M’Cheyne Bible Reading Plan
ชาวเลวี
3 ต่อไปนี้เป็นการลำดับทายาทของอาโรนและโมเสส ในครั้งที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสบนภูเขาซีนาย 2 บุตรของอาโรนชื่อ นาดับบุตรหัวปี อาบีฮู เอเลอาซาร์ และอิธามาร์ 3 ชายเหล่านี้เป็นบุตรของอาโรนที่ได้รับการเจิมเป็นปุโรหิตซึ่งท่านแต่งตั้งให้รับใช้เป็นปุโรหิต 4 แต่นาดับและอาบีฮูตาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าเมื่อถวายไฟต้องห้าม ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าในถิ่นทุรกันดารซีนาย[a] และทั้งสองไม่มีบุตร ดังนั้นเอเลอาซาร์และอิธามาร์จึงเข้ารับใช้เป็นปุโรหิตในช่วงอายุของอาโรนผู้เป็นบิดา
5 แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 6 “จงพาเผ่าเลวีเข้ามาใกล้และให้มาอยู่ที่ตรงหน้าอาโรนปุโรหิตเพื่อรับใช้เขา 7 ให้พวกเขาช่วยอาโรนและมวลชน ปฏิบัติหน้าที่ที่หน้ากระโจมที่นัดหมายเพื่อรับใช้งานในกระโจมที่พำนัก 8 พวกเขาจะต้องรักษาเครื่องใช้ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับกระโจมที่นัดหมาย และปฏิบัติหน้าที่ให้ชาวอิสราเอล อันเป็นการรับใช้งานของกระโจมที่พำนัก 9 เจ้าจงมอบชาวเลวีให้แก่อาโรนและบุตรของเขา และพวกเขาถูกแยกออกจากชาวอิสราเอล เพื่อมอบให้แก่เรา[b] 10 ฉะนั้นจงแต่งตั้งอาโรนและบุตรของเขาให้ปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิต แต่ถ้าผู้อื่นเข้ามาใกล้ก็จะต้องรับโทษถึงตาย”
11 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสอีกว่า 12 “ดูเถิด เราได้เลือกชาวเลวีจากท่ามกลางชาวอิสราเอลแทนบุตรหัวปีทุกคนจากครรภ์ของชาวอิสราเอล ฉะนั้นชาวเลวีจะเป็นของเรา 13 เพราะบุตรหัวปีทุกคนเป็นของเรา ในวันที่เราฆ่าบุตรหัวปีทุกคนในแผ่นดินอียิปต์ เราคัดบุตรหัวปีทุกคนในอิสราเอลให้เป็นของเรา ทั้งมนุษย์และสัตว์จะเป็นของเรา เราคือพระผู้เป็นเจ้า”
14 แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสในถิ่นทุรกันดารซีนายว่า 15 “จงนับจำนวนชาวเลวีตามตระกูล และลำดับครอบครัวของพวกเขา เจ้าจงนับชายทุกคนที่มีอายุ 1 เดือนขึ้นไป” 16 ดังนั้นโมเสสจึงนับจำนวนคนตามคำของพระผู้เป็นเจ้า ดังที่พระองค์บัญชาไว้ 17 บุตรของเลวีชื่อ เกอร์โชน โคฮาท และเมรารี 18 บุตรของเกอร์โชนตามครอบครัวของพวกเขาชื่อ ลิบนีและชิเมอี 19 และบุตรของโคฮาทตามครอบครัวของพวกเขาชื่อ อัมราม อิสฮาร์ เฮโบรน และอุสซีเอล 20 บุตรของเมรารีตามครอบครัวของพวกเขาชื่อ มัคลีและมูชี เขาเหล่านี้เป็นครอบครัวของชาวเลวีตามตระกูลของพวกเขา
