกินกว่าที่จะชั่งได้

17 เสาต้นหนึ่งสูงสิบแปดศอก บนยอดเสายังมีหัวเสาทองสัมฤทธิ์สูงสามศอกวางอยู่ ประดับด้วยตาข่ายและพวกลูกทับทิมที่ทำจากทองสัมฤทธิ์ล้อมรอบ เสาอีกต้นหนึ่งกับตาข่ายของมันก็ทำแบบเดียวกัน

18 จากวิหาร เนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ ได้จับตัวเสไรอาห์ หัวหน้านักบวช และเศฟันยาห์รองหัวหน้านักบวช และผู้ดูแลประตูวิหารสามคน 19 จากในเมือง เขาได้จับแม่ทัพคนหนึ่งที่เคยดูแลทหาร พร้อมกับที่ปรึกษาห้าคนของกษัตริย์ที่เขาเจอในเมือง และเลขาที่เป็นแม่ทัพที่เป็นคนเกณฑ์ทหาร และผู้ชายอีกหกสิบคนที่พบในเมืองนั้น

20 แล้วเนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ ก็ได้ต้อนคนพวกนี้ทั้งหมดไปหากษัตริย์แห่งบาบิโลนที่ริบลาห์ 21 กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ฆ่าพวกเขาในริบลาห์ในเขตฮามัทนั้นเอง อย่างนี้ พวกยูดาห์ก็ถูกกวาดต้อนออกไปจากแผ่นดินของตน

เกดาลิยาห์เจ้าเมืองยูดาห์

(ยรม. 40:5-41:3)

22 แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็ได้แต่งตั้งเกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมที่เป็นลูกชายของชาฟาน ขึ้นเป็นเจ้าเมืองปกครองคนที่ยังเหลืออยู่ในแผ่นดินยูดาห์ ที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้เหลือทิ้งไว้

23 เมื่อพวกแม่ทัพนายกองคือ อิชมาเอลลูกชายเนธานิยาห์ โยฮานันลูกชายคาเรอาห์ เสไรอาห์ลูกชายทันหุเมทชาวเนโทฟาห์ และยาอาซันยาห์ลูกชายคนตระกูลมาอาคาห์ รวมทั้งคนของเขาได้ข่าวว่ากษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้แต่งตั้งให้เกดาลิยาห์เป็นเจ้าเมือง พวกเขาและคนของพวกเขาต่างก็พากันมาหาเกดาลิยาห์ที่เมืองมิสปาห์ 24 แล้วเกดาลิยาห์ก็ได้สาบานกับพวกเขาและคนของพวกเขาว่า “อย่ากลัวพวกเจ้าหน้าที่คนบาบิโลนเลย มาอาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้และรับใช้กษัตริย์แห่งบาบิโลนเถิด แล้วพวกท่านก็จะอยู่เย็นเป็นสุข”

25 แต่ต่อมาในเดือนที่เจ็ด อิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ที่เป็นลูกชายของเอลีชามา ที่มีเชื้อกษัตริย์ มาพร้อมกับคนของเขาสิบคน ได้เข้าโจมตีเกดาลิยาห์และฆ่าเขาและคนยูดาห์พร้อมกับคนบาบิโลนที่อยู่กับเกดาลิยาห์ที่เมืองมิสปาห์ 26 แล้วพวกแม่ทัพนายกองรวมทั้งคนทั้งหมด ตั้งแต่คนต่ำต้อยไปจนถึงคนสำคัญ ต่างก็พากันหนีไปอยู่ที่อียิปต์ เพราะกลัวคนบาบิโลน

เยโฮยาคีนได้รับเกียรติในบาบิโลน

(ยรม. 52:31-34)

27 ในวันที่ยี่สิบเจ็ด เดือนสิบสอง ซึ่งเป็นปีที่สามสิบเจ็ด[d] ที่กษัตริย์เยโฮยาคีนแห่งยูดาห์ถูกจับไปเป็นเชลยนั้น เอวิลเมโรดักขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งบาบิโลน เขาได้ปล่อยกษัตริย์เยโฮยาคีนออกจากคุก

28 กษัตริย์เอวิลเมโรดักพูดกับกษัตริย์เยโฮยาคีนอย่างสุภาพ และให้เขานั่งในที่สำคัญกว่ากษัตริย์องค์อื่นๆที่อยู่กับกษัตริย์เอวิลเมโรดักในบาบิโลน

29 กษัตริย์เยโฮยาคีนถอดชุดนักโทษของพระองค์ออก แล้วได้กินอาหารร่วมกับกษัตริย์เอวิลเมโรดักทุกวันตลอดชีวิตของเขา

30 กษัตริย์เอวิลเมโรดักก็ให้เงินและอาหารกับกษัตริย์เยโฮยาคีนใช้กินใช้จ่ายในทุกวัน ไปจนตลอดชีวิตของเขา

กิจการ 22:17-23:10

17 เมื่อผมกลับไปเมืองเยรูซาเล็มและกำลังอธิษฐานอยู่ในวิหาร ผมก็เคลิ้มไม่รู้สึกตัวไป 18 แล้วผมก็เห็นพระเยซูพูดกับผมว่า ‘รีบออกไปจากเมืองเยรูซาเล็มเร็ว เพราะคนที่นี่จะไม่เชื่อในเรื่องของเราที่เจ้าจะบอกพวกเขา’ 19 แล้วผมก็พูดว่า ‘องค์เจ้าชีวิต คนพวกนี้รู้ว่าข้าพเจ้าเคยเข้าไปในที่ประชุมชาวยิว แห่งแล้วแห่งเล่า เพื่อจับคนพวกนั้นที่เชื่อถือพระองค์ไปขังคุกและเฆี่ยนตี 20 เมื่อสเทเฟน คนที่เป็นพยานของพระองค์ถูกฆ่า ข้าพเจ้าก็ยืนอยู่ตรงนั้นและเห็นดีด้วยกับการทำอย่างนั้น ข้าพเจ้าเป็นคนเฝ้าเสื้อผ้าของคนพวกนั้นที่ฆ่าสเทเฟน’ 21 แล้วพระองค์ก็พูดกับผมว่า ‘ไปเถิด เราจะส่งเจ้าไปไกลๆไปหาคนที่ไม่ใช่ยิว’”

22 ฝูงชนฟังเปาโลพูดมาตลอด แต่พอได้ยินเปาโลพูดอย่างนี้ ก็พากันร้องตะโกนขึ้นมาว่า “กำจัดมันไปจากโลกนี้ มันสมควรตาย” 23 พวกเขาร้องตะโกนไป เหวี่ยงเสื้อผ้าทิ้งไป[a] และขว้างปาฝุ่นละอองขึ้นไปในอากาศ[b] 24 ผู้พันกองทัพทหารโรมันจึงสั่งให้นำเปาโลเข้าไปในค่ายทหาร เขาสั่งให้ไต่สวนเปาโลด้วยการเฆี่ยนตี เพื่อจะได้รู้ว่า ทำไมผู้คนถึงได้ร้องตะโกนต่อต้านเขาอย่างนั้น 25 แต่พอพวกทหารกำลังขึงเปาโลเพื่อจะเฆี่ยนตี เปาโลพูดกับนายร้อยที่ยืนอยู่ตรงนั้นว่า “ถูกกฎหมายแล้วหรือที่จะเฆี่ยนตีพลเมืองโรมันโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าทำผิดอะไร”

26 เมื่อนายร้อยได้ยินอย่างนั้น เขาจึงเดินไปพูดกับผู้พันกองทัพทหารโรมันว่า “ท่านครับ รู้หรือเปล่าว่าท่านกำลังจะทำอะไรลงไป ชายคนนี้เป็นพลเมืองโรมันนะครับ” 27 ผู้พันกองทัพทหารโรมันเดินเข้าไปถามเปาโลว่า “บอกหน่อยสิว่า แกเป็นพลเมืองโรมันหรือ” เปาโลตอบว่า “เป็นครับ” 28 ผู้พันจึงตอบว่า “เราต้องเสียเงินก้อนใหญ่ทีเดียวถึงจะได้เป็นพลเมืองโรมัน” เปาโลพูดว่า “แต่ผมเป็นตั้งแต่เกิดแล้ว”

29 คนพวกนั้นที่กำลังจะไต่สวนเปาโล ก็ผงะถอยไปทันที แม้แต่ผู้พันกองทัพทหารโรมันก็เกิดความกลัวขึ้นมา เมื่อรู้ว่าคนที่เขาสั่งให้ล่ามโซ่นั้นเป็นพลเมืองโรมัน

เปาโลพูดกับสภาแซนฮีดริน

30 วันต่อมาผู้พันกองทัพทหารโรมัน ก็ปล่อยตัวเปาโล แต่เพราะเขาอยากจะรู้ว่าทำไมเปาโลถึงถูกชาวยิวกล่าวหา เขาจึงสั่งให้พวกผู้นำนักบวชและสมาชิกสภาแซนฮีดรินทั้งหมดมาประชุมกัน และเขาพาเปาโลออกมายืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา

23 เปาโลจ้องมองไปที่พวกสมาชิกสภา แล้วพูดว่า “พี่น้องทั้งหลาย ผมได้ใช้ชีวิตต่อหน้าพระเจ้า โดยมีจิตใจที่บริสุทธิ์ทุกเรื่องมาตลอดจนถึงทุกวันนี้” อานาเนีย[c] ซึ่งเป็นหัวหน้านักบวชสูงสุด สั่งให้คนที่ยืนอยู่ใกล้กับเปาโลตบปากเปาโล แล้วเปาโลก็พูดกับอานาเนียว่า “พระเจ้าจะตบแกเหมือนกัน แกเป็นเหมือนกำแพงผุพังที่ทาสีขาว แกนั่งอยู่ตรงนั้นตัดสินผมตามกฎของโมเสส แต่แกกลับทำผิดกฎเสียเอง ด้วยการสั่งตบผมอย่างนั้นหรือ”

คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆเปาโลพูดว่า “แกกล้าดูถูกหัวหน้านักบวชสูงสุดของพระเจ้าเชียวรึ” เปาโลพูดว่า “พี่น้องครับ ผมไม่รู้ว่าชายคนนี้เป็นหัวหน้านักบวชสูงสุด ถ้ารู้ก็คงไม่พูดอย่างนี้ เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ‘เจ้าจะต้องไม่แช่งด่าผู้นำประชาชนของเจ้า’”[d] พอเปาโลรู้ว่าที่ประชุมสภานี้ มีทั้งพวกสะดูสี และพวกฟารีสี เขาก็ประกาศก้องในที่ประชุมสภาว่า “พี่น้องทั้งหลาย ผมเป็นฟารีสี และเป็นลูกหลานของฟารีสีด้วย ที่ผมถูกสอบสวนนี้ก็เพราะผมเชื่อว่าคนตายจะฟื้นขึ้นมาอีก”

เมื่อเปาโลพูดอย่างนี้ พวกฟารีสีกับพวกสะดูสีก็เริ่มเถียงกัน ที่ประชุมจึงแบ่งออกเป็นสองพวก (พวกสะดูสีไม่เชื่อเรื่องทูตสวรรค์ วิญญาณ หรือการฟื้นขึ้นมาจากความตาย ส่วนพวกฟารีสีนั้นเชื่อในสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด) เกิดความโกลาหลวุ่นวาย มีครูสอนกฎปฏิบัติบางคนที่เป็นฟารีสีได้ยืนขึ้นเถียงคอเป็นเอ็นว่า “พวกเราไม่เห็นว่าชายคนนี้ทำผิดอะไรเลย ไม่แน่อาจจะเป็นวิญญาณหรือทูตสวรรค์พูดกับเขาจริงๆก็ได้”

10 การโต้เถียงดุเดือดรุนแรงมากขึ้น จนผู้พันกองทัพทหารโรมันกลัวว่าเปาโลจะถูกพวกเขาฉีกออกเป็นชิ้นๆเขาจึงสั่งให้ทหารลงไปดึงตัวเปาโลให้ห่างออกมาจากคนพวกนั้น แล้วพากลับไปที่ค่ายทหาร

สดุดี 2

กษัตริย์ที่พระยาห์เวห์ทรงเลือก

ทำไมชนชาติอื่นๆถึงชุลมุนวุ่นวายเหลือเกิน
    ทำไมคนเหล่านั้นถึงวางแผนโง่ๆ
พวกกษัตริย์ในโลกต่างเตรียมพร้อมรบ
    พวกผู้นำของประเทศเหล่านั้น
    ร่วมกันต่อต้านพระยาห์เวห์และกษัตริย์ที่พระองค์ทรงเลือกไว้[a]
พวกเขาพูดว่า “ให้พวกเราหักโซ่ตรวนที่พระยาห์เวห์และกษัตริย์ของพระองค์ได้เอามามัดเราไว้
    และโยนมันทิ้งไป”

แต่องค์เจ้าชีวิตนั่งอยู่บนสวรรค์
    พระองค์หัวเราะเยาะใส่พวกเขา
แล้ว พระองค์ ก็ต่อว่าพวกเขาด้วยความเกรี้ยวกราด
    จนทำให้พวกนั้นตกใจขวัญกระเจิง
พระองค์พูดว่า
“เราได้แต่งตั้งกษัตริย์ที่เราได้เลือกมาไว้บนศิโยน ภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา”

กษัตริย์องค์นี้พูดว่า “ให้เราอธิบายให้เจ้าฟัง ถึงประกาศิตของพระยาห์เวห์
    พระองค์บอกกับเราว่า ‘เจ้าคือลูกชายของเรา ในวันนี้ เราได้เป็นพ่อของเจ้าแล้ว’
แค่ขอเรามา แล้วเราจะมอบชนชาติต่างๆให้กับเจ้าเป็นมรดก
    เราจะมอบโลกทั้งโลกให้เจ้าเป็นเจ้าของ
เจ้าจะทำลายชนชาติเหล่านั้นด้วยกระบองเหล็ก
    เจ้าจะฟาดพวกเขา ให้แตกกระจายเหมือนหม้อดิน”

10 ตอนนี้ พวกเจ้า กษัตริย์ทั้งหลาย ให้ฉลาดขึ้น
    พวกผู้นำทั้งหลาย ให้ฟังคำตักเตือนของเรา
11-12 ให้รับใช้พระยาห์เวห์ด้วยความเคารพยำเกรง
    ให้กราบลงต่อหน้าพระองค์ด้วยตัวสั่นเทิ้ม
ไม่อย่างนั้นพระองค์จะโกรธ แล้วเจ้าจะต้องพินาศทันที
    ให้ทำอย่างนี้ เพราะความโกรธของพระองค์ลุกเป็นไฟได้ในพริบตา

คนที่ลี้ภัยในพระองค์นั้น ก็เป็นคนที่มีเกียรติจริงๆ

สุภาษิต 18:13

13 คนที่รีบตอบทั้งๆที่ยังฟังไม่จบ
    เป็นคนโง่และต้องอับอายขายหน้า

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International