Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
เลวีนิติ 8

วันแต่งตั้งของอาโรนและบุตร

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงพาอาโรนและบุตรของเขาไปพร้อมกับเครื่องแต่งกายเฉพาะปุโรหิต น้ำมันเจิม โคตัวผู้สำหรับเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป แกะตัวผู้ 2 ตัว และขนมปังไร้เชื้อ 1 ตะกร้า แล้วจงเรียกประชุมมวลชนที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย” โมเสสกระทำตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชา มวลชนก็เรียกประชุมที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย

โมเสสกล่าวแก่ที่ประชุมว่า “ต่อไปนี้คือสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาให้ทำ” แล้วโมเสสก็นำอาโรนกับบุตรของท่านมา และชำระล้างร่างกายพวกเขาด้วยน้ำ ท่านสวมเสื้อยาวชั้นในให้อาโรน คาดด้วยผ้าคาดเอว และสวมทับด้วยชุดคลุม แล้วใช้ผ้าคาดเอวอีกเส้นซึ่งทอด้วยฝีมือชั้นดีรัดให้กระชับเข้ากับตัว โมเสสสวมทับทรวงให้อาโรน ใส่อูริมและทูมมิมไว้ในทับทรวง[a] สวมผ้าโพกศีรษะให้อาโรน และติดเครื่องประดับทองคำไว้ที่หน้าศีรษะ เป็นมงกุฎบริสุทธิ์ตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสส

10 โมเสสใช้น้ำมันเจิม เจิมกระโจมที่พำนักและทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น เพื่อทำให้บริสุทธิ์ 11 ท่านประพรมน้ำมันที่แท่นบูชา 7 ครั้ง เจิมแท่นและเครื่องใช้ทุกชิ้นที่นั่น อ่างชำระล้างและฐาน เพื่อทำให้บริสุทธิ์ 12 แล้วโมเสสรดน้ำมันเจิมบนศีรษะของอาโรน และเจิมอาโรนเพื่อทำให้ท่านบริสุทธิ์ 13 โมเสสพาบรรดาบุตรของอาโรนมาและสวมเสื้อยาวชั้นใน คาดด้วยผ้าคาดเอว และโพกศีรษะพวกเขาตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสส

14 ครั้นแล้ว ท่านก็นำโคตัวผู้ที่ใช้เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป อาโรนและบุตรของท่านวางมือบนหัวโคตัวนั้น 15 โมเสสฆ่าโคและใช้นิ้วป้ายเลือดแกะไว้ที่เชิงงอนรอบแท่นบูชา เพื่อทำให้แท่นบูชาบริสุทธิ์ และเทเลือดลงที่ฐานแท่น เพื่อทำให้บริสุทธิ์เป็นพิธีลบล้างมลทิน 16 ท่านเอาไขมันหุ้มเครื่องในทั้งหมด ตับชิ้นยาว และไตมีไขมันติดทั้งสองข้าง และโมเสสเผาสิ่งเหล่านี้ที่แท่นบูชา 17 ท่านใช้ไฟเผาโคตัวผู้พร้อมทั้งเนื้อและหนังและไส้ของมันที่นอกค่าย ตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสส

18 ท่านมอบแกะตัวผู้ที่ใช้เผาเป็นของถวาย อาโรนและบุตรของท่านก็วางมือบนหัวแกะ 19 แล้วโมเสสก็ฆ่าแกะ สาดเลือดทั่วแท่นบูชา 20 เมื่อแกะถูกหั่นเป็นท่อนๆ แล้ว โมเสสก็เผาส่วนหัว ส่วนอื่นทุกท่อน และไขมัน 21 เมื่อใช้น้ำล้างเครื่องในและขาแกะแล้ว โมเสสจึงเผาแกะทั้งตัวที่แท่นบูชาเป็นสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย ส่งกลิ่นหอมอันน่าพอใจ เป็นของถวายด้วยไฟสำหรับพระผู้เป็นเจ้า ตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสส

22 แล้วท่านก็มอบแกะตัวผู้อีกตัวซึ่งเป็นแกะสำหรับพิธีแต่งตั้ง อาโรนและบุตรของท่านก็วางมือบนหัวแกะ 23 โมเสสฆ่าแกะและเอาเลือดแกะป้ายที่ปลายหูขวาของอาโรนและที่นิ้วหัวแม่มือข้างขวาและที่นิ้วหัวแม่เท้าข้างขวา 24 แล้วให้พาบรรดาบุตรของอาโรนมา โมเสสเอาเลือดป้ายที่ปลายหูขวาของพวกเขา ที่นิ้วหัวแม่มือข้างขวาและที่หัวแม่เท้าข้างขวา จากนั้นโมเสสก็สาดเลือดให้ทั่วแท่นบูชา 25 ท่านเอาไขมันซึ่งเป็นไขมันที่หาง ไขมันหุ้มเครื่องในทั้งหมด และตับชิ้นยาว ไตมีไขมันติดทั้งสองข้าง และขาอ่อนข้างขวา 26 และท่านหยิบขนมไร้เชื้อ 1 ก้อน ขนมปังมีน้ำมันผสม 1 ก้อน และขนมปังกรอบ 1 แผ่นจากตะกร้าสำหรับขนมปังไร้เชื้อที่ตั้งอยู่ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า แล้ววางขนมเหล่านี้บนไขมันและที่ขาอ่อนข้างขวา 27 ท่านยื่นขนมปังพวกนี้ใส่มืออาโรนและบุตรของท่าน แล้วโบกขนมปังขึ้นลงเป็นเครื่องโบกถวาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 28 จากนั้นโมเสสก็หยิบคืนจากมือของพวกท่าน และเผาบนแท่นบูชาพร้อมกับสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย เป็นของถวายในพิธีแต่งตั้ง ส่งกลิ่นหอมอันน่าพอใจ เป็นของถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า 29 โมเสสหยิบส่วนอกโบกขึ้นลงเป็นเครื่องโบกถวาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า เป็นส่วนหนึ่งจากแกะตัวผู้สำหรับพิธีแต่งตั้งตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสส

30 แล้วโมเสสหยิบน้ำมันเจิมกับเลือดที่อยู่บนแท่นบูชา เพื่อประพรมที่ตัวอาโรนและบรรดาบุตร และที่เครื่องแต่งกายของพวกท่านทุกคนด้วย ท่านทำพิธีให้อาโรนและบรรดาบุตรและเครื่องแต่งกายของพวกท่านบริสุทธิ์

31 แล้วโมเสสกล่าวกับอาโรนและบรรดาบุตรของท่านว่า “จงต้มเนื้อแกะตัวที่สองที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย และรับประทานกับขนมปังที่อยู่ในตะกร้าสำหรับของถวายในพิธีแต่งตั้ง ตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาไว้ว่า ‘จงให้อาโรนและบรรดาบุตรของเขารับประทาน’ 32 แล้วเนื้อกับขนมปังที่เหลือก็จงเผาไฟเสีย 33 ท่านทั้งหลายห้ามออกไปนอกทางเข้ากระโจมที่นัดหมายเป็นเวลา 7 วัน จนกว่าพิธีการแต่งตั้งของพวกท่านจะเสร็จบริบูรณ์ เพราะการแต่งตั้งพวกท่านจะใช้เวลา 7 วัน 34 สิ่งที่ได้กระทำในวันนี้เป็นไปตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชา เพื่อเป็นการชดใช้บาปให้ท่านทั้งหลาย 35 ท่านจงอยู่ที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมายตลอดวันและคืนเป็นเวลา 7 วัน เพื่อกระทำตามที่พระผู้เป็นเจ้ามอบหมายให้ทำ ท่านจะได้ไม่ตายเสียก่อน นี่เป็นคำบัญชาที่เราได้รับมา” 36 แล้วอาโรนกับบุตรของท่านก็กระทำตามทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสส

สดุดี 9

ความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้า

ถึงหัวหน้าวงดนตรี ตามทำนองมุธลับเบน[a] เพลงสดุดีของดาวิด

ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจะพูดถึงสิ่งมหัศจรรย์ทั้งสิ้นที่พระองค์กระทำ
ข้าพเจ้าจะดีใจและยินดีในพระองค์
    โอ องค์ผู้สูงสุด ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์

เวลาศัตรูของข้าพเจ้าหันกลับ
    พวกเขาพลั้งพลาดและพินาศต่อหน้าพระองค์
เพราะพระองค์รักษาสิทธิและการกระทำที่ถูกต้องของข้าพเจ้า
    พระองค์อยู่บนบัลลังก์ตัดสินด้วยความชอบธรรม
พระองค์ห้ามบรรดาประชาชาติ พระองค์กำจัดคนชั่ว
    พระองค์ลบชื่อพวกเขาจนหมดสิ้นไปชั่วนิรันดร์กาล
พวกศัตรูถูกทำลายให้สาบสูญไป
    เมืองของพวกเขาก็ได้ล่มสลายหายสาบสูญไปสิ้น
    แม้แต่ความทรงจำถึงพวกเขาก็ไม่มีเหลือ

แต่พระผู้เป็นเจ้าสถิตบนบัลลังก์ตลอดกาล
    พระองค์ได้สร้างบัลลังก์ของพระองค์ขึ้นเพื่อตัดสินความ
พระองค์จะพิพากษาโลกด้วยความชอบธรรม
    และจะตัดสินบรรดาชนชาติด้วยความเป็นธรรม
พระผู้เป็นเจ้าเป็นหลักยึดอันมั่นคงของผู้ที่ถูกบีบบังคับ
    และเป็นที่หลบภัยในยามทุกข์ยาก
10 และบรรดาผู้รู้จักพระนามของพระองค์ไว้วางใจในพระองค์
    โอ พระผู้เป็นเจ้า ด้วยว่า พระองค์ไม่เคยละทิ้งคนที่แสวงหาพระองค์

11 จงร้องเพลงสรรเสริญถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า ผู้สถิตในศิโยน
    จงประกาศสิ่งที่พระองค์สำแดงในท่ามกลางชนชาติ
12 เพราะว่าองค์ผู้แก้แค้นโดยการประหาร พระองค์ระลึกถึงพวกเขา
    พระองค์ไม่ลืมเสียงร้องของผู้มีทุกข์

13 โอ พระผู้เป็นเจ้า เมตตาข้าพเจ้าด้วย
    ดูเถิดว่า ข้าพเจ้าได้รับทุกข์ทรมานจากบรรดาผู้ที่เกลียดชังข้าพเจ้าอย่างไรบ้าง
    พระองค์เป็นผู้พยุงข้าพเจ้าขึ้นจากประตูแห่งความตาย
14 เพื่อข้าพเจ้าจะได้กล่าวคำสดุดีถึงพระองค์
    และภายในเขตประตูของธิดาแห่งศิโยน[b]
    ข้าพเจ้าจะยินดีที่พระองค์ช่วยให้รอดพ้น

15 บรรดาประชาชาติพากันตกหลุมที่ตนขุดไว้
    เท้าของพวกเขาเกี่ยวเอาตาข่ายที่พรางไว้
16 พระผู้เป็นเจ้าสำแดงพระองค์ให้เห็นจากความเป็นธรรมของพระองค์
    คือคนชั่วตกลงในบ่วงแร้วที่ทำขึ้นมาเอง ฮิกาโยน[c] เซล่าห์
17 คนชั่วจะกลับไปยังแดนคนตาย
    คือประชาชาติทั้งปวงที่ลืมพระเจ้า
18 แต่ผู้ยากไร้จะไม่ถูกลืมเสมอไป
    และผู้มีความทุกข์จะไม่สิ้นหวังไปตลอดกาล

19 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดลุกขึ้นเถิด อย่าปล่อยให้มนุษย์มีชัย
    โปรดให้บรรดาประชาชาติถูกพิพากษาต่อหน้าพระองค์
20 ทำให้พวกเขาหวาดหวั่นเถิด โอ พระผู้เป็นเจ้า
    โปรดให้บรรดาประชาชาติรู้ว่าพวกเขาเป็นเพียงมนุษย์ เซล่าห์

