The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NET. Switch to the NET to read along with the audio.
โมรเดคัยเรียกร้องให้เอสเธอร์ช่วยเหลือชาวยิว
4 เมื่อโมรเดคัยรู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขาก็ฉีกเสื้อผ้าตัวเอง ใส่ชุดผ้ากระสอบ เอาขี้เถ้ามาโรยหัว แล้วออกไปกลางเมือง ร้องไห้คร่ำครวญเสียงดังด้วยความขมขื่น 2 โมรเดคัยเดินไปได้แค่หน้าประตูวังเท่านั้น เพราะคนที่สวมชุดผ้ากระสอบไม่สามารถผ่านเข้าประตูวังไปได้ 3 ในทุกมณฑลที่ได้รับคำสั่งของกษัตริย์ มีแต่ความทุกข์ระทมอันใหญ่หลวงในหมู่ชาวยิว พวกเขาอดอาหาร ร้องไห้คร่ำครวญเสียงดัง พวกชาวยิวส่วนใหญ่ปูผ้ากระสอบและโรยขี้เถ้าบนมัน แล้วนอนบนผ้านั้น
4 พวกสาวใช้และขันทีของเอสเธอร์มาเข้าเฝ้าพระนาง และรายงานเรื่องโมรเดคัยให้พระนางฟัง ทำให้พระนางเป็นทุกข์และกลุ้มใจมาก ดังนั้นพระนางจึงส่งเสื้อผ้าไปให้โมรเดคัย แทนชุดผ้ากระสอบของเขา แต่โมรเดคัยไม่ยอมรับเสื้อผ้าที่ส่งมา 5 เอสเธอร์จึงเรียกฮาธาคมาพบ ฮาธาคเป็นขันทีที่กษัตริย์ส่งให้มารับใช้พระนาง และพระนางสั่งให้เขาไปดูว่าที่โมรเดคัยทำอยู่นั้นหมายถึงอะไร และทำไมถึงทำอย่างนั้น 6 ฮาธาคจึงไปพบโมรเดคัยที่ลานเมืองหน้าประตูวัง 7 โมรเดคัยเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง และบอกถึงจำนวนเงินที่ฮามานสัญญาว่าจะถวายเข้าคลังหลวงเพื่อทำลายชาวยิว 8 โมรเดคัยยังมอบสำเนาจดหมายคำสั่งที่เขียนออกมาจากเขตวังของเมืองสุสาเรื่องทำลายชาวยิว ให้กับฮาธาคด้วย เพื่อฮาธาคจะได้นำไปให้เอสเธอร์ดู และจะได้อธิบายเรื่องทั้งหมดให้พระนางเข้าใจ โมรเดคัยได้กำชับให้ฮาธาคบอกให้เอสเธอร์ไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ เพื่อวิงวอนขอความเมตตาจากกษัตริย์ให้กับโมรเดคัยและคนของพระนางด้วย
9 ฮาธาคจึงกลับไปเล่าให้เอสเธอร์ฟังถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่โมรเดคัยบอกเขา
10 เอสเธอร์จึงบอกกับฮาธาคให้ไปบอกกับโมรเดคัยว่า
11 “เจ้าหน้าที่ของกษัตริย์ทุกคน และประชาชนทั้งหลายในมณฑลของกษัตริย์ ต่างก็รู้ดีว่า ถ้าชายหรือหญิงคนใดไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ที่ลานชั้นใน โดยไม่มีรับสั่งเรียก จะมีโทษถึงตาย ยกเว้นแต่ว่าพระองค์จะยื่นคทาทองคำให้ คนนั้นถึงจะรอดตาย แต่พระองค์ไม่ได้เรียกหาลูกเป็นเวลาสามสิบวันแล้ว”
12 เมื่อโมรเดคัยได้ฟังถึงสิ่งที่เอสเธอร์ส่งมาบอก 13 โมรเดคัยก็ตอบกลับไปว่า “เอสเธอร์เอ๋ย ในพวกยิวทั้งหมด เธอคิดว่าจะมีแต่เธอเท่านั้นหรือที่รอดเพราะอยู่ในวัง 14 ถ้าในครั้งนี้ เธอทำเป็นนิ่งเฉย ความช่วยเหลือและการปลดปล่อยของพวกชาวยิวก็จะมาจากที่อื่น แต่เธอและครอบครัวก็จะพินาศ ใครจะไปรู้ ที่เธอได้รับเลือกเป็นราชินี ก็อาจจะเพื่อเวลานี้ก็ได้”
15-16 จากนั้นเอสเธอร์ก็ส่งคำตอบนี้ไปยังโมรเดคัยว่า “ท่านโมรเดคัย ให้ไปรวบรวมชาวยิวทุกคนที่อยู่ในเมืองสุสา ให้ทุกคนอดอาหารเพื่อลูก อย่าได้กินอาหารและดื่มน้ำเป็นเวลาสามวันสามคืน ตัวลูกเองและพวกสาวใช้ ก็จะอดอาหารเหมือนกัน และหลังจากนั้น ลูกก็จะไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ แม้จะไม่ได้ถูกเรียกและเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายก็ตาม ตายเป็นตาย”
17 โมรเดคัยจึงข้ามคลอง[a] กลับไป และทำตามที่เอสเธอร์สั่งทุกอย่าง
เอสเธอร์พูดกับกษัตริย์
5 ในวันที่สาม เอสเธอร์แต่งชุดราชินีเต็มยศ และยืนอยู่ที่ลานชั้นในของวัง ตรงหน้าห้องโถงของกษัตริย์ ในขณะนั้นกษัตริย์กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์หันหน้าออกมายังทางเข้าห้องโถงนั้น 2 เมื่อกษัตริย์มองเห็นราชินีเอสเธอร์ยืนอยู่ที่ลานด้านนอก ก็ดีใจมาก พระองค์จึงยื่นคทาทองคำในมือให้เอสเธอร์ นางก็เข้ามาหากษัตริย์ในห้องโถงนั้น และนางก็จับที่ปลายคทาทองคำของกษัตริย์นั้น
3 แล้วกษัตริย์ก็ถามพระนางว่า “ราชินีเอสเธอร์ มีอะไรในใจหรือ เธอต้องการขออะไรจากเรา ขอมาได้เลย แม้แต่ครึ่งหนึ่งของอาณาจักรเรา เราก็ยังจะยกให้เลย”
4 เอสเธอร์ตอบว่า “ถ้าพระองค์พอใจ ขอให้พระองค์พร้อมทั้งฮามาน มางานเลี้ยงที่หม่อมฉันได้จัดเตรียมไว้แล้วสำหรับพระองค์ในวันนี้ด้วยเถิด”
5 กษัตริย์จึงพูดว่า “ไปตามฮามานมาเร็ว เราจะได้ทำตามสิ่งที่เอสเธอร์ขอ”
แล้วกษัตริย์และฮามานก็ไปงานเลี้ยงที่เอสเธอร์จัดให้กับพวกเขา 6 ในระหว่างที่พวกเขากำลังดื่มเหล้าองุ่นอยู่นั้น กษัตริย์ถามเอสเธอร์ว่า “ว่ายังไง เอสเธอร์ บอกมาสิว่าเธอต้องการขออะไรจากเรา ขอมาได้เลย แม้แต่ครึ่งหนึ่งของอาณาจักรเรา เราก็ยังจะยกให้เลย”
7 เอสเธอร์ตอบว่า “สิ่งที่หม่อมฉันจะขอ คือ 8 ถ้าพระองค์พอใจในตัวหม่อมฉัน และเห็นดีด้วยที่จะมอบสิ่งที่หม่อมฉันจะขอนั้น ขอให้พระองค์และฮามานกลับมาอีกครั้งหนึ่งในวันพรุ่งนี้ หม่อมฉันจะจัดงานเลี้ยงให้อีก และหม่อมฉันจะบอกว่าหม่อมฉันจะขออะไร”
ฮามานโกรธโมรเดคัย
9 เมื่อฮามานออกจากวังมาในวันนั้น เขามีความสุขและสบายใจมาก แต่เมื่อเขาเห็นโมรเดคัยที่รับใช้อยู่ในวัง และโมรเดคัยไม่ยอมยืนขึ้นซึ่งเป็นการเคารพเขา และไม่ได้เกรงกลัวเขาจนตัวสั่นด้วย เขาก็โกรธโมรเดคัย 10 แต่เขาได้ควบคุมอารมณ์ไว้และกลับบ้านไป แล้วฮามานให้คนไปตามพวกเพื่อนๆของเขามา รวมทั้งเศเรชภรรยาของเขาด้วย 11 แล้วฮามานก็เริ่มคุยโม้โอ้อวดถึงความร่ำรวยของเขา อวดถึงจำนวนลูกชายที่เขามี รวมทั้งเกียรติยศต่างๆที่กษัตริย์มอบให้ และโอ้อวดว่ากษัตริย์ได้เลื่อนตำแหน่งให้เขาอยู่เหนือเจ้าหน้าที่ทุกคนของพระองค์ 12 ฮามานยังโม้อีกว่า “นอกจากกษัตริย์แล้ว ก็มีแต่ข้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ราชินีเอสเธอร์ได้เชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงที่พระนางจัดขึ้นถวายกับกษัตริย์ และข้าก็ยังได้รับเชิญให้ไปกับกษัตริย์อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ 13 แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่ทำให้ข้ามีความสุขหรอก ตราบใดที่ข้ายังเห็นโมรเดคัยชาวยิว ทำหน้าที่รับใช้อยู่ในวังของกษัตริย์”
14 แล้วเศเรชภรรยาของฮามาน รวมทั้งเพื่อนๆของเขา จึงแนะนำเขาว่า “ให้คนเตรียมเสาไม้สูงห้าสิบศอกขึ้นมาไว้เสียบมันสิ และพรุ่งนี้เช้า ให้ท่านขอให้กษัตริย์เสียบโมรเดคัยไว้บนไม้นั้น จากนั้นค่อยไปงานเลี้ยงกับพระองค์อย่างมีความสุข”
ฮามานเห็นด้วยกับความคิดนี้ เขาจึงเตรียมเสาไม้ไว้
โมรเดคัยได้รับเกียรติ
6 คืนนั้น กษัตริย์อาหสุเอรัสนอนไม่หลับ พระองค์จึงสั่งให้คนใช้นำหนังสือบันทึกเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับกษัตริย์มาอ่านให้ฟัง 2 เจ้าหน้าที่ได้อ่านให้กับกษัตริย์ฟังถึงเรื่องที่โมรเดคัยได้มาบอกให้รู้ถึงแผนการร้ายที่ บิกธานา และเทเรช ขันทีสองคนที่เฝ้าทางเข้าห้องส่วนตัวทั้งหลายของกษัตริย์ ร่วมกันวางแผนเพื่อทำร้ายกษัตริย์อาหสุเอรัส 3 กษัตริย์จึงถามว่า “โมรเดคัยได้รับเกียรติและรางวัลอะไรบ้างจากการกระทำครั้งนั้น”
เขาตอบว่า “ไม่ได้รับอะไรเลยครับพระองค์”
4 ฮามานเพิ่งเข้ามาถึงลานด้านนอกของวัง เพื่อจะมาบอกให้กษัตริย์ เสียบโมรเดคัยกับเสาไม้ที่เขาได้เตรียมไว้ กษัตริย์ถามคนใช้ว่า “นั่นใครหรือที่เพิ่งเข้ามาในลานวัง” 5 พวกเขาตอบกษัตริย์ว่า “เป็นฮามานครับพระองค์”
กษัตริย์จึงพูดว่า “ไปนำตัวเขาเข้ามาซิ”
6 ฮามานจึงเข้ามา กษัตริย์จึงถามเขาว่า “เราควรจะทำอย่างไรดี กับคนที่เราต้องการจะให้เกียรติ”
ฮามานคิดในใจว่า “จะมีใครเสียอีกที่กษัตริย์ต้องการจะให้เกียรติมากไปกว่าเรา”
7 ฮามานจึงตอบกษัตริย์ไปว่า “คนที่พระองค์ต้องการจะให้เกียรติหรือ 8 ก็ให้พวกผู้รับใช้นำเสื้อคลุมที่พระองค์เคยสวมใส่ และเอาม้าตัวหนึ่งที่พระองค์เคยขี่ และเอามงกุฎมาใส่บนหัวม้า 9 และให้ขุนนางชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งของพระองค์ นำสิ่งของเหล่านี้ไปให้กับคนที่พระองค์ต้องการให้เกียรตินั้น ให้ขุนนางสวมเสื้อคลุมของกษัตริย์ให้กับคนๆนั้น และให้เขาขึ้นขี่บนหลังม้า จากนั้นก็ให้ขุนนางคนนั้นจูงม้าที่เขาขี่เดินไปที่ลานเมือง พร้อมกับให้ขุนนางคนนั้นร้องประกาศว่า ‘นี่คือสิ่งที่กษัตริย์ทำ สำหรับคนที่พระองค์อยากจะให้เกียรติ’”
10 กษัตริย์จึงสั่งฮามานว่า “รีบไปเร็วเข้า ไปนำเสื้อคลุมกับม้า และให้ไปทำตามทุกอย่างที่เจ้าแนะนำให้กับโมรเดคัยชาวยิวที่ทำหน้าที่รับใช้อยู่ในวัง ไปทำทุกอย่างตามที่เจ้าบอก อย่าให้ขาดตกบกพร่องเลย”
11 ดังนั้นฮามานจึงนำเสื้อคลุมและม้า แล้วเขาก็เอาเสื้อคลุมไปสวมให้กับโมรเดคัย และจูงม้าที่โมรเดคัยขี่เดินแห่ไปที่ลานเมือง และเขาก็ป่าวประกาศไปด้วยว่า “นี่คือสิ่งที่กษัตริย์ทำให้กับคนที่พระองค์อยากจะให้เกียรติ”
12 จากนั้นโมรเดคัยก็กลับไปทำหน้าที่ในวัง แต่ฮามานรีบกลับบ้านด้วยความทุกข์ใจ พร้อมกับคลุมหัวด้วยความอับอาย 13 ฮามานเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เศเรช ภรรยาของเขาและพวกเพื่อนๆฟังถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเขา
เพื่อนๆที่ชาญฉลาดและเศเรชภรรยาของเขา พูดว่า “ท่านเริ่มล้มลงต่อหน้าโมรเดคัย เนื่องจากเขาเป็นชาวยิว ท่านจะไม่มีวันเอาชนะเขาได้ แต่ท่านจะต้องล้มลงต่อหน้าเขาอย่างแน่นอน”
14 ในระหว่างที่พวกเขายังพูดคุยอยู่กับฮามานนั้น พวกขันทีของกษัตริย์ก็มาถึง และรีบพาตัวฮามานไปยังงานเลี้ยงที่เอสเธอร์ได้จัดเตรียมไว้
ฮามานถูกเสียบประจาน
7 ดังนั้นกษัตริย์และฮามานจึงไปกินเลี้ยงกับราชินีเอสเธอร์ 2 และในวันที่สองของงานเลี้ยง ขณะที่พวกเขากำลังดื่มเหล้าองุ่นกันอยู่นั้น กษัตริย์ก็ถามเอสเธอร์อีกครั้งว่า “ราชินีเอสเธอร์ เธออยากจะขออะไร ขอมาได้เลย แม้เป็นครึ่งหนึ่งของอาณาจักรเรา เราก็จะยกให้”
3 ราชินีเอสเธอร์ตอบว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ถ้าหม่อมฉันเป็นที่พอใจของพระองค์ และถ้าพระองค์เห็นด้วย หม่อมฉันขอให้พระองค์ไว้ชีวิตของหม่อมฉัน และชีวิตของคนของหม่อมฉันด้วยเถิด นี่แหละคือสิ่งที่หม่อมฉันขอ 4 เนื่องจากหม่อมฉันและคนของหม่อมฉันได้ถูกขายเพื่อเอาไปทำลาย ไปฆ่า และไปทำให้พินาศสิ้น ถ้าพวกเราถูกขายให้ไปเป็นทาสชายทาสหญิง หม่อมฉันก็คงจะนิ่งเสีย เพราะความทุกข์ยากนั้นมันเล็กน้อยเกินกว่าที่จะรบกวนพระองค์”
5 กษัตริย์อาหสุเอรัสถามราชินีเอสเธอร์ว่า “มันเป็นใครกัน ถึงได้บังอาจทำอย่างนั้นกับคนของเธอ ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน”
6 เอสเธอร์ตอบว่า “ชายที่เป็นคู่อริ และศัตรูของพวกเรานั้น คือไอ้คนชั่วฮามานคนนี้”
ฮามานก็กลัวสุดขีดต่อหน้ากษัตริย์และราชินี 7 กษัตริย์ก็ลุกขึ้นด้วยความโกรธ ทิ้งงานเลี้ยงไป แล้วเดินออกไปในสวนของวัง แต่ฮามานอยู่ข้างใน อ้อนวอนขอชีวิตต่อราชินีเอสเธอร์ เพราะเขารู้ว่ากษัตริย์ได้ตัดสินใจแล้วที่จะฆ่าเขา 8 เมื่อกษัตริย์กลับมาจากสวน เข้ามาที่ห้องงานเลี้ยง ฮามานกำลังหมอบอยู่บนม้านั่งยาวที่เอสเธอร์เอนกายอยู่ กษัตริย์จึงพูดว่า “นี่ขนาดเรายังอยู่ในตึกนี้ เจ้ายังกล้าลวนลามราชินีหรือ”
ทันทีที่กษัตริย์พูดจบ คนของพระองค์ก็เข้ามาปิดหน้าฮามานไว้ 9 ฮารโบนาขันทีคนหนึ่งของกษัตริย์พูดว่า “ฮามานได้เตรียมเสาไม้สูงห้าสิบศอกไว้ที่หน้าบ้านของเขา เพื่อเตรียมไว้เสียบโมรเดคัย ผู้ที่ได้เปิดโปงถึงแผนการร้ายและได้ช่วยชีวิตของพระองค์ไว้”
กษัตริย์จึงพูดว่า “เอาฮามานไปเสียบไว้ที่เสานั้น”
10 ดังนั้น พวกเขาจึงเสียบฮามานไว้บนเสาไม้ที่ฮามานได้เตรียมไว้สำหรับเสียบโมรเดคัย หลังจากนั้นกษัตริย์จึงหายโกรธ
พรสวรรค์จากพระวิญญาณบริสุทธิ์
12 ตอนนี้ พี่น้องครับ ผมอยากให้พวกคุณรู้เกี่ยวกับพรสวรรค์ที่มาจากพระวิญญาณ 2 คุณก็รู้แล้วว่าตอนที่คุณยังไม่ไว้วางใจพระเจ้าเพราะสาเหตุอะไรก็ตาม คุณถูกชักจูงให้หลงผิด และไปกราบไหว้รูปเคารพที่พูดไม่ได้ 3 ดังนั้นผมขอบอกให้รู้ว่า คนที่พูดผ่านทางพระวิญญาณของพระเจ้าจะไม่มีวันที่จะพูดว่า “ขอให้พระเยซูถูกสาปแช่ง” และคนที่พูดว่า “พระเยซูคือองค์เจ้าชีวิต” นั้น จะต้องเป็นคนที่พูดผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น
4 พรสวรรค์มีหลายอย่าง แต่มาจากพระวิญญาณองค์เดียวกัน 5 งานรับใช้ก็มีหลายแบบ แต่ก็รับใช้องค์เจ้าชีวิตองค์เดียวกัน 6 การงานมีหลายอย่าง แต่เป็นพระเจ้าองค์เดียวกันที่ได้ทำงานทั้งหมดนี้ผ่านทางทุกคน 7 พระเจ้าให้พระวิญญาณทำงานในแต่ละคนเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม 8 พระวิญญาณให้คนหนึ่งสามารถพูดอย่างชาญฉลาด และพระวิญญาณองค์เดียวกันนี้ทำให้อีกคนหนึ่งพูดด้วยความรอบรู้ 9 พระวิญญาณนี้ก็ให้อีกคนหนึ่งมีความเชื่ออันยิ่งใหญ่ และให้อีกคนหนึ่งรักษาโรคได้ ซึ่งก็มาจากพระวิญญาณองค์เดียวกัน 10 แล้วพระองค์ก็ให้อีกคนหนึ่งทำการอัศจรรย์ได้ และให้อีกคนหนึ่งพูดแทนพระเจ้าได้ และให้อีกคนหนึ่งแยกแยะออกว่า สิ่งที่คนนั้นพูดมาจากพระเจ้าหรือเปล่า และให้อีกคนหนึ่งพูดภาษาแปลกๆได้ และให้อีกคนหนึ่งแปลภาษาเหล่านั้นได้ 11 แต่ทั้งหมดนี้ก็สำเร็จได้ด้วยพระวิญญาณองค์เดียวกัน และพระองค์ก็ให้พรสวรรค์กับแต่ละคนตามที่พระองค์เห็นสมควร
ร่างกายของพระคริสต์
12 พวกเรามีร่างกายเดียวแต่มีอวัยวะหลายส่วน และถึงแม้จะมีอวัยวะหลายส่วน อวัยวะทั้งหมดก็ประกอบขึ้นเป็นร่างกายเดียวกัน พระคริสต์ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน 13 เพราะพวกเราทุกคนได้รับการจุ่มน้ำด้วยพระวิญญาณองค์เดียว เพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเดียวกัน ไม่ว่าเราจะเป็นใครก็ตาม คนยิวหรือไม่ใช่คนยิว เป็นทาสหรือเป็นคนอิสระ พวกเราก็ได้รับพระวิญญาณองค์เดียวกัน[a]
14 ร่างกายของมนุษย์นั้นไม่ได้มีแค่อวัยวะเดียว แต่มีหลายอวัยวะ 15 ถึงเท้าจะพูดว่า “เพราะฉันไม่ใช่มือ ฉันก็เลยไม่เป็นของร่างกายนี้” นั่นก็ไม่ได้ทำให้เท้าเลิกเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายหรอกนะ 16 ถึงหูจะพูดว่า “เพราะฉันไม่ใช่ตา ฉันก็เลยไม่เป็นของร่างกายนี้” นั่นก็ไม่ได้ทำให้หูเลิกเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายนี้หรอกนะ 17 ถ้าทั้งร่างเป็นตาหมด แล้วเราจะได้ยินได้อย่างไร ถ้าทั้งร่างเป็นหูหมด แล้วเราจะได้กลิ่นได้อย่างไร 18 แต่ความจริงแล้ว พระเจ้าก็ได้จัดอวัยวะแต่ละชิ้นในร่างกาย ตามที่พระองค์เห็นว่าเหมาะสมแล้ว 19 ถ้าทั้งร่างมีอวัยวะเดียวเหมือนกันหมด แล้วจะมีร่างกายได้อย่างไร 20 เราจะเห็นว่ามีอวัยวะตั้งหลายส่วนก็จริง แต่มีกายแค่กายเดียว
21 ตาจะบอกกับมือว่า “ฉันไม่ต้องการเธอ” ก็ไม่ได้ หรือหัวจะบอกกับเท้าว่า “ฉันไม่ต้องการพวกเธอ” ก็ไม่ได้ 22 อวัยวะของร่างกายที่เราคิดว่าอ่อนแอกลับเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก 23 อวัยวะที่เราเห็นว่าไม่ค่อยสำคัญเท่าไรกลับต้องดูแลเป็นพิเศษ และอวัยวะที่เราอายที่จะอวด กลับต้องดูแลเป็นอย่างดี 24 