The Daily Audio Bible
Today's audio is from the CEV. Switch to the CEV to read along with the audio.
ซาโลมอนกับเมียทั้งหลายของเขา
11 กษัตริย์ซาโลมอนได้ไปหลงรักกับหญิงชาวต่างชาติอีกหลายคนนอกเหนือไปจากลูกสาวของกษัตริย์ฟาโรห์ เช่น หญิงชาวโมอับ ชาวอัมโมน ชาวเอโดม ชาวไซดอนและชาวฮิตไทต์ 2 ผู้หญิงเหล่านี้มาจากชาติต่างๆที่พระยาห์เวห์เคยบอกกับชาวอิสราเอลไว้ก่อนหน้านี้ว่า “พวกเจ้าต้องไม่แต่งงานกับคนเหล่านี้ เพราะพวกเขาจะเปลี่ยนใจของพวกเจ้าให้หันไปติดตามพระของพวกเขา” แต่อย่างไรก็ตาม ซาโลมอนได้ไปหลงรักพวกนาง 3 ซาโลมอนมีเมียเจ็ดร้อยคน ที่เกิดมาจากครอบครัวของกษัตริย์ต่างชาติ และมีเมียน้อยสามร้อยคน และเมียทั้งหลายของเขาก็ได้ชักชวนเขาให้หลงผิดไป 4 เมื่อซาโลมอนแก่ตัวลง พวกเมียของเขาเหล่านั้นได้เปลี่ยนใจของซาโลมอนให้หันไปหาพระอื่น และใจของเขาก็ไม่ได้สัตย์ซื่อต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา เหมือนอย่างที่ใจของดาวิดพ่อของเขาสัตย์ซื่อ 5 เขาได้ไปติดตามพระอัชโทเรท[a] ซึ่งเป็นพระผู้หญิงของชาวไซดอน และพระมิลโคมพระที่น่ารังเกียจของพวกชาวอัมโมน 6 อย่างนี้ ซาโลมอนได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์ เขาไม่ได้ติดตามพระยาห์เวห์อย่างเต็มที่ เหมือนกับที่ดาวิดพ่อของเขาเคยติดตาม
7 บนเนินเขาที่อยู่ฝั่งตะวันออกของเมืองเยรูซาเล็ม ซาโลมอนได้สร้างสถานที่นมัสการให้กับพระเคโมชพระที่น่ารังเกียจของชาวโมอับและให้กับพระโมเลค พระที่น่ารังเกียจของชาวอัมโมน 8 เขาได้สร้างสถานที่นมัสการให้กับพระของเมียชาวต่างชาติทั้งหลายของเขา พวกนางก็ได้เผาเครื่องหอม และถวายเครื่องสัตวบูชาให้กับพระของพวกนางที่นั่น
9 พระยาห์เวห์โกรธซาโลมอน เพราะใจเขาได้หันเหไปจากพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลผู้ที่เคยปรากฏตัวแก่เขาถึงสองครั้ง 10 ถึงแม้ว่าพระองค์ได้เคยห้ามซาโลมอนไม่ให้ติดตามพระอื่นมาแล้ว แต่ซาโลมอนก็ไม่รักษาคำสั่งของพระยาห์เวห์ 11 พระยาห์เวห์จึงพูดกับซาโลมอนว่า “เพราะเจ้ามีความคิดอย่างนี้ และเป็นเพราะเจ้าไม่รักษาข้อตกลงและคำสั่งสอนของเรา ซึ่งเราได้สั่งเจ้าเอาไว้ เราจะฉีกอาณาจักรเสียจากเจ้าแน่ และยกมันให้กับลูกน้องของเจ้า 12 อย่างไรก็ตาม เพื่อเห็นแก่ดาวิดพ่อของเจ้า เราจะไม่ทำอย่างนี้ในช่วงที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ เราจะฉีกมันออกจากมือของลูกชายเจ้า 13 แต่เราจะไม่ฉีกมันออกจนหมดทั้งอาณาจักร เราจะเหลือให้เขาเผ่าหนึ่งเพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเราและเพื่อเห็นแก่เมืองเยรูซาเล็มที่เราได้เลือกไว้”