21 ตระกูลลิบนีและตระกูลชิเมอีสืบเชื้อสายมาจากตระกูลเกอร์โชน คนเหล่านี้เป็นเชื้อสายของตระกูลชาวเกอร์โชน 22 นับชายทุกคนตั้งแต่อายุ 1 เดือนขึ้นไป มีจำนวนชาย 7,500 คน 23 ตระกูลเกอร์โชนต้องไปตั้งค่ายอยู่ทางทิศตะวันตกหลังกระโจมที่พำนัก 24 ผู้นำครอบครัวของเกอร์โชนคือ เอลียาสาฟบุตรลาเอล 25 บุตรของเกอร์โชนปฏิบัติงานในกระโจมที่นัดหมายมีหน้าที่เกี่ยวกับกระโจมที่พำนัก กระโจม ที่คลุมกระโจม และม่านบังตาที่ประตูทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย 26 และผ้าแขวนที่ลาน ม่านบังตาที่ประตูทางเข้าลานซึ่งอยู่รอบกระโจมที่พำนัก แท่นบูชา และเชือก และทุกสิ่งที่ใช้ในการปฏิบัติงาน
27 ครอบครัวชาวอัมราม ครอบครัวชาวอิสฮาร์ ครอบครัวชาวเฮโบรน และครอบครัวชาวอุสซีเอลสืบเชื้อสายมาจากครอบครัวชาวโคฮาท คนเหล่านี้เป็นเชื้อสายของตระกูลชาวโคฮาท 28 นับชายทุกคนตั้งแต่อายุ 1 เดือนขึ้นไป มีจำนวน 8,600 คนทำหน้าที่ดูแลสถานที่บริสุทธิ์ 29 ครอบครัวชาวโคฮาทต้องไปตั้งค่ายอยู่ทางทิศใต้ด้านข้างกระโจมที่พำนัก 30 ผู้นำครอบครัวของตระกูลโคฮาทคือเอลีซาฟานบุตรอุสซีเอล 31 ทำหน้าที่เกี่ยวกับหีบพันธสัญญา โต๊ะ คันประทีป แท่นบูชา และภาชนะของสถานที่บริสุทธิ์ที่พวกเขาใช้ปฏิบัติงาน ม่านบังตา และงานรับใช้สารพัดที่เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ 32 หัวหน้าบรรดาผู้นำของชาวเลวีคือเอเลอาซาร์บุตรของอาโรนปุโรหิต เขาควบคุมบรรดาผู้รับผิดชอบดูแลสถานที่บริสุทธิ์
33 ครอบครัวชาวมัคลีและครอบครัวชาวมูชีสืบเชื้อสายมาจากครอบครัวชาวเมรารี คนเหล่านี้เป็นเชื้อสายของตระกูลชาวเมรารี 34 นับชายทุกคนตั้งแต่อายุ 1 เดือนขึ้นไปมีจำนวน 6,200 คน 35 ผู้นำบรรดาครอบครัวเมรารีคือศุรีเอลบุตรอาบีฮาอิล พวกเขาต้องไปตั้งค่ายอยู่ทางทิศเหนือของกระโจมที่พำนัก 36 หน้าที่ซึ่งกำหนดให้แก่บรรดาบุตรของเมรารีเกี่ยวกับโครงสร้างกระโจมที่พำนัก คาน เสาหลัก ฐาน และเครื่องอุปกรณ์ทุกชิ้น อีกทั้งงานรับใช้สารพัดที่เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ 37 เสาหลักรอบลานพร้อมฐานกับหมุดและเชือก
38 โมเสส อาโรน และบรรดาบุตรของอาโรนต้องไปตั้งค่ายอยู่เบื้องหน้าของกระโจมที่พำนักทางทิศตะวันออก เบื้องหน้ากระโจมที่นัดหมาย ด้านที่ดวงอาทิตย์ขึ้น พวกเขารับผิดชอบดูแลสถานที่บริสุทธิ์แทนชาวอิสราเอล ถ้าผู้อื่นเข้ามาใกล้ก็จะต้องรับโทษถึงตาย 39 จำนวนผู้ชายชาวเลวีทั้งหมดที่โมเสสและอาโรนนับตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าตามลำดับครอบครัวของพวกเขา นับผู้ชายทุกคนตั้งแต่อายุ 1 เดือนขึ้นไปมีจำนวน 22,000 คน
40 แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงนับจำนวนผู้ชายทุกคนที่เป็นบุตรหัวปีในบรรดาชาวอิสราเอลที่มีอายุ 1 เดือนขึ้นไป และจดรายชื่อไว้ 41 จงให้ชาวเลวีเป็นของเรา แทนบุตรหัวปีทุกคนของชาวอิสราเอลอายุตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป และสัตว์เลี้ยงของชาวเลวีแทนลูกตัวแรกทุกตัวของสัตว์เลี้ยงของชาวอิสราเอล เราคือพระผู้เป็นเจ้า” 42 ดังนั้นโมเสสจึงนับจำนวนบุตรหัวปีของชาวอิสราเอลทุกคน ตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชา 43 บุตรชายหัวปีที่มีอายุ 1 เดือนขึ้นไปตามรายชื่อมีจำนวนรวมได้ 22,273 คน
44 และพระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวกับโมเสสอีกว่า 45 “จงเอาชาวเลวีมาแทนบุตรหัวปีของชาวอิสราเอลทุกคน และให้สัตว์เลี้ยงของชาวเลวีแทนสัตว์เลี้ยงของพวกเขา ชาวเลวีจะต้องเป็นของเรา เราคือพระผู้เป็นเจ้า 46 บุตรหัวปีของชาวอิสราเอลมีจำนวนมากกว่าชาวเลวี 273 คน ฉะนั้นราคาค่าไถ่เกินจากจำนวนนั้น 47 เจ้าก็จงเก็บเงิน 5 เชเขลต่อ 1 คน[c] ตามมาตราน้ำหนักเงินของสถานที่บริสุทธิ์ 1 เชเขล หนัก 20 เก-ราห์ 48 จงให้เงินจำนวนนั้นแก่อาโรนและบุตรของเขาเป็นราคาค่าไถ่ตามจำนวนของคนเกิน” 49 ดังนั้นโมเสสจึงเอาเงินค่าไถ่จากคนที่เกินจากจำนวนที่ชาวเลวีไถ่ได้ 50 ท่านเก็บเงินจากบุตรหัวปีของชาวอิสราเอลเป็นเงินหนัก 1,365 เชเขล ตามมาตราน้ำหนักของสถานที่บริสุทธิ์ 51 โมเสสมอบเงินจากการไถ่ตัวให้แก่อาโรนและบรรดาบุตรของท่าน ตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า ดังที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสส
ความสำเร็จอันไม่ยั่งยืนของคนชั่ว และความสำเร็จอันแท้จริงของคนดี
ของดาวิด
1 อย่าว้าวุ่นใจเพราะคนชั่ว
หรืออิจฉาคนที่ทำสิ่งเลวร้าย
2 ด้วยว่าอีกไม่นานพวกเขาจะแห้งโรยราไปดังเช่นต้นหญ้า
และเหี่ยวเฉาลงอย่างพืชใบเขียว
3 จงไว้ใจพระผู้เป็นเจ้า และประพฤติแต่สิ่งดีงาม
เพื่อท่านจะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดิน และยินดีในความปลอดภัย
4 จงสุขใจในพระผู้เป็นเจ้า
และพระองค์จะให้ท่านดั่งใจต้องการ
5 จงมอบวิถีชีวิตของท่านไว้กับพระผู้เป็นเจ้า
จงไว้ใจพระองค์ และพระองค์จะดำเนินการ
6 พระองค์จะทำให้ความชอบธรรมของท่านเป็นที่ประจักษ์ดั่งแสงอรุณ
และสิทธิของท่านปรากฏชัดดั่งแสงยามเที่ยงวัน
7 จงนิ่งเงียบเมื่ออยู่ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า
และรอคอยด้วยความอดทน
อย่าว้าวุ่นใจเมื่อคนอื่นประสบความสำเร็จตามวิถีทางของเขา
เมื่อเขาทำตามเล่ห์กลของเขา
8 จงละเว้นจากความโกรธ และหนีห่างจากความฉุนเฉียว
อย่าว้าวุ่นใจ เพราะมันจะนำไปสู่ความเลวร้ายเท่านั้น
9 ด้วยว่าหมู่คนชั่วจะพินาศ
ส่วนบรรดาผู้รอคอยพระผู้เป็นเจ้าจะได้รับผืนแผ่นดินเป็นมรดก
10 อีกเพียงชั่วครู่จะไม่มีคนชั่วอีกต่อไป
แม้ท่านจะมองหาจนทั่วในที่ของเขาก็จะไม่พบ
11 แต่สำหรับผู้มีใจอ่อนน้อมจะได้รับผืนแผ่นดินเป็นมรดกจากพระเจ้า[a]
