The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NET. Switch to the NET to read along with the audio.
บิลดัดพูดกับโยบ
8 จากนั้นบิลดัด คนชูอาห์ ก็ตอบโยบว่า
2 “ท่านจะพูดแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
คำพูดของท่านจะเป็นเหมือนลมพายุ
ไปอีกนานแค่ไหน
3 พระเจ้าบิดเบือนความยุติธรรมหรือ
หรือว่าพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์บิดเบือนความถูกต้องหรือ
4 พระองค์มอบลูกๆของท่านให้รับโทษ
เพราะพวกเขาทำบาปต่อพระองค์
5 ถ้าท่านจะแสวงหาพระองค์
และร้องขอความเมตตาจากพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์
6 ถ้าท่านเป็นคนบริสุทธิ์และซื่อตรง
แน่นอน พระองค์จะลุกขึ้นมาเพื่อช่วยท่าน
พระองค์จะคืนครอบครัวให้ท่านเป็นรางวัล
7 จุดเริ่มต้นของท่านอาจจะเล็กน้อย
แต่อนาคตของท่านจะใหญ่โตมโหฬาร
8 ท่านลองถามคนรุ่นก่อนดู
และพิจารณาถึงสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเราได้ค้นพบ
9 เพราะพวกเราเพิ่งมาอยู่บนโลกนี้และไม่รู้อะไรเลย
เพราะวันเวลาของเราเป็นแค่เงา
10 พวกบรรพบุรุษเหล่านั้นสามารถสอนท่านไม่ใช่หรือ
พวกเขาสามารถบอกอะไรบางอย่างกับท่านไม่ใช่หรือ
พวกเขาสามารถบอกสิ่งที่เขาเข้าใจให้กับท่านไม่ใช่หรือ
11 ต้นกกจะเติบโตในที่ที่ไม่มีปลักตมได้หรือ
ต้นอ้อจะเจริญงอกงามในที่ที่ไม่มีน้ำได้หรือ
12 ขนาดตอนที่ต้นไม้เหล่านี้ยังเขียวสดอยู่และยังไม่มีใครมาตัด
มันก็ยังอาจจะเหี่ยวเฉาเร็วกว่าต้นไม้ประเภทอื่นได้
13 ทางทั้งหลายของคนที่หลงลืมพระเจ้าก็จะเป็นอย่างนั้นแหละ
เพราะความหวังของคนที่ไม่นับถือพระเจ้าจะถูกทำลายไป
14 สิ่งที่เขามั่นใจนั้นขาดกระจุยเหมือนเส้นด้ายบาง
สิ่งที่เขาไว้วางใจนั้นก็เปราะบางดุจใยแมงมุม
15 ถ้ามีใครพิงใยนั้น เขาก็จะล้ม
ถ้าเขาไปจับฉวยมัน มันก็ไม่ช่วยให้เขาลุกขึ้นมาได้
16 คนชั่วอาจจะเป็นเหมือนพืชที่อุดมด้วยน้ำ ที่งอกอยู่ต่อหน้าดวงอาทิตย์
และแตกหน่อแพร่กระจายไปทั่วสวน
17 รากของพวกเขาอาจจะเลื้อยพันรอบๆกองหิน
และหยั่งลงไปในซอกหิน
18 แต่ถ้าพืชนั้นถูกทำลายไปจากที่ของมัน
ที่นั่นก็จะปฏิเสธมันว่า ‘ข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน’
19 ความสุขของมันก็แค่นั้นแหละ
แล้วเดี๋ยวก็จะมีพืชอื่นงอกขึ้นมาแทนที่
20 ดูสิ พระเจ้าไม่เคยละทิ้งคนดีพร้อม
พระองค์ไม่เคยพยุงคนชั่วไว้
21 พระองค์จะทำให้ปากของท่านเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
และจะทำให้ริมฝีปากท่านร้องเพลงอย่างมีความสุข
22 ส่วนคนที่เกลียดชังท่านก็จะอับอายขายหน้า
และเต็นท์ของคนชั่วก็จะไม่มีอีกต่อไป”
โยบตอบบิลดัด
9 แล้วโยบก็กล่าวตอบว่า
2 “ข้ารู้แน่ว่า
ไม่มีมนุษย์คนไหนที่จะชนะคดีต่อพระเจ้าได้หรอก
3 ถ้าหากเขาต้องการเอาพระองค์ขึ้นศาล
พระองค์จะย้อนกลับมาค้านเขาเป็นพันเรื่อง
คนนั้นก็ไม่สามารถตอบพระองค์ได้แม้แต่เรื่องเดียว
4 พระเจ้าฉลาดล้ำเลิศและเปี่ยมด้วยพลังอำนาจ
มีผู้ใดบ้างที่ฟ้องร้องพระองค์แล้วชนะ
5 พระองค์ย้ายพวกภูเขาและภูเขาทั้งหลายก็ไม่รู้ตัว
พระองค์คว่ำภูเขาลงได้เมื่อพระองค์โกรธเกรี้ยว
6 พระองค์เขย่าโลกให้เคลื่อนไปจากที่ของมัน
ทำให้พวกเสาหลักทั้งหลายของมันต้องสั่นไหว
7 พระองค์สามารถสั่งดวงอาทิตย์ไม่ให้ขึ้นและมันก็เป็นอย่างนั้น
พระองค์สามารถขังหมู่ดาวไม่ให้ออกมา
8 พระองค์ได้กางแผ่นฟ้าออก
และสามารถเดินอยู่บนคลื่นในทะเล
9 พระองค์ได้สร้างหมู่ดาวหมี
หมู่ดาวไถ ดาวลูกไก่ และหมู่ดาวทิศใต้
10 พระองค์ทำการยิ่งใหญ่มากมายเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้
พระองค์กระทำการอันน่าทึ่งมากมายเกินกว่าจะนับได้
11 ถ้าพระเจ้าผ่านหน้าข้าไป ข้าพเจ้าก็ไม่อาจมองเห็นพระองค์
ถ้าพระองค์เคลื่อนผ่านข้าพเจ้าไป ข้าพเจ้าก็ไม่อาจสังเกตเห็น
12 ถ้าพระองค์หยิบอะไรไป ใครจะไปห้ามพระองค์ได้
ใครจะกล้าไปถามพระองค์ว่า ‘พระองค์กำลังทำอะไรอยู่นั่น’
13 พระเจ้าไม่ยั้งความโกรธของพระองค์
แม้แต่พวกลูกสมุนของราหับ[a] ยังต้องมากราบอยู่แทบเท้าพระองค์
14 แล้วอย่างนั้นข้าจะตอบพระองค์ได้ยังไง
ข้าจะเลือกคำพูดอะไรไปโต้แย้งกับพระองค์ได้
15 ข้าพเจ้าเป็นฝ่ายถูก แต่ข้าก็ไม่สามารถตอบพระองค์ได้
ข้าได้แต่ขอความเมตตาจากคู่กรณีผู้นี้
16 ถึงแม้ข้าจะเชิญพระองค์มาที่ศาลและพระองค์ก็มา
ข้าก็ยังไม่เชื่อว่าพระองค์จะฟังเรื่องของข้า
17 พระองค์คงจะบดขยี้ข้าด้วยพายุ
และทำให้ข้ามีบาดแผลเพิ่มทวีขึ้น ทั้งๆที่ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด
18 พระองค์คงไม่ยอมให้ข้าหยุดพักให้หายเหนื่อย
แต่คงจะใส่ความขมขื่นให้ข้าจนอิ่ม
19 ถ้าพูดถึงอำนาจ แน่นอนพระองค์ย่อมเป็นผู้แข็งแกร่งกว่า
ถ้าพูดถึงความยุติธรรม ใครจะไปบังคับให้พระองค์มาขึ้นศาลได้
20 ข้าเป็นฝ่ายถูก แต่ปากข้าคงทำให้ข้าดูเหมือนเป็นฝ่ายผิด
ข้าไม่มีที่ติ แต่พระองค์คงทำให้ข้าดูเหมือนเป็นคนขี้โกง
21 ข้าเป็นคนที่ไม่มีที่ติ แต่ข้าไม่สนใจแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตข้า
ข้าเบื่อชีวิตของข้าเต็มทีแล้ว
22 ข้าไม่เห็นมีอะไรแตกต่างกันเลย
ข้าว่า ‘พระเจ้าทำลายทั้งคนถูกและคนผิด’
23 ยิ่งกว่านั้นเมื่อภัยพิบัตินำความตายมาให้อย่างกระทันหัน
พระองค์ยังหัวเราะเยาะกับความทุกข์ทรมานที่พวกผู้บริสุทธิ์ต้องเจอ
24 ในขณะที่แผ่นดินถูกยกไปอยู่ในกำมือของคนชั่ว
และพระองค์ได้ปิดตาของผู้พิพากษาไม่ให้เห็นความจริง
ถ้าไม่ใช่พระองค์ทำสิ่งเหล่านี้ แล้วใครทำล่ะ
25 วันเวลาของข้าผ่านไปเร็วกว่านักวิ่งส่งข่าว
มันวิ่งหนีไป โดยไม่ได้เห็นสิ่งดีๆอะไรเลย
26 มันผ่านไปรวดเร็วราวกับเรือที่ทำจากต้นอ้อ
เหมือนนกอินทรีที่โฉบลงมาเอาเหยื่อ
27 ถึงข้าจะพูดว่า ‘ข้าจะลืมคำพร่ำบ่นของข้า
จะถอดหน้าเศร้าทิ้งไปและปั้นสีหน้าให้มีความสุข’
28 แต่ข้าก็ยังกลัวความเจ็บปวดทั้งหมดของข้าอยู่ดี
เพราะข้ารู้ว่าพระองค์จะไม่ยอมถือว่าข้าเป็นฝ่ายถูก
29 ถึงยังไงข้าก็ยังจะถูกตัดสินว่าผิด
แล้วข้าจะดิ้นรนสู้คดีไปให้เหนื่อยเปล่าทำไมกัน
30 ถึงข้าจะล้างตัวเองด้วยหิมะ
และขัดถูเนื้อตัวให้สะอาดด้วยสบู่
31 พระเจ้าก็ยังจะหย่อนตัวข้าลงไปในหลุมโคลนอยู่ดี
จนแม้แต่เสื้อผ้าของข้ายังขยะแขยงตัวข้า
32 พระเจ้าไม่ใช่มนุษย์อย่างข้าที่ข้าจะไปโต้ตอบกับพระองค์ได้
ที่จะไปขึ้นศาลด้วยกันได้
33 แล้วไม่มีใครจะสามารถมาเป็นคนกลางระหว่างเราได้
ที่จะมาสั่งให้เราทั้งสองยอมรับการตัดสินของเขา[b]
34 และมาเอาไม้เรียวของพระองค์ไปจากตัวข้า
เพื่อข้าจะได้ไม่ต้องกลัวฤทธิ์อำนาจอันน่าสะพรึงกลัวของพระองค์อีกต่อไป
35 แล้วเมื่อนั้นข้าจะพูดและจะไม่กลัวพระองค์
แล้วข้าจะได้เป็นตัวของตัวเองซะที[c]
10 “ข้าเบื่อชีวิตของข้า
ดังนั้นข้าจะบ่นอย่างไม่ยั้ง
ข้าจะพูด เพราะจิตวิญญาณข้าขมขื่น
2 ข้าจะพูดกับพระเจ้าว่า ‘อย่าเพิ่งตัดสินว่าข้าพเจ้าผิด
ช่วยบอกหน่อยว่าพระองค์มีข้อกล่าวหาอะไรข้าพเจ้าบ้าง
3 พระองค์ชอบหรือที่จะกดขี่และทอดทิ้ง
ผลงานที่พระองค์ทุ่มเทสร้างขึ้นมา
ในขณะที่พระองค์อวยพรแผนการทั้งหลายของคนชั่วหรือ
4 พระองค์มีตาอย่างกับตามนุษย์หรือ
พระองค์มองแคบๆเหมือนกับที่มนุษย์มองหรือ
5 วันคืนของพระองค์เหมือนกับวันคืนของคนหรือ
เดือนปีของพระองค์สั้นเหมือนกับเดือนปีของมนุษย์หรือ
6 ที่พระองค์จะต้องรีบมาค้นหา
ความชั่วช้าและความผิดบาปของข้าพเจ้า
7 พระองค์รู้ว่าข้าพเจ้าไม่ได้ทำผิดอะไร
