The Daily Audio Bible
Today's audio is from the CSB. Switch to the CSB to read along with the audio.
อับซาโลมตาย
18 ดาวิดรวบรวมกำลังพลที่อยู่กับเขาและแต่งตั้งนายพันและนายร้อยขึ้น 2 ดาวิดส่งกองทัพออกไปหนึ่งในสามภายใต้การนำของโยอาบ อีกหนึ่งในสามให้อยู่ภายใต้การนำของอาบีชัยน้องชายโยอาบลูกชายนางเศรุยาห์ และอีกหนึ่งในสามที่เหลือให้อยู่ภายใต้การนำของอิททัยชาวกัท
กษัตริย์ดาวิดบอกกองทัพเหล่านั้นว่า “เราจะออกไปรบกับพวกท่านด้วย”
3 แต่คนเหล่านั้นพูดว่า “ท่านต้องไม่ออกไป ถ้าพวกข้าพเจ้าจะต้องหลบหนี พวกเขาจะไม่สนใจพวกข้าพเจ้า ถึงพวกข้าพเจ้าครึ่งหนึ่งตายไป พวกเขาก็จะไม่สนใจ แต่ท่านมีค่ามากกว่าพวกข้าพเจ้าหมื่นคน[a] ท่านควรอยู่คอยให้การสนับสนุนอยู่ในเมืองจะดีกว่า”
4 กษัตริย์ตอบว่า “พวกท่านว่ายังไง เราก็จะทำตามนั้น”
ดังนั้น กษัตริย์จึงยืนอยู่ข้างประตูเมือง ขณะที่คนทั้งหมดเดินทัพออกไปเป็นหน่วยกองร้อยและกองพัน
5 กษัตริย์สั่งโยอาบ อาบีชัยและอิททัยว่า “ให้เบาๆมือกับอับซาโลมหนุ่มคนนั้นด้วยเพื่อเห็นแก่เรา”
และกองทัพทั้งหมดก็ได้ยินสิ่งที่กษัตริย์สั่งกับผู้บังคับบัญชาแต่ละคนเกี่ยวกับอับซาโลม
6 กองทัพเคลื่อนออกไปเพื่อสู้รบกับอิสราเอล และการสู้รบก็เริ่มขึ้นในป่าเอฟราอิม 7 ที่นั่น กองทัพอิสราเอลก็พ่ายแพ้ต่อกองทัพของดาวิด และมีผู้คนล้มตายในวันนั้นถึงสองหมื่นคน 8 การสู้รบกระจายไปถึงชานเมืองโดยรอบ และป่าได้กินคนไปมากกว่าดาบเสียอีก
9 ขณะนั้นอับซาโลมได้เจอคนของดาวิดเข้า เขากำลังขี่ล่ออยู่และเมื่อล่อวิ่งลอดใต้กิ่งไม้ที่หนาทึบของต้นโอ๊ค หัวของอับซาโลมก็ไปเกี่ยวเข้ากับกิ่งไม้นั้น เขาห้อยติดอยู่กลางอากาศ[b] ในขณะที่ล่อยังคงวิ่งต่อไป
10 เมื่อคนหนึ่งมาเห็น จึงไปบอกโยอาบว่า “ข้าพเจ้าเห็นอับซาโลมห้อยอยู่บนต้นโอ๊ค”
11 โยอาบพูดกับคนที่มาบอกเรื่องนี้กับเขาว่า “อะไรนะ เจ้าเห็นเขาหรือ ทำไมเจ้าถึงไม่ฆ่าเขาให้ตกลงมาบนพื้นเลยล่ะ เสียดายที่เจ้าไม่ได้ทำอย่างนั้น ไม่งั้นเราคงจะได้ให้เงินเจ้าสิบเชเขล[c] และเข็มขัดนักรบด้วย”
12 แต่ชายคนนั้นตอบว่า “ถึงแม้จะให้ข้าพเจ้าถึงหนึ่งพันเชเขล[d] ข้าพเจ้าก็จะไม่ยกมือขึ้นต่อสู้กับลูกชายของกษัตริย์ ข้าพเจ้าได้ยินกษัตริย์สั่งท่าน อาบีชัยและอิททัยว่า ‘ให้ปกป้องอับซาโลมชายหนุ่มคนนั้นด้วยเพื่อเห็นแก่เรา’[e] 13 ถ้าหากว่าข้าพเจ้าเสี่ยงชีวิตไปฆ่าเขา ข้าพเจ้าเชื่อว่าไม่มีอะไรปิดซ่อนไปจากกษัตริย์ได้หรอก ถึงตอนนั้นตัวท่านเองก็คงจะถอยห่างไปจากข้าพเจ้า”
14 โยอาบพูดว่า “เราไม่น่าเสียเวลากับเจ้าอย่างนี้เลย”
เขาจึงหยิบทวนไปสามเล่มและแทงไปที่หัวใจของอับซาโลมในขณะที่อับซาโลมยังมีชีวิตอยู่บนต้นโอ๊ค 15 และคนสิบคนที่ถืออาวุธให้โยอาบก็เข้าล้อมอับซาโลมและฆ่าเขาจนตาย
16 แล้วโยอาบได้เป่าแตรขึ้น และกองทัพต่างๆก็หยุดการติดตามอิสราเอลเพราะโยอาบหยุดพวกเขาไว้ 17 พวกเขาเอาตัวอับซาโลมโยนลงในหลุมขนาดใหญ่ในป่าและปิดทับไว้ด้วยก้อนหินกองสูงใหญ่ ในขณะนั้น ชาวอิสราเอลทั้งหมดได้หลบหนีกลับบ้านของพวกเขา
18 ในระหว่างที่อับซาโลมยังมีชีวิตอยู่ เขาได้ตั้งเสาหินขึ้นต้นหนึ่งในหุบเขาของกษัตริย์เพื่อเป็นอนุสาวรีย์ของเขาเองเพราะเขาคิดว่า “เราไม่มีลูกชายที่จะสืบทอดชื่อของเราต่อไป” เขาตั้งชื่อเสานั้นตามตัวเขาและมันถูกเรียกว่าอนุสาวรีย์ของอับซาโลมมาจนถึงทุกวันนี้
ดาวิดได้ข่าวว่าอับซาโลมตาย
19 ขณะนั้นอาหิมาอัสลูกชายศาโดกพูดว่า “ขอให้ผมวิ่งนำข่าวไปบอกกษัตริย์ว่าพระยาห์เวห์ได้ช่วยท่านให้พ้นจากมือของพวกศัตรูแล้ว”
20 โยอาบบอกเขาว่า “เจ้าอย่าได้ไปส่งข่าวในวันนี้เลยให้ไปส่งข่าววันอื่นเถิด อย่าให้เป็นวันนี้เลยเพราะลูกชายของกษัตริย์ได้ตายไปแล้ว”
21 โยอาบจึงบอกชาวคูชคนหนึ่งว่า “ให้ไปบอกกษัตริย์ในสิ่งที่เจ้าได้เห็น”
ชาวคูชคนนั้นคำนับลงต่อหน้าโยอาบและวิ่งออกไป
22 อาหิมาอัสลูกชายศาโดกพูดกับโยอาบอีกครั้งว่า “ไม่ว่ายังไงก็ช่าง ปล่อยให้ผมวิ่งตามหลังชาวคูชคนนั้นไปด้วยเถิด”
แต่โยอาบตอบว่า “ลูกเอ๋ย เจ้าจะวิ่งไปทำไมกัน ข่าวนี้จะไม่ทำให้เจ้าได้รับรางวัลหรอก”
23 คนนั้นพูดอีกว่า “ไม่ว่ายังไงก็ช่าง ผมก็จะขอวิ่งไป”
โยอาบจึงพูดกับเขาว่า “อยากวิ่ง ก็วิ่งไปสิ”
อาหิมาอัสจึงวิ่งไปทางที่ราบ[f] และแซงหน้าชาวคูชคนนั้นไป
24 ขณะที่ดาวิดกำลังนั่งอยู่ระหว่างประตูเมืองสองชั้นคือชั้นนอกกับชั้นใน คนเฝ้ายามขึ้นไปบนดาดฟ้ากำแพงที่อยู่เหนือประตู ขณะที่เขามองออกไป เขาเห็นชายคนหนึ่งกำลังวิ่งมา 25 คนเฝ้ายามก็ร้องบอกกษัตริย์
กษัตริย์พูดว่า “ถ้าเขามาคนเดียว เขาต้องมีข่าวดี”
และชายคนนั้นก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ 26 แล้วคนเฝ้ายามก็เห็นชายอีกคนกำลังวิ่งมา เขาร้องบอกคนเฝ้าประตูว่า “ดูสิ มีชายอีกคนกำลังวิ่งมา”
