The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NIV. Switch to the NIV to read along with the audio.
กษัตริย์อุสซียาห์ปกครองยูดาห์
(2 พกษ. 15:1-7)
26 แล้วประชาชนทั้งหมดของยูดาห์ก็ยกอุสซียาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากอามาซิยาห์พ่อของเขา ในขณะนั้นอุสซียาห์มีอายุสิบหกปี 2 อุสซียาห์สร้างเมืองเอโลทขึ้นใหม่และเอากลับคืนมาให้กับชาวยูดาห์ หลังจากที่อามาซิยาห์ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาแล้ว
3 อุสซียาห์มีอายุสิบหกปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มห้าสิบสองปี แม่ของเขามีชื่อว่าเยโคลียาห์ นางมาจากเมืองเยรูซาเล็ม 4 เขาทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ เหมือนกับที่อามาซิยาห์พ่อของเขาทำ 5 เขาแสวงหาพระเจ้าตลอดระยะเวลาที่เศคาริยาห์ยังอยู่ เศคาริยาห์เป็นคนสั่งสอนให้เขาเกรงกลัวพระเจ้า ตราบเท่าที่เขายังแสวงหาพระยาห์เวห์ พระเจ้าก็จะให้เขาประสบความสำเร็จ
6 อุสซียาห์ไปสู้รบกับพวกชาวฟีลิสเตีย และทำลายกำแพงของเมืองกัท เมืองยับเนห์และเมืองอัชโดดลง แล้วเขาก็สร้างเมืองอีกหลายเมืองขึ้นใหม่ ใกล้ๆกับอัชโดดและที่อื่นๆที่อยู่ท่ามกลางชาวฟีลิสเตีย 7 พระเจ้าได้ช่วยเหลือเขาต่อสู้กับชาวฟีลิสเตียและสู้กับพวกอาหรับซึ่งอาศัยอยู่ในกูร์บาอัลและสู้กับชาวเมอูนี 8 พวกชาวอัมโมนส่งส่วยมาให้กับอุสซียาห์และชื่อเสียงของเขาก็แพร่กระจายไปไกลถึงชายแดนของประเทศอียิปต์ เพราะเขามีอำนาจเพิ่มขึ้นอย่างมาก
9 อุสซียาห์สร้างป้อมปราการขึ้นหลายแห่งในเมืองเยรูซาเล็ม ที่ตรงประตูมุม ที่ประตูหุบเขา และที่มุมกำแพงและทำให้พวกมันแข็งแรง 10 เขายังสร้างป้อมปราการอีกหลายแห่งในทะเลทราย และได้ขุดบ่อน้ำขึ้นอีกหลายแห่ง เพราะเขามีสัตว์เลี้ยงมากมายที่เชิงเขาและในที่ราบ เขามีคนมากมายที่ทำงานให้กับเขาอยู่ตามทุ่งนาของเขา และในสวนองุ่นตามเนินเขา และในแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ เพราะเขาเป็นคนที่รักการทำเกษตร
11 อุสซียาห์มีกองทัพที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี มีความพร้อมที่จะออกศึกเป็นหมวดหมู่ ตามที่เยอีเอลที่เป็นเลขาและมาอาเสอาห์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ได้เกณฑ์ไว้ พวกเขาอยู่ภายใต้การควบคุมของฮานันยาห์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของกษัตริย์ 12 พวกผู้นำครอบครัวที่อยู่เหนือนักรบพวกนั้นมีจำนวนสองพันหกร้อยคน 13 กองทัพที่อยู่ภายใต้คำสั่งของพวกเขา มีสามแสนเจ็ดพันห้าร้อยคน ทุกคนล้วนได้รับการฝึกในการรบมาแล้ว เป็นกองกำลังที่มีพละกำลังที่สามารถช่วยเหลือกษัตริย์จากศัตรูของเขาได้ 14 อุสซียาห์ได้จัดหาโล่ หอก หมวกเหล็ก เสื้อเกราะ ธนูและสลิงสำหรับเหวี่ยงก้อนหิน ไว้ให้กับกองทัพทั้งหมด 15 ในเยรูซาเล็ม เขาสร้างเครื่องกลไกที่ได้รับการออกแบบโดยพวกคนที่มีความชำนาญ เพื่อใช้ตามป้อมปราการและจุดป้องกันตามมุมต่างๆเพื่อใช้ยิงลูกศรและยิงก้อนหินขนาดใหญ่ ชื่อเสียงของเขาแพร่กระจายไปไกลและกว้างขวางมาก เพราะเขาได้รับความช่วยเหลืออย่างมากมายมหาศาลจนกระทั่งเขาเป็นคนที่เต็มไปด้วยอำนาจ
16 แต่หลังจากที่อุสซียาห์มีอำนาจมากขึ้น ความหยิ่งของเขานำเขาให้ตกต่ำลง เขาไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา และเข้าไปในวิหารของพระยาห์เวห์เพื่อไปเผาเครื่องหอมบนแท่นบูชาเครื่องหอม 17 นักบวชอาซาริยาห์กับพวกนักบวชที่กล้าหาญอีกแปดสิบคนของพระยาห์เวห์ตามอาซาริยาห์เข้าไป 18 พวกเขาขัดขวางกษัตริย์และพูดว่า “ท่านอุสซียาห์ ท่านทำไม่ถูกที่มาเผาเครื่องหอมให้กับพระยาห์เวห์เอง การเผาเครื่องหอมเป็นหน้าที่ของพวกนักบวชที่เป็นลูกหลานของอาโรน ผู้ที่ได้รับการอุทิศให้เผาเครื่องหอม ให้ออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนี้ ออกไปเถิด เพราะท่านไม่ซื่อสัตย์และพระยาห์เวห์ พระเจ้าจะไม่ให้เกียรติท่านอีกต่อไป”
19 อุสซียาห์ซึ่งถือกระถางไฟอยู่ในมือโกรธ ในขณะที่เขากำลังโกรธพวกนักบวชที่อยู่ต่อหน้าเขาตรงหน้าแท่นบูชาเครื่องหอมในวิหารของพระยาห์เวห์นั้น หน้าผากของอุสซียาห์ก็เกิดเป็นโรคผิวหนังร้ายแรงขึ้นมา 20 เมื่ออาซาริยาห์ที่เป็นหัวหน้านักบวชและพวกนักบวชคนอื่นๆมองดูอุสซียาห์ พวกเขาก็เห็นว่าเขาเป็นโรคผิวหนังร้ายแรงที่หน้าผาก ดังนั้นพวกเขาจึงได้รีบนำตัวอุสซียาห์ออกมา ซึ่งจริงๆแล้วตัวเขาเองก็ตั้งใจที่จะออกมาอยู่แล้ว เพราะพระยาห์เวห์ได้ลงโทษเขาแล้ว 21 กษัตริย์อุสซียาห์กลายเป็นคนโรคผิวหนังร้ายแรงตราบจนวันตาย เขาอาศัยอยู่ในวังที่แยกออกมาต่างหากสำหรับคนที่เป็นโรคผิวหนังร้ายแรง และถูกห้ามไม่ให้เข้าไปในวิหารของพระยาห์เวห์ โยธามลูกชายของเขาทำหน้าที่ในวังและปกครองประชาชนในแผ่นดินนั้นแทนเขา
22 เหตุการณ์อื่นๆในสมัยของอุสซียาห์ตั้งแต่ต้นจนจบ อิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าลูกชายของอามอสได้จดบันทึกไว้แล้ว 23 อุสซียาห์ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาและถูกฝังไว้ในทุ่งนาใกล้ๆกับหลุมฝังศพของพวกกษัตริย์ เพราะประชาชนพูดว่า “เขาเป็นโรคผิวหนังร้ายแรง” และโยธามลูกชายของเขาขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา
กษัตริย์โยธามปกครองยูดาห์
(2 พกษ. 15:32-38)
27 โยธามมีอายุยี่สิบห้าปีตอนที่เขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเป็นเวลาสิบหกปี แม่ของเขามีชื่อว่าเยรูชา นางเป็นลูกสาวของศาโดก 2 โยธามทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ เหมือนกับที่อุสซียาห์พ่อของเขาทำ แต่ก็ไม่เหมือนพ่อของเขาทั้งหมด คือเขาไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปในวิหารของพระยาห์เวห์ แต่ประชาชนก็ยังคงทำผิดอยู่เหมือนเดิม 3 โยธามสร้างประตูด้านบนของวิหารของพระยาห์เวห์ขึ้นใหม่ และได้ทำการก่อสร้างมากมายที่กำแพงตรงเนินเขาโอเฟล 4 เขาสร้างเมืองหลายเมืองในแถบเนินเขาของยูดาห์ และสร้างป้อมกับหอคอยตามป่า 5 โยธามทำสงครามกับกษัตริย์ของพวกอัมโมนและสามารถเอาชนะพวกนั้นได้ ในปีนั้น ชาวอัมโมนได้จ่ายเงินหนักประมาณสามตันครึ่ง แป้งสาลีและข้าวบาร์เลย์อย่างละสองล้านสองแสนลิตร[a]ให้กับกษัตริย์โยธาม พวกอัมโมนได้นำสิ่งของจำนวนเดียวกันนี้มาให้เขาอีกในปีที่สองและปีที่สาม
6 โยธามมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆเพราะเขาเดินอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาอย่างซื่อสัตย์มั่นคง 7 เหตุการณ์อื่นๆในสมัยของโยธาม รวมทั้งพวกสงครามและสิ่งต่างๆที่เขาทำ ได้ถูกจดบันทึกไว้ในหนังสือของพงศ์กษัตริย์แห่งอิสราเอลและยูดาห์ 8 เขามีอายุยี่สิบห้าปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์และครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มสิบหกปี 9 โยธามตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาและศพของเขาถูกฝังอยู่ในเมืองของดาวิด และอาหัสลูกชายของเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากเขา
กษัตริย์อาหัสปกครองยูดาห์
(2 พกษ. 16:1-20)
28 อาหัสมีอายุยี่สิบปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มสิบหกปี เขาไม่เหมือนกับดาวิดบรรพบุรุษของเขา เขาไม่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ 2 อาหัสเจริญรอยตามพวกกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล และยังหล่อพวกรูปเคารพขึ้นมา เพื่อสักการะบูชาพระบาอัลด้วย 3 เขาเผาเครื่องบูชาในหุบเขาเบนฮินโนม[b] และเอาพวกลูกชายของเขาไปเผาไฟเป็นเครื่องบูชา เลียนแบบการกระทำอันน่าขยะแขยงของพวกชนชาติทั้งหลาย ที่พระยาห์เวห์ได้ขับไล่ออกไปตอนที่อิสราเอลย้ายเข้ามาอยู่ 4 อาหัสถวายเครื่องสัตวบูชาและเผาเครื่องหอมตามสถานนมัสการต่างๆตามยอดเขาและใต้ต้นไม้ใบร่มทั้งหลาย
5 ดังนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา จึงมอบเขาไว้ในกำมือของกษัตริย์ชาวอารัม พวกชาวอารัมเอาชนะเขาและกวาดต้อนประชาชนจำนวนมากไปเป็นเชลยในเมืองดามัสกัส พระเจ้ายังมอบอาหัสให้ไปตกอยู่ในกำมือของกษัตริย์เปคาห์แห่งอิสราเอล ซึ่งได้ลงมือฆ่าคนของเขามากมาย 6 เปคาร์ลูกชายของเรมาลิยาห์ และกองทัพของเขาฆ่าทหารยูดาห์ตายไปหนึ่งแสนสองหมื่นคนในวันเดียว เพราะยูดาห์ละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา 7 ศิครีนักรบผู้กล้าชาวเอฟราอิมฆ่ามาอาเสอาห์ลูกชายของกษัตริย์อาหัส รวมทั้งอัสรีคัมที่เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลวัง กับเอลคานาห์ที่เป็นใหญ่รองลงมาจากกษัตริย์อาหัส
8 กองทัพอิสราเอลจับตัวญาติพี่น้องของพวกเขาเองที่อาศัยอยู่ในยูดาห์ไว้เป็นจำนวนสองแสนคน มีทั้งผู้หญิง ลูกชายลูกสาว และยังขนเอาข้าวของจำนวนมากมายกลับไปเมืองสะมาเรีย 9 เมื่อกองทัพอิสราเอลกลับมาที่สะมาเรีย ก็มีผู้พูดแทนพระยาห์เวห์คนหนึ่งชื่อโอเด็ดออกมาพบกับพวกเขาและพูดว่า “เพราะพระยาห์เวห์ พระเจ้าที่บรรพบุรุษของพวกท่านนับถือ โกรธชาวยูดาห์มาก พระองค์ถึงได้มอบพวกยูดาห์ไว้ในกำมือของพวกท่าน แต่พวกท่านกลับสังหารหมู่พวกเขาด้วยความเคียดแค้นที่รู้ไปถึงสวรรค์ 10 และตอนนี้พวกท่านยังกะจะเอาพวกผู้ชาย ผู้หญิงชาวยูดาห์และเยรูซาเล็มมาเป็นทาสของพวกท่านอีก อย่างนี้ ตัวพวกท่านเองไม่ใช่หรือที่กำลังทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน 11 ตอนนี้ฟังเราให้ดี ให้ส่งพวกพี่น้องเหล่านี้ของท่านที่ท่านได้จับมาเป็นเชลยกลับบ้านของพวกเขาไปเถิด เพราะความโกรธที่ดุเดือดของพระยาห์เวห์กำลังอยู่เหนือพวกท่านแล้ว”
12 แล้วพวกผู้นำในเอฟราอิมบางคน เช่น อาซาริยาห์ลูกชายของโยฮานัน เบเรคิยาห์ลูกชายของเมซิลเลโมท เยฮิสคียาห์ลูกชายของชัลลูม และอามาสาลูกชายของหัดลัย ได้เข้ามาขวางกองทัพที่เพิ่งกลับมาจากสงคราม 13 พวกเขาพูดว่า “พวกท่านต้องไม่เอาเชลยพวกนี้มาที่นี่ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะทำผิดต่อหน้าพระยาห์เวห์ หรือพวกท่านกะจะเพิ่มความผิดบาปของพวกเราให้มากยิ่งขึ้นไปอีกหรือ เพราะความผิดของพวกเราตอนนี้ก็ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว และความโกรธอันดุเดือดของพระองค์กำลังอยู่เหนือชนชาติอิสราเอล”
14 ดังนั้นพวกทหารจึงปล่อยพวกเชลย และคืนของที่ยึดมาได้ต่อหน้าพวกเจ้าหน้าที่และคนที่มาชุมนุมกันทั้งหมด 15 ผู้นำทั้งสี่คนนี้พาพวกเชลยไป และเอาเสื้อผ้าที่ทหารอิสราเอลยึดมานั้นมาให้กับพวกเชลยทุกคนที่กำลังเปลือยกายอยู่ได้สวมใส่ พวกเขาหารองเท้าให้ รวมทั้งจัดหาอาหารและเครื่องดื่มมาให้กิน และยังเอาน้ำมันมาทารักษาบาดแผลให้กับพวกเขาด้วย เชลยที่ร่างกายอ่อนแอก็ให้ขี่ลาไป แล้วพวกเขาก็พาคนเหล่านี้กลับไปยังบ้านของพวกเขาที่เยริโค ซึ่งเป็นเมืองแห่งต้นปาล์ม แล้วผู้นำทั้งสี่คนนี้ก็กลับสะมาเรีย
16-17 ในเวลาเดียวกันนั้น พวกชาวเอโดมมาโจมตียูดาห์อีกและกวาดต้อนเชลยไป ดังนั้น กษัตริย์อาหัสจึงได้ไปขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์อัสซีเรีย 18 พวกชาวฟีลิสเตียโจมตีเมืองต่างๆที่ตั้งอยู่แถบเชิงเขาและในเนเกบของยูดาห์ พวกเขายึดเมืองเบธเชเมช เมืองอัยยาโลน เมืองเกเดโรท เมืองโสโค เมืองทิมนาห์และกิมโซ รวมทั้งหมู่บ้านที่อยู่รอบๆเมืองเหล่านั้นไว้ 19 พระยาห์เวห์ทำให้ยูดาห์ต้องเจอกับปัญหา เพราะกษัตริย์อาหัสของยูดาห์เป็นต้นเหตุ เพราะเขาส่งเสริมความชั่วร้ายในยูดาห์และไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์ 20 กษัตริย์ทิกลัท-ปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรียมาหากษัตริย์อาหัส แต่ไม่ได้มาช่วยกษัตริย์อาหัสหรอก แต่มาสร้างปัญหาให้ 21 อาหัสเอาของมีค่าจากวิหารของพระยาห์เวห์ จากวังกษัตริย์ และจากพวกเจ้าชาย และนำมันไปให้กับกษัตริย์อัสซีเรีย แต่มันก็ไม่ได้นำความช่วยเหลืออะไรมาให้เขาเลย
22 ในช่วงที่กษัตริย์อาหัสเจอกับปัญหาความยุ่งยากนั้น กษัตริย์อาหัสกลับยิ่งไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์ 23 เขาถวายเครื่องบูชาให้แก่พวกพระของดามัสกัสที่เอาชนะเขา เพราะกษัตริย์อาหัสคิดว่า “เป็นเพราะพวกพระเหล่านี้ได้ช่วยเหลือกษัตริย์ของพวกอารัม เราจะถวายเครื่องสัตวบูชาให้กับพวกพระเหล่านี้ เพื่อพระเหล่านี้จะได้มาช่วยเหลือเราด้วย” แต่พระพวกนี้กลับทำให้เขาและชนชาติอิสราเอลทั้งหมดล่มจม
24 อาหัสได้รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ในวิหารของพระเจ้าและขนพวกมันออกมาหมด เขาปิดประตูวิหารของพระยาห์เวห์ และตั้งแท่นบูชาขึ้นตามหัวมุมถนนทุกเส้นในเมืองเยรูซาเล็ม 25 ในทุกๆเมืองของยูดาห์ เขาก็สร้างสถานที่นมัสการไว้มากมาย เพื่อเผาเครื่องสัตวบูชาให้กับพระอื่นๆซึ่งเป็นการยั่วยุความโกรธของพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขา
26 เหตุการณ์อื่นๆในสมัยของกษัตริย์อาหัส และการกระทำทั้งหมดของเขา ตั้งแต่ต้นจนจบ ได้ถูกจดบันทึกไว้ในหนังสือพงศ์กษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอล 27 อาหัสตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา และศพของเขาถูกฝังอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม แต่ไม่ได้รวมอยู่ในหลุมฝังศพของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล แล้วเฮเซคียาห์ลูกของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา
13 ให้ทุกคนยอมเชื่อฟังผู้มีอำนาจของรัฐบาล เพราะอำนาจทุกอย่างมาจากพระเจ้า และพระเจ้าเองเป็นผู้ที่แต่งตั้งผู้มีอำนาจเหล่านั้น 2 ถ้าอย่างนั้น คนที่ขัดขืนต่ออำนาจนั้น ก็เท่ากับขัดขืนคำสั่งของพระเจ้า และคนที่ขัดขืนคำสั่งของพระเจ้า ก็จะต้องถูกลงโทษ 3 คนที่ทำดีไม่กลัวผู้มีอำนาจพวกนั้นหรอก มีแต่คนที่ทำชั่วเท่านั้นที่กลัว ถ้าคุณไม่อยากกลัวผู้มีอำนาจพวกนั้นก็ให้ทำดี แล้วพวกเขาจะได้ชมเชยพวกคุณ 4 เพราะพวกเขาเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าที่มาทำงานช่วยพวกคุณ แต่ถ้าคุณทำเรื่องชั่วๆก็ให้กลัวไว้ เพราะเขาไม่ได้ถือดาบเอาไว้ขู่เฉยๆ เขาเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า เป็นผู้แก้แค้นแทนพระเจ้า เพื่อลงโทษคนที่ทำชั่ว 5 ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องเชื่อฟังรัฐบาล ไม่ใช่เพราะกลัวถูกลงโทษเท่านั้น แต่เพื่อใจจะไม่ฟ้องตัวเองว่าผิด 6 นี่เป็นเหตุที่คุณต้องเสียภาษี เพราะผู้มีอำนาจพวกนี้เป็นคนรับใช้ของพระเจ้า ที่ดูแลเรื่องเหล่านี้เสมอ 7 คุณเป็นหนี้อะไรกับใคร ก็ให้จ่ายคืนเขาไป เป็นหนี้ส่วยสาอากร ก็ให้จ่ายส่วยสาอากร เป็นหนี้ภาษี ก็ให้จ่ายภาษี คุณต้องยำเกรงใคร ก็ให้ยำเกรงคนนั้น คุณต้องให้เกียรติใคร ก็ให้เกียรติคนนั้น
หัวใจของกฎคือการรักผู้อื่น
8 อย่าเป็นหนี้อะไรกับใครเลย นอกจากหนี้รักที่มีต่อกันและกัน เพราะคนที่รักคนอื่นก็ถือว่าได้ทำตามกฎครบถ้วนแล้ว 9 ในกฎบัญญัติมีคำสั่งมากมายเช่น “อย่าเป็นชู้” “อย่าฆ่าคน” “อย่าขโมย” “อย่าโลภ”[a] และยังมีคำสั่งอื่นๆอีก แต่ทั้งหมดนั้นก็สรุปได้ว่า “ให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”[b] 10 ความรักไม่ทำร้ายเพื่อนบ้าน เป็นเหตุที่ว่า ถ้ามีความรักก็ถือว่าได้ทำตามกฎครบถ้วนแล้ว 11 ให้ทำอย่างที่บอกนี้ เพราะถึงเวลาตื่นได้แล้ว ความรอดของเรานั้นได้เข้ามาใกล้มากยิ่งกว่าตอนที่เราเพิ่งไว้วางใจใหม่ๆ 12 กลางคืน[c] ใกล้จะผ่านไป ตอนเช้า[d] ใกล้จะมาแล้ว ดังนั้นขอให้เราเลิกทำในสิ่งที่เป็นของความมืด และให้สวมอาวุธที่เป็นของความสว่าง 13 ทำตัวให้น่านับถือเหมือนคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในกลางวัน ไม่เที่ยวมั่วสุม ไม่เสพสุราเมามาย ไม่ทำผิดทางเพศ ไม่มักมากในกาม ไม่ทะเลาะวิวาทและไม่อิจฉาริษยา 14 แต่ให้สวมใส่พระเยซูคริสต์เจ้า และอย่าให้ความสนใจกับกิเลสตัณหาที่มาจากสันดานเลย
พระยาห์เวห์เป็นผู้เลี้ยงแกะ
เพลงสดุดีของดาวิด
1 พระยาห์เวห์เลี้ยงดูข้าพเจ้าเหมือนเลี้ยงแกะ
ดังนั้น ข้าพเจ้าไม่ขาดอะไรเลย
2 พระองค์นำข้าพเจ้าไปนอนลงที่ทุ่งหญ้าเขียวขจี
พระองค์นำข้าพเจ้าไปยังลำธารที่สงบเงียบ
3 พระองค์ทำให้ข้าพเจ้ากลับมีเรี่ยวแรงเหมือนเดิม
พระองค์นำข้าพเจ้าเดินไปบนหนทางที่ถูกต้องทั้งหลายเพื่อรักษาชื่อเสียงที่ดีของพระองค์
4 แม้ในยามที่ข้าพเจ้าเดินไปตามหุบเขาที่มืดมิดอย่างความตาย[a]
ข้าพเจ้าก็ไม่เกรงกลัวอันตรายใดๆทั้งนั้น
เพราะพระองค์อยู่กับข้าพเจ้า
ไม้กระบองและไม้เท้าเลี้ยงแกะของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกปลอดภัย
5 พระองค์จัดโต๊ะสำหรับข้าพเจ้าต่อหน้าพวกศัตรูของข้าพเจ้า
พระองค์ต้อนรับข้าพเจ้าอย่างแขกผู้มีเกียรติ[b] ถ้วยของข้าพเจ้าเต็มจนเอ่อล้น
6 ความดีและความรักมั่นคงของพระองค์ จะติดตามข้าพเจ้าไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน
และข้าพเจ้าจะอาศัยอยู่ในบ้านของพระยาห์เวห์ไปนานแสนนาน
11 แม้แต่เด็กๆ เราก็สามารถดูนิสัยใจคอของเขาได้จากการกระทำ
เราจะรู้ได้ว่าสิ่งนั้นบริสุทธิ์และถูกต้องหรือไม่
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International