แต่ไม่มีใครสามารถช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นไปจากเงื้อมมือของพระองค์ได้อยู่ดี
8 มือของพระองค์ปั้นและสร้างข้าพเจ้าขึ้นมา
แต่ตอนนี้พระองค์กลับหันมาทำลายข้าพเจ้า
9 ขออย่าลืมว่าพระองค์ปั้นข้าพเจ้าขึ้นมาเหมือนปั้นดินเหนียว
แต่ตอนนี้ พระองค์จะทำให้ข้าพเจ้ากลับไปเป็นผงคลีดินอีกอย่างนั้นหรือ
10 พระองค์เทข้าพเจ้าออกมาราวกับนม
และทำให้ข้าพเจ้าแข็งตัวราวกับเนยแข็ง ไม่ใช่หรือ
11 พระองค์ห่อหุ้มข้าพเจ้าไว้ด้วยหนังและเนื้อ
พระองค์สานทอข้าพเจ้าไว้ด้วยกระดูกและเส้นเอ็น
12 พระองค์ให้ชีวิตและความรักกับข้าพเจ้า
และการเอาใจใส่ดูแลของพระองค์ได้ปกป้องจิตวิญญาณของข้าพเจ้าไว้
13 แต่พระองค์มีแผนการเหล่านี้แอบแฝงอยู่ในใจ
ข้าพเจ้ารู้ว่านี่คือความตั้งใจของพระองค์
14 คือถ้าข้าพเจ้าทำบาป พระองค์จะจับตาดูข้าพเจ้า
และจะไม่ปล่อยให้ข้าพเจ้าพ้นผิดจากความผิดบาปของข้าพเจ้า
15 ถ้าข้าพเจ้าผิด วิบัติก็จะเกิดกับข้าพเจ้า
ถึงข้าพเจ้าถูก ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถเชิดหน้าขึ้นมาได้
เพราะข้าพเจ้าจะเต็มอิ่มไปด้วยความอับอายและความทุกข์ยาก
16 ถ้าข้าพเจ้ายกตัวเองขึ้น
พระองค์ก็จะไล่ล่าข้าพเจ้าอย่างสิงโต
และแผลงฤทธิ์อันอัศจรรย์ของพระองค์ใส่ข้าพเจ้าอีก
17 พระองค์จะหาพยานมาเพิ่มเพื่อปรักปรำข้าพเจ้าใหม่
และเพิ่มความโกรธเกรี้ยวใส่ข้าพเจ้า
พระองค์ส่งกองทัพชุดใหม่มาสู้กับข้าพเจ้า
18 ทำไมพระองค์จึงนำข้าพเจ้าออกมาจากท้องแม่
ข้าพเจ้าน่าจะตายไปก่อนที่จะมีสายตาใครได้เห็น
19 ข้าพเจ้าน่าจะเป็นเหมือนกับคนที่ไม่เคยมีชีวิต
คือถูกนำจากท้องแม่ตรงไปสู่หลุมฝังศพ
20 ข้าพเจ้ามีเวลาเหลืออยู่ไม่กีวันไม่ใช่หรือ
อย่ามายุ่งกับข้าพเจ้าได้ไหม หันไปจากข้าพเจ้าหน่อยเพื่อข้าพเจ้าจะได้มีความสุขสักนิด
21 ก่อนที่ข้าพเจ้าจะจากไปและไม่กลับมาอีก
จะไปสู่ดินแดนแห่งความมืดและเงาแห่งความตาย
22 ไปสู่ดินแดนแห่งความมืดทึบ
และเงาแห่งความตาย ดินแดนแห่งความยุ่งเหยิงไร้ระเบียบ
ที่ความสว่างของมันเป็นเหมือนความมืด’”
โศฟาร์พูดกับโยบ
11 แล้วโศฟาร์ชาวนาอามาห์ตอบโยบว่า
2 “คำพูดที่มากมายขนาดนี้จะปล่อยให้ไม่มีคำตอบหรือ
คนนี้ที่พูดมากจะต้องเป็นฝ่ายถูกอย่างนั้นหรือ
3 ท่านคิดว่าคำบ่นพึมพำอันไร้สาระของท่าน
จะทำให้คนอื่นเงียบงันไปอย่างนั้นหรือ
เมื่อท่านพูดเยาะเย้ยมากขนาดนี้
จะไม่ให้มีใครมาทำให้ท่านเสียหน้าเลยหรือ
4 ท่านพูดว่า ‘คำสอนของข้านั้นถูกต้อง’
และพูดว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้านั้นสะอาดบริสุทธิ์ในสายตาของพระองค์’
5 แต่ข้าอยากให้พระเจ้าพูดเหลือเกิน
คือเปิดริมฝีปากของพระองค์พูดกับท่าน
6 และข้าอยากจะให้พระองค์
เปิดเผยความลับแห่งสติปัญญาให้กับท่าน
เพราะสติปัญญานั้นย่อมมีอีกแง่มุมหนึ่งที่ท่านคิดไม่ถึง
แล้วท่านจะได้รู้ว่าพระเจ้าได้ลงโทษท่านน้อยกว่าที่ท่านสมควรจะได้รับเสียอีก
7 ท่านสามารถค้นพบสติปัญญาอันลึกลับของพระเจ้าได้หรือ
ท่านสามารถค้นพบขอบเขตแห่งความรู้ของพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ได้หรือ
8 มันสูงยิ่งกว่าฟ้าสวรรค์ ท่านจะไปทำอะไรได้
มันลึกยิ่งกว่าแดนคนตาย ท่านจะไปรู้อะไรได้
9 สติปัญญาของพระเจ้านั้น
วัดได้ยาวไกลกว่าผืนโลกและกว้างยิ่งกว่าทะเล
10 ถ้าพระองค์ผ่านมาและคุมขังใครไว้
และเรียกตัวผู้นั้นขึ้นตัดสินความ ใครจะไปห้ามพระองค์ได้
11 เพราะพระองค์รู้ว่าใครทำตัวไร้ค่า
แล้วเมื่อพระองค์เห็นความชั่วร้าย พระองค์จะมองข้ามมันไปหรือ
12 คนสมองกลวงจะมีสติปัญญาได้
ก็ต่อเมื่อลาป่าเกิดลูกออกมาเป็นคน
13 ถ้าท่านมอบจิตใจของท่านให้กับพระเจ้า
และยื่นมือของท่านไปยังพระองค์
14 ถ้าท่านเอาความชั่วร้ายในมือของท่านทิ้งไป
และไม่ยอมให้ความผิดบาปอาศัยอยู่ในพวกเต็นท์ของท่าน
15 เมื่อนั้น ท่านจะเชิดหน้าขึ้นได้แน่อย่างไม่มีที่ติ
ท่านจะมั่นคงและไม่หวั่นกลัวต่อสิ่งใด
16 เพราะท่านจะลืมความทุกข์ยากของท่าน
เหมือนสายน้ำที่ไหลผ่านไปแล้ว
17 ชีวิตของท่านจะส่องสว่างสดใสยิ่งกว่ายามเที่ยงวัน
แม้แต่ความมืดในชีวิตของท่านก็จะเป็นเหมือนแสงสว่างในยามเช้า
18 ท่านจะรู้สึกปลอดภัย เพราะมีความหวัง
ท่านจะได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนา และนอนพักอย่างปลอดภัย
19 เมื่อท่านนอนลง จะไม่มีใครทำให้ท่านกลัว
ผู้คนมากมายจะมาร้องขอความช่วยเหลือจากท่าน
20 แต่ดวงตาของคนชั่วร้ายจะมืดมัวไป
มันหาทางหนีไม่เจอ
ความหวังของมันก็คือความตายนั่นเอง”
ข่าวดีเกี่ยวกับพระคริสต์
15 พี่น้องครับ ผมก็อยากจะเตือนพวกคุณไม่ให้ลืมข่าวดีที่ผมได้ประกาศให้กับพวกคุณ เป็นข่าวดีที่พวกคุณได้รับเอาไว้แล้ว และยึดมั่นอยู่ 2 ถ้าคุณยังคงยึดมั่นในข่าวดีที่ผมบอก ข่าวดีนี้แหละจะช่วยให้พวกคุณรอด ไม่อย่างนั้นความเชื่อของคุณก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
3 ผมมอบเรื่องที่สำคัญที่สุดให้กับพวกคุณ เป็นเรื่องที่ผมเองก็รับมอบมาอีกทีหนึ่งเหมือนกัน คือพระคริสต์ตายเพื่อจัดการกับบาปของพวกเราตามที่พระคัมภีร์เขียนไว้ 4 พระองค์ถูกฝังและฟื้นขึ้นมาใหม่ในวันที่สามตามที่พระคัมภีร์เขียนไว้ 5 แล้วพระองค์ก็ไปปรากฏกับเปโตรและศิษย์เอกทั้งสิบสองคน 6 จากนั้นพระองค์ก็ไปปรากฏให้พี่น้องมากกว่าห้าร้อยคนเห็นในเวลาเดียวกัน ซึ่งพวกนี้ส่วนใหญ่ก็ยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้จะมีบางคนตายไปบ้างแล้ว 7 ต่อมาพระองค์ปรากฏกับยากอบและศิษย์เอกทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง 8 แล้วสุดท้ายพระองค์มาปรากฏกับผมด้วย ผมเหมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนด 9 เพราะผมต่ำต้อยที่สุดในพวกศิษย์เอกทั้งหมด ความจริงแล้วผมไม่เหมาะที่จะได้ชื่อว่าเป็นศิษย์เอกเสียด้วยซ้ำไป เพราะผมเคยข่มเหงหมู่ประชุมของพระเจ้ามาก่อน 10 แต่ที่ผมเป็นศิษย์เอกก็เพราะความเมตตากรุณาของพระเจ้า และผมก็ไม่ได้รับเอาความเมตตากรุณานี้มาไว้เฉยๆ แต่ผมทำงานหนักกว่าพวกศิษย์เอกทุกคน อันที่จริงไม่ใช่ผมหรอกที่ทำ แต่เป็นความเมตตากรุณาของพระเจ้าที่อยู่กับผมต่างหากที่ทำ 11 ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผมประกาศหรือศิษย์เอกคนอื่นๆประกาศให้กับพวกคุณ เราทุกคนก็ประกาศเรื่องนี้แหละ และนี่ก็เป็นเรื่องที่พวกคุณมาไว้วางใจ
พวกเราจะฟื้นขึ้นจากความตาย
12 แต่ถ้าเราประกาศว่าพระคริสต์ฟื้นขึ้นจากความตายแล้ว แล้วทำไมยังมีพวกคุณบางคนบอกว่า ไม่มีการฟื้นขึ้นจากความตายล่ะ 13 ถ้าไม่มีการฟื้นขึ้นจากความตาย ก็แสดงว่าพระคริสต์ไม่ได้ฟื้นขึ้นมา 14 แล้วถ้าพระคริสต์ไม่ได้ฟื้นขึ้นมา สิ่งที่เราได้ประกาศไปก็ไม่มีความหมายอะไรเลย และความเชื่อของพวกคุณก็ไม่มีความหมายไปด้วย 15 ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราก็จะกลายเป็นคนที่พูดโกหกเกี่ยวกับพระเจ้า เพราะเราบอกว่าพระเจ้าทำให้พระคริสต์ฟื้นจากความตาย แต่ถ้าเป็นจริงตามที่เขาบอกว่าพระเจ้าไม่ได้ทำให้คนตายฟื้นขึ้นมา นั่นก็แปลว่าพระเจ้าไม่ได้ทำให้พระคริสต์ฟื้นขึ้นมา 16 และถ้าพระเจ้าไม่ได้ทำให้คนตายฟื้นขึ้นมา พระคริสต์ก็ไม่ได้ฟื้นขึ้นมาด้วยสิ 17 และถ้าพระคริสต์ไม่ได้ฟื้นขึ้นมา ความเชื่อของพวกคุณก็ไม่มีประโยชน์ พระเจ้าก็ยังไม่ได้ยกโทษให้กับบาปของพวกคุณ 18 ถ้าอย่างนั้นคนของพระคริสต์ที่ตายไปก็ถูกทำลายไปหมดแล้ว 19 ถ้าเรามีความหวังในพระคริสต์เฉพาะแค่ชาตินี้เท่านั้น เราก็จะเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในบรรดาคนทั้งหลาย
20 แต่ความจริงคือ พระเจ้าทำให้พระคริสต์ฟื้นขึ้นจากความตาย และพระองค์เป็นคนแรกที่ฟื้นขึ้น ซึ่งเป็นการรับรองว่าคนตายที่เหลือจะฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน 21 ความตายเกิดขึ้นเพราะคนๆเดียว เช่นเดียวกันการฟื้นจากความตายก็เกิดขึ้นเพราะคนๆเดียว 22 อาดัมทำให้ทุกคนต้องตาย เช่นเดียวกันพระคริสต์ทำให้ทุกคนฟื้นขึ้นจากความตาย 23 เรื่องนี้ก็จะเรียงตามลำดับ คือพระคริสต์ฟื้นขึ้นเป็นคนแรก และเมื่อพระองค์มา คนของพระองค์ทั้งหมดก็จะฟื้นขึ้น 24 แล้วเมื่อพระคริสต์ทำลายพวกผู้ครอบครอง ผู้มีสิทธิอำนาจและผู้มีฤทธิ์อำนาจทุกประเภทแล้ว พระองค์ก็จะมอบอาณาจักรให้กับพระเจ้าพระบิดา ทุกอย่างก็จะจบ 25 ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะมันจำเป็นที่พระคริสต์จะต้องปกครองจนกว่าพระเจ้าจะจัดการกับศัตรูของพระคริสต์ให้อยู่ใต้อำนาจของพระคริสต์เสียก่อน 26 ศัตรูตัวสุดท้ายที่จะถูกทำลายคือความตาย 27 เพราะ “พระเจ้าได้ปราบทุกสิ่งทุกอย่างไว้ใต้เท้าของพระองค์แล้ว”[a] เมื่อพระคัมภีร์พูดว่า “ทุกสิ่งทุกอย่าง” ก็เข้าใจชัดเจนว่า ไม่ได้รวมถึงพระเจ้าผู้ได้ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ใต้อำนาจของพระคริสต์ 28 เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ใต้อำนาจของพระคริสต์แล้ว เมื่อนั้นแม้แต่พระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าเองก็ยอมอยู่ใต้อำนาจของพระเจ้าผู้ปราบทุกสิ่งทุกอย่างให้อยู่ใต้อำนาจของพระคริสต์ ที่พระคริสต์ทำอย่างนี้ ก็เพื่อพระเจ้าจะยิ่งใหญ่ที่สุดเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง
คำอธิษฐานสำหรับการรักษาและการอภัยโทษ
เพลงสดุดีของดาวิด เพื่อเรียกความสนใจจากพระเจ้า
1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าลงโทษข้าพเจ้าตอนที่พระองค์โกรธ
ขออย่าตีสอนข้าพเจ้าตอนที่พระองค์เกรี้ยวกราดเลย
2 ลูกธนูของพระองค์ได้แทงเข้าไปในตัวข้าพเจ้า
มือของพระองค์กดข้าพเจ้าลง
3 ความโกรธของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้าปวดรวดร้าวไปทั่วตัว
ความบาปของข้าพเจ้าเองทำให้แม้แต่กระดูกก็ปวดร้าวไปหมด
4 ความบาปทั้งหลายของข้าพเจ้าสูงท่วมหัว
พวกมันหนักอึ้งจนแบกไม่ไหว
5 เรื่องโง่ๆที่ข้าพเจ้าทำไป
ทำให้เกิดบาดแผลเป็นหนองเน่าเหม็นในตัวข้าพเจ้า
6 ข้าพเจ้าเจ็บปวดจนตัวงอ นอนคว่ำไปกับพื้น