แต่อวัยวะที่อวดได้นั้น กลับไม่จำเป็นต้องดูแลมากนัก พระเจ้าได้ประกอบอวัยวะต่างๆเข้าด้วยกันในแบบที่ว่า อวัยวะส่วนไหนที่ดูเหมือนต่ำต้อย พระองค์ก็ให้เกียรติส่วนนั้นมากขึ้น 25 เพื่อจะได้ไม่เกิดการแตกแยกกันขึ้นในร่างกาย แต่ให้อวัยวะทุกส่วนเอาใจใส่ซึ่งกันและกันอย่างเท่าเทียมกันหมด 26 ถ้าอวัยวะหนึ่งเจ็บ อวัยวะทุกส่วนของร่างกายก็เจ็บด้วย ถ้าอวัยวะหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะทุกส่วนก็จะร่วมฉลองด้วย
คนชั่วกับพระเจ้าที่แสนดี
ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงของดาวิดผู้รับใช้พระยาห์เวห์
1 การกบฏพูดกับคนชั่วลึกเข้าไปในจิตใจของเขา
เขาไม่เห็นจะต้องกลัวพระเจ้า
2 เขาหลอกลวงตัวเอง
เขาจึงมองไม่เห็นความผิดบาปของเขาและไม่เกลียดบาปนั้นด้วย[a]
3 คำพูดในปากเขานั้นเป็นความชั่วและการหลอกลวง
เขาไม่ได้ทำตัวเฉลียวฉลาดหรือทำดีอะไรเลย
4 เขานอนคิดแผนชั่วอยู่บนเตียง
เขายืนกรานที่จะเดินในทางที่ชั่ว
เขาไม่ปฏิเสธความชั่วใดๆเลย
5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ความรักมั่นคงของพระองค์สูงเท่าฟ้าสวรรค์
ความสัตย์ซื่อที่พระองค์มีต่อคนของพระองค์สูงเสียดฟ้า
6 คุณความดีของพระองค์เหมือนยอดเขาที่สูงลิบ
ความยุติธรรมของพระองค์เหมือนก้นสมุทรที่ลึกล้ำ
พระยาห์เวห์ปกป้องดูแลทั้งคนและสัตว์
7 ข้าแต่พระเจ้า ไม่มีสิ่งใดมีค่าเทียบได้กับความรักมั่นคงของพระองค์
มนุษย์ต่างลี้ภัยภายใต้ร่มเงาปีกของพระองค์
8 พระองค์เลี้ยงดูพวกเราอย่างอิ่มหนำสำราญ ด้วยอาหารที่ดีเลิศจากบ้านของพระองค์ อาหารที่พระองค์ให้อย่างเหลือเฟือ
พระองค์ให้พวกเราดื่มน้ำจากแม่น้ำแห่งความสุขของพระองค์
9 เพราะตาน้ำแห่งชีวิตก็ไหลออกมาจากพระองค์นั้น
และแสงสว่างของพระองค์ให้แสงสว่างกับพวกเรา
10 ดังนั้น โปรดแสดงความรักมั่นคงให้กับคนเหล่านั้นที่รู้จักพระองค์
และโปรดแสดงคุณความดีของพระองค์ให้กับคนเหล่านั้นที่มีจิตใจซื่อตรง
11 อย่าให้เท้าของคนหยิ่งยโสเหยียบย่ำข้าพเจ้า
อย่าให้มือของคนชั่วขับไล่ข้าพเจ้าไป
12 ดูนั่นสิ พวกคนชั่วล้มลงแล้ว
พวกเขาถูกเหวี่ยงลงไปแล้วและลุกขึ้นมาไม่ได้อีก
21 คนที่ไล่ตามสิ่งที่ถูกต้องและความจงรักภักดี
ก็จะพบกับชีวิตที่ยืนยาว ความเจริญรุ่งเรืองและเกียรติยศ
22 คนฉลาดสามารถโจมตีเมืองของพวกนักรบได้
และสามารถทำลายป้อมปราการที่พวกนั้นไว้วางใจ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International