และเขาจะสุขใจในความสงบอันเต็มเปี่ยม
12 คนชั่ววางแผนต่อต้านผู้มีความชอบธรรม
และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกลียดชัง
13 แต่พระผู้เป็นเจ้าหัวเราะเยาะคนชั่ว
เพราะพระองค์ทราบว่าเวลาของพวกเขากำลังจะมาถึง
14 คนชั่วชักดาบออกมา และน้าวคันธนู
เพื่อทำลายคนอ่อนกำลังและยากไร้
เพื่อฆ่าบรรดาผู้ดำเนินชีวิตในความเป็นธรรม
15 ดาบของพวกเขาจะย้อนเข้าทิ่มแทงจิตใจของตนเอง
และคันธนูของพวกเขาจะถูกหัก
16 การมีแต่เพียงเล็กน้อยของผู้มีความชอบธรรม
ดีกว่าการมีอย่างล้นเหลือของคนชั่วหลายๆ คน
17 ด้วยว่าอำนาจของคนชั่วจะถูกทำลาย
แต่พระผู้เป็นเจ้าคุ้มครองบรรดาผู้มีความชอบธรรม
18 พระผู้เป็นเจ้าเอาใจใส่ผู้ที่ไร้ข้อตำหนิ
และมรดกของพวกเขาจะยั่งยืนไปตลอดกาล
19 ในยามคับขัน พวกเขาจะไม่เดือดร้อน
ในยามอดอยาก พวกเขาจะกลับมีอย่างอุดมสมบูรณ์
20 แต่พวกคนชั่วจะถึงแก่ความตาย
ศัตรูของพระผู้เป็นเจ้าเป็นเหมือนความงามของทุ่งหญ้าคือ
จะเลือนหายไปในพริบตา เลือนหายไปอย่างควันไฟ
21 คนชั่วขอยืมและไม่ใช้คืน
แต่ผู้มีความชอบธรรมเป็นคนใจกว้างและเป็นฝ่ายให้เสมอไป
22 คนที่ได้รับพระพรจากพระผู้เป็นเจ้าจะได้รับผืนแผ่นดินเป็นมรดก
แต่พวกที่พระองค์สาปแช่งจะพินาศ
23 ถ้าพระผู้เป็นเจ้าพอใจในวิถีทางของผู้ใด
พระองค์ก็ทำให้เท้าของเขาก้าวไปด้วยความมั่นคง
24 ถึงแม้จะพลาดบ้าง แต่ก็จะไม่ล้มลง
เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าจับมือเขาไว้
25 ข้าพเจ้าเคยเป็นหนุ่ม และมาบัดนี้ชราแล้ว
ข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นผู้มีความชอบธรรมถูกทอดทิ้ง
หรือลูกๆ ของเขาต้องขอข้าวกิน
26 เขาเป็นคนโอบอ้อมอารีเสมอ อีกทั้งให้คนอื่นยืมด้วย
และลูกๆ ของเขาจะเป็นพระพร
27 จงหันหนีจากความชั่วเพื่อทำความดี
แล้วท่านจะอาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินตลอดกาล
28 ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้ารักความเป็นธรรม
และจะไม่ทอดทิ้งบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระองค์
คือพวกเขาจะได้รับความคุ้มครองตลอดกาล
ส่วนลูกๆ ของคนชั่วร้ายจะพินาศ
29 ผู้มีความชอบธรรมจะได้รับผืนแผ่นดินเป็นมรดก
และอาศัยอยู่ที่นั่นไปตลอดกาล
30 ปากของผู้มีความชอบธรรมกล่าวถ้อยคำที่แสดงถึงสติปัญญา
และลิ้นของเขาร้อยเรียงด้วยความเป็นธรรม
31 กฎบัญญัติของพระเจ้าของเขาอยู่ในจิตใจ
และเท้าก้าวไปโดยไม่เพลี่ยงพล้ำ
32 คนชั่วจับจ้องผู้มีความชอบธรรม
โดยหมายจะเอาชีวิต
33 พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทอดทิ้งเขาให้ตกอยู่ในอุ้งมือของศัตรู
หรือปล่อยให้ถูกลงโทษเมื่อขึ้นศาล
34 จงรอคอยพระผู้เป็นเจ้า และเดินตามวิถีทางของพระองค์
