Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
เลวีนิติ 23

กฎเทศกาลต่างๆ

23 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘เทศกาลที่กำหนดไว้ของพระผู้เป็นเจ้าที่เจ้าจะต้องประกาศว่า เป็นการประชุมอันบริสุทธิ์ เป็นเทศกาลของเราที่กำหนดไว้ มีตามนี้คือ

วันสะบาโต เทศกาลปัสกา เทศกาลขนมปังไร้เชื้อ

เจ้าทำงาน 6 วันได้ แต่วันที่เจ็ดเป็นวันสะบาโตเพื่อพักผ่อนอย่างแท้จริง เป็นการประชุมอันบริสุทธิ์ เจ้าจงอย่าทำงานใดๆ เพราะเป็นวันสะบาโตสำหรับพระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่ใดก็ตาม

เทศกาลอื่นๆ ที่กำหนดไว้ของพระผู้เป็นเจ้า เป็นการประชุมอันบริสุทธิ์ที่เจ้าจะต้องประกาศตามเวลาที่กำหนดสำหรับพวกเขา ในเดือนแรก วันที่สิบสี่ของเดือนเวลาโพล้เพล้เป็นวันปัสกา[a]ของพระผู้เป็นเจ้า วันที่สิบห้าของเดือนเดียวกันเป็นเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ[b]สำหรับพระผู้เป็นเจ้า พวกเจ้าต้องรับประทานขนมปังไร้เชื้อในระยะ 7 วัน ในวันแรกนั้นเจ้าจงมีการประชุมอันบริสุทธิ์ จงอย่าลงแรงทำงาน แต่จงถวายเครื่องสักการะด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้าในระยะ 7 วัน วันที่เจ็ดเป็นการประชุมอันบริสุทธิ์ เจ้าจงอย่าลงแรงทำงาน’”

ผลแรก

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 10 “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘เมื่อพวกเจ้าก้าวเข้าไปในแผ่นดินที่เรามอบให้แก่เจ้า และพวกเจ้าเก็บเกี่ยวพืชผล เจ้าก็จงนำฟ่อนแรกที่เก็บเกี่ยวได้มามอบกับปุโรหิต 11 และเขาจะโบกฟ่อนข้าวขึ้นลง ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าเพื่อให้พวกเจ้าเป็นที่ยอมรับ ปุโรหิตจะโบกฟ่อนข้าวนั้นในวันรุ่งขึ้นหลังจากวันสะบาโต 12 ในวันที่เจ้าโบกฟ่อนข้าว เจ้าก็จงถวายแกะตัวผู้อายุ 1 ปีที่ปราศจากตำหนิ เป็นสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า 13 พร้อมกับเครื่องธัญญบูชาเป็นแป้งสาลีชั้นเยี่ยมหนึ่งส่วนห้าเอฟาห์ผสมกับน้ำมัน ถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า ส่งกลิ่นหอมอันน่าพอใจ และมีเหล้าองุ่นหนึ่งส่วนสี่ฮิน[c]เป็นเครื่องดื่มบูชา 14 พวกเจ้าอย่ารับประทานขนมปังหรือเมล็ดข้าวดิบและข้าวคั่วจนกว่าวันที่เจ้าจะนำเครื่องสักการะของพระเจ้าของเจ้ามาถวาย และจงถือเป็นกฎเกณฑ์ของทุกชาติพันธุ์ของพวกเจ้าไปตลอดกาล ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่ใดก็ตาม

เทศกาลเก็บเกี่ยว

15 หลังจากวันสะบาโตแล้ว เจ้าจงนับให้ครบ 7 สัปดาห์เต็มนับจากวันรุ่งขึ้นอันเป็นวันที่เจ้านำฟ่อนข้าวเป็นเครื่องโบกถวาย 16 ในวันที่ห้าสิบ เป็นวันรุ่งขึ้นหลังจากวันสะบาโตครั้งที่เจ็ด พวกเจ้าจึงนำข้าวใหม่มาถวายเป็นเครื่องธัญญบูชาแด่พระผู้เป็นเจ้า 17 พวกเจ้าจงนำขนมปัง 2 ก้อนจากที่อยู่อาศัยของเจ้าเพื่อโบกถวาย ใช้แป้งสาลีชั้นเยี่ยมหนึ่งส่วนห้าเอฟาห์ใส่เชื้อยีสต์ และอบเป็นผลแรกสำหรับพระผู้เป็นเจ้า 18 และสิ่งที่เจ้าจะถวายกับขนมปังคือลูกแกะตัวผู้ 7 ตัวไม่มีตำหนิอายุ 1 ปี โคหนุ่ม 1 ตัวจากฝูง และแกะตัวผู้ 2 ตัว เป็นสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า พร้อมกับเครื่องธัญญบูชาและเครื่องดื่มบูชา เป็นของถวายด้วยไฟส่งกลิ่นหอมเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า 19 และพวกเจ้าจงถวายแพะตัวผู้เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป 1 ตัว และลูกแกะตัวผู้ 2 ตัวอายุ 1 ปีเป็นเครื่องสักการะแห่งของถวายเพื่อสามัคคีธรรม 20 ปุโรหิตจะโบกสิ่งเหล่านี้ขึ้นลงพร้อมกับขนมปังที่อบจากผลแรกเพื่อเป็นเครื่องโบกถวาย กับลูกแกะ 2 ตัว ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า สิ่งเหล่านี้จะบริสุทธิ์สำหรับพระผู้เป็นเจ้า และจะเป็นของปุโรหิต 21 และพวกเจ้าจงมีการประชุมอันบริสุทธิ์ และประกาศในวันเดียวกันว่าเจ้าจะไม่ลงแรงทำงาน จงถือเป็นกฎเกณฑ์ของทุกชาติพันธุ์ของพวกเจ้าไปตลอดกาล ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่ใดก็ตาม

22 เมื่อพวกเจ้าเก็บเกี่ยวนาของเจ้า อย่าเกี่ยวข้าวจนสุดขอบนา หรือเก็บรวงข้าวที่เกี่ยวตกหล่นไว้หลังจากเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว เจ้าจงทิ้งไว้ให้คนจนและคนต่างด้าว เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า’”

เทศกาลแตรงอน

23 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 24 “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘ในวันแรกของเดือนเจ็ด พวกเจ้าจงพักผ่อนอย่างแท้จริง รำลึกถึงด้วยการเป่าแตรงอน[d] เป็นวันประชุมอันบริสุทธิ์ 25 จงอย่าลงแรงทำงาน และจงถวายเครื่องสักการะด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า’”

วันทำพิธีชดใช้บาป

26 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 27 “วันที่สิบของเดือนเจ็ดนี้เป็นวันทำพิธีชดใช้บาป จะเป็นเวลาประชุมอันบริสุทธิ์สำหรับพวกเจ้า และเจ้าจะต้องงดอาหาร รวมทั้งสิ่งที่ให้ความสุขสำราญ แล้วถวายเครื่องสักการะด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า 28 และอย่าทำงานในวันนั้น เพราะเป็นวันชดใช้บาปเพื่อชดใช้บาปให้แก่พวกเจ้า ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า 29 เพราะว่าถ้าใครไม่งดอาหารและสิ่งที่ให้ความสุขสำราญในวันนั้น จะต้องถูกตัดขาดจากชนชาติของตน 30 และถ้าใครทำงานในวันนั้น เราจะทำให้เขาตายไปจากชนชาติของเขา 31 พวกเจ้าจงอย่าทำงาน และจงถือเป็นกฎเกณฑ์ของทุกชาติพันธุ์ของพวกเจ้าไปตลอดกาล ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่ใดก็ตาม 32 จะเป็นวันสะบาโตให้เจ้าหยุดพักผ่อนอย่างแท้จริง จงงดอาหารและสิ่งที่ให้ความสุขสำราญ เจ้าจงถือกฎวันสะบาโตโดยเริ่มจากเย็นวันที่เก้าของเดือนจนถึงเย็นของวันต่อไป”

เทศกาลอยู่เพิง

33 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 34 “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘วันที่สิบห้าเดือนเจ็ดนี้เป็นเทศกาลอยู่เพิงสำหรับพระผู้เป็นเจ้าเป็นเวลานาน 7 วัน 35 ในวันแรกจงนับว่าเป็นวันประชุมอันบริสุทธิ์ พวกเจ้าอย่าลงแรงทำงาน 36 จงถวายเครื่องสักการะด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้าเป็นเวลา 7 วัน และวันที่แปดพวกเจ้าจงมีวันประชุมอันบริสุทธิ์พร้อมกับถวายเครื่องสักการะด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า นับว่าเป็นวันประชุม จงอย่าลงแรงทำงาน

37 นี่คือเทศกาลต่างๆ ที่กำหนดไว้ของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งพวกเจ้าจะประกาศว่าเป็นวันประชุมอันบริสุทธิ์ เพื่อถวายเครื่องสักการะด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า อันได้แก่สัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย เครื่องธัญญบูชา เครื่องสักการะและเครื่องดื่มบูชาต่างๆ แต่ละสิ่งตามความเหมาะสมของวันและเวลา 38 พวกเจ้าจะมอบเครื่องถวายเหล่านี้แด่พระผู้เป็นเจ้านอกเหนือจากวันสะบาโตสำหรับพระผู้เป็นเจ้า นอกเหนือจากเครื่องบรรณาการ เครื่องสักการะทั้งปวงอันเนื่องมาจากคำสาบานและความสมัครใจ

39 ในวันที่สิบห้าเดือนเจ็ด เมื่อพวกเจ้าเก็บเกี่ยวพืชผลได้จากนา เจ้าจงรักษาเทศกาลสำหรับพระผู้เป็นเจ้าเป็นเวลา 7 วัน ให้วันแรกเป็นวันพักผ่อน และวันที่แปดอีกวันที่เป็นวันพักผ่อน 40 ในวันแรก พวกเจ้าจงเอาผลจากต้นที่งามเด่น กิ่งอินทผลัม กิ่งจากไม้ใบ และหลิวจากธารน้ำ และพวกเจ้าจะยินดี ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าเป็นเวลา 7 วัน 41 พวกเจ้าจงถือเป็นเทศกาลสำหรับพระผู้เป็นเจ้าเป็นเวลา 7 วันต่อปี และจงถือเป็นกฎเกณฑ์ของทุกชาติพันธุ์ของพวกเจ้าไปตลอดกาล จงถือเทศกาลนี้ในเดือนที่เจ็ด 42 เจ้าจงอาศัยอยู่ในเพิง 7 วัน ทุกคนที่เป็นชาวอิสราเอลโดยกำเนิดจะอาศัยอยู่ในเพิง 43 เพื่อทุกชาติพันธุ์ของพวกเจ้าจะได้ทราบว่า เราให้ชาวอิสราเอลอาศัยอยู่ในเพิงเมื่อเรานำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า’”

44 ดังนั้น โมเสสจึงกล่าวแก่ชาวอิสราเอลถึงเรื่องเทศกาลต่างๆ ที่กำหนดไว้ของพระผู้เป็นเจ้า

สดุดี 30

ขอบคุณและสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

เพลงสดุดีของดาวิด เพลงเนื่องในโอกาสอุทิศพระวิหาร

ข้าพเจ้าจะยกย่องพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า
    ด้วยว่า พระองค์ได้ฉุดข้าพเจ้าขึ้นมา
    และไม่ได้ปล่อยให้ข้าพเจ้าเป็นที่สะใจของพวกศัตรู
โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือ
    และพระองค์ก็ได้บำบัดรักษาข้าพเจ้าให้หาย
โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้นำชีวิตข้าพเจ้าให้พ้นจากแดนคนตาย
    และให้ข้าพเจ้ามีชีวิตขึ้นใหม่จากหลุมลึกแห่งแดนคนตาย

ร้องเพลงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด ผู้บริสุทธิ์ของพระองค์เอ๋ย
    และขอบคุณพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์
เพราะความกริ้วของพระองค์เป็นไปเพียงขณะเดียว
    แต่ความโปรดปรานย่อมเป็นไปชั่วชีวิต
การร่ำไห้อาจยาวนานถึงหนึ่งคืน
    แต่ความยินดีย่อมเกิดขึ้นในยามเช้า

และสำหรับข้าพเจ้า ในยามปลอดภัยข้าพเจ้าพูดได้ว่า
    “ข้าพเจ้าจะไม่มีวันหวั่นไหว”
เนื่องจากพระองค์โปรดปราน โอ พระผู้เป็นเจ้า
    พระองค์ได้ทำให้ข้าพเจ้าเป็นดั่งภูเขาแข็งแกร่ง
หากพระองค์ซ่อนหน้าไปเสีย
    ข้าพเจ้าก็หวั่นกลัว

โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าร้องขอต่อพระองค์
    และข้าพเจ้าวิงวอนขอต่อพระผู้เป็นเจ้า
หากว่าข้าพเจ้าลงไปสู่หลุมแห่งแดนคนตาย
    ความตายของข้าพเจ้าทำให้เกิดประโยชน์อะไรได้
ผงธุลีจะสรรเสริญพระองค์หรือ
    มันจะป่าวประกาศความสัตย์จริงของพระองค์หรือ
10 โปรดฟังเถิด พระผู้เป็นเจ้า และเมตตาข้าพเจ้า
    โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดเป็นผู้ช่วยเหลือข้าพเจ้าเถิด

11 พระองค์เปลี่ยนความเศร้าโศกของข้าพเจ้าให้เป็นการเริงรื่น
    พระองค์ปลดผ้ากระสอบของข้าพเจ้าออก
    แล้วสวมความยินดีให้
12 เพื่อว่าจิตวิญญาณข้าพเจ้าจะได้สรรเสริญพระองค์ และไม่เงียบงัน
    โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์ชั่วกาลนาน

ปัญญาจารย์ 6

มีความไม่ยุติธรรมซึ่งข้าพเจ้าเห็นในโลกนี้ และทำให้คนเดือดร้อนมาก พระเจ้ามอบความมั่งมี สรรพสิ่ง และเกียรติให้แก่คนๆ หนึ่ง และให้เขาได้ทุกสิ่งที่เขาต้องการ แต่พระเจ้าไม่ได้โปรดให้เขามีความสุขกับสิ่งเหล่านั้น คนอื่นกลับจะมีความสุขแทน นี่ก็ไร้ค่าและไม่ยุติธรรมนัก ถ้าชายผู้หนึ่งมีบุตร 100 คน และมีอายุยืน ใช้ชีวิตอยู่ได้หลายปี แต่เขาไม่มีความสุขกับสิ่งดีๆ ในชีวิต อีกทั้งยังไม่มีที่ฝังศพ ข้าพเจ้าคิดว่าทารกที่ตายตอนเกิดยังจะดีกว่าคนนั้นเสียอีก เพราะเขาเกิดมาอย่างไร้ความหมายและจากไปในความมืด และชื่อของเขาก็ไม่เป็นที่รู้จักในความมืด ยิ่งกว่านั้นทารกก็ยังไม่ทันได้เห็นแสงตะวันหรือรู้จักสิ่งใด เขาก็ยังพบกับความสงบมากกว่าชายคนนั้น แม้หากว่าชายผู้นั้นมีชีวิตยืนนานนับพันๆ ปี แต่ยังไม่มีความสุขกับสิ่งดีๆ ทั้งสองก็ไปยังที่เดียวกันมิใช่หรือ

การออกแรงตรากตรำของมนุษย์ก็เพื่อปากท้องของเขา แต่ความอยากก็ยังไม่หยุด แล้วคนมีสติปัญญาได้เปรียบมากกว่าคนโง่เขลาอย่างไร แล้วคนยากไร้จะได้ประโยชน์อย่างไร แม้เขาจะรู้จักการใช้ชีวิต การมีความสุขกับสิ่งที่เรามี ดีกว่าเพ้อฝันในสิ่งอื่นที่เราอยากได้ นี่ก็ไร้ค่า และไล่คว้าลม

10 อะไรก็ตามที่เป็นอยู่ ถูกตั้งชื่อไว้แล้ว และเป็นที่ทราบกันแล้วว่ามนุษย์เป็นอย่างไร คือเขาไม่สามารถโต้เถียงกับผู้ที่มีอำนาจมากกว่า 11 ยิ่งมีปากเสียงมาก ยิ่งไร้ค่ามาก และจะได้ประโยชน์อะไรเล่า 12 ใครทราบได้ว่า อะไรดีสำหรับมนุษย์ขณะที่เขามีชีวิตอยู่ชั่วระยะเพียงไม่กี่วันในชีวิตอันไร้ค่าของเขา เขาใช้ชีวิตซึ่งผ่านไปดั่งเงา ใครจะสามารถบอกมนุษย์ได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เขาตายจากโลกนี้ไปแล้ว

2 ทิโมธี 2

ฉะนั้น บุตรของข้าพเจ้าเอ๋ย จงเข้มแข็งโดยพระคุณที่เรามีในพระเยซูคริสต์เถิด จงเอาคำสั่งสอนที่ท่านได้ยินข้าพเจ้าประกาศต่อหน้าพยานหลายคนไปส่งต่อให้กับคนที่ไว้วางใจได้ เขาจะได้เอาไปสอนคนอื่นต่อไปด้วย จงร่วมกันอดทนต่อความยากลำบากกับพวกเราดั่งทหารที่ดีของพระเยซูคริสต์ ไม่มีผู้ใดที่รับใช้เป็นทหาร แล้วจะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของพลเรือน ในเมื่อเป้าหมายของเขาคือ การทำให้ผู้บังคับบัญชาพอใจ ในทำนองเดียวกันคือ นักกีฬาจะไม่ได้รับมงกุฎของผู้มีชัย นอกจากว่าเขาจะแข่งตามกติกา ชาวนาชาวสวนที่ทำงานหนักควรเป็นคนแรกที่รับส่วนแบ่งจากพืชผล จงคิดทบทวนสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดอยู่นี้ เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะช่วยให้ท่านเข้าใจทุกสิ่ง

จงจดจำไว้ด้วยว่าพระเยซูคริสต์ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย สืบเชื้อสายมาจากดาวิด นี่คือข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าประกาศ ข้าพเจ้าจึงทนทุกข์ทรมานอยู่นี้ แม้กระทั่งถูกล่ามโซ่เสมือนเป็นคนร้าย แต่คำกล่าวของพระเจ้าไม่ถูกล่ามไว้ 10 ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงอดทนต่อทุกสิ่งเพื่อคนที่พระเจ้าได้เลือกไว้ พวกเขาจะได้รับความรอดพ้นซึ่งมาจากพระเยซูคริสต์ พร้อมกับพระบารมีอันเป็นนิรันดร์ 11 ข้อความนี้เป็นที่ไว้ใจได้คือ

ถ้าเราตายกับพระองค์
    เราก็จะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ด้วย
12 ถ้าเราสู้ทน
    เราก็จะครองราชย์กับพระองค์ด้วย
ถ้าเราไม่ยอมรับพระองค์
    พระองค์ก็จะไม่ยอมรับเราเช่นกัน
13 ถ้าเราขาดความภักดี
    พระองค์ก็จะยังรักษาคำมั่นสัญญา

เพราะพระองค์จะปฏิเสธความเป็นพระองค์เองไม่ได้

คนงานที่พระเจ้าเห็นดีด้วย

14 จงเตือนพวกเขาถึงสิ่งเหล่านี้ กำชับเขาต่อหน้าพระเจ้าด้วยว่า อย่าวิวาทกันเรื่องคำพูด เพราะไม่มีคุณค่าเลย หากแต่จะทำลายคนที่ฟังเท่านั้น 15 จงปฏิบัติตนให้ดีที่สุดเพื่อพระเจ้าจะได้เห็นด้วยกับท่าน จงเป็นคนงานที่ไม่ต้องอับอาย และสอนคำกล่าวแห่งความจริงอย่างถูกต้อง 16 จงเลี่ยงจากการพูดที่ไร้คุณธรรม เพราะคนที่ยิ่งพูดก็จะยิ่งกลายเป็นคนไร้คุณธรรมมากขึ้น 17 การพูดของเขาจะแพร่ออกไปดังแผลเนื้อร้าย คนพวกนี้ได้แก่ฮีเมเนอัส และฟีเลทัส 18 ที่ได้ละทิ้งความจริงไป เขาพูดว่าการฟื้นคืนชีวิตนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว และเขาได้ทำลายความเชื่อของคนบางคน 19 แต่รากฐานอันมั่นคงของพระเจ้ายังคงยืนหยัด และประทับด้วยคำจารึกไว้ว่า “พระผู้เป็นเจ้ารู้จักผู้ที่เป็นคนของพระองค์”[a] และ “ทุกคนที่รับว่าตนเองเชื่อในพระนามของพระผู้เป็นเจ้าต้องละจากความชั่วร้าย”

20 ในบ้านหลังใหญ่มีภาชนะทั้งที่เป็นทองและเงิน แต่ก็มีที่เป็นไม้และดินด้วย บางชิ้นมีไว้สำหรับโอกาสต่างๆ อันมีเกียรติ และบ้างก็มีไว้สำหรับโอกาสทั่วๆ ไป 21 ทุกคนที่ชำระตัวจากสิ่งเหล่านี้ได้ก็จะเป็นภาชนะสำหรับโอกาสอันมีเกียรติ บริสุทธิ์ และเป็นประโยชน์แก่เจ้าบ้านและพร้อมสำหรับการงานที่ดีทุกอย่าง

22 จงหนีให้พ้นจากกิเลสของความเป็นหนุ่ม และมุ่งมั่นในความชอบธรรม ความเชื่อ ความรักและสันติสุข เช่นเดียวกับบรรดาคนที่ร้องเรียกพระนามของพระผู้เป็นเจ้าด้วยใจบริสุทธิ์ 23 อย่าเกี่ยวข้องกับสิ่งโง่เขลาและการวิวาทที่ไร้สาระ เพราะท่านทราบว่าจะเป็นเหตุให้เกิดการวิวาท 24 และผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าต้องไม่วิวาทกัน แต่ต้องมีใจกรุณาต่อทุกคน สามารถสอนผู้อื่นได้ และอดกลั้นต่อคนประพฤติผิด 25 ตักเตือนฝ่ายตรงข้ามด้วยความอ่อนโยน เผื่อว่าพระเจ้าอาจจะโปรดช่วยให้เขากลับใจเพื่อให้เขาทราบความจริง 26 เขาจะได้มีสติ และพ้นจากบ่วงของพญามารซึ่งได้ครอบงำให้ทำตามความประสงค์ของมัน

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation