The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NIV. Switch to the NIV to read along with the audio.
กษัตริย์กับผู้หญิงชาวชูเนม
8 ในเวลานั้นเอลีชาพูดกับหญิงชาวชูเนมที่เขาได้ทำให้ลูกชายของนางฟื้นคืนชีพขึ้นมา[a] ว่า “ให้ท่านกับครอบครัวของท่านย้ายไปอยู่ที่อื่นที่ท่านจะสามารถเลี้ยงชีพอยู่ได้ เพราะพระยาห์เวห์ได้สั่งให้เกิดความอดอยากขึ้นในแผ่นดินนี้ มันจะยาวนานถึงเจ็ดปี”
2 หญิงคนนั้นทำตามที่คนของพระเจ้าบอก นางและครอบครัวของนางได้ย้ายออกจากเมืองและไปอยู่ในดินแดนของชาวฟีลิสเตียเป็นเวลาเจ็ดปี 3 และเมื่อครบเจ็ดปี นางก็กลับมาจากดินแดนของชาวฟีลิสเตีย
และนางได้ไปพบกับกษัตริย์เพื่อขอบ้านและที่ดินของนางคืน
4 กษัตริย์กำลังคุยอยู่กับเกหะซีคนรับใช้ของคนของพระเจ้าว่า “ช่วยเล่าให้เราฟังหน่อย ถึงเรื่องยิ่งใหญ่ต่างๆที่เอลีชาเคยทำไป”
5 ในขณะที่เกหะซีกำลังเล่าให้กษัตริย์ฟังว่า เอลีชาทำให้คนที่ตายไปแล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อย่างไร หญิงคนที่เอลีชาได้ทำให้ลูกชายของนางฟื้นขึ้น ก็ได้เข้ามาหากษัตริย์ นางมาขอบ้านและที่ดินของนางคืนจากกษัตริย์ เกหะซีพูดว่า “กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า หญิงคนนี้แหละ ที่เอลีชาได้ทำให้ลูกชายของนางฟื้นขึ้นมา”
6 กษัตริย์ถามหญิงคนนั้นว่านางต้องการอะไร และนางได้บอกกับเขาไป
กษัตริย์จึงมอบหมายเรื่องของนางให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งจัดการ กษัตริย์สั่งเขาว่า “คืนทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็นของนางให้กับนาง รวมทั้งรายได้จากที่ดินของนางนับตั้งแต่วันที่นางออกจากประเทศนี้ไปจนถึงวันนี้”
เบนฮาดัดถูกฆ่าตาย
7 เอลีชาไปที่เมืองดามัสกัส ตอนที่กษัตริย์เบนฮาดัดของชาวอารัมกำลังไม่สบาย เมื่อมีคนมาบอกกษัตริย์ว่า “คนของพระเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว”
8 กษัตริย์จึงพูดกับฮาซาเอลว่า “ให้ท่านนำของขวัญไปพบกับคนของพระเจ้าคนนั้น และให้เขาถามพระยาห์เวห์ว่า เราจะหายป่วยในครั้งนี้หรือไม่”
9 ฮาซาเอลไปพบเอลีชา และเอาของขวัญที่ดีที่สุดหลายอย่างในดามัสกัส บรรทุกเต็มหลังอูฐสี่สิบตัว เขาได้เข้าไปยืนอยู่ต่อหน้าเอลีชาและพูดว่า “กษัตริย์เบนฮาดัดของอารัมลูกชายของท่านส่งเรามาถามท่านว่า ‘เราจะหายป่วยหรือไม่’”
10 เอลีชาตอบว่า “ให้ไปบอกเขาว่า ‘ท่านจะหายป่วยแน่’ แต่พระยาห์เวห์ได้เปิดเผยให้เรารู้ว่าจริงๆแล้วเขาจะตาย”
11 เอลีชาจ้องมองฮาซาเอลด้วยสายตาเขม็งไม่ขยับเขยื้อนอยู่นานจนกระทั่งฮาซาเอลเริ่มรู้สึกอึดอัด แล้วคนของพระเจ้าก็เริ่มร้องไห้ออกมา 12 ฮาซาเอลถามเขาว่า “เจ้านายของเราร้องไห้ทำไม” เขาตอบว่า “ก็เพราะเรารู้ว่าท่านจะเป็นอันตรายกับชาวอิสราเอลทั้งหลายอย่างไรบ้างนะสิ ท่านจะเผาป้อมปราการทุกแห่ง ท่านจะฆ่าคนหนุ่มของพวกเขาด้วยดาบ ท่านจะฟาดเด็กเล็กลงบนพื้นเป็นชิ้นๆและจะแหวกท้องหญิงที่มีครรภ์”
13 ฮาซาเอลพูดว่า “ผู้รับใช้ของท่านที่เป็นเพียงหมาตัวหนึ่งจะทำร้ายพวกท่านถึงขนาดนั้นได้อย่างไรกัน”
เอลีชาตอบไปว่า “พระยาห์เวห์ได้แสดงให้เราเห็นว่าท่านจะได้เป็นกษัตริย์ของชาวอารัม”
14 แล้วฮาซาเอลก็จากเอลีชาและกลับไปหาเจ้านายของเขา เมื่อเบนฮาดัดถามเขาว่า “เอลีชาได้พูดอะไรกับเจ้าบ้าง”
ฮาซาเอลตอบเขาไปว่า “เขาบอกกับข้าพเจ้าว่าท่านจะหายป่วยอย่างแน่นอน”
15 แต่ในวันต่อมา ฮาซาเอลเอาผ้าหนาๆชุบน้ำจนเปียกชุ่มและเอามันโปะไว้บนหน้าของกษัตริย์จนกระทั่งเขาขาดใจตาย แล้วฮาซาเอลก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากเบนฮาดัด
เยโฮรัมปกครองยูดาห์
(2 พศด. 21:1-20)
16 เยโฮรัมลูกชายของเยโฮชาฟัทขึ้นเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ ตรงกับปีที่ห้าที่โยรัมเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล โยรัมเป็นลูกชายของอาหับ[b] 17 ตอนที่เยโฮรัมขึ้นเป็นกษัตริย์นั้น เขามีอายุสามสิบสองปี และเขาครองราชย์อยู่แปดปีในเมืองเยรูซาเล็ม 18 เยโฮรัมเดินตามรอยของกษัตริย์อิสราเอลองค์ก่อนๆ เขาใช้ชีวิตเหมือนกับที่ครอบครัวของอาหับเคยทำไว้ เพราะเขาแต่งงานกับลูกสาวของอาหับ เขาได้ทำชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ 19 อย่างไรก็ตาม เพราะพระยาห์เวห์เห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้พระองค์ พระองค์จึงไม่ทำลายยูดาห์ พระองค์เคยสัญญาว่าจะรักษาตะเกียงไว้ดวงหนึ่งสำหรับดาวิดและลูกหลานของเขาตลอดไป
20 ในยุคของเยโฮรัม ชาวเอโดมได้กบฏต่อยูดาห์และตั้งกษัตริย์ของตัวเองขึ้น
21 เยโฮรัม[c] กับกองทัพรถรบของเขาจึงยกไปที่ศาอีร์ ชาวเอโดมเข้าล้อมเขาและล้อมพวกผู้บังคับบัญชารถรบทั้งหลายของเขาไว้ แต่เขาลุกขึ้นและตีฝ่าออกมาได้ในตอนกลางคืน แต่กองทัพของเขาหนีกลับบ้านไป 22 พวกเอโดมจึงได้กบฏ และแยกตัวออกจากยูดาห์จนถึงทุกวันนี้
และในช่วงเดียวกันนั้น พวกลิบนาห์ก็ได้กบฏ แยกตัวออกจากยูดาห์ด้วย
23 เหตุการณ์ต่างๆในยุคสมัยของเยโฮรัม และทุกๆอย่างที่เขาได้ทำไป ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์
24 เยโฮรัมล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาและถูกฝังอยู่กับพวกเขาในเมืองของดาวิด และอาหัสยาห์ลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา
อาหัสยาห์ปกครองยูดาห์
(2 พศด. 22:1-6)
25 อาหัสยาห์ ลูกชายของเยโฮรัมขึ้นเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ ตรงกับปีที่สิบสองที่โยรัมเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล โยรัมเป็นลูกชายของอาหับ 26 ตอนที่อาหัสยาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์นั้น เขามีอายุยี่สิบสองปี และเขาครองราชย์อยู่หนึ่งปีในเมืองเยรูซาเล็ม แม่ของเขาชื่อว่านางอาธาลิยาห์ เป็นหลานสาวของกษัตริย์อมรีแห่งอิสราเอล 27 อาหัสยาห์เดินตามรอยของครอบครัวอาหับ และได้ทำชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ เหมือนกับที่ครอบครัวของอาหับเคยทำไว้ เพราะเขาได้แต่งงานกับครอบครัวของอาหับ
28 อาหัสยาห์ร่วมกับโยรัม ลูกชายของอาหับ ออกไปสู้รบกับกษัตริย์ฮาซาเอลของชาวอารัม ที่ราโมท-กิเลอาด ชาวอารัมทำให้โยรัมได้รับบาดเจ็บ 29 กษัตริย์โยรัมจึงกลับไปที่ยิสเรเอล เพื่อรักษาบาดแผลที่ชาวอารัมได้ทำร้ายเขาไว้ที่ราโมท-กิเลอาดตอนที่เขาสู้รบกับกษัตริย์ฮาซาเอลของชาวอารัม อาหัสยาห์กษัตริย์ของยูดาห์ ลูกชายของเยโฮรัมได้ไปที่ยิสเรเอลเพื่อเยี่ยมเยียนกษัตริย์โยรัมลูกชายของอาหับที่บาดเจ็บอยู่
การแต่งตั้งเยฮูเป็นกษัตริย์
9 เอลีชาผู้พูดแทนพระเจ้าได้เรียกชายคนหนึ่งมาจากกลุ่มของผู้พูดแทนพระเจ้าและพูดกับเขาว่า “เอาเสื้อคลุมของท่านเสียบเข้าในเข็มขัด เอาน้ำมันขวดนี้ไปกับท่านและไปที่ราโมท-กิเลอาด 2 เมื่อท่านไปถึงที่นั่น ให้มองหาเยฮู ลูกชายของเยโฮชาฟัทที่เป็นลูกชายของนิมชี ให้ไปพบเขา แยกตัวเขาออกมาจากเพื่อนฝูง และพาเขาเข้าไปในห้องด้านใน 3 เอาขวดน้ำมันนี้ออกมา เทน้ำมันลงบนหัวของเขาและประกาศว่า ‘พระยาห์เวห์พูดว่า “เราขอแต่งตั้งให้เจ้าเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล” แล้วรีบเปิดประตู วิ่งหนีไป อย่าได้เถลไถล’”
4 ชายหนุ่มผู้พูดแทนพระเจ้าคนนั้น จึงไปที่ราโมท-กิเลอาด 5 เมื่อเขามาถึง เขาได้พบกับพวกผู้นำกองทัพกำลังนั่งอยู่ด้วยกันที่นั่น เขาพูดว่า “ท่านแม่ทัพ เรามีข่าวมาให้กับท่าน”
เยฮูถามว่า “แม่ทัพคนไหนล่ะ”
เขาตอบว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านเองนั่นแหละครับ”
6 เยฮูจึงลุกขึ้นและเข้าไปในบ้าน แล้วคนหนุ่มนั้นก็เทน้ำมันลงบนหัวของเยฮูและประกาศว่า “พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลพูดว่า ‘เราขอแต่งตั้ง ให้เจ้าเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลประชากรของพระยาห์เวห์ 7 เจ้าต้องทำลายครอบครัวของอาหับเจ้านายของเจ้าเสีย เราจะได้แก้แค้นแทนเลือดของพวกผู้พูดแทนพระเจ้าที่เป็นผู้รับใช้เรา และเลือดของพวกผู้รับใช้พระยาห์เวห์ทุกคนที่ไหลนองด้วยน้ำมือของนางเยเซเบล 8 ครอบครัวทั้งหมดของอาหับจะถูกทำลายล้าง เราจะตัดพวกผู้ชายของอาหับทุกคนออกไปจากอิสราเอลไม่ว่าจะเป็นทาสหรือไม่ใช่ทาสก็ตาม 9 เราจะทำให้ครอบครัวของอาหับเป็นเหมือนครอบครัวเยโรโบอัมลูกชายของเนบัท และเป็นเหมือนครอบครัวของบาอาชาลูกชายของอาหิยาห์ 10 ส่วนเยเซเบล พวกหมาจะมารุมกินศพของนางบนพื้นดินที่เมืองยิสเรเอลและจะไม่มีใครฝังศพให้นาง’”
พูดจบแล้วเขาก็เปิดประตู วิ่งหนีไป
11 เมื่อเยฮูออกมาหาผู้นำกองทัพของกษัตริย์ พวกนั้นถามเขาว่า “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ทำไมคนบ้าคนนั้นจึงได้มาขอพบท่าน” เยฮูตอบว่า “ท่านก็รู้ๆอยู่แล้วว่าเขาเป็นคนยังไง ชอบพูดเรื่องไร้สาระ”
12 พวกเขาพูดว่า “ไม่จริงหรอก บอกพวกเรามาเถิด” เยฮูจึงพูดว่า “เขาพูดกับเราว่า ‘พระยาห์เวห์พูดว่า เราขอแต่งตั้งให้เจ้าเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล’”
13 พวกเขารีบเอาเสื้อคลุมของพวกเขามาปูลงต่อหน้าเยฮูบนขั้นบันไดที่ว่างเปล่าอยู่ แล้วพวกเขาก็เป่าแตรขึ้นและตะโกนว่า “เยฮูคือกษัตริย์”
เปาโลและสิลาสอยู่ในคุก
16 วันหนึ่งเมื่อพวกเรากำลังจะไปสถานที่อธิษฐาน ทาสสาวคนหนึ่งพบกับพวกเรา เธอมีผีหมอดูสิงอยู่ ทำให้เธอสามารถทำนายอนาคตได้ เธอหาเงินให้กับพวกเจ้านายของเธอเป็นจำนวนมากด้วยการทำนายโชคชะตา 17 เธอเดินตามเปาโลกับพวกเรา และร้องตะโกนว่า “คนพวกนี้เป็นทาสของพระเจ้าสูงสุด พวกเขามาประกาศหนทางที่จะหลุดพ้นจากบาปให้กับพวกคุณรู้” 18 เธอทำอย่างนี้อยู่หลายวัน จนเปาโลทนไม่ไหว จึงหันไปพูดกับวิญญาณที่สิงเธออยู่ว่า “ในนามของพระเยซูผู้เป็นพระคริสต์ เราขอสั่งให้เจ้าออกมาจากร่างของเธอเดี๋ยวนี้” แล้ววิญญาณตนนั้นก็ออกจากร่างของเธอทันที
19 เมื่อพวกเจ้านายของเธอเห็นว่าโอกาสที่จะหาเงินนั้นหลุดลอยไปแล้ว พวกเขาจึงคว้าตัวเปาโลและสิลาส แล้วลากตัวไปหาเจ้าหน้าที่ที่ตลาด 20 เมื่อพวกเขานำเปาโลและสิลาสไปหาคณะผู้พิพากษาแล้ว พวกเขาก็พูดว่า “ไอ้พวกนี้เป็นชาวยิวที่เข้ามาก่อกวนในบ้านเมืองของเรา 21 พวกมันมาโฆษณาชวนเชื่อถึงประเพณีต่างๆที่ผิดกฎหมายบ้านเมือง ที่พวกเราชาวโรมันไม่สามารถจะรับหรือทำตามได้”
22 แล้วฝูงชนก็เข้ามารุมทำร้ายเปาโลกับสิลาส คณะผู้พิพากษาเข้ามาฉีกเสื้อผ้าของเปาโลและสิลาสออก แล้วสั่งให้เฆี่ยนตี 23 หลังจากเฆี่ยนตีไปหลายครั้งแล้ว ได้เอาตัวไปขังไว้ในคุก แล้วสั่งให้นายคุกเฝ้าควบคุมไว้อย่างแน่นหนา 24 เมื่อนายคุกได้รับคำสั่งแล้ว เขาก็ได้คุมตัวคนทั้งสองไปขังไว้ที่ห้องขังชั้นใน และใส่ขื่อที่เท้าของพวกเขาอย่างแน่นหนา
25 ประมาณเที่ยงคืน ในขณะที่เปาโลและสิลาสกำลังอธิษฐานและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า โดยมีนักโทษคนอื่นๆกำลังฟังอยู่นั้น 26 ได้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง จนรากฐานของคุกสั่นสะเทือน แล้วประตูคุกทุกบานก็เปิดออกทันที โซ่ที่ล่ามนักโทษทุกคนหลุด 27 นายคุกก็ตื่น และเมื่อเขาเห็นประตูคุกเปิดก็คิดว่านักโทษหนีออกไปหมดแล้ว เขาจึงชักดาบออกมาเพื่อจะฆ่าตัวตาย 28 แต่เปาโลตะโกนเสียงดังว่า “อย่าทำร้ายตัวเองเลย พวกเรายังอยู่ที่นี่ครบทุกคน”
29 ผู้คุมจึงร้องขอคบไฟ แล้วเขาก็วิ่งเข้าไปข้างในตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัว เขาหมอบลงต่อหน้าเปาโลและสิลาส 30 แล้วนำคนทั้งสองออกมาจากคุกและถามว่า “ท่านครับ ผมต้องทำอย่างไร ถึงจะรอดได้”
31 พวกเขาตอบว่า “ให้ไว้วางใจในพระเยซูผู้เป็นองค์เจ้าชีวิต แล้วท่านจะได้หลุดพ้นจากบาป รวมทั้งคนในครัวเรือนของท่านด้วย” 32 แล้วพวกเขาประกาศพระคำของพระเจ้า ให้นายคุกรวมทั้งทุกคนที่อยู่ในครัวเรือนของเขาฟัง 33 ในคืนนั้นเอง นายคุกพาเปาโลและสิลาสไปล้างแผล แล้วเขาและทุกคนในครัวเรือนของเขาก็เข้าพิธีจุ่มน้ำในทันที 34 หลังจากนั้นนายคุกก็พาคนทั้งสองไปที่บ้าน และหาอาหารมาให้กิน เขาและทุกคนในครัวเรือนต่างก็พากันดีใจ เพราะได้ไว้วางใจในพระเจ้าแล้ว
35 พอถึงวันรุ่งขึ้น คณะผู้พิพากษาส่งเจ้าหน้าที่มาบอกว่า “ปล่อยตัวสองคนนั้นไปได้แล้ว”
36 นายคุกจึงไปบอกกับเปาโลว่า “ผู้พิพากษาส่งคนมาบอกให้ปล่อยตัวพวกท่านแล้ว ออกมาเถอะ ขอให้ไปเป็นสุขนะ”
37 แต่เปาโลพูดกับพวกเจ้าหน้าที่ว่า “พวกเขาเฆี่ยนตีเราในที่สาธารณะ ทั้งๆที่ไม่มีความผิด มิหนำซ้ำเราก็เป็นคนสัญชาติโรมันด้วย แล้วยังโยนเราเข้าคุกอีกด้วย และตอนนี้จะมาแอบปล่อยเราไปอย่างลับๆได้อย่างไร ยอมไม่ได้เด็ดขาด พวกเขาเองควรจะมาพาพวกเราออกไป”
38 พวกเจ้าหน้าที่ จึงได้ไปรายงานเรื่องนี้ต่อคณะผู้พิพากษา เมื่อคณะผู้พิพากษาได้ยินว่าเปาโลและสิลาสเป็นคนสัญชาติโรมัน พวกเขาต่างก็พากันตกใจ 39 จึงมาขอโทษคนทั้งสอง แล้วพาพวกเขาออกมาจากคุก และขอร้องให้พวกเขาออกไปจากเมือง 40 เมื่อเปาโลและสิลาสออกจากคุกแล้ว ก็ตรงไปที่บ้านของลิเดียเพื่อพบกับพวกพี่น้องที่นั่น เปาโลและสิลาสให้กำลังใจพวกเขาแล้วก็จากไป
พระยาห์เวห์ขอให้ข้าพเจ้ามีชีวิตต่อไป
บทเพลงสดุดีของดาวิด
1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
โปรดฟังคำร้องขอของข้าพเจ้าด้วย
โปรดตอบข้าพเจ้าตามความดีและความสัตย์ซื่อของพระองค์ด้วยเถิด
2 โปรดอย่านำตัวข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ไปขึ้นโรงขึ้นศาลเลย
เพราะไม่มีมนุษย์คนไหนหรอกที่บริสุทธิ์ตามมาตรฐานของพระองค์
3 พวกศัตรูของข้าพเจ้าไล่ตามข้าพเจ้า
พวกเขาบดขยี้ข้าพเจ้าติดดิน
พวกเขากำลังผลักข้าพเจ้าลงไปในหลุมศพที่มืดมิดร่วมกับคนที่ตายไปนานแล้ว
4 ข้าพเจ้าจึงท้อใจ
และข้าพเจ้าตัวชาไปหมด
5 ข้าพเจ้าระลึกถึงวันเวลาอันเก่าแก่ที่ผ่านมา
ข้าพเจ้าคิดถึงทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทำ
ข้าพเจ้าใคร่ครวญถึงงานทั้งหลายที่พระองค์ทำ
6 ข้าพเจ้ายกมือขึ้นอธิษฐานต่อพระองค์
ข้าพเจ้ากระหายหาพระองค์เหมือนผืนดินแห้งที่กระหายหาน้ำ เซลาห์
7 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดตอบข้าพเจ้าโดยเร็วเถิด เพราะข้าพเจ้าสิ้นหวังแล้ว
โปรดอย่าซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้า
ไม่อย่างนั้น ข้าพเจ้าจะกลายเป็นคนหนึ่งในพวกนั้นที่ลงไปสู่หลุมฝังศพ
8 ขอให้ข้าพเจ้าได้ยินถึงความรักมั่นคงของพระองค์ในเวลาเช้า
เพราะข้าพเจ้าเชื่อพึ่งในพระองค์
ช่วยบอกข้าพเจ้าด้วยเถิดว่าข้าพเจ้าควรจะไปทางไหน
เพราะข้าพเจ้าได้ยกจิตใจของข้าพเจ้าให้กับพระองค์แล้ว
9 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากศัตรูของข้าพเจ้าด้วยเถิด
เพราะข้าพเจ้าลี้ภัยอยู่ในพระองค์
10 โปรดช่วยสอนข้าพเจ้าให้ทำตามใจพระองค์ด้วย
เพราะพระองค์คือพระเจ้าของข้าพเจ้า
ขอให้พระวิญญาณที่ดีของพระองค์นำทางข้าพเจ้าในแผ่นดินที่ราบเรียบ
11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยเพื่อรักษาชื่อเสียงของพระองค์
โปรดดึงชีวิตข้าพเจ้าออกจากความทุกข์ยากด้วยเถิดเพราะพระองค์ยุติธรรม
12 ช่วยทำลายล้างศัตรูทุกคนของข้าพเจ้าด้วยเพราะความรักที่พระองค์มีต่อข้าพเจ้านั้นมั่นคง
โปรดกำจัดคนที่พยายามฆ่าข้าพเจ้าด้วยเถิด
เพราะข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์
26 การปรับโทษคนบริสุทธิ์ไม่ถูกต้องแน่
การโบยตีผู้สูงส่งที่ซื่อสัตย์ก็เป็นสิ่งเลวร้าย
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International