สุภาษิต 23

23 เวลาเจ้านั่งรับประทานร่วมกับผู้คนระดับปกครอง
    ก็จงระวังให้ดีว่ามีอะไรตั้งไว้ที่ตรงหน้าเจ้า
และหากว่าเจ้าหิวกระหายนัก
    ก็จงใช้มีดจ่อคอของเจ้าไว้
อย่ากระหายสิ่งที่เจ้าเห็นว่าเอร็ดอร่อย
    เพราะมันเป็นอาหารที่ล่อลวง
อย่าหักโหมเกินกำลังเพียงเพื่อเสาะหาความมั่งมี
    จงใช้สติปัญญาเหนี่ยวรั้งตนไว้
เพียงเหลือบตาดูความมั่งมีขณะหนึ่ง มันก็หายไป
    ด้วยว่าปีกของมันจะงอกขึ้นได้แน่
    และโผขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างนกอินทรี
อย่าไปรับประทานอาหารของคนตระหนี่
    และอย่ากระหายของเอร็ดอร่อยของเขา
ด้วยว่า เขาเป็นคนประเภทที่คิดถึงราคาเสมอ
    เขาจะพูดว่า “รับประทานและดื่มเถิด”
    แต่ใจของเขาไม่ได้คิดเช่นนั้น
เจ้าจะอาเจียนสิ่งที่เจ้าได้กลืนลงไปแล้ว
    และเจ้าจะเสียดายคำชมของเจ้า
อย่าสนทนากับคนโง่
    เพราะว่าเขาจะดูหมิ่นสติปัญญาที่แสดงออกมาจากคำพูดของเจ้า
10 อย่าขยับเขยื้อนหลักเขตโบราณ
    และอย่าล่วงล้ำเขตที่ดินของเด็กกำพร้า
11 เพราะว่าองค์ผู้คุ้มกันของพวกเขาเข้มแข็ง
    พระองค์จะเป็นธุระจัดการด้วยการต่อต้านเจ้า
12 จงเปิดใจให้กับคำสั่งสอน
    และเปิดหูของเจ้าให้กับคำพูดแห่งความรู้
13 อย่ารั้งการฝึกวินัยให้เด็ก
    ถึงเจ้าจะเฆี่ยนเขาด้วยไม้เรียว เขาก็จะไม่ตาย
14 ถ้าเจ้าเฆี่ยนเขาด้วยไม้เรียว
    เจ้าก็จะช่วยเขาให้รอดจากแดนคนตาย
15 ลูกเอ๋ย ถ้าใจของเจ้าเปี่ยมด้วยสติปัญญา
    ใจของเราก็จะยินดีด้วย
16 เราจะชื่นชมยินดีจากก้นบึ้งของใจเรา
    เมื่อริมฝีปากของเจ้าพูดสิ่งอันควร
17 อย่าปล่อยให้ใจของเจ้าอิจฉาคนบาป
    แต่จงให้ความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าอยู่ในใจเสมอไป
18 อนาคตนั้นมีอย่างแน่นอน
    และความหวังของเจ้าจะไม่สูญสลายไป

19 ลูกเอ๋ย จงฟังเถิด เจ้าจะได้มีสติปัญญา
    และจงนำพาใจของเจ้าไปตามทางนั้น
20 อย่าคลุกคลีกับพวกที่ดื่มเหล้าองุ่นมากเกินไป
    หรือพวกตะกละกินเนื้อ
21 คนขี้เมาและคนตะกละจะตกอยู่ในความยากจน
    และคนขี้เกียจหลังยาวจะต้องเอาเศษผ้าขี้ริ้วพันกาย
22 จงฟังบิดาผู้ให้กำเนิดแก่เจ้า
    และอย่าดูหมิ่นมารดาเมื่อท่านชราลง
23 จงซื้อความจริงไว้และอย่าขายไปเสีย
    จงรับเอาสติปัญญา การสั่งสอน และความเข้าใจ
24 บิดาของผู้มีความชอบธรรมจะยินดีเป็นอย่างมาก
    คนที่มีบุตรอันกอปรด้วยสติปัญญาจะชื่นชมยินดีในตัวเขา
25 จงทำให้บิดาและมารดาของเจ้าชื่นชม
    จงทำให้ผู้ให้กำเนิดของเจ้ามีใจยินดี

26 ลูกเอ๋ย จงมอบใจของเจ้าให้เราเถิด
    และให้ตาของเจ้าสังเกตวิถีทางของเรา
27 ด้วยว่าหญิงแพศยาเป็นเสมือนหลุมลึก
    หญิงโสเภณีเป็นเสมือนบ่อแคบ
28 หล่อนนอนซุ่มรออย่างโจร
    และทำให้จำนวนชายที่นอกใจภรรยามีเพิ่มมากขึ้น

29 ใครทุกข์ ใครเศร้า
    ใครทะเลาะวิวาทกัน ใครมีความลำบาก
ใครได้รับบาดเจ็บโดยไม่มีสาเหตุ
    ใครตาแดง
30 ก็คือพวกที่ไม่ยอมเลิกดื่มเหล้าองุ่น
    พวกที่ไปลองเหล้าองุ่นผสม
31 อย่ามองเหล้าองุ่นตอนที่สีของมันแดง
    ตอนที่มันพ่นฟองพร่างพรายอยู่ในแก้ว
    และไหลลื่นลงคออย่างง่ายดาย
32 สุดท้าย มันก็จะฉกเจ้าดั่งงู
    และเป็นพิษดั่งพิษของงู
33 นัยน์ตาของเจ้าจะเห็นสิ่งที่แปลกประหลาด
    และเกิดความคิดอันสับสน
34 เจ้าจะเป็นเหมือนคนที่นอนลอยอยู่กลางทะเล
    เหมือนคนที่นอนอยู่บนยอดเสากระโดงเรือ
35 เจ้าจะพูดว่า “พวกเขาชกต่อยตัวข้า แต่ข้าไม่เจ็บตัว
    เขาตีข้า แต่ข้าไม่รู้สึก
เมื่อไหร่ข้าจึงจะตื่นขึ้น
    แล้วจะได้ไปดื่มอีกอึกหนึ่ง”

1 เธสะโลนิกา 2

เปาโลรับใช้ที่เธสะโลนิกา

พี่น้องเอ๋ย ท่านเองก็ทราบว่า การที่พวกเรามาหาท่านไม่ได้ไร้ประโยชน์ แต่หลังจากที่พวกเราได้รับทุกข์ทรมานและการสบประมาทที่เมืองฟีลิปปีแล้ว ตามที่ท่านทราบคือ พระเจ้าให้พวกเรามีความกล้าในการพูดกับท่านเรื่องข่าวประเสริฐของพระเจ้า ทั้งๆ ที่มีการต่อต้านมาก ด้วยว่า สิ่งที่พวกเราบอกเล่าให้ท่านเชื่อ ไม่ได้เกิดจากการโกหก หรือการจูงใจที่ไม่บริสุทธิ์ หรือเป็นเพราะเราพยายามจะใช้เล่ห์กลกับท่าน แต่พระเจ้าเห็นดีกับพวกเราแล้วที่ไว้ใจเราในเรื่องข่าวประเสริฐ และเราก็ประกาศ ไม่ใช่เพื่อให้เป็นที่พอใจของมนุษย์ แต่ให้เป็นที่พอใจของพระเจ้าผู้ทดสอบจิตใจของเรา ท่านก็ทราบว่า พวกเราไม่เคยพูดยกยอท่าน หรือแสร้งทำราวกับว่าจะปกปิดความโลภ พระเจ้าเป็นพยานของเราได้ พวกเราไม่ได้แสวงหาการเยินยอจากมนุษย์ ไม่ว่าจากท่านหรือจากใครอื่นอีก ในฐานะที่พวกเราเป็นอัครทูตของพระคริสต์ เราจะร้องขอจากท่านก็ได้ แต่พวกเรามีใจอ่อนโยนในหมู่ท่าน เช่นเดียวกับมารดาที่เลี้ยงดูบุตรของตน พวกเรารักท่านมากจึงมีความยินดียิ่งนักในการแบ่งปันทั้งข่าวประเสริฐของพระเจ้า รวมถึงชีวิตของเราด้วย เพราะท่านทั้งหลายเป็นที่รักยิ่งของเราแล้ว

