Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the CSB. Switch to the CSB to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 ซามูเอล 22:1-23:23

ดาวิดขอบคุณพระยาห์เวห์ที่ช่วยกู้เขา

(สดด. 18:1-50)

22 ดาวิดร้องเพลงบทนี้ให้กับพระยาห์เวห์ ในวันที่พระองค์ช่วยท่านให้พ้นจากเงื้อมมือของพวกศัตรูทั้งหมด และจากเงื้อมมือของซาอูล

ดาวิดพูดว่า “พระยาห์เวห์คือหินกำบังของข้าพเจ้า คือป้อมปราการของข้าพเจ้า คือผู้ช่วยชีวิตของข้าพเจ้า
    พระเจ้าของข้าพเจ้า คือหินกำบังที่ข้าพเจ้าเข้าไปลี้ภัย
คือโล่กำบังของข้าพเจ้า คือฤทธิ์อำนาจ[a] ที่ช่วยกู้ชีวิตข้าพเจ้า
    คือที่ซ่อนที่ปลอดภัยของข้าพเจ้า และเป็นที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า
เป็นพระผู้ช่วยให้รอด พระองค์เจ้าข้า
    พระองค์ได้ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากคนป่าเถื่อน
ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ผู้ที่ควรค่าแก่การสรรเสริญ
    แล้วพระองค์ก็ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากพวกศัตรู

เพราะว่าพวกคลื่นแห่งความตายได้ล้อมข้าพเจ้าอยู่
    และกระแสน้ำแห่งความตายกำลังจะทำให้ข้าพเจ้าจม
เชือกแห่งแดนคนตายพันอยู่รอบๆตัวข้าพเจ้า
    กับดักแห่งความตายอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า

เมื่อข้าพเจ้าตกอยู่ในความทุกข์ยาก ข้าพเจ้าร้องเรียกพระยาห์เวห์
    ข้าพเจ้าเรียกพระเจ้าของข้าพเจ้า
พระองค์ได้ยินเสียงของข้าพเจ้าจากวังของพระองค์นั้น
    เสียงร้องของข้าพเจ้าได้ยินไปถึงหูของพระองค์

แล้วแผ่นดินโลกก็สั่นสะเทือน
    พวกเสาค้ำฟ้าสวรรค์ก็สั่นไหว เพราะพระเจ้าโกรธ
มีควันพุ่งออกจากจมูกของพระองค์
    ไฟที่เผาผลาญพุ่งออกมาจากปากของพระองค์
    ถ่านหินลุกแดงพุ่งออกมา
10 พระองค์แหวกท้องฟ้า และเสด็จลงมา
    พร้อมด้วยเมฆทึบสีดำใต้เท้าของพระองค์
11 แล้วพระองค์ก็ขึ้นขี่ทูตสวรรค์ที่มีปีก
    แล้วเหาะลงมา เห็นพระองค์อยู่บนปีกของลม
12 พระองค์ทำความมืดรอบพระองค์เหมือนเต็นท์
    เป็นเมฆหนาทึบ เป็นที่รวบรวมของน้ำ
13 รัศมีอันเจิดจ้าของพระองค์อยู่เบื้องหน้าพระองค์
    และมีสายฟ้าพุ่งออกไป
14 พระยาห์เวห์ทำให้เกิดฟ้าร้อง
    พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดก็เปล่งเสียงดังไปทั่ว
15 พระเจ้ายิงธนูออกไป ซึ่งทำให้พวกศัตรูแตกกระเจิง
    พระองค์ทำสายฟ้าผ่าจนพวกนั้นแตกกระเจิง สับสนวุ่นวายไปทั่ว
16 เมื่อพระองค์ตะโกนคำสั่งของพระองค์ออกไป
    เมื่อลมที่พวยพุ่งออกมาจากจมูกของพระองค์
ทำให้น้ำทะเลก็ถอยร่นกลับไป
    ก้นทะเลและรากฐานของโลกก็ปรากฏขึ้น

17 พระองค์เอื้อมมือลงมาจากเบื้องบนมาฉวยข้าพเจ้าไว้
    พระองค์ดึงข้าพเจ้าขึ้นมาจากกระแสน้ำเชี่ยวกรากนั้น
18 พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากศัตรูที่มีพลัง
    พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากพวกศัตรูที่แข็งแรงกว่าข้าพเจ้า
19 พวกเขาปะทะกับข้าพเจ้าตอนที่ข้าพเจ้าเจอกับภัยพิบัติ
    แต่พระยาห์เวห์ช่วยสนับสนุนค้ำจุนข้าพเจ้า
20 พระองค์นำข้าพเจ้าออกไปยังที่โล่งกว้าง
    พระองค์ช่วยชีวิตข้าพเจ้า เพราะพระองค์ชื่นชอบข้าพเจ้า

21 พระยาห์เวห์ให้รางวัลกับข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง
    พระองค์ตอบแทนข้าพเจ้าเพราะมือของข้าพเจ้าสะอาดบริสุทธิ์
22 ข้าพเจ้าได้ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังอย่างที่พระยาห์เวห์ต้องการให้ข้าพเจ้าเป็น
    ข้าพเจ้าไม่ได้หันเหไปจากพระเจ้าของข้าพเจ้าเพื่อจะได้ไปทำสิ่งที่ชั่วร้าย
23 เพราะข้าพเจ้าคิดถึงกฏเกณฑ์และข้อบังคับต่างๆของพระองค์อยู่เสมอ
    ข้าพเจ้าไม่ได้หันเหไปจากพวกกฎของพระองค์
24 ข้าพเจ้าไม่มีที่ติต่อหน้าพระองค์
    และข้าพเจ้าได้รักษาตัวเองให้พ้นจากบาป

25 พระยาห์เวห์ได้ตอบแทนข้าพเจ้า
    เพราะข้าพเจ้าได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง
    เพราะพระองค์ได้เห็นว่าข้าพเจ้านั้นสะอาดบริสุทธิ์
26 พระองค์จะจงรักภักดีกับคนที่จงรักภักดีกับพระองค์
    และพระองค์จะไร้ที่ติกับคนที่ไร้ที่ติ
27 พระองค์จะบริสุทธิ์กับคนที่บริสุทธิ์กับพระองค์
    แต่กับคนที่เหลี่ยมจัด พระองค์จะรู้ทัน
    และลงโทษเขาอย่างที่เขาคาดไม่ถึง
28 พระองค์ช่วยกู้คนต่ำต้อย
    แต่พระองค์มองคนหยิ่งยโสเพื่อทำให้เขาตกต่ำลง
29 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์เป็นตะเกียงของข้าพเจ้า
    พระเจ้าของข้าพเจ้า ตอนที่ข้าพเจ้าอยู่ในความมืด พระองค์นำความสว่างมาให้
30 พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้าสามารถลุยเข้าไปสู้กับกองทัพได้
    พระเจ้าของข้าพเจ้า ช่วยให้ข้าพเจ้าสามารถกระโดดข้ามกำแพงของศัตรูไปได้
31 ทางของพระเจ้าไม่มีที่ติ
    สัญญาของพระยาห์เวห์นั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเชื่อถือได้
    พระองค์เป็นโล่ให้กับทุกคนที่ลี้ภัยในพระองค์

32 ใครเป็นพระเจ้า นอกจากพระยาห์เวห์
    ใครเป็นหินกำบัง นอกจากพระเจ้าของพวกเรา
33 พระเจ้าองค์นี้เป็นที่ลี้ภัยอันเข้มแข็งของข้าพเจ้า
    พระองค์ทำให้ทางของข้าพเจ้าไม่มีอุปสรรคขัดขวาง
34 พระองค์ช่วยให้เท้าข้าพเจ้ามั่นคงเหมือนเท้ากวาง
    พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าสามารถยืนหยัดมั่นคงได้แม้บนที่สูง
35 พระองค์ฝึกมือของข้าพเจ้าสำหรับสงคราม
    พระองค์ใส่พลังเข้าไปในแขนของข้าพเจ้า
    เพื่อจะง้างคันธนูที่แข็งแกร่งที่สุดได้
36 พระองค์ได้มอบโล่ของพระองค์ที่ช่วยปกป้องข้าพเจ้า
    ความช่วยเหลือของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้ามีชัยชนะ
37 พระองค์ทำให้ทางของข้าพเจ้ากว้างขวาง
    เท้าของข้าพเจ้าจึงไม่พลาดล้ม
38 ข้าพเจ้าได้ไล่ตามจับศัตรูและทำลายพวกเขา
    และไม่ได้หันกลับจนได้ทำลายพวกเขาจนหมดสิ้น
39 ข้าพเจ้าได้ทำลายพวกเขาจนหมดสิ้น
    ข้าพเจ้าได้บดขยี้พวกเขา จนพวกเขาลุกขึ้นมาไม่ได้อีก
    พวกเขาล้มลงอยู่แทบเท้าของข้าพเจ้า
40 พระองค์ได้ทำให้ข้าพเจ้าแข็งแกร่งพร้อมออกรบ
    พระองค์ทำให้คนเหล่านั้นที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับข้าพเจ้าต้องยอมหมอบลงต่อข้าพเจ้า
41 พระองค์ทำให้ศัตรูของข้าพเจ้าหันหลังหนีไป
    ข้าพเจ้าก็โค่นคนพวกนั้นที่เกลียดชังข้าพเจ้าลง
42 พวกเขามองหาแต่ไม่มีใครช่วยให้รอด
    พวกเขาร้องต่อพระยาห์เวห์แต่พระองค์ไม่ตอบพวกเขา
43 ข้าพเจ้าทุบตีพวกเขาแหลกละเอียดเหมือนฝุ่นของแผ่นดินโลก
    ข้าพเจ้าบดขยี้พวกเขาและเหยียบย่ำพวกเขาเหมือนโคลนตามท้องถนน

44 พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากกองทัพศัตรูที่เข้ามาโจมตี
    พระองค์ยังคงให้ข้าพเจ้าเป็นหัวหน้าของชนชาติต่างๆเหล่านั้น
    แม้แต่คนที่ข้าพเจ้าไม่รู้จัก ก็รับใช้ข้าพเจ้า
45 พวกคนต่างชาติมาหมอบอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า
    ทันทีที่พวกเขาได้ยินเรื่องของข้าพเจ้า พวกเขาต่างยอมสยบต่อข้าพเจ้า
46 คนต่างชาติพวกนั้นขวัญหนีดีฝ่อ
    พากันออกมาจากที่ซ่อน ตัวสั่นงันงกด้วยความกลัว
47 ใช่แล้ว พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่ ให้สรรเสริญพระเจ้าผู้เป็นหินกำบังของข้าพเจ้า
    ให้ยกย่องพระเจ้าของข้าพเจ้า ผู้เป็นหินกำบังที่ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดพ้น
48 พระองค์ เป็นพระเจ้าผู้ลงโทษศัตรูของข้าพเจ้า
    และนำให้ชนชาติต่างๆลงมาอยู่ใต้ข้าพเจ้า
49 พระองค์นำข้าพเจ้าออกมาจากพวกศัตรูของข้าพเจ้า
    พระองค์ยกข้าพเจ้าขึ้นเหนือคนเหล่านั้นที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับข้าพเจ้า
    พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดจากศัตรูที่โหดร้าย

50 ดังนั้น ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
    ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญชื่อของพระองค์
51 พระองค์ให้ชัยชนะอันยิ่งใหญ่กับกษัตริย์ของพระองค์
    พระองค์ให้ความรักอันมั่นคงกับกษัตริย์ที่พระองค์ได้เลือกไว้
    ซึ่งก็คือดาวิดและลูกหลานของเขาตลอดไป”

คำพูดสุดท้ายของดาวิด

23 นี่คือคำพูดสุดท้ายของดาวิด

“คำพูดนี้เป็นของดาวิดลูกชายเจสซี
    คำพูดนี้เป็นของชายที่พระเจ้ายกย่อง
ชายผู้ที่พระเจ้าของยาโคบได้เจิมให้เป็นกษัตริย์
    เป็นนักร้องคนโปรดของอิสราเอล[b]
พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ พูดผ่านข้าพเจ้า
    คำพูดของพระองค์อยู่ที่ลิ้นของข้าพเจ้า
พระเจ้าของอิสราเอลพูดไว้
    หินกำบังของอิสราเอลพูดกับข้าพเจ้าว่า
‘คนที่ปกครองประชาชนอย่างเป็นธรรม
    คนที่ปกครองด้วยความยำเกรงพระเจ้า
เป็นเหมือนแสงอรุณ
    เป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่ขึ้นในเวลาเช้าที่ไม่มีเมฆ
    ที่สดใสหลังฝนตก ที่ทำให้ต้นหญ้างอกขึ้นจากดิน’

ครอบครัวของข้าพเจ้าได้ปกครองอย่างนั้น
    พระองค์ได้ทำสัญญากับข้าพเจ้าที่จะคงอยู่ตลอดไป
    และไม่เปลี่ยนแปลง
พระองค์จะทำให้ข้าพเจ้าประสบความสำเร็จ
    และให้สิ่งที่ข้าพเจ้าหวังไว้

แต่คนชั่วเป็นเหมือนหนามที่ต้องถูกขว้างทิ้งไปให้หมด
    หยิบมันด้วยมือไม่ได้
ต้องใช้เครื่องมือที่เป็นเหล็กหรือด้ามหอก
    เขี่ยกองมันไว้และเผามันตรงนั้นเลย”

นักรบผู้กล้าสามคน

(1 พศด. 11:10-47)

ต่อไปนี้เป็นชื่อนักรบผู้กล้าของดาวิด คือเยชบาอัลชาวฮัคโมนี[c] เขาเป็นหัวหน้าของกองทหารของกษัตริย์ที่แบ่งเป็นกลุ่มละสามคน[d] เขาใช้หอกของเขา[e] ฆ่าแปดร้อยในการรบครั้งเดียว

รองจากเขา คือเอเลอาซาร์ลูกชายโดโด[f] จากตระกูลอาโหไฮ เป็นหนึ่งในสามผู้กล้า เขาอยู่กับดาวิดตอนที่พวกเขาได้ท้าทายชาวฟีลิสเตียที่รวมตัวกันอยู่ที่ปัสดัมมิม[g] ให้ออกมาสู้รบ ทหารอิสราเอลต่างหลบหนีไปกันหมด 10 แต่เขากลับยืนหยัดอยู่กับที่และฆ่าชาวฟีลิสเตียจนมือของเขาเป็นเหน็บแข็งติดดาบ ในวันนั้นพระยาห์เวห์ได้นำชัยชนะอันยิ่งใหญ่มาให้เขา กองทัพอิสราเอลได้หวนกลับมาหาเอเลอาซาร์ เพื่อปลดข้าวของจากคนที่ถูกฆ่าตายเท่านั้น

11 รองจากเขาคือชัมมาห์ลูกชายอาเกชาวฮาราร์ เมื่อชาวฟีลิสเตียรวมตัวกันในที่ที่เป็นทุ่งนาที่เต็มไปด้วยถั่วแขก[h] กองทัพของอิสราเอลได้หลบหนีไป 12 แต่ชัมมาห์ยังคงยืนหยัดอยู่ที่กลางทุ่ง เขาต่อสู้และฆ่าชาวฟีลิสเตีย และพระยาห์เวห์ได้นำชัยชนะอันยิ่งใหญ่มาให้เขา

13 ครั้งหนึ่งในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว นักรบผู้กล้าทั้งสามคนนี้ จากกองทหารของดาวิดที่แบ่งเป็นกลุ่มละสามคน[i] ได้ลงมาหาดาวิด[j] ที่ถ้ำอดุลลัม ขณะที่กองทัพฟีลิสเตียตั้งค่ายอยู่ในหุบเขาเรฟาอิม

14 ในเวลานั้นดาวิดอยู่ในที่กำบังแข็งแกร่ง[k] และกองทหารชาวฟีลิสเตียตั้งป้อมอยู่ที่เบธเลเฮม 15 ดาวิดหิวน้ำและเปรยๆขึ้นว่า “ใครหนอจะเอาน้ำจากบ่อน้ำใกล้ประตูเมืองเบธเลเฮมมาให้เราดื่มได้”

16 นักรบผู้กล้าทั้งสามคนจึงได้ฝ่าแนวทหารชาวฟีลิสเตีย ไปตักน้ำจากบ่อน้ำใกล้ประตูเมืองเบธเลเฮมและนำกลับมาให้ดาวิด แต่ดาวิดไม่ยอมดื่ม เขากลับเทมันทิ้งต่อหน้าพระยาห์เวห์ แล้วดาวิดก็พูดว่า 17 “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าไม่ได้คิดจะทำอย่างนี้เลย ข้าพเจ้าจะดื่มเข้าไปได้ยังไง นี่มันเป็นเหมือนเลือดของคนที่ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อไปเอามันมา ไม่ใช่หรือ” แล้วดาวิดก็ไม่ยอมดื่มมัน

สิ่งเหล่านี้คือการกระทำของนักรบผู้กล้าทั้งสามนั้น

นักรบผู้กล้าสามสิบคน

18 อาบีชัยน้องชายโยอาบลูกนางเศรุยาห์เป็นหัวหน้าของกองทหารของดาวิดที่แบ่งเป็นกลุ่มละสามคน[l] เขาใช้หอกของเขาต่อสู้คนสามร้อยคนและฆ่าพวกนั้นจนหมด แต่เขาไม่ได้กลายเป็นคนหนึ่งในนักรบผู้กล้าสามคนนั้น[m] 19 เขามีชื่อเสียงเท่ากับนักรบผู้กล้าสามคนนั้นไม่ใช่หรือ เขาได้กลายเป็นผู้นำของสามคนนั้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นหนึ่งในสามคนนั้นก็ตาม

20 เบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดาเป็นนักรบผู้กล้าจากเมืองขับเซเอล เขาทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย เขาฆ่าคนใจสิงห์[n] สองคนของโมอับ วันหนึ่งเมื่อหิมะตก เขาได้ลงไปในหลุมและฆ่าสิงโตตายไปตัวหนึ่ง 21 และเขาได้ฆ่าทหารอียิปต์ตัวใหญ่คนหนึ่ง ทั้งๆที่ทหารอียิปต์นั้นถือหอกอยู่ในมือ เบไนยาห์ต่อสู้กับทหารนั้นด้วยไม้กระบองท่อนหนึ่ง เขาแย่งหอกจากมือของทหารอียิปต์นั้นมาได้ และฆ่าทหารนั้นด้วยหอกของเขาเอง 22 นั่นคือการกระทำที่กล้าหาญทั้งหลายของเบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดา แต่เขาไม่ได้กลายเป็นคนหนึ่งในนักรบผู้กล้าสามคนนั้น 23 เขามีเกียรติที่สุดในกองทหารของกษัตริย์ที่แบ่งเป็นกลุ่มละสามคน[o] แต่เขาไม่ได้กลายเป็นคนหนึ่งในผู้กล้าสามคนนั้น ดาวิดได้แต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าทหารประจำตัวพระองค์

กิจการ 2

พระวิญญาณบริสุทธิ์มาด้วยฤทธิ์เดช

เมื่อถึงวันเพ็นเทคอสต์ พวกศิษย์ของพระเยซูก็มารวมตัวกันในที่แห่งหนึ่ง จู่ๆก็มีเสียงจากท้องฟ้าคล้ายกับเสียงพายุพัดอย่างแรง ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบ้านที่พวกเขากำลังนั่งกันอยู่ จากนั้นพวกเขาก็เห็นบางอย่างคล้ายเปลวไฟที่มีรูปร่างเหมือนลิ้นได้กระจายออกไปอยู่เหนือพวกเขาแต่ละคน แล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ได้เข้าไปอยู่ในตัวพวกเขาอย่างบริบูรณ์ แล้วพวกเขาทุกคนก็เริ่มพูดภาษาต่างๆตามแต่ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะให้เขาพูดได้

ชาวยิวที่นับถือพระเจ้าจากชาติต่างๆทั่วโลก มาอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเวลานั้น เมื่อได้ยินเสียงอื้ออึง ก็มามุงดูกัน และต่างก็รู้สึกงุนงงสงสัยที่พวกเขาต่างก็ได้ยินศิษย์ของพระเยซูพวกนี้พูดภาษาของพวกเขา พวกเขาทึ่งมากถึงกับพูดว่า “คนพวกนี้เป็นชาวกาลิลีทั้งนั้นเลยไม่ใช่หรือ แล้วทำไมพวกเราถึงได้ยินเขาพูดภาษาบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเราล่ะ ซึ่งมีทั้งมาจาก ปารเธีย มีเดีย เอลาม เมโสโปเตเมีย ยูเดีย คัปปาโดเซีย ปอนทัส เอเชีย 10 ฟรีเจียและปัมฟีเลีย อียิปต์และบางส่วนของลิเบียใกล้กับเมืองไซรีน แขกที่มาเยือนจากกรุงโรม 11 (มีทั้งยิวโดยกำเนิด กับคนที่เปลี่ยนมาถือแบบยิว) เกาะครีต และอาระเบีย แล้วเราทั้งหมดต่างก็ได้ยินคนพวกนี้พูดถึงสิ่งยอดเยี่ยมต่างๆที่พระเจ้าได้ทำเป็นภาษาบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเราเอง” 12 ผู้คนทั้งหมดรู้สึกสับสนอลหม่าน ถามไถ่กันว่า “นี่มันอะไรกัน” 13 บางคนหัวเราะเยาะศิษย์ของพระเยซู โดยพูดว่า “พวกนี้เมาเหล้าองุ่น”

เปโตรอธิบายให้คนฟัง

14 แล้วเปโตรก็ยืนขึ้นพร้อมกับศิษย์เอกอีกสิบเอ็ดคน เขาตะเบ็งเสียงดังต่อหน้าคนพวกนั้นว่า “เพื่อนๆชาวยิวและทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม ตั้งใจฟังให้ดีในเรื่องที่ผมจะเล่านี้ 15 คนพวกนี้ไม่ได้เมาอย่างที่พวกคุณคิดหรอกนะ ตอนนี้เพิ่งจะเก้าโมงเช้าเอง 16 แต่สิ่งที่คุณเห็นนี้ เป็นสิ่งที่โยเอลผู้พูดแทนพระเจ้า ได้พูดไว้ว่า

17 ‘พระเจ้าพูดว่า ในช่วงสุดท้ายนั้น
เราจะเทพระวิญญาณของเราลงบนมนุษย์ทุกคน
    ทั้งบุตรชายและบุตรสาวของพวกเจ้าจะพูดแทนเรา
    คนหนุ่มจะเห็นภาพนิมิต
    คนแก่จะมีความฝันพิเศษ
18 ในช่วงนั้น เราจะเทพระวิญญาณของเราลงบนทาสของเราทั้งชายและหญิง
    และเขาเหล่านั้นจะพูดแทนเรา
19 เราจะแสดงสิ่งมหัศจรรย์ในท้องฟ้าเบื้องบนและสิ่งอัศจรรย์ในโลกเบื้องล่าง
    ได้แก่เลือด ไฟและหมอกควันหนาทึบ
20 ดวงอาทิตย์จะมืดมิด ส่วนดวงจันทร์จะเป็นสีเลือด
    ก่อนจะถึงวันอันยิ่งใหญ่และรุ่งโรจน์ขององค์เจ้าชีวิต
21 แล้วทุกคนที่ร้องขอความช่วยเหลือจากองค์เจ้าชีวิต ก็จะได้รับความรอด’”[a]

22 “ฟังให้ดีชาวอิสราเอลทั้งหลาย พระเจ้าได้แสดงให้พวกคุณเห็นชัดว่า พระเยซูชาวนาซาเร็ธเป็นคนพิเศษ เพราะพระเจ้าได้ให้อำนาจกับพระองค์ที่จะทำอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ และการอัศจรรย์มากมายท่ามกลางพวกคุณ อย่างที่พวกคุณรู้กันอยู่แล้ว 23 พระเจ้าได้วางแผนไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ที่จะมอบพระเยซูให้กับพวกคุณ พวกคุณได้ฆ่าพระองค์ด้วยความช่วยเหลือของพวกคนชั่วนอกกฎหมาย คือได้ตรึงพระองค์ไว้ที่กางเขน 24 แต่พระเจ้าได้ทำให้พระเยซูฟื้นขึ้นมาใหม่ และทำให้พระองค์เป็นอิสระจากความตาย เพราะความตายไม่สามารถที่จะยึดพระเยซูไว้ได้

25 กษัตริย์ดาวิดได้พูดถึงพระองค์ว่า

‘เราเห็นองค์เจ้าชีวิตอยู่ต่อหน้าเราเสมอ
    เราจะไม่หวั่นกลัวเพราะพระองค์อยู่ที่ขวามือของเรา
26 เพราะอย่างนี้นี่เอง หัวใจของเราถึงเบิกบาน
    และคำพูดของเราก็ชื่นชมยินดี
    แม้แต่ร่างกายของเราก็เต็มไปด้วยความหวัง
27 เพราะพระองค์จะไม่ทิ้งเราไว้ในแดนคนตาย
    พระองค์จะไม่ยอมให้องค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์นั้นเน่าเปื่อย
28 พระองค์ทำให้เรารู้จักทางที่นำไปสู่ชีวิต
    และจะทำให้เรามีความสุขอย่างเต็มที่เมื่ออยู่ต่อหน้าพระองค์’[b]

29 พี่น้องทั้งหลาย ผมมั่นใจว่าดาวิดผู้เป็นบรรพบุรุษของเรา ไม่ได้พูดถึงตัวเองเพราะเขาได้ตายไปแล้ว และหลุมฝังศพของเขาก็อยู่ในเมืองนี้จนถึงทุกวันนี้ 30 แต่ดาวิดเป็นผู้พูดแทนพระเจ้า และเขาก็รู้ว่าพระเจ้าได้ให้คำมั่นสัญญาว่าลูกหลานของดาวิดคนหนึ่งจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เหมือนเขา 31 ดาวิดก็รู้เหตุการณ์นี้ล่วงหน้า เขาพูดถึงการฟื้นคืนชีพของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่องค์นั้นว่า

‘เขาไม่ได้ถูกทิ้งอยู่ในแดนคนตาย
    และร่างกายของเขาก็ไม่เน่าเปื่อย’[c]

32 พระเจ้าทำให้พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตาย พวกเราทั้งหมดต่างก็เห็นเป็นพยานในเรื่องนี้ 33 พระเยซูถูกรับขึ้นไปนั่งอยู่ทางขวามือของพระเจ้า พระเจ้าก็มอบพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้กับพระเยซูตามที่สัญญาไว้ และพระเยซูก็เทพระวิญญาณนี้ลงบนพวกเรา อย่างที่พวกคุณได้เห็นและได้ยินอยู่ตอนนี้ 34 ดังนั้นดาวิดเองไม่ได้ถูกรับขึ้นไปบนสวรรค์ แต่ตัวดาวิดเองได้พูดว่า

‘พระเจ้า องค์เจ้าชีวิต ได้พูดกับพระคริสต์ องค์เจ้าชีวิตของเราว่า
นั่งลงทางขวามือของเรา
35     จนกว่าเราจะปราบศัตรูของท่านให้สยบลงเป็นที่วางเท้าของท่าน’[d][e]

36 ดังนั้นขอให้ชาวอิสราเอลทั้งหลายรู้แน่นอนว่า พระเจ้าได้ตั้งพระเยซูคนที่พวกคุณตรึงไว้ที่กางเขน ให้เป็นทั้งองค์เจ้าชีวิตและพระคริสต์”

37 เมื่อคนพวกนั้นได้ยินอย่างนี้ ก็รู้สึกเหมือนถูกแทงทะลุใจ พวกเขาจึงพูดกับเปโตรและศิษย์เอกคนอื่นๆว่า “พี่ๆน้องๆ พวกเราจะทำอย่างไรดี”

38 เปโตรพูดกับพวกเขาว่า “กลับตัวกลับใจเสียใหม่ และเข้าพิธีจุ่มน้ำในนามของพระเยซูผู้เป็นพระคริสต์ เพื่อพระเจ้าจะได้ยกโทษความผิดบาปของคุณ แล้วคุณก็จะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นของขวัญ 39 เพราะนี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าสัญญาไว้กับพวกคุณ ลูกหลานของคุณ และทุกคนที่อยู่ห่างไกล คำสัญญานี้มีไว้สำหรับทุกคนที่องค์เจ้าชีวิตพระเจ้าของเราจะเรียกมา” 40 แล้วเปโตรได้เตือนพวกเขาอีกหลายเรื่องด้วยกัน และได้ขอร้องเขาว่า “ให้เอาตัวรอดจากโทษที่จะเกิดขึ้นกับสังคมที่ชั่วร้ายของยุคนี้” 41 คนทั้งหลายที่ยอมรับสิ่งที่เปโตรพูดได้เข้าพิธีจุ่มน้ำ และในวันนั้นจำนวนศิษย์ของพระเยซู จึงได้เพิ่มขึ้นอีกราวสามพันคน 42 พวกเขาได้ทุ่มเทเวลาในการฟังคำสั่งสอนของพวกศิษย์เอก ในการมาร่วมประชุมกัน ในการหักขนมปังกัน[f] และในการอธิษฐานกัน

การแบ่งปันในหมู่ผู้ศรัทธา

43 ทุกคนเกิดความเกรงกลัว เพราะพวกศิษย์เอกทำสิ่งมหัศจรรย์และการอัศจรรย์หลายอย่าง 44 พวกศิษย์ของพระเยซูได้พบกันอย่างสม่ำเสมอ และเอาข้าวของทั้งหมดที่ตนเองมีอยู่ออกมาแบ่งปันกัน 45 พวกเขาเอาที่ดินและข้าวของต่างๆไปขาย แล้วนำเงินมาแบ่งให้กับคนที่มีความจำเป็นต้องใช้ 46 พวกศิษย์เหล่านี้จะไปประชุมร่วมกันในวิหารทุกๆวัน พวกเขาจะหักขนมปังกันตามบ้านของตน และแบ่งปันอาหารกันกินด้วยความยินดีและเต็มใจ 47 พวกเขาสรรเสริญพระเจ้า และทุกคนก็ชื่นชอบพวกเขา แล้วองค์เจ้าชีวิตก็เพิ่มจำนวนคนที่พระองค์ได้ช่วยให้รอดเข้ามาในกลุ่มของศิษย์พวกนี้ทุกๆวัน

สดุดี 122

คำอธิษฐานสำหรับเมืองเยรูซาเล็ม

บทเพลงที่ร้องในระหว่างทางที่ขึ้นไปยังวิหาร

ข้าพเจ้าดีใจ เมื่อมีคนพูดกับข้าพเจ้าว่า
    “ให้พวกเราขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์กันเถิด”
เยรูซาเล็มเอ๋ย
    พวกเรากำลังยืนอยู่ข้างในประตูทั้งหลายของเจ้าแล้ว

เยรูซาเล็มได้รับการสร้างขึ้นตามแบบที่เมืองใหญ่ควรจะเป็น
    คือสร้างติดกันแน่น ก่อกันขึ้นอย่างมั่นคง
เป็นเมืองที่เผ่าต่างๆของพระยาห์เวห์มารวมตัวกัน
    กฎได้กำหนดไว้ให้คนอิสราเอลมาสรรเสริญชื่อของพระยาห์เวห์ที่นั่น
ที่นั่นราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิดได้ตั้งบัลลังก์ต่างๆไว้
    เพื่อพิพากษาคนอย่างยุติธรรม

อธิษฐานให้เยรูซาเล็มมีสันติภาพ
    “เยรูซาเล็ม ขอให้คนเหล่านั้นที่รักเจ้า ปลอดภัย
ขอให้มีสันติภาพภายในกำแพงทั้งหลายของเจ้า
    และขอให้มีความปลอดภัยในป้อมปราการของเจ้า”
เพื่อเป็นประโยชน์แก่พี่น้องและเพื่อนๆของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจะพูดว่า “เยรูซาเล็ม ขอให้มีสันติภาพในเจ้า”
เพื่อเป็นประโยชน์แก่วิหารของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา
    ข้าพเจ้าจะอธิษฐานให้เจ้าเจริญรุ่งเรือง

สุภาษิต 16:19-20

19 เป็นคนถ่อมตัวและอยู่ในหมู่คนจน
    ก็ยังดีกว่าแบ่งของที่ปล้นมาได้กับคนเย่อหยิ่ง
20 คนที่สนใจฟังคำแนะนำย่อมพบกับความรุ่งเรือง
    คนที่วางใจในพระยาห์เวห์ มีเกียรติจริงๆ

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International