The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NRSVUE. Switch to the NRSVUE to read along with the audio.
ดาวิดรบชนะอัมโมนกับอารัม
(2 ซมอ. 10:1-19)
19 ต่อมา กษัตริย์นาหาชของชาวอัมโมนตาย และลูกชายของเขาขึ้นเป็นกษัตริย์แทน 2 ดาวิดพูดว่า “เราจะดีกับฮานูนที่เป็นลูกชายของนาหาช เพราะพ่อของเขาดีกับเรามาก่อน” ดังนั้น ดาวิดจึงส่งคนส่งข่าวหลายคนมาแสดงความเสียใจกับฮานูนที่พ่อของเขาตาย เมื่อบรรดาตัวแทนของดาวิดมาถึงเมืองของพวกอัมโมนและมาพบกับฮานูนเพื่อที่จะแสดงความเสียใจกับเขา
3 พวกเจ้าหน้าที่ชาวอัมโมนพูดกับฮานูนว่า “ท่านคิดว่าดาวิดกำลังให้เกียรติกับพ่อของท่าน เพราะเขาได้ส่งคนเหล่านี้มาปลอบโยนท่านอย่างนั้นหรือ ตัวแทนของเขามาพบกับท่านเพื่อจะมาสำรวจ และสอดแนมแผ่นดินของท่านเพื่อจะได้ทำลายมันต่างหากเล่า” 4 ฮานูนจึงจับบรรดาตัวแทนของดาวิดมาและโกนเครา[a] พวกเขาและฮานูนก็ได้ตัดเสื้อผ้าของพวกเขาออกข้างหนึ่งตั้งแต่สะโพกลงไป และได้ขับไล่พวกเขาออกไป
5 มีคนมาบอกข่าวเกี่ยวกับคนเหล่านี้ให้ดาวิดฟัง และดาวิดก็ได้ส่งผู้ส่งข่าวหลายคนมาพบพวกเขา เพราะพวกเขารู้สึกอับอายมาก กษัตริย์ดาวิดได้พูดว่า “ให้อยู่ในเยริโคต่อไปจนกว่าเคราของพวกท่านจะงอกออกมาใหม่ แล้วค่อยกลับมา”
6 เมื่อพวกอัมโมนรู้ว่าพวกเขาได้ทำให้ดาวิดเกลียด ฮานูนกับพวกอัมโมนจึงได้เอาเงินประมาณสามสิบสี่ตันไปจ้างรถรบกับทหารม้าจากเมโสโปเตเมีย จากอารัม-มาอาคาห์ และจากโศบาห์ 7 พวกเขายังได้จ้างรถรบสามหมื่นสองพันคันและกษัตริย์ของมาอาคาห์ รวมทั้งกองทัพของเขามาด้วย และพวกเขาทั้งหมดก็ได้มาตั้งค่ายอยู่ใกล้กับเมืองเมเดบา พวกอัมโมนได้เรียกชุมนุมคนของพวกเขาทั้งหมดจากเมืองต่างๆเพื่อมาสู้รบด้วย
8 เมื่อดาวิดได้ยินข่าวนี้ เขาก็ได้ส่งโยอาบและกองทัพทั้งหมดไปที่นั่น 9 พวกอัมโมนได้ออกมาตั้งแถวเตรียมสู้รบอยู่ที่ประตูเมือง ส่วนบรรดากษัตริย์ที่เข้าร่วมรบด้วยต่างก็ตั้งทัพอยู่ที่ท้องทุ่ง
10 โยอาบเห็นว่ามีกองทัพตั้งขนาบเขาอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เขาจึงได้เลือกทหารที่ฝีมือดีที่สุดของอิสราเอลมาจำนวนหนึ่ง และให้พวกเขามาอยู่ในตำแหน่งที่ต้องเผชิญหน้ากับกองทัพของพวกอารัม 11 เขาให้กองทัพที่เหลืออยู่ภายใต้การควบคุมของอาบีชัยน้องชายของเขา และพวกเขาทั้งหมดต่างก็ตั้งทัพเผชิญหน้ากับพวกอัมโมน 12 โยอาบพูดว่า “ถ้าอารัมแข็งแกร่งเกินไปสำหรับเรา ท่านต้องมาช่วยเหลือเรา และถ้าพวกอัมโมนแข็งแกร่งเกินไปสำหรับท่าน เราก็จะไปช่วยท่าน 13 กล้าหาญไว้ ให้เราสู้ให้สมกับชายชาติทหารเพื่อคนของเราและเพื่อเมืองทั้งหลายของพระเจ้าของเรา และขอให้พระยาห์เวห์ทำในสิ่งที่พระองค์เห็นว่าดีเถิด”
14 โยอาบกับกองทัพของเขาบุกเข้าสู้รบกับพวกอารัม และพวกอารัมต่างถอยหนีพวกเขา 15 เมื่อพวกอัมโมนเห็นว่าพวกอารัมวิ่งหนี พวกเขาจึงวิ่งหนีจากอาบีชัยที่เป็นน้องชายของโยอาบด้วย และหนีเข้าเมืองของพวกเขาไป แล้วโยอาบก็กลับเมืองเยรูซาเล็ม
16 เมื่ออารัมเห็นว่าพวกเขาพ่ายแพ้แก่ชาวอิสราเอลแล้ว พวกเขาจึงได้ส่งพวกผู้ส่งข่าวเพื่อไปนำชาวอารัมมาจากอีกฝั่งของแม่น้ำยูเฟรติส โดยมีโชฟัคที่เป็นแม่ทัพของกองทัพฮาดัดเอเซอร์มาเป็นผู้นำทัพ
17 มีคนมารายงานเรื่องนี้ให้กับดาวิด เขาจึงได้รวบรวมชาวอิสราเอลทั้งหมดเดินทางข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป และได้มาพบกับกองทัพของชาวอารัมนั้น เขาได้จัดเตรียมกองทัพเผชิญหน้ากับพวกอารัม และได้สู้รบกับพวกเขา 18 พวกอารัมต่างวิ่งหนีชาวอิสราเอล และดาวิดกับกองทัพของเขาได้ฆ่าทหารรถรบตายถึงเจ็ดพันคน ทหารเดินเท้าอีกสี่หมื่นคน และยังได้ฆ่าแม่ทัพโชฟัคตายด้วย
19 เมื่อพวกคนรับใช้ของฮาดัดเอเซอร์เห็นว่าพวกเขาพ่ายแพ้แก่ชาวอิสราเอล จึงได้ขอสงบศึกกับดาวิดและยอมเป็นทาสของเขา ดังนั้นพวกอารัมจึงไม่ยอมช่วยเหลือพวกอัมโมนอีก
โยอาบทำลายพวกอัมโมน
(2 ซมอ. 12:26-31)
20 เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิของปีต่อไป ซึ่งเป็นช่วงที่บรรดากษัตริย์ต่างออกไปทำสงครามกัน โยอาบได้นำกองทัพออกไปทำลายแผ่นดินของพวกอัมโมนและได้ล้อมเมืองรับบาห์ไว้ ส่วนดาวิดยังอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม โยอาบได้เข้าโจมตีเมืองรับบาห์และสามารถทำลายมันได้
2 ดาวิดได้ปลดเอามงกุฎออกจากหัวของกษัตริย์ของพวกเขา[b] ดาวิดพบว่ามงกุฎทองคำนี้หนักเกือบสามสิบห้ากิโลกรัม[c] และมีพลอยมีค่ามากมายประดับอยู่ พวกเขาได้เอามงกุฎนี้มาสวมไว้บนหัวของดาวิด และดาวิดได้ขนเอาของมีค่าจำนวนมากมายมหาศาลไปจากเมืองนั้น 3 ดาวิดได้นำผู้คนที่อยู่ในเมืองรับบาห์ออกไปจากเมือง และบังคับให้ไปทำงานด้วยเลื่อย เหล็กขุด และขวาน ดาวิดทำอย่างเดียวกันนี้กับทุกเมืองของพวกอัมโมน แล้วดาวิดจึงยกทัพกลับเมืองเยรูซาเล็ม
พวกยักษ์ชาวฟีลิสเตียถูกฆ่าตาย
(2 ซมอ. 21:18-22)
4 ต่อมาภายหลัง เกิดสงครามกับชาวฟีลิสเตียในเมืองเกเซอร์ ในเวลานั้นสิบเบคัยชาวหุชาห์ได้ฆ่าสิปปัยซึ่งเป็นลูกหลานของชาวเรฟาอิมร่างยักษ์ตาย และพวกฟีลิสเตียยอมแพ้
5 หลังจากนั้น ก็เกิดสงครามกับชาวฟีลิสเตียขึ้นอีกครั้ง และเอลฮานันลูกชายยาอีร์ได้ฆ่าลามีน้องชายของโกลิอัทที่เป็นชาวกัทตาย ลามีผู้นี้ใช้หอกที่มีด้ามหนักเหมือนกับไม้ฟั่นทอผ้า[d]
6 ในเวลาต่อมา ก็มีสงครามกับชาวกัทเกิดขึ้นอีก และได้มีชายร่างยักษ์คนหนึ่งที่มีนิ้วมือและนิ้วเท้าข้างละหกนิ้วรวมยี่สิบสี่นิ้ว เขาเป็นลูกหลานของเรฟาอิมร่างยักษ์ด้วย 7 เขาได้มาพูดเหน็บแนมชาวอิสราเอล โยนาธานที่เป็นลูกชายของชิเมอาพี่ชายของดาวิดได้ฆ่าเขาตาย
8 คนเหล่านี้ล้วนเป็นลูกหลานของเรฟาอิมร่างยักษ์ในเมืองกัทและพวกเขาก็ถูกฆ่าตายด้วยฝีมือของดาวิดและคนของเขา
ดาวิดบาปเพราะนับชาวอิสราเอล
(2 ซมอ. 24:1-25)
21 ซาตานได้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับอิสราเอล และยุให้ดาวิดนับประชาชนชาวอิสราเอล 2 ดาวิดได้พูดกับโยอาบและพวกแม่ทัพว่า “ให้ไปนับประชาชนชาวอิสราเอลตั้งแต่เบเออร์เชบาไปจนถึงดาน แล้วกลับมารายงานเรา เราจะได้รู้จำนวนของพวกเขา”
3 แต่โยอาบพูดว่า “ขอให้พระยาห์เวห์เพิ่มจำนวนของประชาชนของพระองค์ขึ้นอีกร้อยเท่าจากที่พวกเขาเป็นอยู่ขณะนี้เถิด ท่านกษัตริย์ คนอิสราเอลทั้งหมดล้วนเป็นคนรับใช้ของท่านมิใช่หรือ ทำไมท่านถึงต้องการทำอย่างนี้ด้วย ทำไมถึงให้สิ่งนี้ต้องกลายเป็นความบาปของชนชาติอิสราเอลด้วยเล่า”
4 แต่กษัตริย์ยังคงยืนกรานคำสั่งที่ให้กับโยอาบไป ดังนั้นโยอาบจึงได้ออกเดินทางไปทั่วทั้งแผ่นดินอิสราเอล แล้วจึงกลับมาเมืองเยรูซาเล็ม 5 โยอาบได้เสนอรายงานการนับประชาชนให้กับดาวิด ชาวอิสราเอลทั้งหมดมีผู้ชายหนึ่งล้านหนึ่งแสนคนที่สามารถใช้ดาบได้ และผู้ชายชาวยูดาห์ที่ใช้ดาบได้มีจำนวนสี่แสนเจ็ดหมื่นคน 6 โยอาบไม่ได้นับชาวเลวีและชาวเบนยามินรวมไปด้วย เพราะเขาไม่ชอบคำสั่งนี้ของกษัตริย์ 7 พระเจ้าก็ไม่พอใจคำสั่งนี้ด้วย ดังนั้นพระองค์จึงลงโทษชาวอิสราเอล
8 ดาวิดพูดกับพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าได้ทำบาปอย่างใหญ่หลวงที่ได้ทำสิ่งนี้ลงไป แต่ตอนนี้ขอโปรดเอาความผิดของข้าพเจ้าผู้รับใช้พระองค์ไปด้วยเถิด เพราะข้าพเจ้าได้ทำตัวโง่เขลาไป”
9 พระยาห์เวห์ได้พูดกับกาด ผู้ที่เห็นนิมิตของดาวิดว่า 10 “ให้ไปบอกกับดาวิดว่า ‘พระยาห์เวห์พูดว่า เรามีสามทางให้เจ้าเลือก เลือกมาทางหนึ่ง แล้วเราจะทำกับเจ้าตามนั้น’”
11 ดังนั้น กาดจึงไปพบดาวิดและได้พูดกับเขาว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด เลือกมาอย่างหนึ่ง 12 คือ อดอยากสามปี หรือ วิ่งหนีศัตรูที่เอาดาบไล่ล่าเจ้าสามเดือน หรือสามวันของดาบของพระยาห์เวห์ ซึ่งก็คือโรคระบาดร้ายแรงในแผ่นดินนี้ พร้อมกับทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ที่จะลงมาทำลายล้างประชาชนที่อยู่ทั่วทั้งเขตแดนของชนชาติอิสราเอล ตอนนี้ ให้ท่านคิดดูว่าจะให้ข้าพเจ้านำคำตอบอันไหนไปให้กับผู้ที่ส่งข้าพเจ้ามา”
13 ดาวิดจึงตอบกาดไปว่า “เรากลุ้มใจมาก เราขอตกอยู่ในกำมือของพระยาห์เวห์ เพราะความเมตตาของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่นัก แต่ขออย่าให้เราตกไปอยู่ในกำมือของพวกมนุษย์เลย”
14 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงได้ส่งโรคระบาดร้ายแรงมาสู่ชนชาติอิสราเอลทำให้มีคนตายเจ็ดหมื่นคน 15 และพระเจ้าก็ได้ส่งทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาที่เยรูซาเล็มเพื่อทำลายมัน แต่เมื่อทูตสวรรค์ได้เริ่มต้นการทำลาย พระยาห์เวห์มองดูแล้วก็เปลี่ยนใจไม่ทำลายล้างเยรูซาเล็ม พระองค์พูดกับทูตสวรรค์ที่กำลังทำลายเยรูซาเล็มอยู่นั้นว่า “พอเถิด รามือของท่านเถิด” ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์กำลังยืนอยู่ที่ลานนวดข้าวของโอรนันชาวเยบุส[e]
16 ดาวิดมองขึ้นไปและได้เห็นทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ยืนอยู่ระหว่างสวรรค์กับพื้นโลก มือของท่านชักดาบออกมาและชี้ไปที่เมืองเยรูซาเล็ม แล้วดาวิดกับพวกผู้ใหญ่ที่แต่งกายด้วยผ้ากระสอบ[f] ก็ก้มหน้าลงถึงพื้นดิน 17 ดาวิดพูดกับพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนสั่งให้นับประชาชนพวกนี้เอง ข้าพเจ้าเป็นคนที่ได้ทำบาป และได้ทำความผิดลงไป แต่พวกลูกแกะพวกนี้ได้ทำอะไรผิดเล่า ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดลงโทษข้าพเจ้ากับครอบครัวของข้าพเจ้าเถิด อย่าไปลงโทษประชาชนของพระองค์ด้วยโรคระบาดร้ายแรงอย่างนี้เลย”
18 (ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ได้บอกกับกาดให้ไปบอกกับดาวิดให้ไปตั้งแท่นบูชาให้แก่พระยาห์เวห์บนลานนวดข้าวของโอรนันชาวเยบุส 19 ดังนั้น ดาวิดจึงได้ขึ้นไปทำตามคำพูดของกาดซึ่งเขาได้พูดไว้ในนามของพระยาห์เวห์)
20 โอรนันกำลังนวดข้าวสาลีอยู่ เขาได้หันมาเห็นทูตสวรรค์องค์นั้น พวกลูกชายทั้งสี่คนของเขาซึ่งอยู่กับเขาต่างก็วิ่งไปแอบ 21 เมื่อดาวิดมาหาเขา โอรนันเห็นดาวิด เขาก็เดินออกมาจากลานนวดข้าว ก้มลงกราบดาวิดจนหน้าจดพื้น
22 ดาวิดพูดกับโอรนันว่า “ขายลานนวดข้าวแห่งนี้ให้กับเราเถิด ขายให้กับเราเต็มราคาเลย เราจะได้สร้างแท่นบูชาให้แก่พระยาห์เวห์ขึ้นที่นี่ เพื่อที่ว่าโรคระบาดร้ายแรงจะได้หายไปจากประชาชน”
23 แล้วโอรนันก็ตอบดาวิดไปว่า “รับมันไปเถิด ขอให้กษัตริย์ผู้เป็นนายของข้าพเจ้าทำในสิ่งที่ท่านเห็นว่าดีเถิด ข้าพเจ้ายังจะให้วัวผู้อีกหลายตัวเป็นเครื่องเผาบูชา ให้เลื่อนนวดข้าวเป็นฟืน และให้ข้าวสาลีเพื่อเป็นเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช ข้าพเจ้าขอมอบทั้งหมดนี้ให้”
24 แต่กษัตริย์ดาวิดได้พูดกับโอรนันว่า “อย่าเลย เราจะขอซื้อของเหล่านี้เต็มราคา เพราะเราจะไม่เอาของๆท่านมาถวายบูชาพระยาห์เวห์ และเราจะไม่ยอมบูชาเครื่องเผาบูชาที่เราได้มาฟรีๆ”
25 ดังนั้น ดาวิดจึงจ่ายโอรนันไปด้วยทองคำหนักเจ็ดกิโลกรัม[g] เป็นค่าสถานที่ 26 แล้วดาวิดก็ได้สร้างแท่นบูชาขึ้นแท่นหนึ่งที่นั่นให้กับพระยาห์เวห์ และได้บูชาเครื่องเผาบูชากับเครื่องบูชาอื่นๆเพื่อคืนดีกับพระเจ้า ดาวิดได้เรียกพระยาห์เวห์ และพระองค์ก็ได้ตอบเขาด้วยไฟจากสวรรค์ที่ลงมาบนแท่นบูชาสำหรับเครื่องเผาบูชานั้น 27 แล้วพระยาห์เวห์ได้สั่งทูตสวรรค์องค์นั้นให้เก็บดาบของท่านเข้าฝัก
28 ในเวลานั้น ดาวิดเห็นว่าพระยาห์เวห์ตอบรับเขาแล้วที่ลานนวดข้าวของโอรนันชาวเยบุส หลังจากที่เขาได้ถวายเครื่องบูชาให้กับพระองค์ที่นั่น 29 (ขณะนั้น เต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์ที่โมเสสได้สร้างขึ้นในทะเลทราย และแท่นบูชาสำหรับเครื่องเผาบูชาอยู่ในสถานที่สูงที่กิเบโอน 30 แต่ดาวิดไม่สามารถไปอยู่ต่อหน้าแท่นนั้นเพื่อขอคำปรึกษาจากพระเจ้าได้ เพราะเขาเกรงกลัวดาบของทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์)
25 ถ้าคุณทำตามกฎจริงๆ ที่คุณทำพิธีขลิบก็มีค่า แต่ถ้าคุณไม่ทำตามกฎ ถึงคุณจะขลิบไปแล้วก็เหมือนกับไม่ได้ขลิบนั่นแหละ 26 แต่ถ้าคนไหนที่ไม่ได้ขลิบ แต่ว่าทำตามกฎ พระเจ้าก็ถือว่าเขาได้ทำพิธีขลิบแล้ว 27 ดังนั้นคนเหล่านั้นที่ไม่ได้เกิดมาเป็นคนยิวและไม่ได้ทำพิธีขลิบ แต่ทำตามกฎจะทำให้เห็นว่าพวกคุณนั้นมีความผิด เพราะพวกคุณมีกฎที่เขียนไว้และทำพิธีขลิบ แต่กลับไม่ทำตามกฎเสียเอง
28 เพราะคนที่เป็นยิวแต่เปลือกนอกนั้น ไม่ถือว่าเป็นยิวแท้ๆ เหมือนกับคนที่ทำพิธีขลิบแต่เปลือกนอกก็ไม่ถือว่าเป็นพิธีขลิบที่แท้จริง 29 แต่คนยิวแท้ๆคือคนที่เป็นยิวจากภายใน มนุษย์ได้รับพิธีขลิบที่แท้จริงในจิตใจจากพระวิญญาณ มันไม่ใช่การผ่าตัดที่มนุษย์ทำกันเพื่อทำตามรายละเอียดที่เขียนไว้ในกฎ คนอย่างนี้ได้รับเกียรติจากพระเจ้า ไม่ใช่จากมนุษย์
3 ถ้าอย่างนั้น การเป็นยิวนั้นได้เปรียบตรงไหนหรือ ทำพิธีขลิบนั้นดีตรงไหนหรือ 2 ดีแน่นอน มันมีประโยชน์มากในทุกเรื่อง เรื่องแรกคือ พระเจ้ามอบถ้อยคำของพระองค์ให้กับพวกยิว 3 ถ้าคนยิวบางคนไม่ซื่อสัตย์กับพระองค์ พระเจ้าจะไม่ซื่อสัตย์ไปด้วยหรือ 4 ไม่มีทาง ถึงแม้มนุษย์จะโกหกกันหมด พระองค์ก็ยังซื่อสัตย์ตลอดไป เหมือนกับที่พระคัมภีร์ ได้เขียนไว้ว่า
“เมื่อพระองค์พูด ปรากฏว่าพระองค์ถูก
และเมื่อศาลตัดสินคดีของพระองค์ พระองค์ก็จะชนะ”[a]
5 เราจะพูดอย่างไรดี ถ้าการที่เราทำผิดทำให้เห็นความดีของพระเจ้าเด่นชัดขึ้น จะว่าพระเจ้าไม่ยุติธรรมที่ลงโทษพวกเราหรือ (ผมพูดแบบคนทั่วๆไปนะ) 6 ไม่มีทาง เพราะถ้าพระเจ้าไม่ยุติธรรม แล้วพระองค์จะมาตัดสินคนทั้งโลกได้อย่างไร 7 แต่คุณอาจจะเถียงว่า “ถ้าการที่ผมไม่ซื่อสัตย์นั้นทำให้เห็นความซื่อสัตย์ของพระองค์เด่นชัดขึ้น และทำให้พระองค์ได้รับเกียรติด้วย แล้วยังจะมาลงโทษผมอีกทำไม” 8 ทำไมคุณไม่พูดอย่างนี้เสียเลยว่า “มาทำชั่วกันเถอะ ความดีจะได้เกิดขึ้น” (เหมือนกับที่มีบางคนใส่ร้ายเรา หาว่าเราพูดอย่างนั้น) สมควรแล้วที่คนพวกนั้นจะถูกลงโทษ
พระยาห์เวห์ยุติธรรม
ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด
1 ข้าพเจ้าจะลี้ภัยในพระยาห์เวห์ แล้วเจ้ามาบอกเราได้ยังไงว่า
“ให้บินหนีไปยังภูเขาเหมือนนก
2 หนีไปซะ เพราะคนชั่วกำลังแอบอยู่ในความมืด
พวกคนชั่วกำลังโก่งคันธนูเพื่อคล้องสาย
และเล็งลูกศรตรงไปที่คนซื่อตรง
3 เมื่อรากฐานที่ดีของสังคมถูกทำลายไปหมดแล้ว
แล้วคนดีจะทำอะไรได้”
4 แต่พระยาห์เวห์ยังสถิตอยู่ในวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
พระยาห์เวห์นั่งอยู่บนบัลลังก์ของพระองค์ในสวรรค์
พระองค์มองเห็นทุกอย่าง พระองค์ตรวจสอบมนุษย์
5 พระองค์ตรวจสอบทั้งคนดีและคนชั่ว
พระองค์เกลียดคนเหล่านั้นที่รักความโหดร้าย
6 แล้วพระองค์จะทำให้ถ่านเพลิง และไฟกำมะถันตกลงทับถมคนชั่วเหล่านั้นดังห่าฝน
คนชั่วเหล่านั้นก็จะไม่ได้อะไรเลย นอกจากลมร้อนที่เผาผลาญ
7 พระยาห์เวห์นั้นยุติธรรม พระองค์รักความยุติธรรม
คนซื่อตรงเท่านั้นถึงจะได้เห็นใบหน้าของพระองค์
10 มันไม่เข้าท่าเลย ที่คนโง่จะอยู่อย่างหรูหรา
ยิ่งไม่เข้าท่าใหญ่ ที่ทาสจะขึ้นมาปกครองพวกเจ้านาย
11 คนฉลาดโกรธช้า
และถ้าเขามองข้ามความผิดที่คนอื่นทำต่อเขา มันก็จะทำให้เขามีชื่อเสียงมากขึ้น
12 ความโกรธของกษัตริย์เปรียบเหมือนสิงโตคำราม
ส่วนความโปรดปรานของเขา เปรียบเหมือนน้ำค้างบนใบหญ้า
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International