กษัตริย์พูดว่า “เขาต้องนำข่าวดีมาบอกอีกเหมือนกัน”
27 คนเฝ้ายามพูดว่า “ดูเหมือนว่าคนที่วิ่งมาคนแรกจะเหมือนอาหิมาอัสลูกชายศาโดก”
กษัตริย์พูดว่า “เขาเป็นคนดี เขาจะมาพร้อมกับข่าวดี”
28 แล้วอาหิมาอัสก็ร้องบอกกษัตริย์ว่า “ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี” เขาก้มกราบลงถึงพื้นต่อหน้ากษัตริย์และพูดว่า “สรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเถิด พระองค์ได้เอาชนะคนที่ยกมือขึ้นต่อต้านกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า”
29 กษัตริย์ถามว่า “อับซาโลมหนุ่มคนนั้นปลอดภัยหรือไม่”
อาหิมาอัสตอบว่า “ข้าพเจ้าเห็นความสับสนอลหม่านอย่างมาก ตอนที่โยอาบจะส่งคนรับใช้กษัตริย์และข้าพเจ้ามา แต่ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร”
30 กษัตริย์พูดกับเขาว่า “มายืนข้างๆและคอยอยู่ที่นี่” เขาจึงก้าวไปที่ด้านข้างและยืนอยู่ที่นั่น
31 แล้วชาวคูชผู้นั้นก็มาถึงและพูดว่า “กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า ขอฟังข่าวดี พระยาห์เวห์ได้ช่วยท่านแล้วในวันนี้จากคนที่ลุกฮือขึ้นต่อต้านท่าน”
32 กษัตริย์ถามชาวคูชคนนั้นว่า “อับซาโลมชายหนุ่มผู้นั้นปลอดภัยหรือไม่”
ชาวคูชตอบว่า “ขอให้ศัตรูของกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าและทุกคนที่ลุกฮือขึ้นจะทำอันตรายท่าน ต้องเป็นเหมือนชายคนนั้น”
33 กษัตริย์ตัวสั่นเทิ้มไปหมด เขาขึ้นไปบนห้องที่อยู่เหนือประตูและร้องไห้ ขณะที่กษัตริย์เดินไป เขาพูดว่า “อับซาโลม ลูกพ่อ อับซาโลมลูกพ่อ พ่ออยากตายแทนลูกเหลือเกิน อับซาโลม ลูกพ่อ ลูกของพ่อ”
โยอาบต่อว่าดาวิด
19 มีคนบอกโยอาบว่า “กษัตริย์กำลังร้องไห้และคร่ำครวญถึงอับซาโลม”
2 ดังนั้น ในวันนั้นแทนที่กองทัพจะเฉลิมฉลองชัยชนะ กลับกลายเป็นวันเศร้าโศก เพราะในวันนั้นทั้งกองทัพได้ยินว่า “กษัตริย์เสียใจเรื่องลูกชายของเขา”
3 คนเหล่านั้นเดินเข้าเมืองอย่างเงียบๆเหมือนคนที่แอบเข้าเมืองด้วยความละอายเมื่อหลบหนีจากสนามรบ 4 กษัตริย์ปิดหน้าของเขาและร้องไห้ออกมาดังๆว่า “อับซาโลม ลูกพ่อ อับซาโลม ลูกพ่อ ลูกของพ่อ”
5 โยอาบจึงเข้าไปในวังของกษัตริย์และพูดว่า “วันนี้ ท่านได้ทำให้คนของท่านทั้งหมดอับอาย พวกเขาคือคนที่ได้ช่วยชีวิตท่าน และลูกชายกับลูกสาวอีกหลายๆคนของท่านไว้ รวมทั้งชีวิตของพวกเมียท่านและเมียน้อย[g] ทั้งหลายของท่านด้วย 6 ท่านรักคนเหล่านั้นที่เกลียดท่านและเกลียดคนที่รักท่าน ในวันนี้ท่านทำให้เห็นชัดเจนว่า ผู้นำทัพทั้งหลายของท่านและคนของเขาไม่มีความหมายกับท่านเลย ข้าพเจ้ารู้แล้วว่า ท่านคงจะพอใจถ้าอับซาโลมยังมีชีวิตอยู่ในวันนี้และพวกข้าพเจ้าตายหมด 7 ตอนนี้ ขอท่านออกไปและไปให้กำลังใจกับคนของท่าน ข้าพเจ้าสาบานต่อพระยาห์เวห์ว่า ถ้าท่านไม่ออกไป จะไม่มีใครเหลืออยู่กับท่านอีกภายในคืนนี้ และมันจะเลวร้ายยิ่งกว่าความหายนะใดๆก็ตามที่ท่านเคยพบมาตั้งแต่เด็กจนถึงขณะนี้”
8 ดังนั้นกษัตริย์จึงลุกขึ้นและไปนั่งที่ประตูเมือง เมื่อคนเหล่านั้นได้ยินว่า “กษัตริย์นั่งอยู่บนประตูเมือง[h]แล้ว” พวกเขาก็ออกมาอยู่ต่อหน้าเขา
ดาวิดกลับเข้าเมืองเยรูซาเล็มอีกครั้ง
9 ขณะนั้นชาวอิสราเอลต่างหลบหนีกลับบ้านของพวกเขา ประชาชนอิสราเอลทั่วทุกเผ่าต่างถกเถียงกันว่า “กษัตริย์ได้ช่วยเหลือพวกเราให้พ้นจากมือของพวกศัตรู เขาคือผู้ที่ช่วยพวกเราให้พ้นจากมือของชาวฟีลิสเตีย แต่ตอนนี้เขาได้หลบหนีจากประเทศไปเพราะอับซาโลม 10 และอับซาโลมที่พวกเราได้แต่งตั้งให้ปกครองพวกเราได้ตายแล้วในสนามรบ แล้วทำไมพวกเราไม่พูดถึงการเชิญกษัตริย์กลับมาเล่า”
ศพหายไปจากอุโมงค์ฝังศพ
(มธ. 28:1-10; มก. 16:1-8; ลก. 24:1-12)
20 ตอนเช้ามืดของวันอาทิตย์[a] มารีย์ ชาวมักดาลาได้ไปที่อุโมงค์ฝังศพและพบว่าหินใหญ่ที่ปิดทางเข้าอุโมงค์นั้นได้ถูกเคลื่อนออกไป 2 เธอจึงรีบวิ่งไปหาซีโมน เปโตร กับศิษย์อีกคนหนึ่งที่พระเยซูรัก และบอกพวกเขาว่า “พวกเขาเอาศพขององค์เจ้าชีวิตไปจากอุโมงค์แล้ว ไม่รู้ว่าเขาเอาศพไปไว้ที่ไหนด้วย”
3 เปโตรและศิษย์คนนั้นจึงไปที่อุโมงค์ฝังศพ 4 ทั้งสองคนวิ่งไป แต่ศิษย์คนนั้นวิ่งเร็วกว่าเปโตรจึงไปถึงก่อน 5 แต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน ได้แต่ก้มดูเข้าไปและเห็นผ้าลินินวางอยู่ 6 เมื่อซีโมน เปโตรมาถึง เขาก็เข้าไปในอุโมงค์ฝังศพ และเห็นผ้าลินินวางอยู่ 7 ส่วนผ้าพันศีรษะของพระเยซูไม่ได้วางอยู่กับผ้าลินิน แต่พับวางไว้ต่างหาก 8 ศิษย์ที่มาถึงก่อนตามเปโตรเข้าไปข้างในด้วย เขาเห็นและเชื่อ 9 (พวกเขายังไม่เข้าใจพระคัมภีร์ที่ว่า พระองค์ต้องฟื้นขึ้นมาจากความตาย)
พระเยซูปรากฏต่อมารีย์ชาวมักดาลา
(มก. 16:9-11)
10 หลังจากนั้นทั้งสองก็กลับไปบ้าน 11 ส่วนมารีย์ยังคงยืนร้องไห้อยู่นอกอุโมงค์ฝังศพนั้น ขณะที่เธอกำลังร้องไห้อยู่นั้น ก็ได้ก้มลงมองข้างในอุโมงค์ฝังศพ 12 เธอเห็นทูตสวรรค์สององค์ใส่ชุดสีขาวนั่งอยู่ตรงที่เคยวางศพพระเยซู องค์หนึ่งอยู่ทางหัว อีกองค์อยู่ทางเท้า
13 ทูตสวรรค์ถามเธอว่า “หญิงเอ๋ย ร้องไห้ทำไม” เธอบอกว่า “พวกเขาเอาองค์เจ้าชีวิตของฉันไป และฉันก็ไม่รู้ว่าพวกเขาเอาพระองค์ไปไว้ที่ไหน” 14 เมื่อเธอพูดอย่างนั้นแล้ว ก็หันกลับไปและเห็นพระเยซูยืนอยู่ที่นั่น แต่เธอไม่รู้ว่าเป็นพระเยซู
15 พระองค์ถามเธอว่า “หญิงเอ๋ยร้องไห้ทำไม กำลังตามหาใครอยู่หรือ”
มารีย์คิดว่าพระเยซูเป็นคนสวนจึงพูดว่า “คุณคะ ถ้าคุณเอาเขาไป ช่วยบอกหน่อยว่าคุณเอาเขาไปไว้ที่ไหน ฉันจะได้ไปรับ”
16 พระเยซูจึงพูดขึ้นว่า “มารีย์”
เธอหันมาและเรียกพระองค์เป็นภาษาอารเมคว่า “รับโบนี” (ซึ่งแปลว่า “อาจารย์”)
17 พระองค์พูดกับเธอว่า “อย่าหน่วงเหนี่ยวเราไว้ เพราะเรายังไม่ได้กลับไปหาพระบิดา ให้กลับไปหาพี่น้องของเราและบอกพวกเขาว่า เรากำลังจะกลับไปหาพระบิดาของเรา และพระบิดาของพวกคุณด้วย คือไปหาพระเจ้าของเราและพระเจ้าของคุณด้วย”
18 มารีย์ชาวมักดาลาจึงไปบอกพวกศิษย์ของพระเยซูว่า “ฉันเห็นองค์เจ้าชีวิตแล้ว” แล้วเธอก็ได้เล่าว่าพระองค์พูดอะไรกับเธอบ้าง
พระเยซูได้มาปรากฏให้พวกศิษย์เห็น
(มธ. 28:16-20; มก. 16:14-18; ลก. 24:36-49)
19 ในเย็นวันอาทิตย์นั้นพวกศิษย์มาอยู่รวมกันและปิดประตูลงกลอน เพราะกลัวพวกยิว พระเยซูก็มายืนอยู่ท่ามกลางพวกเขาและพูดว่า “ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข” 20 เมื่อพระองค์พูดอย่างนี้แล้ว พระองค์ก็ยื่นมือและสีข้างให้พวกเขาดู พวกศิษย์พากันดีใจที่ได้เห็นองค์เจ้าชีวิต
21 แล้วพระเยซูพูดอีกว่า “ขอให้มีสันติสุข ตอนนี้เราก็จะส่งพวกคุณไปเหมือนกับที่พระบิดาได้ส่งเรามา” 22 เมื่อพระองค์พูดอย่างนั้นแล้ว ก็ระบายลมหายใจรดพวกเขาและพูดว่า “รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ไป 23 ถ้าคุณยกโทษให้กับความบาปของใคร คนนั้นก็จะได้รับการยกโทษ แต่ถ้าคุณไม่ยอมยกโทษให้ใคร คนนั้นก็จะไม่ได้รับการยกโทษด้วย”
พระเยซูปรากฏให้โธมัสเห็น
24 โธมัส ที่คนเรียกกันว่าแฝด ศิษย์คนหนึ่งในสิบสองคนไม่ได้อยู่กับพวกเขาในตอนที่พระเยซูมาหา 25 เมื่อศิษย์คนอื่นๆมาบอกเขาว่า “พวกเราได้เห็นองค์เจ้าชีวิตแล้ว” เขากลับตอบว่า “ผมไม่เชื่อหรอก จนกว่าผมจะเห็นรอยตะปูที่มือของอาจารย์ และได้เอานิ้วแยงเข้าไปในรอยตะปูและแผลที่สีข้างของอาจารย์ด้วย”
26 วันอาทิตย์ต่อมาขณะที่พวกศิษย์ของพระองค์อยู่ในบ้าน และโธมัสก็อยู่ด้วย พระเยซูเข้ามาในห้องถึงแม้ว่าประตูจะลงกลอน พระองค์มายืนอยู่ท่ามกลางพวกเขาและพูดว่า “ขอให้มีสันติสุข” 27 พระองค์พูดกับโธมัสว่า “โธมัส เอานิ้วมาวางที่นี่และดูมือของเรา เอามือมาแยงที่สีข้างของเรา เลิกสงสัยซะ แล้วเชื่อเถิด”
28 โธมัสร้องว่า “องค์เจ้าชีวิตของข้า พระเจ้าของข้า”
29 พระเยซูพูดว่า “ที่คุณเชื่อ เพราะคุณได้เห็นเรา ส่วนคนที่ไม่ได้เห็นเราแต่เชื่อนั้น ก็มีเกียรติจริงๆ”
ทำไมยอห์นถึงเขียนหนังสือเล่มนี้
30 ยังมีสิ่งอัศจรรย์อีกมากมายที่พระเยซูทำต่อหน้าพวกศิษย์ แต่ไม่ได้เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ 31 เท่าที่ได้เขียนสิ่งเหล่านี้ลงไปก็เพื่อคุณจะได้เชื่อว่า พระเยซูคือพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า และเมื่อคุณไว้วางใจแล้ว คุณก็จะมีชีวิตเพราะพระองค์
เรช
153 โปรดมองดูความทุกข์ของข้าพเจ้าและช่วยชีวิตข้าพเจ้าด้วยเถิด
เพราะข้าพเจ้าไม่ได้ลืมคำสั่งสอนของพระองค์
154 โปรดสู้คดีให้กับข้าพเจ้าและไถ่ชีวิตข้าพเจ้าด้วยเถิด
โปรดช่วยให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้
155 ความรอดอยู่ห่างไกลจากคนชั่วช้า
เพราะพวกเขาไม่อยากเชื่อฟังกฎระเบียบของพระองค์
156 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ความเมตตากรุณาของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่
ขอโปรดช่วยชีวิตของข้าพเจ้าด้วยเถิด เพราะพระองค์นั้นยุติธรรม
157 ข้าพเจ้ามีศัตรูมากมายที่ไล่ล่าข้าพเจ้าอยู่
แต่ข้าพเจ้าไม่ได้หันเหไปจากกฎทั้งหลายของพระองค์
158 เมื่อข้าพเจ้ามองดูคนทรยศเหล่านั้นข้าพเจ้ารู้สึกสะอิดสะเอียน
เพราะพวกเขาไม่เชื่อฟังคำพูดของพระองค์
159 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ดูเอาเถิดว่าข้าพเจ้ารักคำสั่งทั้งหลายของพระองค์ขนาดไหน
ดังนั้น ช่วยชีวิตข้าพเจ้าด้วยเถิด เพราะพระองค์มีความรักมั่นคง
160 คำบัญชาทั้งหมดของพระองค์นั้นเชื่อถือได้
กฎเกณฑ์อันยุติธรรมทุกข้อของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป
ฉิน
161 เหล่าผู้นำที่มีอำนาจโจมตีข้าพเจ้าทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดต่อพวกเขา
แต่ข้าพเจ้ากลัวอย่างเดียวคือกลัวทำผิดต่อคำบัญชาของพระองค์
162 ข้าพเจ้ามีความสุขกับคำสัญญาของพระองค์
เหมือนทหารที่พบกับสิ่งที่จะยึดได้จำนวนมากมาย
163 ข้าพเจ้าเกลียดชังและขยะแขยงการหลอกลวง
แต่ข้าพเจ้ารักคำสั่งสอนของพระองค์
164 ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์วันละเจ็ดครั้ง
สำหรับพวกกฎเกณฑ์อันยุติธรรมของพระองค์
165 คนเหล่านั้นที่รักคำสั่งสอนของพระองค์จะมีชีวิตที่เป็นสุขปลอดภัย
และไม่มีสิ่งใดจะทำให้เขาสะดุดล้มได้
166 ข้าแต่พระยาห์เวห์ข้าพเจ้าเฝ้ารอคอยความรอดจากพระองค์
ข้าพเจ้าทำตามบัญญัติทั้งหลายของพระองค์
167 ข้าพเจ้ารักษากฎต่างๆของพระองค์
เพราะข้าพเจ้ารักมันมาก
168 ข้าพเจ้ารักษาคำสั่งทั้งหลายและกฎทั้งหลายของพระองค์
เพราะพระองค์เห็นการกระทำทั้งสิ้นของข้าพเจ้า
ทาฟ
169 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอพระองค์โปรดฟังเสียงร้องให้ช่วยของข้าพเจ้า
โปรดให้ความเข้าใจกับข้าพเจ้าตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้
170 ขอให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้ามาอยู่ต่อหน้าพระองค์
ช่วยกู้ข้าพเจ้าตามที่พระองค์สัญญาด้วยเถิด
171 ขอให้ริมฝีปากของข้าพเจ้าเทคำสรรเสริญออกมา
เพราะพระองค์สอนกฎระเบียบทั้งหลายของพระองค์ให้กับข้าพเจ้า
172 ขอให้ลิ้นข้าพเจ้าร้องเพลงถึงคำพูดของพระองค์
เพราะบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์นั้นเที่ยงตรง
173 ขอให้มือของพระองค์ช่วยเหลือข้าพเจ้า
เพราะข้าพเจ้าเลือกที่จะเชื่อฟังคำสั่งต่างๆของพระองค์
174 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าอยากให้พระองค์ช่วยกู้ข้าพเจ้าเหลือเกิน
เพราะข้าพเจ้ามีความสุขในคำสั่งสอนของพระองค์
175 ขอให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อจะได้สรรเสริญพระองค์
ขอให้กฎเกณฑ์ต่างๆของพระองค์ช่วยข้าพเจ้า
176 ข้าพเจ้าเสี่ยงอันตรายมากเหมือนแกะที่หลงทาง โปรดตามหาข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเถิด
เพราะข้าพเจ้าไม่ได้ลืมบัญญัติต่างๆของพระองค์
14 กษัตริย์ที่โกรธเกรี้ยวอาจจะส่งคนออกไปฆ่าคุณได้
แต่คนฉลาดระงับความโกรธของพระองค์ได้
15 ใบหน้าที่เปล่งปลั่งของกษัตริย์ให้ชีวิต
และความโปรดปรานของพระองค์ ก็เปรียบเหมือนเมฆฝนในฤดูใบไม้ผลิ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International