The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NIV. Switch to the NIV to read along with the audio.
เยฮูไปยิสเรเอล
14 เยฮูลูกชายของเยโฮชาฟัทที่เป็นลูกชายของนิมชี จึงได้รวบรวมผู้คนขึ้นกบฏต่อโยรัม (ขณะนั้น โยรัมและอิสราเอลทั้งหมดกำลังต่อสู้ป้องกันราโมท-กิเลอาด จากกษัตริย์ฮาซาเอลของอารัม 15 แต่กษัตริย์โยรัมได้กลับมาถึงยิสเรเอลเพื่อรักษาตัวจากบาดแผลที่พวกอารัมได้ทำร้ายเขาไว้จากการรบกับกษัตริย์ฮาซาเอลของอารัม)
เยฮูพูดว่า “ถ้าพวกท่านเห็นด้วยกับสิ่งที่เราทำ อย่าให้ใครหลบออกไปจากเมืองเพื่อไปบอกข่าวในยิสเรเอลได้”
16 แล้วเยฮูก็ขึ้นรถรบของเขาและขับมันไปที่ยิสเรเอล เพราะโยรัมกำลังพักฟื้นอยู่ที่นั่นพอดี ในเวลานั้นกษัตริย์อาหัสยาห์ของยูดาห์ได้ลงไปเยี่ยมเยียนกษัตริย์โยรัม
17 เมื่อคนเฝ้ายามที่ยืนอยู่บนหอคอยในยิสเรเอลเห็นกองทัพของเยฮูกำลังใกล้เข้ามา เขาร้องออกมาว่า “เราเห็นกองทัพจำนวนหนึ่งกำลังใกล้เข้ามา”
กษัตริย์โยรัมจึงออกคำสั่งไปว่า “เตรียมทหารม้าไว้คนหนึ่ง ส่งเขาไปพบคนเหล่านั้นและถามว่า ‘พวกท่านมาอย่างสันติหรือไม่’”
18 ทหารม้าคนนั้นขี่ม้าออกไปพบกับเยฮูและพูดว่า “กษัตริย์สั่งให้มาถามว่า ‘พวกท่านมาอย่างสันติหรือไม่’”
เยฮูตอบไปว่า “ท่านต้องการสันติไปทำอะไร มาติดตามเราเถิด”
คนสังเกตการณ์มารายงานว่า “คนส่งข่าวไปถึงพวกเขาแล้ว แต่ไม่ได้กลับออกมา”
19 กษัตริย์จึงส่งทหารม้าคนที่สองออกไปอีก เมื่อเขาเข้าไปหาคนเหล่านั้น เขาก็พูดว่า “กษัตริย์สั่งให้มาถามว่า ‘ท่านมาอย่างสันติ[a] หรือไม่’”
เยฮูตอบไปว่า “ท่านต้องการสันติไปทำอะไร มาติดตามเราเถิด”
20 คนสังเกตการณ์กลับมารายงานว่า “คนส่งข่าวไปถึงคนพวกนั้นแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้กลับออกมาเหมือนกัน คนขับรถรบนั้นเหมือนกับเยฮู ลูกชายของนิมชี เขาขับเหมือนกับคนบ้า”
21 โยรัมออกคำสั่งไปว่า “เตรียมรถรบให้เรา”
และเมื่อรถรบมาถึง กษัตริย์โยรัมของอิสราเอลและกษัตริย์อาหัสยาห์ของยูดาห์ก็ได้ขับมันออกไป ทั้งสองคนต่างก็ขับรถรบของตัวเองไป เพื่อไปพบกับเยฮู พวกเขามาพบเยฮูบนที่ดินผืนหนึ่งที่เป็นของนาโบทชาวยิสเรเอล
22 เมื่อโยรัมเห็นเยฮูก็ถามขึ้นว่า “เยฮู ท่านมาอย่างสันติหรือเปล่า”
เยฮูตอบว่า “จะมีสันติได้อย่างไร ในเมื่อบรรดารูปเคารพและเวทมนตร์คาถา[b] เหล่านั้นของแม่ท่าน ยังมีอยู่อย่างเกลื่อนกลาด”
23 โยรัมหันรถกลับและหนีไป เขาร้องบอกกับอาหัสยาห์ว่า “อาหัสยาห์ มันทรยศพวกเรา”
24 แล้วเยฮูก็โก่งคันธนูสุดแรงเกิดของเขา ยิงไปถูกโยรัมตรงระหว่างไหล่[c] ลูกธนูปักทะลุหัวใจของโยรัม และเขาก็ล้มลงอยู่ในรถรบของเขา
25 เยฮูได้พูดกับบิดคาร์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ประจำรถรบของโยรัมว่า “เอาตัวเขาขึ้นมาและโยนเขาไว้ในที่นาของนาโบทชาวยิสเรเอล จำได้ไหมว่า เรากับท่านเคยขับรถรบร่วมกันตามหลังอาหับพ่อของโยรัมเมื่อครั้งที่พระยาห์เวห์ทำนายเกี่ยวกับเขาไว้ว่า 26 ‘พระยาห์เวห์ประกาศว่า เมื่อวานนี้ เราได้เห็นเลือดของนาโบทและเลือดของบรรดาลูกชายของเขา และพระยาห์เวห์ ประกาศอีกว่า เราจะทำให้เจ้าต้องชดใช้มันบนที่ดินที่เป็นของเขา’ ฉะนั้นในตอนนี้ เอาตัวเขาขึ้นมาและโยนเขาไปบนที่ดินผืนนั้น ตามคำพูดของพระยาห์เวห์”
27 เมื่อกษัตริย์อาหัสยาห์ของยูดาห์ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ก็หลบหนีไปบนถนนที่ไปสู่เบธฮักกาน เยฮูไล่ตามเขาไปและตะโกนว่า “ฆ่ามันด้วย”
พวกเขาทำให้กษัตริย์อาหัสยาห์ได้รับบาดเจ็บอยู่บนรถรบของเขาในระหว่างทางที่จะขึ้นไปเมืองกูร์ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองอิบเลอัม แต่เขาได้หนีไปถึงเมกิดโดและตายที่นั่น 28 บรรดาคนรับใช้ของเขาได้ใช้รถรบบรรทุกศพของเขาไปถึงเมืองเยรูซาเล็มและฝังเขาไว้กับบรรพบุรุษของเขาที่หลุมฝังศพของเขาในเมืองของดาวิด
29 (อาหัสยาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ ตรงกับปีที่สิบเอ็ดที่โยรัมลูกชายของอาหับ เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล)
ความตายที่น่ากลัวของเยเซเบล
30 แล้วเยฮูก็ไปที่เมืองยิสเรเอล เมื่อเยเซเบลได้ยินเรื่องนี้เข้า นางใช้เครื่องสำอางแต่งที่ตาของนาง และทำผมใหม่และมองออกไปที่หน้าต่างบานหนึ่ง 31 เมื่อเยฮูเข้ามาที่ประตู นางถามว่า “ศิมรี[d] เจ้ามาอย่างสันติหรือ เจ้าฆาตกรผู้ฆ่าเจ้านายของตัวเอง”
32 เยฮูมองขึ้นไปที่หน้าต่างบานนั้น และร้องออกมาว่า “ใครอยู่ฝ่ายเรา ใครบ้าง”
มีขันทีอยู่สองสามคนมองลงมาที่เขา 33 เยฮูจึงพูดว่า “โยนตัวนางลงมาสิ”
พวกเขาจึงโยนนางลงมา เลือดของนางบางส่วนกระเด็นไปติดกำแพงและติดตัวม้าบางตัวที่เหยียบย่ำลงบนตัวนาง 34 เยฮูเข้าไปในบ้าน ไปกินและดื่ม เขาพูดว่า “ดูแลหญิงที่ถูกสาปแช่งคนนั้น และฝังนางไว้ เพราะอย่างไรเสียนางก็เป็นลูกสาวของกษัตริย์”
35 แต่เมื่อพวกเขาออกไปเพื่อที่จะฝังศพนาง พวกเขาก็ไม่พบชิ้นส่วนใดของนางเลย นอกจากหัวกะโหลก เท้าและมือทั้งสองข้างของนาง 36 พวกเขากลับมาบอกเยฮู เยฮูจึงบอกไปว่า “พระยาห์เวห์ได้พูดผ่านทางเอลียาห์ชาวเมืองทิชบีผู้รับใช้พระองค์ว่า บนที่ดินในเมืองยิสเรเอล หมาหลายตัวจะมารุมกินเนื้อของเยเซเบล 37 ศพของเยเซเบลจะกระจัดกระจายไปเหมือนขี้วัวทั่วทุ่งในเขตแดนยิสเรเอล เพื่อจะได้ไม่มีใครบอกได้ว่า ‘นี่คือเยเซเบล’”
การฆ่าล้างเผ่าพันธ์กษัตริย์อาหับ
10 มีลูกชายของอาหับอยู่เจ็ดสิบคนในเมืองสะมาเรีย เยฮูจึงเขียนจดหมายหลายฉบับส่งไปเมืองสะมาเรีย ไปถึงพวกผู้นำของเมืองยิสเรเอล ไปถึงพวกผู้ใหญ่และพวกผู้ดูแลลูกๆของอาหับ เยฮูพูดว่า 2 “เนื่องจากว่าพวกลูกชายของเจ้านายท่านยังอยู่กับท่าน และท่านก็ยังมีพวกรถรบและพวกม้า มีเมืองที่เป็นป้อมปราการ มีพวกอาวุธ ทันทีที่จดหมายฉบับนี้ถึงมือท่าน 3 ให้เลือกลูกชายคนที่ดีที่สุดและที่เหมาะสมที่สุดในบรรดาลูกชายทั้งหมดของเจ้านายท่าน และให้เขาขึ้นนั่งบนบัลลังก์ของพ่อของเขา และให้ต่อสู้เพื่อครอบครัวของเจ้านายท่านสิ”
4 แต่พวกเขากลัวสุดขีดและพูดกันว่า “ดูสิ ขนาดกษัตริย์สององค์ยังไม่สามารถต่อต้านเขาได้เลย แล้วพวกเราจะไปหยุดเขาได้ยังไง”
5 ดังนั้น ผู้ดูแลวัง ผู้ว่าการเมือง บรรดาผู้ใหญ่ทั้งหลายและผู้ดูแลลูกๆของอาหับจึงได้ส่งคนไปบอกเยฮูว่า “พวกข้าพเจ้าคือผู้รับใช้ของท่านและพวกข้าพเจ้าจะทำทุกสิ่งทุกอย่างตามที่ท่านพูด พวกข้าพเจ้าจะไม่แต่งตั้งใครเป็นกษัตริย์ทั้งสิ้น ท่านเห็นว่าอะไรดีก็ทำเถิด”
6 แล้วเยฮูก็เขียนจดหมายฉบับที่สองถึงพวกเขาว่า “ถ้าพวกท่านอยู่ฝ่ายเรา และเชื่อฟังเรา วันพรุ่งนี้ เวลานี้ ให้เอาหัว[e] ของพวกลูกชายเจ้านายท่านมาให้กับเราในเมืองยิสเรเอล”
ในเวลานั้น พวกเจ้าชายทั้งเจ็ดสิบองค์ได้อยู่กับพวกผู้นำของเมืองที่มีหน้าที่ดูแลพวกเขาอยู่ 7 เมื่อจดหมายฉบับนี้มาถึง คนเหล่านี้ก็จับตัวพวกเจ้าชายเหล่านั้นมาฆ่าทิ้งหมดทั้งเจ็ดสิบองค์ พวกเขาเอาหัวของเจ้าชายเหล่านั้นใส่ไว้ในตะกร้าและส่งไปให้กับเยฮูในเมืองยิสเรเอล 8 เมื่อคนส่งข่าวมาถึง เขาได้บอกกับเยฮูว่า “พวกเขาได้นำหัวของเจ้าชายเหล่านั้นมาแล้ว”
เยฮูจึงสั่งไปว่า “เอาหัวเหล่านั้นกองไว้เป็นสองกองที่ทางเข้าประตูเมืองจนกว่าจะเช้า”
9 เช้าวันต่อมา เยฮูได้ออกไปข้างนอก เขาไปยืนอยู่ต่อหน้าประชาชนทั้งหมดและพูดว่า “พวกเจ้าไร้ความผิด เป็นเราเองที่ได้กบฏต่อเจ้านายของเราและฆ่าเขาเสีย แต่ใครล่ะที่ฆ่าคนเหล่านี้ 10 รู้ไว้เถิดว่า คำพูดทุกคำที่พระยาห์เวห์ได้พูดต่อต้านครอบครัวของอาหับนั้น จะต้องเป็นจริงทุกคำ พระยาห์เวห์ได้ทำในสิ่งที่พระองค์ได้พูดไว้ผ่านทางเอลียาห์ผู้รับใช้พระองค์”
11 เยฮูก็เลยฆ่าทุกคนในครอบครัวของอาหับที่ยังเหลืออยู่ในเมืองยิสเรเอลจนหมด รวมทั้งพวกผู้นำของเขา รวมทั้งเพื่อนสนิทและพวกนักบวชของเขา ไม่เหลือใครสักคนเลย
12 แล้วเยฮูก็ออกเดินทางไปที่เมืองสะมาเรีย ถึงที่เบธเอเขดซึ่งเป็นค่ายของพวกคนเลี้ยงแกะ 13 เขาพบกับญาติๆของกษัตริย์อาหัสยาห์แห่งยูดาห์ และได้ถามพวกเขาว่า “พวกเจ้าเป็นใครกัน”
พวกเขาตอบว่า “พวกเราเป็นญาติของอาหัสยาห์ และพวกเราได้ลงมาที่นี่เพื่อเยี่ยมเยียนครอบครัวของกษัตริย์และครอบครัวของแม่กษัตริย์”
14 เยฮูสั่งว่า “จับพวกมันทั้งเป็น” พวกเขาจึงได้จับตัวคนเหล่านั้นไว้และนำตัวไปฆ่าที่ข้างบ่อเก็บน้ำของเบธเอเขด รวมทั้งหมดสี่สิบสองคน เขาไม่ไว้ชีวิตสักคนเลย
เยฮูพบกับเยโฮนาดับ
15 หลังจากที่เยฮูออกจากที่นั่น เขาได้พบกับเยโฮนาดับลูกชายของเรคาบซึ่งกำลังมาหาเขา เยฮูทักทายเยโฮนาดับ และพูดว่า “เจ้าเป็นเพื่อนที่ซื่อตรงต่อเรา เหมือนกับที่เราซื่อตรงต่อเจ้าหรือเปล่า”[f]
เยโฮนาดับตอบว่า “ซื่อตรงสิ”
เยฮูพูดอีกว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้น ให้เราจับมือสัญญากัน”
เยโฮนาดับจึงยื่นมือให้ แล้วเยฮูก็ให้เขาขึ้นมาบนรถรบ
16 เยฮูพูดว่า “ไปกับเราและไปดูความร้อนรนของเราที่มีต่อพระยาห์เวห์เถิด”
แล้วเขาก็พาเยโฮนาดับไปกับรถรบของเขาด้วย 17 เมื่อเยฮูมาถึงเมืองสะมาเรีย เขาได้ฆ่าทุกคนในครอบครัวของอาหับที่ยังเหลืออยู่ จนหมดเกลี้ยง ตามคำพูดของพระยาห์เวห์ที่ได้พูดไว้กับเอลียาห์
เยฮูฆ่าคนที่นมัสการพระบาอัล
18 แล้วเยฮูเรียกประชาชนทั้งหมดมารวมตัวกันและพูดกับพวกเขาว่า “อาหับรับใช้พระบาอัลแต่เพียงเล็กน้อย แต่เยฮูจะรับใช้พระบาอัลให้มากกว่านั้นอีก 19 ตอนนี้ เรียกตัวพวกผู้พูดแทนพระบาอัลทั้งหมด รวมทั้งผู้นมัสการและนักบวชของพระบาอัลทั้งหมดมา ดูให้ดีอย่าให้ขาดใครแม้แต่คนเดียว เพราะเรากำลังจะถวายเครื่องบูชาที่ยิ่งใหญ่ให้กับพระบาอัล ใครที่ไม่มาร่วมงานจะต้องตาย”
แต่เยฮูกำลังหลอกพวกเขาเพื่อที่จะได้ทำลายพวกที่บูชาพระบาอัลให้หมด 20 เยฮูสั่งว่า “ให้จัดประชุมอันศักดิ์สิทธิ์ให้กับพระบาอัล” พวกเขาจึงได้ประกาศออกไป 21 แล้วเยฮูก็ประกาศไปทั่วอิสราเอล และพวกที่บูชาพระบาอัลทั้งหมดก็มา ไม่ขาดใครเลยแม้แต่คนเดียว พวกเขาได้ชุมนุมกันอยู่ในวิหาร ของพระบาอัลจนกระทั่งวิหารมีคนเต็มไปหมดทุกด้าน
22 เยฮูก็พูดกับคนดูแลเรื่องเสื้อผ้าว่า “หาเสื้อมาให้กับผู้ที่บูชาพระบาอัลทั้งหมด” เขาก็เอาชุดเหล่านั้นออกมาให้พวกนั้น
23 แล้วเยฮูและเยโฮนาดับลูกชายของเรคาบ เข้าไปในวิหารของพระบาอัล เยฮูพูดกับพวกที่บูชาพระบาอัลว่า “ดูให้ดี ให้แน่ใจว่าไม่มีพวกที่นมัสการพระยาห์เวห์อยู่ท่ามกลางพวกเจ้า ให้เหลือแต่คนที่บูชาพระบาอัลเท่านั้น” 24 พวกเขาจึงเข้าไปถวายเครื่องสัตวบูชาและเครื่องเผาบูชา
ขณะนั้นเยฮูได้จัดคนไว้แปดสิบคนให้อยู่ด้านนอกพร้อมกับสั่งพวกเขาไว้ว่า “ถ้าพวกเจ้าคนหนึ่งคนใดปล่อยให้ใครในพวกนั้นที่เราได้มอบไว้ในมือของพวกเจ้าแล้ว หลบหนีไปได้ พวกเจ้าจะต้องชดใช้ด้วยชีวิตของเจ้าเอง”
25 ทันทีที่เยฮูถวายเครื่องเผาบูชาเสร็จสิ้นลง เขาก็ได้สั่งพวกทหารรักษาพระองค์และพวกผู้นำทหารว่า “เข้าไปฆ่าพวกมันให้หมด อย่าให้มีใครเล็ดรอดไปได้”
ดังนั้นพวกเขาจึงเอาดาบฆ่าฟันคนเหล่านั้น เหล่าทหารรักษาพระองค์และพวกผู้นำทหารได้โยนศพออกมาทิ้งข้างนอก แล้วก็เข้าไปในห้องด้านใน[g] ของวิหารพระบาอัลแห่งนั้น 26 พวกเขาเอาแท่งหินศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากวิหารของพระบาอัลและเผามันทิ้ง 27 นอกจากได้ทุบแท่งหินศักดิ์สิทธิ์ของพระบาอัลจนแตกละเอียดแล้ว พวกเขาก็ยังทำลายวิหารของพระบาอัลอีกด้วย และใช้สถานที่นั้นเป็นส้วมสาธารณะมาจนถึงทุกวันนี้
28 แล้วเยฮูก็ได้ทำลายพวกที่บูชาพระบาอัลในอิสราเอลจนหมด 29 ถึงอย่างนั้นก็ตาม เขาก็ไม่ได้หันเหไปจากบาปต่างๆที่เยโรโบอัมลูกชายของเนบัทเคยทำไว้ ซึ่งทำให้อิสราเอลพลอยทำบาปไปด้วย คือเยฮูไม่ได้ทำลายรูปปั้นลูกวัวทองคำที่อยู่ในเบธเอลและดาน
พระยาห์เวห์อวยพรเยฮู
30 พระยาห์เวห์พูดกับเยฮูว่า “เจ้าได้ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของเราจนสำเร็จ และได้ทำให้ครอบครัวของอาหับเป็นเหมือนกับที่เราได้คิดไว้ เพราะอย่างนั้น ลูกหลานของเจ้าจะได้นั่งอยู่บนบัลลังก์ของอิสราเอลจนถึงสี่ชั่วคน”
31 แต่เยฮูไม่ระมัดระวังที่จะทำตามกฎของพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลไว้ด้วยสิ้นสุดใจของเขา เขาไม่ยอมหันเหไปจากบาปของเยโรโบอัม ซึ่งทำให้อิสราเอลพลอยทำบาปไปด้วย
เปาโลและสิลาสในเธสะโลนิกา
17 หลังจากเดินทางผ่านเมืองอัมฟีบุรี และเมืองอปอลโลเนียแล้ว พวกเขาก็มาถึงเมืองเธสะโลนิกา ซึ่งมีที่ประชุมของชาวยิวอยู่ด้วย 2 เปาโลไปประชุมอย่างเคย และยังได้พูดโต้ตอบเรื่องพระคัมภีร์กับพวกเขาในวันหยุดทางศาสนาทุกอาทิตย์ติดต่อกันถึงสามวันหยุด 3 เปาโลอธิบาย และใช้พระคัมภีร์พิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่า กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่จำเป็นต้องทนทุกข์ทรมานและฟื้นขึ้นจากความตาย เปาโลพูดต่อว่า “พระเยซู ที่ผมได้ประกาศให้กับพวกคุณองค์นี้แหละ คือกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่” 4 บางคนในกลุ่มนั้นก็เชื่อเปาโล จึงเข้าร่วมกับเปาโลและสิลาส นอกจากนี้ยังมีชาวกรีกที่นับถือพระเจ้าเป็นจำนวนมากเข้าร่วมกับพวกเขา และยังมีผู้หญิงคนสำคัญอีกจำนวนไม่น้อยด้วย
5 แต่พวกยิวกลับอิจฉา เขาได้รวบรวมพวกอันธพาลตามท้องถนน ก่อการจลาจลทั่วเมือง พวกเขาบุกเข้าไปในบ้านของยาโสน และพยายามที่จะหาตัวเปาโลและสิลาส เพื่อจะลากพวกเขาออกไปที่ฝูงชน 6 แต่พอหาไม่เจอ พวกเขาก็ลากยาโสนกับพี่น้องบางคนออกไปหาเจ้าหน้าที่บ้านเมือง พร้อมกับตะโกนว่า “ไอ้พวกนั้นที่ก่อความวุ่นวายไปทั่วโลก ตอนนี้ได้มาอยู่ที่นี่แล้ว 7 ยาโสนก็ได้ต้อนรับไอ้พวกนั้นไว้ในบ้าน และพวกมันทุกคนได้ทำผิดกฎของซีซาร์เพราะพวกมันบอกว่ามีกษัตริย์อีกองค์ชื่อเยซู”
8 เมื่อฝูงชนและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองได้ยินอย่างนั้น ก็ไม่พอใจ 9 จึงสั่งให้ยาโสนและพวกที่เหลือจ่ายค่าประกันตัว แล้วจึงปล่อยตัวไป
เปาโลและสิลาสไปที่เมืองเบโรอา
10 ในคืนนั้นเอง พวกพี่น้องรีบส่งเปาโลและสิลาสไปเมืองเบโรอา เมื่อสองคนไปถึงที่นั่นก็เข้าไปในที่ประชุม 11 คนยิวที่นี่มีใจกว้างกว่าคนยิวในเมืองเธสะโลนิกา พวกเขารับพระคำอย่างเต็มใจ และศึกษาพระคัมภีร์อย่างละเอียดทุกวัน เพื่อจะได้รู้ว่าสิ่งที่เปาโลสอนนั้นจริงหรือไม่ 12 ด้วยเหตุนี้ จึงมีชาวยิวหลายคนมาเชื่อ รวมถึงผู้หญิงคนสำคัญที่เป็นชาวกรีก และผู้ชายกรีกอีกหลายคน 13 เมื่อชาวยิวในเมืองเธสะโลนิการู้ว่าเปาโลได้มาประกาศพระคำของพระเจ้าที่เมืองเบโรอาด้วย พวกเขาก็พากันมาที่นั่น แล้วเริ่มก่อกวนและยุยงฝูงชน 14 พวกพี่น้องจึงรีบส่งเปาโลออกเดินทางไปที่ชายฝั่งทะเล แต่สิลาสและทิโมธียังคงอยู่ที่เมืองเบโรอา 15 คนที่ไปเป็นเพื่อนเปาโล ก็นั่งเรือไปส่งเปาโลถึงเมืองเอเธนส์ เปาโลฝากให้พวกนั้นมาบอกสิลาสและทิโมธีด้วยว่าให้รีบมาหาเขาเร็วๆพวกนั้นก็กลับไปเมืองเบโรอา
เปาโลอยู่ในเมืองเอเธนส์
16 ขณะที่เปาโลกำลังรอคอยสิลาสและทิโมธีอยู่ที่เมืองเอเธนส์นั้น เปาโลกลุ้มอกกลุ้มใจมาก เพราะเขาเห็นรูปเคารพเต็มบ้านเต็มเมือง
17 เขาจึงพูดโต้ตอบกับชาวยิวและชาวกรีกที่นับถือพระเจ้าในที่ประชุมชาวยิว และกับคนที่เขาพบตามตลาดทุกๆวัน 18 พวกนักปราชญ์เอปิคูเรียน[a] และพวกสโตอิก[b] บางคนโต้เถียงกับเขา บางคนพูดว่า “เขาพล่ามเรื่องอะไรหรือ” บางคนพูดว่า “ดูเหมือนเขาจะพูดถึงพระของคนต่างชาตินะ” ที่พวกเขาพูดอย่างนี้ก็เพราะเปาโลกำลังสอนเรื่องพระเยซู และการฟื้นขึ้นจากความตาย 19 พวกเขาจึงนำตัวเปาโลไปที่สภาอาเรโอปากัสแล้วพูดว่า “ช่วยอธิบายคำสอนใหม่ของท่านให้เรารู้หน่อย 20 เพราะท่านได้เอาสิ่งที่แปลกหูมาเล่าให้ฟัง เราจึงอยากรู้ว่ามันหมายถึงอะไร” 21 (ชาวเอเธนส์และชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ที่นั่น วันๆไม่ทำอะไรเลย นอกจากพูดคุยและฟังแต่เรื่องใหม่ๆ)
22 เปาโลจึงยืนขึ้นต่อหน้าสภาอาเรโอปากัสแล้วพูดว่า “ชาวเอเธนส์ทั้งหลาย ผมสังเกตว่าพวกท่านเป็นคนเคร่งศาสนามาก 23 เพราะผมได้เดินไปรอบๆและสังเกตเห็นสิ่งต่างๆที่ท่านบูชา ผมเห็นแท่นบูชาแท่นหนึ่งเขียนว่า ‘แด่พระเจ้าที่ไม่รู้จัก’ ผมกำลังประกาศถึงพระเจ้าที่ท่านบูชาโดยไม่รู้จักองค์นี้แหละ 24 พระองค์เป็นพระเจ้าผู้สร้างโลกและทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ พระองค์เป็นเจ้าของท้องฟ้าและแผ่นดินโลกนี้ พระองค์จึงไม่ได้อยู่ในวัดที่มือมนุษย์สร้างขึ้น 25 พระเจ้าไม่ต้องให้มนุษย์มารับใช้ หรือทำเหมือนกับว่าพระองค์ขาดอะไรอยู่ แต่เป็นพระองค์ต่างหากที่ให้ชีวิต ลมหายใจ และทุกสิ่งทุกอย่างกับมนุษย์ 26 พระองค์ได้ทำให้ชนชาติต่างๆเกิดขึ้นมาจากคนคนเดียว เพื่อพวกเขาจะได้ตั้งรกรากอยู่ทั่วโลก และพระองค์ได้กำหนดเวลาและเขตแดนให้กับพวกเขาอยู่ 27 พระองค์ประสงค์ให้พวกเขาแสวงหาพระองค์ เผื่อบางทีเขาอาจจะไขว่คว้าหาพระองค์แล้วจะได้พบพระองค์ ความจริงแล้วพระองค์ไม่ได้อยู่ห่างไกลจากพวกเราแต่ละคน 28 เพราะในพระองค์ เราถึงมีชีวิตเคลื่อนไหวได้และเป็นอยู่นี้ เหมือนกับที่กวีของท่านผู้หนึ่งได้กล่าวไว้ว่า
‘ด้วยว่าพวกเราคือลูกหลานของพระองค์’
29 ในเมื่อพวกเราเป็นลูกหลานของพระเจ้าแล้ว พวกเราก็ไม่ควรจะคิดว่า พระองค์เป็นเหมือนรูปปั้นที่คนได้คิดออกแบบทำขึ้นจากทองคำ เงิน หรือหิน 30 ในอดีตพระเจ้าได้มองข้ามเรื่องนี้ไป เพราะคนไม่เข้าใจพระองค์อย่างถ่องแท้ แต่ตอนนี้พระองค์ได้สั่งมนุษย์ทุกคนในทุกที่ให้กลับตัวกลับใจเสียใหม่ 31 เพราะพระองค์ได้กำหนดวันที่พระองค์จะพิพากษาโลกนี้อย่างยุติธรรม โดยชายคนหนึ่งที่พระองค์ได้แต่งตั้ง และพระองค์ก็พิสูจน์เรื่องนี้ให้ทุกคนเห็น โดยทำให้ชายคนนี้ฟื้นขึ้นจากความตาย”
32 เมื่อได้ยินเรื่องการฟื้นขึ้นจากความตาย บางคนก็หัวเราะเยาะ แต่บางคนก็พูดว่า “เราอยากฟังท่านพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก” 33 แล้วเปาโลก็ไปจากสภานั้น 34 มีบางคนได้มาเข้าร่วมกับเปาโลและเชื่อ ในคนเหล่านั้นมีดิโอนิสิอัสสมาชิกของสภาอาเรโอปากัส ผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อดามาริสและคนอื่นๆด้วย
อธิษฐานขอให้มีชัยและเจริญรุ่งเรือง
เพลงของดาวิด
1 สรรเสริญพระยาห์เวห์ผู้เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
ผู้ฝึกปรือมือของข้าพเจ้าในการสู้รบ
และฝึกฝนนิ้วของข้าพเจ้าทำสงคราม
2 สำหรับข้าพเจ้าแล้ว พระองค์เป็นความรักที่มั่นคง
เป็นป้อมปราการ เป็นภูผาหลบภัย
เป็นผู้ช่วยให้รอด และเป็นโล่คุ้มกัน ข้าพเจ้าลี้ภัยในพระองค์
พระองค์ทำให้คนของข้าพเจ้าอยู่ภายใต้อำนาจของข้าพเจ้า
3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ มนุษย์เป็นใครกันพระองค์ถึงได้สังเกตพวกเขา
และคนเป็นอะไรพระองค์ถึงได้เอาใจใส่นัก
4 มนุษย์เปรียบเหมือนหมอกที่เหือดหายไปอย่างรวดเร็ว
ชีวิตของพวกเขาก็เปรียบเหมือนเงาที่จางหายไป
5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ แหวกท้องฟ้าของพระองค์ แล้วลงมาสัมผัสพวกภูเขา
แล้วควันก็จะพวยพุ่งออกมาจากภูเขาเหล่านั้น
6 ใช้สายฟ้าตีเหล่าศัตรูของข้าพเจ้าให้กระจัดกระจายไป
ยิงลูกธนูของพระองค์ใส่พวกเขาและทำให้พวกเขาวิ่งหนีไปคนละทิศคนละทาง
7 ช่วยยื่นมือของพระองค์ลงมาจากสวรรค์
และช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยเถิด
ช่วยดึงข้าพเจ้าให้ขึ้นมาจากน้ำลึก ให้รอดจากเงื้อมมือของคนต่างชาติ
8 คือจากคนที่ใช้ปากพูดโกหก
และยกมือขวาขึ้นสาบานอย่างหลอกลวง
9 ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าจะร้องเพลงบทใหม่ให้กับพระองค์
และจะเล่นดนตรีด้วยพิณสิบสายให้พระองค์ฟัง
10 พระองค์เป็นผู้ให้ชัยชนะกับพวกกษัตริย์
พระองค์กู้ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์จากดาบที่ฆ่าฟัน
11 ดังนั้น ช่วยปลดปล่อยให้ข้าพเจ้าเป็นอิสระ และช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคนต่างชาติ
ที่ปากพูดโกหกและยกมือขวาขึ้นสาบานอย่างหลอกลวง
12 ขอให้ลูกชายของพวกเราเป็นเหมือนพืชที่เติบโตเต็มขนาดอย่างรวดเร็ว
และขอให้ลูกสาวของพวกเราเป็นเหมือนเสาแกะสลักตามหัวมุมต่างๆของวัง
13 ขอให้ยุ้งฉางของพวกเราเต็มไปด้วยผลผลิตนานาชนิด
ขอให้แกะของพวกเราเกิดลูกเป็นพันเป็นหมื่นในท้องทุ่งของพวกเรา
14 ขอให้ฝูงวัวของเราแบกผลผลิตมากมายบนหลังของพวกมัน
ขออย่าให้ศัตรูของเราเจาะกำแพงบุกเข้ามา
ขอให้ไม่มีใครถูกต้อนไปเป็นเชลย
ขออย่าให้มีเสียงกรีดร้องตกใจกลัวข้าศึกตามถนนต่างๆของพวกเรา
15 ชนชาติที่ได้รับพระพรอย่างนี้ และมีพระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าของเขา
ถือว่ามีเกียรติจริงๆ
27 คนรู้มากมักพูดน้อย
คนที่มีความเข้าใจมักใจเย็น
28 ถึงจะโง่ แต่ถ้าเงียบเสีย ก็ได้ชื่อว่าเป็นคนฉลาด
ถ้าเขาปิดปาก ก็ดูเหมือนคนหัวไว
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International