เดินไปร้องไป เหมือนกับคนไว้ทุกข์
7 บริเวณท้องร้อนผ่าวเพราะพิษไข้
เจ็บปวดไปหมดทั่วร่าง
8 ข้าพเจ้าเจ็บจนชาและถูกบีบจนบี้แบน
ข้าพเจ้าเครียดจนกรีดร้องออกมา
9 องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอยากได้อะไรพระองค์ก็รู้หมด
ข้าพเจ้าถอนหายใจกี่เฮือกพระองค์ก็ได้ยินหมด
10 หัวใจข้าพเจ้าเต้นระรัว พละกำลังของข้าพเจ้าหายไปหมดแล้ว
และแม้แต่ประกายตาของข้าพเจ้าก็สูญสิ้นไป[a]
11 เพื่อนฝูงและมิตรสหายไม่กล้าเข้ามาใกล้เพราะกลัวเชื้อโรคของข้าพเจ้า
แม้แต่เพื่อนบ้านของข้าพเจ้าเองก็ยังอยู่ห่างๆเลย
12 พวกคนที่ไล่ล่าข้าพเจ้าต่างวางกับดักไว้
พวกที่จ้องจะทำร้ายข้าพเจ้าก็ตามขู่จะทำลายข้าพเจ้า
วันทั้งวันพวกเขาได้แต่หาวิธีที่จะหลอกลวงข้าพเจ้า
13 แต่ข้าพเจ้าเป็นเหมือนคนหูหนวก
ข้าพเจ้าไม่ได้ยินอะไรเลย เป็นคนใบ้ที่พูดไม่ได้
14 ข้าพเจ้าเป็นเหมือนคนที่ไม่ได้ยิน
เป็นเหมือนคนที่ไม่สามารถพูดแก้ต่างให้กับตัวเองได้
15 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ารอคอยพระองค์อยู่
องค์เจ้าชีวิต พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์เป็นผู้ที่จะตอบข้าพเจ้า
16 ข้าพเจ้าได้อธิษฐานว่าอย่าให้พวกเขาได้สะใจ
หรือพูดซ้ำเติมเพราะเห็นข้าพเจ้าล้มลง
17 ข้าพเจ้าเกือบจะยอมแพ้แล้ว
ข้าพเจ้ายังคงเจ็บปวดอยู่ตลอด
18 ข้าพเจ้าสารภาพความผิดที่ข้าพเจ้าทำไป
ข้าพเจ้าวิตกกังวลเกี่ยวกับบาปของข้าพเจ้า
19 ข้าพเจ้ามีศัตรูมากมาย ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรเขาเลย
มีคนเกลียดข้าพเจ้ามากมาย ทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดต่อเขา
20 และคนพวกนั้นที่ตอบแทนความดีของข้าพเจ้าด้วยความชั่ว
ก็ยังคงกล่าวหาข้าพเจ้าต่อไป ในขณะที่ข้าพเจ้ามุ่งทำแต่ความดี
21 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดอย่าทอดทิ้งข้าพเจ้า
พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดอย่าอยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้า
22 รีบมาช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด
องค์เจ้าชีวิต พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
28 พยานเท็จจะพินาศ
แต่คำพูดของคนที่ฟังอย่างรอบคอบจะคงอยู่ตลอดไป
29 คนชั่วแสร้งทำตัวว่าข้าแน่
แต่คนซื่อสัตย์สำรวจทางของตัวเอง
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International