พวกศัตรูของซาโลมอน
14 แล้วพระยาห์เวห์ได้ยกฮาดัดขึ้นมาเป็นศัตรูกับซาโลมอน ฮาดัดเป็นชาวเอโดมที่สืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์แห่งเอโดม 15 ในอดีตนั้น ดาวิดเคยต่อสู้กับเมืองเอโดม แม่ทัพโยอาบซึ่งเป็นแม่ทัพของเขา ได้ขึ้นไปที่นั่นเพื่อฝังศพทหารที่ถูกฆ่า แล้วเขาก็ได้ฆ่าผู้ชายทั้งหมดในเมืองเอโดม 16 โยอาบและชาวอิสราเอลทั้งหมดได้อยู่ที่เอโดมเป็นเวลาหกเดือน จนกว่าจะได้ฆ่าพวกผู้ชายทั้งหมดในเอโดม 17 ในขณะนั้นฮาดัดยังเป็นเด็กอยู่ เขาได้หลบหนีไปประเทศอียิปต์พร้อมกับพวกข้าราชการชาวเอโดมส่วนหนึ่ง ซึ่งเคยรับใช้พ่อของเขามาก่อน 18 พวกเขาได้ออกเดินทางจากมีเดียนไปสู่ปารานแล้วได้พาคนจากปารานไปกับพวกเขาด้วย พวกเขาเดินทางไปอียิปต์ไปหากษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ กษัตริย์ฟาโรห์ได้ให้บ้านและที่ดินส่วนหนึ่งรวมทั้งเสบียงอาหารกับฮาดัด
19 กษัตริย์ฟาโรห์ชอบฮาดัดมากและได้ยกน้องสาวของราชินีทาเปเนสเมียเขาให้แต่งงานกับฮาดัด 20 น้องสาวของทาเปเนสได้คลอดลูกชายคนหนึ่งให้ฮาดัด ชื่อว่าเกนูบัท ราชินีทาเปเนสได้นำตัวเด็กคนนี้เข้าไปเลี้ยงในวังของกษัตริย์ เกนูบัทจึงได้อาศัยอยู่ที่นั่นกับลูกๆของกษัตริย์ฟาโรห์
21 ในขณะที่ฮาดัดอยู่ในอียิปต์ เขาได้ยินว่าดาวิดได้ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาแล้ว และแม่ทัพโยอาบก็ตายไปแล้วด้วยเหมือนกัน ฮาดัดจึงพูดกับกษัตริย์ฟาโรห์ว่า “ให้ข้าพเจ้าไปเถิด ข้าพเจ้าจะได้กลับไปประเทศของข้าพเจ้า”
22 กษัตริย์ฟาโรห์จึงถามเขาว่า “อยู่กับเราที่นี่ แล้วเจ้ายังขาดอะไรอีกหรือ ถึงได้ขอที่จะกลับไปประเทศของเจ้า”
ฮาดัดตอบว่า “ไม่ขาดอะไรเลยครับท่าน แต่ได้โปรดให้ข้าพเจ้าไปเถิด”
23 พระเจ้ายังได้ยกเรโซนลูกชายของเอลียาดาขึ้นมาเป็นศัตรูกับซาโลมอนอีกคนหนึ่ง เรโซนคนนี้เคยหลบหนีไปจากกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์แห่งโศบาห์ ซึ่งเป็นเจ้านายของเขา 24 หลังจากที่ดาวิดได้ทำลายกองทัพของโศบาห์ เรโซนได้รวบรวมคนจากรอบๆตัวเขาขึ้นมาตั้งตัวขึ้นเป็นผู้นำกองโจร กองโจรกลุ่มนี้ได้ไปที่เมืองดามัสกัส และได้ตั้งหลักแหล่งและเข้าครอบครองเมืองนั้น 25 เรโซนได้กลายเป็นกษัตริย์ของอารัม เขาได้กลายเป็นศัตรูของอิสราเอลนานตลอดชั่วอายุของซาโลมอน และได้ร่วมสร้างปัญหาพร้อมกับฮาดัดด้วย