พี่น้องทั้งหลาย ท่านคงจำได้ถึงการทำงานอย่างตรากตรำของเราและด้วยความยากลำบาก ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อเราจะได้ไม่ต้องเป็นภาระให้กับผู้ใดในหมู่ท่าน ขณะที่พวกเราประกาศข่าวประเสริฐจากพระเจ้าให้ท่านฟัง 10 ท่านทั้งหลายเป็นพยานฝ่ายเรา และพระเจ้าก็เป็นพยานด้วยว่า พวกเราประพฤติต่อท่านที่เชื่อในพระเจ้าด้วยใจบริสุทธิ์ ด้วยความชอบธรรม และปราศจากข้อตำหนิใดๆ 11 ท่านก็ทราบว่า พวกเราปฏิบัติต่อท่านทุกคนเช่นบิดากระทำต่อบุตรของตน 12 คือให้กำลังใจ ปลอบโยนและสนับสนุน เพื่อท่านจะได้ดำเนินชีวิตให้สมกับที่พระเจ้าเรียกท่านเข้าสู่อาณาจักรและพระบารมีของพระองค์

13 ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงขอบคุณพระเจ้าเสมอว่า เวลาท่านได้รับคำประกาศของพระเจ้าจากพวกเรา ท่านไม่ได้รับไว้อย่างที่เป็นคำกล่าวของมนุษย์ แต่รับไว้ตามความเป็นจริงคือ เป็นคำกล่าวของพระเจ้า ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในตัวของท่านที่เชื่อ 14 พี่น้องทั้งหลาย ท่านปฏิบัติตามคริสตจักรทั้งปวงของพระเจ้าในแคว้นยูเดียซึ่งอยู่ในพระเยซูคริสต์ เพราะว่าท่านทนทุกข์ทรมานจากชนชาติของท่านเอง เช่นเดียวกับที่คริสตจักรเหล่านั้นทนทุกข์จากชาวยิว 15 ชาวยิวนั้นได้ฆ่าทั้งพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าและบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า แล้วได้ขับไล่พวกเรา เขาเหล่านั้นไม่เป็นที่พอใจของพระเจ้า อีกทั้งเป็นปฏิปักษ์ต่อคนทั้งปวงด้วย 16 เขาห้ามพวกเราไม่ให้พูดเรื่องที่จะทำให้บรรดาคนนอก[a]ได้รับชีวิตรอดพ้น ผลก็คือพวกเขาสะสมบาปไว้จนท่วมตัว และในที่สุดการลงโทษจากพระเจ้าก็ได้ลงมาสู่พวกเขา

ทิโมธีนำข่าวดีมาบอก

17 พี่น้องทั้งหลาย แต่เมื่อครั้งที่เราถูกพรากจากท่านเพียงกายไปชั่วขณะหนึ่ง แต่ไม่ได้พรากทางใจ พวกเรายิ่งอยากจะเห็นหน้าท่านเหลือเกิน 18 ด้วยว่า พวกเราต้องการจะมาหาท่าน ยิ่งตัวข้าพเจ้าเองเปาโล ก็ได้พยายามครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ซาตาน[b]ขัดขวางไว้ 19 แล้วอะไรคือความหวัง ความยินดี หรือมงกุฎแห่งความมีชัยของเราที่เราจะภูมิใจ ไม่ใช่ท่านหรอกหรือที่อยู่เบื้องหน้าพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเวลาพระองค์มาปรากฏ 20 ด้วยว่า ท่านคือความภูมิใจและความยินดีของพวกเรา

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation