Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the CSB. Switch to the CSB to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
1 พงศาวดาร 11:1-12:18

ดาวิดเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลทั้งหมด

(2 ซมอ. 5:1-3)

11 แล้วชาวอิสราเอลทั้งหมดก็ได้รวมตัวกันมาหาดาวิดที่เมืองเฮโบรนและพูดกับดาวิดว่า “ดูเถิด พวกเราก็เป็นญาติของท่าน แม้ว่าเมื่อก่อนซาอูลจะเป็นกษัตริย์ แต่ตัวท่านก็คือผู้นำที่แท้จริงของอิสราเอลในสนามรบ และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านก็ได้พูดกับท่านว่า ‘เจ้าจะเป็นอย่างผู้เลี้ยงอิสราเอลประชาชนของเรา และเจ้าจะเป็นผู้ปกครองเหนือประชาชนชาวอิสราเอลของเรา’”

พวกผู้ใหญ่ของอิสราเอลทั้งหมดได้มาหากษัตริย์ดาวิดที่เมืองเฮโบรนและดาวิดก็ได้ทำข้อตกลงกับพวกเขาในเมืองนั้นต่อหน้าพระยาห์เวห์ และพวกเขาก็ได้เจิมให้ดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล เหมือนกับที่พระยาห์เวห์ได้พูดไว้ผ่านทางซามูเอล

ดาวิดเข้ายึดเมืองเยรูซาเล็ม

(2 ซมอ. 5:6-10)

ดาวิดและอิสราเอลทั้งหมดได้ยกทัพไปเมืองเยรูซาเล็ม ตอนนั้นเยรูซาเล็มมีชื่อเรียกว่าเยบุส เพราะคนเยบุสอาศัยอยู่ที่นั่น พวกคนเยบุสเป็นคนดั้งเดิมของแผ่นดินนั้น ชาวเมืองเยบุสพูดกับดาวิดว่า “เจ้าบุกเข้ามาไม่ได้หรอก” แต่ดาวิดก็สามารถยึดป้อมศิโยน ไว้ได้ (ซึ่งปัจจุบันเป็นเมืองของดาวิด)

ดาวิดจึงพูดว่า “ใครที่โจมตีเยบุสได้ จะได้เป็นหัวหน้าและแม่ทัพ” โยอาบลูกชายของนางเศรุยาห์ก็ปีนขึ้นไปได้เป็นคนแรก เขาจึงได้กลายเป็นหัวหน้า

แล้วดาวิดก็ได้สร้างวังของเขาอยู่ในป้อมนั้น จึงได้เรียกสถานที่แห่งนั้นว่าเมืองของดาวิด ดาวิดได้สร้างเมืองขึ้นมาใหม่ล้อมรอบทุกด้าน ตั้งแต่มิลโล[a] ไปจนตลอดโดยรอบ และโยอาบก็ได้ซ่อมแซมเมืองส่วนที่เหลือทั้งหมด ดาวิดยิ่งมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆและพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นก็สถิตอยู่กับเขา

พวกนักรบของดาวิด

(2 ซมอ. 23:8-39)

10 คนเหล่านี้คือหัวหน้านักรบของดาวิด ที่สนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ในแผ่นดินของดาวิดร่วมกับชาวอิสราเอลทั้งหมด เพื่อให้เขาเป็นกษัตริย์ตามคำพูดของพระยาห์เวห์ที่ได้พูดไว้เกี่ยวกับอิสราเอล

11 ต่อไปนี้คือรายชื่อของเหล่านักรบของดาวิด

ยาโชเบอัมชาวฮัคโมนีเป็นหัวหน้าของกองทหารของกษัตริย์ที่แบ่งเป็นกลุ่มละสามคน[b] เขาได้ใช้หอกของเขาต่อสู้กับคนสามร้อยคนและได้ฆ่าพวกนั้นตายหมดในคราวเดียวกัน

12 ต่อจากเขาคือ เอเลอาซาร์ลูกชายของโดโด[c] จากตระกูลอาโหอาห์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสุดยอดนักรบสามคนนั้น 13 เขาเคยอยู่กับดาวิดที่ปัสดัมมิมเมื่อครั้งที่ชาวฟีลิสเตียได้รวมตัวกันขึ้นที่นั่นเพื่อทำสงคราม สถานที่นั้นเต็มไปด้วยข้าวบาร์เลย์ คนอิสราเอลต่างหลบหนีเอาตัวรอดจากพวกฟีลิสเตีย 14 แต่เอเลอาซาร์กับคนของเขา กลับยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งนาแห่งนั้นและต่อสู้กับพวกฟีลิสเตีย จนได้รับชัยชนะ พระยาห์เวห์ได้นำชัยชนะอันยิ่งใหญ่มาให้กับพวกอิสราเอล

15 ครั้งหนึ่ง สามคนจากกองทหารของกษัตริย์ที่แบ่งเป็นกลุ่มละสามคนได้ปีนหน้าผาลงไปพบกับดาวิดที่ถ้ำอดุลลัม ในขณะที่ชาวฟีลิสเตียกำลังตั้งค่ายอยู่ที่หุบเขาเรฟาอิม

16 ในเวลานั้น ดาวิดอยู่ในป้อมกำบังและพวกกองทหารของชาวฟีลิสเตียก็อยู่ที่เบธเลเฮม 17 ดาวิดรู้สึกคิดถึงบ้าน และเปรยออกมาว่า “ถ้ามีใครเอาน้ำจากบ่อน้ำของเบธเลเฮมที่อยู่ข้างประตูมาให้เราดื่มซะหน่อยก็คงจะดีนะ”

18 แล้วทหารทั้งสามคนนั้นก็ได้ตีฝ่าค่ายของพวกฟีลิสเตียออกไป และได้ตักน้ำจากบ่อน้ำของเบธเลเฮมที่อยู่ข้างประตูเมืองและนำมันกลับมาให้กับดาวิด แต่ดาวิดไม่ยอมดื่มน้ำนั้น แต่เขากลับเทมันออกถวายให้กับพระยาห์เวห์ 19 เขาพูดว่า “ขอให้พระเจ้าของเราลงโทษเรา ถ้าเราทำอย่างนี้ จะให้เราดื่มเลือดของคนพวกนี้ที่ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อนำน้ำนี้มาให้กับเราได้ยังไง” ดาวิดจึงไม่ยอมดื่มน้ำนั้น และนี่ก็คือสิ่งที่นักรบทั้งสามคนได้ทำไป

ทหารกล้าคนอื่นๆ

(2 ซมอ. 23:18-39)

20 อาบีชัยที่เป็นน้องชายของโยอาบ เขาเป็นหัวหน้าของกองทหารของกษัตริย์ที่แบ่งเป็นกลุ่มละสามคน[d] เขาได้ใช้หอกของเขาฆ่าคนสามร้อยคนตายจนหมด แต่เขาไม่ได้รวมอยู่ในทหารกล้าสามคนนั้น[e] 21 อาบีชัยได้รับเกียรติมากกว่าทหารคนอื่นๆในกองทหารของกษัตริย์ที่แบ่งเป็นกลุ่มละสามคนนั้น[f] และเขาก็ได้กลายเป็นหัวหน้าของคนเหล่านั้น แต่ไม่ได้รวมอยู่ในทหารกล้าสามคนนั้น

22 เบไนยาห์ลูกชายของเยโฮยาดาที่มาจากขับเซเอล เป็นคนกล้าหาญที่ได้ทำสิ่งที่น่าจดจำไว้เหมือนกัน เขาเป็นคนฆ่านักรบชาวโมอับที่เก่งที่สุดสองคนและยังได้ลงไปฆ่าสิงโตในบ่อน้ำในวันที่หิมะตกอีกด้วย 23 เขายังได้ฆ่าชาวอียิปต์คนหนึ่งที่มีรูปร่างใหญ่โต สูงถึงห้าศอก[g] ชายคนนั้นถือหอกที่ใหญ่และหนักมาก แต่เบไนยาห์ได้ไปต่อสู้กับเขาด้วยไม้เท้าเพียงอันเดียว เขาแย่งหอกจากมือของคนอียิปต์ และฆ่าอียิปต์คนนั้นตายด้วยหอกของเขาเอง 24 นี่คือสิ่งที่เบไนยาห์ลูกชายของเยโฮยาดาได้ทำไป เขาไม่ได้รวมอยู่ในทหารกล้าสามคนนั้น 25 เขาได้รับเกียรติมากกว่าทหารคนอื่นๆในกองทหารของกษัตริย์ที่แบ่งเป็นกลุ่มละสามคน แต่เขาไม่ได้รวมอยู่ในทหารกล้าสามคนนั้น ดาวิดได้แต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าทหารรักษาพระองค์

26 พวกนักรบที่กล้าหาญประกอบไปด้วย

อาสาเฮลที่เป็นน้องชายของโยอาบ เอลฮานันลูกชายของโดโดจากเมืองเบธเลเฮม

27 ชัมโมทชาวฮาโรด เฮเลสชาวเปโลน

28 อิราลูกชายของอิกเขชจากเมืองเทโคอา อาบีเยเซอร์จากเมืองอานาโธท

29 สิบเบคัยชาวหุชาห์ อิลัยชาวอาโหอาห์

30 มาหะรัยจากเมืองเนโทฟาห์ เฮเลดลูกชายของบาอานาห์จากเมืองเนโทฟาห์

31 อิททัยลูกชายของรีบัยจากเมืองกิเบอาห์ของชาวเบนยามิน เบไนยาห์ชาวปิราโธน

32 หุรัยที่มาจากลุ่มแม่น้ำกาอัช อาบีเอลชาวอารบา

33 อัสมาเวทชาวบาฮูริม เอลียาบาชาวชาอัลโบน

34 ฮาเชมชาวกิโซน โยนาธานลูกชายของชากีชาวฮาราร์

35 อาหิอัมลูกชายของสาคาร์ชาวฮาราร์ เอลีฟัลลูกชายของอูระ

36 เฮเฟอร์ชาวเมเคราไธด์ อาหิยาห์ชาวเปโลน

37 เฮสโรชาวคารเมล นาอารัยลูกชายของเอสบัย

38 โยเอลน้องชายของนาธัน มิบฮาร์ลูกชายของฮากรี

39 เศเลกชาวอัมโมน นาหะรัยจากเมืองเบเอโรท (เป็นคนถืออาวุธของโยอาบลูกชายของนางเศรุยาห์)

40 อิราชาวอิทไรต์ กาเรบชาวอิทไรต์

41 อุรียาห์ชาวฮิตไทต์ ศาบาดลูกชายของอัคลัย

42 อาดีนาลูกชายของชิซาชาวรูเบน (อาดีนาเป็นหัวหน้าคนหนึ่งของชาวรูเบนและคนอีกสามสิบคนที่อยู่กับเขา)

43 ฮานันลูกชายของมาอาคาห์ โยชาฟัทชาวมิทเน

44 อุสชียาชาวอัชทาโรท ชามาและเยอีเอลลูกชายของโฮธามชาวอาโรเออร์

45 เยดียาเอลลูกชายชิมรีและน้องชายของเขาที่ชื่อโยฮาเป็นชาวทิไซต์

46 เอลีเอลชาวมาหะไวต์ ทั้งเยรีบัยและโยชาวิยาห์ ที่เป็นลูกชายของเอลนาอัม อิทมาห์ชาวโมอับ

47 เอลีเอล โอเบดและยาอาซีเอลชาวเมโซบัย

ผู้กล้าหาญที่เข้าร่วมกับดาวิด

12 ต่อไปนี้คือคนที่มาหาดาวิดที่ศิกลากในขณะที่ดาวิดยังหลบซ่อนตัวจากซาอูลลูกชายของคีช พวกเขาอยู่ในหมู่นักรบทั้งหลายที่ช่วยเหลือดาวิดในสนามรบ พวกเขาเป็นนักธนูและสามารถยิงธนูหรือเหวี่ยงก้อนหินจากเชือกสลิงได้ทั้งมือซ้ายและมือขวา พวกเขามาจากเผ่าเบนยามิน ซึ่งเป็นญาติกับซาอูล

อาหิเยเซอร์ผู้นำของพวกเขา โยอาชลูกชายของเชมาอาห์ชาวเมืองกิเบอาห์ เยซีเอลและเปเลทลูกชายของอัสมาเวท เบราคาห์ และเยฮูชาวอานาโธท อิชมัยอาห์จากเมืองกิเบโอน (เขาเป็นนักรบคนหนึ่งในหมู่นักรบสามสิบคนและเป็นแม่ทัพของกองทหารสามสิบคนนั้นด้วย) เยเรมียาห์ ยาฮาซีเอล โยฮานัน โยซาบาดชาวเมืองเกเดราห์ เอลูซัย เยรีโมท เบอัลยาห์ เชมาริยาห์ เชฟาทิยาห์จากตระกูลฮารูฟห์ และจากตระกูลโคราห์ มี เอลคานาห์ อิสชีอาห์ อาซาเรล โยเอเซอร์ และยาโชเบอัม แล้วมีลูกชายของเยโรฮัมจากเมืองเกโดร์ คือโยเอลาห์และเศบาดิยาห์

ชาวกาด

จากชาวกาดที่ได้หลบหนีไปหาดาวิดที่ป้อม[h] ในทะเลทราย มีทั้งพวกนักรบ คนที่พร้อมที่จะออกรบ ผู้ที่ชำนาญในการใช้โล่และหอก พวกเขาล้วนดุร้ายเหมือนกับสิงโตและรวดเร็วเหมือนเนื้อทราย[i] บนภูเขา คือ

เอเซอร์หัวหน้าของพวกเขา โอบาดียาห์เป็นรองที่สอง เอลีอับเป็นที่สาม 10 มิชมันนาห์เป็นคนที่สี่ เยเรมียาห์เป็นคนที่ห้า 11 อัททัยเป็นคนที่หก เอลีเอลเป็นคนที่เจ็ด 12 โยฮานันเป็นคนที่แปด เอลซาบาดเป็นคนที่เก้า 13 เยเรมียาห์เป็นคนที่สิบ และมัคบันนัยเป็นคนที่สิบเอ็ด 14 ชาวกาดเหล่านี้ล้วนเป็นผู้นำของกองทัพ ซึ่งถ้าขนาดเล็กที่สุดก็คือผู้นำกองร้อย ใหญ่ที่สุดก็คือผู้นำกองพัน 15 คนเหล่านี้คือคนที่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนตอนเดือนที่หนึ่ง ที่มีน้ำไหลบ่าล้นตลิ่ง และพวกเขาได้ขับไล่ผู้คนที่อยู่ตามพวกหุบเขาทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำกระเจิดกระเจิงไป

ทหารคนอื่นที่เข้าร่วมกับฝ่ายดาวิด

16 มีชาวเบนยามินบางกลุ่มและชาวยูดาห์ที่มาเข้าร่วมกับฝ่ายของดาวิดที่ป้อมด้วย 17 ดาวิดได้ออกไปพบกับพวกเขาและพูดว่า “ถ้าพวกท่านมาหาเราอย่างมิตร เพื่อที่จะมาช่วยเรา เราก็ยินดีที่จะให้พวกท่านเข้าร่วมกับเรา แต่ถ้าพวกท่านจะมาเพื่อที่จะทรยศเรา ทั้งๆที่เราไม่ได้ทำอะไรผิด ขอพระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเรา มองเห็นและลงโทษพวกท่าน”

18 แล้วพระวิญญาณก็ลงมาที่ตัวอามาสัยซึ่งเป็นหัวหน้าของกองทัพที่แบ่งทหารพิเศษออกเป็นหน่วยๆหน่วยละสามคน[j] และเขาก็พูดออกมาว่า

“พวกเราอยู่ฝ่ายของท่าน ดาวิด
    พวกเราล้วนอยู่กับท่าน ลูกชายของเจสซี
ความสงบสุข ความสงบสุขจงอยู่กับท่านเถิด
    และความสงบสุขจงอยู่กับผู้ที่ช่วยเหลือท่านเถิด
    เพราะพระเจ้าของท่านได้ช่วยเหลือท่านแล้ว”

ดาวิดจึงต้อนรับพวกเขาและแต่งตั้งให้พวกเขาเป็นผู้นำของกองทหารของดาวิด

กิจการ 28

เปาโลบนเกาะมอลตา

28 หลังจากทุกคนมาถึงฝั่งอย่างปลอดภัยแล้ว พวกเราถึงรู้ว่าเกาะแห่งนี้ชื่อว่ามอลตา คนพื้นเมืองที่นี่ใจดีกับพวกเราเหลือเกิน พวกเขาก่อไฟต้อนรับพวกเราทุกคน เนื่องจากฝนเพิ่งตกและอากาศหนาว เปาโลได้เก็บกิ่งไม้กองหนึ่งมาสุมไฟ มีงูพิษตัวหนึ่งเลื้อยออกมาเพราะถูกความร้อน มันกัดติดอยู่กับมือของเปาโล เมื่อพวกคนพื้นเมืองเห็นงูห้อยอยู่ที่มือของเปาโล พวกเขาก็พูดกันว่า “คนผู้นี้ต้องเป็นฆาตกรแน่ๆถึงแม้เขาจะรอดตายจากทะเล แต่เจ้าแม่แห่งความยุติธรรม[a] ไม่ยอมให้เขารอดตายไปได้” แต่เปาโลสะบัดงูตกลงไปในกองไฟ โดยที่ตัวเขาไม่เป็นอันตรายแม้แต่นิดเดียว พวกเขาคาดว่าเปาโลคงจะต้องบวม หรือไม่ก็ล้มลงขาดใจตายทันที แต่หลังจากที่ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเปาโล พวกเขาก็เปลี่ยนใจและพูดว่า เปาโลเป็นเทพเจ้า

ใกล้ๆแถวนั้น มีทุ่งหญ้าของหัวหน้าเกาะที่ชื่อว่า ปูบลิอัส เขาเชิญพวกเราเข้าไปในบ้าน และเลี้ยงดูปูเสื่อพวกเราเป็นอย่างดีถึงสามวัน พ่อของปูบลิอัสนอนป่วยเป็นไข้ และเป็นโรคบิด[b] อยู่บนเตียง เปาโลจึงเดินเข้าไปหา หลังจากที่เปาโลอธิษฐานแล้วก็วางมือบนตัวเขา แล้วเขาก็หาย เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น คนป่วยคนอื่นๆที่อยู่บนเกาะนี้ ต่างก็พากันมาให้เปาโลรักษาจนหายหมดทุกคน 10 คนบนเกาะนับถือพวกเรามาก เมื่อถึงเวลาที่จะแล่นเรือต่อไป พวกเขาจัดแจงหาสิ่งของต่างๆที่จำเป็นสำหรับการเดินทางมาให้

เปาโลเดินทางไปที่กรุงโรม

11 สามเดือนหลังจากเรือแตก พวกเราได้ลงเรือที่มาแวะพักอยู่ที่เกาะนี้ในช่วงฤดูหนาว เป็นเรือที่มาจากเมืองอเล็กซานเดรีย มีรูปพระแฝด[c]แกะสลักอยู่ที่หัวเรือ 12 พวกเรามาถึงเมืองไซราคิวส์ และพักอยู่ที่นี่สามวัน 13 จากที่นั่น พวกเราแล่นเรือต่อไปที่เมืองเรอียูม ในวันรุ่งขึ้นก็มีลมพัดมาจากทางทิศใต้ วันที่สองพวกเราก็มาถึงเมืองโปทิโอลี 14 เราพบพี่น้องบางคนที่นั่น และพวกเขาชวนให้พวกเราพักอยู่ด้วยเป็นเวลาเจ็ดวัน ต่อจากนั้นพวกเราก็เดินทางไปโรม 15 เมื่อพวกพี่น้องในกรุงโรม ได้รับข่าวเรื่องพวกเรา พวกเขาอุตส่าห์เดินทางออกมาพบพวกเราถึงตลาดอัปปีอัส[d]และโรงแรมสามหลัง[e] เมื่อเปาโลเห็นพวกเขา ก็ขอบคุณพระเจ้าและมีกำลังใจมากขึ้น

เปาโลอยู่ในกรุงโรม

16 เมื่อพวกเรามาถึงกรุงโรม เปาโลได้รับอนุญาตให้อยู่คนเดียวต่างหาก โดยมีทหารคนหนึ่งคอยเฝ้าเขาไว้ 17 หลังจากผ่านไปสามวัน เปาโลเรียกประชุมผู้นำของชาวยิว เมื่อทุกคนมาพร้อมกันแล้ว เปาโลจึงพูดขึ้นว่า “พี่น้องทั้งหลาย ผมได้ถูกจับที่เมืองเยรูซาเล็มแล้วถูกส่งไปให้กับพวกโรมันเหมือนกับนักโทษ ทั้งๆที่ผมไม่ได้ต่อต้านคนของพวกเรา หรือต่อต้านประเพณีของบรรพบุรุษของพวกเราเลย 18 เมื่อพวกโรมันไต่สวนผมแล้ว ก็จะปล่อยตัวผมไป เพราะผมไม่ได้ทำอะไรผิดถึงกับต้องตาย 19 แต่ชาวยิวไม่ยอม ผมจึงจำเป็นต้องขอให้ซีซาร์สอบสวน ไม่ใช่เพราะผมมีเรื่องจะฟ้องร้องคนร่วมชาติของผมเอง 20 นี่เป็นเหตุที่ผมขอพบเพื่อพูดคุยกับพวกท่าน ความจริงแล้วที่ผมต้องถูกล่ามโซ่อยู่นี้ ก็เพราะเห็นแก่ความหวังของชาวอิสราเอล[f]

21 พวกผู้นำชาวยิวจึงพูดกับเปาโลว่า “พวกเรายังไม่ได้รับจดหมายอะไรเกี่ยวกับท่าน ที่มาจากแคว้นยูเดียเลย และยังไม่มีพี่น้องคนไหนที่เดินทางมาจากที่นั่น เพื่อรายงานหรือให้ร้ายเกี่ยวกับตัวท่าน 22 แต่พวกเราอยากจะได้ยินสิ่งที่ท่านคิด เพราะพวกเรารู้ว่าทุกหนแห่งต่อต้านลัทธินี้”

23 พวกเขาจึงนัดวันพบกับเปาโลอีก เมื่อถึงวันนัดพบ ก็มีคนมากกว่าเดิมมาหาเปาโลในที่พักของเขา เปาโลได้อธิบายและเป็นพยานถึงอาณาจักรของพระเจ้า พยายามชักจูงพวกนั้นให้เชื่อในพระเยซู โดยอ้างจากกฎของโมเสสและจากสิ่งที่พวกผู้พูดแทนพระเจ้า เขียนไว้ เปาโลได้ทำอย่างนี้ตั้งแต่เช้าจนเย็น 24 บางคนเชื่อในสิ่งที่เขาพูด บางคนก็ไม่เชื่อ 25 เกิดการขัดแย้งกันเองในหมู่พวกเขา บางคนเริ่มเดินหนีไปหลังจากที่เปาโลพูดว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์พูดไว้ถูกต้องเลย เมื่อพูดกับบรรพบุรุษของพวกท่านผ่านทางอิสยาห์ ผู้พูดแทนพระเจ้าว่า

26 ‘ให้ไปหาคนพวกนี้ และพูดกับเขาว่า
ท่านจะฟังแล้วฟังอีก
    แต่จะไม่เข้าใจ
ท่านจะมองแล้วมองอีก
    แต่จะไม่เห็นจริงๆ
27 เพราะจิตใจของคนพวกนี้ดื้อด้าน
    หูของเขาไม่เต็มใจที่จะฟัง และพวกเขาก็ปิดตาของตนเอง
ไม่อย่างนั้น พวกเขาจะได้เห็นกับตา และได้ยินกับหู
    และเข้าใจด้วยจิตใจ และหันกลับมาหาเรา
เพื่อให้เรารักษาพวกเขา’[g]

28 ดังนั้นพวกท่านควรรู้ไว้ว่า เรื่องความรอดจากพระเจ้านี้ได้ส่งไปให้คนที่ไม่ใช่ยิวแล้ว และพวกเขาจะฟัง” 29 [h]

30 เปาโลได้อยู่ในห้องที่เขาได้เช่าไว้เป็นเวลาถึงสองปีเต็ม และต้อนรับทุกคนที่มาหาเขา 31 เขาประกาศเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า และสั่งสอนเกี่ยวกับองค์เจ้าชีวิตพระเยซูผู้เป็นกษัตริย์ยิ่งใหญ่[i] อย่างเปิดเผย โดยไม่มีใครขัดขวาง

สดุดี 9:1-12

คำอธิษฐานเพื่อขอให้กำจัดคนชั่ว

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องตามทำนองมุธลับเบน เพลงสดุดีของดาวิด[a]

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ด้วยสิ้นสุดหัวใจของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจะบอกเล่าถึงสิ่งต่างๆอันอัศจรรย์ที่พระองค์ได้ทำ
ข้าพเจ้าจะมีความสุข และชื่นชมยินดีในพระองค์
    พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด ข้าพเจ้าจะร้องบทเพลงสรรเสริญชื่อของพระองค์

เป็นเพราะพระองค์ พวกศัตรูของข้าพเจ้าถึงได้หันหลังวิ่งหนีไป
    พวกเขาล้มลงและพินาศไป

พระองค์ตัดสินคดีของข้าพเจ้าและประกาศว่าข้าพเจ้าบริสุทธิ์
    พระองค์ให้คำตัดสินที่ยุติธรรมจากบัลลังก์ของพระองค์
พระองค์ประณามชนชาติต่างๆ
    พระองค์ทำลายคนชั่วและลบชื่อของพวกเขาออกไปตลอดกาล
เมืองของพวกศัตรูจะพังทลายอยู่อย่างนั้นตลอดไป
    พระองค์ถอนรากถอนโคนเมืองของพวกเขา
    จะไม่มีใครระลึกถึงพวกเขาอีกตลอดไป

แต่พระยาห์เวห์จะครอบครองตลอดไป
    พระองค์ก่อตั้งบัลลังก์ของพระองค์ขึ้นมาเพื่อนำความยุติธรรมมาสู่โลกนี้
พระองค์ตัดสินโลกนี้อย่างยุติธรรม
    พระองค์ตัดสินชนชาติต่างๆอย่างเที่ยงธรรม

พระยาห์เวห์เป็นที่ลี้ภัยของคนพวกนั้นที่ถูกกดขี่ข่มเหง
    ในยามทุกข์ยากลำบาก
10 เพื่อว่าคนเหล่านั้นที่รู้จักชื่อของพระองค์จะได้ไว้วางใจในพระองค์
    เพราะพระยาห์เวห์ไม่ทอดทิ้งคนที่มาขอความช่วยเหลือจากพระองค์

11 ร้องเพลงสรรเสริญให้กับพระยาห์เวห์ พระองค์ผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์บนภูเขาศิโยน
    ขอให้บอกผู้คนถึงสิ่งทั้งหลายที่พระองค์ได้ทำ
12 พระยาห์เวห์ผู้แก้แค้นแทนเลือดของผู้บริสุทธิ์ พระองค์ไม่ลืมพวกเขา
    พระองค์ไม่เพิกเฉยต่อคนยากจนที่ร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์

สุภาษิต 19:1-3

19 เป็นคนยากจนที่ซื่อสัตย์
    ยังดีกว่าเป็นคนหลอกลวงที่โง่
อยากทำโน่นทำนี่โดยขาดความรู้ ย่อมนำไปสู่ความหายนะ
    คนที่ทำอะไรอย่างเร่งรีบย่อมผิดพลาด
ความโง่ของคนย่อมทำลายชีวิตของเขาเอง
    แต่ใจของเขากลับมาโกรธพระยาห์เวห์

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International