26 เยโรโบอัมลูกชายของเนบัท ได้กบฏต่อซาโลมอนด้วย เขาเป็นข้าราชการคนหนึ่งของซาโลมอน เขาเป็นคนเอฟราอิมที่มาจากเมืองเศเรดาห์ แม่ของเขาเป็นแม่หม้ายชื่อว่าเศรุวาห์
27 นี่คือสาเหตุที่เขากบฏต่อกษัตริย์ ซาโลมอนกำลังสร้างเฉลียง[b] และซ่อมช่องโหว่ของกำแพงเมืองของดาวิด พ่อของเขา 28 ในเวลานั้น เยโรโบอัมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ที่นั่นด้วย ซาโลมอนก็เห็นว่าชายหนุ่มคนนี้ทำงานได้ดี จึงได้แต่งตั้งให้เขาทำหน้าที่ควบคุมคนงานที่มาจากครอบครัวโยเซฟ[c] 29 ในช่วงนั้น เยโรโบอัมได้เดินทางไปจากเมืองเยรูซาเล็ม และอาหิยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าจากชิโลห์ได้พบเขาบนถนนนั้น ตอนนั้น อาหิยาห์สวมเสื้อคลุมตัวใหม่อยู่ ทั้งสองคนเดินทางออกไปแถบชานเมืองตามลำพังสองคน 30 และอาหิยาห์ได้ถอดเสื้อคลุมตัวใหม่ที่เขาสวมอยู่ออกและฉีกมันออกเป็นสิบสองชิ้น
31 แล้วอาหิยาห์ได้พูดกับเยโรโบอัมว่า “ท่านเอาไปสิบชิ้น เพราะนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลพูด ‘ดูไว้ เรากำลังจะฉีกอาณาจักรนี้ออกมาจากมือของซาโลมอนและจะให้เจ้าสิบเผ่า 32 แต่เพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้เราและเมืองเยรูซาเล็มซึ่งเราได้เลือกออกมาจากเผ่าทั้งหลายของอิสราเอล เราจะให้หนึ่งเผ่ากับครอบครัวของดาวิด 33 เราจะทำสิ่งนี้เพราะซาโลมอนละทิ้งเรา[d]และไปบูชาพระอัชโทเรทพระผู้หญิงของชาวไซดอน พระเคโมชของชาวโมอับและพระมิลโคมของชาวอัมโมน และไม่ยอมใช้ชีวิตตามวิถีทางทั้งหลายของเรา และยังไม่ยอมทำในสิ่งที่เราเห็นว่าถูกต้อง ไม่ยอมรักษากฎและข้อบังคับต่างๆของเรา เหมือนกับที่ดาวิดพ่อของเขาเคยรักษา 34 แต่เราจะไม่เอาอาณาจักรทั้งหมดไปจากซาโลมอนหรอก เราได้ให้เขาเป็นผู้ปกครองตลอดชั่วชีวิตของเขา เพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้เราซึ่งเราได้เลือกขึ้นมาและเป็นผู้ที่ได้รักษาคำสั่งต่างๆและกฎทุกข้อของเรา 35 เราจะเอาอาณาจักรนี้ไปจากลูกชายของซาโลมอน และให้มันไว้กับเจ้าสิบเผ่า 36 เราจะให้เผ่าหนึ่งกับลูกชายของเขา เพื่อดาวิดผู้รับใช้เราจะได้มีตะเกียงหนึ่งดวงอยู่ต่อหน้าเราในเยรูซาเล็มตลอดไป เพราะเมืองเยรูซาเล็มเป็นเมืองที่เราได้เลือกไว้เพื่อเป็นเกียรติกับชื่อของเรา 37 ส่วนเจ้าเยโรโบอัม เราจะรับเจ้าไว้และเจ้าจะได้ปกครองทุกแห่งที่เจ้าต้องการ เจ้าจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล 38 ถ้าเจ้าทำในสิ่งที่เราสั่งเจ้า และใช้ชีวิตตามวิถีทางทั้งหลายของเรา และทำในสิ่งที่เราเห็นว่าถูกต้อง ด้วยการรักษากฎและคำสั่งต่างๆของเรา เหมือนกับที่ดาวิดผู้รับใช้เราได้ทำมา เราจะอยู่กับเจ้า เราจะสร้างเจ้าให้เป็นราชวงศ์ที่ยั่งยืน อย่างกับที่เราเคยสร้างให้กับดาวิด และเราจะยกอิสราเอลให้กับเจ้า 39 เราจะลงโทษลูกหลานของดาวิด เพราะสิ่งที่เขาทำลงไปนี้ แต่จะไม่ลงโทษเขาตลอดไป’”
40 เพราะอย่างนี้ ซาโลมอนจึงพยายามฆ่าเยโรโบอัม แต่เยโรโบอัมได้หลบหนีไปอียิปต์ในทันที ไปหากษัตริย์ชิชักแห่งอียิปต์ และอยู่ที่นั่นจนกระทั่งซาโลมอนตาย
ซาโลมอนตาย
(2 พศด. 9:29-31)
41 เหตุการณ์อื่นในยุคของซาโลมอน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้ทำ รวมทั้งความเฉลียวฉลาดที่เขาได้แสดงออกมา ได้เขียนไว้ในหนังสือประวัติของซาโลมอน 42 ซาโลมอนได้ครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม และปกครองอิสราเอลทั้งหมดเป็นเวลาสี่สิบปี 43 แล้วเขาก็ได้ล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาและถูกฝัง[e] อยู่ในเมืองของดาวิดผู้เป็นพ่อของเขา และเรโหโบอัมลูกชายของเขาก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา
สงครามกลางเมือง
(2 พศด. 10:1-19)
12 เรโหโบอัมได้ไปที่เชเคมเพราะชาวอิสราเอลทั้งหมดได้ไปที่นั่นเพื่อที่จะแต่งตั้งเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ 2 เมื่อเยโรโบอัมลูกชายของเนบัทได้ยินเรื่องนี้เข้า (ตอนนั้นเขายังอยู่ในประเทศอียิปต์ซึ่งเป็นที่ที่เขาได้หลบหนีไปจากกษัตริย์ซาโลมอน) เขาจึงออกมาจากอียิปต์ กลับมาบ้านของเขา
3 คนอิสราเอลจึงพูดกับเรโหโบอัมว่า[f] 4 “พ่อของท่านได้บังคับให้พวกเราทำงานหนักเหลือเกิน ตอนนี้ ขอให้ท่านช่วยทำให้งานหนักและแอกอันหนักอึ้งที่เขาเคยวางไว้บนตัวพวกเรานี้ให้เบาลงด้วย แล้วพวกเราก็จะรับใช้ท่าน”
5 เรโหโบอัมตอบว่า “กลับไปก่อน แล้วอีกสามวันค่อยกลับมาพบเราใหม่” ประชาชนจึงกลับออกไป
6 แล้วกษัตริย์เรโหโบอัมก็ได้ปรึกษากับพวกผู้อาวุโสที่เคยรับใช้ซาโลมอนพ่อของเขาในช่วงที่ซาโลมอนยังมีชีวิตอยู่ เขาถามว่า “พวกท่านจะแนะนำให้เราตอบประชาชนพวกนั้นยังไงดี”
7 พวกเขาตอบว่า “ถ้าในวันนี้ท่านทำตัวเป็นผู้รับใช้ประชาชนเหล่านี้ และอยู่รับใช้พวกเขา และให้คำตอบที่พวกเขาพอใจแล้วละก็ พวกเขาก็จะอยู่เป็นผู้รับใช้ท่านตลอดไป”
8 แต่เรโหโบอัมไม่ยอมฟังคำแนะนำที่พวกผู้อาวุโสเหล่านั้นให้เขา เขากลับไปปรึกษากับพวกคนหนุ่มๆที่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับเขา และทำงานให้กับเขาอยู่ 9 เขาถามคนหนุ่มพวกนั้นว่า “ประชาชนพวกนั้นมาพูดกับเราว่า ‘ช่วยทำให้แอกที่พ่อของท่านวางไว้บนพวกเรา เบาขึ้นด้วยเถิด’ พวกเจ้ามีคำแนะนำว่ายังไง พวกเราจะตอบประชาชนพวกนั้นว่ายังไงดี”
10 คนหนุ่มๆเหล่านั้นผู้ที่ได้เติบโตขึ้นมาพร้อมๆกับเขาตอบว่า “บอกพวกประชาชนที่มาพูดกับท่านว่า ‘พ่อของท่านได้ทำให้แอกของพวกเราหนักเหลือเกิน ขอให้ท่านช่วยทำให้มันเบาขึ้นด้วยเถิด’ บอกพวกเขาไปว่า ‘นิ้วก้อยของเรายังหนากว่าเอวของพ่อเราเสียอีก 11 พ่อของเราได้ทำให้แอกของพวกเจ้าหนัก เราจะทำให้มันหนักยิ่งขึ้นไปอีก พ่อของเราเฆี่ยนพวกเจ้าด้วยแส้ เราจะเฆี่ยนพวกเจ้าด้วยแส้หางแมงป่อง[g]’”
12 อีกสามวันต่อมา เยโรโบอัมและประชาชนทั้งหมดก็กลับมาหาเรโหโบอัมตามที่กษัตริย์ได้บอกกับพวกเขาไว้ ที่ว่า “กลับมาหาเราใหม่ในอีกสามวันข้างหน้า” 13 กษัตริย์ได้ตอบคนเหล่านั้นไปอย่างหยาบคาย เขาได้ปฏิเสธคำแนะนำที่พวกผู้อาวุโสได้ให้กับเขาไว้ 14 เขาไปทำตามคำแนะนำของพวกคนหนุ่มๆและพูดไปว่า “พ่อของเราทำให้แอกของพวกเจ้าหนัก เราจะทำให้มันหนักยิ่งขึ้นไปอีก พ่อของเราเคยเฆี่ยนพวกเจ้าด้วยแส้ เราจะเฆี่ยนพวกเจ้าด้วยแส้หางแมงป่อง” 15 ดังนั้นกษัตริย์จึงไม่ยอมฟังเสียงของประชาชน เพราะพระยาห์เวห์เป็นผู้ทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น พระองค์ต้องการให้เป็นไปตามคำพูดที่พระองค์ได้พูดไว้กับเยโรโบอัมลูกชายของเนบัท ผ่านทางอาหิยาห์คนชิโลห์นั้น
16 เมื่อคนอิสราเอลทั้งหมดเห็นว่ากษัตริย์ไม่ยอมฟังพวกเขา พวกเขาจึงได้ตอบกษัตริย์ไปว่า
“พวกเราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวดาวิดอย่างนั้นหรือ
พวกเราได้ส่วนแบ่งจากที่ดินของเจสซีหรือ
เปล่าเลย อิสราเอลเอ๋ย กลับบ้านของพวกเรากันเถอะ
ปล่อยให้ ลูกของดาวิด ดูแลคนของพวกเขาเอง”
ดังนั้น พวกชาวอิสราเอลจึงกลับบ้านไป 17 แต่สำหรับชาวอิสราเอลที่อาศัยอยู่ในเมืองทั้งหลายของยูดาห์ เรโหโบอัมยังคงเป็นคนปกครองพวกเขาอยู่
18 กษัตริย์เรโหโบอัมได้ส่งอาโดรัม ซึ่งทำหน้าที่ผู้ควบคุมคนงานไปพูดกับคนอิสราเอล แต่กลับถูกคนอิสราเอลทั้งหมดขว้างก้อนหินใส่จนตาย แต่กษัตริย์เรโหโบอัมรีบขึ้นรถรบของเขาหนีกลับเข้าเมืองเยรูซาเล็ม 19 จากนั้นอิสราเอลต่างก็ต่อต้านครอบครัวของดาวิดจนถึงทุกวันนี้
เซาโลมาเป็นลูกศิษย์พระเยซู
9 ในระหว่างนั้นเซาโลยังคงขู่ฆ่าพวกศิษย์ขององค์เจ้าชีวิต เขาไปหาหัวหน้านักบวชสูงสุด 2 เพื่อขอจดหมายแนะนำตัวต่อผู้นำในที่ประชุมต่างๆของชาวยิวในเมืองดามัสกัส เพื่อว่าถ้าเขาพบคนที่ติดตามแนวทางขององค์เจ้าชีวิต ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง เขาก็จะได้จับกุมตัวกลับมาที่เมืองเยรูซาเล็ม 3 ทันทีที่เซาโลเดินทางใกล้ถึงเมืองดามัสกัส ก็มีแสงสว่างจ้าจากท้องฟ้าส่องลงมารอบตัวเขา 4 เขาล้มลงกับพื้น และได้ยินเสียงพูดว่า “เซาโล เซาโล เจ้าข่มเหงเราทำไม”
5 เซาโลพูดว่า “ท่านเป็นใครกัน” พระองค์ตอบว่า “เราคือเยซู คนที่เจ้าข่มเหงไง 6 ลุกขึ้นแล้วเข้าไปในเมือง จะมีคนมาบอกเจ้าเองว่าจะต้องทำอะไรต่อไป”
7 พวกคนที่เดินทางมากับเซาโลยืนงงพูดอะไรไม่ออกเพราะได้ยินเสียง แต่ไม่เห็นตัวคนพูด 8 เซาโลลุกขึ้น แต่เมื่อลืมตาเขากลับมองอะไรไม่เห็นเลย พวกนั้นจึงจูงมือเซาโลพาไปที่เมืองดามัสกัส 9 เซาโลมองอะไรไม่เห็นและไม่ได้กินหรือดื่มอะไรเป็นเวลาสามวัน
10 ในเมืองดามัสกัส มีศิษย์คนหนึ่งของพระเยซู ชื่ออานาเนีย องค์เจ้าชีวิตได้พูดกับเขาทางนิมิตว่า “อานาเนีย” แล้วเขาก็ตอบว่า “ผมอยู่นี่ครับ องค์เจ้าชีวิต”
11 พระองค์สั่งว่า “ลุกขึ้น ไปที่บ้านของยูดาส[a] ที่อยู่บนถนนตรง ถามหาชายที่ชื่อเซาโลที่มาจากทาร์ซัส ซึ่งตอนนี้เขากำลังอธิษฐานอยู่ 12 เซาโลก็เห็นนิมิตเหมือนกัน เขาเห็นชายชื่ออานาเนีย กำลังเข้ามาในบ้านและวางมือบนตัวเขา เพื่อเขาจะกลับมามองเห็นได้อีก”
13 อานาเนียตอบว่า “องค์เจ้าชีวิต ผมได้ยินเกี่ยวกับเรื่องชั่วๆที่ชายคนนี้ทำกับคนที่เป็นของพระองค์ในเมืองเยรูซาเล็มจากปากของหลายคนแล้ว 14 เขาได้รับอำนาจจากพวกผู้นำนักบวชให้มาจับกุมทุกคนที่ไว้วางใจในพระองค์[b] ที่นี่”
15 แต่องค์เจ้าชีวิตบอกกับอานาเนียว่า “ไปเถอะ เพราะเราได้เลือกชายคนนี้มาเป็นเครื่องมือที่จะไปส่งข่าวเรื่องของเราให้กับคนที่ไม่ใช่ยิว พวกกษัตริย์ และประชาชนชาวอิสราเอล 16 เราเองจะทำให้เซาโลรู้ว่าเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานเพราะเราขนาดไหน”
17 แล้วอานาเนียก็ไป เขาได้เข้าไปในบ้าน วางมือลงบนเซาโลแล้วพูดว่า “น้องเซาโล พระเยซูเจ้าผู้ที่ได้ปรากฏตัวให้น้องเห็นในระหว่างทางที่มานั้น ได้ส่งผมมาเพื่อทำให้น้องกลับมองเห็นได้อีก และทำให้น้องเต็มไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์” 18 มีบางสิ่งดูเหมือนกับเกล็ดตกลงมาจากตาของเซาโลทันที และเขาก็มองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นมาเข้าพิธีจุ่มน้ำ 19 หลังจากกินอาหารแล้ว เขาก็รู้สึกดีขึ้น
เซาโลสั่งสอนในเมืองดามัสกัส
เซาโลพักอยู่กับพวกศิษย์ของพระเยซูในเมืองดามัสกัสหลายวัน 20 แล้วเขาก็ตรงรี่ไปที่ประชุมชาวยิว เริ่มประกาศเรื่องของพระเยซู เขาบอกว่า “พระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า”
21 ทุกคนที่ได้ยินเซาโลพูดอย่างนั้น ก็แปลกใจและพูดกันว่า “ไอ้หมอนี่ไม่ใช่หรือ ที่พยายามจะทำลายคนที่เชื่อเยซูที่เมืองเยรูซาเล็ม แล้วที่เขามาที่นี่ ก็เพราะตั้งใจจะมาจับคนพวกนั้นกลับไปให้กับพวกผู้นำนักบวชไม่ใช่หรือ”
22 เซาโลเทศนาอย่างมีพลังมากยิ่งขึ้นว่าพระเยซูคือกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ จนทำให้คนยิวในเมืองดามัสกัสถึงกับเถียงไม่ออก
23 ต่อมาหลายวัน พวกยิววางแผนที่จะฆ่าเซาโล 24 แต่เซาโลรู้แผนนั้นเสียก่อน พวกนั้นคอยเฝ้าอยู่ที่ประตูเมืองทั้งกลางวันกลางคืนเพื่อจะฆ่าเซาโล 25 แต่พวกศิษย์บางคนที่เซาโลเคยสอนได้พาเขาหนีไปตอนกลางคืน โดยให้เขานั่งในเข่ง แล้วค่อยๆหย่อนเข่งนั้นผ่านช่องกำแพงเมืองลงไปข้างล่าง
สงบนิ่งในพระยาห์เวห์
เพลงที่ร้องในระหว่างทางขึ้นไปยังวิหาร เพลงของดาวิด
1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าไม่ใช่เป็นคนเย่อหยิ่ง
ไม่วางมาดใหญ่โต
ไม่ชอบทำงานที่เพ้อฝันใหญ่โต
หรือทำในสิ่งที่ยากเกินตัว
2 ใช่แล้ว ข้าพเจ้าทำให้จิตใจตัวเองสงบนิ่ง
เหมือนเด็กที่หย่านมอยู่ในอ้อมแขนของแม่
จิตใจของข้าพเจ้าสงบนิ่งเหมือนเด็กคนนั้น
3 อิสราเอลเอ๋ย ฝากความหวังของเจ้าไว้กับพระยาห์เวห์ทั้งเดี๋ยวนี้และตลอดไป
4 คนที่สนใจฟังคำพูดชั่วร้ายก็เป็นคนชั่วเหมือนกัน
คนที่ฟังคำพูดใส่ร้ายก็เลวพอๆกับคนโกหก
5 คนเยาะเย้ยคนจน ก็ดูถูกพระผู้สร้างของเขา
คนที่ดีใจเมื่อเห็นคนอื่นโชคร้าย ย่อมหนีการลงโทษไปไม่พ้น
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International