และพระองค์จะให้เกียรติท่านโดยให้รับผืนแผ่นดินเป็นมรดก
ท่านจะได้เห็นความพินาศของคนชั่ว
35 ข้าพเจ้าเคยเห็นคนชั่วช้าสามานย์
ยืนสูงเด่นเป็นสง่าดั่งต้นซีดาร์แห่งเลบานอน
36 แต่ก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ค้ำฟ้าได้
แม้ข้าพเจ้าจะมองหาเขา แต่ก็ไม่พบ
37 จงสังเกตดูคนที่ไร้ข้อตำหนิ และจับตาดูผู้มีความชอบธรรม
เพราะคนใฝ่สันติจะมีวงศ์วานสืบตระกูลต่อไป
38 ส่วนคนล่วงละเมิดทุกคนจะถูกกำจัดสิ้น
อนาคตของคนชั่วจะพินาศ
39 ความรอดพ้นของผู้มีความชอบธรรมมาจากพระผู้เป็นเจ้า
พระองค์เป็นที่หลบภัยในยามทุกข์ยาก
40 พระผู้เป็นเจ้าช่วยและให้พวกเขาพ้นภัย
พระองค์ให้เขาพ้นภัยจากคนชั่วร้าย และช่วยพวกเขาให้รอดพ้น
เพราะเขามีพระองค์เป็นที่พักพิง
1 เพลงรักอันไพเราะของซาโลมอน
เจ้าสาวสารภาพรัก
ผู้หญิง
2 โอ ให้ริมฝีปากของท่านประกบปากฉันด้วยรอยจูบเถิด
เพราะว่าความรักของท่านยอดยิ่งกว่าเหล้าองุ่น
3 น้ำมันเจิมของท่านหอมหวล
นามของท่านเป็นดุจน้ำมันหอมที่ไหลริน
ฉะนั้นบรรดาสาวบริสุทธิ์จึงหลงรักท่าน
4 ช่วยพาฉันไปกับท่าน เรารีบไปกันเถิด
กษัตริย์ได้พาฉันเข้าไปในห้องของท่าน
พวกผู้หญิง
ให้พวกเรายินดีและพอใจในตัวท่านเถิด
เราจะเทิดทูนความรักนี้ยิ่งกว่าเหล้าองุ่น
มิน่าเล่าบรรดาสาวๆ จึงได้รักท่าน
ผู้หญิง
5 โอ บรรดาผู้หญิงของเยรูซาเล็มเอ๋ย
ฉันเองน่ะผิวคล้ำ แต่งดงามประดุจกระโจมของเคดาร์
ประดุจม่านของซาโลมอน
6 อย่าจ้องมองฉันเพราะผิวดำคล้ำเลย
เป็นเพราะดวงตะวันได้แผดเผาฉัน
พวกลูกชายของแม่ฉันก็พากันโกรธ
และบังคับให้ฉันดูแลไร่องุ่น
แม้แต่สวนองุ่นของฉันเอง ฉันยังไม่ทันได้ดูแลเลย
7 ฉันรักท่านจนท่วมท้นจิตวิญญาณ ท่านช่วยบอกฉันหน่อย
ท่านนำฝูงแกะไปเล็มหญ้าที่ใด
ท่านให้พวกมันนอนพักที่ใด
ในยามเที่ยงวัน ทำไมฉันจึงจะต้องเป็นอย่างกับคนที่ใช้ผ้าคลุมหน้า
ที่อยู่ข้างฝูงแกะของพวกเพื่อนๆ ของท่าน
ผู้ชาย
8 โอ หญิงงามที่สุดในบรรดาหญิงทั้งหลายเอ๋ย ถ้าเธอไม่รู้
ก็จงไปตามรอยเท้าฝูงแกะ
หาทุ่งหญ้าสำหรับลูกแพะของเธอ
ที่ข้างกระโจมของเหล่าคนเลี้ยงแกะ
9 ที่รักของฉันเอ๋ย เธองามราวกับม้าตัวเมีย
ของรถศึกของฟาโรห์
10 แก้มของเธองดงามด้วยเครื่องประดับ
สร้อยลูกปัดคล้องที่คอของเธอ
พวกผู้หญิง
11 เราจะทำเครื่องประดับทองคำ
ซึ่งเสริมแต่งด้วยเงินให้กับเธอ
ผู้หญิง
12 กษัตริย์ของฉันเอนกายอยู่ที่ตั่งของท่าน
และน้ำมันหอมของฉันส่งกลิ่นหอมอบอวล
13 คนรักของฉันหอมเหมือนมดยอบ
ซึ่งวางไว้ตรงหว่างอกของฉัน
14 คนรักของฉันหอมเหมือนช่อดอกเฮนน่า
ในสวนองุ่นที่เอนเกดี
ผู้ชาย
15 ดูเถิด ที่รักของฉันเอ๋ย เธองดงามยิ่งนัก
ดูเถิด เธองดงามยิ่งนัก
ดวงตาของเธอประดุจดวงตาของนกพิราบ
ผู้หญิง
16 ดูเถิด คนรักของฉัน ท่านรูปทรงงามนัก
และช่างเบิกบานจริงเชียว
ที่นอนของเราเป็นสีเขียว
17 คานบ้านของเราเป็นไม้ซีดาร์
หลังคาเป็นไม้สน
พระบุตรยิ่งใหญ่กว่าทูตสวรรค์
1 ในสมัยก่อน พระเจ้าได้กล่าวกับบรรพบุรุษของเราโดยผ่านบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าหลายครั้ง และด้วยวิธีต่างๆ กัน 2 แต่บัดนี้เป็นช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้าย พระองค์ได้กล่าวกับเราโดยผ่านพระบุตรของพระองค์ ผู้ซึ่งพระองค์แต่งตั้งให้เป็นผู้รับสิ่งทั้งปวงเป็นมรดก และพระเจ้าได้สร้างจักรวาลโดยผ่านพระองค์ด้วย 3 พระบุตรเป็นแสงสะท้อนพระบารมีของพระเจ้า และมีคุณสมบัติเหมือนพระองค์ทุกประการ สิ่งทั้งปวงยืนยงอยู่ได้ด้วยคำกล่าวซึ่งมีอานุภาพของพระองค์ เมื่อพระองค์ได้ชำระบาปทั้งปวงแล้ว ก็ได้นั่งอยู่ ณ เบื้องขวาขององค์ผู้ยิ่งใหญ่ในเบื้องสูง 4 พระองค์ได้มาในฐานะที่เหนือยิ่งกว่าบรรดาทูตสวรรค์ เช่นเดียวกับพระนามที่ได้รับจากพระเจ้าซึ่งยิ่งใหญ่กว่านามของทูตสวรรค์
5 พระเจ้าเคยกล่าวกับทูตสวรรค์องค์ใดบ้างว่า
“เจ้าเป็นบุตรของเรา
วันนี้เราประกาศว่า เราเป็นบิดาของเจ้า”[a]
และยังกล่าวอีกว่า
6 และเมื่อพระเจ้านำบุตรหัวปีของพระองค์เข้ามาในโลก พระองค์กล่าวอีกว่า
“ให้บรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้า กราบนมัสการท่าน”[d]
7 และพระเจ้ากล่าวถึงทูตสวรรค์ว่า
“พระองค์บันดาลให้ทูตสวรรค์ของพระองค์เป็นดุจลม
และให้ผู้รับใช้ของพระองค์เป็นดุจเปลวไฟ”[e]
8 แต่มีคำกล่าวถึงพระบุตรว่า
“ข้าแต่พระเจ้า บัลลังก์ของพระองค์จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์กาล
และความชอบธรรมจะเป็นดุจคทาแห่งอาณาจักรของพระองค์
9 พระองค์รักความชอบธรรมและเกลียดความชั่วร้าย
ฉะนั้นพระเจ้า ผู้เป็นพระเจ้าของพระองค์ ได้ให้พระองค์อยู่เหนือมิตรสหาย
โดยเจิม[f]พระองค์ด้วยน้ำมันแห่งความยินดี”[g]
10 และได้กล่าวต่อไปอีกว่า
“ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ในปฐมกาล พระองค์วางฐานรากของแผ่นดินโลก
และฟ้าสวรรค์เป็นผลงานจากฝีมือของพระองค์
11 สิ่งเหล่านี้จะพินาศ แต่พระองค์ยังดำรงอยู่
ทุกสิ่งจะผุพังไปเหมือนกับเครื่องนุ่งห่ม
12 พระองค์จะม้วนสิ่งเหล่านี้เหมือนม้วนเสื้อคลุม
และสิ่งเหล่านี้จะถูกเปลี่ยนเหมือนเปลี่ยนเครื่องนุ่งห่ม
แต่พระองค์คงอยู่เช่นเดิม
และชีวิตของพระองค์จะไม่มีวันสิ้นสุด”[h]
13 พระเจ้าได้กล่าวกับทูตสวรรค์ผู้ใดบ้างว่า
“จงนั่งทางด้านขวาของเรา
จนกว่าเราจะทำให้พวกศัตรูของเจ้าอยู่ใต้เท้า
ดั่งที่วางเท้าของเจ้า”[i]
14 แล้วทูตสวรรค์ทั้งปวงไม่ได้เป็นวิญญาณผู้รับใช้ ที่พระองค์ส่งไปช่วยเหลือพวกที่จะได้รับความรอดพ้นเป็นมรดกหรือ
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation