Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the CEV. Switch to the CEV to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
1 พงศ์กษัตริย์ 8

การอุทิศวิหารให้กับพระยาห์เวห์

(2 พศด. 5:2-6:40)

แล้วกษัตริย์ซาโลมอนก็ได้เรียกพวกผู้อาวุโสของอิสราเอล พวกหัวหน้าเผ่าและพวกหัวหน้าครอบครัวของชาวอิสราเอลทุกคน ให้มาพบที่เมืองเยรูซาเล็ม เพื่อให้มาเป็นพยานในการย้ายหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์จากเมืองของดาวิด คือเมืองศิโยน ขึ้นไปยังวิหาร แล้วคนเหล่านั้นทั้งหมดของอิสราเอลก็ได้มาอยู่ร่วมกับกษัตริย์ซาโลมอน ในช่วงงานเทศกาล ในเดือนเอธานิม ซึ่งเป็นเดือนที่เจ็ด

เมื่อพวกผู้อาวุโสทั้งหมดของอิสราเอลมาถึง นักบวชทั้งหลายก็ได้ยกหีบแห่งข้อตกลงขึ้น และพวกเขาได้นำหีบของพระยาห์เวห์ออกมา รวมทั้งเต็นท์นัดพบ และเครื่องใช้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดภายในเต็นท์ พวกนักบวชและบรรดาชาวเลวี แบกของเหล่านั้นไว้ และกษัตริย์ซาโลมอนกับผู้ร่วมชุมนุมทั้งหมดของอิสราเอลที่ได้มารวมตัวอยู่กับเขาก็ไปอยู่ต่อหน้าหีบนั้น และได้ถวายแกะและวัวจำนวนมหาศาลจนนับไม่ถ้วนเป็นเครื่องบูชา แล้วพวกนักบวชก็นำหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์ เข้าไปในที่ของมันในห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ที่อยู่ด้านในสุดของวิหาร และวางหีบนั้นไว้ที่ใต้ปีกของทูตสวรรค์มีปีกสององค์นั้น ทูตสวรรค์มีปีกทั้งสององค์กางปีกออกเหนือที่วางหีบนั้น และเงาของทูตสวรรค์นั้นก็ทอดยาวลงบนหีบและที่คานหามทั้งหมด คานหามเหล่านั้นยาวมาก จนปลายของคานนั้นสามารถมองเห็นได้จากห้องศักดิ์สิทธิ์หน้าห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนั้น แต่คนที่อยู่นอกห้องศักดิ์สิทธิ์ ก็จะมองไม่เห็น และคานเหล่านี้ยังคงอยู่ที่นั่นจนถึงทุกวันนี้ ในหีบนั้น ไม่มีสิ่งอื่นใด นอกจากแผ่นหินสองแผ่นที่โมเสสได้ใส่ลงไปตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขาอยู่ที่ภูเขาโฮเรบ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระยาห์เวห์ได้ทำข้อตกลงกับชาวอิสราเอล หลังจากที่พวกเขาได้ออกมาจากประเทศอียิปต์แล้ว

10 หลังจากที่พวกนักบวชออกไปจากห้องโถงศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็เกิดกลุ่มเมฆ[a] ขึ้นในวิหารของพระยาห์เวห์ 11 กลุ่มเมฆนั้น ทำให้พวกนักบวชไม่สามารถทำพิธีใดๆในนั้นได้เลย เพราะรัศมีของพระยาห์เวห์ ได้เข้าครอบคลุมวิหารของพระองค์แล้ว 12 แล้วซาโลมอนก็พูดว่า

“พระยาห์เวห์ได้พูดไว้ว่า
    พระองค์จะอาศัยอยู่ในเมฆดำทะมึนนั้น[b]
13 เราได้สร้างวิหารที่งามสง่าอย่างยิ่งสำหรับพระองค์
    เป็นสถานที่ที่พระองค์จะได้มาอาศัยอยู่ตลอดไป”

14 แล้วกษัตริย์ก็ได้หันไปหาคนอิสราเอลทั้งหมดที่ยืนชุมนุมกันอยู่ที่นั่น และขอให้พระเจ้าอวยพรพวกเขา

15 แล้วซาโลมอนก็พูดว่า

“ขอสรรเสริญองค์พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล มือของพระองค์นั้นได้ทำให้เกิดความสำเร็จลุล่วง ตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้ด้วยปากของพระองค์เองกับดาวิดพ่อของข้าพเจ้าว่า 16 ‘ตั้งแต่วันที่เราได้พาอิสราเอลชนชาติของเราออกจากแผ่นดินอียิปต์ เรายังไม่เคยเลือกเมืองหนึ่งเมืองใดจากเผ่าต่างๆของอิสราเอล เพื่อที่จะใช้สร้างวิหารเป็นเกียรติให้กับชื่อของเราเลย[c] แต่ตอนนี้เราได้เลือกดาวิดมา เพื่อให้เขามาปกครองอิสราเอลชนชาติของเรานั้น’

17 ดาวิดพ่อของข้าพเจ้าเคยคิดอยู่ในใจว่า เขาจะสร้างวิหารขึ้นหลังหนึ่งให้เป็นเกียรติกับชื่อของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล 18 แต่พระยาห์เวห์ได้พูดกับดาวิดพ่อของข้าพเจ้าว่า ‘ที่เจ้าคิดอยู่ในใจว่าจะสร้างวิหารขึ้นหลังหนึ่งสำหรับชื่อของเรานั้น นับเป็นสิ่งที่ดี 19 แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าจะไม่ใช่คนที่จะได้สร้างวิหารนั้น ลูกชายของเจ้าต่างหากจะเป็นคนสร้างวิหารนั้นให้กับชื่อของเรา ลูกชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้าเอง’

20 พระยาห์เวห์ได้รักษาสัญญาที่พระองค์ได้ให้ไว้ เราได้สืบทอดบัลลังก์ต่อจากดาวิดพ่อของเรา และตอนนี้ เราก็ได้นั่งอยู่บนบัลลังก์ของอิสราเอลเหมือนกับที่พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้ และเราก็ได้สร้างวิหารหลังนั้นสำหรับชื่อของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลแล้ว 21 เราได้จัดสถานที่ขึ้นแห่งหนึ่งภายในวิหารนั้นเพื่อใช้วางหีบ ซึ่งในหีบนั้นมีข้อตกลงของพระยาห์เวห์ใส่อยู่ เป็นข้อตกลงที่พระองค์ได้ทำไว้กับบรรพบุรุษของพวกเรา ตอนที่พระองค์ได้นำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์”

22 แล้วซาโลมอนก็ไปยืนอยู่ต่อหน้าแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ ที่อยู่ตรงหน้าที่ชุมนุมอิสราเอลทั้งหมด เขากางแขนออกและชูขึ้นบนฟ้าสวรรค์ 23 และเขาก็พูดว่า

“ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่จะเหมือนกับพระองค์ ไม่ว่าบนสวรรค์หรือในแผ่นดินโลก พระองค์เป็นผู้ที่รักษาข้อตกลงแห่งความรักอันมั่นคงกับพวกผู้รับใช้ของพระองค์ที่เชื่อฟังพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจของเขา 24 พระองค์ได้รักษาข้อตกลงกับดาวิดพ่อของข้าพเจ้าที่เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ได้สัญญาไว้ด้วยปากของพระองค์และในวันนี้พระองค์ก็ได้ทำให้คำสัญญานั้นสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีด้วยมือของพระองค์ 25 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ขอรักษาสัญญาอื่นๆที่พระองค์ได้ทำไว้กับดาวิดพ่อของข้าพเจ้าผู้รับใช้พระองค์ด้วยเถิด พระองค์พูดว่า ‘ดาวิด ถ้าลูกหลานของเจ้าระมัดระวังในทุกๆสิ่งที่พวกเขาทำ เพื่อที่จะเดินอยู่ต่อหน้าเราเหมือนกับที่เจ้าได้ทำไว้ เจ้าจะไม่มีวันขาดคนที่จะมานั่งบนบัลลังก์ของอิสราเอลต่อหน้าเราเลย’ 26 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ในตอนนี้ขอให้พระองค์ทำให้คำพูดของพระองค์ที่ได้สัญญาไว้กับดาวิดพ่อของข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของพระองค์ เป็นความจริงด้วยเถิด

27 แต่ พระเจ้า พระองค์จะอาศัยอยู่กับพวกเราบนโลกนี้จริงๆหรือ แม้แต่ฟ้าสวรรค์และสวรรค์ชั้นสูงสุดนั้นยังไม่สามารถรองรับพระองค์ได้ แล้วนับประสาอะไรกับวิหารที่เราได้สร้างขึ้นหลังนี้เล่า 28 แต่โปรดฟังคำอธิษฐานและคำอ้อนวอนของผู้รับใช้คนนี้ของพระองค์ด้วยเถิด ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดฟังเสียงร่ำร้องและคำอธิษฐานที่ผู้รับใช้ของพระองค์ กำลังอธิษฐานอยู่ต่อหน้าพระองค์ในวันนี้ 29 ในอดีต พระองค์พูดว่า ‘ชื่อของเราจะสถิตอยู่ที่นั่น’ ขอให้ดวงตาของพระองค์เฝ้ามองวิหารหลังนี้ทั้งกลางวันและกลางคืน ขอพระองค์ฟังคำอธิษฐานที่ข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ได้อธิษฐานตอนหันหน้าเข้าหาสถานที่นี้ด้วยเถิด 30 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอให้พระองค์ฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของพระองค์ และของอิสราเอลชนชาติของพระองค์ เมื่อพวกเขาอธิษฐานหันหน้ามายังสถานที่นี้ด้วยเถิด ขอพระองค์ฟังคำอธิษฐานจากบนฟ้าสวรรค์ ซึ่งเป็นที่อาศัยของพระองค์ และเมื่อพระองค์ได้ยินแล้ว ขอโปรดยกโทษให้กับพวกเราด้วยเถิด

31 เมื่อคนหนึ่งคนใดทำผิดต่อเพื่อนบ้านของเขา และต้องสาบาน เมื่อเขามาสาบานต่อหน้าแท่นบูชาของพระองค์ในวิหารแห่งนี้ 32 ขอโปรดรับฟังจากบนฟ้าสวรรค์และตัดสินพวกผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเถิด ขอพระองค์ตัดสินโทษคนที่ทำผิด โดยให้ความผิดของเขาตกลงบนหัวของเขาเอง และประกาศความบริสุทธิ์ของคนที่บริสุทธิ์ โดยให้รางวัลกับเขาตามความบริสุทธิ์ของเขา

33 เมื่อประชาชนชาวอิสราเอลของพระองค์พ่ายแพ้ต่อศัตรู เพราะทำความผิดบาปต่อพระองค์ และเมื่อพวกเขาหันกลับมาหาพระองค์ และสรรเสริญชื่อของพระองค์ และมาอธิษฐานร้องขอต่อพระองค์ในวิหารแห่งนี้ 34 โปรดฟังพวกเขาจากฟ้าสวรรค์ และอภัยให้กับความบาปของอิสราเอลชนชาติของพระองค์ และนำพวกเขากลับสู่แผ่นดินที่พระองค์ได้ให้ไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขาด้วยเถิด

35 หรือเมื่อพระองค์ปิดสวรรค์ไม่ให้ฝนตกลงมา เพราะประชาชนของพระองค์ได้ทำบาปต่อพระองค์ ถ้าพวกเขาหันหน้ามาทางวิหารอธิษฐาน และสรรเสริญชื่อของพระองค์ และหันจากบาปของพวกเขา เพราะพระองค์ได้ลงโทษพวกเขา 36 ก็ขอโปรดฟังจากสวรรค์และให้อภัยบาปของพวกผู้รับใช้พระองค์คืออิสราเอลชนชาติของพระองค์ โปรดสอนพวกเขาให้ใช้ชีวิตในทางที่ถูกต้อง และขอพระองค์ช่วยส่งฝนให้ตกลงมาบนแผ่นดินที่พระองค์ได้ให้ไว้เป็นมรดกกับประชาชนของพระองค์ด้วยเถิด

37 เมื่อเกิดภาวะอดอยาก หรือมีโรคระบาดบนแผ่นดิน หรือเกิดโรคซีดในพืช หรือเกิดเชื้อราทำลายพืช หรือมีตั๊กแตนวัยบินหรือวัยคลานมาทำลายพืชผล หรือมีศัตรูมาล้อมพวกเขาไว้ในเมืองของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นความหายนะหรือโรคร้ายอะไร ที่เกิดขึ้นก็ตาม 38 แล้วอิสราเอลชนชาติของพระองค์ หรือคนหนึ่งคนใด ได้สำนึกผิด เพราะได้รับความทุกข์ทรมานนั้น และได้ยื่นมือไปยังวิหารแห่งนี้ และอธิษฐานหรืออ้อนวอนต่อพระองค์ 39 ขอพระองค์ได้โปรดฟังจากสวรรค์ซึ่งเป็นที่อาศัยของพระองค์ และโปรดยกโทษและช่วยพวกเขาด้วย มีแต่พระองค์เท่านั้นที่รู้จิตใจของมนุษย์ทุกคน อย่างนั้นได้โปรดตอบแทนพวกเขาตามการกระทำของพวกเขาด้วยเถิด 40 เพื่อว่าพวกเขาจะได้ยำเกรงพระองค์ตลอดวันเวลาที่พวกเขามีชีวิตอยู่ในแผ่นดินที่พระองค์ได้ยกให้กับบรรพบุรุษของพวกเรา

41 ส่วนคนต่างชาติที่ไม่ใช่อิสราเอลชนชาติของพระองค์ เมื่อพวกเขาได้เดินทางมาจากแดนไกล เพราะชื่อเสียงของพระองค์ 42 เพราะพวกเขาได้ยินชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ และมืออันทรงพลัง และแขนที่ยื่นออกมาพร้อมที่จะช่วย เมื่อคนต่างชาตินั้นหันหน้ามาทางวิหารนี้และอธิษฐาน 43 ขอพระองค์ได้โปรดฟังจากสวรรค์ซึ่งเป็นที่อาศัยของพระองค์ และโปรดทำทุกอย่างตามที่คนต่างชาติคนนั้นขอจากพระองค์ด้วยเถิด เพื่อชนทุกชาติบนโลกนี้จะได้รู้จักชื่อเสียงของพระองค์ และยำเกรงพระองค์ เหมือนกับที่อิสราเอลชนชาติของพระองค์ทำ และเพื่อพวกเขาจะได้รู้ว่าวิหารหลังนี้ที่ข้าพเจ้าได้สร้างขึ้นมาเป็นของพระองค์

44 เมื่อประชาชนของพระองค์ไปรบกับศัตรูของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดก็ตามที่พระองค์ส่งพวกเขาไป และเมื่อพวกเขาอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ โดยหันหน้าไปทางเมืองที่พระองค์ได้เลือกไว้และหันไปทางวิหารที่ข้าพเจ้าได้สร้างไว้เพื่อเป็นเกียรติแก่ชื่อของพระองค์ 45 ก็ขอให้พระองค์ฟังคำอธิษฐานและคำอ้อนวอนของพวกเขาจากบนสวรรค์ และช่วยเหลือพวกเขาด้วยเถิด

46 เมื่อพวกเขาทำบาปต่อพระองค์ เพราะไม่มีใครหรอกที่ไม่ทำบาปเลย และพระองค์โกรธพวกเขาและส่งพวกเขาให้ตกไปอยู่ในกำมือของศัตรูที่เข้ามาจับพวกเขาไปเป็นเชลย และพาไปอยู่ในแผ่นดินของศัตรูไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลก็ตาม 47 ถ้าพวกเขาสำนึกผิดตอนอยู่ในแผ่นดินที่พวกเขาถูกจับไปนั้น และพวกเขาได้กลับตัวกลับใจ แล้วได้อ้อนวอนต่อพระองค์ในแผ่นดินของผู้ที่จับพวกเขาไปนั้น และพวกเขาพูดว่า ‘พวกเราได้ทำบาป และทำผิดไปแล้ว พวกเราได้ทำตัวเลวมาก’ 48 และถ้าพวกเขาหันกลับมาหาพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจของพวกเขาในแผ่นดินของศัตรูที่ได้จับตัวพวกเขาไป และได้อธิษฐานต่อพระองค์โดยหันหน้ามาทางแผ่นดินของตัวเอง ที่พระองค์ได้ยกให้กับบรรพบุรุษของพวกเขา และได้หันไปทางเมืองที่พระองค์ได้เลือกไว้ และหันไปทางวิหารที่ข้าพเจ้าได้สร้างไว้เพื่อเป็นเกียรติแก่ชื่อของพระองค์ 49 ก็ขอให้พระองค์ฟังคำอธิษฐานและคำอ้อนวอนของพวกเขาจากบนสวรรค์ ซึ่งเป็นที่อาศัยของพระองค์นั้น และช่วยเหลือพวกเขาด้วยเถิด 50 และโปรดยกโทษให้กับชนชาติของพระองค์ ที่ได้ทำบาปต่อพระองค์ไป แล้วโปรดให้อภัยต่อการทรยศทั้งสิ้นที่พวกเขาทำต่อพระองค์ และโปรดทำให้ผู้ที่จับพวกเขาไป สงสารพวกเขาด้วยเถิด 51 เพราะพวกเขาเป็นชนชาติของพระองค์และเป็นสมบัติของพระองค์ เป็นคนที่พระองค์ได้พาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ออกมาจากเตาหลอมเหล็กนั้น

52 ขอให้ดวงตาของพระองค์ มองดูการอ้อนวอนของผู้รับใช้ของพระองค์คนนี้ และของอิสราเอลชนชาติของพระองค์ และเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาร้องเรียกหาพระองค์ ขอให้พระองค์ฟังพวกเขา 53 เพราะพระองค์ได้แยกพวกเขาออกมาจากชนชาติทั้งหลายในโลกนี้ เพื่อที่จะให้พวกเขามาเป็นสมบัติของพระองค์เอง เหมือนกับที่พระองค์เคยสัญญาไว้ผ่านโมเสสผู้รับใช้พระองค์ เมื่อครั้งที่พระองค์ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต ได้นำบรรพบุรุษของพวกข้าพเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์”

ซาโลมอนอวยพรที่ประชุม

54 เมื่อซาโลมอนอธิษฐานและอ้อนวอนต่อพระยาห์เวห์เสร็จแล้ว เขาก็ลุกไปจากหน้าแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ตรงที่เขาได้คุกเข่าลงและยกมือขึ้นสู่ฟ้า 55 เขาได้ยืนขึ้นและอวยพรคนอิสราเอลทั้งหมดที่มาชุมนุมกันอยู่ที่นั่น ด้วยเสียงอันดังว่า

56 “ขอสรรเสริญองค์พระยาห์เวห์ ผู้ที่ได้ให้อิสราเอลชนชาติของพระองค์ได้หยุดพัก ตามที่พระองค์เคยให้สัญญาไว้ ไม่มีคำสัญญาดีๆสักเรื่องของพระองค์ที่ได้ให้ไว้ผ่านทางโมเสสผู้รับใช้พระองค์ ได้ล้มเหลวไป 57 ขอให้พระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเราอยู่กับพวกเราเหมือนที่พระองค์เคยอยู่กับบรรพบุรุษของพวกเรา ขอให้พระองค์อย่าได้ละทิ้งพวกเราไปเลย 58 ขอให้พระองค์หันเหจิตใจของพวกเราให้มาอยู่กับพระองค์ เพื่อเราจะได้ใช้ชีวิตตามวิถีทางทั้งสิ้นของพระองค์ และเพื่อเราจะได้รักษาพวกคำสั่ง กฎและข้อบังคับทั้งหลายของพระองค์ ที่พระองค์ได้สั่งไว้กับบรรพบุรุษของพวกเรา 59 และขอให้คำพูดเหล่านี้ของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าได้อ้อนวอนต่อหน้าพระยาห์เวห์ อยู่ใกล้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราทั้งกลางวันและกลางคืน และขอให้พระองค์ช่วยเหลือผู้รับใช้คนนี้ของพระองค์ และช่วยเหลืออิสราเอลชนชาติของพระองค์ ตามความจำเป็นในแต่ละวัน 60 เพื่อว่าทุกชนชาติบนโลกนี้ จะได้รู้ว่าพระยาห์เวห์คือพระเจ้า ไม่มีพระเจ้าองค์อื่นอีก 61 อย่างนั้น ขอให้ทุ่มเทตัวเองอย่างเต็มที่ให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา และใช้ชีวิตตามกฎทั้งหลายของพระองค์ และรักษาคำสั่งทั้งหลายของพระองค์ อย่างที่ทำในวันนี้”

ซาโลมอนถวายเครื่องบูชา

(2 พศด. 7:4-11)

62 แล้วกษัตริย์และประชาชนอิสราเอลทั้งหมดที่อยู่กับเขาก็ถวายเครื่องสัตวบูชาต่อหน้าพระยาห์เวห์ 63 ซาโลมอนได้ถวายสัตว์เหล่านี้เพื่อเป็นเครื่องสังสรรค์บูชาให้แก่พระยาห์เวห์ คือวัวสองหมื่นสองพันตัว แกะหนึ่งแสนสองหมื่นตัว แล้วกษัตริย์กับชาวอิสราเอลทั้งหมดก็ได้อุทิศวิหารให้กับพระยาห์เวห์

64 ในวันเดียวกันนั้น กษัตริย์ได้ทำการอุทิศส่วนกลางของลานที่อยู่ด้านหน้าวิหารของพระยาห์เวห์นั้นให้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อว่าเขาจะได้ใช้ที่นั่นเป็นที่ถวายเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาจากเมล็ดพืช และส่วนไขมันสัตว์ของเครื่องสังสรรค์บูชา เพราะแท่นบูชาที่ทำจากทองสัมฤทธิ์ที่ตั้งไว้ตรงหน้าพระยาห์เวห์นั้นเล็กเกินไปสำหรับเครื่องบูชาทั้งหมดนี้

65 แล้วซาโลมอนก็ได้จัดงานเลี้ยงฉลอง[d] ขึ้นในเวลานั้น และชาวอิสราเอลทั้งหมดก็มาร่วมงานกับเขาด้วย เป็นการชุมนุมที่ยิ่งใหญ่มาก มีประชาชนมากันตั้งแต่ทางเข้าเมืองฮามัทไปไกลจนถึงลำธารอียิปต์ พวกเขาได้เฉลิมฉลองกันต่อหน้าพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเรา เป็นเวลาเจ็ดวัน[e] 66 แล้วในวันที่แปด ซาโลมอนก็ไปส่งประชาชนกลับบ้าน พวกเขาได้อวยพรให้กับกษัตริย์ และก็กลับบ้านไปด้วยจิตใจร่าเริงยินดี เนื่องจากสิ่งดีๆทั้งหมดที่พระยาห์เวห์ได้ทำให้กับดาวิดผู้รับใช้พระองค์และให้กับอิสราเอลชนชาติของพระองค์

กิจการ 7:51-8:13

51 พวกคุณหัวแข็ง ใจแข็งกระด้างและดื้อดึง พวกคุณได้แต่ต่อต้านพระวิญญาณบริสุทธิ์เหมือนกับบรรพบุรุษของคุณ 52 มีผู้พูดแทนพระเจ้าคนไหนบ้าง ที่บรรพบุรุษของคุณไม่ได้ข่มเหง พวกเขาฆ่าแม้กระทั่งคนพวกนั้นที่นานมาแล้วได้ประกาศถึงการมาขององค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ และตอนนี้พวกคุณก็ได้ทรยศและฆ่าพระองค์แล้ว 53 พวกคุณนั่นแหละ เป็นพวกที่ได้รับกฎปฏิบัติที่พวกทูตสวรรค์นำมา แต่พวกคุณก็ไม่ยอมเชื่อฟังกฎนั้น”

สเทเฟนถูกฆ่า

54 เมื่อผู้นำชาวยิวได้ยินอย่างนั้น ต่างก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พวกเขาแยกเขี้ยวยิงฟันเข้าใส่สเทเฟน 55 แต่สเทเฟนเต็มไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เขามองขึ้นบนท้องฟ้า และได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และเห็นพระเยซูยืนอยู่ด้านขวาของพระองค์ 56 เขาจึงพูดขึ้นว่า “ดูนั่นสิ ผมเห็นสวรรค์เปิด และบุตรมนุษย์ยืนอยู่ด้านขวาของพระเจ้า” 57 ขณะเดียวกัน พวกนั้นก็แหกปากร้องตะโกน เอามืออุดหู และต่างวิ่งกรูกันเข้าใส่สเทเฟน 58 พวกเขาลากสเทเฟนออกนอกเมืองและเอาหินขว้างเขา พวกที่พูดปรักปรำใส่ร้ายเขาต่างก็ทิ้งเสื้อคลุมของตนไว้ที่เท้าของชายหนุ่มที่ชื่อเซาโล 59 จากนั้นพวกเขาได้เอาก้อนหินขว้างสเทเฟน ที่กำลังอธิษฐานว่า “พระเยซูเจ้า รับจิตวิญญาณของข้าพเจ้าด้วย” 60 แล้วเขาก็คุกเข่า ร้องเสียงดังว่า “องค์เจ้าชีวิต อย่าถือโทษที่พวกเขาทำบาปครั้งนี้เลย” พออธิษฐานจบ สเทเฟนก็ตาย

เซาโลก็เห็นด้วยกับการฆ่าสเทเฟน

ความยุ่งยากในหมู่ผู้เชื่อ

ในช่วงเวลานั้นการข่มเหงหมู่ประชุมของพระเจ้าครั้งยิ่งใหญ่เริ่มต้นในเมืองเยรูซาเล็ม เหล่าผู้เชื่อทั้งหมด ยกเว้นพวกศิษย์เอก ต่างกระจัดกระจายไปทั่วแคว้นยูเดีย และแคว้นสะมาเรีย มีชายบางคนที่ยำเกรงพระเจ้าจัดการฝังศพของสเทเฟน และร้องไห้คร่ำครวญถึงเขาอย่างน่าเวทนา ส่วนเซาโลก็เริ่มทำลายล้างหมู่ประชุมของพระเจ้า ด้วยการฉุดกระชากลากถูทั้งหญิงและชายจากบ้านนั้นบ้านนี้เอาไปขังไว้ในคุก

ฟีลิปประกาศข่าวดีในสะมาเรีย

ส่วนผู้เชื่อที่กระจัดกระจายไป ก็ได้ไปประกาศพระคำที่เป็นข่าวดีในที่ทุกหนทุกแห่ง ฟีลิป[a] ไปที่เมืองหนึ่งในแคว้นสะมาเรีย และประกาศเรื่องกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ให้ผู้คนที่นั่นฟัง เมื่อฝูงชนได้ยินเขาพูดและเห็นปาฏิหาริย์ที่เขาทำ ก็ตั้งใจฟังในสิ่งที่เขาพูด พวกผีร้ายที่สิงคนต่างกรีดร้องเสียงดัง และออกจากร่างของคนเหล่านั้นไป พวกคนเป็นอัมพาตและคนง่อยได้รับการรักษาจนหาย แล้วเมืองนั้นก็เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี

มีชายคนหนึ่งชื่อซีโมน เขาอยู่เมืองนั้นมานานแล้ว และใช้เวทมนตร์คาถาจนทำให้ชาวสะมาเรียทึ่งในตัวเขามาก เขาอ้างตัวเองว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ 10 ประชาชนทุกคนตั้งแต่คนชั้นต่ำจนถึงคนชั้นสูง ต่างก็ให้ความสนใจในตัวเขามาก และพูดกันว่า “ชายคนนี้มีฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่เรียกว่า ‘อำนาจมหาศาล’” 11 ผู้คนสนใจซีโมน เพราะเขาทำให้คนทึ่งในเวทมนตร์คาถาของเขามานานแล้ว 12 แต่เมื่อคนพวกนี้มาเชื่อฟีลิปในเรื่องข่าวดีเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า และชื่อของพระเยซูกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ พวกเขาทั้งชายและหญิงก็เข้าพิธีจุ่มน้ำ 13 แม้แต่ซีโมนก็เชื่อด้วย และหลังจากเข้าพิธีจุ่มน้ำแล้ว เขาก็ตามฟีลิปไปทุกแห่ง เขาก็ทึ่งเมื่อเห็นปาฏิหาริย์และการอัศจรรย์ที่ฟีลิปทำ

สดุดี 129

อธิษฐานให้ศัตรูพ่ายแพ้

เพลงที่ร้องในระหว่างทางที่ขึ้นไปยังวิหาร

พวกศัตรูข่มเหงข้าพเจ้ามาเรื่อยตั้งแต่หนุ่มๆแล้ว
    ให้อิสราเอลพูดว่า
“พวกศัตรูได้ข่มเหงข้าพเจ้ามาเรื่อยตั้งแต่หนุ่มๆแล้ว
    แต่ไม่เคยชนะข้าพเจ้าได้เลย
พวกเขาตีข้าพเจ้าอย่างรุนแรง
    ทำให้เกิดบาดแผลมากมาย
    หลังข้าพเจ้าดูเหมือนรอยไถอันยาว
แต่พระยาห์เวห์ผู้ยุติธรรม
    ได้ตัดเชือกเหล่านั้นที่พวกคนชั่วใช้ผูกมัดข้าพเจ้า”
ขอให้ทุกคนที่เกลียดชังศิโยน
    ได้รับความอับอาย และพ่ายแพ้ล่าถอยไป
ขอให้พวกเขาเป็นเหมือนหญ้าบนดาดฟ้า
    ที่เหี่ยวแห้งไปก่อนที่มันจะทันยาวขึ้น
เป็นหญ้าที่คนเก็บเกี่ยวได้ไม่ถึงกำมือ
    ไม่พอที่จะรวบได้เต็มอก
ขออย่าให้ผู้คนที่เดินผ่านมาตะโกนอวยพรให้กับพวกเขาว่า
    “ขอให้พระยาห์เวห์อวยพรเจ้า”
    หรือ “พวกเราอวยพรเจ้าในนามของพระยาห์เวห์”

สุภาษิต 17:1

17 มีแค่เปลือกขนมปังแห้งเป็นอาหารในที่เงียบสงบ
    ยังดีกว่าอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยงานเลี้ยงพร้อมกับการทะเลาะวิวาท

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International